บทที่ 13

ธรรมนิพนธ์บางส่วนที่เปิดเผยในคอนสแตนติโนเปิ้ลและเอเดรียโนเปิ้ล

แมทนาวีเย-มูบอแรก

พระบาฮาอุลลาห์ทรงเปิดเผยพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นภาษาเปอร์ เซียนับเป็นผลงานที่สวยงามที่สุดของพระองค์ที่เปิดเผยในเมืองคอน สแตนติโนเปิ้ล พระคัมภีร์นี้ได้เปิดเผยสภาพความเป็นจริงบางอย่าง ของมนุษย์และแสดงถึงว่ามนุษย์จะบรรลุยอดสุดของความรุ่งเรืองได้ อย่างไร พระบาฮาอุลลาห์พรรณนาการเสด็จมาของพระองค์เป็นดั่งการ มาถึงของฤดูใบไม้ผลิที่ให้ชีวิตใหม่แก่โลก เติมหัวใจทั้งหลายของ มนุษย์ด้วยความรักของพระองค์ และแสดงผลอันประเสริฐสุดทั้งหลาย ของคุณความดีและความสมบูรณ์ คุณลักษณะแห่งสวรรค์เหล่านี้ที่ แสดงปรากฏอยู่ในสาวกทั้งหลายมิได้เริ่มต้นมาจากตัวเขาเองทั้งหมด ดังเช่นถ้าปราศจากแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ดวงตาก็จะกลายเป็น อุปกรณ์ที่ไร้ประโยชน์ ถ้าหากไม่มีการปรากฎของพระศาสดาของ พระผู้เป็นเจ้ก็จะไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถบรรลุสู่ความประเสริฐ และธรรมได้ ด้วยแสงสว่างของดวงอาทิตย์แห่งธรรมเหล่านี้ มนุษย์จึง ได้รับการนําทางอย่างคืบหน้าออกจากที่มืดไปสู่แสงสว่าง หัวข้อหนึ่ง ในธรรมนิพนธ์นี้กล่าวไว้ว่าคุณลักษณะทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าได้ แฝงอยู่ในมนุษย์และประทีปของพระองค์สะท้อนอยู่ในตัวเขา กระ นั้นมนุษย์ถูกม่านกําบังไม่ทราบพลังอันประเสริฐนี้ที่แฝงอยู่ในตัวเขา พระบาฮาอุลลาห์ทรงเตือนว่ามนุษย์จะต้องพยายามชําระล้างหัวใจของ เขา คุณลักษณะเหล่านี้จึงจะแสดงปรากฏออกมา ในพระคัมภีร์นี้พระ บาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่ามนุษย์จะไม่สามารถได้รับแสงสว่างของพระผู้เป็นเจ้าในยุคนี้นอกจากเขาจะมองแสงสว่างนั้นด้วยดวงตาแห่งธรรม ดวงตาที่จ้องมองสรรพสิ่งทางโลกจะไม่สามารถเห็นความรุ่งโรจน์ของ การเปิดเผยศาสนาของพระองค์ ดังเช่นตอนหนึ่งใน ?พระวจนะเร้นลับ?

ดูกร บุตรแห่งธุลี จงปิดดวงตาของเจ้าเพื่อว่าเจ้าจะได้เห็นความงามของเรา จงปิดหูของเจ้าเพื่อว่าเจ้าจะได้ฟังความไพเราะของน้ำเสียง ของเรา จงทําตัวเจ้าให้ว่างเปล่าจากความรู้ของเจ้าเพื่อว่าเจ้าจะได้รับความรู้ของเรา…

ในอีกธรรมจารีกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงอธิบายว่านี้คือยุคของดวงตา หูและหัวใจ ทรงเตือนสาวกทั้งหลายให้พยายามได้มาซึ่งสามสิ่งนี้ และ สิ่งกีดขวางเพียงน้อยนิดของดวงตา หูและหัวใจจะสามารถขัดขวาง เขาจากความเข้าใจ ม่านทั้งหลายที่กีดขวางดวงตาแห่งธรรมของมนุษย์ จากพระศาสดาล้วนมาจากโลกทางวัตถุ หนึ่งในม่านกําบังที่โหดร้ายที่ สุดคือประเพณีที่สืบทอดกันมา มนุษย์ที่เกิดมาในประเพณีเหล่านั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นนักโทษอยู่ในกรอบประเพณีตลอดชีวิต ประวัติ ศาสตร์แสดงให้เห็นว่าเมื่อใดก็ตามที่พระผู้เป็นเจ้าแสดงพระศาสดา ให้ปรากฏแก่มนุษยชาติ มนุษย์ทั้งหลายเดินตามบรรพบุรุษและผู้นํา ศาสนาและประณามพระศาสดาองค์ใหม่ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือการถูกต่อต้านของพระเยซูคริสต์ คําสั่งสอนที่สําคัญที่สุดอันหนึ่ง ของพระบาฮาอุลลาห์คือมนุษย์ไม่ควรลอกเลียนผู้อื่นในเรื่องความ ศรัทธา เขาควรค้นหาความจริงด้วยตนเองอย่างอิสระ ม่านกําบังที่ร้าย กาจอีกอันหนึ่งคือความรู้ มนุษย์ที่มีความรู้มากแต่ทะนงตัวได้ปิดสาย ตาของตนเองจากสัจจธรรมโดยไม่รู้ตัว ในปีต้น ๆ ของศาสนาพ่อ ค้าผู้ร่ํารวยและมีความรู้ผู้หนึ่งซึ่งเกลียดชังศาสนาของพระบ๊อบและถือว่าเป็นศาสนานอกรีต หลังจากที่เขาบังเอิญได้มีโอกาสสนทนา กับบาปีคนหนึ่งที่ไร้การศึกษาชื่อฮาชิม คาน เขาได้กล่าวว่า ?ทําไมด้วย ความรู้ทั้งหมดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมิได้เห็นคุณค่าข่าวสารของพระบ๊อบ ในขณะที่ท่านผู้ที่อ่านหนังสือแทบไม่ได้กลับมองเห็นสัจจธรรม? ฮาชิม คาน หยิบทรายขึ้นมาไว้ในกํามือแล้วตอบว่า ?ประชาชนเช่น ข้าพเจ้าไม่มีคุณความดีในสังคม พวกเขาเป็นดั่งทรายในทะเลทราย ที่ไม่มีค่า แต่กระนั้นเมื่อดวงอาทิตย์รุ่งอรุณขึ้นมาในตอนเช้า ทรายเหล่า นั้นคือผู้ที่ได้รับแสงสว่างจากรัศมีดวงอาทิตย์ก่อนใคร ผู้คงแก่เรียน เป็นเหมือนเพชรอันมีค่า เพชรเหล่านั้นถูกเก็บไว้ในกล่องและใส่กุญ แจ เมื่อดวงอาทิตย์ผุดขึ้นมา มันก็ยังคงอยู่ในความมืดมน? คําตอบ ของฮาชิม คาน เป็นคําตอบที่ง่าย ๆ แต่ลึกซึ้ง มันสาธิตให้เห็นว่าเมื่อ ดวงอาทิตย์แห่งธรรมผุดขึ้นมา มนุษย์ที่มีความรู้สูงต้องพยายามเปิด หัวใจและวิญญาณของเขาต่อรัศมีของแสงธรรม

ในแมทนาวีเย-มูบอแรก พระบาฮาอุลลาห์เรียกร้องให้สาวก ทั้งหลายหันมาสู่พระองค์ด้วยความอุทิศและหัวใจอันบริสุทธิ์ และจง พรากตนเองออกจากความผูกพันทางโลก พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าว ไว้ในหลายธรรมจารึกว่าความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดสําหรับมนุษย์คือ การตัดความผูกพันจากทุกสิ่งนอกจากพระผู้เป็นเจ้า แต่ความไม่ผูก พันทางโลกมักเป็นที่เข้าใจผิดว่าเป็นการสละโลก คนหลายกลุ่มหลาย นิกายมีแนวโน้มที่จะปิดตัวเองอยู่ในอารามโดยคิดว่าการปฏิบัติเช่น นี้จะช่วยส่งเสริมจิตวิญญาณ คําสั่งสอนของพระบาฮาอุลลาห์ต่อต้าน การปฏิบัตินี้ หลายคนอาจจะครอบครองทรัพย์สมบัติมากมายแต่กระ นั้นเขาก็มิได้ผูกพันกับทรัพย์สมบัติเหล่านั้น พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้าง โลกและสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกเพื่อให้มนุษย์แสวงหาประโยชน์จากมันโดยมีเงื่อนไขว่า เขาต้องดํารงชีวิตสอดคล้องกับคําสั่งสอนของพระผู้ เป็นเจ้า ในอีกธรรมจารีกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่ามีอุปสรรค 3 อย่างคั่นอยู่ระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับมนุษย์คือการผูกพันอยู่กับโลก นี้ การผูกพันอยู่กับโลกหน้า และการผูกพันอยู่กับอาณาจักรแห่งชื่อ การกระทําของมนุษย์จะสมควรได้รับการสรรเสริญในสายตาของพระ ผู้เป็นเจ้าเมื่อเขาปฏิบัติด้วยความรักในพระองค์และมิใช่ด้วยเหตุผล อื่นใด พระบาฮาอุลลาห์ทรงเป็นพยานสิ่งนี้ในพระคัมภีร์คีตาปี-อัคคัส ?จงปฏิบัติตามบัญญัติของเราด้วยความรักในความงามของเรา? ถ้า การกระทําของมนุษย์มีแรงจูงใจมาจากความต้องการได้รางวัลในโลก หน้ามันคือการผูกพันอยู่กับโลกหน้า การไม่ผูกพันหมายถึงการทํา ทุกอย่างเพื่อพระผู้เป็นเจ้าและไม่แสวงหาสิ่งตอบแทน ผู้ที่มีความรัก อันแท้จริงจะรักผู้เป็นที่รักของเขาโดยไม่มีแรงจูงใจอื่นแอบแฝงหรือ หวังแสวงหาผลประโยชน์ ในอีกด้านหนึ่งบางคนแสวงหาผลประโยชน์ และใช้ศาสนาเป็นเครื่องส่งเสริมความพอใจของเขา การปฏิบัติเช่น นี้เป็นการผูกพันอยู่กับโลกและขัดกับกฎแห่งการสร้างสรรค์ของพระ ผู้เป็นเจ้า สาวกที่หันไปสู่พระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าด้วยความรัก

อันแท้จริง เขาย่อมอดไม่ได้ที่จะละทิ้งประโยชน์และความต้องการของตนเองและแสวงหาเฉพาะความยินดีของพระผู้เป็นเจ้า

พระบาฮาอุลลาห์ทรงตักเตือนสาวกทั้งหลายมิให้ตกเป็นทาส อยู่ในอาณาจักรแห่งชื่อ คุณลักษณะทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าได้รับ การสวมด้วยชื่อต่าง ๆ ตัวอย่างเช่นความเอื้อเฟื้อคือคุณลักษณะหนึ่ง ของพระผู้เป็นเจ้าและแสดงปรากฏอยู่ในมนุษย์ อย่างไรก็ตามบางคนที่ มีคุณลักษณะนี้ได้ภาคภูมิใจและต้องการให้ผู้อื่นรู้จักว่าตนเป็นคน เอื้อเฟื้อ เมื่อประชาชนยอมรับความเอื้อเฟื้อของเขา เขาจะมีความสุข แต่เมื่อความเอื้อเฟื้อของเขาถูกละเลยเขาจะไม่มีความสุขบางคนมีความรู้สูงและต้องการให้ชื่อเสียงของเขาแผ่กว้างเป็นที่รู้จัก หาก ชื่อเสียงแห่งภูมิความรู้ของเขาถูกละเลย เขาจะไม่มีความสุข มนุษย์มัก จะอ้างคุณลักษณะทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้ามาที่ตนเองแทนที่จะอ้างไป ที่พระผู้เป็นเจ้า และเขาใช้คุณลักษณะเหล่านั้นยกย่องอัตตาของตนเอง บางสังคมได้สอนมนุษย์ให้ทะนงในความสําเร็จของตนเอง ตั้งแต่วัย เด็กเขาได้รับการฝึกฝนให้แสวงหาอัตตาและยกย่องตนเอง การเปิด เผยศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์มุ่งหมายที่จะย้อนสิ่งนี้กลับ วิญญาณ ของมนุษย์จําเป็นต้องได้รับการประดับด้วยคุณความดีของการถ่อม ตัวและการไม่ยึดมั่นในตัวตนเพื่อว่าเขาจะไม่ผูกพันอยู่กับอาณาจักร แห่งชื่อ ซึ่งสิ่งนี้เป็นหนึ่งในลักษณะเด่นทั้งหลายของระบบแห่งโลก ของพระบาฮาอุลลาห์ ซึ่งเป็นระบบที่มิได้เก็บอัตตาไว้ในสถาบันทั้งหลาย ของระบบ พระอับดุลบาฮาทรงเป็นตัวอย่างของการไม่ผูกพันนี้โดย การกระทําของพระองค์ ตลอดชีวิตพระองค์ไม่เคยต้องการที่จะยกย่อง ชื่อของพระองค์และเผยแพร่ชื่อเสียงของพระองค์ พระองค์ไม่ชอบ ให้ใครถ่ายรูปของพระองค์ โดยกล่าวว่าการถ่ายรูปเป็นการเน้นตัวตน บรรดาศักดิ์ต่าง ๆ ที่พระบาฮาอลลาห์ทรงประทานให้แก่พระอับดุล บาฮานั้นคือเครื่องชี้บ่งฐานะอันสูงส่งของพระองค์ กระนั้นพระอับดุล บาฮาไม่เคยใช้ชื่อเหล่านั้น พระองค์ทรงใช้เพียงชื่อเดียวคือ ?อับดุล บาฮา? คนรับใช้ของบาฮา)และเร่งเร้าสาวกทั้งหลายให้เรียกพระองค์ เฉพาะชื่อนี้ ดังที่พระองค์พรรณาถึงฐานะของพระองค์ด้วยถ้อยคําเหล่านี้

?ชื่อของเราคืออับดุลบาฮา คุณวุฒิของเราคืออับดุลบาฮา คุณสมบัติอันแท้จริงของเราคืออับดุลบาฮา การเป็นทาสของ พระบาฮาอุลลาห์คือมงกุฎอันรุ่งโรจน์ โชติช่วงของเรา…เราไม่มีชื่อ บรรดา ศักดิ์ การกล่าวถึง การสรรเสริญอื่นใดเว้นแต่อับดุลบาฮา นี่คือความ ปรารถนาของเรา นี้คือความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเรานี้คือชีวิตนิรันดร์ของเรา นี้คือความรุ่งโรจน์อันไม่รู้สิ้นของเรา?

ในแมทนาวเย-มบอแรก ยังกล่าวถึงม่านกําบังระหว่างมนุษย์ กับพระผู้เป็นเจ้าอีกอันหนึ่งคือม่านแห่งอัตตา พระบาฮาอุลลาห์ทรง สั่งสอนให้มนุษย์จุดไฟในวิญญาณของเขาและเผาร่องรอยทั้งหมด ของอัตตา เมื่อมนุษย์พยายามยกย่องตนเอง ใฝ่ฝันที่จะมีชื่อเสียง แท้จริงแล้วเขาได้ต้านกับแผนการสร้างสรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า ถึง แม้ภายนอกเขาจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้มีความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาได้ล้มเหลวที่จะบรรลุจุดประสงค์ที่เขา ถูกสร้างขึ้นมา เมื่อมนุษย์บรรลุสู่ความยิ่งใหญ่อันแท้จริง เขาจะ ยอมรับความหมดหนทาง ความไร้ค่าและความไร้สามารถของตนเอง เมื่อเขาบรรลุสู่ความรู้อันแท้จริง เขาจะพบว่าตนเองเป็นผู้โง่เขลา และเมื่อนั้นเขาจะสามารถแสดงคุณลักษณะทั้งหลายของพระผู้เป็น เจ้าในตัวเขาและส่งทอดไปยังผู้อื่น ซูเรเย-อัชฮอบ

พระบาฮาอุลลาห์ทรงเปิดเผยธรรมจารึกนี้เป็นภาษาอาหรับ เมื่อพระองค์มาถึงเมืองอเดรียโนเปิ้ล เป็นการเปิดเผยความเป็นศาสน ทูตของพระองค์แก่ชาวบาบีทั้งหลายในเปอร์เซีย พระบาฮาอุลลาห์ทรง ให้มีร์ซา ออคอเย-มูนิบเป็นผู้รับธรรมจารึกนี้ และทรงมอบหน้าที่ให้ แก่เขาเป็นผู้เปิดเผยฐานะของพระองค์แก่ชาวบาบีที่เขาพิจารณาว่ามี ความซื่อสัตย์ เพื่อที่จะเห็นคุณค่าของธรรมจารึกนี้ควรที่จะต้องทราบ สถานการณ์ของชาวบาบีในเปอร์เซียในระหว่างนั้น ชาวบาบีทั้งหลาย ที่ได้พบพระบาฮาอุลลาห์ในแบกแดดและตระหนักในอํานาจและความ รุ่งโรจน์ของพระองค์ ได้กลับไปอธิบายความยิ่งใหญ่ของพระองค์ให้เพื่อนบาบีในเปอร์เซียพร้อมกับแสดงพระคัมภีร์ต่าง ๆ ที่พระบาฮา อุลลาห์เปิดเผยเป็นหลักฐาน อย่างไรก็ตามมีชาวบาบีจํานวนน้อยส่วน หนึ่งมีความอิจฉาพระบาฮาอุลลาห์และร่วมมือกับมีร์ซา ยาห์ยอในการก่อ กวนชุมชนบาปีในเปอร์เซีย พวกเขาช่วยกันรายงานเท็จเกี่ยวกับความ ยิ่งใหญ่ของมีร์ซา ยาห์ยอ แพร่ข่าวว่าบทกลอนทั้งหลายที่พระบาฮา – อลลาห์เปิดเผยนั้นมาจากมีร์ซา ยาห์ยอ พระคัมภีร์คีตาบี-อีคานเขียน โดยมีร์ซา ยาห์ยอ และมีร์ซา ยาหยอถูกประทุษร้าย สําหรับชาวบาบีที ได้เคยพบ มีร์ซา ยาห์ยอ ด้วยตนเองไม่มีความสงสัยใด ๆ อีกต่อไปเกี่ยว กับความขี้ขลาด ความไร้สามารถของเขา ส่วนชาวบาบีอีกหลายคน ที่ไม่เคยรู้จักมีร์ซา ยาห์ยอ เกิดความสับสนกับข่าวลืออันชั่วร้ายนี้ ความ สับสนนี้คงอยู่ในชุมชนบาบีในเปอร์เซียจนกระทั่ง มีร์ซา ยาห์ยอได้ ลุกขึ้นรุกรานพระบาฮาอุลลาห์ในอเดรียโนเปิ้ล ความสงสัยเหล่านี้จึง ถูกขจัดไป อีกประการหนึ่งคือการประกาศศาสนาที่สวนริดวันซึ่งพระ บาฮาอุลลาห์ ได้ประกาศต่อท่ามกลางสาวกจํานวนไม่มากนัก และข่าว การประกาศศาสนาครั้งนี้ก็มิได้ติดต่อไปถึงชาวบาบีทั้งหลายในเปอร์ เซีย โดยธรรมจารึกนี้และด้วยความมานะพยายามของเหล่าสาวกคน สําคัญของพระบาฮาอุลลาห์ที่เริ่มออกปฏิบัติงานนี้ในปีค.ศ.1864 และ ใช้เวลาเกือบ 3 ปี ชุมชนบาปทั่วเปอร์เซียจึงได้รับการชะล้างจากอิทธิพล ของมีร์ซา ยาห์ยอ และเข้ามาอยู่ร่วมในศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ ในซูเรเย-อัชฮอบ พระบาฮาอุลลาห์ทรงเคียวเข็ญสาวกทั้งหลายให้ลูก ขึ้นส่งเสริมศาสนาและทรงบัญชาพวกเขามิให้ใช้ดาบในการนําชัย ชนะมาสู่ศาสนา ถ้าหากศัตรูโจมตี พวกเขาต้องเอาชนะศัตรูด้วยอาน ภาพของพระวจนะของพระองค์มิใช่ด้วยการใช้กําลัง ธรรมจารึกถึงอาหมัด (ภาษาอาหรับ)

พระบาฮาอุลลาห์ทรงเปิดเผยสาส์นนี้ประมาณปี ค.ศ.1865 เพื่อ เป็นเกียรติแก่อาหมัด ชาวพื้นเมืองยาซัด อาหมัดเกิดในครอบครัวที่ ร่ํารวยและมีอิทธิพลในเมืองยาซัด ในวัยหนุ่มเขาตั้งความหวังที่จะได้ พบอิหม่ามกาอิมตามพันธะสัญญาและคอยฟังนักบวชทั้งหลายที่อ้าง ว่าได้รับแสงนําทางจากสวรรค์เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ่อและครอบครัวของ อาหมัดซึ่งเป็นมุสลิมหัวดั้งเดิมไม่พอใจพฤติกรรมนี้ของอาหมัดและ พยายามผลักดันให้เขายกเลิกความคิดเหล่านี้ เมื่อรู้ว่าบรรยากาศที่บ้าน เกิดไม่เหมาะต่อการพัฒนาจิตวิญญาณ อาหมัดจึงเดินทางหนีออกจาก บ้านไปประมาณปี ค.ศ.1826 โดยหวังที่จะได้พบอิหม่ามกาอิม เขาเดิน ทางไปยังเมืองต่าง ๆ และไปถึงประเทศอินเดียแต่ก็พบกับความท้อ แท้ใจ ในที่สุดเขาเดินทางกลับมาที่เปอร์เซียและตั้งรกรากอยู่ที่เมือง คาชอนซึ่งเขาได้แต่งงานและประกอบอาชีพทอผ้า หลังจากข่าวการ ประกาศศาสนาของพระบ๊อบแพร่กระจายไปหลายเมืองในเปอร์เซีย อาหมัดได้เดินทางออกสืบถามและได้พบกับมุลลา ซาดิค ที่เมืองมัช ฮัดและยอมรับศาสนาของพระบ๊อบ ก่อนออกจากแบกแดดพระบาฮา อุลลาห์ทรงเลือกสาวกส่วนหนึ่งให้ติดตามพระองค์ไป และให้สาวก คนอื่น ๆ อยู่ในแบกแดดต่อไปรวมทั้งอาหมัด อาหมัดอยู่รับใช้ศาสนา ในแบกแดดด้วยความอุทิศอย่างสูง แต่อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาหัว ใจของเขาทนไม่ได้ที่ไม่ได้อยู่กับพระบาฮาอุลลาห์ เขาจึงเดินทางเพื่อ ไปพบพระองค์ที่อเดรียโนเปิ้ล เมื่อเขาเดินทางมาถึงคอนสแตนติโน เปิ้ลพระบาฮาอุลลาห์ทรงส่ง ?ธรรจารึกถึงอาหมัด? มาถึงเขา หลังจากที่ ได้อ่านสาส์นนี้อาหมัดเข้าใจความประสงค์ของพระบาฮาอุลลาห์และ ยอมสละความปรารถนาของตนเอง เขาเดินทางกลับไปเปอร์เซียเพื่อ สอนศาสนาให้แก่ชุมชนบาปีในเปอร์เซีย ในระหว่างนั้นชุมชนบาง ตกอยู่ในความสับสนและวิปริตอย่างยิ่งซึ่งบางครั้งชาวบาบีไม่เป็นมิตรกับสาวกที่พระบาฮาอุลลาห์ส่งมา ครั้งหนึ่งอาหมัดพูดถึง ?พระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ปรากฏ? กับมุลลา มีร์ซา โมฮัมหมัดเอา หมัดถูกเขาทําร้ายจนฟันหัก แต่เมื่ออารมณ์ของเขาสงบลงอาหมัด ได้เปิดธรรมนิพนธ์ของพระบ๊อบและแสดงข้อพิสูจน์ในตัวพระบาฮา อุลลาห์จนเขายอมรับพระองค์ ในตอนหนึ่งของ ?ธรรมจารึกถึงอา หมัด? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวถึงข้อพิสูจน์ในความเป็นศาสนทูต ของพระองค์นั้นคือพระวจนะของพระองค์เอง :

?ดูกร ประชาชน หากเจ้าปฏิเสธบทกลอนเหล่านี้ ด้วยข้อพิสูจน์ ใดที่แสดงว่าเจ้าเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า ดูกร ผู้ผิดพลาดทั้ง หลาย จงเขียนขึ้นมา ไม่ โดยพระผู้ซึ่งดวงวิญญาณของเรา อยู่ในมือของพระองค์ พวกเขาไม่สามารถและจะไม่มีวันสามารถทําสิ่งนี้ได้ถึงแม้พวกเขาจะร่วมมือช่วยเหลือกัน?

ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์อย่างเพียงพอถึงอานุภาพของพระวจนะของ ศาสนทูตทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า พระโมเสสผู้ซึ่งมีความต่ำต้อย และหมดหนทางในสายตาของฟาโรห์ แต่ด้วยพระวจนะของพระโมเสส พระองค์ได้เอาชนะกําลังของผู้กดขี่และเปลี่ยนแปลงเด็ก ๆ ทั้งหลาย ของอิสราเอล พระคริสต์ถูกตําหนิเนื่องจากพระองค์ประกาศข่าวสาร ใหม่และถูกตรึงไม้กางเขน อย่างไรก็ตามพระวจนะของพระองค์ได้ ทะลุทะลวงไปในโลกตะวันตก เปลี่ยนหัวใจคนนับล้านและปัดกวาด มาตรฐานของจักรวรรดิโรมันออกไปและเพาะอารยธรรมใหม่ เข้ามา แทนที่ ในทํานองเดียวกันพระวจนะของพระโมฮัมหมัดได้เปลี่ยนรูป โฉมและความประพฤติอันป่าเถื่อนของชาวอาหรับ การศึกษาศาสนา ของพระบาฮาอุลลาห์จะสาธิตให้เห็นอํานาจของพระวจนะของพระองค์ และเราสามารถเป็นพยานอานุภาพสร้างสรรค์ของพระวจนะของพระ องค์ในปัจจุบัน ในพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัส พระบาฮาอุลลาห์ทรงบัญ ชาสาวกทั้งหลายให้ก่อตั้งธรรมสภาท้องถิ่นในทุกเมือง คําบัญชานี้ที่ เขียนไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้วโดยนักโทษเมืองอัคคาได้มีอิทธิพลต่อ หัวใจของบุรุษและสตรีจํานวนเป็นพัน ๆ ผู้มาจากภูมิหลังต่าง ๆ มา จากระดับสังคมต่าง ๆ พวกเขาได้เดินทางออกจากบ้านเกิดกระจาย กันออกไปทั่วโลก ทนความทรมานและความทุกข์ยากมากมายเพื่อที่ จะก่อตั้งสถาบันเหล่านี้ นี่คืออานุภาพของพระวจนะของพระผู้เป็น เจ้าที่กล่าวโดยพระบาฮาอุลลาห์

ข้อพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งของศาสนทูตของพระผู้เป็นเจ้าคือ ลักษณะที่พระองค์ได้เหนียวนําชักจูงสังคม สิ่งนี้เป็นปรากฏการณ์พิ เศษเฉพาะที่ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทําได้ ขอให้เราพิจารณาดูว่า มนุษย์สามารถขึ้นมาเป็นผู้นําและทําให้ผู้อื่นติดตามตนได้อย่างไร ตัว อย่างเช่นผู้ปกครองที่กดขี่ที่ใช้อํานาจปราบปรามประชาชนทั้งหลาย ให้อยู่ภายใต้การเป็นผู้นําของเขา ประชาชนจะยังคงอยู่ล้อมรอบเขา ตราบใดที่เขายังครองอํานาจ เมื่อเขาหมดอํานาจลงบรรดาผู้ที่ติดตาม เขาจะแตกกระจายไป ในทํานองเดียวกันผู้ที่มีความมั่งคั่งร่ํารวยและ แจกจ่ายความร่ํารวยของเขาให้แก่ประชาชนก็สามารถขึ้นเป็นผู้นําได้ ตราบใดที่เขายังใช้ทรัพย์สมบัติค้ําจุนประชาชนเหล่านั้นก็จะยังคงมี ผู้คนมาล้อมรอบเขาอยู่ ผู้ที่มีตําแหน่งในสังคมและเป็นที่นิยมของ ประชาชนอาจพบว่าเขาเป็นศูนย์กลางดึงดูดผู้ที่ชื่นชมเขา และโดย เฉพาะอย่างยิ่งผู้นําศาสนาทั้งหลายที่เป็นผู้นําของประชาชนโดยการ สอนสิ่งที่ประชาชนเชื่ออยู่แล้ว หากเขาสอนประชาชนในสิ่งใหม่ไป จากเดิมและยังคงขึ้นกระทําอยู่ เขามีหวังที่จะถูกขับไล่ออกไปจาก ตําแหน่ง จากตัวอย่างเหล่านี้ทั้งหมด ผู้นําทั้งหลายต้องอาศัยการปฏิบัติการทางโลกเพื่อที่จะสามารถมีอิทธิพลต่อประชาชน การปฏิบัติการทาง โลกเหล่านั้นอาจเป็นอํานาจทางโลก ความมั่งคั่ง ตําแหน่งทางสังคม ตําแหน่งผู้นําศาสนาหรืออื่น ๆ อย่างไรก็ตามศาสนทูตทั้งหลายของ พระผู้เป็นเจ้ามิได้มีสิ่งเหล่านี้ พระคริสต์ได้สอนศาสนาโดยมิได้มีความ มั่งคั่งหรืออํานาจใด ๆ ทางโลก พระองค์สอนศาสนาใหม่ให้แก่ชาวยิว ซึ่งไม่เป็นที่พอใจแก่พวกเขาจนพระองค์ถูกตรึงไม้กางเขน กระนั้น มีอานุภาพลึกลับทะลุทะลวงหัวใจของสาวกทั้งหลายของพระองค์ และพวกเขาช่วยกันก่อตั้งศาสนาของพระองค์ไปกว้างไกล ในทํา นองเดียวกันศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ ได้แพร่กระจายออกไปโดย อานุภาพของพระวจนะของพระองค์ ถึงแม้พระองค์จะอยู่ในฐานะ นักโทษและผู้ถูกเนรเทศเป็นเวลา 40 ปีภายใต้สภาพแวดล้อมอันโหดร้าย พระองค์ก็ไม่เคยแสวงหาความช่วยเหลือจากใคร ไม่เคยประนีประ นอมหรือใช้วิธีทางโลกในการสถาปนาศาสนาของพระองค์ แม้จะมีการ ต่อต้านศาสนาของพระองค์อย่างรุนแรง แสงธรรมของพระองค์ก็ได้ แพร่กระจายไปยัง 13 ประเทศในช่วงเวลาที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่และ ยังคงแพร่กระจายไปทั่วโลกในปัจจุบัน ความสําเร็จเหล่านี้ได้ทํานาย ถึงชัยชนะของศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์และการสถาปนามันเป็น ศาสนาที่ห้อมล้อมมนุษยชาติทั้งหมดเมื่อครบกําหนดเวลา พระผู้เป็นเจ้า ทรงกําหนดช่วงเวลาไว้ให้สําหรับแต่ละศาสนา ในระหว่างนั้นแต่ละ ศาสนาได้มีอิทธิพลชักจูงมนุษย์ ยกระดับศีลธรรมและช่วยพัฒนาความ เจริญทางวัตถุไปพร้อมกัน แต่เมื่อพระผู้เป็นเจ้าแสดงศาสนทูตองค์ ใหม่ให้ปรากฏแก่มนุษยชาติ อิทธิพลของศาสนาเก่าจะจางลงและ ลดถอยประสิทธิภาพลง ประชาชนจะไม่มีความกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติ ตามกฎบัญญัติต่างๆ ของศาสนาเก่าด้วยอํานาจและแรงดลใจโดยพระวจนะของพระบาฮาอุลลาห์ พระองค์ได้ทรงประทานความแข็งแกร่งและความสามารถให้แก่อา หมัด อาหมัดและสาวกอีกหลายคนได้เดินทางไปทั่วเปอร์เซียเพื่อกระ ตุ้นพลังจิตและให้ชีวิตแก่เพื่อนสาวกทั้งหลาย พระบาฮาอุลลาห์ทรง เตือนสาวกทั้งหลายให้สอนศาสนาด้วยความรอบคอบระมัดระวังและ หลีกเลี่ยงการปลุกเร้าพวกบ้าคลั่งศาสนา กระนั้นก็ดีเมื่อพวกเขาถูก ศัตรูศาสนาประหัตประหาร ความมั่นคงแน่วแน่ของพวกเขาก็มิได้ สั่นคลอน เป็นสิ่งที่ยากที่จะจินตนาการว่าพระผู้เป็นเจ้าต้องการความ ศรัทธาและความมั่นคงแน่วแน่ในระดับที่สูงกว่าที่พระบาฮาอุลลาห์ทรง เปิดเผยไว้ใน ?ธรรมจารึกถึงอาหมัด? ด้วยวจนะเหล่านี้

?เจ้าจงมั่นคงแน่วแน่อยู่ในความรักของเรา เพื่อว่าหัวใจของ เจ้าจะไม่หวั่นไหวถึงแม้ดาบทั้งหลายของศัตรูจะกระหน่ํามา ยังเจ้า และสวรรค์ทั้งหมดและโลกจะลุกขึ้นต่อต้านเจ้า?

ด้วยวจนะเหล่านี้พระองค์ ได้ซึมซาบพลังจิตใหม่ให้แก่สาวก ทั้งหลายของพระองค์ สาวกมากมายของพระบาฮาอุลลาห์ ได้ลุกขึ้น ส่งเสริมศาสนาของพระองค์ด้วยอํานาจของพระวจนะของพระองค์ ตัวอย่างของวีระบุรุษเหล่านี้ได้แก่

ฮาจี อับดุล-มาจิด (อาบอ บาดี) ผู้เป็นสาวกของศาสนาใหม่ นี้ตั้งแต่สมัยของพระบ๊อบ เขาเป็นบุคคลที่มั่งคั่งและได้รับการสอน ศาสนาโดยมุลลา ฮุสเซน เขาคือคนหนึ่งที่ร่วมอยู่ในการต่อสู้ที่ป้อม เชค ทาบาซีและรอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนั้น ในระหว่างทางที่มุ่งไปยัง ป้อมเชค ทาบาซี มุลลา ฮุสเซนได้สั่งให้เพื่อนบาบีทุกคนทิ้งทรัพย์ สมบัติที่มีติดตัวมาให้หมดยกเว้นดาบและม้า อาบอ บาดีซึ่งมีพลอย อันมีค่าอยู่เต็มกระเป๋าได้โยนกระเป๋านั้นทิ้งไป เมื่อข่าวการประกาศ ศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์มาถึงเขา เขายอมรับพระองค์ด้วยความ ยินดีและรับใช้ศาสนาด้วยความอุทิศอย่างสูง ความกระตือรือล้นที่อาบอ บาดีสอนศาสนาในเมืองมัชฮัดได้กระตุ้นความเกลียดชังให้แก่ศัตร ศาสนาในไม่ช้า ยิ่งกว่าใครคือพี่น้องของเขาเองซึ่งรายงานกิจกรรม ของเขาไปยังนักบวชผู้หนึ่งคือเชค โมฮัมหมัด ตาคี ต่อมาศัตรูตัว ฉกาจของศาสนาคือเชค โมฮัมหมัด บอเคอร์แห่งเมืองอิสฟาฮัน (พระ บาฮาอุลลาห์ทรงประณามเขาว่าเป็นสุนัขป่า) ได้เดินทางมาถึงมัซฮัดและ ออกคําสั่งให้อาบอ บาดื่มาพบเขา เมื่ออาบอ บาคีไม่สนใจคําสั่ง เขา ได้ร่วมมือกับ เชค โมฮัมหมัด ตาคี ยื่นคําร้องไปยังเจ้าเมืองแห่งครา ซอนให้ประหารชีวิตอาบอ บาคี เจ้าเมืองไม่เต็มใจที่จะทําร้ายบาไฮศาสนิกชน แต่ไม่สามารถต้านทานความกดดันจากนักบวชได้จึงออกคําสั่งจับ กุมอาบอ บาดี ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 85 ปีมาไว้ภายใต้อารักขาของเขา และหยุดเรื่องไว้แค่นั้น ฝ่ายนักบวชไม่พอใจจึงฟ้องร้องไปยังกษัตริย์ นาเซริดิน ชาห์ และกษัตริย์ชาห์ออกคําสั่งให้ปล่อย อาบอ บาดี ได้ที่ ต่อเมื่อเขาถอนตัวออกจากศาสนาใหม่ อย่างไรก็ตามเจ้าเมืองได้ใช้ อุบายถ่วงไว้และไม่ทําอะไรอาบอ บาดี เชค โมฮัมหมัด บอเกอร์หมด ความอดทนต่อกลอุบายของเจ้าเมืองจึงฟ้องร้องไปยังกษัตริย์ชาห์อีก ครั้ง คราวนี้มีคําสั่งให้ปลดปล่อย อาบอ บาดีหากเขาถอนตัวออกจาก ศาสนาใหม่และถ้าไม่เช่นนั้นให้จัดการตามกฎของศาสนา เจ้าเมือง ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยชีวิตอาบอ บาดีจึงส่งผู้มีชื่อเสียงสองคนไป พูดกับอาบอ บาดี ขอให้ถอนตัวออกจากศาสนาใหม่ อาบอ บาดียืน หยัดด้วยความมั่นคงและเด็ดเดี่ยว ความรักของพระบาฮาอุลลาห์ ได้ กระตุ้นหัวใจเขาจนเขาไม่มีความกลัวอีกต่อไป เขาตอบว่าเขาเตรียม พร้อมที่จะสละชีวิต เจ้าเมืองยังไม่ละความพยายามและส่งบุคคลสําคัญ ในเมืองอีก 12 คนไปช่วยพูดกับอาบอ บาดีในเวลาต่างๆ กันแต่ก็ ล้มเหลว ในที่สุดเจ้าเมืองไม่มีทางเลือกจึงต้องดําเนินตามคําสั่ง อาบอ บาดีถูกนําตัวออกมาท่ามกลางการเย้ยหยันดูถูกของฝูงชนผู้ไม่เป็นมิตร เมื่อเขามาถึงสํานักของเจ้าเมือง เชค โมฮัมหมัด บอเคอร์ พด กับเขาว่า ?เราไม่มีความสงสัยอีกต่อไปว่าเจ้าคือบาไฮ แต่ถ้าเจ้าไม่ใช่ เจ้าต้องประณามผู้ก่อตั้งศาสนาใหม่เดี๋ยวนี้? อาบอ บาดีไม่ทําตาม เชค โมฮัมหมัด บอเคอร์ถามต่อว่า ?มีอะไรผิดปกติกับอิสลามหรือ เจ้า จึงไปเป็นบาไฮ? อาบอ บาดีพูดเกี่ยวกับความเชื่อของบาไฮและปิด ท้ายว่าแก่นของอิสลามได้ร่วมอยู่ในศาสนาบาไฮ เจ้าเมืองได้วิงวอน อาบอ บาดี ให้ปฏิบัติตามคําสั่งของนักบวชแต่เขาก็ยังคงปฏิเสธ ใน ที่สุดเชค โมฮัมหมัด บอเคอร์สั่งให้นําอาบอ บาดีไปประหารชีวิต เจ้า เมืองหวังว่าสถานที่ทําการประหารชีวิตที่โหดเหี้ยมจะทําให้ อาบอ บาดี ตกใจกลัวจึงได้ส่งคนไปวิงวอน อาบอ บาดีอีกครั้งเมื่อจวนจะถึงเวลา ประหารชีวิต แต่อาบอ บาดีก็ยังมั่นคงแน่วแน่ในศาสนา ไม่ว่าการโห่ร้อง การดูถูกของประชาชนหรือภาพของเพชฌฆาตที่น่ากลัวก็ไม่สามารถ ทําให้เขาหวั่นไหวได้ เขาปรารถนาที่จะเห็นวิญญาณกลับไปสู่พระผู้ เป็นเจ้า ในที่สุดเมื่อได้รับสัญญาณ เพชฌฆาตได้ลงมือฟันอย่างรุนแรง ครั้งเดียว ร่างของอาบอ บาดีแบะออกตั้งแต่คอจนถึงเอว หัวของเขา ถูกตัดไปประจาน ร่างของเขาถูกลากไปตามถนนและไปทิ้งไว้ที่โรง เก็บศพ พวกอันธพาลทั้งหลายได้ขัดขวางลูกสาวและครอบครัวของ อาบอ บาดี ไม่ให้มานําศพไป ฝูงชนได้ขว้างก้อนหินใส่พวกเขาจน ลูกสาวของอาบอ บาด ถูกบังคับให้ถอยกลับไป ภายหลังเพื่อนสาวก ทั้งหลายได้วางแผนไปนําศพของอาบอ บาดื่มาได้

อีกคนหนึ่งคือ อาลี อัคบาร์ แฮคคัก ชายหนุ่มรูปงามแห่งเมือง ยาซด์ เขาแต่งงานและมีลูกชายคนหนึ่งอายุ 4 ขวบ ภายหลังข่าวการ ต่อสู้ที่เนริซมาถึงเมืองยาซด์ อาลี อัคบาร์ ได้เดินทางไปเยี่ยมสถานที่ การต่อสู้อันเป็นประวัติศาสตร์ที่วาฮิดและเพื่อนบาปได้ยืนหยัดไว้ เขา กลับมาเมืองยาซด์ด้วยความกระตือรือล้นและสอนศาสนาจนกระทั่งประณาม ครั้นแล้วเจ้าเมืองยาซัดได้จับกุมเขาด้วยข้อหาเป็นคน บอกรีตและรายงานไปยังเมืองเตหะรานเพื่อขอคําสั่ง คําสั่งจากเตหะรานมีมา ว่าใครก็ตามที่เป็นบาบีสมควรถูกประหารชีวิต คําสั่งนี้ได้มอบอํานาจ เต็มที่ให้กับเจ้าเมือง เช้าวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ.1852 อาลี อัคบาร์ ถูกจับตัวมาที่สํานักของเจ้าเมืองเพื่อสัมภาษณ์ ถึงแม้ประชาชนเมือง ยาซ์ดจะมีอคติต่อศาสนาใหม่ กระนั้นก็ตามพวกเขามีความยกย่องอาลี อัคบาร์ด้วยคุณลักษณะและชื่อเสียงของเขา พวกเขาพยายามทุกอย่าง เพื่อให้อาลี อัคบาร์ปริปากถอนตัวออกจากศาสนา เจ้าเมืองเดือดที่เขา ยังคงยืนกรานไม่ถอนตัวและสั่งให้ผู้คุมนําเขาไปประหารชีวิตโดยยิ่ง ออกจากปากกระบอกปืนใหญ่ และแล้วผู้คุมนําตัวอาลี อัคบาร์พร้อม กับเพชรฆาตไปที่จัตุรัสท่ามกลางฝูงชนที่มาเฝ้าดูมากมาย ด้วยความ ตั้งใจจริงของผู้คุมที่จะช่วยชีวิตอาลี อัคบาร์ เขานําอาลี อัคบาร์ไป มัดติดกับปากกระบอกปืนใหญ่โดยมิได้บรรจุดินปืนเพื่อหวังจะ ให้อาลี อัคบาร์ตื่นกลัวและถอนตัวออกจากศาสนาใหม่ อาลี อัคบาร์ ถูกมัดติดอยู่กับปากกระบอกปืนใหญ่อยู่เป็นเวลานานอย่างเงียบสงบ ไม่มีท่าทางหวาดกลัวแม้แต่น้อยและเพชรฌฆาตก็แกล้งทําเป็นปรับ ปืนเพื่อเตรียมยิง ในระหว่างนั้นผู้คุมได้เข้ามาเร่งเร้าให้เขาถอนตัว ออกจากศาสนาแต่เขาปฏิเสธอย่างสงบและไม่แสดงความตกใจแต่ อย่างใด เมื่อประสบความล้มเหลวผู้คุมได้สั่งให้เพชรฆาตแก้มัดอาลี อัคบาร์และเข้ามาคุยกับเขา แสดงความเห็นอกเห็นใจ เขาเร่งเร้าอาลี อัคบาร์ครั้งแล้วครั้งเล่าให้ถอนตัวออกจากศาสนาแต่ก็ไม่บังเกิดผล ใน ที่สุดมีความคิดใหม่ผุดขึ้นมา ผู้คุมไปนําตัวภรรยาและลูกของอาลี อัคบาร์มา ภรรยาของเขาร้องไห้อย่างขมขึ้นต่อหน้าเขา และกล่าว ว่า ?ฉันจะทําอะไรหากปราศจากเธอ? อาลี อัคบาร์หันหลังให้เธอและไม่ตอบคําถาม ภรรยาและลูกของเขามายืนที่หน้าเขาและก้มลงวิงวอนที่แทบเท้า อาลี อัคบาร์ยังคงเงียบและหันหนีไป ลูกชายวัย 4 ขวบวิ่ง มาจับชายเสื้อของเขาและร้องว่า ?พ่อ พ่อ ทําไมพ่อหันหน้าไปจาก ผม พ่อไม่รักผมแล้วเหรอ? ถ้อยคําอันเสียดแทงหัวใจนี้ต้องไหวความ รู้สึกของอาลี อัคบาร์มากกว่าสิ่งอื่นใด เขาหันหน้าขึ้นฟ้าเหมือนกับ จะทนไม่ได้ ดูเหมือนว่าเขากําลังพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า ?ข้าแต่พระ ผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนพระองค์ให้ละเว้นข้าพเจ้าจากการถูกชัก จูงอีกต่อไป? เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ขึ้นไปสู่สุดยอดของความเจ็บปวด ประชาชนที่เฝ้าดูอยู่ถูกครอบงําด้วยความทุกข์โศกและเห็นใจ ผู้คุม เองถึงกับน้ำตาไหล ความมั่นคงแน่วแน่ของอาลี อัคบาร์ทําให้เขา ถูกจับไปมัดติดกับปากกระบอกปืนใหญ่อีกครั้ง ลูกชายเขาร้องไห้ และพยายามวิ่งเข้าไปหาเขาแต่ถูกกีดกันไว้ สุดท้ายในใหญ่ได้ยิ่ง ออกไปและร่างของอาลี อัคบาร์ แตกกระจายเป็นเศษลอยไปในอากาศ

บาไฮศาสนิกชนมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอิหร่านได้ ทนการประหัตประหารเรื่อยมาเป็นเวลาเกือบ 150 ปี นับแต่เริ่มต้น ศาสนาจนถึงปัจจุบัน พวกเขากําลังเป็นพยานต่ออํานาจของพระวจนะ เหล่านี้ของพระบาฮาอุลลาห์

?เจ้าจงมั่นคงแน่วแน่อยู่ในความรักของเรา เพื่อว่าหัวใจของ เจ้าจะไม่หวั่นไหวถึงแม้ดาบทั้งหลายของศัตรูจะกระหน่ํามายังเจ้า และ สวรรค์ทั้งหมดและโลกจะลุกขึ้นต่อต้านเจ้า? สาส์นถึงสุลต่านอับดุล อาซีส (The Proclammation of Baha’ullah, p. 46-54)

การอ่านสาส์นนี้ถึงแม้เพียงคร่าว ๆ ก็สามารถทําให้เราตระ หนักถึงอํานาจและความเป็นศาสนทูตของพระบาฮาอลลาห์ เพราะ ใครอื่นใดหรือหากไม่ใช่ศาสนทูตของพระผู้เป็นเจ้าที่สามารถเขียนสาส์นลักษณะนี้ถึงกษัตริย์ผู้ที่พระองค์กําลังเป็นนักโทษอยู่ในเงื้อมมือของเขา

ดูกร กษัตริย์ จงฟังคําพูดของพระผู้ทรงตรัสสัจจธรรม พระผู้ ซึ่งมิได้ขอให้เจ้าชดเชยพระองค์ในสิ่งทั้งหลายที่พระผู้เป็นเจ้าทรง ประทานให้แก่เจ้า พระผู้ซึ่งอยู่บนหนทางตรงอย่างไม่ผิดพลาด พระองค์คือผู้ที่เรียกเจ้าให้มาหาพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้แสดงวิถีที่ถูกต้องแก่เจ้า ซึ่งเป็นหนทางที่นําไปสู่ความสุขที่แท้ จริงเพื่อว่าบางทีเจ้าอาจจะเป็นเช่นบรรดาผู้ที่จะได้รับความดี

ดูกร กษัตริย์ จงระวังอย่ารวบรวมรัฐมนตรีทั้งหลายที่เดินตาม ความปรารถนาอันเสื่อมทรามไว้รอบตัวเจ้า รัฐมนตรีที่ปัดสิ่งที่ได้มอบ หมายไว้ให้แก่พวกเขาไปข้างหลัง และไม่ซื่อสัตย์ต่อความรับผิดชอบ ของพวกเขาอย่างชัดแจ้ง จงปรึกษากับพวกเขาและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดใน สายตาของเจ้าและองเป็นเช่นบรรดาผู้ที่ปฏิบัติด้วยความเอื้อเฟื้อ

เจ้าจงรู้ไว้อย่างแน่นอนว่าใครก็ตามที่ไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า คือผู้ที่ไว้ใจไม่ได้และไม่มีความสัตย์ แท้จริงแล้วนี้คือความจริง และเป็นความจริงที่ไม่มีข้อสงสัย ผู้ที่ทรยศต่อพระผู้เป็นเจ้าจะทรยศ ต่อกษัตริย์ของเขาด้วย ไม่มีสิ่งใดสามารถกีดขวางบุคคลดังกล่าว จากความชั่วร้าย ไม่มีสิ่งใดสามารถกีดขวางเขามิให้ทรยศเพื่อนบ้าน ไม่มีสิ่งใดสามารถชักนําเขาให้เดินด้วยความซื่อตรง

จงมีความเอาใจใส่ เพื่อว่าเจ้าจะไม่ส่งมอบบังเหียนธุรกิจทั้ง หลายของประเทศของเจ้าไว้ในมือผู้อื่น จงอย่าไว้ใจรัฐมนตรีทั้งหลายที่ ไม่คู่ควรแก่การไว้วางใจของเจ้า และจงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ที่อยู่ใน ความไม่เอาใจใส่ จงออกห่างจากบรรดาผู้ที่หันหัวใจของเขาไปจาก เข้า จงอย่าไว้ใจพวกเขาและจงอย่ามอบหมายธุรกิจทั้งหลายของเจ้า และของผู้ที่จงรักภักดีต่อเจ้าให้กับพวกเขา จงระวังอย่ายินยอมให้สุนัขป่ามาเป็นผู้เลี้ยงฝูงแกะของพระผู้เป็นเจ้า และจงอย่ามอบชะตา ของบรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์ไว้กับความปรานี้ของผู้ประสงค์ร้าย จงอย่าคาดว่าผู้ที่ฝ่าฝืนเทศบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้ที่ไว้ใจ ได้หรือมีความจริงใจในความจงรักภักดีที่เขาแสดง จงหลีกเลี่ยงจาก พวกเขาและจงเฝ้าระวังตัวเจ้าเองอย่างเข้มงวดเพื่อมิให้อุบายและ ความชั่วร้ายของพวกเขาทําร้ายเจ้า จงหันหนีไปจากพวกเขาและ จงตรงสายตาของเจ้าไปยังพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ ทรงความศิริรุ่งโรจน์ พระผู้ทรงกรุณาสูงสุด ผู้ที่สละตัวเขาเองทั้ง หมดให้แก่พระผู้เป็นเจ้า จงวางใจได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะอยู่กับเขา และผู้ ที่วางใจในพระผู้เป็นเจ้าโดยสมบูรณ์ โดยแท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าจะ ทรงปกป้องเขาจากสิ่งใดก็ตามที่จะทําร้ายเขา และจงทรงป้องกันเขา จากความเลวทรามของผู้วางแผนที่ชั่วร้ายทุกคน

หากเจ้าโน้มหูมายังคําพูดของเราและปฏิบัติตามคําปรึกษา ของเรา พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยกเจ้าขึ้นสู่ตําแหน่งที่เหนือธรรมดาอย่างที่ แผนต่าง ๆ ของมนุษย์ทั่วทั้งโลกไม่สามารถแตะต้องหรือทําร้ายเจ้า ได้ ดูกร กษัตริย์ จงปฏิบัติตามหลักศีลธรรมของพระผู้เป็นเจ้าด้วย หัวใจส่วนลึกที่สุดของเจ้าและด้วยชีวิตทั้งหมดของเจ้า และจงอย่าเดิน ในหนทางของผู้กดขี่ เจ้าจงกุมบังเหียนของธุรกิจทั้งหลายของประ ชาชนอย่างแน่นไว้ในกํามือแห่งอํานาจของเจ้า และจงตรวจสอบสิ่งที่ เกี่ยวข้องกับธุรกิจเหล่านั้นด้วยตัวเจ้าเอง จงอย่าให้สิ่งใดรอดพ้น ไปจากเจ้าเพราะดังกล่าวนี้คือความดีอันสูงสุด

จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเลือกเจ้าจากโลกทั้งหมดและ ทรงให้เจ้าเป็นกษัตริย์ของบรรดาผู้ที่จงรักภักดีต่อเจ้า เป็นการเหมาะ สมที่เจ้าจะสํานึกบุญคุณของพระกรุณาอันวิเศษที่พระผู้เป็นเจ้าทรงค์ จุนเจ้า และจงยกย่องพระนามของพระองค์ตลอดไป เจ้าสามารถสรรเสริญพระองค์องค์ได้ดีที่สุดถ้าเจ้ารักบรรดาผู้เป็นที่รักทั้งหลายของพระองค์ ปกป้องและคุ้มครองคนรับใช้ทั้งหลายของพระองค์จากความชั่วร้ายของคนทรยศ เพื่อว่าจะไม่มีใครกดขี่พวกเขาอีกต่อไป ยิ่งไป กว่านั้นเจ้าควรลุกขึ้นบังคับใช้กฎของพระผู้เป็นเจ้าในหมู่พวกเขา เพื่อ ว่าเจ้าอาจจะเป็นเช่นบรรดาผู้ที่ตั้งมั่นในกฎของพระองค์

หากเจ้าทําให้แม่น้ำแห่งความยุติธรรมแผ่นออกไปในหมู่ข้า – แผ่นดินของเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยเจ้าอย่างแน่นอนด้วยกอง – ทัพแห่งสวรรค์และโลกและจะทรงสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เจ้าในธุรกิจ

ทั้งหลายของเจ้า ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ การ สร้างสรรค์ทั้งหมดและจักรวรรดิ์ของการสร้างสรรค์เป็นของพระองค์ งานทั้งหลายของผู้ที่ซื่อสัตย์จะกลับไปสู่พระองค์

จงอย่าวางใจในทรัพย์สมบัติของเจ้า จงมอบความไว้วางใจ ทั้งหมดไว้ในพระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้า จง ให้พระองค์เป็นที่วางใจของเจ้าในสิ่งใดก็ตามที่เจ้าทํา และองเป็นเช่น บรรดาผู้ที่ได้ยอมจํานนต่อพระประสงค์ของพระองค์ จงให้พระองค์ เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าและจงสร้างความอุดมสมบูรณ์ด้วยสิ่งมีค่าของพระองค์ เพราะสิ่งมีค่าทั้งหลายของสวรรค์และโลกอยู่กับพระองค์ พระองค์ ทรงประทานสิ่งมีค่าเหล่านี้ให้แก่ผู้ที่พระองค์ปรารถนาและทรงถอน มันกลับมาจากผู้ที่พระองค์ปรารถนา ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอก จากพระองค์ พระผู้ทรงครอบครองสรรพสิ่งทั้งปวง พระผู้ทรงเป็นที่ สรรเสริญ ทุกคนเป็นเพียงยาจกที่ประตูแห่งความปรานของพระองค์ ทุกคนหมดหนทางต่อหน้าการเปิดเผยอํานาจการปกครองของพระองค์ และวิงวอนขอความกรุณาจากพระองค์

จงอย่าก้าวเลยขอบเขตของความพอประมาณ และองปฏิ บัติต่อบรรดาผู้ที่รับใช้เจ้าอย่างยุติธรรม จงให้พวกเขาตามที่จำเป็น และจงอย่าให้ถึงขนาดที่ทําให้พวกเขาสามารถสะสมความร่ํารวยไว้ ให้กับตนเอง สามารถประดับตนเอง สามารถประดับบ้านของตนเอง สามารถได้มาซึ่งสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเอง และถูกนับรวม กับบรรดาผู้ที่สุรุ่ยสุร่าย จงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความยุติธรรมอย่างถูก ต้อง เพื่อว่าจะไม่มีใครในหมู่พวกเขาทรมานความขาดแคลนหรือ เสพความฟุ่มเฟือย นี้คือความยุติธรรมที่ชัดแจ้ง

จงอย่ายินยอมให้คนต่ําช้าปกครองและมีอํานาจเหนือบรรดาผู้ ที่ประเสริฐและคู่ควรกับเกียรติยศ และจงอย่าทรมานผู้ที่มีจิตใจสูงให้ อยู่กับความปรานีของคนที่น่ารังเกียจและไร้ค่า เพราะนี่คือสิ่งที่เราได้ สังเกตเมื่อเรามาถึงเมือง (คอนสแตนติโนเปิล) และเราเป็นพยานต่อ มัน เราพบชาวเมืองบางคนครอบครองทรัพย์สมบัติอันมั่งคั่งและใช้ ชีวิตอยู่ในความร่ํารวยเกินควร ขณะที่คนอื่น ๆ มีความขาดแคลนอย่าง น่ากลัวและอยู่ในความยากจนอย่างน่าสังเวช สิ่งนี้ไม่เหมาะสม กับอํานาจการปกครองของเจ้าและไม่คู่ควรกับตําแหน่งของเจ้า

จงให้คําปรึกษาของเราเป็นที่ยอมรับแก่เจ้า และจงพยายาม ปกครองด้วยความยุติธรรมในหมู่มนุษย์ เพื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าจะยกย่อง นามของเจ้าและแผ่ชื่อเสียงของความยุติธรรมของเจ้ากว้างไกลไปทั่ว โลก จงระวังเพื่อมิให้เจ้าเพิ่มพูนรัฐมนตรีของเจ้าด้วยการเสียสละ ของข้าแผ่นดินทั้งหลาย จงกลัวเสียงถอนหายใจของคนยากจน และคนที่มีความซื่อสัตย์ในหัวใจ ผู้ซึ่งคร่ําครวญชะตาของตนเอง ทุกรุ่งเช้าและจงเป็นประมุขที่กรุณาต่อพวกเขา โดยแท้จริงแล้ว พวกเขาคือสิ่งมีค่าบนโลกของเจ้า ด้วยเหตุนี้มันเป็นหน้าที่ของ เจ้าที่จะปกป้องสิ่งมีค่าของเจ้าจากการโจมตีของบรรดาผู้ที่ต้องการ ปล้นเจ้า จงไต่ถามถึงธุรกิจของพวกเขาและสืบให้รู้แน่ถึงสภาพ ของพวกเขาทุก ๆ เดือน และจงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ที่ไม่ใส่ใจต่อหน้าที่ของตนเอง

จงตั้งคันชั่งที่ไม่มีพลาดของพระผู้เป็นเจ้าต่อดวงตาของเจ้า และจงชั่งการกระทําทุก ๆ วันทุก ๆ วินาทีในชีวิตของเจ้าด้วยลั่นชั่ง นี้เหมือนดั่งยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ จงรับผิดชอบต่อความประพฤติ ของเจ้าก่อนที่เจ้าจะถูกเรียกมาคิดบัญชีในวันที่จะไม่มีมนุษย์คนใด เมีกําลังที่จะยืนเพราะความกลัวพระผู้เป็นเจ้า วันที่หัวใจของผู้ที่ไม่เอา ใจใส่ทั้งหลายจะถูกทําให้สั่นไหว

เป็นหน้าที่ของกษัตริย์ทุกคนที่จะมีความอารีประดุจดวงอาทิตย์ ที่บํารุงเลี้ยงการเติบโตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและให้แต่ละสิ่งมีชีวิตตาม สมควร ซึ่งประโยชน์ของมันมิได้อยู่ในธรรมชาติของตัวมันเองแต่ ได้รับการบัญญัติไว้โดยพระผู้ทรงอานุภาพสูงสุด พระผู้ทรงมหิทธานุ ภาพ กษัตริย์ควรมีความเอื้อเฟื้อและโอบอ้อมอารีในความปรานี ของเขาดั่งก้อนเมฆทั้งหลายซึ่งความอารีของมันได้หลั่งไหลมาบน ทุกดินแดนโดยคําสั่งของพระผู้ทรงบัญญัติที่มีอํานาจสูงสุด พระผู้ทรง รอบรู้

จงระวังอย่ามอบธุรกิจทั้งหลายของประเทศไว้ในมือคนอื่น ทั้งหมด ไม่มีใครสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีกว่าตัวเจ้าเอง ดังนี้เรา จึงแสดงวจนะแห่งความรอบรู้ไว้ชัดเจนสําหรับเจ้า และสั่งให้แก่เจ้า ในสิ่งที่สามารถช่วยให้เจ้าส่งผ่านจากมือซ้ายแห่งความกดขี่ไปยังมือ ขวาแห่งความยุติธรรม และเข้ามาใกล้มหาสมุทรอันงดงามแห่งความ โปรดปรานของพระองค์ ดังกล่าวคือหนทางที่กษัตริย์ทั้งหลายที่มา ก่อนเจ้าได้ยไว้ พวกเขาปฏิบัติด้วยความยุติธรรมต่อข้าแผ่นดินทั้ง หลายและเดินในหนทางแห่งความยุติธรรมอันถูกต้อง

เจ้าคือร่มเงาของพระผู้เป็นเจ้าบนโลก ดังนั้นจงพยายามปฏิบัติให้เหมาะสมกับฐานะอันมีชื่อเสียงและน่าเคารพนี้ หากเจ้า ปลีกออกไปจากการปฏิบัติตามสิ่งที่เราได้ส่งมาให้และสอนเจ้า วางใจ ได้ว่าเจ้าจะต้องโดนถอนออกจากเกียรติอันยิ่งใหญ่และประเมินค่ามิ ได้นี้ ดังนั้นจงกลับมาและยึดอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าและชําระล้างหัวใจ ของเจ้าจากโลกและสิ่งไร้ประโยชน์ทั้งหมดของมัน และจงอย่าทรมาน ให้ความรักของคนแปลกหน้าใด ๆ เข้ามาอาศัยอยู่ในหัวใจของเจ้า จนกว่าเจ้าจะชะล้างหัวใจของเจ้าจากร่องรอยทั้งหมดของความรักดัง กล่าว ความสว่างไสวของประทีปของพระผู้เป็นเจ้าจึงจะสามารถส่อง รัศมีมายังหัวใจของเจ้า เพราะพระผู้เป็นเจ้ามิได้ให้ใครมากกว่าหนึ่ง หัวใจ โดยแท้จริงแล้วสิ่งนี้ได้รับการประกาศิตและบันทึกอยู่ในพระ คัมภีร์แต่บรมโบราณของพระองค์ หัวใจของมนุษย์ตามที่ออกแบบ โดยพระผู้เป็นเจ้าเป็นหนึ่งและมิได้แบ่งแยก เป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะ เอาใจใส่เพื่อว่าความรักของมันจะเป็นหนึ่งและมิได้แบ่งแยกเช่นกัน ดังนั้นเจ้าจงยึดอยู่กับความรักของพระองค์ด้วยความเสน่หาทั้งหมด ในหัวใจของเจ้า และจงถอนหัวใจของเจ้าออกมาจากความรักของผู้ อื่นนอกจากพระองค์ เพื่อว่าพระองค์อาจจะช่วยให้เจ้าจมตัวเองลงใน มหาสมุทรแห่งเอกภาพของพระองค์ และช่วยให้เจ้ากลายเป็นผู้ค้ํา จุนความเป็นหนึ่งของพระองค์อย่างแท้จริง พระผู้เป็นเจ้าคือพยาน ของเรา จุดประสงค์เพียงอันเดียวของเราที่เปิดเผยวจนะเหล่านี้แก่ เจ้าคือเพื่อที่จะสงวนเจ้าไว้จากสิ่งที่ไม่ยั่งยืนทั้งหลาย เพื่อเจ้าจะได้เป็น บุคคลที่ต้องเคารพ และเพื่อที่จะช่วยเจ้าให้เข้ามาสู่อาณาจักรแห่งความ รุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์ เพื่อว่าโดยอนุญาตของพระผู้เป็นเจ้า เจ้าอาจ จะเป็นเช่นบรรดาผู้ที่ปกครองและอาศัยอยู่ในอาณาจักรนี้

ดูกร กษัตริย์ จงตั้งใจฟังวจนะที่เราตรัสต่อเจ้า จงให้ผู้กดขี่ ยุติการกดขี่ของเขา และจงตัดผู้กระทําความอยุติธรรมทั้งหลายออกไปจากบรรดาผู้ที่จงรักภักดีต่อ หากปากกาด้ามไหนเล่าความทค. ความปวดร้าว ไม่มีใครที่เชื่อและยืนยันเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้า ย่างแท้จริงจะสามารถทนฟังเรื่องราวนี้ได้ ความทรมาน ใหญ่อย่างที่แม้แต่ดวงตาของศัตรูทั้งหลายยังร้องไห้ต่อเรา และนอก เหนือไปจากพวกเขาคือทุกคนที่มีความหยั่งรู้ เราได้รับความทรมาน ทั้งหมดเหล่านี้ทั้ง ๆ ที่เราเข้ามาใกล้เจ้า และสั่งให้ประชาชนเข้ามา ภายใต้ร่มเงาของเจ้าเพื่อว่าเจ้าอาจจะเป็นปราการสําหรับบรรดาผู้ที่เชื่อ และยืนยันเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้า

ดูกร กษัตริย์ เราเคยไม่เชื่อฟังเจ้าหรือ เราเคยฝ่าฝืนกฎหมายใด ของเจ้าตอนไหนหรือ รัฐมนตรีทั้งหลายของเจ้าที่อยู่ในอิรัคสามารถ แสดงข้อพิสูจน์ใดที่เป็นหลักฐานของความไม่ซื่อสัตย์ของเราต่อเจ้า หรือ ไม่ โดยพระผู้เป็นนายของโลกทั้งปวง ไม่เคยแม้แต่ชั่ว ขณะที่เราจัดขึ้นเจ้าหรือรัฐมนตรีทั้งหลายของเจ้า ด้วยพระประสงค์ ของพระผู้เป็นเจ้า เราจะไม่มีวันลุกขึ้นต่อต้านเจ้าถึงแม้ว่าเราจะถูก เผยต่อความทรมานทั้งหลายที่รุนแรงกว่าครั้งใด ๆ ที่เราเคยได้รับใน อดีต

ในเวลากลางวันและกลางคืน ในตอนค่ําและยามเช้า เราสวด มนต์ถึงพระผู้เป็นเจ้าในนามของเจ้าเพื่อว่าพระองค์อาจจะกรุณาช่วย เข้าให้อยู่ในโอวาทของพระองค์และปฏิบัติตามบัญญัติของพระองค์

ดังนั้นจึง เพื่อว่าพระองค์อาจจะป้องกันเจ้าจากกองทัพของผู้ชั่วร้าย กระทําตามที่เจ้ายินดีและปฏิบัติต่อเราตามความเหมาะสมกับฐานะ ของเจ้าและอํานาจการปกครองของเจ้า จงอย่าลืมกฎของพระผู้เป็นเจ้า ในสิ่งใดก็ตามที่เจ้าปรารถนาจะบรรลุในวันนี้และวันข้างหน้า จงกล่าวว่า:ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งโลกทั้งปวง

บทที่ 14

ชีวิตในอัคคา

การมาถึงเมืองอัคคาในดินแดนปาเลสไตน์ของพระบาฮา อุลลาห์ บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของระยะสุดท้ายและยอดสุดของภาระ หน้าที่ 40 ปีของพระองค์ ซึ่งเป็นดินแดนที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสัญญา ไว้กับพระอับราฮัม เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์โดยการเปิดเผยศาสนาของ พระโมเสสและได้รับการนับถือเป็นดั่งแหล่งกําเนิดของโลกคริสเตียน เป็นสถานที่ที่พระโซราสเตอร์ได้สนทนากับศาสนทูต ทั้งหลายของ อิสราเอล พระอับดุลบาฮาทรงประกาศว่า ?เป็นการยากที่จะเข้าใจว่า พระบาฮาอุลลาห์ถูกบังคับให้ออกจากเปอร์เซียและปักเต้นของพระ องค์ในดินแดนศักดิ์สิทธ์นี้ได้อย่างไร แต่เป็นเพราะการประหัตประ หารของศัตรูทั้งหลายของพระองค์ การถูกขับไล่และถูกเนรเทศของ พระองค์? แท้จริงแล้วการถูกเนรเทศของพระบาฮาอุลลาห์มาถึงดิน แดนศักดิ์สิทธิ์นี้ได้บรรลุคําทํานายทั้งหลายของศาสนาในอดีต |

ขณะนั้นเมืองอัคคาเป็นดินแดนสําหรับขังนักโทษ รัฐบาล ตุรกีได้จัดไว้สําหรับขังฆาตกร อาชญากร นักโทษการเมืองและพวก ภัยสังคมทั้งหลาย ข่าวลือและคํากล่าวหาต่าง ๆ เกี่ยวกับพระบาฮาอุล ลาห์ ได้หมุนเวียนไปในหมู่ประชาชนเมืองอัคคาก่อนที่พระองค์จะ เสด็จมาถึง พวกเขามาชุมนุมกันบริเวณที่คณะผู้ถูกเนรเทศจะขึ้นฝั่ง เพื่อที่จะหัวเราะเยาะเย้ย ซึ่งพวกเขาถือว่าคณะผู้ถูกเนรเทศเป็นพวก ชั่วร้ายและพาดพิงถึงพระบาฮาอุลลาห์ว่าเป็น ?พระผู้เป็นเจ้าของชาว เปอร์เซีย? อย่างไรก็ตามในหมู่ประชาชนที่มาชุมนุนกันเหล่านี้มีบาง คนที่สามารถมองเห็นอํานาจและความรุ่งโรจน์ในตัวพระองค์ การ เดินทางอย่างเหนื่อยอ่อนจากอเดรียโนเปิ้ลในฤดูร้อนมาถึงเมืองอ้คคาได้ทําให้คณะผู้ถูกเนรเทศอ่อนเพลียและหมดเรี่ยวแรง พวกเขาถูกซ้ำเติมหนักยิ่งขึ้นโดยสภาพของการกักขังในโรงทหารโดยเฉพาะ ย่างยิ่งคืนแรกที่มาถึง พระบาฮาอุลลาห์ถูกจัดให้อยู่ในห้องที่เต็มไป ด้ายฝนสกปรกที่ไม่มีเครื่องเรือนใด ๆ ต่อมาพระองค์ถูกย้ายขึ้นไป แป้องชั้นบนที่มีฝุ่นเต็มพื้นและปูนที่ฉาบบนเพดานหลุดลอกตกลง มา สาวกทั้งหลายของพระองค์ถูกจัดให้อัดกันอยู่ในอีกห้องหนึ่งที่ พื้นเต็มไปด้วยโคลน ทหาร 10 คนถูกจัดวางไว้บริเวณประตูเพื่อควบ คมนักโทษ อากาศที่เน่าและกลิ่นอันเหม็นสาบภายในคุกประกอบ กับความร้อนที่อบอ้าวได้ทําให้บาฮียห์ คานูมห์ ถึงกับเป็นลม บริเวณ ที่พวกเขาถูกกักขังไม่มีน้ำสําหรับดื่ม แต่มีบ่อน้ำหนึ่งที่ใช้สําหรับล้าง จานและสิ่งของซึ่งสกปรกอย่างยิ่ง ในคืนแรกคณะนักโทษไม่ได้รับ น้ำดื่ม ทุกคนทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อน อบอ้าว แม่ที่มีลูกอ่อนไม่สามารถให้นมลูก เด็ก ๆ ร้องให้ต้องการอา หารและน้ำเป็นเวลาหลายชั่วโมง พระอับดุลบาฮาวิงวอนยามขอให้ ปรานีต่อเด็ก ๆ แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด เช้าวันรุ่งขึ้นคณะนักโทษ จึงได้รับน้ำดื่มและได้รับขนมปังคนละ3 ก้อนต่อวัน หลังจากที่คณะ นักโทษมาถึงได้ไม่นาน เจ้าเมืองอัคคาได้มาเยี่ยมตรวจตราและพูดจา หยาบคายก้าวร้าวต่อพระอับดุลบาฮาและสาวกจํานวนหนึ่ง เขาขู่ว่า หากนักโทษหายไปแม้เพียงคนเดียว นักโทษที่เหลือจะไม่ได้รับอาหารอีก ต่อไป สามวันหลังจากคณะผู้ถูกเนรเทศมาถึงเมืองอัคคาได้มีคําสั่งจาก สุลต่านให้จําคุกพระบาฮาอุลลาห์ตลอดชีวิต พระอับดุลบาฮาถูกเรียก ตัวไปพบเจ้าเมืองอัคคาเพื่อรับฟังคําประกาศนี้ เมื่อคําสั่งนั้นกล่าวว่า พระบาฮาอุลลาห์จะต้องอยู่ในคุกตลอดไป พระอับดุลบาฮาตอบรับเจ้าเมือง ว่าใจความในคําสั่งนี้ไม่มีความหมายและปราศจากมูลฐาน อัคคาโกรธที่ได้ยินคําพูดของพระอับดุลบาฮา จึงโต้ตอบว่าคําสั่งนี้มาจากสุลต่านจะไม่มีความหมายได้อย่างไร พระอับดุลบาฮายคําพูด ของพระองค์อีกครั้งและอธิบายให้เจ้าเมืองฟัง ซึ่งสร้างความประทับใจให้ แก่เขาว่า ไม่มีใครที่จะอยู่ในคุกตลอดไป ในไม่ช้าก็เร็วนักโทษทุก คนต้องจากคุกนี้ไปในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไป เมื่อเวลาผ่าน ไปเจ้าเมืองอัคคาเริ่มมีความกรุณามากขึ้นต่อคณะผู้ถูกเนรเทศ เขา จัดสรรเงิน และอนุญาตให้นักโทษบางคนออกไปซื้อของใช้และอาหารที่ ตลาดโดยมียามคุมไปด้วย การที่พระอับดุลบาฮาและสาวกบางคน ได้มีโอกาสออกมานอกโรงทหาร ทําให้ประชาชนได้สัมผัสกับบุคคลิก ที่ดึงดูดของพระองค์ และความกระด้างที่มีแต่เดิมของพวกเขาที่แสดง ต่อคณะผู้ถูกเนรเทศได้คลายลง หนึ่งในจํานวนนี้คืออัทมอน เอฟเฟนดิ เจ้าของร้านขายของชําซึ่งทําหน้าที่จัดหาอาหารและเครื่องใช้ให้กับ คณะผู้ถูกเนรเทศ ความประพฤติที่ดีงามของพวกเขาได้ดึงดูดอัทมอน เอฟเฟนดิเข้ามาอยู่ในศาสนาใหม่และเขาได้มีโอกาสเข้าพบพระบา ฮาอุลลาห์

ชีวิตช่วงแรกในโรงทหารนั้นเข้มงวดและยากลําบากมาก เป็น เวลา 3 เดือนที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้พระบาฮาอุลลาห์ ไปที่อาบน้ำ สาธารณะซึ่งเป็นสถานที่เดียวที่ประชาชนสามารถไปอาบน้ำได้ พระบา ฮาอุลลาห์ถูกคุมอย่างใกล้ชิดไม่ให้ติดต่อหรือพูดคุยกับใครยกเว้น ครอบครัวของพระองค์เอง ยามได้ห้ามทุกคนไม่ให้เข้าเยี่ยมพระองค์ แม้ช่างตัดผมที่มาตัดผมให้พระบาฮาอุลลาห์ก็ถูกห้ามมิให้คุยกับพระ องค์ พระอับดุลบาฮาต้องอาศัยอยู่ห้องชั้นล่างซึ่งเคยใช้เป็นห้องเก็บ ศพ สาวกทั้งหลายต้องอาศัยอยู่ในสภาพที่สกปรก ขาดแคลนอาหาร และอนามัย ชั่วระยะเวลาไม่นานหลังจากคณะนักโทษมาถึงโรงทหาร พวกเขาล้มป่วยหมดยกเว้นพระอับดุลบาฮาและอาคา ริดา ทหารยาม 9 คนจาก 10 คนก็ล้มป่วยเช่นกัน โรคมาลาเรียและโรคบิดได้ 1 เติม เจ้าหน้าที่ไม่ยอมเรียกนายแพทย์มาตรวจรักษาพวกเขา พระอับ คลบาฮาและอาคา ริดาช่วยกันดูแลพยาบาลผู้ป่วยทั้งหลายทั้งกลางวัน กลางคืน สาวก 3 คนตายจากสภาวะแวดล้อมเหล่านี้ พระบาฮาอุลลาห์ ต้องขายพรมที่พระองค์ใช้สวดมนต์เพื่อเป็นค่าทําศพเพราะเจ้าหน้าที่ ไม่อนุญาตคณะผู้ถูกเนรเทศฝังศพพวกเขา ยามเรียกร้องค่าทําศพ แพงกว่าปกติสองเท่าและฝังศพพวกเขาอย่างน่าเกลียดโดยมิได้ชําระ ล้างศพ ไม่ใช้ผ้าห่อศพและไม่ได้ใส่ในโรงศพ พวกเขาถูกฝั่งในชุด เสื้อผ้าที่สวมอยู่ หลังจากที่สาวก 3 คนนี้เสียชีวิตพระบาฮาอุลลาห์ทรง เปิดเผยบทอธิษฐานเพื่อการรักษาและให้สาวกทั้งหลายสวดมนต์บท นี้บ่อยๆ ด้วยความจริงใจ ในไม่ช้าทุกคนฟื้นจากความเจ็บป่วย พระ บาฮาอุลลาห์ทรงจารึกเกี่ยวกับสภาพอันโหดร้ายในคุกเมืองอัคคานี้ว่า ?เจ้าจงรู้ไว้ด้วยว่าเมื่อเรามาถึงที่นี่ เราตัดสินใจที่จะระบุมันเป็นดั่งคุก อันยิ่งใหญ่ที่สุด ถึงแม้แต่ก่อนเราเคยถูกล่ามโซ่และพันธนาการใน อีกดินแดนหนึ่ง (เตหะราน) กระนั้นเราปฏิเสธที่จะเรียกมันด้วยชื่อ นี้? มีสุภาษิตพรรณนาเปรียบเทียบความเน่าเหม็นของอากาศในบริเวณ คุกเมืองอัคคานี้ว่าหากนกตัวใดบินผ่านเหนือคุกก็จะตกลงมาตาย

เมื่อข่าวการถูกเนรเทศของพระบาฮาอุลลาห์ออกจากอเดรีย โนเบิ้ลไปถึงเปอร์เซีย ศัตรูศาสนากับพรรคพวกของมีร์ซา ยาห์ยอได้ ทํานายว่าเป็นการล้มทลายของศาสนาและปล่อยข่าวลือว่าพระบาฮา อุลลาห์ ได้จมน้ำตายระหว่างเดินทางไปเมืองอัคคา ซึ่งสร้างความตื่น ตกใจให้แก่สาวกทั้งหลายในเปอร์เซียเป็นอย่างมาก สาวกคนสําคัญจํา นวนหนึ่งต้องลุกขึ้นออกปฏิบัติหน้าที่เพื่อลบล้างข่าวลือนี้ สําหรับ ซีอิด โมฮัมหมัดและอาคา จอนซึ่งถูกเนรเทศมาพร้อมกับพระบาฮา อุลลาห์ เมื่อมาถึงเมืองอัคคาได้ไม่นานทั้งสองได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นสายลับและได้รับการย้ายไปอาศัยอยู่ชั้นบนซึ่งสามารถมองลง มาที่ประตูเมือง ทั้งสองคอยสอดส่องและแจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อสาวกทั้ง หลายของพระบาฮาอุลลาห์เดินทางเพื่อมาเยี่ยมพระองค์ซึ่งทําให้สาวก เหล่านั้นถูกขับไล่ออกไป สาวกบางคนเดินทางด้วยเท้ามาจากเปอร์เซีย พวกเขาหลายคนต้องพบกับความผิดหวังเพราะถูกขับไล่และได้แต่ เพียงยืนอยู่บริเวณกําแพงรอบนอกเพื่อให้ได้มองหน้าพระองค์ผ่านทางหน้าต่างคุกซึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงโบกมือต้อนรับพวกเขา สาวก จํานวนน้อยส่วนหนึ่งใช้การปลอมตัวและออกอุบายจนสามารถผ่าน เข้าไปในโรงทหารได้และได้พบพระบาฮาอุลลาห์ สาวกคนหนึ่งที่เข้า ไปพบพระบาฮาอุลลาห์โดยวิธีผิดธรรมดาคืออับดูร-ราฮิม เขาเดินทางมา ถึงอัคคาในช่วงเวลาที่นาบิลพยายามหาหนทางจะเข้าพบพระบาฮา อุลลาห์แต่ถูกขับไล่ออกไป การถูกขับไล่ของนาบิลมิได้ทําให้เขา ท้อแท้ อับดูร-ราฮิมเข้าไปใกล้บริเวณกําแพงโรงทหารแล้วเดินวนเวียน อยู่รอบ ๆ ครั้นแล้วเขามองเห็นพระบาฮาอุลลาห์ที่หน้าต่างคุกกําลัง โบกมือเรียกเขาให้เข้าไป อับดูร-ราฮิมรีบเดินไปที่ประตูคุกซึ่งมีทหาร ยามเฝ้าอยู่ ทหารเหล่านั้นดูเหมือนไม่เคลื่อนไหวและปราศจากชีวิต และมองไม่เห็นอับดูร-ราฮิม เขาเดินผ่านประตูเข้าไปโดยทหารยาม มิได้แม้แต่กะพริบตา ในไม่ช้าอับดูร-ราฮิมได้เข้าพบพระบาฮาอุลลาห์ ซึ่งพระองค์ทรงบอกเขาว่าพระองค์ใช้อํานาจปิดตาทหารยามชั่วขณะ เพื่อให้เขาผ่านเข้ามา

เชค มาฮามุด คืออีกคนหนึ่งที่เข้ามายอมรับพระบาฮาอุลลาห์ และมีส่วนช่วยเหลือสาวกของพระองค์ผ่านเข้าไปในโรงทหาร เขา เป็นผู้นําศาสนาอิสลามคนหนึ่งในเมืองอัคคา เขาเกิดมาในครอบคร มุสลิมที่เคร่งครัดศาสนา เมื่อเขามีอายุ 10 ปีนักบวชอาวุโสผู้หนึ่งซึ่ง เป็นที่นับถือของพ่อของเชค มาฮามุด ได้บอกเขาต่อหน้าพ่อของเขาว่าเขาได้เห็นนิมิตการเสด็จมาของศาสนทูตตามพันธะสัญญามาที่เมืองอัคคานี้ซึ่งพ่อของเชค มาฮามุด จะไม่มีชีวิตอยู่ได้พบพระองค์ นักบวชผู้นั้นบอกกับเชค มาฮามุดว่า ศาสนทูตตามพันธะสัญญาจะพูดภาษา เซียและบอกให้เขาคอยจับตาดูการเสด็จมาของพระองค์เมื่อ เขาโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเชค มาฮามุดเติบโตเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้นํา ศาสนาซึ่งเป็นที่นับถือของชุมชน เขาแทบไม่เคยนึกถึงนิมิตที่เขาได้ รับการบอกเล่าเมื่อสมัยเป็นเด็ก เมื่อพระบาฮาอุลลาห์มาถึงเมืองอัคคานี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าพระองค์จะเป็นศาสนทูตตามพันธะสัญญา ในทาง ตรงกันข้ามเขาข้องใจรัฐบาลที่ส่งพระบาฮาอุลลาห์ซึ่งได้รับการพิจารณา ว่าเป็นคนชั่วร้ายมาที่เมืองอัคคานี้ เขาเร่าร้อนใจและอยากจะขจัดพระ องค์ให้พ้นไปจากเมืองนี้ วันหนึ่งเขาได้พบพระอับดุลบาฮาอยู่ในสุ เหร่าซึ่งพระองค์ได้รับการผ่อนผันให้ออกมาจากโรงทหาร เขารู้สึก กระวนกระวายใจและเข้ามาจับตัวพระองค์ด้วยความรุนแรงอย่างไม่ สุภาพพร้อมกับกล่าวว่า ?เจ้าคือลูกชายของพระผู้เป็นเจ้าใช่ไหม? พระอับดุลบาฮาทรงตอบเขาตามคําสั่งสอนของอิสลามว่า ?องมีความ กรุณาต่อแขกถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ไม่มีศาสนา? คําพูดของพระอับ ดุลบาฮาทําให้เชค มาฮามุด หยุดก้าวร้าวพระองค์ อย่างไรก็ตามในฐานะผู้ นําศาสนาเขาไม่สามารถนิ่งนอนใจเฉยเมยกับคณะผู้ถูกเนรเทศซึ่ง เขาถือว่าเป็นพวกชั่วร้าย เขาตัดสินใจที่จะกําจัดบุคคลเหล่านี้ให้หมดไป วันหนึ่งเขาไปที่โรงทหารพร้อมกับซ่อนอาวุธไว้ในเสื้อคลุมตั้งใจที่จะ สังหารพระบาฮาอุลลาห์ เขาบอกทหารยามว่าเขาต้องการเข้าพบพระบาฮาอุลลาห์ เนื่องด้วยเชค มาฮามุดเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทหารยาม จึงยินยอมตามคําขอและเข้าไปบอกพระบาฮาอุลลาห์เกี่ยวกับบุคคลที่จะ เข้ามาเยี่ยม พระบาฮาอลลาห์บอกยามให้บอกกับเชค มาฮามุดว่าให้เชค มาฮามุดตกใจอย่างยิ่งเพราะ เขาจึงอาวุธเสียก่อนแล้วจึงเข้ามา

เขาแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นอาวุธที่เขาซ่อนไว้ในเสื้อคลุม เขาสับสน อย่างมากและกลับบ้านไป เมื่อจิตใจเขาหายปั่นป่วนเขากลับมาที่โรง ทหารใหม่โดยไม่มีอาวุธและคิดว่าเขาแข็งแรงพอที่จะฆ่าพระบาฮา อุลลาห์ ได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธ ครั้งนี้พระบาฮาอุลลาห์ บอกยามให้ บอกเขาให้ชําระจิตใจให้บริสุทธิ์เสียก่อนแล้วจึงเข้ามา เขางงงวยอย่าง ยิ่งว่าบุคคลผู้นี้คือใครทําไมจึงอ่านใจเขาได้ ต่อมานักบวชอาวุโสที่เคย พูดกับเขาสมัยเมื่อเขาอายุ 10 ปีได้มาปรากฏต่อเขาในฝันและเตือน เขาถึงการเสด็จมาของศาสนทูตตามพันธะสัญญา ภายหลังจากฝันเขา ไปที่โรงทหารอีกครั้งและได้พบกับพระอับดุลบาฮา คําพูดของพระ อับดุลบาฮาได้ทะลุทะลวงหัวใจของเขาและช่วยให้เขาได้เข้าพบ พระบาฮาอุลลาห์ เชค มาฮามุดได้หมอบลงที่แทบเท้าของพระบาฮา อุลลาห์และเป็นสาวกที่แข็งขันของพระองค์ เขาได้ช่วยสาวกทั้งหลาย ให้เข้าพบพระบาฮาอุลลาห์ด้วยอุบายและวิธีต่างๆ

ความทุกข์ยากอันสาหัสภายในคุกเมืองอัคคานี้ได้รับการซ้ําเติม ยิ่งขึ้นจากการสูญเสียมีร์ซา มีห์ดี (กิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด) ซึ่งเดินทางออกจาก เมืองเตหะรานไปร่วมกับพระบาฮาอุลลาห์ในแบกแดดเมื่อปี ค.ศ.1860 มีร์ซา มีห์ดี ได้รับใช้พระองค์ในฐานะเลขานุการคนหนึ่งและร่วมรับ ความยากลําบากกับพระบิดาตลอดการถูกเนรเทศ ค่ําวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ.1870 มีร์ซา มีห์ดี ได้ขึ้นไปบนหลังคาเพื่อสวดมนต์และสูดอากาศ บริสุทธิ์ในฤดูร้อนตามปกติที่นักโทษปฏิบัติกันทั่วไป เขาหลับตาสวด บทกลอนในคาซีดีย-วาร์คออียห์ที่พระบาฮาอุลลาห์เปิดเผยในเคอร์ ดิสทอน มีร์ซา มีห์ดีปิติต่อบทกลอนเหล่านี้และเผลอตัวเดินตกลงไป ในช่องรับแสงบนหลังคาที่เปิดอยู่ เขาตกลงมาบนลังไม้และถูกแทง เข้าที่ทรวงอก ครอบครัวของพระบาฮาอุลลาห์ตื่นตกใจอย่างยิ่ง พระ อับดุลบาฮาร้องให้เข้าไปพบพระบาฮาอุลลาห์ หมอบลงที่แทบเท้าของพระบิดาให้พระองค์ช่วยรักษา พระบาฮาอุลลาห์ไปที่ข้างเตียงของมีร์ซา มีห์ดีและให้ทุกคนออกไป พระบาฮาอุลลาห์ทรงถามบุตรชายของพระองค์ว่าเขาต้องการมีชีวิตต่อไปหรือไม่ ถ้าหากเขา ต้องการมีชีวิตต่อพระผู้เป็นเจ้าจะรักษาให้เขาหายเป็นปกติ มีร์ซา มีห์ดีขอให้พระบาฮาอุลลาห์ยอมรับชีวิตของเขาเป็นดั่งค่าไถ่สําหรับ การเปิดประตูคุกเพื่อว่าสาวกทั้งหลายจะสามารถพบพระองค์ได้ พระ บาฮาอุลลาห์ยอมรับการเสียสละนี้และประมาณอีก 22 ชั่วโมงต่อมา มีร์ซา มีห์ดี สิ้นลมหายใจซึ่งสร้างความขมขึ้นอย่างใหญ่หลวงให้แก่ คณะผู้ถูกเนรเทศ เชค มาฮามุดขออนุญาตพระอับดุลบาฮาให้เขาช ระล้างศพของมิร์ซา มีห์ดี เมื่อร่างของมีร์ซา มีห์ดีถูกฝังลงไปในดิน ได้เกิดแผ่นดินสั่นไหวนานประมาณ 3 นาทีซึ่งทําให้ประชาชนใน เมืองตื่นตกใจอย่างยิ่งโดยที่พวกเขาไม่รู้สาเหตุ พระบาฮาอุลลาห์ทรง จารึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ?โดยแท้จริงแล้วเจ้าคือผู้ที่ได้รับ ความไว้วางใจจากพระผู้เป็นเจ้า และคือสิ่งมีค่าของพระองค์ในดิน แดนนี้ ในไม่ช้าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปิดเผยผ่านทางเจ้าในสิ่งที่พระ องค์ปรารถนา โดยแท้จริงแล้วพระองค์คือสัจจธรรม คือพระผู้ทรงรอบรู้ สรรพสิ่งทั้งหลายในสวรรค์ เมื่อเจ้าถูกวางลงพักผ่อนภายใต้พื้นดิน พื้นดินได้สั่นไหวด้วยความปรารถนาที่จะได้พบเจ้า มันได้รับการประกาศิต ไว้ดังนี้และกระนั้นประชาชนหาเข้าใจไม่ฯ พระบาฮาอุลลาห์ทรง ยกย่องการสละชีวิตของ ?กิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด? ว่าอยู่ในตําแหน่งของ การเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่ร่วมสัมพันธ์กับเจตนาการสละลูกชายของ พระอับราฮัม การถูกตรึงไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์และการตาย ของอิหม่ามฮสเซน ในยุคศาสนาของพระบ๊อบ พระบ๊อบคือผู้ทต่อ ชวตเพื่อการไถ่และชําระล้างมนุษยชาติ ในยุคของศาสนาของพระบาอุลลาห์มีร์ซา มีห์ดีคือผู้ที่สละชีวิตเพื่อการประสานสามัคคีมนุษยชาติ โดยแท้จริงแล้วการเสียสละครั้งนี้อยู่เกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้เต็มที่ ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงอธิบายไว้ว่าเมื่อเมล็ดพืชได้ สลายตัวมันเองในดิน มันจึงสามารถก่อให้ต้นไม้ผุดขึ้นมา เมล็ดพืช ที่น้อยนิดโดยการเสียสละตัวมันเองสามารถก่อให้เกิดต้นไม้ที่ยิ่งใหญ่ พร้อมกับดอกและผลไม้ การสละชีวิตมากมายของวีระบุรุษของศาสนา ได้ปลดปล่อยพลังลึกลับที่ช่วยหล่อเลี้ยงต้นไม้ของศาสนาของพระ ผู้เป็นเจ้าให้เจริญเติบโต ในไม่ช้าหลังจากที่มีร์ซา มีห์ดีสิ้นชีวิต กฎที่ เข้มงวดทั้งหลายภายในโรงทหารได้ผ่อนคลายลงและสาวกหลายคน ของพระบาฮาอุลลาห์สามารถเข้าพบพระองค์ได้ ประมาณ 4 เดือน ต่อมาประตูคุกได้เปิดออก กองทหารของรัฐบาลออตโตมานจําเป็น ต้องเข้ามาใช้โรงทหารนี้ คณะผู้ถูกเนรเทศจึงได้รับการย้ายออกไปอาศัย อยู่ในเมืองอัคคา

พระบาฮาอุลลาห์ถูกย้ายไปอาศัยอยู่หลายบ้านซึ่งแต่ละบ้าน พระองค์อาศัยอยู่เพียงไม่กี่เดือนและในที่สุดพระองค์และครอบครัว ถูกย้ายมาอยู่ที่บ้านของยูดิ คามมอร์ซึ่งคับแคบเกินไป พระองค์อาศัย อยู่ในห้องเล็ก ๆ ชั้นบน สมาชิกครอบครัวที่เหลืออาศัยอยู่ด้วยกันอย่าง แออัด ครั้งหนึ่งชายหญิง 13 คนต้องนอนเรียงอยู่เป็นแถวในห้องเดียวกัน มิตรสหายเกือบทั้งหมดของพระบาฮาอุลลาห์ถูกจัดให้อาศัยอยู่ที่โรง แรมคอนนี่-อาวอมิดซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย พระอับดุลบา ฮาอาศัยอยู่ในห้องหนึ่งซึ่งบางครั้งใช้เป็นห้องสําหรับต้อนรับผู้ที่เดิน ทางมานมัสการพระบาฮาอุลลาห์ สาวกคนอื่น ๆ กระจายกันไปอยู่ตาม ห้องต่างๆ พระอับดุลบาฮาขายของที่ระลึกที่พระองค์เคยได้รับใน แบกแดดเพื่อนําเงินมาซ่อมห้อง พระองค์เริ่มซ่อมห้องของสาวก หลายก่อนและจัดห้องของพระองค์ไว้อันดับสุดท้าย จนในที่สุดเงินหมดก่อนและห้องของพระองค์เองไม่ได้ซ่อม สาวกทั้งหลายอาศัย อยู่ที่คอนนี่-อาวอมิดอย่างสมถะเช่นเดียวกับในโรงทหาร อาหารที่ได้รับ นั้นไม่เพียงพอแก่พวกเขาเลยแต่กระนั้นพวกเขาก็มีความสุขอย่างที่ สุด ความผูกพันอยู่กับพระบาฮาอุลลาห์คือแหล่งกําเนิดของความ แข็งแกร่งและทําให้พวกเขาสามารถอาศัยอยู่อย่างมีความสุขท่าม กลางความยากลําบาก เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ ได้เปลี่ยนแปลง พวกเขาสามารถออกไปหาที่พักใหม่และประกอบอาชีพเล็ก ๆ น้อย ๆ คอนนี่-อาวอมิดจึงกลายเป็นที่พักสําหรับบาไฮศาสนิกชนที่เดินทางมา นมัสการ สาวกบางคนยังคงอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อคอยต้อนรับผู้เดินทาง

มีร์ซา ริดา-คูลี ซึ่งดําเนินชีวิตตรงข้ามกับคําสั่งสอนของพระ บาฮาอุลลาห์และสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ศาสนา ได้ถูกพระบาฮาอุล ลาห์ขับไล่ออกไปจากชุมชนของพระองค์ เขากับน้องสาวซึ่งเป็นภรรยา ของมีร์ซา ยาห์ยอคือบาดรี จอนเข้าร่วมมือกับซียิด โมฮัมหมัดและ อาคา จอนในการรณรงค์กระจายความเท็จเพื่อทําลายชื่อเสียงพระบาฮาอุล ลาห์และสาวกทั้งหลาย จนประชาชนเมืองอัคคาเริ่มแสดงความไม่เป็น มิตรและความประสงค์ร้ายอย่างเปิดเผย พระบาฮาอุลลาห์ตัดสินใจ ปิดประตูบ้านและไม่ยอมให้ใครเข้ามาพบคล้ายกับในอเดรียโนเปิ้ล ที่พระองค์ย้ายไปอยู่ที่บ้านของริดา บิก พระอับดุลบาฮาออกจากโรง แรมคอนนี่-อาวอมิดมาอาศัยอยู่กับพระบิดาที่บ้านของยูดิ คามมอร์ ซีผิด โมฮัมหมัดและพรรคพวกถือโอกาสที่พระบาฮาอุลลาห์หลบตัวอยู่ใน บ้านใส่ร้ายศาสนาพระองค์หนักหน่วงยิ่งขึ้น พวกเขาประกาศตนต่อ สาธารณะว่าพวกเขาถอนตัวออกจากศาสนาบาไฮและเดี๋ยวนี้เป็นมุสลิม มีร์ซา ริดา-คูล มีธรรมจารึกบางส่วนของพระบาฮาอุลลาห์ เขาได้เปลี่ยน แปลงแก้ไขข้อความในธรรมจารึกเหล่านั้นให้ดูเหมือนเป็นพวกนอกรีต เป็นภัยสังคมและก้าวร้าว และแจกจ่ายไปในหมู่ประชาชนเพื่อปลุกเร้าความเป็นศัตรู พระบาฮาอุลลาห์ทรงตักเตือนสาวกทั้งหลายให้อดทน และอดกลั้น ในช่วงระหว่างนี้เองพระองค์ทรงเปิดเผย ?ธรรมจารึก แห่งอัคคี? ซึ่งธรรมจารึกนี้ได้สะท้อนถึงความปวดร้าวที่สุดของพระ บาฮาอุลลาห์ ในธรรมจารึกนี้พระองค์ทรงพาดพิงการกระทําของพรรค พวกของซียิด โมฮัมหมัด เป็นดั่งการเห่าหอนของสุนัขและการกระ ซิบของซาตาน ตะเกียงแห่งสัจจธรรมและความบริสุทธิ์ถูกดับลง ใบ ไม้กลายเป็นสีเหลืองจากพิษการกระทําของพวกเขา ทรงพาดพิงถึงการ แยกตัวของพระองค์เองว่าทะเลแห่งพระกรุณาได้สงบนิ่งและประต ไปสู่ทิพยสถานถูกปิด ?การเห่าหอนของสุนัขดังกึกก้องอยู่รอบด้าน ข้าแต่พระผู้ทรงลงโทษแห่งโลกทั้งปวง ราชสีห์ในพนาแห่งอํานาจ ของพระองค์อยู่ ณ.ที่ใด ตะเกียงแห่งสัจจธรรมและความบริสุทธิ์ แห่งความซื่อสัตย์และเกียรติยศ ถูกดับลงแล้ว ข้าแต่พระผู้ทรงขับ เคลื่อนพิภพทั้งปวง สัญลักษณ์แห่งความโกรธแค้นของพระองค์อยู่ ณ.ที่ใด…ทะเลแห่งความกรุณาได้สงบนิ่งด้วยสิ่งที่มือทั้งหลายของ มนุษย์ ได้กระทํา ข้าแต่พระผู้เป็นที่ปรารถนาของโลกทั้งปวง คลื่น แห่งความอารของพระองค์อยู่ ณ.ที่ใด ประตูไปสู่ทิพยสถานถูกใส่ กุญแจโดยการกดขี่ของศัตรู ข้าแต่พระผู้ทรงไขกุญแจแห่งโลกทั้งปวง กุญแจแห่งของขวัญของพระองค์อยู่ ณ.ที่ใด ใบไม้กลายเป็นสีเหลือง โดยพิษของผู้ก่อความไม่สงบ ข้าแต่พระผู้ให้แห่งโลกทั้งปวง การ หลั่งไหลของเมฆแห่งความอารของพระองค์อยู่ ณ.ที่ใด…? สาวก 7 คนของพระบาฮาอุลลาห์หมดความอดกลั้นที่เห็นพระองค์ถูกศัตรูใส ร้ายจึงสังหารซียิด โมฮัมหมัด, อาคา จอนและมีร์ซา ริดา-คลี การฆาต กรรมครั้งนี้ก่อความอกสั่นขวัญหนีให้กับชุมชนของพระบาฮาอุลลา” อย่างไม่สามารถอธิบายได้ พระบาฮาอุลลาห์ขุ่นเคืองเป็นอย่างยิ่งต่อ การกระทําของสาวกและทรงระบายความเศร้าหมองว่า ?การถูกกักขัง ไม่สามารถทําอันตรายเรา สิ่งที่สามารถทําอันตรายเราคือความประ พฤติของบรรดาผู้ที่รักเรา ผู้ที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์กับเรา และกระนั้นได้ กระทําสิ่งที่ทําให้หัวใจและปากกาของเราต้องโอดครวญ และ ?การ ถูกกักขังไม่สามารถนําความอดสูมาให้เรา ไม่ ชีวิตของเราเป็นพยาน มันให้ความรุ่งโรจน์แก่เรา สิ่งที่สามารถทําให้เราอับอายคือความประ พฤติของสาวกที่อ้างว่ารักเราแต่ในความเป็นจริงแล้วได้เดินทางตาม มารร้าย? บาดรี จอนทั้ง ๆ ที่รู้เกี่ยวกับคําสั่งสอนของพระบาฮาอุลลาห์ใน เรื่องไม่ใช้ความรุนแรง รู้ว่าพระบาฮาอุลลาห์ ได้แยกตัวและมิได้มีส่วน เกี่ยวข้องกับการกระทําครั้งนี้ กระนั้นเธอได้ฟ้องต่อเจ้าหน้าที่ว่าพระ บาฮาอุลลาห์เป็นผู้สั่งการฆาตกรรม เจ้าเมืองพร้อมกับทหารมาล้อมบ้าน ของพระบาฮาอุลลาห์ พระองค์ถูกเรียกตัวไปที่ทําเนียบเจ้าเมืองและ คุมตัวไว้สืบสวน พระอับดุลบาฮาถูกจับเข้าคุกและล่ามโซ่ในคืนวัน แรกและวันรุ่งขึ้นได้รับอนุญาตให้มาอยู่กับพระบิดา ประมาณ 70 ชั่วโมง ผ่านไปพระบาฮาอุลลาห์ ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้สาวกอีก 25 คน ถูกจับเข้าคุกซึ่ง 6 วันต่อมาพวกเขาได้รับการปลดปล่อยและถูกควบ คุมตัวต่ออีก 6 เดือน ยกเว้นผู้ที่ก่อฆาตกรรมถูกจําคุกต่อไปอีกหลายปี จากเหตุการณ์ครั้งนี้นายทหารของกองทัพตุรกีคนหนึ่งคือนายพันอา หมัด จารอห์ ได้ยอมรับพระบาฮาอุลลาห์ด้วยตัวของเขาเอง เขาเป็น ผู้หนึ่งในจํานวนนายทหารทั้งหลายที่ร่วมอยู่ในการสืบสวนครั้งนี้ ถ้อย คําที่พระบาฮาอุลลาห์พูดในระหว่างการสืบสวนสร้างความประทับใจให้ แก่วิญญาณของเขาเป็นอย่างยิ่ง เขาตระหนักว่าพระองค์มิใช่เป็นเพียง บุคคลธรรมดาแต่เป็นผู้ที่ได้รับการประสาทอํานาจสวรรค์ หลังจากที่ เขาอ่านธรรมนิพนธ์ของพระองค์ เขามีความเข้าใจกระจ่างขึ้นจึงเข้า มาเป็นสาวกของพระองค์ ประชาชนเมืองอัคคาซึ่งไม่เป็นมิตรกับคณะผู้ถูกเนรเทศอยู่ แล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้พวกเขารุ่มร้อนด้วยความเป็นศัตรูต่อผู้ที่ แสดงตนเป็นบาไฮ คณะผู้ถูกเนรเทศถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต เป็นพวกไม่มีความจงรักภักดีและพวกชอบใช้ความรุนแรงขู่เข็ญ ลูก ๆ ของพวกเขาหากออกไปบริเวณถนนจะถูกไล่ตาม ถูกประณาม และถูกขว้างด้วยก้อนหิน ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไปประชาชนทั้งหลายเริ่ม ยอมรับความบริสุทธิ์ของพระบาฮาอุลลาห์และสาวกของพระองค์ อับบุดซึ่งเป็นญาติของยูดิ คามมอร์ และบ้านอยู่ติดกับบ้านของพระบาฮาอุลลาห์ ได้รือกําแพงที่กั้นระหว่างบ้านทั้งสองออกเพื่อติดต่อเป็น บ้านเดียวกัน เขาได้รื้อกําแพงที่เขาเป็นคนก่อเองด้วยความเกลียดชัง พระบาฮาอุลลาห์เมื่อครั้งที่เกิดฆาตกรรม ภายหลังเขาสละบ้านของ เขาโดยไปอยู่ที่อื่นทําให้ครอบครัวของพระบาฮาอุลลาห์มีที่อยู่กว้าง ขวางขึ้น เจ้าเมืองอัคคาคนเดิมซึ่งถูกปลูกฝังความไม่เป็นมิตรต่อพระบา ฮาอุลลาห์ ได้ถูกย้ายไป เจ้าเมืองคนใหม่ที่มีมนุษยธรรมและมีความ หลักแหลมมาดํารงตําแหน่งแทนคืออาหมัด บิก ความตรากตรําอย่าง ไม่หยุดหย่อนของพระอับดุลบาฮา โดยการติดต่อสัมผัสกับประชาชน ได้ พิสูจน์ถึงความสามารถของพระองค์ในการปกป้องพระบิดา เจ้าหน้า ที่ทั้งหลายที่หน่วงเหนี่ยวการกักขังสาวกผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายของพระองค์ ถูกไล่ออก เหล่านี้ล้วนเปิดทางให้กับศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าให้โผล่ ขึ้นมาด้วยความรุ่งโรจน์อีกครั้ง บาดรี จอนพยายามยุยงให้เจ้าเมืองอา หมัด บิกเกลียดชังพระบาฮาอุลลาห์ โดยนํา ?ธรรมจารึกถึงกษัตริย์ทั้ง หลาย? และธรรมนิพนธ์บางส่วนไปให้เจ้าเมืองพร้อมกับกล่าวหาว่า พระบาฮาอุลลาห์ใฝ่ฝันอยากปกครองกษัตริย์ทั้งหลาย เธอยังบ่นต่อ เจ้าเมืองคนใหม่ด้วยว่าเธอกลัวการถูกฆาตกรรมเช่นพี่ชายของเธอ อาหมัด บิก จึงส่งเธอไปที่เกาะไซปรัสเพื่อกลับไปอยู่กับสามีซึ่งที่นั่น เธอก็แสดงความรังเกียจมีร์ซา ยาห์ยอและหนีห่างจากเขา เจ้าเมือง อัคคาคนใหม่เมื่อได้อ่านธรรมจารึกทั้งหลายของพระบาฮาอุลลาห์ ได้เกิดความประทับใจ และไปพบพระอับดุลบาฮาเพื่อขอเข้าพบพระ บาฮาอุลลาห์ ซึ่งเขาได้รับอนุญาตและถูกสัมผัสโดยความรักและความยิ่ง ใหญ่ของพระองค์อย่างลึกซึ้ง เขาเสนอตนรับใช้พระองค์ซึ่งพระบาง ฮาอุลลาห์แนะนําให้เขาซ่อมแซมท่อน้ำเพื่ออํานวยประโยชน์ให้แก่ ประชาชนเมืองอัคคา เจ้าเมืองอัคคารีบปฏิบัติตามทันที ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความนับถือคุณลักษณะอันดีเด่นของพระอับดุลบาฮา อาหมัด บิก ได้ส่งลูกชายของเขามาเล่าเรียนกับพระองค์ ตัวเขาเองหาโอกาสมา นั่งที่แทบเท้าของพระอับดุลบาฮาอยู่เสมอเพื่อรับความรอบรู้จากพระ องค์ และผู้ที่เขาชอบมาขอคําปรึกษาคือคณะผู้ถูกเนรเทศ อาหมัด บิก ยินยอมให้สาวกจากต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามานมัสการพระบาฮาอุลลาห์ ซึ่งเป็นการขัดกับคําสั่งของสุลต่าน อาหมัด บิกเป็นเจ้าเมืองอัคคาอยู่ 2 ปีและถูกย้ายไป

อับดูร-รามอน พาชา เข้ามารับตําแหน่งแทนซึ่งทําให้สถานการณ์ เรมเปลี่ยนไป เขารีดไถคณะผู้ถูกเนรเทศด้วยความโลภแต่ไม่ประสบ ความสําเร็จ ดังนั้นเขาจึงรายงานไปยังคอนสแตนติโนเปิลว่าบาไฮศาสนก ชนในเมืองอัคคามิได้ถูกจําคุกแต่ประกอบอาชีพได้อย่างอิสระและไปไหนมาไหนตามสบาย รัฐบาลได้ติดต่อมาถึงเขาให้ใช้คําสั่งเดิมของ สุลต่านและนักโทษทั้งหลายไม่มีสิทธิที่จะประกอบอาชีพ คําสั่งจาก รัฐบาลได้ทําให้เขาฮึกเหิม ค่ําวันหนึ่งเขาไปพบเชค อาลีเย – มีร์ ซึ่งเป็นผู้ นําศาสนาอิสลามแห่งเมืองอัคคาและเป็นผู้ที่ชื่นชมนับถือพระอับดุล บาฮา อับดูร-รามอน พาชาบอกแผนการของเขาที่จะไปปิดร้านค้าทั้ง หมดของบาไฮศาสนิกชนและจับกุมพวกเขาไปเข้าคุกและขอการ สนับสนุนจากเชค อาลีเย-มีร์ ในคืนวันเดียวกันนั้นเชค อาลีเย-มีร์ ไปบอกพระอับดุลบาฮาเกี่ยวกับแผนการของอับดรู-รามอน พาชา เร่ง เร้าพระองค์ให้สินบนแก่เจ้าเมืองเพื่อป้องกันการถูกจับกุม พระอับดุล บาฮามิได้เชื่อฟังเขา และบอกว่าพระองค์จะวางเรื่องนี้ไว้ในมือของ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ให้เขากลับไปพักผ่อนและวางใจได้ พระอับ ดุลบาฮาไปพบพระบาฮาอุลลาห์และบอกข่าวนี้แก่พระองค์ พระบา ฮาอุลลาห์ออกคําสั่งสาวกทุกคนไม่ให้ไปทํางานในตอนเช้า และให้ มาชุมนุมกันที่ห้องรับแขกของพระอับดุลบาฮา ในตอนเช้าหัวหน้า สํานักงานโทรเลขได้มาพบพระอับดุลบาฮาที่บ้านและแสดงโทรเลข ให้พระองค์ดูซึ่งเป็นคําสั่งไล่ออก อับดูร-รามอน พาชาจากตําแหน่งเจ้า เมือง ด้วยความนับถือพระองค์อย่างสูงเขาแจ้งข่าวนี้ต่อพระองค์ก่อนที่ ให้เจ้าเมืองรับทราบ ทางฝ่ายอับดูร-รามอน พาชา ได้พาทหารจํานวน หนึ่งไปที่ร้านค้าของบาไฮศาสนิกชนในตอนเช้าแต่เขาประหลาดใจ ที่พบว่าร้านค้าทั้งหมดของบาไฮศาสนิกชนปิด เจ้าเมืองคิดว่าวันนี้พวก เขามาทํางานสายจึงรออยู่จนกระทั่งโทรเลขนั้นแจ้งมาถึงเขา พระบาฮา อุลลาห์ทรงว่ากล่าวตักเตือนอับดูร-รามอน พาชา ว่าเขาไม่สามารถขัด ขวางแผนการของพระผู้เป็นเจ้าได้ ผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าเขาหลายคนไม่เคย ประสบความสําเร็จที่ยับยั้งพระประสงค์ของพระองค์ บุคคลเหล ล้วนถูกไล่ออกจากตําแหน่งหรือไม่ก็เป็นโรคร้าย เมืองอัคคาที่มาแทนอับดูร-รามอน พาชาคือเฟย์ดี พาชา ซึ่งเคารพนับถือพระอับดุลบาฮาอย่างสูง และให้การสนับสน

คณะผู้ถูกเนรเทศ เจ้าเมืองคนต่อมาคืออับราฮิม พาชาซึ่งก็เป็น เกิตรกับบาไฮศาสนิกชน ถัดมาคือ มุสตาฟา ดียอ พาชาซึ่งมีความประ เบใจพระอับดุลบาฮาและชุมชนบาไฮอย่างมากจนเขาอนุญาตให้ พระบาฮาอุลลาห์ออกไปนอกเมืองได้อย่างอิสระเป็นการขัดคําสั่งของ สุลต่าน แต่พระองค์ก็ยังคงรักษากฎข้อบังคับโดยไม่ออกไปนอกบริเวณ เมื่อเวลาผ่านไป บรรดาผู้มีความรู้และแม้แต่อิหม่ามทั้งหลายที่อาศัย อยู่ในซีเรียได้กล่าวถึงความยิ่งใหญ่และอานุภาพของพระบาฮาอุลลาห์ ที่รุ่งเรืองขึ้น ถึงแม้พระบาฮาอุลลาห์แทบไม่อนุญาติให้ใครเข้าพบหรือ สัมภาษณ์พระองค์เหมือนสมัยที่อยู่ในแบกแดด อิทธิพลของพระองค์ ที่มีต่อประชาชนเมืองอัคคาได้แผ่ไปทั่วและทําให้พวกเขายืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและน้ำในเมืองอัคคาเป็นเพราะว่า พระองค์มาอยู่ในเมืองนี้ พวกเขากล่าวถึงพระองค์ว่าเป็น ?ฝ่าบาทผู้ ทรงเกียรติ?

วันหนึ่งพระอับดุลบาฮาได้ยินพระบิดาพูดว่า ?เราไม่ได้เห็น ทุ่งหญ้ามา 9 ปีแล้ว? พระอับดุลบาฮาซึ่งทราบดีว่าพระบิดารักธรรมชาติ จึงออกไปหาสถานที่เพื่อพระบิดาและได้เช่าบ้านว่างของ อับดุลลา พา ชาได้ด้วยราคาถูกมากเตรียมไว้ให้พระองค์ วันหนึ่งพระอับดุลบาฮา เข้าไปพบพระบิดาและกล่าวว่าบ้านได้จัดเตรียมพร้อมไว้แล้วสําหรับ พระองค์ พระบาฮาอุลลาห์ทรงปฏิเสธไม่ยอมไปและกล่าวว่า ?เรา เป็นนักโทษ? พระอับดุลบาฮาพูดอ้อนวอนพระบิดาอยู่ 3 ครั้งจนไม่ กล้ารบเร้าอีกต่อไปเมื่อพระองค์ยังคงยืนกรานปฏิเสธ ในเวลานั้นเชค อาลีเย-มีร์ เป็นนักบวชมสลิมที่มีอิทธิพลมากในเมืองอัคคา เขารัก พระบาฮาอุลลาห์มากและเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ พระอับดุลบาฮาขอให้เขาไปอ้อนวอนพระบาฮาอุลลาห์ให้ย้ายไปอาศัยที่บ้าน นอกเมืองอัคคาที่จัดไว้ให้ เชคอาลีเย-มีร์ได้เข้าไปนั่งติดกับหัวเข่า ของพระบาฮาอุลลาห์ จับมือของพระองค์แล้วจูบและถามว่า ?ทําไม พระองค์ไม่ออกไปจากเมืองนี้? พระบาฮาอุลลาห์ทรงตอบว่า ?เรา เป็นนักโทษ? เขากล่าวต่อไปว่า ?พระผู้เป็นเจ้าทรงห้าม ใครหรือที่ มีอํานาจที่จะทําให้พระองค์เป็นนักโทษ พระองค์ทรงกักขังตัวเองอยู่ ในที่คุมขัง มันคือความปรารถนาของพระองค์เองที่อยากถูกคุมขัง บัดนี้ข้าพเจ้าขอให้พระองค์ออกจากที่นี่ไปที่ตําหนักที่สวยงามและ เขียวชอุ่ม…? พระบาฮาอุลลาห์ยังคงปฏิเสธเช่นเดิม เชค อาลีเย-มีร์ ได้วิงวอนพระบาฮาอุลลาห์อยู่เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง พระองค์จึงยอม ตามคําขอร้อง เฉพาะเพียงเหตุการณ์นี้ก็ได้พิสูจน์ความสูงสุดของอํา นาจทางธรรม ความตระหง่านและความยิ่งใหญ่ของพระบาฮาอุลลาห์ ถึงแม้คําสั่งของสุลต่านผู้กดขี่ยังบังคับใช้อยู่ แต่บุคคลที่มีอิทธิพลสูง สุดในเมืองอัคคาได้มานั่งคุกเข่าด้วยความถ่อมตัวและขอให้พระองค์ ออกไปจากกําแพงเมืองอัคคา ประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งหลายใน เมืองอัคคาได้เป็นพยานต่ออํานาจและความรุ่งโรจน์ของพระองค์ นี้ คือหนึ่งในปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระบาฮาอุลลาห์ ไม่เคยมีมา ก่อนที่นักโทษที่ถูกคุมขังสามารถกระทําการต่าง ๆ ได้ด้วยอํานาจซึ่ง แผ่ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าไปทั่วทั้งตะวันออกและตะวันตกและ พิชิตโลกด้วยปากกาของพระองค์

สองปีต่อมาคือปี ค.ศ.1879 คฤหาสน์ที่ยดิ คามมอร์สร้างไว้สํา หรับตนเองและครอบครัวกลายเป็นคฤหาสน์ที่ว่างเปล่าไร้คนอาศัย เนื่องด้วยมีโรคระบาดในชนบททําให้ประชาชนหนีออกไปจากบริเวณ นั้น ยูดิ คามมอร์เสียชีวิตในปี ค.ศ.1879 และครอบครัวของเขาย้าย ไปอาศัยที่อื่น คฤหาสน์นี้จึงถูกเช่าไว้ให้พระบาฮาอุลลาห์ และต่อมาได้ซื้อไว้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันคือคฤหาสน์บบาห์จี พระบาฮาอุลลาห์ย้ายออกจากบ้านของอับดุลลา พาชา มาพํานักที่คฤหาสน์บาห์ จีในเดือนกันยายน ค.ศ.1879 และอาศัยอยู่ที่นี่จนกระทั่งพระองค์ เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ในปี ค.ศ.1892 ในระหว่างที่พระบาฮาอุลลาห์อยู่ที่ คฤหาสน์บาห์นี้ พระอับดุลบาฮาและครอบครัวยังคงอาศัยอยู่ที่เมือง อัคคา การไปเยี่ยมเมืองเบรุตของพระอับดุลบาฮาตามการเชิญของ มิดแฮท พาชา นายกรัฐมนตรีคนก่อนของตุรกีเกิดขึ้นในระหว่างปีที่ บาห์จีน ความสัมพันธ์ของพระอับดุลบาฮากับผู้นําศาสนาและผู้นํา พลเรือนทั้งหลายในเมืองนั้น การสัมภาษณ์หลายครั้งของพระองค์ กับเชค โมฮัมหมัด อับดูห์ผู้มีชื่อเสียงและต่อมาเป็นหัวหน้าผู้นําศาสนา อิสลามในอียิปต์ ซึ่งเชค โมฮัมหมัดมีความประทับใจในความรู้และ เสน่ห์ของพระอับดุลบาฮาอย่างมากจนเขาขอตามพระองค์มาที่เมือง อัคคาแต่พระองค์ทรงหยุดเขาไว้ เชค ยูซัฟ ผู้นําศาสนาอิสลามแห่งเมือง นาซาเรทให้ม้าที่สวยงามเป็นของขวัญแก่พระอับดุลบาฮาและเชิญ พระองค์ ไปที่เมืองนาซาเรท และพระอับดุลบาฮาทรงต้อนรับเขาอย่าง งดงามเมื่อเขามาเยี่ยมพระองค์ที่เมืองอัคคา เหล่านี้ล้วนส่งเสริมเกียรติ ให้แก่ชุมชนบาไฮและแผ่ชื่อเสียงออกไปกว้างไกล คําสั่งของสุลต่าน ถึงแม้จะยังไม่ล้มเลิกแต่ก็กลายเป็นคําสั่งที่ไม่มีความหมายอีกต่อไป เจ้าเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐบาลทั้งหลายต่างขอเข้าเฝ้าพระบาฮาอุลลาห์ อย่างถ่อมตัวซึ่งพระองค์แทบจะไม่ได้อนุญาต ในคฤหาสน์บาห์จีนี้เองที่ ศาสตราจารย์ อี จี บราวน์ แห่งเคมบริดจ์ ได้รับอนุญาตให้เข้าสัมภาษณ์ พระบาฮาอุลลาห์ 4 ครั้งระหว่างวันที่ 15-20 เมษายน ค.ศ.1890 พระบาฮาอุลลาห์ทรงเสด็จไปที่เมืองไฮฟ้า 4 ครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายพระองค์ – พํานักอยู่เป็นเวลา 3 เดือน ขณะเมื่อกางเต็นท์พักอยู่บนภูเขาคาเมล พระองค์ทรงเปิดเผย ?ธรรมจารึกแห่งคาเมล? ซึ่งทํานายไว้ว่า ?ในไม่ช้าพระผู้เป็นเจ้าจะแล่นเรือแห่งความรอดพ้นของพระองค์? บนภูเขา นั้น ในอีกโอกาสหนึ่งขณะที่ยืนอยู่บนภูเขาคาเมล พระบาฮาอุลลาห์ ทรงชี้บอกพระอับดุลบาฮาระบุถึงตําแหน่งสําหรับก่อสร้างสุสานของ พระบ๊อบ

การก่อตั้งหน่วยงานบาไฮในอเล็กซานเดรียสําหรับการส่งและ แจกจ่ายจดหมายโต้ตอบของพระบาฮาอุลลาห์เพิ่มจํานวนมากมาย โมฮัมหมัด มุสตาฟา สาวกที่ซื่อสัตย์ปักหลักอยู่ที่เมืองเบรุตช่วยอํานวย ความสะดวกและปกป้องผลประโยชน์ของผู้มานมัสการทั้งหลายที่ เดินทางผ่านมาที่เมืองนี้ ความคล่องตัวในการติดต่อระหว่างพระบาฮา อุลลาห์กับศูนย์กลางศาสนาที่เพิ่มจํานวนขึ้นในเปอร์เซีย อิรัค คอเคซัส เตอร์กีสถานและอียิปต์ ภาระหน้าที่ซึ่งพระองค์มอบหมายให้จามาล เอฟเฟนดิริเริ่มรณรงค์การสอนศาสนาในอินเดียและพม่า การแต่งตั้ง สาวกบางคนของพระองค์เป็นพระหัตถ์ศาสนา การปฏิสังขรณ์บ้าน อันศักดิ์สิทธิ์ของพระบ๊อบในเมืองชีราซ ผู้เข้ามาในศาสนาบาไฮเพิ่ม ขึ้นมากมายที่มาจากชาวยิว ชาวโซโรแอสเตรียนและพุทธศาสนิกชน เหล่านี้ได้เป็นพยานต่อพลังชีวิตที่ปลดปล่อยโดยพระบาฮาอุลลาห์ซึ่ง ศัตรูทั้งหลายถึงแม้จะมีอํานาจเพียงไหนก็ไม่สามารถทําลายได้ พระ บาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า ?สุลต่านแห่งออตโตมานได้ลุกขึ้นกดขี่เรา โดยไม่มีเหตุผลและส่งเรามาที่ป้อมเมืองอัคคา คําสั่งของเขาบัญ ชาว่าไม่ควรให้ใครสมาคมกับเราและเราควรเป็นที่เกลียดชังของทุกคน ด้วยเหตุนี้อํานาจของพระผู้เป็นเจ้าได้แก้แค้นให้เราอย่างฉับพลัน เริ่มแรกโดยการปลดปล่อยพายุทําลายล้างรัฐมนตรีสองคนซึ่งเป็นที่ไว้ วางใจของเขาคืออาลีและฟูออด หลังจากนั้นอํานาจนั้นได้เหยียด ออกไปม้วนเก็บเกราะของอาซีส..? พระอับดุลบาฮาทรงกล่าวพาดพิง ไว้เช่นกันว่า ?ศัตรูของพระองค์มุ่งมั่นว่าการถูกคุมขังของพระองค์จะทําลายศาสนาที่ได้รับพรนี้อย่างสมบูรณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วคุก นี้คือการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและกลายเป็นวิธีการการพัฒนาศาสนา?

?ยิ่งไปกว่านั้นพระอับดุลบาฮาทรงยืนยันต่อไปอีกว่าได้ทรงยกระดับศาสนาของพระองค์ในคุกอันยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ จากคุกนี้แสงของพระองค์ฉายออกไปกว้างไกล ชื่อเสียงของพระองค์ พิชิตโลก และการประกาศศาสนาของพระองค์ไปถึงโลกตะวันออก และโลกตะวันตก…ตราบจนกระทั่งสมัยของเราไม่เคยมีสิ่งดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นมาก่อน? แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าได้เปลี่ยนคุกให้เป็นสวรรค์ที่ประเสริฐสุด

ต่อมากษัตริย์และผู้นําศาสนาทั้งหลายของโลกที่กุมอํานาจและ มีความรับผิดชอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ต่อข้าแผ่นดินและสาวกทั้งหลาย ของพวกเขา ซึ่งในอเดรียโนเปิ้ลพระบาฮาอุลลาห์ ได้มีธรรมจารึกถึง พวกเขาโดยส่วนรวมและเฉพาะเจาะจงเป็นบางคนเป็นการวิงวอน ว่า กล่าวตักเตือนพวกเขาให้เอาใจใส่ต่อการเปิดเผยศาสนาของพระองค์ ในเมืองอัคคานี้พระบาฮาอุลลาห์ทรงมีดํารัสถึงพวกเขาเป็นครั้งที่สอง ซึ่งบางตอนจารึกอยู่ในพระคัมภีร์คีตาบี-อัดดัส พระองค์ทรงเรียก ร้องพวกเขาให้ยึดอยู่กับกฏอันยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์ ทรงประกาศว่า พระองค์คือกษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งหลายและพวกเขาคือคนรับใช้ของ พระองค์ ทรงปฏิเสธเจตนาใดๆ ที่จะยึดครองอาณาจักรของพวกเขา ทรงบัญชาให้พวกเขาละทิ้งวังและรีบเข้ามาสู่อาณาจักรของพระองค์ ทรงยกย่องกษัตริย์ที่ลุกขึ้นช่วยเหลือศาสนาของพระองค์เป็นดั่งดวง ตาของมนุษยชาติ

ในธรรมจารึกถึงพระราชินีวิคตอเรีย พระองค์ทรงเชิญกษัตริย์ ทั้งหลายให้ยึดมั่นอยู่กับสันติภาพรองเนื่องด้วยพวกเขาได้ปฏิเสธ สันติภาพอันยิ่งใหญ่ที่สุด ทรงเคี่ยวเข็ญพวกเขาให้ปรองดองกันและลดอาวุธ ทรงบัญชาพวกเขาให้ละเว้นการสัมภาระที่หนักเกินไป ให้แก่ข้าแผ่นดินทั้งหลายผู้เป็นสิ่งมีค่าของพวกเขา ทรงพร่ําสอน หลักการที่ว่าหากกษัตริย์องค์ใดเตรียมพร้อมเข้าปะทะอีกฝ่ายหนึ่ง กษัตริย์ทั้งหมดต้องลุกขึ้นต่อต้านเขา และทรงเตือนพวกเขาอย่า ปฏิบัติกับพระองค์ดังเช่นกษัตริย์ของอิสลามและรัฐมนตรีทั้งหลาย ของเขาที่ได้กระทําต่อพระองค์

สําหรับพระเจ้านโปเลียนที่ 3 ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่มีอิทธิพลสูงสุดใน โลกตะวันตกในสมัยนั้น ผู้ซึ่งได้โยนทิ้งธรรมจารึกแรกที่พระบาฮา อุลลาห์ทรงดํารัสเป็นการลองใจและกล่าวดูถูกเหยียดหยามธรรมจารึก นั้น ครั้งที่สองนี้พระองค์ทรงมีดํารัสต่อเขาด้วยภาษาและท่วงทํานอง แห่งอํานาจสูงสุด ทรงประกาศว่าเขาจะต้องล้มทลายลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากเขาจะแก้ตัวโดยการลุกขึ้นรับใช้ศาสนาพระองค์: ?ดูกร กษัตริย์ แห่งปารีส จงบอกพระให้เลิกสั่นกระดิ่งอีกต่อไป โดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นหนึ่งโดยแท้จริง กระดิ่งอันทรงอํานาจที่สุดได้ปรากฏอยู่ใน รูปของพระผู้ทรงเป็นพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุด และนิ้วมือของพระ ประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าสั่นกระดิ่งนี้อยู่ในสวรรค์แห่งความเป็น อมตะในพระนามของพระองค์ พระผู้ทรงความศริรุ่งโรจน์ ดูกร กษัตริย์ จงหันหูมายังเสียงที่เรียกมาจากอัคคีที่ลูกอยู่ในต้นไม้เขียวสดนี้ โดยแท้จริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา พระผู้ทรงประทาน อภัย พระผู้ทรงปรานีสูงสุด..หากถ้อยคําของเจ้ามีความจริงใจ เจ้าคง ไม่ปัดพระคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าไปข้างหลังเมื่อพระคัมภีร์นั้นถูก ส่งไปยังเจ้าโดยพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงปรีชาญาณ เราได้ พิสูจน์เจ้าด้วยพระคัมภีร์นั้นและพบว่าเจ้ามิได้เป็นดังเช่นที่เจ้าอ้างตัว จงลุกขึ้นและแก้ตัวสําหรับสิ่งที่ได้หนีไปจากเจ้า ในไม่ช้าโลกและ ทั้งหมดที่เจ้าครอบครองจะต้องสูญสิ้น และอาณาจักรจะคงอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้าและพระผู้เป็นนายของบรรพบุรุษ ของเจ้า เป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะไม่ดําเนินธุรกิจทั้งหลายตามที่บงการ โดยความอยากของเจ้า จงเกรงกลัวเสียงถอนหายใจของพระผู้ถูกประ ทุษร้ายนี้และจงป้องกันพระองค์จากลูกดอกของผู้ที่ปฏิบัติอย่างไม่ ยุติธรรม สําหรับสิ่งที่เจ้าได้กระทํา ราชอาณาจักรของเขาเจ้าจะถูก เหวียงลงไปอยู่ในความสับสน และจักรวรรดิ์ของเจ้าจะหลุดไปจาก มือเป็นดั่งการลงโทษสําหรับสิ่งที่เจ้ากระทํา เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเจ้าได้ กระทําผิดพลาดอย่างชัดเจน ความโกลาหลจะครอบงําประชาชนทั้ง หมดในดินแดนนั้นนอกจากเจ้าจะลุกขึ้นช่วยศาสนานี้? ธรรมจารึก นี้เปิดเผยเป็นภาษาอาหรับและส่งมอบให้แก่กงศุลฝรั่งเศสในอัคคา ซึ่งเขาเป็นผู้แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสและส่งไปให้พระเจ้านโปเลียนที่ 3 ในปีค.ศ. 1869 ท่วงทํานองของวจนะในธรรมจารึกนี้มีผลกระทบความ รู้สึกอย่างลึกซึ้งต่อกงศุลฝรั่งเศส เขาเข้ามาเป็นสาวกของพระบาฮาอุล ลาห์เมื่อได้เห็นความพิศวงที่คําทํานายของพระบาฮาอุลลาห์บังเกิด ขึ้นจริงในเวลาอันรวดเร็ว สงครามซีดานปี ค.ศ. 1870 ได้กําหนดชะตา ของจักรพรรดิ์แห่งฝรั่งเศส กองทัพของพระเจ้านโปเลียนถูกตีแตก ตัวเองถูกจับเป็นนักโทษและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในฐานะผู้ถูกเนรเทศ |

สําหรับผู้ปกครองทั้งหลายของสาธารณรัฐอเมริกา พระองค์ ทรงเรียกร้องพวกเขาให้ประดับวิหารของอาณาจักรด้วยความยุติธรรม ด้วยความเกรงกลัวและการระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า ทรงประกาศว่าศาสนทูต ตามพันธะสัญญาถูกแสดงให้ปรากฏแล้ว ทรงแนะนําพวกเขาให้รับ ความกรุณาจากยุคนี้ของพระผู้เป็นเจ้า ต่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 แห่งรัสเซีย พระองค์ทรงประกาศถึงการเสด็จมาของพระบิดาตาม พันธะสัญญาซึ่งอิสซิยาได้ยกย่องไว้ ทรงบัญชาเขาให้ลุกขึ้นเรียกชาติ ทั้งหลายมาสู่พระผู้เป็นเจ้า ทรงเตือนเขาให้ระวังเพื่อมิให้อํานาจการปกครองของเขาพรากเขาไปจากพระผู้ทรงเป็นประมุขสูงสุด ทรงรับรอง ความช่วยเหลือที่ทูตของเขาในเมืองเตหะรานให้แก่พระองค์ และทรง เตือนเขาให้รักษาฐานะที่บัญญัติไว้ให้แก่เขาโดยพระผู้เป็นเจ้า สํา หรับกษัตริย์วิลเลียมที่ 1 จักรพรรดิ์แห่งเยอรมัน พระองค์ทรงบัญชา ให้เขาฟังเสียงของพระองค์ซึ่งเป็นเสียงของพระผู้เป็นเจ้า ทรงเตือน เขาให้เอาใจใส่เพื่อมิให้ความทะนงของเขากั้นตัวเขาเองจากการ ยอมรับการเปิดเผยศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ทรงว่ากล่าวตักเตือนเขา ให้ระลึกถึงพระเจ้านโปเลียนที่ 3 ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าเขาและต้องพบกับความ สูญเสียอันยิ่งใหญ่ ทรงทํานายถึงริมฝั่งแม่น้ำไรน์ที่จะต้องโซกไปด้วย เลือด ทรงทํานายถึงความเศร้าโศกของเมืองเบอร์ลินถึงแม้ว่าในปัจจุบัน มันจะอยู่ในความรุ่งโรจน์ สําหรับฟรานซีส โจเซฟจักรพรรดิ์แห่ง ออสเตรียพระองค์ทรงตําหนิเขาในฐานะที่เขาได้ละเลยไม่ไต่ถามเกี่ยว กับพระองค์เมื่อครั้งที่เขามานมัสการที่เมืองเยรูซาเล็ม ทรงว่ากล่าวที่ เขาเป็นผู้ที่ไม่เอาใจใส่และสลดใจที่ได้เห็นความดื้อของเขา ทรง บัญชาให้เขาเปิดดวงตาและจ้องมองประทีปที่ฉายแสงมาจากขอบฟ้า อันรุ่งเรือง

สําหรับนายกรัฐมนตรีอาลี พาชา พระองค์ทรงว่ากล่าวเขาเป็น ครั้งที่สอง ทรงตําหนิความโหดร้ายและการกดขี่ของเขา ทรงตําหนิเขา เป็นดั่งบรรดาบุคคลในอดีตทั้งหลายที่ประณามศาสนทูตว่าเป็นผู้กระ พื่อความชั่วร้าย ทรงทํานายถึงการล้มทลายของเขา ทรงสาธกเกี่ยว กับความทุกข์ทรมานของพระองค์และคณะผู้ถูกเนรเทศ ทรงทํานาย ว่าความโกรธแค้นของพระผู้เป็นเจ้าจะจับเขาและรัฐบาลของเขา การ ปลกปั่นความไม่สงบจะบังเกิดขึ้นและอาณาจักรของเขาจะถูกทําลาย และทรงพาดพิงถึงการตายของรัฐมนตรีต่างประเทศฟูออด พาชา ตาม ที่พระองค์ได้ทรงทํานายไว้ก่อนเกี่ยวกับความหายนะของเขาทั้งสอง

ในข่าวสารถึงผู้นําของทุกศาสนาและทุกนิกายทั่วโลก พระ องค์ทรงดํารัสอย่างเปิดเผยและเน้นไว้ไม่น้อยไปกว่ากัน พระบาฮาอุล ลาห์ทรงเปิดเผยคํากล่าวอ้างของศาสนาของพระองค์ ทรงเรียกพวก เขาให้เอาใจใส่ต่อเสียงเรียกของพระองค์ และในบางรายพระองค์ทรง ประณามความวิปริต ความหยิ่งและการกดขี่ของพวกเขา พระองค์ทรง บัญชาให้พวกเขาเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าและสลัดทิ้งความคิดฟุ้งซ่าน และจินตนาการอันไร้สาระทั้งหลาย ทรงเตือนพวกเขาอย่าชั่งพระคัม ภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าด้วยมาตรฐานและศาสตร์ทั้งหลายที่ใช้กันใน หมู่พวกเขา ทรงเศร้าสลดต่อความตาบอดและความดื้อดึงของพวกเขา ทรงประกาศถึงความรู้ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้แก่พระองค์ ทรงเตือน พวกเขามิให้ปิดม่านกําบังประชาชน ทรงเรียกร้องพวกเขาให้ไตร่ตรอง สิ่งที่พระองค์ส่งมาให้แก่พวกเขาด้วยความเที่ยงธรรมและจงอย่าลบ ล้างสัจจธรรมด้วยสิ่งที่พวกเขาครอบครอง

สําหรับพระสันตะปาปาไพอัสที่ 9 ผู้ครองอํานาจสูงสุดในโลก คริสเตรียน พระบาฮาอุลลาห์ขณะที่เป็นนักโทษอยู่ในโรงทหารทรง ประกาศต่อเขาว่าพระผู้เป็นนายได้เสด็จมาในก้อนเมฆแล้ว ทรงเตือน เขามิให้โต้แย้งพระองค์ดังเช่นชาวยิวโต้แย้งพระเยซูคริสต์ ทรงบัญชา ให้เขาละทิ้งวังและขายเครื่องประดับทั้งหมดที่เขาครอบครองและใช้ มันในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า ให้เขาลุกขึ้นเรียกประชาชนทั้งหลาย ของโลกให้เข้ามาสู่ศาสนาของพระองค์ ทรงเตือนเขาให้ระวังมิให้ความ มีดมาเป็นม่านกําบัง ทรงแนะนําเขาให้เดินตามรอยเท้าของพระผู้เป็น นายและเดินตามตัวอย่างของพระองค์ ต่อผู้นําทั้งหลายของคริส เตียน พระองค์ทรงบัญชาโดยประกาศถึงการเสด็จมาของศาสนทูตตาม พันธะสัญญา ทรงเคี่ยวเข็ญพวกเขาให้เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าและอย่า เดินตามจินตนาการอันไร้สาระแห่งความงมงาย ทรงสั่งให้พวกเขาละทิ้งสิ่งทั้งหลายที่พวกเขาครอบครองและยึดมั่นอยู่กับอานุภาพของพระผู้ เป็นเจ้า ต่อพระราชาคณะของคริสเตียน พระองค์ทรงประกาศคล้าย กันว่าพระผู้เป็นนายของมนุษย์ทั้งหมดได้เสด็จมาแล้วและพวกเขา ถูกนับรวมกับบรรดาผู้ที่เป็นคนตาย ทรงประกาศว่าความยิ่งใหญ่และ พระพรจงมีแด่ผู้ที่ถูกกระพือขึ้นโดยลมของพระผู้เป็นเจ้าและลุกขึ้น มาจากท่ามกลางหมู่คนตายเข้ามาในศาสนานี้ ต่อนักบวชคริสเตียน ทั้งหลาย พระองค์ทรงบัญชาพวกเขาให้ออกมาจากโบสถ์ ทรงเคียวเข็ญ พวกเขาให้ประกาศพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่ชาติทั้งหลาย ทรง เตือนพวกเขาว่าวันแห่งการคิดบัญชีได้มาถึงแล้วและแนะนําพวกเขา ให้หันมาสู่พระผู้เป็นนาย พระผู้ทรงประทานอภัย พระบาฮาอุลลาห์ ยังทรงดํารัสไว้มากมายหลายตอนต่อบรรดาพระทั้งหลายซึ่งพระองค์ ทรงบัญชาพวกเขามิให้แยกตัวตามลําพังอยู่ในโบสถ์หรือวัด ให้พวก เขาปฏิบัติสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองและต่อมนุษย์ทั้งหลาย ทรง บัญชาพวกเขาให้แต่งงาน ทรงยืนยันว่าหากพวกเขาตัดสินใจเดินตาม พระองค์ พวกเขาจะได้เป็นทายาทของอาณาจักรของพระองค์ และ ถ้าหากพวกเขาฝ่าฝืนต่อต้านพระองค์ พระองค์จะทนความทรมานด้วย ความอดทน ต่อสาวกทั้งหลายของพระเยซูคริสต์ พระบาฮาอุลลาห์ ทรงแสดงตนว่าพระองค์คือพระบิดาที่กล่าวไว้โดยอิสซิยา คือพระ วิญญาณแห่งสัจจธรรมที่จะนําพวกเขาไปสู่สัจจธรรมทั้งหมด ทรงบัญชา พวกเขาให้ฉีกม่านกําบังทิ้งและเข้ามาสู่อาณาจักรของพระองค์ ทรง เตือนพวกเขาให้ระลึกถึงสิ่งที่พระเยซูกล่าวต่อปีเตอร์ และทรงยืนยันว่า หากพวกเขาตัดสินใจเดินตามพระองค์ พระองค์จะทําให้พวกเขาเป็นผู้ กระตุ้นมนุษยชาติ

ต่อคณะนักบวชมุสลิมทั่วทั้งหมดพระองค์ทรงใช้คําพูดที่รุนแรง ประณามความโหดร้ายของพวกเขา ทรงตําหนิความหยิ่งและความทะนงของพวกเขา ทรงเรียกร้องให้พวกเขาละทิ้งสิ่งที่ครอบครอง ให้สงบ ปากและฟังวจนะที่พระองค์ดํารัส ทรงยืนยันว่าการกระทําของพวกเขาทํา ให้ฐานะอันประเสริฐของประชาชนและมาตรฐานของอิสลามตกต่ําลง ต่อเหล่านักบวชมุสลิมในเปอร์เซีย พระองค์ทรงประณามการกระทํา ของพวกเขา และทํานายว่าความรุ่งโรจน์ของพวกเขาจะกลับกลายเป็น ความต่ําต้อยอันน่าสังเวชที่สุด และพวกเขาจะได้เห็นการถูกลงโทษ ของพวกเขาตามที่ปะกาศิตไว้โดยพระผู้เป็นเจ้า

สําหรับประชาชนชาวยิว พระองค์ทรงประกาศว่าพระผู้ทรงความ งามบรมโบราณปกครองอยู่บนบัลลังก์ของเดวิด จากไซออนได้ปรากฏสิ่ง ที่ซ่อนเร้นอยู่ และจากเยรูซาเล็มสามารถได้ยินเสียงของพระผู้เป็นเจ้า ต่อนักบวชระดับสูงทั้งหลายของศาสนาโซโรแอสเตรียน พระองค์ทรง ประกาศว่าความรอดพ้นอยู่ในสิ่งที่พระองค์กล่าว มือของพระผู้ทรงอํา นาจได้เหยียดออกมาจากหลังก้อนเมฆ และทรงประกาศว่าการกระทํา ใด ๆ ของมนุษย์จะไม่เป็นที่ยอมรับในยุคนี้นอกจากพวกเขาจะหัน มาสู่พระผู้ทรงอํานาจ

การประกาศอันยิ่งใหญ่และพิเศษเฉพาะอย่างไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่เริ่มต้นของโลกนี้ ได้โหมโรงนํามาก่อนการเปิดเผยที่ยิ่งใหญ่ กว่าและเป็นลักษณะเด่นที่สุดของภาระหน้าที่ของพระบาฮาอุลลาห์ นั่นคือพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัสซึ่งเป็นคลังสําคัญของกฎทั้งหลายที่ ศาสนทูตอิสซิยาได้คาดการณ์ไว้ บทบัญญัติทั้งหลายในพระคัมภีร์นี้ จะคงอยู่อย่างไม่สามารถฝ่าฝืนได้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1,000 ปี ซึ่งระ บบของมันจะสวมกอดตลอดทั้งดาวนพเคราะห์ดวงนี้ พระคัมภีร์อันศักดิ์ สิทธ์ที่สุดและเป็นพระคัมภีร์แม่บทของศาสนาบาไฮนี้ จะใช้เป็นกฎ หมายสําหรับระบบแห่งโลกอันใหม่ของพระองค์ พระบาฮาอุล ลาห์ทรงเปิดเผยพระคัมภีร์นี้ในปี ค.ศ. 1873 ขณะที่อาศัยอยู่ในบ้านของยูดิ คามมอร์ ขณะถูกล้อมรอบไปด้วยความทุกข์ยากจากศัตรูทั้ง หลายของพระองค์ พระคัมภีร์นี้ซึ่งเป็นสิ่งล้ําค่าอันประเมินมิได้ของ การเปิดเผยศาสนาของพระองค์ เป็นพระคัมภีร์ที่พิเศษและหาที่เปรียบ มิได้ในบรรดาพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของโลกด้วยหลักธรรมที่ มันพร่ําสอน ด้วยสถาบันการบริหารที่มันบัญญัติและหน้าที่ของผู้สืบ ทอดศาสนาที่มันประสิทธิ์ประสาท ไม่เหมือนพระคัมภีร์ทั้งหลาย หรือคัมภีร์ไบเบิ้ลซึ่งคําพูดที่มาจากพระเยซูมิได้แสดงแนวทางที่ชัด เจนเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจของศาสนาในอนาคต ไม่เหมือนพระ คัมภีร์กุรอ่านซึ่งถึงแม้จะมีกฎและบัญญัติแสดงไว้ชัดเจนก็มิได้กล่าว ถึงการสืบทอดศาสนา พระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัสมิเพียงกําหนดกฎ และเทศบัญญัติพื้นฐานซึ่งจะเป็นที่ตั้งของโครงร่างของระบบแห่งโลก ในอนาคตเท่านั้น แต่ยังบัญญัติหน้าที่ของการตีความหมายที่ประทาน ให้แก่ผู้สืบทอดศาสนาและสถาบันทั้งหลายที่จะปกป้องเอกภาพและ บูรณภาพของศาสนา

ในพระคัมภีร์คีตาบี-อัคดัสได้บัญญัติสถาบันสภายุติธรรมสา กล พาดพิงถึงผู้ที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งพระกติกาในอนาคตและมอบอํา นาจในการตีความหมายพระวจนะของพระองค์ กล่าวเป็นนัยถึงสถาบัน ศาสนภิบาล เป็นพยานต่อผลกระทบที่จะปฏิวัติมนุษย์โดยระบบแห่ง โลกอันใหม่ของพระองค์ ยืนยันถึงความไม่มีผิดพลาดของศาสนทูต ของพระผู้เป็นเจ้าและจะไม่มีพระศาสดามาปรากฏก่อน 1,000 ปีจะ ผ่านไป ในพระคัมภีร์นี้พระบาฮาอุลลาห์ทรงบัญญัติการสวดมนต์ ระ บุช่วงเวลาการถือบวช ห้ามการชุมนุมสวดมนต์เว้นแต่การสวดมนต์ ให้แก่คนตาย ก่อตั้งฮุคุคุลลา วางกฎของการสืบมรดก บัญญัติสถาบัน มัชริคุล-อัดคาร์ สถาปนางานฉลองบุญ 10 วัน เทศกาลต่าง ๆ ของบา ไฮและวันอัยยัมมีฮา ล้มเลิกสถาบันนักบวช ห้ามการมีทาส การทรมานตนเอง การภิขาจาร ห้ามการใช้ชีวิตสันโดษอยู่ในวัด ห้ามการลงโทษ ตนเองและการเทศน์ ประณามการทารุณสัตว์ ความเกียจคร้าน การ นินทาและการใส่ร้าย ตําหนิการหย่าร้าง ห้ามการพนัน การใช้สิ่งเสพ ติดหรือเครื่องดื่มมึนเมา ระบุการลงโทษสําหรับฆาตกร การลอบวาง เพลิง การผิดประเวณีและการขโมย เน้นความสําคัญของการแต่งงาน และวางเงื่อนไขที่จําเป็น กําหนดข้อบังคับให้ประกอบวิชาชีพหรือ การค้าขาย เน้นความจําเป็นของการจัดหาวิธีการให้การศึกษาเด็ก และกํา หนดหน้าที่ให้ทุกคนทําพินัยกรรมและเชื่อฟังรัฐบาลอย่างเคร่งครัด กฎและเทศบัญญัติเหล่านี้จะเป็นวิธีการสูงสุดในการรักษาระเบียบ ของโลกและความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งในไม่ช้าอานุภาพและ อิทธิพลอันแผ่ซ่านของมันจะถูกแสดงให้ปรากฎบนโลก

นอกเหนือไปจากบทบัญญัติเหล่านี้พระบาฮาอุลลาห์ยังทรง เคี่ยวเข็ญสาวกทั้งหลายให้คบค้ากับศาสนิกชนในศาสนาอื่นด้วยความ รักและความปรองดอง ทรงเตือนพวกเขาให้ป้องกันความบ้าคลั่งศาสนา ป้องกันการปลุกปั่นความไม่สงบ ความทะนงและการโต้แย้งถกเถียง ทรงพร่ําสอนถึงความสะอาดที่ปราศจากมลทิน ความสัตย์ ความบริสุทธิ์ อันไม่มีด่างพร้อย ความไว้ใจได้ ความจงรักภักดี ความสุภาพอ่อนโยน ความอดทนและความยุติธรรม ทรงเรียกร้องสาวกทั้งหลายให้ลุกขึ้น รับใช้ศาสนา ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงกล่าวถึงความไม่มั่นคงของธุรกิจ ทั้งหลายของมนุษย์ ทรงประกาศว่าอิสรภาพที่แท้จริงอยู่ที่การยอมจํานน ของมนุษย์ต่อบัญญัติทั้งหลายของพระองค์ ทรงเตือนพวกเขามิให้ ผ่อนผันกฎข้อบังคับของพระองค์ ทรงกําหนดหน้าที่สองอย่างที่ แยกจากกันไม่ได้คือการยอมรับการเปิดเผยศาสนาของพระองค์และ การปฏิบัติตามเทศบัญญัติทั้งหลายที่เปิดเผยไว้ การละทิ้งหน้าที่ใด หน้าที่หนึ่งจะไม่ได้รับการยอมรับ

กฎมูลฐานทั้งหลายของศาสนาของพระองค์ได้รับการเปิดเผย ติดตามมาเมื่อภาระหน้าที่ของพระองค์ใกล้จะสิ้นสุดลงโดยการแถลง หลักธรรมที่เป็นแกนของศาสนา โดยการยืนยันสัจจธรรมที่พระองค์ ได้ประกาศไว้แล้ว โดยการอธิบายชี้แจงกฎบางอย่างที่พระองค์ทรงวาง ไว้ โดยการเปิดเผยคําทํานายและคําเตือนเพิ่มเติม โดยการสถาปนา เทศบัญญัติทั้งหลายเพื่อเสริมกับบัญญัติในพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ที่ สุด สิ่งเหล่านี้บันทึกไว้ในธรรมจารึกจํานวนนับไม่ถ้วนซึ่งพระองค์ทรง เปิดเผยต่อเนื่องกันไปจนวันสุดท้ายของพระองค์ เช่น Splendors, Glad Tidings, Ornaments, Effulgence, Words of Paradise, Most Holy Tablet, Tablet of the World, Tablet of Magsud หลักธรรมที่สําคัญที่สุดในบรรดาหลักธรรมทั้งหลายที่เปิดเผยไว้เหล่า นี้คือ ?ความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติ? ซึ่งควรถือว่าเป็น สัญลักษณ์ของการเปิดเผยศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์และเป็นแกน กลางของคําสั่งสอนของพระองค์ พระองค์ทรงประกาศว่า ?โลกนี้เป็น เพียงแผ่นดินเดียวและมนุษยชาติคือพลเมืองของมัน? ทรงยืนยันว่า การประสานสามัคคีมนุษยชาติซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการพัฒนา ไปสู่ความสมบูรณ์จะบังเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ พระองค์ทรงเร่งเร้า ให้มีการลดอาวุธและประกาศถึงความจําเป็นที่จะต้องมีการเรียกประชุม ของโลก ซึ่งกษัตริย์และผู้ปกครองทั้งหลายจะปรึกษากันในการสถาปนา สันติภาพในหมู่ชาติทั้งหลาย ทรงยกย่องความยุติธรรมคือประทีปและ ผู้พิทักษ์ของมนุษย์ ทรงยืนยันว่าระเบียบของโลกและความสงบของ มนุษยชาติต้องขึ้นอยู่กับความยุติธรรม พระองค์ทรงสถาปนาการปรึกษา หารือเป็นหนึ่งในหลักธรรมมูลฐานทั้งหลายและประกาศว่ามันคือประ ทีปแห่งการนําทางและเป็นผู้ให้ความกระจ่าง ทรงกล่าวว่าความรู้เป็น ดั่งปีกของมนุษย์และบันไดไปสู่ความเจริญและเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะศึกษาหาความรู้ ทรงรับรองความเป็นหนี้บุญคุณของประชาชน ที่มีต่อนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทรงห้ามปรามการศึกษาศาสตร์ ต่าง ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่มนุษยชาติ ทรงย้ําถึงความจําเป็น ในการใช้ภาษาสากลเพียงหนึ่งภาษาและทรงเศร้าใจต่อการเสียเวลาใน การศึกษาภาษาต่าง ๆ มากมาย สําหรับสภายุติธรรมสากลพระองค์ทรง มอบหมายหน้าที่ในการออกกฎหมายที่มิได้ระบุไว้ในธรรมนิพนธ์ ของพระองค์และทรงสัญญาว่าพระผู้เป็นเจ้าจะ ?ดลใจพวกเขาในสิ่ง ที่พระองค์ปรารถนา? การสถาปนารัฐบาลรัฐธรรมนูญซึ่งเชื่อมอุดม คติของสาธารณรัฐและการปกครองโดยกษัตริย์เข้าด้วยกันได้รับการ แนะนําจากพระองค์ว่าเป็นความสําเร็จอันน่าสรรเสริญ พระคัมภีร์สําคัญ ที่สุดที่ทรงเปิดเผยในช่วงท้ายของชีวิตคือประมาณหนึ่งปีก่อนที่พระ องค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ คือ ?สาส์นถึงลูกสุนัขป่า? ซึ่งพระองค์ทรง เรียกร้องนักบวชมุสลิมผู้โหดร้ายให้เสียใจต่อการกระทําของเขาและ ทรงแสดงข้อพิสูจน์ของศาสนาของพระองค์

การเปิดเผยศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ประกอบด้วยพระ คัมภีร์หนึ่งร้อยเล่มซึ่งเต็มไปด้วยคําเคี่ยวเข็ญจํานวนนับไม่ถ้วน กฎ และเทศบัญญัติทั้งหลายสําหรับการจัดรูปร่างของโลก คําเตือนอันน่า กลัวและคําทํานายที่พิเศษผิดธรรมดา บทอธิษฐานยกระดับจิตวิญญาณ คําอธิบายต่าง ๆ ที่ให้ความกระจ่าง คําพูดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึก ซึ่งโปรยปรายไปด้วยคําดํารัสพาดพิงถึงกษัตริย์ จักรพรรดิ์ รัฐมนตรีทั้ง หลายทั้งโลกตะวันออกและโลกตะวันตก พาดพิงถึงนักบวชนิกายต่างๆ ถึงผู้นําทางความคิด ผู้นําทางการเมือง ทางวรรณคดี ทางธุรกิจการค้า และวงกิจกรรมการสงเคราะห์ เป็นการสํารวจขอบเขตของการเปิดเผย ศาสนาอันไพศาลและหนักหน่วงนี้พระองค์ทรงจารึกว่า ?โดยแท้จริง แล้วเรามิได้บกพร่องในหน้าที่ของเราในการว่ากล่าวตักเตือนมนุษย์และในการส่งมอบสิ่งที่เราได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงอํา นาจ พระผู้ทรงเป็นที่สรรเสริญ? และพระองค์ทรงกล่าวต่อไปว่า ?มี ข้อแก้ตัวเหลืออีกไหมสําหรับใครก็ตามในการเปิดเผยศาสนานี้ ไม่ โดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งบัลลังก์อันทรงอํานาจ สัญลักษณ์ ของเราได้ห้อมล้อมโลกเอาไว้แล้วและอํานาจของเราได้ห่อหุ้มมนุษย ชาติทั้งหมดแล้ว?

บทที่ 15

สถานการณ์ของบาไฮศาสนิกชนในเปอร์เซีย

สมัยเมื่อพระบอบประกาศศาสนา ในเปอร์เซียมีประชาชน ของศาสนากลุ่มน้อยอยู่สามศาสนาคือชาวโซโรแอสเตรียน ชาวยิว และคริสเตียน ประชาชนส่วนใหญ่ของเปอร์เซียเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ ในหมู่ 3 ศาสนาย่อยนี้ชาวยิวและชาวโซโรแอสเตรียนได้รับการปฏิบัติ ด้วยความดูถูกเหยียดหยาม และถูกประหัตประหารบ่อยครั้งโดยฝูงชน ที่บ้าคลั่งศาสนา คริสเตียนมีอิสรภาพและได้รับการนับถือมากกว่าเพราะ พวกเขามีพันธะทางศาสนากับรัฐบาลประเทศทางยุโรปซึ่งมีอิทธิพล ต่อประเทศเปอร์เซียมากในสมัยนั้น ชาวยิวและชาวโซโรแอสเตรียน เป็นประชาชนที่ถูกริดรอนสิทธิและอาศัยอยู่ในย่านของชนชั้นต่ํา ใน ความสัมพันธ์กับชาวมุสลิมพวกเขาต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับจํา นวนหนึ่งเช่น ต้องแสดงความเคารพชาวมุสลิมเมื่อพบกันบนถนน ห้ามถกเถียงกับชาวมุสลิม พวกเขาต้องไม่เดินเทียบกับชาวมุสลิม แต่ต้องเดินอยู่หลังชาวมุสลิมประมาณ 2 ก้าว ต้องไม่แตะต้องเสื้อผ้า ของชาวมุสลิมมิฉะนั้นเสื้อผ้านั้นจะกลายเป็นมลทิน เงินที่ชาวยิวหรือ ชาวโซโรแอสเตรียนหยิบส่งให้กับมุสลิมที่เคร่งครัดจะถูกนําไปล้างเสีย ก่อนที่เขาจะเอาใส่กระเป๋า เหตุการณ์ที่จุดไฟแห่งความโกลาหลใน ชุมชนชาวโซโรแอสเตรียนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองยาซด์มักจะเกิดขึ้น เป็นประจํา นักบวชชาวมุสลิมได้ใช้อํานาจกดขี่พวกเขาอย่างมากและ มักหาข้ออ้างหรือแต่งเรื่องมาเอาความกับพวกเขา ตัวอย่างเช่นพวก เขาไปแจ้งต่อสาธารณะว่าชาวโซโรแอสเตรียนขี่ลาอยู่ต่อหน้าชาวมุสลิม ซึ่งการกระทําเช่นนี้ถือว่าเป็นความผิดและไร้มารยาทที่มีลาขณะที่ชาว มุสลิมกําลังเดินอยู่ การถูกกล่าวหาเช่นนี้จะทําให้ถูกลงโทษทําร้ายร่างกาย บางครั้งนักบวชมุสลิมอ้างว่าผ้าโพกศรีษะของพ่อค้าชาวโซโรแอส เตรียนมีสีคล้ายกับผ้าโพกศรีษะของซียิด บางครั้งพวกเขากล่าวหาว่า ชาวโซโรแอสเตรียนเดินผ่านชาวมุสลิมบนถนนแต่มิได้ทําความเคารพ มีกฎข้อบังคับสําหรับชาวโซโรแอสเตรียนทุกคนที่ออกมาจากบ้านจะ ต้องมีผ้าหนึ่งผืนติดตัว พวกเขาถูกห้ามมิให้นั่งบนพื้นเพราะถือว่าเป็น การทําให้พื้นดินเป็นมลทิน พวกเขาต้องปูผ้าบนพื้นจึงนั่งได้ ชาวยิว และชาวโซโรแอสเตรียนทั้งหลายที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายมา เป็นเวลานับศตวรรษระหว่างการปกครองของอิสลาม จึงมีความเกลียดชัง ชาวมุสลิมอย่างมากและได้คิดอุบายเพื่อป้องกันตัว วิธีที่ได้ผลดีที่สุดวิธี หนึ่งคือการอยู่ห่างจากชาวมุสลิมและสถาบันทั้งหลายของอิสลาม พวกเขาเกลียดชังวัฒนธรรม เกลียดชังภาษาอาหรับซึ่งเป็นภาษาของ คัมภีร์กุรอ่านและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอิสลาม

พระบ๊อบและพระบาฮาอุลลาห์มีภูมิหลังเป็นมุสลิมมาก่อนเช่น เดียวกับพระเยซูซึ่งมีภูมิหลังเป็นชาวยิวมาก่อน ดังนั้นเมื่อเริ่มต้น ของศาสนาบาไฮจึงดูเหมือนว่าศาสนานี้เป็นนิกายหนึ่งของอิสลาม ด้วยเหตุนี้ชาวยิวและชาวโซโรแอสเตรียนจึงหลีกหนีจากชาวบาบีและ บาไฮทั้งหลาย อีกประการหนึ่งคือธรรมนิพนธ์ที่พระบ๊อบและพระบาฮา อุลลาห์เปิดเผยเป็นภาษาอาหรับทําให้พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะพวกเขาเกลียดชังภาษาอาหรับอยู่ก่อนแล้ว การที่ชาวยิวและ ชาวโซโรแอสเตรียนเข้ามาในศาสนาบาไฮทั้ง ๆ ที่ศาสนาบาไฮดูเหมือน เป็นนิกายของอิสลามและสาวกทั้งหลายของศาสนาใหม่นี้ล้วนมาจาก มุสลิมนับเป็นปฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของยุค ถึงแม้มีอุปสรรคมาก มายพระบาฮาอุลลาห์ ได้ทรงโน้มน้าวชาวยิวและชาวโซโรแอสเตรียน ได้ให้ชีวิตใหม่แก่ของพวกเขา ช่วยให้พวกเขาแพร่กระจายข่าวสาร ของพระองค์ โดยเริ่มในชุมชนของพวกเขาเองและต่อมากระจายไปตลอดทั่วประเทศ ข้อพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่อันหนึ่งที่แสดงถึงความเป็น สากลของข่าวสารของพระบาฮาอุลลาห์และคํากล่าวอ้างที่พระองค์ ทรงประกาศว่าพระองค์คือศาสนทูต ตามพันธะสัญญาของทุกยุคทุก สมัย คือการที่ชาวยิวและชาวโซโรแอสเตรียนเข้ามายอมรับศาสนา ของพระองค์ การเปลี่ยนศาสนาของพวกเขามิใช่เป็นสิ่งผิวเผินหรือ เป็นมาตรการที่จะช่วยให้พวกเขาเป็นอิสระจากการกดขี่ แท้จริงแล้ว เมื่อพวกเขาเข้ามาเป็นบาไฮศาสนิกชน ความทุกข์ทรมานของพวก เขายิ่งทวีมากขึ้น พวกเขาถูกโจมตีไม่เฉพาะโดยชาวมุสลิมเท่านั้น แต่ยังโดนโจมตีโดยชุมชนของพวกเขาเอง การเปลี่ยนศาสนาของ ชาวยิวและชาวโซโรแอสเตรียนเข้ามาในศาสนาบาไฮเป็นเพราะความ ศรัทธาโดยแท้จริง พวกเขายอมรับพระบาฮาอุลลาห์เป็นศาสนาทูตตาม พันธะสัญญาที่ระบุอยู่ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา การเข้ามา ในศาสนาบาไฮของชาวยิวและชาวโซโรแอสเตรียนในยุคเริ่มแรกของ ศาสนายังได้พิสูจน์ต่อประชาชนในเปอร์เซียว่าศาสนาบาไฮเป็นศาสนา อิสระ และยังความพ่ายแพ้ให้แก่ศัตรูของศาสนาที่พยายามประกาศ ต่อสาธารณชนว่าศาสนาบาไฮเป็นนิกายหนึ่งของอิสลาม มันยังพิสูจน์ถึง อานุภาพของพระวจนะของพระบาฮาอุลลาห์ด้วยเพราะเมื่อพวกเขา ยอมรับพระบาฮาอุลลาห์ พวกเขาได้ยอมรับความเป็นศาสนทูตของ พระศาสดาทั้งหมดรวมทั้งพระเยซูคริสต์และพระโมฮัมหมัด ชาวมุสลิม จํานวนมากแปลกใจที่ได้ยินถ้อยคําสรรเสริญพระโมฮัมหมัดจากบาไฮ ศาสนิกชนที่เคยเป็นชาวยิวหรือชาวโซโรแอสเตรียนมาก่อน สิ่งนี้ทํา ให้นักบวชมุสลิมที่บ้าคลั่งทั้งหลายโมโหอย่างมากเพราะพวกเขารู้ว่า เป็นเวลากว่าพันปีที่ผ่านมาชาวมุสลิมประสบความสําเร็จน้อยมากที่ สามารถทําให้ชาวยิวและชาวโซโรแอสเตรียนยอมรับศาสนาอิสลาม แต่บัดนี้โดยพระวจนะของพระบาฮาอุลลาห์พวกเขาจํานวนเป็นพันๆ ได้เปลี่ยนศาสนา ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อชาวโซโรแอสเตรียนประกาศต่อ ชุมชนว่าพระบาฮาอุลลาห์คือ ชาร์ บาหรอม ศาสนทูตตามพันธะสัญญา ของพวกเขา ได้สร้างความโกรธแค้นให้แก่นักบวชมุสลิมมากยิ่งขึ้น และประหัตประหารชาวโซโรแอสเตรียนที่เปลี่ยนมาเป็นบาไย อย่างไรก ตามมีมสลิมบางคนที่ใจบริสุทธิ์และถูกไหวความรู้สึกเมื่อเห็นบาไฮ ศาสนิกชนที่เคยเป็นชาวยิวและชาวโซโรเตรียนได้ยอมรับสัจธรรม ของอิสลาม พวกเขาเข้ามาศึกษาศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์และใน ที่สุดกลายเป็นบาไฮศาสนิกชน ชุมชนบาไฮในเปอร์เซียในช่วงเริ่มต้น ส่วนใหญ่มาจากมุสลิม ชาวยิวและโซโรแอสเตรียน ชาวคริสเตียนใน เปอร์เซียที่เข้ามาเป็นบาไฮมีจํานวนไม่มากนัก ชาวคริสเตียนส่วนใหญ่ที่ เข้ามาในศาสนาบาไฮมาจากโลกตะวันตกซึ่งขบวนการนี้เริ่มในสมัย ของพระอับดุลบาฮา

ในระหว่างที่พระบาฮาอุลลาห์และคณะผู้ถูกเนรเทศได้ ทน ต่อความยากลําบากของการถูกเนรเทศ สาวกทั้งหลายของพระองค์ ในดินแดนกําเนิดศาสนาได้ทนการประหัตประหารที่รุนแรงและยาวนาน กว่าที่พระองค์ได้รับ พระอับดุลบาฮาทรงเป็นพยานว่าภายในหนึ่งปี ?มากกว่า 4,000 ชีวิตถูกสังหาร ผู้หญิงและเด็กจํานวนมากมายถูก ทอดทิ้งโดยปราศจากผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ? กษัตริย์นาเซริดิน ชาห์ ซึ่งถูกประณามโดยพระบาฮาอุลลาห์ว่าเป็น ?เจ้าชายของผู้กดปี ทั้งหลาย? ได้เข้าสู่วัยผู้ใหญ่และใช้อํานาจเผด็จการเต็มที่ซึ่งถูกล้อม รอบโดยรัฐมนตรีทั้งหลายที่ชั่วร้าย เจ้าเล่ห์ และหลอกลวง ซึ่งได้จับ มือกันต่อต้านศาสนาใหม่และได้รับการสนับสนุนโดยประชาชนผู้มี ชื่อเสียงในด้านความโหดร้ายและความบ้าคลั่งศาสนา ด้านความโง่ เขลาและความประพฤติอันเสื่อมทราม เมื่อไม่สามารถทําร้ายพระบา ฮาอุลลาห์ ได้อีกต่อไปกษัตริย์ชาห์จึงต้องหันมาประหัตประหารและทารุณสาวกทั้งหลายของพระองค์ซึ่งพึ่งได้รับการฟื้นชีวิตใหม่ รองจาก กษัตริย์นาเซริดิน ชาห์ คือลูกชาย 3 คนของเขาที่ได้รับมอบอํานาจ จากกษัตริย์ในการปกครองทั่วราชอาณาจักร กษัตริย์ชาห์ ได้มอบมณ ฑลอัดเฮอร์เบย์จานให้แก่มูซาฟาริดิน มีร์ซา ผู้อ่อนแอและขี้ตื่นซึ่งภาย หลังได้ขึ้นครองราชบัลลังก์ต่อจากกษัตริย์นาเซริดิน ชาห์ และเป็นผู้ ที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเหล่านักบวช สําหรับซิลลูส-สุลต่าน ผู้ ปกครองด้วยความเหี้ยมและป่าเถื่อน กษัตริย์ชาห์ ได้มอบราชอาณา จักรให้ปกครองกว่า 2 ใน 5 ส่วน และสําหรับลูกชายคนโปรดปราน ของกษัตริย์ชาร์คือ นอเยนู-สัลตานีห์ กษัตริย์ชาห์ ได้มอบมณฑลมา ซานดารานและกีลานให้ปกครอง ให้เขาเป็นเจ้าเมืองเตหะรานและ เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เจ้าชายซิลลูส-สุลต่านและนอเยนู-สัลตา นีย์ได้แข่งขันกันหาความดีความชอบจากกษัตริย์ชาร์ และโดยการ สนับสนุนของนักบวชเขาทั้งสองได้พยายามแสดงความเหนือกว่า กันในงานกุศลอันเป็นที่สรรเสริญคือ การล่า การปล้นและการกําจัด สมาชิกของชุมชนที่ป้องกันตนเองไม่ได้ เพราะโดยคําสั่งของพระบา ฮาอุลลาห์ พวกเขาได้ยุติการใช้อาวุธขึ้นต่อต้านถึงแม้จะเป็นการป้อง กันตัวและปฏิบัติตามคําบัญชาของพระองค์ : ?ถูกฆ่าดีกว่าเป็นผู้ฆ่า?

ศาสนาที่เผชิญกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตรายอย่างน่า ที่จะถูกจมหายไปใต้ดิน เผชิญกับการถูกจับกุม การสืบสวน การจําคุก การทรมานและการประหารชีวิตซึ่งเป็นลักษณะเด่นของระยะแห่งความ โกลาหลในการพัฒนาของศาสนา แต่ก็ยังสามารถยืนหยัดท่ามกลาง ความทารุณอันเหี้ยมโหดนี้ได้ สาวกทั้งหลายที่ไปนมัสการพระบาฮา อุลลาห์ที่อเดรียโนเปิ้ลและต่อมาที่อัคคาได้แพร่กระจายธรรมจารึก ของพระองค์และรับใช้ศาสนาด้วยความกระตือรือล้น การกระทําของ สาวกเหล่านี้ได้ส่งเสริมยั่วยุความเป็นปรปักษ์ให้แก่ทั้งนักบวชและสามัญชนผู้ซึ่งนึกคิดอย่างโง่เขลาว่า ความแตกแยกของสาวกในอเดรีย โนเปิ้ลและคําสั่งการถูกเนรเทศไปจําคุกตลอดชีวิตของพระบาฮาอล ลาห์จะจบชะตาของศาสนาอย่างไม่สามารถหวนคืนมาได้ ในอาบอดีห์ โดยการยั่วยุของซีผิดผู้หนึ่ง อาลี อัคบาร์ถูกจับกุมและเฆี่ยนตีอย่างไร ปรานีจนเลือดโชกไปทั่วตัวจากหัวจรดเท้า ในหมู่บ้านทอคูร์ โดยคําสั่ง ของกษัตริย์ชาห์ ทรัพย์สินของชาวบ้านถูกปล้น มีร์ซา ริดา-คลี ซึ่งเป็น น้องชายต่างมารดาของพระบาฮาอุลลาห์ถูกจับขังและนําไปเข้าคุกซี ยาห์-ชาล มีร์ซา ฮาซันน้องชายต่างมารดาอีกคนหนึ่งของพระบาฮา อุลลาห์ถูกจับและตีตราด้วยเหล็กเผา มีร์ซา บูเซอร์ (บาดี) เด็กหนุ่ม อายุ 17 ปี ผู้นําสาส์นของพระบาฮาอุลลาห์ไปให้กษัตริย์ชาห์ด้วย ตนเอง ซึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันว่าเขาคือผู้ที่ ?พระวิญญาณ แห่งอํานาจและอานุภาพได้หายใจเข้าไป? ถูกจับกุมและนําไปทรมาน เพื่อบังคับให้บอกรายชื่อบาไฮศาสนิกชนทั้งหลายในเปอร์เซีย บาดี ถูกเหล็กเผาตีตราตามร่างกายเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน ซึ่งขณะถูกทรมาน เขามิได้โอดครวญแม้แต่น้อยแต่กลับหัวเราะ เมื่อการทรมานประ สบความล้มเหลวเพชรฆาตได้ทุบหัวบาดีจนมันสมองทะลักออกมา อาบอ-บาเซอร์ และ ซียิด อัชราฟซึ่งพ่อของทั้งสองถูกสังหารในการ ต่อสู้ที่ซานจอน ถูกตัดศีรษะในวันเดียวกันในเมืองซานจอน แม่ของ อัชราฟซึ่งถูกส่งไปหาลูกชายเพื่อให้เขาถอนตัวออกจากศาสนา แต่ กลับบอกอัชราฟมิให้ถอนตัวจากศาสนาและให้เอาตัวอย่างของอา บอ-บาเซอร์ ซึ่งพึ่งถูกตัดศีรษะ โมฮัมหมัด-ฮาซันผู้มั่งคั่งและมีชื่อ เสียงถูกเฆี่ยนตีอย่างไร้ปรานีที่บูรูเจิร์ด ที่ชีราซออคอเย-ริคอบกับรา ฟี เคย์ยอท และมัชฮาดี นาบี ถูกแขวนคอพร้อมกันโดยคําสั่งของ นักบวชในเมืองนั้นและฝูงชนได้เอาเศษขยะมากองบนหลุมศพของ พวกเขาเป็นการเหยียดหยาม มีร์ซา บอเคอร์ ชีราซี ผู้คัดลอกบทกลอนของพระบาฮาอุลลาห์ในอเดรียโนเปิ้ลถูกสังหารในเคอร์มอน ที่อาดิ คอน กัล-โมฮัมหมัดผู้อยู่ในวัยชราถูกฝูงชนที่เดือดคลั่งรุมทําร้าย ถูก เหวี่ยงลงไปนอนกับพื้นและถูกเหยียบโดยรองเท้าติดตาปูจนซี่โครง และฟันหัก ศพของเขาถูกลากไปตามถนนและทิ้งไว้ในบริเวณรกร้าง ในมัชฮัด ฮาจี อับดุล-มาจิด (อาบอ-บาดี) อายุ 85 ปีผู้เป็นพ่อของบาดี และเป็นผู้รอดชีวิตจากการต่อสู้ที่ เชค ทาบาซี ถูกจับกุมและถูกฟัน ร่างแบะออกจากคอถึงเอว ในอิสฟาฮัน มุลลา กาลิมถูกตัดหัวโดยคํา สั่งของ เชค โมฮัมหมัด-บอเคอร์ ร่างของเขาถูกม้าเหยียบย่ําและ โยนเข้ากองไฟ ซียิด อาคา จอนถูกตัดหูและถูกลากจูงไปตามถนน และตลาด อีกเดือนต่อมาในเมืองเดียวกันนี้สองพี่น้องผู้เรืองนาม คือ มีร์ซา โมฮัมหมัด-ฮาซัน และมีร์ซา โมฮัมหมัด-ฮุสเซนถูกสังหาร โดยการยั่วยุของหัวหน้าอิหม่ามผู้ชั่วร้ายซึ่งต้องการลบล้างหนี้สินที่มี ต่อสองพี่น้องจึงประณามสองพี่น้องจนถูกตัดศีรษะโดยคําสั่งของ เชค โมฮัมหมัด-บอเคอร์ (สุนัขป่า) การหลั่งเลือดของสองพี่น้องนี้ทําให้ พระคริสเตียนถึงกับน้ำตาหลั่ง มุลลา อาลี จอนถูกบังคับให้เดินทาง จากมณฑลมาซานดารานมาที่เมืองเตหะราน ความยากลําบากจากการ เดินทางทําให้คอเป็นแผลและร่างกายของเขาบวมจากเอวถึงเท้า ก่อนถูก ประหารโดยการเชือดคอเขาขอน้ำชําระร่างกาย สวดมนต์และให้เงิน มากมายเป็นรางวัลแก่เพชรฆาต หลังจากนั้นศพของเขาถูกถ่มน้ำลาย ใส่ ถูกคลุกด้วยโคลนทิ้งไว้ 3 วันและในที่สุดถูกสับเป็นชิ้น ๆ มีร์ซา อัชราฟ ถูกสังหารในอิสฟาอัน ศพของเขาถูกเหยียบย่ําโดย เชค โม ฮัมหมัด ตาคี (ลูกสุนัขป่า) ถูกฉีกออกอย่างป่าเถื่อนและจุดไฟเผา

ที่เมืองยาซด์โดยการยั่วยุของนักบวชและโดยคําสั่งของเจ้า เมืองใจกระด้าง บาไฮศาสนิกชน 7 คนถูกประหารชีวิตในวันเดียวกัน ในสภาพแวดล้อมอันสยดสยอง คนแรกคืออาลี อัสการ์ อายุ 27 ปี ถูกแขวนคอและศพของเขาถูกลากไปตามถนนพร้อมกับเพื่อนที่เหลือ อีก 6 คนซึ่งถูกล้อมรอบโดยประชาชนและทหารที่ตีกลองและเป่า แตรโห่ร้อง เมื่อไปถึงสํานักงานโทรเลขมุลลา มีห์ดี อายุ 85 ปี ถูก ตัดศีรษะและลากศพในลักษณะเดียวกันไปอีกย่านหนึ่งของเมืองซึ่ง มีผู้คนมุงดูที่เดือดคลั่งด้วยเสียงดนตรี และที่นั่นพวกเขาประหารชีวิต อาคา อาลี จากนั้นพวกเขาพาบาไฮศาสนิกชนที่เหลืออีก 4 คนไปที่ บ้านของนักบวชผู้หนึ่งแล้วเชือดคอมุลลา อาลี สับเขาเป็นชิ้น ๆ ด้วย พลั่วขณะที่เขามีชีวิตอยู่และทุบหัวเขาด้วยก้อนหิน เมื่อไปถึงอีก ย่านหนึ่งพวกเขาสังหารโมฮัมหมัด บอเคอร์ หลังจากนั้นที่เมย์ดอน คาน เสียงดนตรีดังขึ้นจนกลบเสียงโห่ร้องของประชาชน พวกเขาตัว หัวสองพี่น้องที่เหลือคือ อาลี อัสการ์ และโมฮัมหมัด-ฮาซัน โมฮัม หมัด-ฮาซันถูกผ่าท้องและถูกควักหัวใจและตับออกมา หลังจากนั้น ศีรษะของเขาถูกเสียบด้วยหอกทั่วไปพร้อมกับเสียงดนตรีไปตาม ถนนแล้วแขวนไว้ที่ต้นไม้ให้ประชาชนเอาก้อนหินขว้าง ร่างของเขา ถูกโยนไปกองไว้ที่หน้าประตูบ้านแม่ของเขา เจ้าเมืองยาซด์ได้ประ กาศวันหยุดให้หนึ่งวัน มีการจุดไฟสว่างไสวในตอนกลางคืน ประชาชน ปิดร้านค้าและฉลองการกระทําอันป่าเถื่อนที่สุดในสมัยปัจจุบัน

แม้แต่ในเมืองอิสดาบัดในรัสเซีย ชุมชนของมุสลิมชีอะห์ที่ เพิ่งก่อตั้งใหม่เกิดความอิจฉาเกียรติที่รุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ของสาวกทั้ง หลายของพระบาฮาอุลลาห์ พวกเขายั่วยุให้อันธพาล 2 คนไปทําร้าย โมฮัมหมัด-ริดาเย อิสฟาฮานี ผู้มีอายุ 70 ปี อันธพาลได้แทงเขากลาง ตลาดไม่น้อยกว่า 32 แผล ตับและกระเพาะฉีกขาดและทรวงอกทะลุ กองทหารของกษัตริย์รัสเซียถูกส่งมาสืบสวนเรื่องราวและตัดสินประ หารชีวิต มุสลิมชีอะห์ 2 คนและเนรเทศอีก 6 คน เป็นคําตัดสินที่ แม้แต่ กษัตริย์นาเซริดิน ชาห์ จะอุทธรณ์ขอลดหย่อนโทษแต่ก็ไม่เกิดผล แต่ตัวแทนของชุมชนบาไฮที่ขมขึ้นได้ขอเจ้าหน้าที่รัสเซีย ให้ลดโทษแก่มุสลิมชีอะห์ซึ่งยังความประหลาดใจให้กับเจ้าหน้าที่เป็น อย่างยิ่ง และในที่สุดมุสลิมชีอะห์ได้รับการลดหย่อนโทษ

เหล่านี้คือตัวอย่างของการกระทําของศัตรูศาสนาที่ปฏิบัติต่อ บาไฮศาสนิกชนในระหว่างที่พระบาฮาอุลลาห์ถูกเนรเทศอยู่ที่เมืองอัคคา

บทที่ 16

การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์

เวลาเกือบครึ่งศตวรรษได้ผ่านไปนับตั้งแต่การเริ่มต้นศาสนาที่ กําเนิดมาอยู่ในเปลแห่งความทุกข์ยากและถูกพรากจากพระบ๊อบผู้ นํามาก่อนในระยะแรก ซึ่งได้รับการยกระดับขึ้นมาจากผงธุลีที่มัน จมลงไปโดยผู้กดขี่ที่ไม่เป็นมิตร โดยศาสนทูตองค์ที่สองที่ยิ่งใหญ่ที่ สุดซึ่งถึงแม้ว่าจะถูกเนรเทศหลายครั้งติดต่อกันก็สามารถฟื้นฟูโชคชะ ตาของศาสนาขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งศตวรรษ ศาสนาที่ พึ่งจะเริ่มต้นยินดีต่อแสงอาทิตย์แห่งความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคย ประสบมาก่อน ทันใดนั้นก็ถูกพรากจากพระศาสดาโดยเอื้อมมือของ พระผู้เป็นเจ้า สาวกทั้งหลายจมลงไปในความทุกข์และความอกสั่น ขวัญหนี ฝ่ายผู้ปฏิเสธศาสนาและศัตรูทั้งหลายเริ่มมีชีวิตชีวาและมี ความหวังใหม่ 9 เดือนก่อนที่พระบาฮาอุลลาห์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงเอ่ยถึงความปรารถนาที่จะจากโลกนี้ไป หลังจากนั้นเป็น ต้นมาหลักฐานได้ปรากฎชัดเจนขึ้นจากน้ำเสียงของพระองค์ที่กล่าว ต่อผู้ที่มาเข้าพบว่าอวสานของชีวิตบนโลกนี้ของพระองค์กําลังใกล้ เข้ามา วันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1892 พระบาฮาอุลลาห์จับไข้เล็กน้อย และรุนแรงขึ้นในวันต่อมาแต่อย่างไรก็ตามในไม่ช้าก็หายไป พระองค์ ยังคงอนุญาตให้มิตรสหายและผู้มานมัสการบางคนเข้าพบ ในไม่ช้า พระองค์กลับเป็นไข้อีกครั้งหนึ่ง อาการทรุดลงมากและเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ด้วยอายุ 75 ปี วันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ.1982 เวลา 8 ชั่วโมงหลังจาก พระอาทิตย์ตกดิน ในที่สุดดวงวิญญาณของพระองค์ได้รับการปลด ปล่อยจากความเหนื่อยยากของชีวิตบนโลกที่เต็มไปด้วยความลําบาก และทะยานขึ้นสู่อาณาจักรเบื้องบน

6 วันก่อนที่พระองค์จะจากไปพระองค์ทรงเรียกสาวกทั้งหมดรวมทั้งผู้นมัสการหลายคนเข้าพบซึ่งเป็นการกล่าวครั้งสุดท้ายของ พระองค์ต่อพวกเขา พระองค์ทรงกล่าวอย่างอ่อนโยนต่อฝูงชนผู้หลั่ง น้ำตาที่มารวมกันว่า ?เราพึงพอใจพวกเจ้าทุกคน เจ้าได้ถวายการรับใช้ มากมายและตรากตรําด้วยความเพียรอย่างยิ่ง เจ้าได้มาที่นี่ทุกเช้า และทุกค่ํา ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยเหลือพวกเจ้าให้คงความสามัคคีไว้ ขอพระองค์ช่วยเหลือเจ้าให้เชิดชูศาสนาของพระผู้เป็นนายแห่งการ ดํารงอยู่สําหรับสตรีทั้งหลายรวมทั้งสมาชิกครอบครัวของพระองค์ที่ มารวมกันที่ข้างเตียง พระองค์ทรงกล่าวถ้อยคําคล้ายคลึงกันเป็นการ ให้กําลังใจและให้ความมั่นใจว่าพระองค์ทรงมอบหมายพวกเขาให้อยู่ ในความดูแลของพระอับดุลบาฮา

ข่าวการเสด็จสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์ ได้ติดต่อทันที ไปถึงสุลต่านอับดุล-ฮาหมิด ซึ่งสุลต่านได้รับการแนะนําในโทรเลข นั้นขอให้ฝังพระบาฮาอุลลาห์ไว้ในบริเวณคฤหาสน์บาห์จีซึ่งเขาก็ อนุญาต การฝังพระศพของพระบาฮาอลลาห์ ได้กระทําภายหลังดวง อาทิตย์ตกได้ไม่นานในวันเดียวกันที่พระองค์สิ้นลมหายใจ นาบิลสาวกผู้ ทุกข์โศกต่อการจากไปของพระบาฮาอุลลาห์อย่างไม่สามารถปลอบ โยนได้ ได้จมตัวเองตายในทะเล เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ผู้ที่อาลัยมาก มายทั้งคนร่ํารวยและคนยากจนได้มาพักอาศัยแสดงความเสียใจต่อ ครอบครัวของพระบาฮาอุลลาห์ ผู้มีชื่อเสียงทั้งหลายทั้งมุสลิมชีอะห์ มุสลิมซุนนี คริสเตียน ชาวยิวและชาวดรส อิหม่ามและเจ้าหน้าที่รัฐบาล ทั้งหมดร่วมกันโศกเศร้าต่อการสูญเสีย สรรเสริญคุณความดีและความ ยิ่งใหญ่ของพระองค์ พวกเขาหลายคนถวายคําสรรเสริญพระบาฮา อุลลาห์ โดยเขียนเป็นบทกลอน คําสรรเสริญคล้ายคลึงกันนี้ยังได้รับ จากเมืองห่างไกลออกไปเช่น ดามัสกัส อาเลพ-โพ เบรุตและไคโรซึ่ง ทั้งหมดเหล่านี้ส่งมาให้แก่พระอับดุลบาฮา กระนั้นการไหลนองความทุกข์โศกโดยการแสดงความสรรเสริญและชื่นชมที่การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ของพระบาฮาอุลลาห์ ได้ก่อให้เกิดในหมู่ประชาชนทั้งหลายในดิน แดนศักดิ์สิทธิ์และประเทศข้างเคียง เป็นเพียงหยดหนึ่งเมื่อเทียบ กับมหาสมุทรของความเศร้าโศกที่หลั่งไหลมาจากสาวกทั้งหลายของ พระองค์

สําหรับชะตาที่ติดตามกษัตริย์ รัฐมนตรีและนักบวชทั้งหลาย ในโลกตะวันออกและโลกตะวันตกผู้ซึ่งได้จงใจประหัตประหารศาสนา ของพระบาฮาอุลลาห์หรือไม่เอาใจใส่ต่อคําเตือนของพระองค์ ไม่ ตอบสนองต่อคําบัญชาของพระองค์ ควรนํามากล่าวไว้ที่นี้ พระบาฮา อุลลาห์ทรงประกาศเป็นการพาดพิงถึงบรรดาผู้ที่ลุกขึ้นอย่างแข็งขัน เพื่อทําลายหรือทําร้ายศาสนาของพระองค์ว่า ?พระผู้เป็นเจ้ามิได้กระ พริบตาและพระองค์จะไม่มีวันกระพริบตาต่อการกดขี่ของผู้ที่กดขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเปิดเผยศาสนานี้พระองค์ได้มาเยี่ยมเยียน ผู้กดขี่ทุกคนด้วยความพยาบาท?ภาพที่ปรากฏต่อสายตาเรานั้นน่าเกรง ขามโดยแท้จริง เมื่อเราสํารวจลมพายุของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้โฉบพัด ตั้งแต่เริ่มต้นภาระหน้าที่ของพระบาฮาอุลลาห์เป็นการขับกษัตริย์ทั้ง หลายออกจากบัลลังก์ ดับสิ้นราชวงค์ ถอนรากคณะนักบวช เร่งให้เกิดสง ครามและการปฏิวัติ ขับเจ้าชายและรัฐมนตรีทั้งหลายออกจากตําแหน่ง ล้มคว่ําผู้กดขี่ ลงโทษผู้ชั่วร้ายและดื้อดึงทั้งหลาย สุลต่านอับดุล อาซีส ผู้ สร้างความทุกข์ยากให้แก่พระบาฮาอุลลาห์และมีความรับผิดชอบต่อ คําสั่งเนรเทศพระองค์สามครั้ง ผู้ซึ่งได้ครอบครอง ?บัลลังก์แห่งการ กดขี่? และการล้มทลายของเขาพระบาฮาอุลลาห์ ได้ทํานายไว้ล่วง หน้าแล้ว เขาถูกปลดจากบัลลังก์ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิวัติและถูก ลอบสังหารอีก 4 วันต่อมาในปีค.ศ.1876 จักรวรรดิ์ออตโตมานล้ม ทลายลงจากสงครามปี 1914-18 (สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง) ตําแหน่งสุลต่านถูกล้มเลิกไป อํานาจการปกครองที่คงอยู่มานานกว่า 600 ปีได้ สลายไปและมีการประกาศระบอบสาธารณรัฐ กษัตริย์เซริดิน ชาห์ ผู้กด ขี่และหยิ่งทะนงซึ่งพระบาฮาอุลลาห์ ได้ทรงจารึกว่าในไม่ช้าเขาจะ ถูกทําให้เป็น ?บทเรียนหนึ่งของโลก? ซึ่งรัชกาลของเปรอะเปื้อนด้วย การประหารชีวิตพระบ๊อบและการจําคุกพระบาฮาอุลลาห์ เป็นผู้ซึ่งได้ยุ ยงการเนรเทศพระองค์ไปที่เมืองคอนสแตนติโนเปิ้ล อเครียโนเปิ้ล และอัคคา ผู้ซึ่งได้ขบคิดร่วมมือกับคณะนักบวชในการกําจัดศาสนา ของพระองค์ในดินแดนกําเนิด เขาถูกลอบสังหารอย่างน่าตื่นตลึงโดย กระทันหัน โชคชะตาของราชวงศ์คอจอร์ตกต่ําเรื่อย ๆ และดับสิ้นไป ในที่สุด

พระเจ้านโปเลียนที่ 3 ผู้มีอํานาจสูงสุดในโลกตะวันตกในสมัย ของเขา ผู้ซึ่งมีความหยิ่งเกินตัวและมีความทะเยอทะยานมากเกินควร ผู้ซึ่งโยนทิ้งธรรมจารึกแรกของพระบาฮาอุลลาห์ด้วยความดูถูกและ การล้มทลายของเขาได้ทํานายไว้ในธรรมจารึกที่สอง เขาพ่ายแพ้ใน สงครามซีดานในปีค.ศ. 1870 สูญเสียอาณาจักรของเขาและใช้ชีวิต ที่เหลืออยู่ในสภาพผู้ถูกเนรเทศ ความหวังของเขาดับสิ้นลง ลูกชาย เพียงคนเดียวของเขาคือเจ้าชายอิมพีเรียลถูกฆ่าในสงครามซูลู จักรวรรดิ์ ของเขาพังทลาย สงครามกลางเมืองติดตามมาด้วยความดุเดือด และ กษัตริย์วิลเลี่ยมที่ 1 ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ์ สําหรับกษัตริย์วิลเลี่ยมที่ 1 ซึ่งภาคภูมิต่อชัยชนะที่มีต่อพระเจ้านโปเลียนที่ 3 ซึ่งได้รับการว่ากล่าวตัก เตือนโดยพระบาฮาอุลลาห์ให้ไตร่ตรองชะตาของพระเจ้านโปเลียน ที่มีอํานาจยิ่งกว่าเขา กษัตริย์วิลเลี่ยมได้ทานต่อการถูกลอบสังหาร 2 ครั้ง หลังจากที่มอบบัลลังก์ให้แก่กษัตริย์วิลเลี่ยมที่ 2 ผู้มีความทะนง และเร่งการล้มทลายของเขา การปฏิวัติได้เกิดขึ้นอย่างทันใดและ ฉับพลันในเมืองหลวง ลัทธิคอมมิวนิสต์ได้เติบโตขึ้นในหลายเมือง เขาหนีไปประเทศฮอลแลนด์อย่างน่าอับอาย สําหรับฟรานซิสโจเซฟ จักรพรรดิ์แห่งออสเตรียผู้มีอํานาจเด็ดขาด ผู้ซึ่งถูกตําหนิในฐานะที่ ไม่ไปไต่ถามถึงพระองค์ขณะเมื่อเขาไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาถูก กลืนลงไปในเคราะห์ร้ายและความเศร้าสลดจนรัชกาลของเขาได้รับ การพิจารณาว่าเป็นรัชกาลที่เกิดความหายนะอันร้ายแรงที่สุด น้องชาย ของเขา แม็กซิมิเลียนถูกสังหารในเม็กซิโก เจ้าชายรูดอลฟ์ตายใน สภาพอัปยศ มเหสีของเขาถูกลอบสังหาร อาร์คดุคฟรานซิส เฟอร์ด นั้นและภรรยาของเขาถูกฆาตกรรม ซึ่งจักรวรรดิ์ที่โคลงเคลงได้สิ้น สลายในเวลาต่อมา

สําหรับพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ซึ่งได้รับการตักเตือนให้ระ วังมิให้อํานาจปกครองของเขาขัดขวางตัวเขาเองจากการยอมรับศาสน ทูตผู้เป็นประมุขสูงสุด เขาได้ทรมานการถูกลอบสังหารหลายครั้ง และในที่สุดเสียชีวิตด้วยน้ำมือของผู้ลอบสังหาร นโยบายอันเข้มงวด ที่เขาริเริ่มไว้และสืบทอดต่อโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ได้ปูทาง ให้กับการปฏิวัติซึ่งก่อให้เกิดการหลั่งเลือดในรัชกาลของพระเจ้านิโค ลาสที่ 2 และนํามากับระลอกของมันคือโรคร้ายและความอดอยาก กรรมกรได้ลุกขึ้นสังหารคนชั้นสูง ประหัตประหารพระ ประหารชีวิต กษัตริย์และราชินี และดับสิ้นราชวงศ์โรมานอฟ สําหรับพระสันตะปา ปาไพอัสที่ 9 ผู้ได้รับบัญชาโดยพระบาฮาอุลลาห์ให้ละทิ้งวังของเขา ให้ขายเครื่องประดับทั้งหมดที่เขาครอบครองและใช้มันในหนทาง ของพระผู้เป็นเจ้า เขาถูกบังคับในสภาพแวดล้อมอันตึงเครียดให้ยอม จํานนต่อกองกําลังของกษัตริย์วิคเตอร์ เอมมานูเอล ที่มาโอบล้อม และยอมถูกปลดออกจากเขตปกครองของพระสันตะปาปาในกรุงโรม การสูญสิ้นเมืองที่ธงของพระสันตะปาปาได้โบกสะบัดอยู่มาเป็นเวลา 1,000 ปี และความอับอายของศาสนาภายใต้ความรับผิดชอบของเขาได้สร้างความขมขื่นให้กับเขาจนปีสุดท้ายของชีวิต การรับรองอาณา จักรอิตาลีที่เรียกร้องโดยหนึ่งในผู้สืบทอดทั้งหลายของเขาในวาติกัน ได้ ยืนยันการดับสินอย่างแท้จริงของอํานาจพระสันตะปาปา

เรื่องราวของการสิ้นอํานาจต่าง ๆ ดังกล่าวมิได้จบลงเพียงเท่า นี้ ความหายนะได้บังเกิดขึ้นกับกษัตริย์ทั้งหลายที่ละเลยคําเตือนของ พระบาฮาอุลลาห์ที่ประกาศอยู่ใน ?ธรรมจารึกถึงกษัตริย์ทั้งหลาย? รา ชาธิปไตยของโปรตุเกส ของสเปญและจักรวรรดิ์ของจีนได้เปลี่ยน เป็นสาธารณรัฐ ชะตาอันแปลกประหลาดได้ติดตามประมุขของฮอลแลนด์ นอร์เวย์ กรีซ ยูโกสลาเวียและอัลบาเนีย ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในฐานะผู้ถูก เนรเทศ การสิ้นอํานาจโดยแท้จริงของกษัตริย์แห่งเดนมาร์ค เบลเยี่ยม บูลกาเรีย รูมาเนียและอิตาลี ความหวั่นกลัวของประมุขอื่น ๆ ที่ได้ เห็นความโกลาหลเข้าครอบครองบังลังก์มากมาย ความอดสูและความรุน แรงที่ได้สร้างความมืดมนให้แก่ราชวงค์ต่าง ๆ ทั้งในโลกตะวันออก และโลกตะวันตก เหล่านี้คือตัวอย่างของ ?การลงโทษของพระผู้ เป็นเจ้า? ดังที่ทํานายไว้โดยพระบาฮาอุลลาห์

ที่น่าสะดุดตาไม่น้อยไปกว่ากันคือการดับสิ้นของอิทธิพล ของผู้นํานักบวชมุสลิมทั้งหลายทั้งนิกายชีอะห์และนิกายซุนนี้ใน สองประเทศที่สถาบันที่มีอํานาจสูงสุดได้รับการก่อตั้ง และมีความ สัมพันธ์โดยตรงกับการทารุณพระบ๊อบและพระบาฮาอุลลาห์ พระเจ้า กาหลิบซึ่งเป็นผู้ปกป้องเมืองเมกกะและเมดินา ซึ่งมีวงอํานาจศาสนา แผ่ขยายครอบคลุมชาวมุสลิมกว่า 200 ล้านคน เขาถูกถอดออกจาก อํานาจเมื่อตําแหน่งสุลต่านถูกล้มเลิกไปในตุรกี พระเจ้ากาหลิบเองได้ หนีไปยุโรป ตําแหน่งกาหลิบซึ่งเป็นสถาบันที่มีอํานาจสูงสุดของมุสลิม ได้ถูกล้มเลิกไปโดยปราศจากการปรึกษากับชุมชนมุสลิมซุนนี้ใด ๆ แยกโดยเด็ดขาดและถาวรของประเทศตุรกีและนิกายซุนนี้ได้รับการ ประกาศ กฎหมายศาสนาถูกยกเลิก สถาบันทางศาสนาถูกยึดเงินบริจาค กฎหมายพลเรือนได้รับการประกาศ คณะนักบวชนิกายซุนนี้ที่ปกครอง กันเป็นลําดับชั้นได้ถูกสลายไป ภาษาอาหรับซึ่งเป็นภาษาในพระคัม ภีร์ของพวกเขาถูกเลิกใช้ เมืองคอนแสตนติโนเปิ้ลซึ่งเป็นยอดโดม ของอิสลามได้จมลงกลายเป็นเมืองภูมิภาค เพชรอันหาที่เปรียบไม่ได้คือ สุเหร่าเซนต์ โซเฟีย ถูกเปลี่ยนไปเป็นพิพิธภัณฑ์ ลําดับของการเสื่อมลง เหล่านี้ได้ชวนให้ระลึกถึงชะตาที่บังเกิดแก่ชาวยิวที่กรุงเยรูซาเล็มใน ศตวรรษแรกของศาสนาคริสต์ ที่พวกเขาได้ก่อกรรมประหัตประหาร พระเยซู ความโกลาหลคล้ายกันได้เขย่ารากฐานของคณะนักบวชทั่ว ทั้งเปอร์เซีย รัฐศาสนาที่เคยมีอิทธิพลฝังรากลึกต่อชีวิตของชาติและ ได้แผ่ขยายไปในทุกวงชีวิตของประชาชนได้ถูกทําลายลง คณะนัก บวชซึ่งเป็นปราการของมุสลิมชีอะห์ในเปอร์เซียได้หมดหนทางและ สูญเสียความเชื่อถือ จํานวนสมาชิกของพวกเขาถูกลดจํานวนลงเหลือ เพียงน้อยนิด พวกเขาถูกบังคับให้สวมเครื่องแต่งกายชาวยุโรปที่พวก เขาเกลียดชังแทนผ้าโพกศรีษะ ความเอิกเกริกของพิธีศาสนาได้สูญ หายไป คําตัดสินของพวกเขาไม่มีผลบังคับ ทรัพย์สินของพวกเขา ถูกส่งทอดให้กับการบริหารพลเรือน สุเหร่าของพวกเขาถูกละทิ้ง การ เลิกใช้ผ้าคลุมหน้า การยอมรับความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ การก่อตั้ง

ศาลพลเรือน การดูหมิ่นการใช้ภาษาอาหรับ เหล่านี้ได้ประกาศถึงความ เสื่อมถอย และทํานายถึงการดับสิ้นในที่สุดของบรรดาผู้ที่มีความรับ ผิดชอบต่อการหลั่งเลือดศาสนาใหม่ ซึ่งการกระทําของพวกเขาได้สร้าง ความมืดมนให้กับประวัติการณ์ของชาติและศาสนาของพวกเขาเอง

ความวิกฤติซึ่งไม่รุนแรงเท่าที่ได้เขย่ารากฐานของคณะนัก บวชศาสนาอิสลาม ได้สร้างความยุ่งยากให้กับสถาบันนักบวชของโลกคริสเตียนซึ่งอิทธิพลของพวกเขาได้เสื่อมถอยลงอย่างเห็นได้ชัดนับ แต่มีการประกาศคําบัญชาและคําเตือนของพระบาฮาอุลลาห์ เกียรติ ของพวกเขาเสียหายอย่างร้ายแรง อํานาจของพวกเขาตกต่ําลงอย่าง ไม่ลดละ สิทธิต่างๆ ของพวกเขาถูกจํากัดมากขึ้นเรื่อย ๆ การดับสิ้น อํานาจของพระสันตะปาปาดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว คลื่นการต่อต้านนัก บวชที่ก่อให้เกิดการแยกจากกันของนิกายคาทอลิคและสาธารณรัฐ ฝรั่งเศส การโจมตีเป็นระบบที่บุกเบิกโดยคอมมิวนิสต์ที่ต่อต้านนิกาย กริซออโธด็อซในรัสเซียซึ่งยังผลให้เกิดการแยกศาสนาออกจากรัฐ และการยึดเงินบริจาคของศาสนาและการประหัตประหารรัฐศาสนา การแบ่งแยกราชาธิปไตยของออสเตรีย-ฮังการีซึ่งเป็นผู้สนับสนุนที่ มีอํานาจของศาสนจักรแห่งโรม และความรุนแรงที่ศาสนจักรเดียว กันนี้ได้รับในสเปญและเม็กซิโก คลื่นแห่งการเปลี่ยนอํานาจของ พระมาเป็นอํานาจของประชาชนที่กําลังกลืนนิกายคาทอลิค แองกล แคนและเพรสบิเทอเรียนในประเทศที่มิใช่คริสเตียน ลัทธิไม่เชื่อ ศาสนาที่ก้าวร้าวได้โจมตีที่มั่นของนิกายคาทอลิค กรีซออโธด็อซ ลูเธอ ราน ในยุโรปตะวันตก ในยุโรปตะวันออกและยุโรปตอนกลาง ในประ เทศต่างๆ ในบอลข่านบอลติคและสแกนดิเนเวีย เหล่านี้แสดงถึงความ เสื่อมถอยอย่างเห็นได้ชัดของโชคชะตาของผู้นําศาสนาทั้งหลายของ โลกคริสเตียนซึ่งไม่เอาใจใส่ต่อสุรเสียงของพระบาฮาอุลลาห์ และได้ ขวางกั้นตัวเองและประชาชนของพวกเขาจากพระคริสต์ที่เสด็จกลับมา ในความรุ่งโรจน์ของพระบิดา

ดังที่กล่าวอย่างรวบรัดนี้คือหลักฐานที่น่าเกรงขามทั้งหลาย ของความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้าที่เป็นกรรมตามสนองกษัตริย์ และพระทั่วทั้งโลกตะวันออกและตะวันตก เป็นดั่งผลโดยตรงจากการที่ พวกเขาต่อต้านศาสนาของพระองค์อย่างแข็งขัน หรือล้มเหลวอย่างน่าเศร้าที่ไม่ตอบสนองเสียงเรียกร้องของพระองค์ ไม่ไต่ถามถึงข่าว สารของพระองค์ ไม่ช่วยเบี่ยงบ่ายความทุข์ทรมานที่พระองค์ได้รับ หรือไม่เอาใจใส่ต่อสัญลักษณ์อันน่าพิศวงและความมหัศจรรย์ทั้งหลายที่ มาพร้อมกับการกําเนิดและการผุดขึ้นของศาสนาของพระองค์ พระ บาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวเป็นการทํานายอย่างรวบรัดว่า ?จากตําแหน่งทั้ง สองของมนุษย์อํานาจถูกยึดเสียแล้ว : กษัตริย์และพระ? พระองค์ทรง ตักเตือนกษัตริย์ทั้งหลายของโลกว่า ?หากเจ้าไม่เอาใจใส่คําปรึกษา ที่ เราได้เปิดเผยไว้ในธรรมจารึกนี้ การลงโทษของพระผู้เป็นเจ้าจะ โจมตีเจ้าทุกทิศทางในวันนั้นเจ้าจะยอมรับความไร้อํานาจของเจ้า? เป็นการตําหนิผู้นําศาสนาทั้งหลายของโลก พระบาฮาอุลลาห์ทรงจา รึกว่า ?แหล่งและจุดกําเนิดของการกดขี่ที่ผ่านมาคือนักบวชทั้งหลาย โดยแท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบดีและเราก็ทราบดีเช่นกัน? พระ องค์ทรงยืนยันอย่างเปิดเผยว่า ?เมื่อเราสังเกตุอย่างรอบครอบ เราค้น พบว่าศัตรูทั้งหลายของเราส่วนใหญ่เป็นนักบวช? ดังนี้พระองค์ทรง ตรัสต่อนักบวชทั้งหลายว่า ?ดูกร นักบวชทั้งหลาย นับแต่นี้ไปเจ้าจะ เห็นว่าเจ้ามิได้ครอบครองอํานาจใด ๆ เนื่องด้วยเราได้ยึดอํานาจมา จากเจ้าแล้ว? พระองค์ทรงอธิบายว่า ?หากเจ้าเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าเมื่อ พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์เอง ประชาชนคงไม่หันไปจากพระองค์ พระองค์ทรงยืนยันเป็นการพาดพิงเฉพาะเจาะจงถึงนักบวชมุสลิมทั้ง หลายว่า ?นักบวชทั้งหลายแห่งเปอร์เซียได้กระทําในสิ่งที่ชาวยิวมิได้ กระทําในระหว่างการเปิดเผยศาสนาของพระผู้เป็นพระวิญญาณ (พระเย ซู)? และสุดท้ายคือคําทํานายที่เป็นลางเหล่านี้ ?เป็นเพราะเจ้า ประชาชน จึงตกต่ํา ธงของอิสลามถูกสาวลงมาและบังลังก์อันทรงอํานาจของ อิสลามถูกโค่นล้ม? ?ในไม่ช้าทั้งหมดที่เจ้าครอบครองจะสูญสิ้นไป และความรุ่งโรจน์ของเจ้าจะกลายเป็นความตกต่ําอย่างน่าสังเวชที่สุด และเจ้าจะได้เห็นการลงโทษสําหรับสิ่งที่เจ้าได้กระทํา? พระบาอาอุล ลาห์ทรงตรัสต่อกองกําลังร่วมกันของมุสลิมชีอะห์และมุสลิมซุนนี้ว่า ?ดูกร ประชาชนของพระคัมภีร์กุรอ่าน โดยแท้จริงแล้วพระโมฮัมหมัดได้ หลั่งน้ำตาต่อการได้เห็นความโหดร้ายของพวกเจ้า เป็นที่แน่นอน ว่าพวกเจ้าได้ปฏิบัติตามความปรารถนาอันชั่วร้ายและเลวทรามของ พวกเจ้า และได้หันหน้าไปจากประทีปแห่งการนําทาง ในไม่ช้าพวก เจ้าจะได้เป็นพยานต่อผลของการกระทําของพวกเจ้า เพราะพระผู้ เป็นนาย พระผู้เป็นเจ้าของเรารออยู่และเฝ้าดูความประพฤติของ พวกเจ้า

เสียงเรียกร้องของพระบาฮาฮุลลาลาห์ถึงกษัตริย์และผู้นําศาสนา ทั้งหลาย เหมือนกับเป็นเสียงที่พูดกับคนหูหนวก นอกจากผลที่ตาม มาจากการเมินเฉยของพวกเขาดังที่ได้กล่าวไว้เป็นตัวอย่างที่บังเกิด กับกษัตริย์และผู้นําทางศาสนาและสถาบันต่าง ๆ ของพวกเขาแล้ว มนุษยชาติโดยส่วนใหญ่ซึ่งไม่เอาใจใส่ต่อเสียงเรียกร้องของพระองค์ เช่นกัน ได้ประสบกับความทรมานของสงครามและความล้มเหลว ของระบบทุกแห่งหน โลกได้จมลงไปสู่ความโกลาหลและความขัด แย้งอย่างไม่มีใครสามารถช่วยมันให้รอดพ้นจากการล้มทลายได้ ตาม ที่ทํานายไว้โดยพระบาฮาฮุลลาห์ ความทรมานและความทุกข์ยากที่ บังเกิดกับมนุษยชาติกําลังทวีขึ้นทุกวันและขบวนการพังทลายของ ระบบเก่ากําลังเร่งรวดเร็วขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ชะตาของมนุษยชาติ ถึงแม้จะสาหัสอย่างยิ่ง แต่ที่สาหัสกว่าคือมนุษยชาติรวมทั้งผู้นําของ พวกเขาและผู้ชาญฉลาดทั้งหลายไม่สามารถค้นพบสาเหตุของความ ทรมานของพวกเขาเอง ไม่สามารถค้นพบเหตุผลของความขัดแย้ง และความไม่มีระเบียบของโลกดังกล่าวถึงแม้โลกกําลังเคลื่อนไปถึงจุดแห่งความหายนะ พระบาฮาอุลลาห์ทรงจารึกว่า ?ชีวิตใหม่อันหนึ่ง ในยุคนี้กําลังเคลื่อนไหวอยู่ภายในประชาชนทั้งหมดของโลก กระนั้นไม่ มีใครค้นพบเหตุหรือแลเห็นสิ่งจูงใจของมัน? 2 เมื่อพระบาฮาอุล ลาห์ ได้ทรงประกาศภาระหน้าที่ของพระองค์ พระองค์ ได้หว่านเมล็ด ของชุมชนใหม่ในมนุษยชาตินับแต่นั้นชีวิตใหม่ได้เริ่มก่อตัวขึ้นใน โลกและโลกไม่สามารถคงอยู่เหมือนเดิมได้เพราะว่ามันได้ถูกปฏิวัติ ดังที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงจารึกไว้ในพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัสว่า ?สม ดุลของโลกได้ถูกรบกวนโดยพลังอันสั่นสะเทือนของระบบแห่งโลก อันใหม่และยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ แบบแผนชีวิตของมนุษยชาติได้ถูก ปฏิวัติโดยการปฏิบัติการของระบบอันพิเศษและอัศจรรย์นี้อย่างที่ มนุษย์ไม่เคยเป็นพยานมาก่อน? 3 เป็นสิ่งที่ยากที่จะเข้าใจการปฏิวัติ แบบแผนชีวิตของมนุษยชาติหากเราอยู่ในสมัยที่พระบาฮาอุลลาห์ ทรงเปิดเผยวจนะเหล่านี้ในปี ค.ศ.1873 แต่ในปัจจุบันหลักฐานปรากฏ ให้เห็นแล้วว่าชีวิตของมนุษยชาติถูกปฏิวัติอย่างไร มนุษยชาติผู้ไม่มี ความรู้สึกต่อการเปิดเผยศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ ได้ตกอยู่ใน ลมหมุนอย่างไม่สามารถต้านทานพลังของมันได้ ด้วยความหมดหน ทางและความสับสนพวกเขายอมรับความไม่สามารถของตนเองที่จะ ควบคุมระบบเก่าแก่โบราณทั้งหลายของพวกเขา และได้พยายาม ทุกวิถีทางเพื่อหาหนทางที่จะฟื้นฟูระบบเก่าเหล่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่าน ไปพวกเขาเริ่มตระหนักถึงความไร้ประโยชน์ในความพยายามดังกล่าว

บางคนพยายามปรับสถาบันเก่าแก่น่านับถือทั้งหลายของพวกเขาให้ เข้ากับยุคใหม่แต่ความมุ่งหมายของพวกเขาก็อ่อนเปลี้ยลงเรื่อย ๆ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิได้พรรณาไว้ในปี ค.ศ.1936 ถึงความเสื่อมถอยของโชคชะตาของมนุษยชาติว่า : ถูกห้อมล้อมทุกด้านโดยหลักฐานที่สะสมมากขึ้นของการ แตกสลาย ความยุ่งเหยิงและความล้มละลาย บุรุษและสตรี ผู้จริงจังทั้งหลายจากเกือบทุกอาชีพกําลังเริ่มสงสัยว่า ระบบสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะสามารถหรือไม่ ที่จะแก้ตัวเองโดย ไม่ได้รับการช่วยเหลือให้ออกจากปลักที่มันกําลังจมลงไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ ระบบที่ปราศจากการประสานสามัคคีมนุษยชาติได้รับ การทดลองแล้ว ลองซ้ําแล้วซ้ําอีก และพบว่าบกพร่อง สง ครามครั้งแล้วครั้งเล่าได้ต่อสู้กัน การประชุมนับครั้งไม่ถ้วน ได้จัดขึ้นและปรึกษากัน สนธิสัญญาและกติกาต่าง ๆ ได้ นํามาเจรจา สรุปและทบทวนแก้ไขอย่างรอบคอบ ระบบ ทั้งหลายของการปกครองถูกนํามาทดสอบด้วยความอดทน เปลี่ยนรูปใหม่และนํามาใช้แทนที่ แผนเศรษฐกิจทั้งหลาย ของการผดุงขึ้นใหม่ได้คิดขึ้นมาอย่างรอบคอบและนํามา ปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง และกระนั้นความวิกฤติตาม มาด้วยความวิกฤติ โลกที่ไม่มั่นคงและเต็มไปด้วยอันตราย กําลังเสื่อมลงด้วยความเร็วซึ่งเร่งขึ้นตามส่วน ห้วงเหวที่เปิด กว้างออกได้คุกคามพัวพันความหายนะร่วมกันทั้งชาติที่พึ่ง พอใจและไม่พึงพอใจ ทั้งประชาธิปไตยและเผด็จการ ทั้งนาย ทุนและผู้ใช้แรงงาน ทั้งชาวยุโรปและชาวเอเซีย ทั้งชาวยิว และผู้ที่ไม่ใช่ยิว ทั้งคนผิวขาวและคนผิวดํา ผู้ที่ชอบเยาะ เย้ยถากถางอาจสังเกตว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้โกรธกริ้วได้ละทิ้งดาว นพเคราะห์ที่โชคร้ายดวงหนึ่งไว้กับชะตาของมันเอง และได้ กําหนดความพินาศให้มันไว้อย่างเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถูก ทดสอบอย่างระบมและหลงเชื่อผิด ๆ อย่างไม่มีข้อสงสัย

มนุษยชาติได้สูญเสียการปรับความสัมพันธ์ และดูเหมือนจะ สูญเสียความศรัทธาและความหวังด้วยเช่นกัน โดยไม่ได้รับ การนําทางและมองไม่เห็นทาง มนุษยชาติกําลังอยู่ใกล้จุด แห่งความหายนะ ความรู้สึกแห่งความตายดูเหมือนจะแผ่ คลุมมนุษยชาติ ความหมดหวังที่มืดมนขึ้นเรื่อย ๆ กําลัง ตัดสินโชคชะตาของมนุษยชาติขณะเมื่อมันถอยไกลออก ไปเรื่อย ๆ จากขอบนอกของแนวมืดที่สุดของชีวิตอันปั่น

ป่วนและทะลุผ่านเข้าไปในหัวใจของมนุษยชาติ4 อนิจจามนุษยชาติส่วนใหญ่มิได้ค้นพบสาเหตุที่แท้จริงของการปฏิวัติ ชีวิตมนุษย์บนดาวนพเคราะห์ดังกล่าว ความหายนะต่างๆ ที่รุนแรง ขึ้นทุกวันทั่วโลกเป็นเรื่องราวที่แจ่มแจ้งและชัดเจนสําหรับบาไฮศาสนิก ชน พวกเขากําลังก่อสร้างชุมชนใหม่ของโลกซึ่งกําลังก่อตัวอยู่ในครรภ์ ของโลกเก่าและกําลังรอการคลอด ชุมชนบาไฮยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่า ไหร่ ระบบของโลกเก่าก็จมลึกลงไปในหุบเหวแห่งความมืดมนและ ความเสื่อมทรามมากขึ้นเท่านั้น ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้วิเคราะห์ไว้ ในปี ค.ศ. 1941 เป็นการให้ความกระจ่างเกี่ยวกับความหายนะที่กลืน โลกของมนุษยชาติ แสดงให้เห็นจุดกําเนิดของมันและพรรณนาถึง ผลของมันที่จะตามมาดังนี้ :

หลังจากการปฏิวัติเป็นเวลาเกือบ 100 ปี อะไรคือสิ่งที่ดวงตา ประสบเมื่อสํารวจภาพเหตุการณ์นานาชาติและมองย้อนกลับ ไปที่ประวัติศาสตร์เริ่มแรกของศาสนาบาไฮ โลกโกลาหล ด้วยความเจ็บปวดของระบบของเชื้อชาติและชาติทั้งหลายที่ โต้แย้งกัน พัวพันอยู่ในแหของความหลอกลวงที่พอกพูนขึ้น ถอยไกลออกไปเรื่อย ๆ จากพระผู้ทรงเป็นผู้กุมชะตาของมันแต่เพียงผู้เดียว และจมลึกเรือยลงไปสู่การสังหารผลาญ ชีวิตมากมายโดยตัวมันเอง ซึ่งการที่มันละเลยและประหัต ประหารพระผู้ทรงเป็นผู้ไถ่ของมันได้เร่งให้เกิด ศาสนาที่ ยังคงถูกประณามกระนั้นได้ระเบิดผ่านเปลือกหุ้มตัวอ่อนของ มันออกมา โผล่ขึ้นมาจากความไม่เป็นที่รู้จักของการถูกสะ กดกลั้นเป็นเวลาหนึ่งศตวรรษ เผชิญหน้ากับหลักฐานอันน่า เกรงขามทั้งหลายของความกริ้วโกรธของพระผู้เป็นเจ้า และ ถูกกําหนดให้ผุดขึ้นมาบนความพังทลายของอารยธรรมที่ ถูกกระหน่ําตี โลกที่ขาดแคลนศีลธรรม ความประพฤติล้ม ละลาย แตกแยกทางการเมือง เศรษฐกิจเป็นอัมพาต กําลัง ทนทรมานความเจ็บปวด ตกเลือดและแตกสลายภายใต้ไม้ เรียวล้างแค้นของพระผู้เป็นเจ้า ศาสนาซึ่งเสียงเรียกร้อง ของมันไม่ได้รับการตอบ คํากล่าวอ้างของมันถูกปฏิเสธ คํา เตือนของมันถูกปัด สาวกทั้งหลายของมันถูกน้ำนั่น ความ มุ่งหมายและจุดประสงค์ของมันถูกบิดเบือนใส่ร้าย คําบัญชา ของมันถึงผู้ปกครองทั้งหลายของโลกถูกละเลย พระผู้เสด็จ นํามาก่อนได้ดื่มถ้วยน้ำของการถูกประหารชีวิต ผู้ก่อตั้งมัน ถูกทะเลแห่งความทุกข์ยากอย่างไม่เคยมีมาก่อนซัดท่วมศีรษะ พระผู้เป็นแบบอย่างของมันได้จมลงใต้น้ำหนักของความ ทุกข์โศกตลอดชีวิตและโชคร้ายอันน่ากลัว โลกซึ่งตกอยู่ ในความงมงาย ซึ่งเปลวไฟอันสว่างไสวของศาสนากําลังตาย จากไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอํานาจของลัทธิชาตินิยมและเชื้อชาติ นิยมอันห้าวได้แย่งชิงสิทธิและอภิสิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่ง ลัทธิไม่เชื่อถือศาสนาซึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากความไม่มีศาสนา ได้ชูศีรษะแห่งชัยชนะของมันและกําลังยืนลักษณะอันน่าเกลียดทั้งหลายของมันออกมา…ซึ่งพิษของอคติและการทุจริต กําลังกินลึกเข้าไปในอวัยวะสําคัญของสังคมที่ไม่เป็นระเบียบ อย่างร้ายแรง… แท้จริงแล้วเรากําลังมีชีวิตอยู่ในยุคหนึ่งซึ่งหากเราประเมิน อย่างถูกต้อง มันควรได้รับการพิจารณาเป็นดั่งยุคที่กําลังเป็น พยานต่อปรากฏการณ์สองอย่าง ปรากฏการณ์แรกเป็นสัญ ญาณบ่งบอกถึงความตายอันเจ็บปวดของระบบที่พ้นสมัยและไร้ ศาสนาซึ่งได้ปฏิเสธอย่างดื้อดึง โดยไม่คํานึงถึงสัญลักษณ์และ ลางทั้งหลายของการเปิดเผยศาสนาที่มีอายุหนึ่งศตวรรษ ไม่ ปรับขบวนการทั้งหลายของมันให้เข้ากับหลักศีลธรรมและ อุดมคติที่ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าได้เสนอให้ ปรากฏการณ์ ที่สองประกาศถึงการคลอดอันเจ็บปวดของระบบอันหนึ่งซึ่ง มาจากสวรรค์และมาไถ่ ซึ่งจะมาแทนระบบเก่าอย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้ และภายในโครงสร้างบริหารของมัน อารยธรรมที่เพิ่ง เริ่มก่อซึ่งหาที่เปรียบไม่ได้และครอบคลุมทั่วโลกกําลังเติบโต อย่างมองไม่เห็น ระบบหนึ่งกําลังถูกม้วนเก็บและกําลังพัง พินาศอยู่ในความกดขี่ การหลั่งเลือดและการทําลายล้าง อีกระบบหนึ่งได้เปิดทิวทัศน์ของความยุติธรรม ความสามัคคี ความสงบ วัฒนธรรม อย่างที่ไม่มียุคไหนเคยเห็นมาก่อน ระบบแรกได้ใช้กําลังของมัน สาธิตความผิดพลาดและความ ไร้ผลของมัน สูญเสียโอกาสอย่างเรียกคืนไม่ได้ และกําลัง รีบไปสู่ความพังทลาย ระบบหลังซึ่งแข็งขันและไม่สามารถ พิชิตได้ กําลังดึงโซ่ของมันขาดสะบั้น และกําลังพิสูจน์ให้เห็น ว่าบรรดาศักดิ์ของมันคือร่มโพธิ์ร่มไทรอันเดียว ซึ่งมนุษยชาติ ที่ถูกทดสอบอย่างระบมและได้รับการชําระล้างจากส่วนที่ไร้ค่าสามารถบรรลุสู่จุดหมายของพวกเขา พระบาฮาอุลลาห์ได้ทรงทํานายไว้ ?ในไม่ช้าระบบปัจจุบันจะ ถูกม้วนเก็บและระบบอันใหม่จะแผ่เข้ามาแทนที่? และอีก ครั้งหนึ่ง ?โดยเราเอง วันนั้นกําลังใกล้เข้ามาคือวันที่เราจะม้วน เก็บโลกและทั้งหมดอยู่ในนั้นและแผ่ระบบอันหนึ่งเข้ามา

แทนที่ 5 ความวิกฤติที่ทวีรุนแรงขึ้นอย่างไม่ผ่อนผันและได้รุมล้อมมนุษยชาติ อยู่รอบด้านดังที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้วิเคราะห์และพรรณนาไว้นั้น หากนํามาพิจารณาอย่างเที่ยงธรรม น้อยคนจะปฏิเสธ กระนั้นมนุษยชาติ ยังคงดิ้นรนอยู่ภายใต้ความกดดันของความวิกฤติเหล่านี้โดยไม่รู้สา เหตุถึงแม้การเปิดเผยศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์จะล่วงเลยมากว่า หนึ่งศตวรรษและพระองค์ทรงเป็นพยานว่า ?โดยแท้จริงแล้วเรามิได้ บกพร่องในหน้าที่ของเราในการว่ากล่าวตักเตือนมนุษย์และในการส่ง มอบสิ่งที่เราได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้า? ?มีข้อแก้ตัวเหลืออีกไหม สําหรับใครก็ตามในการเปิดเผยศาสนานี้ ไม่ โดยพระผู้เป็นเจ้า พระ ผู้เป็นนายแห่งบัลลังก์อันทรงอํานาจ สัญลักษณ์ของเราได้ห้อมล้อม โลกเอาไว้แล้วและอํานาจของเราได้หุ้มห่อมนุษยชาติทั้งหมดแล้ว กระ นั้นประชาชนยังคงหลับไหลอย่างน่าฉงนยิ่งนัก? พระบาฮาอุลลาห์ทรง กล่าวเตือนประชาชนทั้งหลายว่า ?ดูกร ประชาชนทั้งหลายของโลก จงรู้ไว้ด้วยว่าโดยแท้จริงแล้วความหายนะอันมิอาจคาดการณ์ล่วงหน้า ได้กําลังติดตามเจ้าและผลกรรมอันสาหัสกําลังรอคอยเจ้าอยู่ จงอย่า คิดว่าสิ่งที่เจ้าได้กระทําจะพ้นจากสายตาของเรา? และอีกครั้งหนึ่ง ?ดู กร ประชาชน เราได้กําหนดเวลาไว้สําหรับเจ้าแล้ว ถ้าถึงชั่วโมงที่กํา หนดเจ้ายังเพิกเฉยไม่หันมาสู่พระผู้เป็นเจ้า โดยแท้จริงแล้วพระองค์จะทรงกระหน่ําความรุนแรงมาบนเจ้าและจะทรงนําความทรมานอันสา หัสมาโจมตีเจ้าจากทุกทิศทาง แท้จริงแล้วการลงโทษของพระผู้เป็น เจ้าที่พระองค์จะใช้ลงโทษเจ้าในตอนนั้นช่างรุนแรงเพียงใด… 5 และ พระบาฮาอุลลาห์ยังกล่าวเป็นลางเตือนไว้อย่างน่าขนลุกอีกว่า ?เวลา สําหรับการทําลายโลกและประชาชนของโลกมาถึงแล้ว? ?ชั่วโมง นั้นกําลังใกล้เข้ามาคือชั่วโมงที่ความโกลาหลอันรุนแรงที่สุดจะปรากฏ ขึ้น? ?วันแห่งพันธะสัญญามาถึงแล้ว คือวันที่การทดสอบอันทรมาน จะซัดเหนือศีรษะและใต้เท้าของพวกเจ้าโดยกล่าวว่า : จงลิ้มรสสิ่งที่ มือของเจ้าได้กระทํา? ?และเมื่อถึงชั่วโมงที่กําหนดไว้จะปรากฏอย่าง ทันใดในสิ่งที่จะทําให้แขนขามนุษยชาติสั่นสะท้าน? ?วันนั้นกําลัง ใกล้เข้ามา คือวันที่เปลวไฟแห่งอารยธรรมของมันจะกลืนเมืองทั้ง หลาย วันที่ลิ้นของพระผู้ทรงความยิ่งใหญ่จะประกาศว่า : อาณาจักร เป็นของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงเป็นที่สรร เสริญ

ในอีกด้านหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวพาดพิงถึงเวลาหนึ่ง ซึ่งกษัตริย์และผู้ปกครองทั้งหลายของโลกจะยอมรับและสนับสนุน ศาสนาของพระองค์ว่า ?พระพรอันยิ่งใหญ่เพียงไรกําลังรอคอยกษัตริย์ผู้ ที่จะลุกขึ้นช่วยเหลือศาสนาของเราในอาณาจักรของเรา ผู้ที่จะไม่ ผูกพันอยู่กับสิ่งใดนอกจากเรา กษัตริย์ดังกล่าวได้รับการนับรวม กับมิตรสหายทั้งหลายแห่งเรือครีมซัน เรือที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเตรียม ไว้สําหรับประชาชนของบาฮา ทุกคนต้องสรรเสริญกษัตริย์นั้น ต้อง นับถือกษัตริย์นั้นและช่วยกษัตริย์นั้นไขเมืองทั้งหลายด้วยกุญแจแห่ง พระนามของเรา พระผู้ทรงคุ้มครองผู้ทรงอํานาจอันไม่มีขีดจํากัดของทุกคนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรโลกและอาณาจักรสวรรค์ กษัตริย์ดัง กล่าวคือดวงตาของมนุษยชาติ คือเครื่องประดับบนหน้าผากของการ สร้างสรรค์ คือแหล่งกําเนิดของพระพรแก่โลก ดูกร ประชาชนของ บาฮา จงสละทรัพย์สินของเจ้า ไม่เพียงเท่านั้นจงสละชีวิตของเจ้าเพื่อ ช่วยเหลือกษัตริย์นั้น8 และพระอับดุลบาฮาทรงจารึกถึงอนาคตอัน แจ่มใสว่า ?ชาติและวงศ์ตระกูลทั้งหมด….จะกลายเป็นชาติหนึ่งเดียว ความเป็นปรปักษ์ทางศาสนาและทางนิกาย ความเป็นศัตรูของเชื้อชาติ และประชาชนทั้งหลาย ความแตกแยกในหมู่ชาติต่างๆ จะถูกขจัด ไป มนุษย์ทั้งหลายจะยึดมั่นในศาสนาเดียวกัน จะมีความศรัทธาเดียว กัน จะผสมผสานเข้าเป็นเชื้อชาติเดียวกัน และกลายเป็นประชาชน หนึ่งเดียว ทั้งหมดจะอาศัยอยู่ในปิติภูมิเดียวกันนั่นคือดาวนพเคราะห์นี้เอง?

บทที่ 17

พระกติกาของพระบาฮาอุลลาห์

ขบวนการที่ขับเคลื่อนโดยอํานาจสวรรค์ ซึ่งครอบครองศักย ภาพไว้อย่างไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ ซึ่งมีขอบเขตครอบคลุม ทั่วโลก และผลในท้ายที่สุดของมันจะเปลี่ยนรูปของโลก ได้เริ่มใน คืนอันเป็นประวัติศาสตร์เมื่อพระบ๊อบทรงประกาศฐานะของพระองค์ ต่อมุลลา ฮุสเซนในมุมหนึ่งของเมืองซีราซ ขบวนการนี้ได้รับพลัง ขับเคลื่อนอย่างมหาศาลโดยการถ่ายทอดอํานาจการเปิดเผยศาสนา ของพระผู้เป็นเจ้ามายังพระบาฮาอุลลาห์ในคุกซียาห์-ชาล ในเมืองเต หะราน และได้เร่งความเร็วคืบหน้าต่อไปโดยการประกาศาสนาของ พระองค์ก่อนที่จะเดินทางออกจากแบกแดด มันเคลื่อนไปสู่จุดสูงสุด ด้วยการประกาศภาระหน้าที่อันเป็นประวัติศาสตร์ของพระองค์ต่อ กษัตริย์และผู้นําศาสนาทั้งหลายของโลกในเมืองอเดรียโนเปิ้ล และ ในที่สุดมันบรรลุจุดสมบรูณ์ โดยการกําหนดกฏและเทศบัญญัติต่าง ๆ โดยหลักธรรมที่พระองค์แถลง โดยสถาบันทั้งหลายที่พระองค์บัญญัติใน เมืองอัคคา

เพื่อที่จะควบคุมและจัดทิศทางพลังที่ปลดปล่อยโดยขบวน การสวรรค์นี้และเพื่อที่จะรับประกันการปฏิบัติการอย่างกลมกลืนและ ต่อเนื่องภายหลังจากที่พระบาฮาอุลลาห์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เครื่องมือ ที่บัญญัติโดยพระผู้เป็นเจ้าและได้รับการประสาทด้วยอํานาจที่ไม่สามารถ โต้แย้งได้ซึ่งเชื่อมกับพระบาฮาอุลลาห์โดยกําเนิดจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ ได้ เครื่องมือนี้พระบาฮาอุลลาห์ได้ทรงจัดไว้ให้ด้วยสถาบันแห่งพระ กติกาซึ่งพระองค์ได้สถาปนาไว้อย่างมั่นคงก่อนที่จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระกติกาเดียวกันนี้พระองค์ได้คาดการณ์ไว้ในพระคัมภีร์คีตาบีอัคคัส ได้ทรงพาดพิงไว้เมื่อพระองค์กล่าวอําลาสมาชิกครอบครัวทั้งหลายของพระองค์ที่มารวมกันอยู่ข้างเตียง และได้รวมไว้ในหลักฐาน พิเศษอันหนึ่งที่พระองค์ทรงระบุว่าเป็น ?พระคัมภีร์แห่งพระกติกา? ซึ่งพระองค์ทรงมอบหมายให้แก่พระอับดุลบาฮาบุตรชายคนโตในระ หว่างการล้มป่วยครั้งสุดท้าย พระคัมภีร์นี้เขียนขึ้นโดยมือของพระบา ฮาอุลลาห์เองซึ่งเปิดออกในวันที่ 9 หลังจากที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่ สวรรค์ต่อหน้าพยาน 9 คน ที่เลือกมาจากมิตรสหายและสมาชิกครอบ ครัวของพระองค์ และในบ่ายวันเดียวกันได้นํามาอ่านต่อหมู่ชนกลุ่ม ใหญ่ที่มารวมกันที่สุสานของพระองค์รวมทั้งลูกชายทั้งหลายของพระ องค์ ญาติพี่น้องของพระบ๊อบ ผู้ที่มานมัสการและสาวกทั้งหลายที่ อาศัยอยู่ที่นั้น พระคัมภีร์พิเศษเฉพาะและหาที่เปรียบมิได้ในคัมภีร์ ของศาสนาทั้งหลายนี้ พระบาฮาอุลลาห์ทรงระบุว่าเป็น ?ธรรมจารึก อันยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะไม่มีพระคัมภีร์ใดในศาสนาในอดีตที่เราพบ หลักฐานหรือเอกสารใดที่สถาปนาพระกติกาที่ได้รับการประสาทด้วย อํานาจที่เปรียบได้กับพระกติกาที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงสถาปนา

พระอับดุลบาฮาทรงยืนยันว่า ?พระกติกานี้มั่นคงและมีอํานาจยิ่ง อย่างที่ตั้งแต่เริ่มต้นของกาลเวลาจนถึงปัจจุบันไม่เคยมีศาสนาไหน ได้สถาปนาไว้? พระองค์ทรงกล่าวต่อไปอีกว่า ?เป็นสิ่งชัดเจนอย่าง ไม่มีข้อสงสัยว่าแกนสําคัญของความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของมนุษย ชาติมิใช่อื่นใดแต่คืออานุภาพของพระกติกา? และ ?อานุภาพของ พระกติกาเป็นเหมือนความร้อนของดวงอาทิตย์ที่กระตุ้นและส่งเสริม การพัฒนาสรรพสิ่งสร้างสรรค์ทั้งหมด ในลักษณะเดียวกันประทีปของ พระกติกาคือผู้ให้การศึกษาแก่จิตใจ พลังจิต หัวใจและวิญญาณของ มนุษย์ทั้งหลาย? พระกติกาที่เป็นมรดกสืบทอดให้แก่ชนรุ่นหลัง ที่ อยู่ในพระประสงค์และพินัยกรรมของพระบาฮาอุลลาห์พร้อมกับใน พระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัสและธรรมจารึกอีกมากมาย ซึ่งตําแหน่งและฐานะของพระอับดุลบาฮาได้รับการเปิดเผยอย่างชัดเจน จะป้องกัน และค้ําจุนผู้เป็นศูนย์กลางของศาสนาซึ่งเป็นผู้วาดโครงร่างสถาบันทั้ง หลายของศาสนาในอนาคต ในหลักฐานอันมีน้ำหนักและหาที่เปรียบ ไม่ได้นี้ พระบาฮาอุลลาห์ ได้เปิดเผยลักษณะของ ?มรดกอันเลิศ และหาค่ามิได้? ที่พระองค์สืบทอดให้แก่ทายาททั้งหลาย ทรงประกาศ ถึงจุดประสงค์มูลฐานของการเปิดเผยศาสนาของพระองค์ ทรงบัญชา ประชาชนทั้งหลายของโลกให้ยึดมั่นอยู่กับสิ่งที่จะยกฐานะของพวก เขา ประกาศต่อพวกเขาว่า ?พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงยกโทษสิ่งที่เป็นมา ในอดีต? ทรงย้ําถึงความประเสริฐของฐานะของมนุษย์ เปิดเผยจุดประ สงค์เบื้องต้นของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า สั่งการผู้ที่ซื่อสัตย์ให้สวด มนต์เพื่อความผาสุขของกษัตริย์ทั้งหลายของโลกผู้ซึ่งเป็นการแสดง ปรากฏของอานุภาพและรุ่งอรุณของอํานาจและความร่ํารวยของพระ ผู้เป็นเจ้า ประกาศว่าหัวใจของมนุษย์ทั้งหลายอยู่ในขอบเขตอํานาจ ของพระองค์ ทรงห้ามการทะเลาวิวาทและการโต้แย้งโดยเด็ดขาด บัญชาสาวกทั้งหลายให้ช่วยเหลือบรรดาผู้ปกครองที่ตกแต่งด้วยเครื่อง ประดับแห่งความยุติธรรม ทรงสั่งการบุตรชายทั้งหลายของพระองค์ โดยเฉพาะให้ไตร่ตรองพลังอันทรงอํานาจและอานุภาพอันสมบูรณ์ที่ สุดที่ซ่อนอยู่ในโลกแห่งการดํารงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ยังบัญชา พวกเขาและญาติพี่น้องทั้งหลายของพระบ๊อบให้หันไปสู่ ?กิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่สุด? (พระอับดุลบาฮา) และบัญญัติฐานะของ ?กิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า? (มีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลี) ให้อยู่ใต้ ?กิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? ทรงบัญชา บุตรชายและญาติพี่น้องทั้งหลายของพระองค์และของพระบ๊อบให้ เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าและปฏิบัติสิ่งที่จะยกฐานะของพวกเขา ทรง เตือนมนุษย์ทั้งหมดอย่าทําให้วิธีสําหรับการก่อสร้างระเบียบกลายเป็นเหตุ ของความสับสน หรือทําให้เครื่องมือสําหรับความสามัคคีกลายเป็นเหตุของความบาดหมาง และปิดท้ายด้วยการว่ากล่าวตักเตือนผู้ที่ซื่อสัตย์ให้ รับใช้ชาติทั้งหมดและพยายามต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของโลก

ฐานะอันประเสริฐและพิเศษดังกล่าวที่ประทานให้แก่พระอับ ดุลบาฮามิได้สร้างความประหลาดใจให้แก่คณะผู้ถูกเนรเทศเลยผู้ซึ่ง ได้มีโอกาสสังเกตชีวิตและความประพฤติของพระองค์ และมีได้สร้าง ความประหลาดใจแก่ผู้นมัสการทั้งหลายผู้ที่ได้มีโอกาสพบปะกับพระ องค์ถึงแม้ช่วงเวลาสั้น ๆ มิได้สร้างความประหลาดใจให้ผู้ที่ซื่อสัตย์ จํานวนไพศาลในดินแดนห่างไกลทั้งหลาย หรือแม้แต่ผู้คนที่คุ้นเคย กับพระองค์ทั้งหลายในวงกว้างในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และประเทศข้าง เคียงในช่วงระหว่างที่พระบาฮาอุลลาห์ยังมีชีวิตอยู่ พระอับดุลบาฮา เกิดในคืนอันเป็นประวัติศาสตร์ที่พระบ๊อบประกาศศาสนาต่อมุลลา ฮุสเซน พระองค์คือผู้ซึ่งสมัยเป็นเด็กน้อยได้นั่งอยู่บนตักของทอเฮเรย์ ขณะที่เธอกําลังกล่าวต่อวาฮิดผู้คงแก่เรียนและมีชื่อเสียงกว้างไกล คือผู้ซึ่งดวงวิญญาณที่อ่อนนุ่มของพระองค์ต้องมีนชาต่อภาพอันไม่ อาจเลือนไปได้ของพระบิดาผู้ซูบซีดผมยุ่งเหยิงและถูกล่ามโซ่อัน หนักหน่วง ขณะที่พระองค์อายุ 9 ขวบ และได้ไปเยี่ยมพระบิดาที่ คุกซียาห์-ชาล ในเมืองเตหะราน และขณะที่อยู่ในวัยเด็กพระองค์ คือผู้ที่ถูกเด็กอันธพาลข้างถนนกล่าววาจาหยาบคายและขว้างก้อน หินใส่และหัวเราะเยาะเย้ยในระหว่างที่พระบิดาอยู่ในคุก พระองค์คือ ผู้ที่ได้ร่วมชะตากรรมกับพระบิดาในความทุกข์ทรมานของการถูกเนร เทศอันโหดร้ายออกจากดินแดนบ้านเกิด คือผู้ซึ่งด้วยความทุกข์โศก อันมิอาจปลอบโยนได้ขณะเมื่อพระบิดาได้แยกตัวออกจากชุมชน 2 ปีได้ทําให้วัยเด็กของพระองค์ชราลง คือผู้ที่ได้ทราบฐานะของพระ บิดาตั้งแต่วัยเด็กขณะที่พระบิดายังไม่ประกาศความเป็นศาสนทูต และหมอบลงที่ฝ่าเท้าของพระบิดาวิงวอนขอสละชีวิตเพื่อพระบิดา พระองค์คือผู้ซึ่งในแบกแดดขณะที่อยู่ในวัยรุ่นได้ให้คําอธิบายคํา พยากรณ์ที่มีชื่อเสียงของอิสลามเป็นการตอบคําถามของ อาลี ชอแคท พาชาอย่างแจ่มแจ้ง จนผู้ได้รับคําตอบชื่นชมพระองค์อย่างไม่ขีดจํากัด พระองค์คือผู้ซึ่งคําอภิปรายและปาฐกถาของพระองค์ต่อผู้คงแก่เรียน ทั้งหลายในแบกแดดได้ปลุกเร้าความนิยมชมชื่นในตัวพระองค์ ซึ่ง เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อจํานวนผู้ที่คุ้นเคยกับพระองค์ได้ขยายกว้างขวาง ออกต่อมาในเมืองอเดรียโนเปิ้ลและอัคคา พระองค์คือผู้ซึ่งเจ้าเมือง อเดรียโนเปิ้ลได้ถวายคําสรรเสริญต่อสาธารณะเมื่อพระองค์ได้ไขความ ลี้ลับทั้งหลายของปัญหาต่อหน้านักบวชผู้มีชื่อเสียงทั้งหลายในเมือง นั้น อันเป็นปัญหาที่ทําให้ให้พวกเขาจนปัญญา ซึ่งเป็นความสําเร็จที่ มีผลต่อเจ้าเมืองอย่างลึกซึ้งจนนับแต่บัดนั้น เขาแทบทนไม่ได้ถ้าหาก ขาดพระองค์เมื่อมีการชุมนุมกันดังกล่าว

เมื่อขอบเขตและอิทธิพลของพระบาฮาอุลลาห์ ได้แผ่ขยาย ออก พระอับดุลบาฮาคือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย การที่พระบิดาแต่งตั้งพระองค์ให้เป็นตัวแทนในโอกาสมากมาย โดย ช่วยให้พระองค์สามารถแก้ฟ้องศาสนาของพระบิดาต่อสาธารณะ โดย มอบหมายพระองค์ให้คัดลอกธรรมจารึกทั้งหลาย โดยอนุญาตให้พระ องค์รับผิดชอบต่อการป้องกันพระบิดาจากศัตรูทั้งหลาย โดยประสิทธิ์ประ สาทหน้าที่ให้แก่พระองค์ในการดูแลและส่งเสริมประโยชน์ของคณะผู้ ถูกเนรเทศและมิตรสหายทั้งหลาย พระองค์คือผู้ที่ได้รับมอบหมายงาน ที่สําคัญและปราณีตในการจัดซื้อที่ดินบนภูเขาคาเมลที่กําหนดไว้สํา หรับเป็นสุสานของพระบ๊อบเมื่อสถานการณ์เอื้ออํานวย พระองค์คือ ผู้ซึ่งได้จัดวิธีการให้พระบิดาออกจากการกักขัง 9 ปี ในเมืองอัคคาเพื่อให้ พระบิดาได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในบั้นปลาย และด้วยความพยายาม อันไม่หยุดหย่อนพระองค์ได้ทําให้เจ้าเมืองอัคคาหลายคนชื่นชมและยกย่องคณะผู้ถูกเนรเทศ และพระองค์คือผู้ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้มีชื่อเสียง และนักบวชคนสําคัญจํานวนมากมายได้ขอเข้าพบในระหว่างปีท้าย ๆ ของภาระหน้าที่ของพระบิดา ซึ่งพระองค์ประสบความสําเร็จในการ ยกระดับเกียรติยศให้แก่ศาสนาในระดับที่ไม่เคยบรรลุถึงมาก่อน และ บัดนี้พระองค์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศูนย์กลางแห่งพระกติกาของ พระบาฮาอุลลาห์ซึ่งเป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อจากศาสนทูตของพระผู้ เป็นเจ้า เป็นผู้ได้รับอํานาจโดยสมบูรณ์แต่เพียงผู้เดียวในการตีความ หมายพระวจนะของพระบาฮาอุลลาห์

พระอับดุลาบาฮาทรงกล่าวถึงลักษณะเด่นและความสําคัญ ของพระกติกานี้ว่า ?ในเรื่องลักษณะเด่นอันยิ่งใหญ่ที่สุดของการ เปิดเผยศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ซึ่งเป็นคําสั่งสอนพิเศษที่พระ ศาสดาทั้งหลายในอดีตมิได้ให้ไว้คือ การบัญญัติและแต่งตั้งศูนย์กลาง แห่งพระกติกา โดยการแต่งตั้งและบัญญัตินี้พระองค์ได้ปกป้อง และคุ้มครองศาสนาของพระผู้เป็นเจ้ามิให้แตกแยกและแบ่งเป็น กาย ทําให้เป็นไปไม่ได้สําหรับใครก็ตามที่จะสร้างนิกายหรือกลุ่มความ เชื่อใหม่ เพื่อที่จะรับประกันความสามัคคีและความลงรอย พระองค์ ได้ทรงเริ่มต้นพระกติกากับประชาชนทั้งหมดของโลกรวมทั้งผู้ตีความ หมายและผู้อธิบายคําสั่งสอนของพระองค์ เพื่อว่าจะไม่มีใครตีความ หมายหรืออธิบายศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าตามทัศนะหรือความคิดเห็น ของเขาเองและสร้างนิกายที่วางรากฐานอยู่บนความเข้าใจส่วนตัวใน พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า? อํานาจของพระกติกานี้จะรับประกัน ความเป็นเอกภาพและบูรณภาพของศาสนามิให้แตกแยกออกเป็น นิกายต่าง ๆ ดังที่เกิดขึ้นในอดีต และพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวด้วย ถนะอันหนักหน่วงว่า ?ความรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเจ้า (พระอับดุลบาฮา) และอยู่กับผู้ที่รับใช้เจ้าและล้อมรอบเจ้า เคราะห์ร้ายอัน ยิ่งใหญ่จะบังเกิดแก่ผู้ที่ต่อต้านและทําร้ายเจ้า ขอความดีจงมีแด่ผู้ ที่จงรักภักดีต่อเจ้า ไฟแห่งนรกจงทรมานผู้ที่เป็นศัตรูของเจ้า? ตํา แหน่งศูนย์กลางแห่งพระกติกานี้ได้มอบอํานาจให้พระอับดุลบาฮาถ่าย ทอดพลังขับเคลื่อนในการขยายศาสนาของพระบิดาไปสู่ระดับนานา ชาติ ขยายหลักธรรมของศาสนา ทําลายอุปสรรคทั้งหมดที่ขัดขวางการ คืบหน้า ให้กําเนิดและวาดลักษณะเด่นทั้งหลายของระบบบริหารของ ศาสนาซึ่งเป็นการเริ่มต้นไปสู่ระบบแห่งโลกซึ่งการสถาปนาระบบนี้ จะเป็นสัญญาณบอกการมาถึงยุคทองของศาสนาบาไฮ

ผลกระทบของการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์ดัง ที่กล่าวไว้แล้วนั้นได้แพร่กระจายความปวดร้าวและงงงันให้แก่สาวก ทั้งหลายของพระองค์ ในทางตรงข้ามมันได้กระตุ้นความแข็งขัน และความหวังให้แก่ศัตรูภายนอกและศัตรูภายใน เมฆแห่งความท้อ แท้สิ้นหวังที่ได้ครอบคลุมสาวกทั้งหลายได้ถูกยกออกไปเมื่อพวกเขา ได้หันมายึดพระอับดุลบาฮาเป็นผู้ปลอบโยน เป็นผู้นําทาง เป็นหลัก ของชุมชน แสงธรรมที่สว่างไสวในหัวใจของทวีปเอเซียในสมัย ของพระบาฮาอุลลาห์ ได้แผ่กระจายต่อออกไปถึงยุโรป อัฟริกาโดยอํา นาจของพระกติกา และเมื่อใกล้จะสิ้นสุดภาระหน้าที่ของพระอับดุล บาฮา ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าได้แพร่กระจายต่อไปถึงทวีปอเมริกา เหนือ เอเซียตะวันออกไกลและออสตราเลเซีย

อย่างไรก็ตามก่อนที่ศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์จะปักธงใน ทวีปอเมริกาเหนือและสถาปนาฐานที่ตั้งในโลกตะวันตกได้อย่างไพศาล พระกติกาของพระบาฮาอุลลาห์ที่พึ่งกําเนิดจําเป็นต้องผ่านไฟของการ ทดสอบดังเช่นในสมัยของพระบาฮาอุลลาห์เพื่อสาธิตถึงความเป็น ปึกแผ่น ประกาศถึงความมั่นคงอย่างไม่สามารถทําลายได้ต่อโลกที่ความศรัทธา ความวิกฤติซึ่งรุนแรงเกือบเท่าเมื่อครั้งที่เกิดขึ้นในแบก แดดได้เขย่ารากฐานของพระกติกาตั้งแต่เริ่มต้น ความวิกฤตินี้ผุด ขึ้นมาจากใจกลางศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ในครอบครัวของพระ องค์เองคือ มีร์ซา โมฮัมหมัดอาลี ผู้เป็นน้องชายต่างมารดาของพระ อับดุลบาฮาและตามที่ระบุไว้ใน ?พระคัมภีร์แห่งพระกติกา? เขาคือ ผู้ที่มีตําแหน่งไม่เป็นรองใครยกเว้นพระอับดุลบาฮา เป็นเวลา 4 ปี ที่เหตุการณ์รุนแรงนี้ได้ก่อกวนจิตใจสาวกจํานวนมากอย่างดุเดือดทั่ว ทั้งโลกตะวันออก สร้างความแตกแยกในหมู่ญาติพี่น้องของพระบาฮาอุล ลาห์อย่างไม่สามารถหวนคืนมาได้ จบชะตาสมาชิกครอบครัวของพระบา ฮาอุลลาห์เป็นส่วนใหญ่ และสร้างความเสื่อมเสียเกียรติของศาสนา ถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถสร้างความแตกแยกอย่างถาวร รากฐาน ของความวิกฤตินี้คือความอิจฉาอันเร่าร้อนที่ควบคุมไม่ได้และกัดกร่อน วิญญาณซึ่งความดีเด่น ความสามารถ ความรู้และคุณความดีของพระ อับดุลบาฮาได้ปลุกเร้ามิเฉพาะเพียง มีร์ซา โมฮัมหมัดอาลี แต่รวม ทั้งญาติพี่น้องคนสนิทบางคน ความอิจฉาดังที่ได้ครอบงําวิญญาณ ของมีซาร์ ยาห์ยอ ได้คุกรุ่นอยู่ในหัวใจของ มีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลีเป็น เวลาหลายปีก่อนที่พระบาฮาอุลลาห์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ จากการที่ พระบาฮาอุลลาห์และสาวกทั้งหลายรวมทั้งผู้ที่มิใช่บาไฮศาสนิกชน ได้แสดงความชื่นชมและโปรดปรานพระอับดุลบาฮาอย่างเด่นชัด

แม้จะได้รับการยกฐานะเป็นอันดับสองรองจากพระอับดุลบา ฮา มันก็มิได้ระงับไฟแห่งความเป็นปรปักษ์อันมิอาจดับได้ที่คุอยู่ใน อกของ มีร์ซา โมฮัมหมด-อาลี ไฟแห่งความอิจฉานั้นได้ลุกอย่างดุ เดือดยิ่งขึ้นเมื่อเขาทราบความหมายโดยบริบูรณ์ในพินัยกรรมของพระ บาฮาอุลลาห์ การกระทําทั้งหมดของพระอับดุลบาฮาในระหว่างปี อันตึงเครียดเหล่านี้ การว่ากล่าวตักเตือนอย่างไม่หยุดหย่อนของพระองค์ การวิงวอนอย่างตั้งใจจริง ความกรุณาที่พระอับดุลบาฮามีต่อมิร์ซา โมฮัมหมัดอาลี การห้ามปรามและคําเตือนทั้งหลาย และพระอับดุล บาฮาถึงกับถอนตัวออกไปโดยหวังว่าจะเบียงเบนพายุที่กําลังคุกคาม เข้ามา เหล่านี้ล้วนปรากฏว่าไร้ประโยชน์ โดยอาศัยการใส่ร้ายป้ายสี มีร์ซา โมฮัมหมัดอาลี ค่อย ๆ ประสบความสําเร็จทีละน้อยในการชัก จูงครอบครัวเกือบทั้งหมดของพระบาฮาอุลาห์ประมาณ 40 คน ญาติ พี่น้องของพระบ๊อบ ลูก ๆ ของออคอเยากาลิมซึ่งขณะนั้นเขาเสีย ชีวิตไปแล้ว ทั้งหมดนี้ได้ร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มรากฐานพระกติกา ของพระบาฮาอุลลาห์ แม้แต่มีร์ซา อาคา จอน ซึ่งรับใช้พระบาฮา อุลลาห์ในฐานะเลขานุการมาเป็นเวลา 40 ปี และโมฮัมหมัด-จาวาดี คัสวานี ซึ่งได้คัดลอกธรรมจารึกจํานวนนับไม่ถ้วนตั้งแต่สมัยในเมือง อเดรียโนเปิ้ลเรื่อยมา ก็ได้เข้าร่วมเป็นผู้ทําลายพระกติกาของพระบา ฮาอุลลาห์ บรรดาผู้ฝ่าฝืนพระกติกาเหล่านี้ได้ร่วมชุมนุมอยู่ในคฤหาสน์ บาห์จีและบ้านบริเวณใกล้เคียงที่ล้อมรอบสุสานของพระบาฮาอุลลาห์ พวกเขาขัดขวางพระอับดุลบาฮาไม่ให้ไปที่สุสานของพระบิดา หลาย ครั้งที่พระอับดุลบาฮาต้องทําความเคารพสุสานของพระบาฮาอุลลาห์ โดยยืนอยู่ในระยะไกล พระองค์เหลือเพียงน้องสาว (บาฮีย-คานูม) ลุง (มีร์ซา โมฮัมหมัด คูลี) ภรรยาและลูกสาวอีก 4 คน

มิพอใจต่อการสร้างความบาดหมางในชุมนุม พวกฝ่าฝืนพระ กติกาใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยในบริเวณคฤหาสน์บาห์จี เชิญเจ้า หน้าที่ต่าง ๆ มากินเลี้ยงเพื่อปลูกฝังความเกลียดชังพระอับดุลบาฮา พวกเขามีระบบเชื่อมโยงติดต่อจดหมายกับบาไฮศาสนิกชนและศูนย์ กลางบาไฮทุกแห่งที่พวกเขาติดต่อได้ มีการส่งตัวแทนไปยังเปอร์เซีย อิรัคและอียิปต์ พวกฝ่าฝืนพระกติกาเหล่านี้ได้รณรงค์ใส่ร้ายพระ อับดุลบาฮาดังเช่นมีร์ซา ยาห์ยอและซียิด โมฮัมหมัดกระทําต่อพระบาฮาอุลลาห์ พวกเขากล่าวหาโดยวิธีการลับและอย่างเปิดเผย ทั้ง โดยคําพูดและการเขียนเอกสารต่อมิตรสหายและคนแปลกหน้า ต่อ เจ้าหน้าที่ชั้นสูงและชั้นต่ํา ต่อผู้ที่เป็นบาไฮและผู้ที่มิใช่บาไฮว่าพระ อับดุลบาฮาเป็นคนทะเยอทะยาน เป็นผู้ไม่มีวินัยและได้แย่งชิงอํานาจ อย่างโหดร้าย ไม่สนใจพินัยกรรมของพระบาฮาอุลลาห์และอ้างตนมี ฐานะเทียบเท่าศาสนทูตของพระผู้เป็นเจ้า อ้างสิทธิอย่างไม่ชอบธรรม ในการตีความหมายวจนะของพระบาฮาอุลลาห์และสถาปนาศาสนา ใหม่ บิดเบือนจุดประสงค์ของพระบาฮาอุลลาห์ โดยการประกาศพระ กติกาของโลกอันหาที่เปรียบมิได้และไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ศาสนา ตัดสิทธิเงินค่าใช้จ่ายของญาติพี่น้องและนําไปใช้เพื่อสร้างความ ก้าวหน้าให้แก่ตนเอง แต่งเติมข้อความในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และ บิดเบือนจุดประสงค์และความหมายของธรรมจารึกที่เปิดเผยไว้โดย พระบาฮาอุลลาห์ ซึ่งก่อให้เกิดความแตกแยกในชุมชนและทําให้ชุม ชนเสื่อมถอยลงไปสู่การดับสูญ ด้วยความเศร้าโศกต่อเหตุการณ์เหล่านี้ ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์ พระอับ ดุลบาฮาทรงจารึกว่า ?เราขอปฏิญาณต่อพระผู้ทรงความงามบรมโบราณ ความทุกข์โศกและความเสียใจของเรานั้นยิ่งใหญ่จนปากกาของเรา หยุดชะงักอยู่ระหว่างนิ้วมือ? พระบาฮาอุลลาห์เองทรงกล่าวไว้ใน ธรรมจารึกหนึ่งเป็นการทํานายพาดพิงถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ?พระผู้เป็น เจ้าทรงเป็นพยาน ดูกร ประชาชน ดวงตาของเราร้องไห้และดวงตา ของอาลี (พระบ๊อบ) ร้องให้ท่ามกลางเทพทั้งหลาย หัวใจของเราและ หัวใจของพระโมฮัมหมัดร้องไห้อยู่ภายในเทพมณเฑียรอันรุ่งโรจน์ที่ สุด…ความทุกข์โศกของเรามิใช่สําหรับเราเอง แต่สําหรับพระผู้ซึ่งจะ มาภายหลังจากเราภายใต้ร่มเงาศาสนาของเราด้วยอํานาจปกครองอัน ชัดแจ้งและไม่มีข้อสงสัย เนื่องด้วยพวกเขาจะไม่ต้อนรับการปรากฏของพระองค์ จะปฏิเสธสัญลักษณ์ของพระองค์ จะโต้แย้งอํานาจปก ครองของพระองค์ จะโต้แย้งเถียงพระองค์และทรยศต่อศาสนาของ พระองค์…?

เป็นเวลา 4 ปีที่มีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลีและผู้ร่วมมือทั้งหลาย ได้พยายามบ่อนทําลายพระอับดุลบาฮา ซึ่งพระองค์ได้ทนทุกข์ทรมาน อยู่ในความเงียบและช่วยปกปิดการกระทําของพวกเขา พวกเขา เองเป็นฝ่ายที่ฉีกม่านกําบังนั้นออกด้วยความหมดหวัง และได้เป็น พยานต่ออํานาจของพระกติกาที่ทําให้บาไฮศาสนิกชนจํานวนมากมาย มาล้อมรอบพระอับดุลบาฮา ความพยายามอันไร้ผลของพวกเขาที่จะ โค่นล้มพระกติกาได้เสื่อมถอยอย่างฉับพลัน และพวกเขาถูกเปิดเผย ต่อบาไฮศาสนิกชนทั้งหลายว่าเป็นต้นเหตุของความบาดหมาง

บทที่ 18

การสถาปนาศาสนาในโลกตะวันตก

ถึงแม้ว่าการก่อจราจลของ มีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลี ได้ก่อให้ เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ อันน่าสลดและตรึงเครียด และถึงแม้ผลที่ตาม มาอันน่ากลัวทั้งหลายได้บดบังแสงของพระกติกาไปหลายปี ได้ทําให้ ชีวิตของศูนย์กลางแห่งพระกติกาตกอยู่ในอันตราย ได้ก่อกวนจิตใจ และถ่วงความก้าวหน้าของกิจกรรมทั้งหลายของสาวก กระนั้นเมื่อ มองดูในสัดส่วนที่เหมาะสม เหตุการณ์ตลอดทั้งหมดนี้เป็นดังเช่น ความวิกฤติที่ได้เกิดขึ้นเรื่อยมาเป็นพัก ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นศาสนาของ พระบาฮาอุลลาห์ และตลอดทั้งศตวรรษมันคือเครื่องมือในการขจัด องค์ประกอบทั้งหลายที่เป็นภัยออกไปจากศาสนา เสริมความแข็ง แกร่งรากฐานของศาสนา พิสูจน์ถึงความสามารถในการฟื้นตัวของ ศาสนาได้อย่างรวดเร็ว และปลดปล่อยอานุภาพที่แฝงอยู่ในศาสนา

บัดนี้บัญญัติทั้งหลายของศูนย์กลางแห่งพระกติกาได้รับการ ประกาศอย่างไม่มีข้อสงสัย จุดประสงค์ของพระกติกาเป็นที่เข้าใจ อย่างชัดเจนและมูลฐานของมันได้รับการก่อตั้งอย่างมั่นคงในหัวใจ ของสาวกส่วนใหญ่ การโจมตีที่ลงมือโดยบรรดาผู้ที่พยายามโค่นล้ม พระกติกาถูกขับไล่ไปโดยสําเร็จ ศาสนาซึ่งพระกติกาของมันได้รับ การออกแบบไว้สามารถคืบหน้าต่อไปตามวิถีที่วาดไว้โดยผู้ก่อตั้ง ชัย ชนะอันรุ่งเรืองทั้งหลายของศาสนาได้ผุดขึ้นในหลายประเทศในทวีป เอเซียและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนกําเนิดของศาสนา ภาระ หน้าที่ของผู้นําซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยพระบาฮาอุลลาห์ให้เป็นผู้พิ ทักษ์ความรุ่งโรจน์ของศาสนาให้เป็นผู้แผ่แสงสว่างของศาสนา คือ การเพิ่มพูนและขยายขอบเขตศาสนาที่เป็นมรดกสืบทอดมาโดยการส่องแสงธรรมไปยังโลกตะวันตก โดยการอธิบายศีลธรรมมูลฐานและ หลักธรรมที่เป็นหัวใจของศาสนา โดยการสร้างความมั่นคงและส่งเสริม กิจกรรมต่าง ๆ และสุดท้ายโดยการประกาศการใกล้เข้ามาถึงยุคแห่ง การก่อสร้างระบบในการวิวัฒนาการของศาสนา

หนึ่งปีภายหลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์ ในบทกลอนหนึ่งที่พระอับดุลบาฮาได้เปิดเผยไว้ซึ่งก่อให้เกิดการหัว เราะเยาะของบรรดาผู้ฝ่าฝืนพระกติกา ได้บอกเป็นลางถึงเหตุการณ์ สําคัญซึ่งชนรุ่นหลังจะรับรองเป็นดั่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดของภาระ หน้าที่ของพระอับดุลบาฮา ซึ่งในที่สุดจะประสาทพรอันประเมินมิ ได้ให้แก่โลกตะวันตก และในไม่ช้าจะเป็นการขับไล่ความทุกข์โศก และความหวาดกลัวที่ได้ล้อมรอบชุมชนของคณะผู้ถูกเนรเทศในเมือง อัคคา สาธารณรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกตะวันตกได้รับเลือกให้เป็นที่ รองรับพระพรของพระผู้เป็นเจ้าเป็นประเทศแรก ได้รับเลือกให้เป็น การปฏิบัติการอันสําคัญที่สุดในการถ่ายทอดพระพรของพระผู้เป็น เจ้าไปยังชาติทั้งหลายตลอดทั่วทั้ง 5 ทวีป การสถาปนาศาสนาของ พระบาฮาอุลลาห์ในทวีปอเมริกาเหนือขณะเมื่อพระอับดุลบาฮาฟัง เริ่มต้นภาระหน้าที่และกําลังเผชิญความวิกฤตอันสาหัสที่สุดนั้น มี ใช่เป็นเรื่องเกินความคาดหมาย ถอยกลับไปตั้งแต่กําเนิดของศาสนา ในเมืองชีราซ พระบ๊อบได้บัญชาต่อ ?ประชาชนทั้งหลายของโลกตะ วันตก? ในไคยูมูน-อัสมอร์ให้ ?ออกมาจากเมืองทั้งหลายของพวก เขาเพื่อช่วยเหลือพระผู้เป็นเจ้า? และ ?เป็นดั่งพี่น้องในศาสนาหนึ่ง เดียวกันอันแบ่งแยกไม่ได้ของพระองค์? พระบาฮาอุลลาห์เองได้ ทรงคาดการณ์ถึงการพัฒนาศาสนาในโลกตะวันตกว่า ?ในโลกตะวัน ออก ตะวันของการเปิดเผยศาสนาของพระองค์ได้รุ่งอรุณขึ้นมา ใน โลกตะวันตกสัญลักษณ์ทั้งหลายแห่งอาณาจักรของพระองค์ได้ปรากฎขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นพระบาฮาอุลลาห์ทรงทํานายว่า หากพวกเขาพยายามจะปกปิดแสงสว่างของมันบนภาคพื้นทวีป วางใจได้ว่ามันจะ ชูศีรษะของมันขึ้นมาในใจกลางมหาสมุทรและเปล่งเสียงประกาศว่า: ข้าคือผู้ให้ชีวิตของโลก? และพระองค์ทรงกล่าวก่อนที่พระองค์จะ เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ว่า ?หากศาสนานี้ได้รับการเปิดเผยในโลกตะวัน ตก หากบทกลอนของเราถูกส่งจากโลกตะวันตกไปยังเปอร์เซียและ ประเทศอื่น ๆ ในโลกตะวันออก มันจะเป็นหลักฐานว่าประชาชนของ โลกตะวันตกจะยอมรับศาสนาของเรา อย่างไรก็ตามประชาชนของ เปอร์เซียมได้เห็นคุณค่าของมัน? พระอับดุลบาฮาเป็นพยานว่า ?จากเริ่มต้นของกาลเวลาจนถึงปัจจุบัน ตะวันของการเปิดเผยศาสนา ของพระผู้เป็นเจ้าได้ผุดขึ้นมาทางตะวันออกและฉายความสว่างไสว ไปยังโลกตะวันตก อย่างไรก็ตามความสว่างไสวที่ฉายมาดังนี้สุกใส เป็นพิเศษในโลกตะวันตก จงพิจารณาศาสนาที่ประกาศโดยพระเยซู ถึงแม้มันเริ่มปรากฏในโลกตะวันออก กระนั้นศักยภาพเต็มที่ของ มันมิได้ปรากฏชัดแจ้งจนกระทั่งแสงสว่างของมันได้ฉายไปยังโลกตะ วันตก? และ ?วันนั้นกําลังใกล้เข้ามา คือวันที่เจ้าจะได้เป็นพยานว่า โดยความงดงามของศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ โลกตะวันตกจะ แทนที่โลกตะวันออกอย่างไรในการส่องรัศมีของประทีปแห่งการนํา ทางสวรรค์? และเฉพาะเจาะจงยิ่งไปกว่านั้นพระบาฮาอุลลาห์ ได้ทรง ตรัสต่อผู้ปกครองทั้งหลายของอเมริกาในพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัสเป็น การว่ากล่าวตักเตือนพวกเขาให้ประดับวิหารของอาณาจักรด้วยความ ยุติธรรม ด้วยความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าและการระลึกถึงพระองค์

ในช่วงเวลานั้นศาสนาของพระบ๊อบและพระบาฮาอุลลาห์ม ใช่จะไม่เป็นที่รู้จักในโลกตะวันตก มีการตีพิมพ์หนังสือและวารสาร ต่าง ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ของศาสนาใหม่ที่เกิดขึ้นในเปอร์เซีย วันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1893 คือเพียงประมาณหนึ่งปีเศษหลังจากพระ บาฮาอุลลาห์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ณ เมืองชิคาโกในประเทศอเมริกามี การจัดนิทรรศการเป็นการรําลึกครบรอบ 400 ปีของการค้นพบประ เทศอเมริกาซึ่งในชั่วโมงการประชุมหนึ่งของสภาศาสนาของโลก มี ชันนารี่คริสเตียนผู้หนึ่งได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์ยุคใหม่โดยที่เขาไม่ รู้ตัว เขาได้ประกาศว่า ?ณ. คฤหาสน์บาห์จี บริเวณกําแพงเมืองอัคคา ชายฝั่งทะเลซีเรีย เมื่อหลายเดือนก่อนมีการมรณกรรมของอัจฉริยะ ชาวเปอร์เซียผู้มีชื่อเสียง ผู้เป็นนักบุญบาบีคือ พระบาฮาอุลลาห์-ความ รุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้า-ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปมุสลิมแห่ง เปอร์เซีย ผู้ซึ่งยอมรับพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า และพระคริสต์เป็นผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น ผู้ซึ่งถือว่าทุกชาติทั้งหมด เป็นหนึ่งเดียวกันและมนุษย์ทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน สามปีที่แล้วศาสตราจารย์ แห่งเคมบริดจ์ได้ไปเยี่ยมพระองค์ พระองค์ได้กล่าวถ้อยคําให้ความรู้ สึกอันประเสริฐคล้ายกับพระคริสต์ ขอให้เรากล่าวถ้อยคํานั้นซ้ําอีกครั้ง เป็นการปิดท้าย : ชาติทั้งหมดควรมีความศรัทธาเป็นหนึ่งเดียวกัน และมนุษย์ทั้งหลายควรเป็นพี่น้องกัน พันธะแห่งความรักและความ สามัคคีระหว่างบุตรทั้งหลายของมนุษย์ควรได้รับการเสริมสร้างให้ แข็งแกร่ง ความแตกต่างทางศาสนาควรสิ้นสุดและความแตกต่างของ เชื้อชาติควรล้มเลิก สิ่งนี้มีภัยอันใด กระนั้นมันต้องเป็นไป การทะเลาะ วิวาทอันไร้ประโยชน์และสงครามอันทําลายล้างเหล่านี้จะผ่านพ้นไป และสันติภาพอันยิ่งใหญ่ที่สุดจะบังเกิดขึ้น ท่านที่อยู่ในยุโรปไม่ต้อง การสิ่งนี้หรือ มนุษย์จงอย่าภูมิใจว่าเขารักประเทศของเขาแต่เขาควร ภูมิใจว่าเขารักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน?

นายแพทย์ชาวซีเรีย อิบราฮิม เครุลลาห์ ขณะที่อาศัยอยู่ที่ เมืองไคโรในอียิปต์ได้พบกับ ฮาจี อับดุล-กาลิม และได้รับการสอนศาสนาจนเปลี่ยนมาเป็นบาไฮศาสนิกชน เขาได้รับธรรมจารึกจากพระ บาฮาอุลลาห์ และได้รับอนุญาตจากพระอับดุลบาฮาให้เดินทางข้าม มหาสมุทรแอตแลนติคไปถึงเมืองนิวยอร์คในประเทศอเมริกาในเดือน ธันวาคม ค.ศ. 1892 เขาย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองชิคาโกและเริ่ม สอนศาสนาอย่างแข็งขัน กระทั่งในปี ค.ศ.1896 มีผู้เข้ามาในศาสนา บาไฮที่เมืองชิคาโกและเคนโนชาหลายร้อยคน ในปี ค.ศ.1897 นาย แพทย์เครุลลาห์เดินทางไปเยี่ยมเมืองแคนซัส นิวยอร์ค อิทาคา ฟิลา เดเฟีย ซึ่งเขาสามารถดึงดูดประชาชนมากมายเข้ามาในศาสนาบาไฮ เหล่านี้ได้แก่ ทอห์นสัน เชส ซึ่งเปลี่ยนเข้ามาอยู่ในศาสนาใหม่ในปี ค.ศ. 1894 และเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่เป็นบาไฮศาสนิกชน, ลุยซ่า เอ มัวร์, ดร.เอ็ดเวิร์ด เก็ทซิงเจอร์ ซึ่งภายหลังแต่งงานกับ ลุยซ่า เอ มัวร์, โฮเวิร์ด แมคนัท, อาเธอร์ พี ดอดจ์, อิสซาเบลล่า ดี บริทติงแฮม, ลิลเลียน เอฟ แคพแพส, พอล เค เดียลี, เชสเตอร์ไฮ แธทเชอร์, เฮ เลน เอส กูดดอล บุคคลเหล่านี้จะคงอยู่สัมพันธ์ไปตลอดกาลกับ การกระพือพัดศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์เริ่มแรกในทวีปอเมริกาเหนือ

โฟบี เฮิสท์ นักสงเคราะห์ผู้มีชื่อเสียง (ภรรยาของสมาชิกสภา จอร์จ เอฟ เฮิสท์) ซึ่งได้รับการดึงดูดเข้ามาในศาสนาบาไฮโดยลุยซ่า เก็ทซิงเจอร์ ขณะที่เธอมาเยี่ยมรัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ. 1898 โฟบี เฮิสท์ แสดงความประสงค์ที่จะไปเยี่ยมพระอับดุลบาฮาที่ดิน แดนศักดิ์สิทธิ์และได้เชื้อเชิญบาไฮศาสนิกชนหลายคนได้ไปด้วยเช่น ดร.เก็ทซิงเจอร์และภรรยา, นายแพทย์เครุลลาห์และภรรยา ชาวอเมริกันที่ อาศัยอยู่ที่ปารีสในฝรั่งเศสเช่น เมย์ โบเลส ซึ่งเปลี่ยนเป็นบาไฮศาสนิก ชนโดย ลุยซ่า เก็ทซิงเจอร์, แพรซันและแอน แพรซันซึ่งเป็นหลาน สาวของโฟบี เฮิสท์, นางทอห์นเบิร์ทและลูกสาว กลุ่มนมัสการเหล่านี้ ได้รับการสมทบเพิ่มเติมที่อียิปต์โดยลูกสาวและยายของนายแพทย์เครุลลาห์ซึ่งพึ่งเป็นบาไฮศาสนิกชนใหม่ ผู้นมัสการทั้งหมด 15 คนได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเดินทางไปถึงเมืองอัคคา วันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.1898 ความสนิทสนมระหว่างพวกเขากับพระอับ ดุลบาฮา สภาพแวดล้อมอันเร้าใจที่พวกเขาไปเยี่ยมสุสานพระบาฮา อุลลาห์ ดวงจิตที่พระอับดุลบาฮาได้ซึมซาบให้แก่พวกเขาถึงแม้จะใน ช่วงเวลาสั้น คําสั่งสอนอันกระจ่างแจ้งและหลักฐานของความรักของ พระองค์ที่ได้จุดไฟในหัวใจของพวกเขา เหล่านี้ได้บ่งบอกถึงการเริ่ม ต้นศักราชใหม่ในการพัฒนาศาสนาในโลกตะวันตก เป็นศักราชที่สาวก บางคนในหมู่ผู้มานมัสการครั้งนี้และเพื่อนร่วมศาสนาของพวกเขาได้ สาธิตให้เห็นอย่างเพียงพอในเวลาต่อมา ผู้นมัสการคนหนึ่งได้บัน ทึกความประทับใจของเธอครั้งนั้นว่า ในการพบกันครั้งแรกนี้ ฉันไม่ สามารถระลึกถึงความร่าเริงหรือความเจ็บปวดหรือสิ่งใด ๆ ที่ฉันบอก ได้ ฉันถูกยกลอยขึ้นไปสุดยอดอย่างทันใด วิญญาณของฉันได้ติด ต่อกับพระวิญญาณแห่งสวรรค์ พลังอันบริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ทรงอํานาจ นี้ได้ครอบคลุมฉัน…พวกเราไม่สามารถเคลื่อนสายตาไปจากใบหน้า อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ พวกเราได้ยินทั้งหมดที่พระองค์พูด พวกเรา ดื่มน้ำชากับพระองค์ตามคําเชิญของพระองค์ แต่การดํารงอยู่เหมือน กับหยุดไป เมื่อพระองค์ลุกขึ้นและจากเราไป เรากลับมาพร้อมกับ การเริ่มต้นชีวิต? ผู้นมัสการคนเดียวกันนี้ได้ระลึกถึงการสัมภาษณ์ ครั้งสุดท้ายว่า ?ท่ามกลางอํานาจและความตระหง่านต่อหน้าพระองค์ ความกลัวของพวกเราถูกเปลี่ยนเป็นความศรัทธาอันสมบูรณ์ ความ อ่อนแอของพวกเราเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่ง ความทุกข์โศกของ พวกเราถูกเปลี่ยนเป็นความหวัง ตัวพวกเราเองถูกลืมไปในความรักสํา หรับพระองค์ ขณะที่พวกเรานั่งอยู่ต่อหน้าพระองค์รอฟังถ้อยคําของ พระองค์ พวกเราบางคนร้องไห้อย่างขมขึ้น พระองค์ทรงบอกให้พวกเขาซับน้ำตาแต่ พวกเขาไม่สามารถทําได้แม้เพียงชั่วขณะ ดังนั้น พระองค์จึงขอร้องพวกเขาอีกครั้งเพื่อเห็นแก่พระองค์ให้หยุดร้องไห้ พระองค์จะไม่ยอมพูดกับเราหรือสอนเราจนกว่าน้ำตาทั้งหมดจะถูก ขับไป…? แม้แต่คนรับใช้ของ โฟบี เฮิสท์ ผู้เป็นนิโกรชื่อ โรเบิรต์ เทอนเนอร์ และเป็นคนแรกในเชื้อชาติของเขาที่ยอมรับศาสนาของ พระบาฮาอุลลาห์ในโลกตะวันตก ก็ถูกโน้มน้าวโดยอํานาจของพระ อับดุลบาฮาในการนมัสการครั้งนี้ ความศรัทธาของเขาเหนียวแน่น อย่างที่ถึงแม้นายหญิงของเขาจะห่างเหินไปจากศาสนาภายหลังก็ ไม่สามารถบดบังรัศมีความศรัทธาของเขาได้

การกลับมาของผู้นมัสการเหล่านี้ซึ่งบางคนไปยังฝรั่งเศส คน อื่น ๆ ไปที่อเมริกา เป็นสัญญาณบอกถึงการประทุของกิจกรรมที่เป็น ระบบซึ่งเมื่อได้รวบรวมกําลังเคลื่อนไหวและแผ่กิ่งก้านไปทั่วยุโรปตะ วันตกและทวีปอเมริกาเหนือ มันเติบโตอย่างไพศาลขนาดที่พระอับ ดุลบาฮาตั้งใจว่าเมื่อพระองค์ได้รับการปลดปล่อยจากการคุมขังใน เมืองอัคคาพระองค์จะเดินทางไปยังโลกตะวันตก เมย์ โบเลสกลับ ?ไปยังปารีสและก่อตั้งศูนย์กลางศาสนาบาไฮแห่งแรกในทวีปยุโรปตาม คําแนะนําของพระอับดุลบาฮา และที่ศูนย์กลางนี้ได้รับการเสริมกําลัง โดยชาวอังกฤษคนแรกที่เปลี่ยนมาเป็นบาไฮศาสนิกชนคือ โทมัส เบรคเวล โดยชาวฝรั่งเศสคนแรกที่เป็นบาไฮศาสนิกชนคือ ฮิปโปไลท์ เดรฟูส์ โดยลอร่า บาร์เน่ ผู้ซึ่งได้ส่งทอดผลงานอันเป็นอมตะให้แก่ชนรุ่นหลัง คือหนังสือ Some Answered Questions ซึ่งเป็นคําอธิบายของพระ อับดุลบาฮาที่ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ มากมายเมื่อครั้งที่เธอไปนมัส การพระอับดุลบาฮาที่ดินแดนศักดิ์ สามปีต่อมาคือในปี ค.ศ. 1902 เมย์ โบเลส ซึ่งบัดนี้แต่งงานกับชาวแคนาดาได้ย้ายที่อยู่ไปที่เมืองมอนทรีล และวางรากฐานศาสนาได้สําเร็จในดินแดนนั้น ในกรุงลอนดอนนางทอห์นเบิร์ก ครอบเปอร์ ซึ่งเป็นผลมาจากพลังสร้างสรรค์ที่ปลดปล่อย มาจากการนมัสการที่ไม่มีวันลืมในครั้งนั้น ได้เริ่มต้นกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งได้รับการกระตุ้นและขยายโดยความพยายามของบาไฮศาสนิกชนชาว อังกฤษรุ่นแรกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อีเทล เจ โรเซนเบิกร์ก และสามารถ ช่วยพวกเขาก่อตั้งโครงสร้างสถาบันบริหาร

ในทวีปอเมริกาเหนือบาไฮศาสนิกชนทั้งหลายได้ลุกขึ้นริเริ่ม ภาระกิจต่าง ๆ ท่ามกลางการถูกทดสอบโดยพายุร้ายของนายแพทย์ เครุลลาห์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยมีร์ซา โมฮัมหมัดอาลี นายแพทย์ เครุลลาห์ภายหลังจากประสบความสําเร็จในการบุกเบิกศาสนาไปใน โลกตะวันตกได้เกิดความทะเยอทะยานอยากเป็นผู้นํา เขาคาดคิดที่ จะเป็นผู้นําร่วมกับพระอับดุลบาฮาโดยพระอับดุลบาฮาจะเป็นผู้ดูแล บาไฮศาสนิกชนในโลกตะวันออกและเขาจะเป็นผู้นําชุมชนบาไฮใน โลกตะวันตก เมื่อผิดหวังและความทะเยอทะยานของเขามิอาจรั้ง ไว้ได้ นายแพทย์เครุลลาห์ ได้ก่อกวนชุมชนบาไฮในอเมริกาโดยร่วม มือกับพวกฝ่าฝืนพระกติกา เขาพิมพ์หนังสือชื่อว่า ?พระบาฮาอุลลาห์? ซึ่งในหนังสือนี้เขาได้ดึงความสนใจมาที่ มีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลีให้เทียบ เท่าพระอับดุลบาฮา ระบุน้องชายของมีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลีคือมีร์ซา ดียาอุลลาห์ ให้เป็น ?กิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด? ซึ่งเป็นฐานะของมีร์ซา มีห์ ดีผู้สละชีวิตในเมืองอัคคา แต่งเติมตําแหน่งใหม่คือ ?กิ่งที่รุ่งเรือง ที่สุด? ให้แก่น้องชายอีกคนหนึ่งของมีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลี คือมีร์ซา บาดีอุลลาห์ มีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลีได้ส่งลูกชายของเขาคือชูอา อุลลาห์ ไปที่อเมริกาเพื่อก่อกวนสร้างความปั่นป่วนให้แก่ชุมชนบาไฮ พระอับดุลบาฮาได้ส่งสาวกต่อเนื่องกันไปที่อเมริกา เช่น ฮาจี อับดุลกาลิม, ฮาจี มีร์ซา ฮาซันนี ครอซอนนี, มีร์ซา อัสซาดุลลาห์และมีร์ซา อาบุล-ฟาซและประสบความสําเร็จในการขับไล่ความสงสัยต่าง ๆ ช่วยให้ชุมชนบาไฮในอเมริกาได้เข้าใจศาสนาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รักษาความเป็นปึก แผ่นของชุมชนบาไฮไว้ได้และก่อตั้งศูนย์กลางของสถาบันทั้งหลาย ของระบบบริหาร เป็นการเตรียมตัวเข้าสู่ยุคแห่งการก่อสร้างระบบ ของศาสนา

โดยพร้อมเพรียงกันบาไฮศาสนิกชนทั้งหลายในอเมริกาได้ โผล่ขึ้นมาด้วยชัยชนะจากพายุแห่งการทดสอบซึ่งได้คุกคามที่จะกลืน ศาสนา ด้วยความสมัครใจพวกเขาลุกขึ้นเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มจํานวนปราการของศาสนา ศูนย์กลางศาสนาได้รับการก่อ ตั้งในเมืองวอชิงตัน บอสตัน ซานฟรานซิสโก ลอสเองเจลลิส เคลวี แลนด์ บัลติมอร์ มินเนียโพลิส บัฟฟาโล โรเชสเตอร์ พิทสเบิร์ก ซี แอลเติ้ล เซนต์ปอล และในสถานที่อื่น ๆ อาสาสมัครผู้กล้าหาญ ทั้งหลายได้ช่วยกันแผ่ศาสนาออกไปนอกประเทศด้วยความกระตือรือ ล้น พวกเขาออกเดินทางเริ่มภาระกิจในการนําแสงธรรมของศาสนา ใหม่ไปถึงหัวใจของยุโรป ตะวันออกไกล หมู่เกาะแปซิฟิค เมซัน รมีย์ เดินทางไปยังรัสเซียและยุโรปและต่อมาพร้อมกับ โฮเวิร์ด สตรู เวนได้เดินทางรอบโลกไปเยี่ยมหมู่เกาะฮาวาย ญี่ปุ่น จีน อินเดีย และ พม่า อัลมา โนโบลชและดร.เค อี ฟิชเช่อร์ ได้ปักธงของศาสนาใน ประเทศเยอรมันและนําแสงธรรมไปถึงออสเตรีย ดร.ซูซาน ไอ มูดดี, ซิดนีย์ สปราก, ลิลเลี่ยน เอฟ แคพเปส, ดร. ซาราห์ ครอก, อลิซาเบท สตวท ย้ายไปอาศัยอยู่ในเมืองเตหะรานเพื่อส่งเสริมศาสนาโดยร่วม มือกับบาไฮศาสนิกชนในเมืองนั้น ด้วยความปรารถนาอันรุ่มร้อน ที่จะสาธิตความศรัทธาและความอุทิศ ซึ่งได้รับแรงดลใจจากตัวอย่าง ของเพื่อนร่วมศาสนาในเมืองอิสคาแบดที่ได้เริ่มต้นการก่อสร้างวัดบา ไฮแห่งแรกของโลก บาไฮศาสนิกชนในเมืองชิคาโกได้ขออนุญาตพระ อับดุลบาฮาให้พวกเขาก่อสร้างวัดบาไฮและได้รับธรรมจารึกจากพระองค์ที่เปิดเผยในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1903 ถึงแม้พวกเขาจะมีจํา นวนน้อยและมีเงินจํากัด พวกเขาก็ได้ลุกขึ้นเริ่มต้นภาระกิจซึ่งเป็น การสนับสนอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่บาไฮศาสนิกชนในอเมริกาได้ให้แก่ศาสนา ของพระบาฮาอุลลาห์ การให้กําลังใจโดยพระอับดุลบาฮา การบริจาค จากธรรมสภาท้องถิ่นต่าง ๆ และในวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1908 ได้มี การจัดซื้อที่ดินใกล้ฝั่งทะเลสาบมิชิแกนด้วยเงิน 2,000 ดอลล่าร์ ต่อ มาเงินบริจาคได้รับจากบาไฮศาสนิกชนในอินเดีย เปอร์เซีย ตุรกี รัส เซีย ปาเลสไตน์ ซีเรีย อียิปต์ เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ แคนาดา เม็ก ซิโก หมู่เกาะฮาวาย รวมเป็นจํานวนเงิน 20,000 ดอลล่าร์ ในปีค.ศ. 1910 ซึ่งเป็นพยานถึงความเป็นปึกแผ่นของสาวกทั้งหลายของพระ บาฮาอุลลาห์ทั้งในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก และเป็นพยาน ต่อความเสียสละของบาไฮศาสนิกชนชาวอเมริกันซึ่งได้มีส่วนร่วมใน การบริจาคมากที่สุดเป็นเงินกว่าหนึ่งล้านดอลล่าร์ ซึ่งเป็นจํานวนเงิน ที่จําเป็นต่อการดําเนินงานนี้ต่อไปจนเสร็จสมบูรณ์

พระอับดุลบาฮาได้จารึกว่า ?ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้าที่ แท้จริงพระองค์เดียว ทวีปอเมริกาคือดินแดนที่ความงดงามของประ ที่ปของพระองค์จะได้รับการเปิดเผย ซึ่งความลึกลับทั้งหลายของ ศาสนาของพระองค์จะได้รับการเปิดผ้าคลุมออก เป็นสถานที่ซึ่งผู้มี ธรรมจะอาศัยอยู่และผู้มีอิสระจะมาชุมนุมกัน? และพระองค์ได้ ทรงทํานายต่อไปว่า ?ทวีปอเมริกามีสัญลักษณ์และหลักฐานทั้งหลาย ของความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ อนาคตของอเมริกายิ่งมีความหวังมาก กว่าเพราะอิทธิพลและการส่องสว่างของมันนั้นกว้างไกล อเมริกาจะ นําทางชาติทั้งหมดด้วยศีลธรรม? และพระอับดุลบาฮาทรงกล่าวต่อบา ไฮศาสนิกชนทั้งหลายในทวีปอเมริกาเหนือว่า ?ดูกร สาวกทั้งหลาย ของพระบาฮาอุลลาห์ จงพิจารณาฐานะของเจ้าที่ถูกกําหนดให้บรรลุสู่นั้นว่าประเสริฐและสูงส่งเพียงไร ระดับเต็มที่ของความสําเร็จ ของเจ้ายังมิได้ถูกเปิดเผยออกตราบจนบัดนี้ และความหมายของ มันยังไม่เป็นที่เข้าใจ? และ ?ภาระหน้าที่ของเจ้ารุ่งโรจน์อย่างไม่สามารถ พรรณนาได้ หากความสําเร็จสวมมงกุฎให้แก่ภาระกิจของเจ้า วางใจ ได้ว่าอเมริกาจะก่อร่างขึ้นเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งซึ่งคลื่นแห่งอานุภาพ ทางธรรมจะแผ่ออกไป และในขีดสุดของความตระหง่านและความรุ่ง โรจน์ของมัน บัลลังก์แห่งอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการ สถาปนาอย่างมั่นคง? พระองค์ทรงยืนยันอย่างน่าตื่นเต้นว่า ?วินาทีที่ ข่าวสารแห่งสวรรค์นี้ได้รับการสืบทอดโดยบาไฮศาสนิกชนชาวอเมริกัน ทั้งหลายจากชายฝั่งของอเมริกาและแพร่ออกไปทางทวีปยุโรป เอเซีย อัฟริกา ออสเตรเลีย และไกลไปถึงหมู่เกาะแปซิฟิค ชุมนุมชนนี้พบ ว่าตนเองสถาปนาอย่างมั่นคงอยู่บนบัลลังก์ของอาณาจักรนิรันด์… เมื่อ นั้นโลกทั้งหมดจะถูกก้องด้วยคําสรรเสริญความตระหง่านและความ ยิ่งใหญ่ของอเมริกา?

บทที่ 19

การถูกคุมขังอีกครั้งของพระอับดุลบาฮา

ความวิกฤติอันยิ่งใหญ่ครั้งที่สองในระหว่างภาระหน้าที่ของพระ อับดุลบาฮา ซึ่งรุนแรงไม่น้อยกว่าครั้งแรกโดยการก่อจราจลของมีร์ซา โมฮัมหมัด-ฮาลี ซึ่งครั้งที่สองนี้ได้ทําให้พระองค์ตกอยู่ในอันตรายอย่าง ใหญ่หลวง พรากอิสรภาพไปจากพระองค์เป็นเวลาหลายปี จมครอบ ครัวของพระองค์และสาวกทั้งหลายในโลกตะวันออกและโลกตะวัน ตกลงไปในความเจ็บปวด และได้เผยความเสื่อมและความเลวทราม ของศัตรูผู้ไม่ผันผ่อนทั้งหลายของพระองค์อย่างไม่เคยมีมาก่อน ความวิกฤตินี้เริ่มต้นเมื่อสองปีภายหลังจากที่บาไฮศาสนิกชนชาวอเมริกัน ชุดแรกที่มานมัสการพระอับดุลบาฮาได้จากไป มันคงอยู่ในระดับ ความรุนแรงต่าง ๆ เป็นเวลากว่า 7 ปี และเป็นเหตุโดยตรงมาจากกล อุบายอันไม่หยุดหย่อนและการใส่ร้ายของ มีร์ซา โมฮัมหมัด-ฮาลีและ บรรดาผู้สนับสนุนเขา

ด้วยความล้มเหลวอย่างขมขึ้นและน่าสมเพศที่จะสร้างความ แตกแยกให้แก่ศาสนาที่เขาได้หวังไว้ ปวดแสบโดยความสําเร็จอัน สะดุดตาที่ผู้ถือธงของพระกติกาทั้งหลายได้บรรลุในทวีปอเมริกาเหนือ ทั้ง ๆ ที่เขาได้ใช้กลไกต่าง ๆ ขัดขวาง ได้รับกําลังใจโดยระบบการ ปกครองที่เจริญในบรรยากาศของเล่ห์กลและความระแวงสงสัยซึ่ง ปกครองโดยผู้มีอํานาจผู้โหดร้าย มีร์ซา โมฮัมหมัด-ฮาลีกับน้องชาย ของเขาคือมีร์ซา บาดีอุลลาห์ และได้รับการช่วยเหลือโดยน้องเขย ของเขาคือ มีร์ซา มาจคิด-ดิน ได้ถือโอกาสก่อกวนความชั่วร้ายจากการที่ บาไฮศาสนิกชนจากโลกตะวันตกมาเยี่ยมพระอับดุลบาฮาและการ ก่อสร้างสุสานของพระบ๊อบบนภูเขาคาเบล พวกเขาได้พยายาม อย่างพากเพียรและต่อเนื่องจนประสบความสําเร็จในการกระตุ้นความระแวงสงสัยให้แก่รัฐบาลตุรกีและชักนําให้มีการคุมขังพระอับดุลบาฮา อย่างเข้มงวดอีกครั้ง มีร์ซา บาดีอุลลาห์ซึ่งภายหลังได้แยกตัวออก มาจากมีร์ซา โมฮัมหมัด-ฮาลี และกลับมาหาพระอับดุลบาฮาได้เขียน หนังสือเปิดโปงกลอุบายต่าง ๆ ของผู้ฝ่าฝืนพระกติกาทั้งหลายว่า มีร์ซา โมฮัมหมัด-ฮาลีได้ส่ง มีร์ซา มาจคิด-ดินพร้อมกับจดหมายและของ ขวัญไปพบนาซิม พาชา ผู้เป็นเจ้าเมืองดามัสกัสเพื่อขอความช่วยเหลือ มีร์ซา มาจคิด-ดิน ได้รายงานนาซิม พาซา เกี่ยวกับงานก่อสร้างบนภูเขา คาเมลและการเดินทางไปมาของบาไฮศาสนิกชนชาวอเมริกันที่มา นมัสการพระอับดุลบาฮา

พวกฝ่าฝืนพระกติกาได้ถือโอกาสนี้ใส่ร้ายว่าสุสานพระบ๊อบที่ กําลังก่อสร้างนั้น พระอับดุลบาฮาเตรียมการทําเป็นป้อมปราการ และ มีการติดต่อกับชาวคริสเตียนจากโลกตะวันตกสะสมกองกําลังเพื่อ ก่อจราจล พวกเขานําคฤหาสน์บาห์จีไปจํานองเพื่อนําเงินมาใช้เป็น สินบนให้แก่นาซิม พาชาและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ในที่สุดในเดือนกัน ยายน ค.ศ.1901 สุลต่านอับดุล ฮามิดได้ออกคําสั่งเจ้าเมืองอัคคาให้ คุมขังพระอับดุลบาฮาอย่างเข้มงวดอีกครั้งหลังจากที่ได้ผ่อนผันมา นาน ให้อยู่ภายในกําแพงเมืองอัคคาพร้อมกับสาวกผู้ถูกเนรเทศทั้ง หลายรวมทั้งมีร์ซา โมฮัมหมัด-ฮาลี, มีร์ซา บาดีบุลลาห์และมีร์ซา มาจ คิด-ดิน ผลของคําสั่งนี้ได้พรากพระอับดุลบาฮาอย่างสาหัสที่สุด คือพระองค์ถูกตัดขาดไปเยี่ยมสุสานพระบาฮาอุลลาห์ ไม่ได้ ใน ตอนแรกอิสรภาพของคณะสาวกผู้ถูกเนรเทศถูกตัดทอนลงอย่างมาก พระอับดุลบาฮาถูกสัมภาษณ์ โดยลําพังโดยผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ ต่างๆ เป็นเวลาหลายวันติดต่อกันพระองค์ได้ขอร้องแทนน้องชาย ผู้ฝ่าฝืนพระกติกาและคณะสาวกผู้ถูกเนรเทศ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ ให้อิสรภาพแก่คณะผู้ถูกเนรเทศให้กลับไปดํารงชีวิตประกอบอาชีพตามเดิม รวมทั้งผู้ฝ่าฝืนพระกติกา

พวกฝ่าฝืนพระกติกายังไม่คลายโทสะต่อมาตราการที่เจ้าหน้า ที่ปฏิบัติต่อพระอับดุลบาฮาซึ่งเป็นผู้ช่วยเหลือพวกเขาเองให้ได้รับ อิสรภาพ โดยการรับการช่วยเหลือจากยาห์ยอ เบย์หัวหน้าตํารวจผู้ มีชื่อกระฉ่อนในทางร้าย และเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ที่มาดํารงตําแหน่งแทน บรรดาเจ้าหน้าที่ที่เป็นมิตรกับพระอับดุลบาฮา โดยสายลับที่เดินทาง ติดต่อระหว่างเมืองอัคคาและคอนสแตนติโนเปิ้ลและจับตาดูการ เคลื่อนไหวของพระอับดุลบาฮา พวกฝ่าฝืนพระกติกาได้ทุ่มของขวัญ และให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่มากมาย พวกเขาดําเนินกิจกรรมชั่วร้าย ต่าง ๆ ด้วยความพยายามอย่างไม่ผ่อนคลาย มุ่งมั่นที่จะทําให้พระ อับดุลบาฮาถูกประหารชีวิตหรือไม่ก็ถูกเนรเทศไปยังดินแดนห่างไกล เพื่อพวกเขาจะได้กุมศาสนาไว้ในกํามือ เจ้าเมืองดามัสคัส ผู้นําศาสนา เมืองเบรุต คณะคริสเตียนโปเตสแตนในซีเรียและอัคคา รวมทั้งผู้มี อิทธิพล เชค อาบุล-ฮูดาในเมืองคอนสแตนติโนเปิ้ลซึ่งสุลต่านได้ให้ ความไว้วางใจอย่างมากดังเช่น กษัตริย์ โมฮัมหมัด ชาห์ให้แก่นายก รัฐมนตรีฮาจี มีร์ซา อาคาซี พวกฝ่าฝืนพระกติกาได้เข้าหาบุคคลเหล่านี้ ในโอกาสต่าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือในการดําเนินแผนของพวกเขา

โดยการพูดคุย โดยการติดต่ออย่างเป็นทางการ โดยการสัมภาษณ์ ส่วนบุคคล พวกฝ่าฝืนพระกติกาได้ปลูกฝังผู้มีชื่อเสียงเหล่านี้ให้ตระ หนักถึงความจําเป็นในการปฏิบัติการอย่างรีบด่วน อ้างเหตุผลปรับให้ เข้ากับความสนใจและอคติของบรรดาผู้ที่พวกเขาขอความช่วยเหลือ ต่อบางคนพวกเขากล่าวว่าพระอับดุลบาฮาเป็นผู้แย่งชิงที่ใจกระด้าง เหยียบย่ําสิทธิของพวกเขา ปล้นมรดกพวกเขา ทําให้พวกเขายากจน ทําให้มิตรทั้งหลายในเปอร์เซียเป็นศัตรูกับพวกเขา สะสมทรัพย์สม บัติไว้มากมาย ครอบครองที่ดินสองในสามของเมืองไฮฟ้า ต่อคนอื่น ๆ พวกเขาประกาศว่าพระอับดุลบาฮาเพ่งพิจารณาจะทําให้เมือง อัคคาและไฮฟ้า เป็นเมืองเมกกะและเมดินาแห่งใหม่ ต่อคนอื่น ๆ อีกพวกเขายืนยันว่าพระบาฮาอุลลาห์มิใช่ใครอื่นใดนอกจากนักบวช มุสลิมที่ปลดเกษียรที่พยายามส่งเสริมศาสนาอิสลาม ซึ่งพระอับดุลบา ฮาได้ยกย่องพระองค์ให้เป็นพระผู้เป็นเจ้าและอ้างตนเป็นพระคริสต์ ที่เสด็จกลับมา พวกเขายังกล่าวหาพระอับดุลบาฮาอีกว่าได้ขบคิด เตรียมการต่อต้านสุลต่าน ได้สะสมกองกําลังไว้อย่างลับ ๆ 30,000 คน ก่อสร้างป้อมปราการบนภูเขาคาเมลและมีอาวุธมากมายสะสมไว้ ได้ รับการสนับสนุนจากชาวอังกฤษและชาวอเมริกันมากมายผู้เป็นเจ้า หน้าที่ของรัฐบาลต่างชาติซึ่งปลอมตัวเดินทางเข้ามาเยี่ยมเยียนและ คารวะพระองค์ วางแผนยึดอํานาจมณฑลบริเวณใกล้เคียงและขับไล่ เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อยึดอํานาจจากสุลต่านในท้ายที่สุด โดยการใส่ร้าย และให้สินบน พวกฝ่าฝืนพระกติกาประสบความสําเร็จในการชักนํา ประชาชนจํานวนหนึ่งให้เซ็นชื่อเป็นพยานในเอกสารที่พวกเขาร่าง ขึ้นมาและส่งไปยังเมืองคอนสแตนติโนเปิ้ล

การกล่าวหาอันร้ายแรงที่อยู่ในรายงานจํานวนมากมายได้สร้าง ความกระวนกระวายใจให้แก่สุลต่านผู้ซึ่งถูกครอบงําด้วยความกลัวอยู่ แต่เดิมเกี่ยวกับการถูกปฏิวัติ ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการชุดหนึ่งได้รับ การแต่งตั้งให้มาสืบสวนเรื่องราว พระอับดุลบาฮาถูกเรียกตัวไปสอบ สวนในหลายโอกาสและทรงลบล้างคํากล่าวหาแต่ละอย่างด้วยความ รอบคอบและไม่เกรงกลัว พระองค์ทรงเผยถึงความเหลวไหลและความ ไร้เหตุผลของคํากล่าวหาเหล่านี้ ทรงแสดงความพร้อมที่จะยอมรับคํา พิพากษาใด ๆ ก็ตามที่จะใช้ตัดสินพระองค์ และทรงยืนยันว่าหากพวก เขาจะล่ามโซ่พระองค์ ลากพระองค์ไปตามถนนและหัวเราะเยาะเย้ย ขว้างก้อนหินหรือถ่มน้ําลายใส่พระองค์ แขวนพระองค์ในจตุรัสสาธารณะหรือเจาะร่างพระองค์ด้วยลูกกระสุนปืน พระองค์จะถือว่าเป็นเกียรติ เนื่องด้วยพระองค์จะได้เดินตามรอยเท้าและร่วมรับความทรมานกับ พระบ๊อบ

สถานการณ์อันร้ายแรงที่เผชิญพระอับดุลบาฮา ข่าวลือต่างๆ ที่แพร่กระจาย การพาดพิงใส่ร้ายพระองค์ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ที่ พิมพ์ในอิยิปต์และซีเรีย ท่าที่อันก้าวร้าวของศัตรูของพระองค์ ความ ประพฤติอันยั่วยวนของชาวเมืองอัคคาและไฮฟ้าบางคนที่สึกเหิมโดย แผนการ โดยคําทํานายและการแต่งเรื่องของศัตรูเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ ทําให้พระอับดุลบาฮาลดจํานวนผู้มานมัสการและระงับการมาเยี่ยม ของพวกเขาในช่วงเวลาหนึ่ง ออกคําสั่งพิเศษให้จดหมายของพระองค์ ส่งผ่านไปทางอิยิปต์แทนไฮฟ่า ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์สั่งการให้สาวก ทั้งหลายและเลขานุการของพระองค์รวบรวมธรรมนิพนธ์ต่าง ๆ ที่พวก เขามีอยู่ไปเก็บรักษาไว้ที่ปลอดภัย เร่งเร้าพวกเขาให้ย้ายไปอาศัยใน อียิปต์ ทรงยืมเงินจากบาไฮศาสนิกชนชาวอเมริกันสําหรับค่าใช้จ่าย ของบาไฮศาสนิกชนในเมืองอัคคาหลายคนในการย้ายที่อยู่ไปที่อียิปต์ ทรงห้ามสาวกทั้งหลายมิให้มาชุมนุมกันที่บ้านของพระองค์ดังที่เคย แม้แต่เพื่อนและผู้นิยมพระอับดุลบาฮาหลายคนได้งดการมาเยี่ยมพระ องค์ในระหว่างนี้เพราะกลัวว่าจะมีส่วนพัวพันถูกเจ้าหน้าที่สงสัย ในช่วงเวลาของชั่วโมงอันมืดที่สุด บ้านที่พระองค์อาศัยซึ่งเคยเป็น ศูนย์รวมของกิจกรรมมาเป็นเวลาหลายปีถูกละทิ้งโดยสิ้นเชิง สายลับ ทั้งหลายได้คอยสอดส่องอยู่รอบบ้าน เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของพระองค์ และจํากัดอิสรภาพของครอบครัวพระองค์

อย่างไรก็ตามพระอับดุลบาฮายังคงดําเนินการก่อสร้างสุสาน พระบ๊อบต่อไปโดยไม่หยุด พระองค์มิยอมให้อุปสรรคใดถึงแม้จะน่า สะพรึงกลัวเพียงไหนมาขัดขวางการเปิดเผยธรรมจารึกของพระองค์จากปากกาอันไม่รู้จักล้า และตอบจดหมายจํานวนมากมายที่มาจากสาวก และผู้ที่นิยมในตัวพระองค์ทั้งในโลกตะวันตกและโลกตะวันออก ในช่วงเวลาอันยุ่งยากและอันตรายนี้พระองค์ทรงเปิดเผยไม่น้อยกว่า 90 ธรรมจารึกต่อหนึ่งวันด้วยมือพระองค์เองตั้งแต่สายัณห์จนถึงรุ่งเช้า เนื่องด้วยความรับผิดชอบมากมายในเวลากลางวันได้ขัดขวางพระองค์ จากงานนี้ ในเวลายากลําบากและตื่นเต้นที่สุดในภาระหน้าที่ของ พระองค์ ด้วยพลังงานอันไม่รู้จักเหนื่อยอ่อน ด้วยความสงบอย่างน่า พิศวงและด้วยความมั่นใจอันไม่สั่นคลอน พระองค์ได้เริ่มดําเนินภาร กิจต่าง ๆ ที่ร่วมสัมพันธ์กับฐานะของพระองค์ ในระหว่างนี้เองที่ แผนผังของวัดบาไฮแห่งแรกของโลกได้คิดขึ้นโดยพระองค์ และ ก่อสร้างโดยสาวกทั้งหลายในเมืองอิสคาแบด ในระหว่างนี้เองซึ่งถึง แม้ความโกลาหลจะก่อกวนประเทศบ้านเกิดของพระองค์ พระองค์ ก็มีคําสั่งให้ปฏิสังขรณ์บ้านอันศักดิ์สิทธิ์ของพระบ๊อบในเมืองชีราซ ในระหว่างนี้เองโดยการสนับสนุนให้กําลังใจของพระองค์อย่างต่อเนื่อง มาตรการเริ่มแรกได้ดําเนินการเพื่อปูทางสําหรับการก่อสร้างวัดบาไฮ แห่งแรกในโลกตะวันตกบริเวณชายฝั่งทะเลสาบมิชิแกน ในระหว่าง นี้เองที่คําอธิบายของพระองค์ที่ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับลักษณะมูลฐาน ของศาสนาของพระบิดา ข้อพิสูจน์อันมีเหตุผล หัวข้อต่าง ๆ เกี่ยว กับศาสนาคริสต์ พระศาสดาทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า คําทํานายใน พระคัมภีร์ไบเบิล กําเนิดและสภาวะของมนุษย์และหัวข้ออื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้องกัน ได้รับการรวบรวมและพิมพ์โดยใช้ชื่อว่า Some Answered Questions

ในชั่วโมงหนึ่งในระหว่างนี้เองที่พระอับดุลบาฮาได้ทรงจารึก พระประสงค์และพินัยกรรมของพระองค์ซึ่งภายในนั้นได้วาดลักษณะ ของระบบบริหารซึ่งจะผุดขึ้นภายหลังการมรณภาพของพระองค์ และจะประกาศล่วงหน้าถึงการสถาปนาระบบแห่งโลก ซึ่งการมาถึงของ มันนั้นพระบ๊อบได้ทรงทํานายไว้ กฎและหลักธรรมทั้งหลายของ มันพระบาฮาอุลลาห์ ได้วางไว้เรียบร้อยแล้ว ในระหว่างวิถีของปีอัน วุ่นวายเหล่านี้ พระองค์ได้บํารุงเลี้ยงสถาบันที่พึ่งก่อทั้งหลายทั้งด้าน การบริหาร ด้านศีลธรรมและการศึกษาของศาสนาที่ขยายออกเรื่อย ๆ ในเปอร์เซียซึ่งเป็นดินแดนกําเนิด ในประเทศอเมริกาซึ่งเป็นจุดกําเนิด ของระบบบริหาร ในแคนาดา ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน อียิปต์ อิรัค อินเดีย พม่า ญี่ปุ่น และหมู่เกาะแปซิฟิคที่ห่างไกล ในระหว่างเวลา อันระทึกใจเหล่านี้พระองค์ ได้ให้การช่วยเหลือการแปล การพิมพ์ การ กระจายหนังสือบาไฮซึ่งบัดนี้มีทั้งภาษาเปอร์เซีย อาหรับ อังกฤษ ตุรกี ฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซียและภาษาพม่า ในวันเหล่านี้เมื่อใดก็ตาม ที่มีช่วงสงบของพายุที่โหมกระหน่ํามายังพระองค์ ผู้นมัสการ มิตร สหายและผู้สอบถามจากเกือบทุกประเทศดังกล่าว มีทั้งตัวแทนจาก คริสเตียน มุสลิม ชาวยิว ชาวโซโรแอสเตรียน ชาวฮินดูและพุทธศาสนิก ชนมาชุมนุมเข้าพบพระองค์ ต่อบรรดาผู้ที่ขาดแคลนที่มารุมล้อม อยู่ที่หน้าประตูและสนามหญ้าที่บ้านของพระองค์ทุกเช้าวันศุกร์ ถึงแม้ จะมีอันตรายล้อมรอบพระองค์ก็แจกจ่ายทานด้วยมือของพระองค์เอง อย่างสม่ําเสมอด้วยความเผื่อแผ่จนพระองค์ได้รับชื่อว่า ?บิดาของ คนยาก? ไม่มีสิ่งใดในวันอันรุนแรงเหล่านี้สามารถสั่นคลอนความ เชื่อมั่นของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดที่ได้รับอนุญาตให้ขัดขวางการช่วยเหลือ ของพระองค์ต่อผู้ขาดแคลน เด็กกําพร้า ผู้ป่วย ผู้ถูกกดขี่ พระองค์ มีความตั้งใจแน่วแน่ในการเดินตามตัวอย่างของพระบ๊อบและพระบา ฮาอุลลาห์ ไม่มีสิ่งใดสามารถชักนําให้พระองค์หนีศัตรูหรือหนีไปจาก การถูกคุมขัง ไม่ว่าจะเป็นคําแนะนําที่เสนอให้แก่พระองค์โดยสมาชิก คนสําคัญในชุมชนของคณะผู้ถูกเนรเทศ หรือแม้แต่คําอ้อนวอนอันยืนหยัดของกงศุลสเปญ ซึ่งด้วยความรักพระอับดุลบาฮาและต้องการ จะเบี่ยงเบนอันตราย เขาได้นําเรือกลไฟมาเตรียมไว้ในตอนกลางคืน พร้อมที่จะพาพระองค์หนีไปยังประเทศอื่นตามแต่พระองค์ต้องการ

ขณะที่ข่าวลือกําลังแพร่กระจายว่าพระอับดุลบาฮาอาจถูกโยนลง ในทะเลหรือเนรเทศไปยังทริโปลิตาเนียหรืออาจถูกแขวนคอ พระองค์ยัง คงอยู่ในความเยือกเย็นไม่ตกใจกลัว ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้ แก่มิตรสหายและสร้างความขบขันให้แก่ศัตรู พระองค์ยังคงปลูก ต้นไม้ในสวนที่บ้านของพระองค์และให้คนสวนเก็บผลไม้นําไปให้ ทั้งมิตรและศัตรูเมื่อพวกเขามาเยี่ยมพระองค์ ในปี ค.ศ. 1907 ช่วง เริ่มต้นฤดูหนาว คณะกรรมการ 4 คนซึ่งได้รับอํานาจเด็ดขาดถูกส่งมา ยังเมืองอัคคาโดยคําสั่งของสุลต่าน ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงไม่กี่วัน พระอับดุลบาฮาฝันว่าพระองค์เห็นเรือลําหนึ่งมาทอดสมอที่เมืองอัค คา มีนกไม่กี่ตัวบินมาคล้ายกับดินระเบิดและมาวนรอบศีรษะของพระ องค์ขณะเมื่อพระองค์ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนชาวเมืองอัคคาที่ตื่นตระ หนก และนกเหล่านั้นบินกลับไปที่เรือโดยไม่ระเบิด

ทันใดเมื่อคณะกรรมการชุดนี้มาถึงฝั่ง พวกเขาได้เข้าควบคุม โทรเลขและไปรษณีย์ในเมืองอัคคา ไล่ออกเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่สงสัย ว่าจะเป็นมิตรกับพระอับดุลบาฮาโดยไม่มีเหตุผลรวมทั้งเจ้าเมืองอัค คา พวกเขามีการติดต่อโดยตรงอย่างลับ ๆ กับรัฐบาลในเมืองคอน สแตนติโนเปิ้ล อาศัยอยู่ในบ้านบริเวณใกล้เคียงกับพวกฝ่าฝืนพระ กติกา จัดยามควบคุมรอบบ้านพระอับดุลบาฮาเพื่อไม่ให้ใครเข้าพบ พระองค์ เหล่านี้ทําให้บ้านของพระองค์ถูกตัดขาดจากโลกภาย นอกโดยสิ้นเชิง บัดนี้กิจกรรมของพวกฝ่าฝืนพระกติกาโดยเฉพาะ อย่างยิ่งมีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลี เต็มไปด้วยความหวังและชัยชนะนั้น มองเห็นอยู่แค่เอื้อม คําใส่ร้ายต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แม้แต่คนยากจนที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากพระอับดุลบาฮามาเป็นเวลานาน ก็ละทิ้งพระองค์ด้วยความกลัว ขณะที่คณะกรรมการสอบสวนกําลังดํา เนินการสอบสวนอยู่ในเมืองอัคคาเป็นเวลานานประมาณหนึ่งเดือน พระอับดุลบาฮาปฏิเสธไม่ยอมพบหรือเข้ายุ่งเกี่ยวกับคณะกรรมการนี้ ทั้ง ๆ ที่มีการขู่และคําเตือนส่งมาถึงพระองค์ โดยผู้นําข่าว เนื่องด้วย พระองค์ไม่มีสิ่งใดจะตอบหรือแสวงหาความโปรดปราน การกระ ทํานี้ของพระอับดุลบาฮาได้จุดไฟความเป็นปรปักษ์ให้แก่คณะกรรม การและพวกเขายิ่งมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามแผนอันชั่วร้าย ถึงแม้อัน ตรายและความยากลําบากที่ห้อมล้อมพระอับดุลบาฮาจะหนาแน่นที่ สุดและมีข่าวลือร้ายแรงต่างๆ เกี่ยวกับพระองค์ กระนั้นตั้งแต่พระองค์ เริ่มถูกคุมขังเรื่อยมา พระองค์คงอยู่ในความสงบไม่หวั่นไหว พระองค์ บอกสาวกที่ยังอยู่ในเมืองอัคคาว่า ?ความหมายของความฝันที่เรา ฝัน บัดนี้ชัดเจนและเป็นหลักฐาน ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด ดินระ เบิดนี้จะไม่ระเบิด?

ในระหว่างนั้นคณะกรรมการสอบสวนได้ไปที่เมืองไฮฟ้าเพื่อ ตรวจสอบสุสานพระบ๊อบ หลังจากนั้นไม่นานขณะที่ดวงอาทิตย์ใกล้ จะตก เรือของคณะกรรมการได้ถอนสมอและแล่นออกจากเมืองไฮ ฟ้ามุ่งมายังเมืองอัคคา ข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในหมู่ประชาชน ที่ระทึกใจทั้งหลายว่าคณะกรรมการนี้ได้ออกเดินทางโดยเรือมาและเป็น ที่คาดว่าจะมาหยุดที่อัคคาเพื่อนําพระอับดุลบาฮาขึ้นเรือไป ความอก สั่นขวัญหนี้และความปวดร้าวได้ครอบงําสมาชิกครอบครัวของพระองค์ เมื่อทราบถึงการใกล้เข้ามาของเรือลํานั้น สาวกบางคนร้องไห้ด้วยความ เศร้าโศกที่จะต้องพรากจากพระอับดุลบาฮา แต่ในชั่วโมงนั้นเองพระ อับดุลบาฮายังคงเดินอยู่ในสนามหญ้าตามลําพังอย่างสงบ เมื่อตะวัน ลับฟ้า ไฟบนเรือได้หันเหไปและเป็นที่ประจักษ์ว่าเรือนั้นได้เปลี่ยนทิศทางมุ่งไปเมืองคอนสแตนติโนเปิ้ล ผู้ที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหว ของเรือรีบส่งข่าวมาบอกพระอับดุลบาฮาทันที สาวกบางคนที่อยู่ตาม จุดต่าง ๆ เพื่อเฝ้ามองเรือนั้นรีบมายืนยันข่าวอันน่ายินดี อันตราย ที่กําลังคุกคามชีวิตพระอับดุลบาฮาได้ถูกเบี่ยงเบนออกไปในวันอัน เป็นประวัติศาสตร์วันนั้นอย่างทันใด อย่างเด็ดขาดโดยพระกรุณาของ พระผู้เป็นเจ้า

ไม่นานนักหลังจากที่เรือนั้นเปลี่ยนทิศทางไป มีข่าวแจ้งมาว่า เกิดการระเบิดขึ้นในระหว่างทางที่ สุลต่านอับดุล ฮามิด กําลังกลับวัง หลังจากการสวดมนต์วันศุกร์ ระเบิดที่หมายเอาชีวิตสุลต่านได้สังหาร และทําร้ายคนอื่น ๆ แต่สุลต่านอับดุล ฮามิดรอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิด สุลต่านอับดุล ฮามิดและรัฐบาลของเขา ถูกครอบงําด้วยความกลัว ต่อการถูกปฏิวัติ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนนํารายงานเกี่ยวกับพระ อับดุลบาฮามาเสนอ สุลต่านกังวลมากและละทิ้งคดีของพระอับดุล บาฮา ต่อมาไม่นานนักปฏิวัติยังเติร์กระเบิดขึ้นอย่างฉับพลันและ เฉียบขาดในปีค.ศ.1908 บังคับให้สุลต่านประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่เขายก เลิกไว้และปลดปล่อยนักโทษศาสนาและนักโทษการเมืองทั้งหมด ไม่กี่เดือนต่อมาสุลต่านอับดุล ฮามิด ถูกปลดออกจากตําแหน่งอย่าง น่าอับอาย ถูกเนรเทศและกลายเป็นนักโทษการเมือง ภายในวันเดียว รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่า 31 คนซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของ ศาสนาบาไฮถูกประหารชีวิต รัชกาลของสุลต่านอับดุล ฮามิดได้จบ สิ้นลง

การได้รับการปลดปล่อยอย่างไม่คาดคิดและระทึกใจของพระ อับดุลบาฮาจากการถูกคุมขังมาเป็นเวลา 40 ปี ได้ทําลายความทะเยอ ทะยานที่คาดไว้โดยผู้ฝ่าฝืนพระกติกาทั้งหลาย และมีผลทําลายล้าง ความหวังเช่นเมื่อ 10 ปีก่อนที่พวกเขาคิดบ่อนทําลายอํานาจของพระอับดุลบาฮา ภายในไม่กี่เดือนหลังจากมีการประกาศคําสั่งอันเป็น ประวัติศาสตร์ที่ทําให้พระอับดุลบาฮาได้รับอิสระ อานุภาพจากเบื้องบน ซึ่งได้ช่วยให้พระอับดุลบาฮาสามารถรักษาสิทธิที่ประทานมาจากสวรรค์ ช่วยให้พระองค์สถาปนาศาสนาของพระบิดาในทวีปอเมริกาเหนือ และช่วยให้พระองค์มีชัยต่อกษัตริย์ผู้กดขี่ อานุภาพเดียวกันนี้ได้ ช่วยให้พระองค์ประสบภารกิจอันสําคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือการ เคลื่อนย้ายศพของพระบ๊อบจากเมืองเตหะรานมายังภูเขาคาเมล พระอับดุลบาฮาทรงยืนยันว่าการเคลื่อนย้ายศพของพระบ๊อบ การก่อ สร้างสุสานที่เหมาะสม การฝังศพด้วยมือของพระองค์เองในสุสาน อันถาวรนี้ คือหนึ่งในสามวัตถุประสงค์สําคัญ ซึ่งตั้งแต่เริ่มต้นภาระ หน้าที่ พระองค์ได้คิดไว้เป็นหน้าที่สําคัญที่สุดของพระองค์ที่ต้องบรรลุ แท้จริงแล้ว ภารกิจนี้สมควรนับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สําคัญทั้งหลาย ในศตวรรษแรกของศาสนาบาไฮ

วันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 1850 ซึ่งพระบ๊อบถูกประหารชีวิต ใน ค่ําวันเดียวกันนั้นศพของพระองค์และสาวกถูกนําไปไว้บริเวณคูเมือง นอกประตูเมืองทาบริซและมีทหารยาม 10 คนเฝ้า สาวกผู้กล้าหาญ คนหนึ่งของพระบ๊อบ คือ ฮาจี สเลมอน คาน ซึ่งเป็นลูกชายของข้า ราชการคนหนึ่งของบิดาของกษัตริย์โมฮัมหมัด ชาห์ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพล มาก และนายกรัฐมนตรีมีร์ซา ตาคี คานได้ถูกชักนําให้ละเว้นชีวิต ของฮาจี สเลมอน คาน ในขณะที่เพื่อนบาบีคนอื่นมากมายถูกสังหาร อย่างไรก็ตามผลจากการกวาดล้างชาวบาบี ในปีค.ศ. 1852 ทําให้ฮาจี สุเลมอน คาน สิ้นชีวิตโดยเขาเป็นผู้เลือกการถูกประหารชีวิตโดยการ ถูกคว้านเนื้อเป็นหลุมตามร่างกายและปักเทียนเข้าไปในหลุมนั้น ฮาจี สุเลมอน คาน เมื่อทราบถึงอันตรายที่กําลังคุกคามพระบ๊อบได้เดิน ทางออกจากเตหะรานมุ่งไปยังทาบริซเพื่อที่จะช่วยชีวิตพระบ๊อบแต่เขามาถึงช้าไป 2 วัน ในตอนกลางคืนเขาได้รับการช่วยเหลือโดย อาลอห์-ยอร์ พาพวกไปที่บริเวณที่ศพของพระบ๊อบวางอยู่ซึ่งทหารยาม ไม่กล้าทําอะไรเขา ตอนเช้าทหารยามไม่มีทางเลือกจึงต้องโกหกว่า สัตว์ป่ามาคาบศพพระบ๊อบไป ซึ่งเหล่านักบวชได้คุยโวเย้ยหยันต่อประ ชาชนว่าศพของพระบ๊อบถูกสัตว์ป่ามาคาบไป หลังจากนั้นศพของ พระบ๊อบได้รับการเคลื่อนย้ายไปที่เมืองเตหะรานโดยคําสั่งของพระบา ฮาอุลลาห์และต่อมามีการเคลื่อนย้ายไปเก็บซ่อนไว้อีกหลายแห่ง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1899 พระอับดุลบาฮาได้ให้มีร์ซา อัสซาดุลลาห์ กับสาวกจํานวนหนึ่งเคลื่อนย้ายศพของพระบ๊อบผ่านไปทางแบกแดด ดามัสคัส เบรุต และข้ามทะเลมาถึงเมืองอัคคาในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1899 ในปีเดียวกันนี้โรงศพหินอ่อนที่ออกแบบไว้สําหรับบรรจุ พระศพของพระบ๊อบได้ส่งมาถึงเมืองไฮฟ้าโดยบาไฮศาสนิกชนใน พม่า

ปัญหาที่ล้อมรอบพระอับดุลบาฮาเกือบ 10 ปีจนกระทั่งพระ องค์สามารถบรรจุพระศพของพระบ๊อบบนภูเขาคาเมลนี้มีนานัปการ เหลือจะกล่าว อันตรายที่พระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮาต้อง เผชิญเพื่อที่จะรับประกันและปกป้องศพนี้เป็นเวลาครึ่งศตวรรษ ภัยร้าย แรงต่าง ๆ ที่พระอับดุลบาฮาประสบระหว่างการก่อสร้างสุสานบนภูเขา คาเมล การเจรจาอันยืดยาวในการซื้อที่ดินบริเวณที่พระบาฮาอุลลาห์ระ บุตําแหน่งไว้จากเจ้าของที่ถูกชักนําโดยพวกฝ่าฝืนพระกติกา ซึ่งเขา ปฏิเสธไม่ยอมขายเป็นเวลานาน การเรียกร้องราคาแพงลิ่วสําหรับการ เปิดถนนไปยังบริเวณที่จะก่อสร้างสุสานซึ่งขาดไม่ได้สําหรับงานก่อ สร้าง สถานการณ์อันตรายที่ มีร์ซา โมฮัมหมัดอาลี ได้กล่าวหาเกี่ยวกับ จุดประสงค์ของการก่อสร้างสุสาน การล่าช้าที่เกิดจากพระอับดุลบาฮา ถูกบังคับให้ออกไปจากเมืองไฮฟ้าเป็นเวลานานซึ่งทําให้พระองค์ไม่สามารถจัดการการก่อสร้างได้ด้วยตนเอง ทั้งหมดนี้คืออุปสรรคสําคัญ ที่พระอับดุลบาฮาได้เผชิญและเอาชนะก่อนที่พระองค์จะสามารถทํา งานนี้ได้สําเร็จตามแผนที่วางไว้โดยพระบาฮาอุลลาห์ หลายครั้งที่มีผู้ ได้ยินพระอับดุลบาฮากล่าวว่า ?ก้อนหินทุกก้อนของสิ่งก่อสร้างนั้น ก้อนหินทุกก้อนของถนนที่ไปที่นั้น ด้วยน้ําตานับไม่ถ้วนและด้วย ราคามหาศาลเราได้ก่อมันขึ้นบริเวณที่ถูกต้อง? และอีกครั้งหนึ่ง ?คืน หนึ่งเราถูกครอบงําด้วยความกังวลอย่างยิ่งจนไม่ไม่มีที่พึ่งอื่นใดนอก จากการท่องบทอธิษฐานบทหนึ่งของพระบ๊อบที่เรามีอยู่แล้วย้ําอีก เป็นการท่องที่สงบเราได้อย่างมาก เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าของที่ดินมาหาเรา เอง ขอโทษเราและขอให้เราซื้อที่ดินของเขา?

วันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1909 พระอับดุลบาฮาฉลองวันนอว์รูซ เป็นครั้งแรกหลังจากที่พระองค์ได้รับอิสรภาพ และพระองค์สั่งให้มี การเคลื่อนย้ายโรงศพหินอ่อนไปยังสุสานบนภูเขาคาเมลในค่ําวันเดียว กันด้วยแสงสว่างจากตะเกียงดวงเดียว พระองค์ทรงวางหีบไม้ที่บรรจ พระศพของพระบ๊อบด้วยตนเอง1 ท่ามกลางสาวกจากตะวันตกและ ตะวันออกในสภาพแวดล้อมอันเคร่งขรึมและเร้าใจ พระอับดุลบาฮา ถอดผ้าโพกศีรษะ ถอดรองเท้าและเสื้อคลุม พระองค์ก้มลงไปในโรง ศพหินอ่อนที่ยังเปิดอยู่ ใบหน้าของพระองค์เปลี่ยนโฉมอย่างเรืองรอง และวางหน้าผากของพระองค์บนขอบของหีบไม้ พระองค์สะอึกสะอื่น และร้องไห้จนคนอื่นทั้งหมดพากันร้องให้ตาม ในคืนนั้นพระองค์นอน ไม่หลับ

การเคลื่อนย้ายพระศพของพระบ๊อบมาบรรจุบนภูเขาคาเมล บริเวณซึ่งมิได้อยู่ห่างไกลจากถ้ําของศาสนทูตเอลียา ซึ่งการเสด็จมาของพระบ๊อบเองคือการกลับมาของศาสนทูตเอลียา ในที่สุดได้ดําเนิน จนเสร็จสิ้นตามที่วาดไว้โดยพระบาฮาอุลลาห์ พระบาฮาอุลลาห์ ได้ตรัส ต่อภูเขาคาเมลไว้อย่างมีความหมายว่า ?ดูกร คาเมล เจ้าจงเร่งรีบเพราะ แสงสว่างแห่งโฉมหน้าของพระผู้เป็นเจ้า…ได้เงยอยู่บนเจ้า….จงปิติ ยินดีเพราะในยุคนี้พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสถาปนาบัลลังก์ของพระองค์ บนเจ้า และทรงทําให้เจ้าเป็นสถานที่รุ่งอรุณของสัญลักษณ์ของพระ องค์และเป็นอรุโณทัยของหลักฐานทั้งหลายของการเปิดเผยศาสนา ของพระองค์? ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงเปิดเผยในธรรมจารึกเดียว กันนี้ว่า ?ดูกร คาเมล จงเปล่งเสียงเรียกไซออนและประกาศข่าวอัน น่ายินดีว่า : พระผู้ซึ่งถูกซ่อนเร้นไว้จากดวงตาของมนุษย์เสด็จมา แล้ว อํานาจปกครองที่มีชัยเหนือทั้งหมดของพระองค์ปรากฎชัดแล้ว ความงดงามของพระองค์ที่ห้อมล้อมทุกสรรพสิ่งถูกเปิดเผยแล้ว จงระวังเพื่อว่าเจ้าจะไม่ลังเลหรือสะดุด จงรีบไปและเวียนรอบเมือง ของพระผู้เป็นเจ้าที่ลงมาจากฟ้า คือกาบาแห่งสวรรค์ซึ่งผู้เป็นที่โปรด ปรานของพระองค์ ผู้มีหัวใจบริสุทธิ์และหมู่นางฟ้าผู้ประเสริฐสุดทั้ง หลายได้เวียนรอบบูชา?

บทที่ 20

การเดินทางไปยุโรปและอเมริกา

การสถาปนาศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ในโลกตะวันตกซึ่ง เป็นความสําเร็จอันสะดุดตาที่สุดที่ร่วมสัมพันธ์ ไปตลอดกาลกับภาระ หน้าที่ของพระอับดุลบาฮา ได้ขับเคลื่อนพลังอันมหาศาลและก่อให้ เกิดผลอันกว้างไกลอย่างมีเหตุผลสมควรที่พระองค์จะมีส่วนร่วมด้วย ตนเองในกิจกรรมของสาวกทั้งหลายในโลกตะวันตก ซึ่งพวกเขาได้ เริ่มอย่างกล้าหาญและดําเนินการอย่างแข็งขันโดยอํานาจของพระ กติกา ความวิกฤติที่ความตาบอดและความวิปริตของพวกฝ่าฝืน กติกาได้ก่อขึ้น ซึ่งได้รบกวนการปฏิบัติตามความประสงค์ของพระ อับดุลบาฮา บัดนี้ได้ถูกขจัดออกไปแล้ว อุปสรรคทั้งหลายถูกยก ออกไปจากหนทางของพระองค์ พันธนาการต่าง ๆถูกปลดปล่อย ออกจากพระอับดุลบาฮาโดยความกริ้วโกรธของพระผู้เป็นเจ้าและนํา ไปสวมสุลต่านอับดุล ฮามิดแทน ศพของพระบ๊อบที่พระบิดาได้ มอบหมายให้แก่พระองค์ก่อนเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ได้รับการบรรจุอย่าง เป็นพิธีสมเกียรติบนภูเขาคาเมลเรียบร้อย บัดนี้พระองค์มีอายุ 65 ปีและสุขภาพไม่สมบูรณ์จากการทนทุกข์มาเกือบตลอดการถูกเนรเทศ และการถูกกักขัง กระนั้นด้วยความปราศจากกังวลเกี่ยวกับการบรรจ ศพของพระบ๊อบ พระองค์ได้ลุกขึ้นอย่างกล้าหาญด้วยกําลังที่เหลือ อยู่ในวัยชราเพื่ออุทิศต่อการรับใช้ซึ่งสัดส่วนของมันหาที่เปรียบมิ ได้ในประวัติการณ์ของศตวรรษแรกของศาสนาบาไฮ

โดยแท้จริงแล้วการเดินทาง 3 ปีของพระอับดุลบาฮาไปยังอี ยิปต์ ยุโรปและอเมริกาได้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงอันสําคัญที่สุด ของศตวรรษ โชคชะตาของศาสนาที่เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ครั้งนี้ เป็นสัญญาณของการระเบิดออกของกิจกรรมของพระอับดุลบาฮา ซึ่งสร้างความตะลึงงันให้แก่สาวกทั้งหลายในโลกตะวันออก และตะวันตกด้วยความชื่นชมและความประหลาดใจ และปฏิบัติการ โน้มน้าวต่อวิถีของประวัติศาสตร์ในอนาคตของศาสนา พระอับดุล บาฮาผู้ซึ่งเข้าไปสู่คุกเมื่อเยาว์วัยและได้รับอิสระเมื่อวัยชรา ผู้ซึ่งไม่เคย เผชิญหมู่ผู้ฟังในที่สาธารณะ ผู้ซึ่งมิได้เข้าโรงเรียน ไม่เคยเข้าไปใน วงของชาวตะวันตกและไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมและภาษาของโลก ตะวันตก จากมุขของโบสถ์และเวทีในเมืองหลวงหลายแห่งใน .ทวีปยุโรปและเมืองสําคัญต่าง ๆ ในทวีปอเมริกา พระองค์ได้ลุกขึ้น ประกาศมิเฉพาะหลักธรรมมูลฐานของศาสนาของพระบิดาเท่านั้น แต่ยังได้พิสูจน์ถึงอํานาจที่สืบทอดมาจากพระผู้เป็นเจ้าของศาสนทูต ทั้งหลายที่เสด็จมาก่อนและเปิดเผยลักษณะของพันธะที่ผูกพันศาสน ทูตเหล่านั้นกับศาสนาของพระบิดา

ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะเริ่มเดินทางอันตรากตรํานี้ ไม่ ว่าจะสูญเสียกําลังเท่าไรก็ตาม อย่างเงียบๆ และมิได้เตือนล่วงหน้า ในเดือนกันยายน ค.ศ.1910 คือหนึ่งปีภายหลังการบรรจุศพพระบ๊อบ บนภูเขาคาเมล พระอับดุลบาฮาได้ออกเดินเรือไปยังอิยิปต์พักแรม อยู่ที่ปอร์ตซาอิดประมาณหนึ่งเดือน จากนั้นได้เดินเรือต่อเพื่อจะไป ยุโรปแต่สุขภาพของพระองค์ทําให้พระองค์ต้องขึ้นฝั่งที่อเล็กซาน เครียและเลื่อนการเดินทาง พระองค์ปักหลักอาศัยอยู่ที่แรมเลห์บริเวณ ชานเมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งภายหลังได้ไปเยี่ยมเซตูนและไคโร วันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1911 พระองค์ออกเดินเรือและเดินทางต่อไป ถึงลอนดอนในวันที่ 4 กันยายน ทรงแวะเยี่ยมเยียนที่นั่นประมาณ หนึ่งเดือนและเดินทางต่อไปที่ปารีสซึ่งพระองค์อาศัยอยู่เป็นเวลา 9 อาทิตย์และกลับมายังอิยิปต์ในเดือนธันวาคม พระองค์พักอยู่ที่แรม เลห์อีกครั้งจนผ่านฤดูหนาวและเริ่มต้นออกเดินทางโดยเรือเซดริคที่ ขับเคลื่อนด้วยพลังไอน้ําในวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1912 ไปถึงนิวยอร์ค วันที่ 11 เมษายน เป็นเวลา 8 เดือน ที่พระองค์เดินทางอยู่ในทวีป อเมริกาเหนือจากฝั่งแอตแลนติคไปยังฝั่งแปซิฟิค ซึ่งพระองค์แวะ เยี่ยมวอชิงตัน ชิคาโก เคลวีแลนด์ พิทสเบิรก มอนท์แคล บอสตัน วอร์เซสเตอร์ บรูคลิน แฟนวด มิลฟอร์ด ฟิลาเดเฟีย เวสท์อิงเกิ้ลวูด เจอเซซิตี้ เคมบริดจ์ เมดฟอร์ด มอรริสทาวห์ ดูบดิน กรีนเอคอร์ มอน ทรีล มัลเดน บัฟฟาโล เคนโนชา มินเนียโปลิส เซ็นท์ปอล โอมาฮา ลินคอล์น เดนเวอร์ เกลนวดสปริง ซัลท์เลคซิตี้ ซานฟานซิสโก โอค แลนด์ ปาโลอัลโต เบอร์เคเลย์ พาซาเดนา ลอสเองเจลลิส ซาคราเมนโต ซินซินนาติ และบัลต์มอร์ ในวันที่ 5 ธันวาคมพระองค์ขึ้นเรือเซดริค ออกจากนิวยอร์คไปขึ้นฝั่งที่ลิเวอร์พูลและนั่งรถไฟต่อไปที่ลอนดอน และต่อมาพระองค์ไปเยี่ยมเยียนที่ออกซ์ฟอร์ด อีดินเบิร์ก บริสโตล และกลับมาที่ลอนดอน ออกเดินทางวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1913ไป ยังปารีส วันที่ 30 มีนาคมเดินทางไปสตุทการ์ท วันที่ 9 เมษายนพระ องค์เดินทางต่อไปที่บูดาเปสท์ แวะเยี่ยมเวียนนา 9 วันและกลับมาถึง สตุทการ์ท วันที่ 25 เมษายนเดินทางต่อไปถึงปารีสวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งพระองค์อยู่ที่นั่นจนถึงวันที่ 12 มิถุนายนและนั่งเรือกลับมาที่อียิปต์ พักอยู่ที่นั่นและมาถึงไฮฟ้าวันที่ 5 ธันวาคม เป็นการสิ้นสุดการเดินทาง อันเป็นประวัติศาสตร์

ในวิถีของการเดินทางครั้งนี้ ต่อหน้าผู้ฟังกลุ่มใหญ่และบางครั้ง มากกว่าหนึ่งพันคน พระอับดุลบาฮาได้ทรงอรรถาธิบายด้วยความหลัก แหลมอย่างเรียบง่าย ด้วยพลังโน้มน้าวอันจับใจเกี่ยวกับหลักธรรมทั้ง หลายของศาสนาของพระบิดาพร้อมกับกฏและเทศบัญญัติที่เปิดเผยไว้ ในพระคัมภีร์คัตานี-อัคคัส ซึ่งเป็นฐานของการเปิดเผยศาสนาครั้งล่าสุด ของพระผู้เป็นเจ้าต่อมนุษยชาติ การค้นคว้าหาความจริงอย่างอิสระ ความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติ เอกภาพมูลฐานของทุกศาสนา การตําหนิอคติทุกรูปแบบ ความสอดคล้องระหว่างศาสนาและวิทยา ศาสตร์ ความเสมอภาคระหว่างบรษและสตรี การศึกษาภาคบังคับ การ ใช้ภาษาสากลเพียงหนึ่งภาษา การเลิกล้มความมั่งคั่งและความยากจน ที่มากเกินไป สถาบันศาลแห่งโลกสําหรับการตัดสินข้อโต้แย้งระหว่าง ชาติ การทํางานด้วยดวงจิตของการรับใช้เทียบเท่ากับการสักการะบูชา การสรรเสริญความยุติธรรมเป็นหลักการปกครองสังคมมนุษย์และศาสนา เป็นดั่งปราการสําหรับปกป้องประชาชนและชาติทั้งหลาย การสถาปนา สันติภาพสากลที่ถาวรคือเป้าหมายสูงสุดของมนุษยชาติทั้งหมด เหล่า นี้คือองค์ประกอบสําคัญของระบบการปกครองของพระผู้เป็นเจ้าที่ พระอับดุลบาฮาประกาศต่อผู้นําทางความคิดและมวลชนทั้งหลายใน การเดินทางครั้งนี้ พระองค์ย้ําเตือนถึงเพลิงที่จะลุกทั่วยุโรปหากรัฐบุรุษทั้ง หลายของโลกล้มเหลวที่จะบ่ายเบี่ยง ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ยังทํานาย ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากของทวีปนั้น ทํานายถึงการเคลื่อนไหว ของการแยกอํานาจทางการเมืองที่จะต้องบังเกิดขึ้นอย่างหลีกไม่ได้ พาดพิงถึงความยุ่งยากที่จะบังเกิดกับตุรกี คาดล่วงหน้าหน้าถึงการประ หัตประหารชาวยิวในทวีปยุโรป

ระหว่างการเดินทางที่พระองค์ได้แสดงความกล้าหาญ ความ เด็ดเดี่ยวและความอุทิศต่องานที่พระองค์ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งทําให้ผู้ ที่อยู่ใกล้ชิดประหลาดใจและชื่นชม พระองค์มสนใจทิวทัศน์หรือสิ่ง ต่าง ๆ ที่มักดึงดูดความสนใจของนักเดินทาง ไม่ใส่ใจต่อความสบาย หรือสุขภาพ ใช้พลังงานทุกหยดตั้งแต่รุ่งเช้าจนดึก ปฏิเสธของขวัญ และเงินบริจาคสําหรับค่าเดินทางของพระองค์ ห่วงใยเสมอต่อผู้ป่วย ผู้ทุกข์โศกและผู้ถูกกดขี่ ค้ําจุนเชื้อชาติและชนชั้นที่ถูกริดรอนสิทธิ รังเกียจการโจมตีที่ผู้บ้าคลั่งศาสนากระทําต่อพระองค์ มีความเผื่อแผ่ดังเช่นฝนต่อคนยากจน พิสูจน์อย่างไม่อ้อมค้อมถึงความเป็นศาสน ทูตของพระเยซูและพระโมฮัมหมัดต่อชาวยิวในโบสถ์ พิสูจน์ถึงความจํา เป็นของศาสนาต่อนักวัตถุนิยม ต่อผู้ไม่เชื่อการดํารงอยู่ของพระผู้เป็น เจ้า สรรเสริญพระบาฮาอุลลาห์อย่างชัดเจนตลอดเวลาและในสถาน ที่ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายต่าง ๆ มากมาย มีความเห็นอกเห็นใจอย่าง แท้จริง อย่างอบอุ่นและเป็นธรรมชาติต่อทั้งมิตรและคนแปลกหน้า ต่อทั้งสาวกและผู้มิใช่สาวก ทั้งคนร่ํารวยและคนยากจน คนชั้นสูง และคนต่ําต้อยที่พบพระองค์ ไม่ว่าจะโดยส่วนตัวหรือโดยบังเอิญ บนเรือหรือบนถนน ที่งานรับรองหรืองานเลี้ยง ที่สลัมหรือคฤหาสน์ ในที่ชุมนุมของสาวกหรือผู้คงแก่เรียน พระองค์ผู้ซึ่งเป็นร่างของคุณ งามความดีทั้งหมดของบาไฮและเป็นที่รวมของอุดมคติทุกอย่างของ

บาไฮ ได้ประกาศเป็นเวลา 3 ปีถึงการรักษา ถึงสัจจธรรมอันเป็นที่เทิดทูน ในการเปิดเผยศาสนาของพระบิดาต่อโลกที่จมอยู่ในวัตถุนิยม และ อยู่ในเงามืดของสงคราม

ในอียิปต์พระองค์มีการสัมภาษณ์กับอุปราช ได้รับการแนะนํา ต่อลอร์ด คิทเชนเนอร์ พบกับผู้นําศาสนาอิสลาม สมาคมกับอิหม่าม หลายคน เจ้าหน้าที่ชั้นสูง ผู้มีชื่อเสียงชาวเปอร์เซีย สมาชิกสภาของ ตรกี บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับสําคัญในโคโรและอเล็กซานเดรีย ผู้นําและผู้แทนต่าง ๆ ของสถาบันทางศาสนาและสถาบันของประชาชน ที่มีชื่อ

ในอังกฤษ บ้านที่พระองค์อาศัยอยู่ที่สวนคาดูแกนกลายเป็น เมืองเมกกะสําหรับประชาชนทุกประเภทที่มาชุมนุมเข้าเยี่ยมนักโทษ แห่งเมืองอัคคา เจ้าของบ้านผู้รับรองพระอับดุลบาฮาได้เป็นพยานว่า ?ผู้นมัสการ แขก ผู้มาเยี่ยมเยียนเหล่านี้…หของเราเต็มไปด้วยเสียง เดินของพวกเขา เนื่องด้วยพวกเขามาจากทุกประเทศทั่วโลก ทุกวัน และตลอดทั้งวันมีการหลั่งไหลอย่างต่อเนื่อง ขบวนไม่จบสิ้น รัฐมนตรี และมิชชันนารี นักวิชาการโลกตะวันออกและนักศึกษาทางเวทย์มนต์ ผู้นิยมวิธีปฏิบัติในธุรกิจต่างๆและผู้เข้าฌาณ แองกลิแคน คาทอลิค นอนคอนฟอร์มมิสท์ นักเทวปรัชญา ชาวฮินดู คริสเตียนผู้รักษาทางจิต แพทย์ มุสลิม พุทธศาสนิกชน ชาวโซโรแอสเตรียน ยังมีนักการเมือง ทหารจากองค์การศาสนาคริสต์ ผู้ทํางานเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ ผู้ สนับสนุนสิทธิสตรี นักหนังสือพิมพ์ นักเขียน กวี นักบําบัด ช่างเย็บ เสื้อ สตรีคนสําคัญ ช่างฝีมือ ศิลปิน ประชาชนยากจนผู้ตกงานและ พ่อค้าผู้เฟื่องฟู สมาชิกของโลกการละครและดนตรี ทั้งหมดเหล่านี้ ได้มา ไม่มีใครต่ําต้อยหรือยิ่งใหญ่เกินไปที่จะรับความเห็นอกเห็นใจ จากทูตสวรรค์ผู้นี้ ผู้ซึ่งให้ชีวิตของพระองค์สําหรับประโยชน์ของผู้ อื่นเสมอ?

พระอับดุลบาฮาปรากฏต่อสาธารณะต่อชุมชนชาวตะวันตก ครั้งแรกที่โบสถ์คริสเตียนแห่งหนึ่งวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1911 ได้ รับการแนะนําโดยบาทหลวงอาร์ เจ แคมเบล พระองค์ได้ประกาศด้วย ภาษาเรียบง่ายและเร้าใจถึงเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้า ยืนยันความ เป็นอันหนึ่งเดียวกันของศาสนา และประกาศว่าชั่วโมงแห่งความสา มัคคีของบุตรทั้งหลายของมนุษย์ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกชนชั้นมา ถึงแล้ว ต่อมาวันที่ 17 กันยายน โดยการขอร้องบาทหลวงวิลเบอร์ ฟอส พระองค์ทรงกล่าวต่อชุมนุมชนที่เวสท์มินสเตอร์ ซึ่งรองบาท หลวงได้จัดเก้าอี้ของบิชอพไว้ให้พระองค์ ฝูงชนประทับใจอย่างลึก ซึ้งและปฏิบัติตามรองบาทหลวงโดยคุกเข่ารับพรจากพระองค์

โดยการเชิญของลอร์ด เมเยอร์ แห่งลอนดอน พระองค์รับประ ทานอาหารเช้ากับเขาที่คฤหาสน์ ตรัสต่อสมาคมเทวปรัชญาที่สํานัก งานใหญ่โดยคําขอร้องของนายกสมาคม ทรงแวะเยี่ยมกล่าวถึงสามัคคีของโลกที่สุเหร่าโดยการเชิญของชุมชนมุสลิมในอังกฤษ และ ได้การรับรองโดยเจ้าชายแห่งเปอร์เซีย รัฐมนตรีเก่าและสมาชิกของ สถานทูตเปอร์เซียในลอนดอน ทรงพักอาศัยเป็นแขกอยู่ที่บ้านของ ดร. ที เค ชิ้น ในออกซ์ฟอร์ดและกล่าวต่อนักวิชาการระดับสูงซึ่งชุม นุมกันที่วิทยาลัยแมนเชสเตอร์ โดยมีดร. เอสทริน คาร์เพนเตอร์เป็น ประธาน ทรงกล่าวต่อชุมชนในห้องโถงเวสมิสเตอร์โดยมี เซอร์ โทมัส เบอร์เคเลย์เป็นประธานและชมละครเกี่ยวกับชีวิตและความทรมาน ของพระเยซูคริสต์ซึ่งทําให้พระองค์น้ําตาไหล ทรงพบประชาชนจาก ทุกตําแหน่งในสังคมซึ่งมาชุมนุมกันเข้าหาพระองค์ซึ่งเหล่านี้ได้แก่ นักบวชจากหลายนิกาย ครูใหญ่ของโรงเรียน สมาชิกของรัฐสภา แพทย์ รองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นักหนังสือพิมพ์ กวีผู้มีชื่อ เสียงและผู้ปกครองกรุงลอนดอน ผู้บันทึกเหตุการณ์คนหนึ่งในการ มาเยี่ยมอังกฤษของพระอับดุลบาฮา พรรณนาว่า ?พระองค์จะได้รับ การจดจําไปอีกนาน ขณะเมื่อพระองค์นั่งอยู่ที่หน้าต่างในแสงแดด ตอนบ่าย แขนของพระองค์โอบรอบเด็กน้อยที่แต่งตัวสกปรกผู้มีความ สุขคนหนึ่งซึ่งเข้ามาขอเงิน 6 เพนนี้จากพระอับดุลบาฮาสําหรับกล่อง เงินของเขาและสําหรับแม่ผู้ทุพพลภาพ ขณะที่รอบ ๆ พระองค์ใน ห้อง บุรุษและสตรีชุมนุมกันอภิปรายเกี่ยวกับการศึกษา ลัทธิสังคมนิยม พระราชบัญญัติแก้ไขการเลือกตั้งและเล่าถึงเรือดําน้ํา โทรเลขอย่าง ไม่มีสายซึ่งสัมพันธ์กับยุคใหม่ที่มนุษย์กําลังเข้าไปสู่?

บรรดาผู้ที่มาเยี่ยมพระองค์ระหว่างวันอันน่าทรงจําในอังกฤษ ได้แก่ บาทหลวงแคมเบล รองบาทหลวงวิลเบอร์ฟอส รองบาทหลวง วิลเลียม, ลอร์ด ลามิงตัน, เซอร์ ริชาดและคุณหญิงสเตเพล, เซอร์ ไมเคิล แซดเลอร์, มหาราชาแห่งราชพุทานะ, ราชินีแห่งซาราวัค, คุณ หญิงเกรนคัมเมอร์, คุณหญิงแอกนิว, ดร. อี จี บราวน์, ศาตราจารย์แพทริค เกดเดส ๆลๆ บุคคลจํานวนมากมายเหล่านี้ได้สมัครขอเข้า พบพระองค์เป็นส่วนตัว สตรีผู้รับรองพระอับดุลบาฮาได้พรรณนาการ เข้าพบพระองค์โดยบุคคลมากมายว่า ?ความประทับใจอันลึกซึ่งคง อยู่ในจิตใจและความทรงจําของบุรุษและสตรีทั้งหลายจากทุกประเภท และทุกระดับสังคม…การพักแรมของพระอับดุลบาฮาในลอนดอนได้ รับการชื่นชมอย่างใหญ่หลวง การจากไปของพระองค์เป็นที่เศร้าโศก อย่างมหันต์ พระองค์ทิ้งมิตรสหายมากมายไว้ข้างหลัง ความรักของ พระองค์ได้กระตุ้นความรัก?

การเยี่ยมเยียนปารีส พระองค์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ไม่น้อยกว่าที่ได้รับในลอนดอนโดยมิตรสหายและสาวกทั้งหลาย คุณหญิงบรอมพิลด์ ซึ่งได้ติดตามพระองค์ไปที่ปารีสได้เป็นพยานว่า ?ระหว่างการเยี่ยมเยียนปารีส ดังเช่นที่เกิดขึ้นในลอนดอน เหตุการณ์ ประจําวันเกิดขึ้นในบรรยากาศของศีลธรรม…ทุกเช้าตามกิจวัตร พระ อับดุลบาฮาอรรถาธิบายหลักธรรมของคําสั่งสอนของพระบาฮาอุลลาห์ ต่อบรรดาผู้ที่มาชุมนุมรอบพระองค์ ทั้งผู้คงแก่เรียนและผู้ไม่มีความรู้ ด้วยความกระตือรือล้นและนับถือ พวกเขามาจากทุกชาติและทุกนิกาย จากโลกตะวันออกและโลกตะวันตก รวมทั้งนักเทวปรัชญา ผู้ไม่ เชื่อการดํารงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า นักวัตถุนิยม ผู้เชื่อในจิตวิญญาณ คริสเตียนผู้รักษาทางจิต นักปฏิรูปสังคม ชาวฮินดู มุสลิม พุทธศาสนิก ชน ชาวโซโรแอสเตรียนและอื่น ๆ อีกมากมาย? และอีกครั้งหนึ่ง ?การ สัมภาษณ์ตามมาด้วยการสัมภาษณ์ คริสเตียนผู้มีตําแหน่งสูงจากหลายนิ กายมา บางคนปรารถนาอย่างตั้งใจจริงที่จะค้นหาแง่ใหม่ๆ ของสัจจ ธรรมคนอื่น ๆ ปิดหูตนเองเพื่อว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินและไม่เข้า ใจ? เจ้าชายเปอร์เซีย ขุนนาง รัฐมนตรีเปอร์เซีย ทูตตุรกีในปารีส ข้าราชการชั้นสูงของตุรกี ทูตญี่ปุ่นแห่งสเปญ เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าพบพระองค์ ณ ห้องโถงในโบสถ์ แห่งหนึ่งในย่านที่ยากจนของเมือง พระองค์ทรงกล่าวต่อฝูงชนโดยการ เชิญของบาดหลวง ในขณะที่การพบปะหลายครั้งกับสาวกทั้งหลาย ผู้ซึ่งคุ้นเคยกับคําสั่งสอน พวกเขามีโอกาสได้ยินจากริมฝีปากของพระ องค์เกี่ยวกับคําอธิบายรายละเอียดในลักษณะบางอย่างของศาสนา ของพระบิดา

ในสตุทการ์ทถึงแม้สุขภาพไม่ค่อยดี พระองค์เดินทางแวะไป เยี่ยมช่วงสั้น ๆ แต่ก็มิอาจลืมได้เพื่อจะพบกับสมาชิกที่กระตือรือล้น ของชุมชนชาวเยอรมัน และโดยการเชิญของศาสตราจารย์คริสเทล ผู้ เป็นนายกสมาคมเอสเปอรานติสท์แห่งยุโรป พระองค์ได้กล่าวต่อ ชุมชนเอสเปอรานติสท์แห่งยุโรป พระองค์ ได้กล่าวต่อชุมชนเอสเปอ รานติสท์จํานวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังไปเยี่ยมที่แบด เมอร์ เจนไทม์ในเวิรเทมเบริกซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1915 สาวกคนหนึ่งได้สร้าง อนุสาวรีย์เพื่อเป็นการระลึกถึงการมาเยี่ยมของพระองค์ ผู้อยู่ในเหตุ การณ์ครั้งนั้นได้บันทึกว่า ?ความถ่อมตัว ความรักและความอุทิศของ สาวกชาวเยอรมันสร้างความปิติให้แก่หัวใจของพระอับดุลบาฮา พวก เขาได้รับพระพรจากพระองค์และคําปรึกษาที่ให้กําลังใจด้วยความยอม จํานนโดยสมบูรณ์ มิตรสหายจากไกลและใกล้เดินทางมาพบพระองค์ มีการหลั่งไหลอย่างต่อเนื่องของผู้เยี่ยมเยียนมาที่โรงแรมมาร์ควาท ที่ นั้นพระอับดุลบาฮารับพวกเขาด้วยความรักและความกรุณาซึ่งทําให้ พวกเขาร่าเริงด้วยความปิติและความสุข?

ในเวียนนาซึ่งพระองค์พักอยู่ไม่กี่วัน พระองค์กล่าวต่อชุมชน นักเทวปรัชญาในเมืองนั้น ในบูดาเปสท์พระองค์อนุญาตให้อธิการบดี ของมหาวิทยาลัยเข้าสัมภาษณ์พระองค์ ทรงพบกับนักวิชาการโลกตะ วันออกผู้มีชื่อเสียงคือศาสตราจารย์อาร์มีเนียส เวมเบอรี่ ทรงกล่าวต่อสมาคมนักเทวปรัชญา ได้รับการเยี่ยมเยียนจากประธานของชาวตรา เนียน ตัวแทนของสมาคมตุรกี นายทหารและสมาชิกหลายคนของ รัฐสภา ดร.รูสเทม แวมเบอร์เป็นพยานว่า ?ห้องของพระอับดุลบาฮา ในโรงแรมตูนาโปโลตา กลายเป็นเมืองเมกกะสําหรับบรรดาผู้ซึ่งลัทธิ การเข้าญาณทางโลกตะวันออกและปรีชาญาณของพระอับดุลบาฮา ได้ดึงดูดเข้ามาในวงแห่งความอัศจรรย์ บรรดาที่ผู้มาเยี่ยมพระองค์ ได้แก่ เค้าท์ อัลเบรท แอพพอนยี, พลเลท อเล็กซานเดอร์ ก็สเวน, ศาสตราจารย์อิกนาตัส โกลซีเฮอร์, นักวิชาการโลกตะวันออกผู้มีชื่อเสียง กว้างไกลทั่วโลกคือศาสตราจารย์โรเบริท์ เอ แนดเลอร์?

อย่างไรก็ตามทวีปอเมริกาเหนือได้ถูกสํารองไว้ให้เป็นพยาน การแสดงปรากฎอันน่าประหลาดใจที่สุดของพลังชีวิตของพระอับดุลบา ฮาในวิถีการเดินทางเหล่านี้ ความก้าวหน้าอย่างผิดธรรมดาของ ชุมชนบาไฮในประเทศอเมริกาและแคนาดา การตอบรับข่าวสารของ

พระองค์อย่างชัดเจนและสํานึกของพระองค์เกี่ยวกับจุดหมายอันสูงส่งที่ รอคอยประชาชนของทวีปนี้ มีเหตุผลสมควรที่พระองค์จะใช้เวลา และพลังงานอุทิศให้กับการเดินทางอันสําคัญที่สุดในทวีปนี้ การเดิน ทางเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงธันวาคม ค.ศ. 1912 ซึ่งครอบคลุมระยะ ทางกว่า 5000 ไมล์ที่พาพระองค์จากฝั่งแอตแลนติคไปยังฝั่งแปซิฟิค และกลับมา ซึ่งปาฐกถาของพระองค์ได้รับการบันทึกรวมไว้เป็นหนัง สือไม่น้อยกว่า 3 เล่ม และเป็นการบ่งบอกถึงจุดสุดยอดของการเดิน ทางเหล่านี้

ลักษณะการกระทําที่พระองค์ปฏิบัติได้พิสูจน์อย่างบริบูรณ์ ถึงความสําคัญที่พระองค์ให้แก่การเยี่ยมเยียนครั้งนี้ การวางศิลาฤกษ์ ของวัดบาไฮด้วยมือของพระองค์เองบริเวณชายฝั่งทะเลสาปมิชิแกนใน เมืองชิคาโกท่ามกลางการชุมนุมของผู้แทนบาไฮศาสนิกชนจากโลกตะวันออกและโลกตะวันตก การยืนยันอย่างมีพลังโดยพระองค์เกี่ยว กับพระกติการที่สถาปนาโดยพระบาฮาอุลลาห์ ติดตามด้วยการอ่าน ?ธรรมจารึกแห่งกิ่ง? ที่แปลเสร็จใหม่ ๆ ในสภาของสาวกทั้งหลายใน นิวยอร์ค และนับแต่นั้นมาได้ระบุเมืองนั้นเป็น ?เมืองแห่งพระกติกา? พิธีอันเร้าใจในอินเจินวูดรัฐแคลิฟอร์เนียที่พระองค์ไปนมัสการหลุม ศพของทอห์นตัน เชส ผู้เป็นบาไฮศาสนิกชนชาวอเมริกันคนแรก และ แท้จริงแล้วเป็นบาไฮศาสนิกชนคนแรกในโลกตะวันตก พระพรที่พระ องค์ประสาทให้แก่ศาลากลางเมืองกรีนเอเคอร์ในเมนบนฝั่งแม่น้ํา พิสคาตากัวซึ่งสาวกมากมายมาชุมนุมกัน และต่อมาได้ก่อสร้างขึ้น เป็นโรงเรียนบาไฮฤดูร้อนในทวีปอเมริกา การทําพิธีแต่งงานเป็นตัวอย่าง ให้แก่บาไฮศาสนิกชนคู่หนึ่ง ซึ่งฝ่ายหนึ่งเป็นคนผิวขาวอีกฝ่ายเป็น นิโกร เหล่านี้คือการปฏิบัติหน้าที่อันสําคัญทั้งหลายที่ร่วมสัมพันธ์กับ การเยี่ยมเยียนของพระองค์ต่อชุมชนบาไฮอเมริกัน ซึ่งมุ่งหมายที่จะปู ทางสําหรับการก่อสร้างวัดบาไฮ เสริมสร้างความแกร่งให้แก่พวกเขา เพื่อทานต่อการทดสอบที่พวกเขาจะได้รับในไม่ช้า ผนึกความสามัคคี ของพวกเขา ให้พรแก่การเริ่มต้นระบบบริหารซึ่งพวกเขาจะต้องริเริ่ม และสนับสนุนในไม่ช้า

ที่น่าสะดุดตาไม่น้อยไปกว่ากัน คือกิจกรรมของพระอับดุล บาฮาที่พระองค์สมาคมกับประชาชนมากมายที่พระองค์ได้พบปะใน ระหว่างการเดินทาง เรื่องราวของกิจกรรมต่างๆ ในช่วง 8 เดือนนี้ เกินกว่าที่จะพรรณนาได้ในที่นี้ เฉพาะในนิวยอร์คแห่งเดียวพระองค์ ได้กล่าวต่อสาธารณะและไปเยี่ยมเยียนสถานที่ต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 50 แห่ง สมาคมสันติภาพ ชุมนุมคริสเตียนและชาวยิว วิทยาลัยและมหา วิทยาลัย องค์การสงเคราะห์และการกุศล สมาชิกของนิกายทางจริยธรรม กลุ่มนักปรัชญา ชมรมสตรี สมาคมวิทยาศาสตร์ ชุมนุมของเอสเปอรานติสท์ นักเทวปรัชญา มอร์มอน ผู้ไม่เชื่อการดํารงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า ชุมนุมชาวอาร์มีเนียน ชาวกรีก ชาวจีน ชาวญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้ได้พบปะ กับพระอับดุลบาฮาและมีโอกาสได้ยินข่าวสารของพระบิดาของพระ องค์

การปฐกถาของพระองค์ ณ การประชุมเกี่ยวกับสันติภาพที่ ทะเลสาบโมฮอง คํากล่าวของพระองค์ต่อชุมนุมกลุ่มใหญ่ที่มหาวิทยาลัย โคลัมเบีย มหาวิทยาลัยโฮเวิร์ด มหาวิทยาลับนิวยอร์ค การยืนยันอย่าง ไม่เกรงกลัวถึงความเป็นศาสนทูตของพระเยซูคริสต์และพระโมฮัม หมัดในโบสถ์เอมมานูเอลของชาวยิวในซานฟรานซิสโกซึ่งมีประชาชน กว่า 2,000 คนมาชุมนุม ปาฐกถาของพระองค์ที่ให้ความกระจ่าง แก่นักศึกษา 1,800 คน ครูและอาจารย์ 180 คนที่มหาวิทยาลัยลีแลนด์ สแตนฟอร์ด การเยี่ยมเยียนอันน่าทรงจําของพระองค์ที่บาวเวอร์ มิชชั่นในสลัมของนิวยอร์ค การรับรองอันงดงามเพื่อเป็นเกียรติแก่ พระองค์ที่วอร์ชิงตันซึ่งมีบุคคลสําคัญมากมายได้รับการแนะนําต่อพระ องค์ ซึ่งเหล่านี้ได้แก่ ดร. ดี เอส จอร์แดน ซึ่งเป็นอธิการบดีของมหา วิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด, แรบไบสตีเพนแห่งนิวยอร์ค, แรบไบอับราม ไซมอน, อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบล, แฟรงคริน เค เลน, รูซเวลต์, พลเรือเอกเวนไรท์, พลเรือเอกเพียรี, รัฐมนตรีของอังกฤษ ดัทซ์และ สวิสที่อยู่ในวอร์ชิงตัน, ทูตตุรกีในวอร์ชิงตัน, โทมัส ซีต้น, เจ้าชายโม ฮัมหมัด อาลีแห่งอียิปต์

ผู้วิจารณ์การมาเยี่ยมอเมริกาของพระอับดุลบาฮาได้กล่าวว่า ?เมื่อพระอับดุลบาฮามาเยี่ยมประเทศนี้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1912 พระองค์พบผู้ฟังกลุ่มใหญ่ที่มีความเห็นอกเห็นใจกําลังรอคอยต้อนรับ พระองค์ด้วยตนเอง และรับข่าวสารแห่งความรักและศีลธรรมจากริม ฝีปากของพระองค์เหนือกว่าถ้อยคําที่พูด มีบางสิ่งที่ไม่สามารถพรรณนาได้ในบุคคลิกของพระองค์ที่สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้แก่ ทุกคนที่ได้มาพบพระองค์ ศีรษะที่คล้ายยอดโดม เคราของวัยชราที่น่า นับถือ ดวงตาที่ดูเหมือนจะมองไกลออกไปกว่ากาลเวลาและประสาท สัมผัส น้ําเสียงอันนุ่นนวลแต่ทะลุทะลวง ความถ่อมตัวอันผ่องใส ความ รักที่ไม่ขาดสาย แต่เหนืออื่นใดคือความรู้สึกของอํานาจผสมกับความ สุภาพอ่อนโยนที่ครอบคลุมชีวิตทั้งหมดของพระองค์ด้วยความตระ หง่านอันประเสริฐของศีลธรรมที่ทําให้พระองค์เด่นเป็นพิเศษ แต่กระ นั้นก็ได้พาพระองค์เข้ามาใกล้ผู้ที่ต่ําต้อยที่สุด มันคือทั้งหมดนี้และ มีอีกมากที่ไม่สามารถอธิบายได้ ที่ทิ้งความทรงจําอันมิอาจเลือนไปได้ และมีค่าอย่างไม่สามารถพรรณนาได้ไว้ให้กับมิตรสหายมากมายของ พระองค์?

การสํารวจกิจกรรมมากมายของพระอับดุลบาฮาในยุโรปและ อเมริกาถึงแม้จะไม่เพียงพอ ก็ไม่สามารถมองข้ามไปโดยไม่กล่าวถึง เหตุการณ์ประหลาดที่มักมากับการติดต่อกับพระองค์เป็นส่วนตัว ความตั้งใจอันกล้าหาญของเด็กหนุ่มผู้ไม่ย่อท้อคนหนึ่งซึ่งกลัวว่าพระ อับดุลบาฮาจะไม่สามารถมาเยี่ยมรัฐทางตะวันตกและตัวเขาเองไม่มี เงินค่ารถไฟไปที่นิวอิงแลนด์ เขาได้เข้าไปนอนบนท่อนเหล็กระหว่างล้อ รถไฟเดินทางตลอดทางจากมินเนียโปลิสไปที่เมน ประสบการณ์ ผิดธรรมดาของสตรีผู้หนึ่งซึ่งลูกสาวตัวน้อยของเธอภายหลังจากความ ฝันได้ยืนกรานว่าพระเยซูคริสต์อยู่ในโลกนี้ และเมื่อเห็นรูปพระ อับดุลบาฮาแสดงอยู่ที่หน้าต่างของร้านขายหนังสือเด็กน้อยได้บอก ว่านั่นคือพระเยซูคริสต์ในความฝันของเธอ พฤติกรรมของเด็กน้อย ได้ผลักดันให้แม่ของเธอหลังจากอ่านหนังสือแล้วทราบว่าพระอับ ดุลบาฮาอยู่ในปารีส ได้ขึ้นเรือเที่ยวต่อไปไปยุโรปและรีบไปพบพระ อับดุลบาฮา การตัดสินใจของบรรณาธิการคนหนึ่งของวารสารที่พิมพ์ในญี่ปุ่นได้หยุดการเดินทางระหว่างไปโตเกียวที่เมืองคอนสแตน ติโนเปิ้ลและเดินทางต่อไปที่ลอนดอนเพื่อจะใช้เวลาค่ําวันหนึ่งอยู่ กับพระองค์ ภาพเหตุการณ์อันเร้าใจที่พระอับดุลบาฮารับผ้าเช็ด หน้าที่ห่อขนมปังแห้งดําและแอปเปิ้ลที่เหี่ยวแห้งจากบาไฮศาสนิกชน ชาวเปอร์เซียผู้ยากจนที่เสนอให้พระองค์ ซึ่งเขาเพิ่งมาถึงลอนดอนจาก เมืองอิสคาแบด พระองค์เปิดห่อผ้าเช็ดหน้าต่อหน้าแขกที่ชุมนุมกัน อยู่ กินขนมปังนั้นและไม่แตะต้องอาหารกลางวัน เหล่านี้คือจํานวน หนึ่งของเหตุการณ์มากมายที่เป็นลักษณะบางอย่างของการเดินทาง อันน่าทรงจําของพระงค์

เหตุการณ์บางอย่างที่สัมพันธ์กับพระองค์ในยุโรปและอเมริกา มิอาจถูกลบไปจากความทรงจําได้ ภาพของเจ้าชายจาลอลูด-ดอว์ลี ซึ่งได้ประหัตประหารบาไฮศาสนิกชนในเมืองยาซด์ในปี ค.ศ. 1903 เมื่อครั้งที่เขายังเป็นเจ้าเมืองแต่บัดนี้อยู่ในฐานะผู้ถูกเนรเทศและมา หมอบที่ฝ่าเท้าขอโทษพระองค์ ภาพที่บาวเวอร์ มิชชั่นซึ่งผู้ยากจนในนิว ยอร์ค 400 คนเดินเรียงแถวรับเหรียญเงินจากมือของพระองค์ ฝูง ชนที่เอะอะในย่านที่ยากจนแห่งหนึ่งในปารีสซึ่งเกรงขามต่อการปรากฏ ของพระองค์ ได้เปิดทางให้พระองค์ผ่านไปท่ามกลางพวกเขาอย่าง เงียบสงบและด้วยความนับถือ นายแพทย์ชาวโซโรแอสเตรียนซึ่งมา พบพระอับดุลบาฮาในตอนเช้าเพื่อกล่าวคําอําลาด้วยความเร่งรีบเหนื่อย หอบก่อนที่พระองค์จะไปจากลอนดอน และสวมมาลัยดอกกุหลาบ และดอกลิลี่รอบคอของพระองค์ ฝูงชนมายืนรอแต่รุ่งเช้าด้วยความ อดทนที่ประตูบ้านพระองค์ที่สวนคาดูแกนจนกระทั่งประตูเปิดให้พวก เขาเข้ามาได้ การแสดงความนับถือพระองค์ของสตรีผู้มีชื่อเสียงทั้ง หลายในลอนดอนซึ่งเมื่อเข้ามาพบพระองค์ได้ย่อเข่าแสดงความเคารพ อย่างเป็นธรรมชาติ ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวนี้แฝงไว้ด้วยความประใครเล่าจะรู้ว่าความนึกคิดใดที่ท่วมหัวใจของพระอับดุลบาฮาเมื่อ พระองค์พบว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของภาพเหตุการณ์อันน่าทรงจํา เหล่านี้ ใครเล่าจะรู้ว่าความนึกคิดใดอยู่ในจิตใจของพระองค์ขณะ เมื่อพระองค์ได้ยินเสียง ?อัลลา-อ-อับฮา? และเสียงเพลงสรรเสริญ ที่ประกาศถึงการใกล้เข้ามาของพระองค์ โดยชุมชนที่งดงามของสาวก และมิตรสหายของพระองค์ในเมืองต่าง ๆ มากมายในทวีปอเมริกา เหนือ ใครเล่าจะรู้ว่าความทรงจําใดที่กระพืออยู่ในพระองค์ขณะ เมื่อพระองค์ยืนอยู่หน้าน้ําตกในการ่าที่มีเสียงดังสนั่นและสูดอากาศ ของดินแดนห่างไกล ความทรงจําของความทุกข์โศก ความยากจน และเคราะห์กรรมในปีแรก ๆ ของชีวิต ความทรงจําที่มารดาของพระ องค์จําต้องหยิบแป้งแห้งๆ หนึ่งกํามือใส่ในมือพระองค์เพื่อบรรเทา ความหิวในชั่วโมงที่มีดที่สุดในเมืองเตหะราน ความทรงจําในวัยเด็ก ที่พระองค์ต้องถูกไล่ตามและหัวเราะเยาะโดยอันธพาลข้างถนน ความ ทรงจําของห้องที่ชื้นและมืดมนที่เคยเป็นห้องเก็บศพที่พระองค์ต้อง อาศัยอยู่ในโรงทหารเมืองอัคคา ความนึกคิดจะต้องมาเยี่ยมพระองค์ เช่นกันเกี่ยวกับการถูกกักขังของพระบ๊อบในมณฑลอัดเฮอร์เบย์จาน และถูกลูกกระสุนนับร้อยยิง เหนืออื่นใดทั้งหมดความคิดของพระองค์ จะต้องมารวมอยู่ที่พระบาฮาอุลลาห์ซึ่งพระองค์ได้เป็นพยานความ ทุกข์ทรมานมาแต่วัยเด็ก คุกซียาห์-ชาลที่เต็มไปด้วยสัตว์เลื้อยคลาน การถูกเฆี่ยนตีของพระบิดาที่เมืองอามูล การจากไปของพระบิดาที่ภู เขาห่างไกลในเคอร์ดิสทอน วันในแบกแดดที่พระบิดาไม่มีแม้แต่เสื้อผ้า จะเปลี่ยน การถูกคุมขังของพระบิดาในเมืองอัคคาเป็นเวลา 9 ปีโดย ไม่ได้เห็นทุ่งหญ้า ภาพของอดีตอันน่าเศร้าเหล่านี้จะต้องพิชิตพระ องค์ด้วยความรู้สึกที่ผสมด้วยความขอบคุณและความทุกข์โศกขณะเมื่อพระองค์ได้เป็นพยานต่อความนับถือ การสรรเสริญและเกียรติที่ แสดงต่อพระองค์และศาสนาของพระบิดาในเวลานี้ บทอันรุ่งโรจน์ ที่สุดในประวัติศาสตร์ของศตวรรษแรกของศาสนาบาไฮได้รับการบัน ทึกแล้ว เมล็ดของศักยภาพที่คาดไม่ถึงได้รับการหว่านในดินแดน อันอุดมสมบูรณ์บางแห่งในโลกตะวันตกแล้วโดยพระผู้ทรงเป็นศูนย์ กลางแห่งพระกติกา

บทที่ 21

การเติบโตของศาสนาในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก

การเดินทางอันเป็นประวัติศาสตร์ของพระอับดุลบาฮาไปยัง โลกตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 8 เดือนในอเมริกาอาจกล่าวได้ว่า ได้ บ่งบอกถึงการบรรลุสู่ยอดสุดของภาระหน้าที่ของพระองค์ เป็นภาระ หน้าที่ซึ่งพระพรอันเหลือคณานับและความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ของมัน นั้น เฉพาะชนรุ่นหลังเท่านั้นที่สามารถประเมินได้เพียงพอ ดั่งเช่น ในสมัยพระบาฮาอุลลาห์ที่พระองค์ประกาศข่าวสารในอเครียโนเปิ้ล ถึงกษัตริย์และผู้ปกครองทั้งหลายของโลก เช่นกันพระกติกาของ พระองค์ได้ฉายรัศมีอันเจิดจ้าที่สุด ลุกขึ้นประกาศความรุ่งโรจน์และ ความยิ่งใหญ่ของศาสนาของพระบิดาต่อประชาชนของโลกตะวันตก

สถาบันพระกติกาที่สถาปนาโดยพระผู้เป็นเจ้าได้พิสูจน์อย่าง ไม่มีข้อสงสัยถึงความแข็งแกร่งของมันอันมิอาจเอาชนะได้ โดย ชัยชนะอันเด็ดขาดต่ออํานาจมืดของพวกฝ่าฝืนพระกติกา ในไม่ช้า ต่อมาอานุภาพของมันได้แผ่ขยายไปยังยุโรปตะวันตกและอเมริกา และยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการปกป้องเอกภาพและ บูรณภาพของศาสนาในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก

เหล่านี้ถึงแม้จะเป็นความสําเร็จที่เด่นชัด แต่กระนั้นผลที่ได้ เก็บเกี่ยวจากความพยายามอันไม่เหนื่อยอ่อนและอย่างกล้าหาญของ ศูนย์กลางแห่งพระกติกามิได้มีเพียงเท่านี้ ความก้าวหน้าและการ ขยายศาสนาของพระบิดาในโลกตะวันตก การเริ่มกิจกรรมและภาร กิจที่บ่งบอกการเริ่มต้นระบบบริหารในอนาคต การก่อสร้างวัดบาไฮ แห่งแรกในเมืองอิสคาแบดในรัสเซีย การขยายจํานวนหนังสือบาไฮ การเปิดเผย ?ธรรมจารึกแห่งแผนงานสวรรค์? การแนะนําศาสนาไปสู่ ทวีปออสเตรเลีย เหล่านี้อาจพิจารณาเป็นดั่งความสําเร็จอันสะดุดตาที่ได้ประดับประวัติอันงดงามของภาระหน้าที่ของพระอับดุลบาฮา

ในเปอร์เซียถึงแม้จะมีการประหัตประหารตลอดสมัยของพระ อับดุลบาฮา มีความรุนแรงอย่างไม่ผ่อนคลาย กระนั้นชุมชนที่ถูกประ ณามที่เคยอยู่ใต้พื้นดินได้โผล่ขึ้นมาและแลเห็นได้ชัดเจน 4 ปีภาย หลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์ กษัตริย์นาเซริดิน ชาห์ ถูกลอบสังหารอย่างน่าตื่นตลึงในงานฉลองของเขาเองโดยมีร์ซา ริดาซึ่งเป็นลูกน้องของ ซียิด จามาลลูด-ดิน ผู้เป็นศัตรูคนหนึ่งของ ศาสนาบาไฮและเป็นผู้เริ่มการเคลื่อนไหวทางรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อมัน ได้รวบรวมกําลังเคลื่อนไหวในรัชกาลของ มูซาฟารดิน ชาห์ มันได้ ก่อความยุ่งยากมากยิ่งขึ้นให้แก่ชุมชนบาไฮที่ถูกประหัตประหาร แม้แต่การถูกลอบสังหารของกษัตริย์นาเซริดิน ชาห์ ก็ยังโยนมาให้ ชุมชนบาไฮรับผิดชอบดังที่เป็นหลักฐานโดยการตายอย่างทารุณทัน ที่ภายหลังการลอบสังหารนั้นของครูบาไฮผู้มีชื่อเสียงคือมีร์ซา อาลี โม ฮัมหมัด (วาร์คา) เขาพร้อมกับลูกชายวัย 12 ปีถูกสังหารอย่างอํามหิต ในคุกเมืองเตหะราน โดยฮาจีบุด-ดอว์ลี แทงท้องเขาด้วยกริชและ ตัดเขาเป็นชิ้นต่อหน้าลูกชาย ขู่เข็ญให้ลูกชายถอนตัวออกจากศาสนา เมื่อเด็กน้อยปฏิเสธ เขารัดคอเด็กน้อยจนตาย

สามปีก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มชื่อโมฮัมหมัด-ริดาเย ยาซดี ถูกยิง ตายในเมืองยาซ์ดในคืนการแต่งงานของเขาและเป็นบุคคลแรกที ถูกปลิดชีวิตในสมัยของพระอับดุลบาฮา ในเทอร์แบทเท เฮดาริเยห์ซึ่ง เป็นผลมาจากการลอบสังหารกษัตริย์ชาห์ บาไฮศาสนิกชน 5 คนถูก ปลิดชีวิต ในมัชฮัด พ่อค้าผู้มีชื่อเสียง ฮาจี โมฮัมหมัดเด ทาบริซี ถูกฆาตกรรมและศพของเขาถูกเผาไฟ กษัตริย์ชาห์คนใหม่และนายก รัฐมนตรีของเขาอนุญาตให้มีการสัมภาษณ์โดยตัวแทนบาไฮศาสนิก ชน 2 คนจากปารีสในปี ค.ศ. 1902 แต่ก็ไม่เกิดผลอันใด ในทางตรงข้ามพายุระลอกใหม่ของการประหัตประหารได้ระเบิดขึ้นไม่กี่ปีภาย หลังจากนั้นและโหดร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกต่อต้านการปฏิรูปได้ กล่าวหาบาไฮศาสนิกชนอย่างไม่มีหลักฐาน ประณามพวกเขาต่อสา ธารณะว่าเป็นผู้สนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวแบ่งแยกชาติ

โมฮัมหมัด-จาวอดถูกจับเปลือยกายในอิสฟาฮันและถูกเขียน ด้วยแส้โลหะ ในคาชั้นบรรดาชาวยิวที่เปลี่ยนมาเป็นบาไฮศาสนิกชน ถูกปรับ ถูกตี และถูกล่ามโซ่โดยการยุยงของนักบวชมุสลิมและนักบวช ชาวยิว อย่างไรก็ตามการหลั่งเลือดอันรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในเมือง ยาซด์ ฮาจี มีร์ซาเย ฮาลาบี-ซาส ถูกโบยอย่างไร้ปรานี้จนภรรยา ของเขาโผเข้าไปกอดร่างสามีและเธอเองถูกโบยอย่างทารุณ ซึ่งต่อ มากะโหลกของเขาถูกเชือดด้วยมีดตัดเนื้อ ลูกชายวัย 11 ปีของเขา ถูกเฆี่ยนอย่างไม่มีการสงสารและถูกแทงด้วยมีดพกและทรมานจนถึง ตาย ภายในชั่วเวลาครึ่งวันบาไฮศาสนิกชน 9 คนถูกสังหาร ฝูงชน ประมาณ 600 คนทั้งชายและหญิงได้ระบายโทสะต่อเหยื่อผู้หมดหน ทาง บางคนคลั่งถึงกับกินเลือดของบาไฮศาสนิกชน พวกเขาแสดง ความโหดร้ายจนเจ้าหน้าที่รัฐบาลบางคนถึงกับหลั่งน้ําตาเมื่อได้เห็น ภาพเหตุการณ์อันบาดใจเหล่านี้ ในทัฟท์บาไฮศาสนิกชนหลายคน ถูกสังหาร บางคนถูกยิงและร่างของพวกเขาถูกลากไปตามถนน เด็ก หนุ่มอายุ 18 ปี ที่พึ่งเปลี่ยนเป็นบาไฮศาสนิกชนถูกประณามโดยพ่อ ของเขาเองและถูกฉีกเป็นชิ้นต่อหน้าแม่ โมฮัมหมัด-คามาลถูกสับ เป็นชิ้นด้วยมีดและพลั่ว ในแมนชัดซึ่งการประหารดําเนินอยู่นาน 10 วัน ซีด มีร์ซาอายุ 80 ปีถูกฆ่าขณะหลับโดยหินก้อนใหญ่ 2 ก้อน ทุ่มมายังเขา มีร์ซา ซาดิคถูกมีดแทงเข้าที่หน้าอกและเพชฌฆาตเลีย เลือดของเขาที่ใบมีด ซาเตอร์-ฮาซันได้แจกสมบัติของเขาให้แก่ เพชฌฆาตทั้งหลายก่อนถูกประหารชีวิต คาดีจี-สุลต่านอายุ 65 ปีถูกโยนลงมาจากหลังคาบ้าน มีร์ซา โมฮัมหมัดถูกมัดติดกับต้นไม้เป็นเป้า กระสุนนับร้อย อุสตัด ริดาเย-ซัฟฟาร์ จูบมือเพชฌฆาตก่อนที่เขาจะ ถูกยิงและศพของเขาถูกเหยียดหยาม

ในบานดคุด, ดีห์บา-ลอ, ฟาราชาห์, อับบาส-อาบัด, ฮันซา, อาร์เดคาน, คอว์แลท-อาบัดและในฮามาดัน มีอาชญากรรมลักษณะ คล้าย ๆ กันเกิดขึ้น รายที่เด่นที่สุดคือสตรีบาไฮผู้เป็นที่นับถืออย่าง สูงและกล้าหาญชื่อฟาติมีห์-นามซึ่งถูกลากอย่างน่าอับอายออกมา จากบ้าน คอของเธอถูกตัดขาด ท้องของเธอถูกแบะออกและถูกตี โดยฝูงชนป่าเถื่อนด้วยอาวุธทุกอย่างที่เขามีอยู่ ในที่สุดเธอถูกแขวน บนต้นไม้และสังเวยแก่เปลวไฟ ในเนริซการโจมตีอันดุร้ายที่ชวนให้ ระลึกถึงที่เมืองยาซด์ ได้สังเวยชีวิตบาไฮศาสนิกชน 19 คน หนึ่งในจํา นวนนี้คือ มุลลา อับดุลฮามิดอายุ 65 ปี ซึ่งเป็นชายชราตาบอดถูกยิง และทรัพย์สมบัติของเขาถูกปล้น สตรีและเด็ก ๆ มากมายหนีไปเพื่อ รักษาชีวิต หาที่พักพิงในสุเหร่าหรืออาศัยอยู่ในบ้านที่พังทลายของ พวกเขา หรืออยู่ตามข้างถนนโดยไม่มีร่มไม้ชายคา ในเซอร์จอน ดูก-อาบัด, ทาบริซ, อาวีห์, กุม, นาจาฟ-อาบัด, แซงซา, ชาห์มีร์ซัด, อิสฟาฮัน, จาห์รูม, เหล่าศัตรูผู้โหดเหี้ยมและไร้ความสํานึกผิด ทั้ง ศัตรทางศาสนาและศัตรูทางการปกครอง ถึงแม้จะมีการเซ็นรัฐธรรมนูญ โดยกษัตริย์ชาห์ในปี ค.ศ. 1906 แล้ว พวกเขาก็ยังหาข้ออ้างต่างๆ เข่นฆ่า ทรมาน ปล้นสมาชิกทั้งหลายของชุมชนบาไฮผู้ซึ่งปฏิเสธอย่าง แน่วแน่ไม่ยอมถอนตัวออกจากศาสนา แม้ในระหว่างการเดินทาง ของพระอับดุลบาฮาในโลกตะวันตกและเมื่อกลับมาที่ดินแดนศักดิ์ สิทธิ์ พระองค์ได้รับข่าวอันน่าวิตกเหล่านี้เรื่อยมา ในดอว์แลท-อาบัด เจ้าชายกระหายเลือดฮาบิบุลลาห์ มีร์ซา ซึ่งเปลี่ยนมาเป็นบาไฮศาสนิกชน ถูกเข่นฆ่าด้วยขวานและศพถูกเผาไฟ ในมัชฮัด เชค อาลี-อัคบาร์ ผู้เคร่งศาสนาและมีความรู้ถูกยิงตาย ในสุลต่าน-อาบัด มีร์ซา อาลีอัคบาร์ และสมาชิกครอบครัวของเขา 7 คนรวมทั้งทารกอายุ 40 วัน ถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อน การประหัตประหารในระดับรุนแรงต่าง ๆ ระเบิด ขึ้นในนาอิน ชาห์มีร์ซัด บันดาเร-จาซด์และคัมซาร์ ในเคร์มันชาร์ มีร์ซา ยาดูเบ-มุทกาฮีดีห์ชาวยิวอายุ 25 ปีที่เปลี่ยนมาเป็นบาไฮศาสนิก ชนได้สละชีวิตเป็นคนสุดท้ายในสมัยของพระอับดุลบาฮา

ถึงแม้การประหัตประหารอันรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นพัก ๆ เหล่า นี้ ซึ่งในวันที่มืดที่สุดหลังการประหารชีวิตพระบ๊อบ ศาสนาใหม่นี้ถูก กลืนไปจนเกือบดับสิ้น และถูกน้ํานั่นในสมัยของพระบาฮาอุลลาห์ จนเกือบจมไปในใต้ดิน หลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบา ฮาอุลลาห์ภายใต้การนําทางอันไม่มีผิดพลาดของพระอับดุลบาฮา และ เป็นผลมาจากความห่วงใย ความชาญฉลาดและความตื่นตัวของพระ องค์ ศาสนานี้ได้รวบรวมพลังและค่อย ๆ ก่อตั้งสถาบันทั้งหลายที่จะ ปูทางสําหรับการสถาปนาระบบบริหารในภายหลัง ในช่วงเวลานี้เอง ที่จํานวนผู้ที่สนับสนุนศาสนาได้ทวีขึ้นอย่างรวดเร็วและครอบคลุม ทุกมณฑลในเปอร์เซีย ขยายออกอย่างสม่ําเสมอ แบบแผนเบื้องต้น ของธรรมสภาในอนาคตได้รับการสถาปนา ในช่วงนี้เองเมื่อโรงเรียน และวิทยาลัยของรัฐไม่เพียงพอ และการศึกษาในสถาบันศาสนาทั้ง หลายที่มีอยู่นั้นบกพร่องอย่างน่าเศร้า โรงเรียนบาไฮได้รับการก่อตั้งเริ่ม ด้วยโรงเรียนทาร์บียาท ตามมาด้วยโรงเรียนทายิดและมอว์ฮิแบทในฮา มาดัน โรงเรียนวาฮคัทเต-บาชาร์ในคาชัน และสถาบันการศึกษาคล้าย ๆ กันในบอร์ฟรชและคัสวิน ในช่วงระหว่างปีเหล่านี้เองที่ความช่วย เหลืออันชัดเจนทั้งด้านวัตถุและจิตใจในรูปของครูเดินทางมาเยี่ยม จากยุโรปและอเมริกา ในรูปของพยาบาล อาจารย์และแพทย์ ได้มาถึง ชุมชนบาไฮในดินแดนนี้เป็นครั้งแรก ในระหว่างปีเหล่านี้ที่ชื่อบาบีในเปอร์เซียได้เปลี่ยนเป็นบาไฮและชื่อเดิมบาบีได้เอาไว้เรียกสมาชิก จํานวนน้อยนิดของมีร์ซา ยาห์ยอ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงระหว่างนี้เอง ที่ความพยายามอย่างเป็นระบบในงานการสอนศาสนาได้ริเริ่มโดยบาไฮ ศาสนิกชนชาวเปอร์เซีย ซึ่งนอกจากจะเสริมสร้างรากฐานของชุมชน แล้ว ยังเป็นวิธีการดึงดูดบุคคลสําคัญหลายคนมาสู่ศาสนารวมทั้งสมาชิก คนสําคัญของสถาบันนักบวชมุสลิมชีอะห์และแม้แต่ทายาทของศัตรู ฉกาจของศาสนา ในระหว่างนี้เองที่บ้านของพระบ๊อบในชีราซได้รับ การปฏิสังขรณ์และกลายเป็นศูนย์กลางของชีวิตและกิจกรรมบาไฮส หรับผู้ที่ไม่สามารถไปเยี่ยม ?บ้านอันยิ่งใหญ่ที่สุด? ในแบกแดดหรือ สุสานศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอัคคา

อย่างไรก็ตามที่เด่นกว่าภารกิจเหล่านี้คือการก่อสร้างวัดบาไฮ แห่งแรกในเมืองอิสคาแบดซึ่งเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1902 ด้วยคําแนะนํา ของพระอับดุลบาฮา และอํานวยการสร้างด้วยตนเองโดย ฮาจี มีร์ซา โมฮัมหมัด-ตาคี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระบ๊อบและศพของเขา ปัจจุบันฝังอยู่ที่เชิงเขาคาเมลภายใต้ร่มเงาของสุสานพระบ๊อบ นับเป็น ความเสียสละของบาไฮศาสนิกชนทางตะวันออกที่มุ่งมั่นปฏิบัติตาม บัญชาของพระบาฮาอุลลาห์ที่เปิดเผยไว้ในพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัส ที่มิควรมองข้ามไปคือการกล่าวถึงโรงเรียน 2 แห่งที่ก่อตั้งในเมืองนี้ บ้านสําหรับผู้มานมัสการบริเวณใกล้วัดบาไฮนี้ ธรรมสภาและหน่วยงาน ต่าง ๆ ของธรรมสภาที่ตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมธุรกิจของชุมชนที่กําลังเติบโต และศูนย์กลางของกิจกรรมต่าง ๆ ที่สถาปนาขึ้นในหลายเมืองในเตอร์ สถาน ทั้งหมดนี้ได้ยืนยันถึงพลังชีวิตที่ศาสนาได้แสดงตั้งแต่เริ่มต้น ในดินแดนนั้น

การพัฒนาที่ขนานกันไปถึงแม้อาจจะตื่นเต้นน้อยกว่าสามารถ เห็นได้ในคอเคซัส หลังจากการก่อตั้งศูนย์กลางแห่งแรกและมีธรรมสภาในบาคู ซึ่งเป็นเมืองที่ผู้นมัสการจํานวนมากมายแวะเยี่ยมเสมอ เมื่อเดินทางจากประเทศเปอร์เซียไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่านทางตุรกี บาไฮศาสนิกชนกลุ่มใหม่ ๆ ได้ก่อตัวขึ้นและกลายเป็นชุมชนต่างๆ ที่มั่นคงร่วมมือกับบาไฮศาสนิกชนในเตอร์กีสถานและเปอร์เซีย ในอียิปต์จํานวนผู้สนับสนุนศาสนาที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ําเสมอมาพร้อม กับการแผ่ขยายกิจกรรมต่าง ๆ การก่อตั้งศูนย์กลางใหม่ ๆ ทั้งหลาย การสร้างความมั่นคงให้แก่ศูนย์กลางใหญ่ในไคโร การเปลี่ยนเข้ามา เป็นบาไฮศาสนิกชนจากนักเรียนและครูผู้มีชื่อเสียงหลายคนของมหา วิทยาลัยอาซฮาร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความพยายามอันไม่เหนื่อย อ่อนของมีร์ซา อาบุล ฟาซ พระคัมภีร์ต่าง ๆ ที่สําคัญของพระบาฮา อุลลาห์ที่เปิดเผยเป็นภาษาเปอร์เซียได้แปลเป็นภาษาอาหรับ การพิมพ์ หนังสือ ตําราและใบปลิวโดยบาไฮศาสนิกชน การก่อตั้งสถาบันบริหาร เบื้องต้นในเมืองหลวงและศูนย์กลางใกล้เคียง การเพิ่มพูนชีวิต ของชุมชนโดยชาวเคอร์ดิช ชาวคอพติคและฮาร์มีเนียนที่เข้ามาเป็น บาไฮศาสนิกชน เหล่านี้อาจได้รับการพิจารณาเป็นดั่งผลเริ่มแรกที่ เก็บเกี่ยวในประเทศที่รับพระพรโดยรอยเท้าของพระอับดุลบาฮา

ที่สะดุดตายิ่งกว่าคือการแผ่ขยายกิจกรรมบาไฮในอินเดียและ พม่า ซึ่งชุมชนที่เติบโตอย่างสม่ําเสมอและบัดนี้มีสมาชิกที่มาจากชาว โซโรแอสเตรียน มุสลิม ฮินดู พุทธและชาวซิคห์ ได้ประสบความสําเร็จ ในการตั้งถิ่นฐานไกลไปถึงมันดาเลย์ หมู่บ้านในไดคานอว์ คาลาซู ใน อําเภอสันทาวาดดีของพม่า ซึ่งมีบาไฮศาสนิกชนอาศัยอยู่กว่า 800 คน และมีโรงเรียน โรงพยาบาลเป็นของตนเอง มีที่ดินสําหรับการเพาะ ปลูกของชุมชนซึ่งผลกําไรที่ได้พวกเขานํามาใช้ส่งเสริมความก้าว หน้าของศาสนา ในอิรัค ?บ้านอันยิ่งใหญ่ที่สุด? ได้รับการปฏิสัง ขรณ์และตกแต่งใหม่หมดซึ่งชุมชนขนาดเล็กที่กล้าหาญได้ดิ้นรนควบคุมและบริหารธุรกิจของพวกเขาท่ามกลางการถูกต่อต้านอย่างต่อเนื่อง ในคอนสแตนติโนเปิ้ลศูนย์กลางบาไฮแห่งหนึ่งได้รับการก่อตั้ง ในทู นิสรากฐานของชุมชนหนึ่งตั้งอย่างมั่นคง ในญี่ปุ่น จีนและฮอนโน ลูลู ครูบาไฮทั้งหลายได้เดินทางไปตั้งถิ่นฐานและสอนศาสนา ใน สถานที่ทั้งหมดเหล่านี้ หลักฐานนานัปการของการนําทางของพระ อับดุลบาฮาและผลของการเฝ้าระวังและการดูแลอย่างไม่ขาดสาย ของพระองค์สามารถแลเห็นได้ชัดเจน

ชุมชนทั้งหลายที่พึ่งก่อตั้งในฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน อเมริกา ภายหลังการมาเยี่ยมเยียนอันน่าทรงจําของพระอับดุลบาฮา ก็ยังได้รับ ความเอาใจใส่ห่วงใยจากพระองค์เป็นพิเศษในเรื่องความผาสุกและ ความคืบหน้าทางศาสนาของพวกเขา ผลจากคําแนะนําและธรรมจารึก ต่าง ๆ ของพระองค์ที่มีไปถึงสมาชิกทั้งหลายของชุมชนเหล่านี้ และ การให้กําลังใจอย่างสม่ําเสมอของพระองค์ต่อความพยายามที่พวกเขา บากบั่น ได้มีศูนย์กลางบาไฮทวีจํานวนขึ้นอย่างสม่ําเสมอ มีการจัดการ พบปะสาธารณะ มีการพิมพ์วารสารใหม่ ๆ มีการแปลธรรมนิพนธ์ของ พระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮา ซึ่งพิมพ์และแจกจ่ายเป็นภาษา อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส มีการดําเนินธุรกิจทั้งหลายและสร้างความ มั่นคงให้แก่รากฐานของชุมชนต่าง ๆ ที่ก่อตั้งใหม่

สงครามปี ค.ศ. 1914-18 (สงครามโลกครั้งที่ 1) ที่ย้ําเตือนไว้ โดยพระอับดุลบาฮาในระหว่างที่พระองค์เดินทางไปโลกตะวันตก ได้ ระเบิดขึ้นหลังจากที่พระองค์กลับมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ 8 เดือน ซึ่ง ได้ทอดเงาแห่งอันตรายมายังชีวิตของพระองค์อีกครั้งหนึ่งและเป็นครั้ง สุดท้าย การเข้าไปร่วมของอเมริกาในระยะท้ายของสงคราม ความ เป็นกลางของเปอร์เซีย ความห่างไกลของอินเดียและตะวันออกไกล จากสนามรบได้รับประกันและคุ้มครองสาวกส่วนใหญ่จํานวนมากมายของพระองค์ซึ่งถึงแม้จะถูกตัดขาดจากพระผู้เป็นศูนย์กลางศาสนา ของพวกเขาหลายปี ก็ยังสามารถดําเนินธุรกิจได้อย่างปลอดภัยและ เป็นอิสระ

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ความขาดแคลนและอันตรายร้ายแรง ได้ล้อมรอบประชาชนทั้งหลายเป็นเวลาส่วนใหญ่ของการต่อสู้ครั้งนี้ การระดมยิงมาที่เมืองไฮฟ้าครั้งหนึ่งทําให้พระอับดุลบาฮากับครอบครัว และมิตรสหายต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวไปที่หมู่บ้านอาบู-ซีนอนบริเวณเชิง เขาทางตะวันออกของอัคคา ผู้บัญชาการทหารของตุรกี จามาล พาชา ผู้เป็นศัตรูของศาสนาและได้รับการยุยงจากพวกฝ่าฝืนพระกติกาได้ แสดงความจํานงที่จะจับพระอับดุลบาฮาตรึงไม้กางเขนและทําลาย สุสานพระบาฮาอุลลาห์ การเข่นฆ่ากันของมนุษย์ซึ่งมิได้ตอบสนอง คําเตือนที่พระอับดุลบาฮาประกาศไว้ได้สร้างความปวดร้าวให้แก่พระ องค์ และอีกครั้งหนึ่งพระอับดุลบาฮาถูกผลักดันให้ประทานพระกรุณา เป็นพิเศษให้แก่บาไฮศาสนิกชนชาวอเมริกาโดยการเปิดเผย ?ธรรมจา รักแห่งแผนงานสวรรค์? ซึ่งความหมายอันบริบูรณ์ของมันยังมิได้เปิด เผยตราบจนบัดนี้ และการคลื่ออกของมันถึงแม้จะอยู่ในระยะเริ่มแรกก็ ได้ปรุงแต่งประวัติการณ์ทางศีลธรรมและการบริหารของศาสนาบาไฮ ในศตวรรษแรก

การสิ้นสุดของสงครามอันน่ากลัวนี้ซึ่งเป็นความโกลาหลระยะ แรกที่ทํานายไว้โดยพระบาฮาอุลลาห์ มีเพียงบ่งบอกถึงการดับสิ้นของ การปกครองของตุรกีในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และจบชะตาของ จามาล พา ชาผู้ปฏิญาณตนจะทําร้ายพระอับดุลบาฮาเท่านั้น แต่ยังได้ทําลายความ หวังสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ของพวกฝ่าฝืนพระกติกาซึ่งยังไม่เข็ดหลาบ ต่อกรรมสนองที่ติดตามพวกเขาและยังคงใฝ่ฝันที่จะได้เห็นการดับสิน ของพระกติกาของพระบาฮาอุลลาห์ ยิ่งไปกว่านั้นมันได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ซึ่งในด้านหนึ่งได้บรรลุคําทํานายของพระ บาฮาอุลลาห์ที่เปิดเผยไว้ในพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัส และยังช่วยให้ชาว อิสราเอลได้กลับเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตามคําทํานายของพระ คัมภีร์ในอดีต และในอีกด้านหนึ่งได้ให้กําเนิดองค์การสันนิบาตชาติ ซึ่งเป็นสัญญาณนํามาก่อนศาลแห่งโลกที่พระบาฮาอุลลาห์ ได้ทํานาย ไว้ว่าประชาชนและชาติทั้งหลายจะสามัคคีกันสถาปนา

บาไฮศาสนิกชนชาวอังกฤษได้ดําเนินการอย่างขะมักเขม้นเพื่อ รับประกันความปลอดภัยของพระอับดุลบาฮาเมื่อได้ทราบถึงอันตรายที่ กําลังคุกคามชีวิตของพระองค์ ลอร์ด เคอร์ซันและรัฐมนตรีคน อื่น ๆ ของอังกฤษได้ดําเนินมาตรการต่าง ๆ เมื่อได้รับทราบสถานการณ์ อันวิกฤติในเมืองไฮฟ้า ลอร์ด ลามิงตันได้แทรกแซงอย่างฉับพลัน และเขียนจดหมายถึงสํานักงานกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษอธิบาย ถึงความสําคัญของพระอับดุลบาฮา เลขาธิการลอร์ด บาลโฟร์เมื่อ ได้รับจดหมายได้มีคําสั่งไปถึงนายพลแอลเลนไบในวันเดียวกัน ให้ เขาแผ่ความคุ้มครองและความนับถือไปยังพระอับดุลบาฮากับครอบ ครัวและมิตรสหายของพระองค์ เมื่อนายพลแอลเลนไบเข้ายึดไฮ ฟ่าได้ เขาขอให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายส่งโทรเลขแจ้งไปทั่วโลกว่า ?พระ อับดุลบาฮาอยู่ในความปลอดภัย? ผู้บัญชาการทหารของตุรกีจามาล พาชา ต้องถอยทัพออกไปจากไฮฟาและไม่สามารถทําอันตรายพระ อับดุลบาฮาอีกต่อไป

ช่วงเวลา 3 ปี ภายหลังการปลดปล่อยดินแดนปาเลสไตน์ โดย กองกําลังของอังกฤษจนกระทั่งพระอับดุลบาฮามรณภาพ ศาสนาที่ ได้จมลงไปในการถูกประหัตประหารได้รับเกียรติประเทืองขึ้นที่ศูนย์ กลางแห่งโลกและมีการขยายขอบเขตกิจกรรมสอนศาสนาในดิน แดนต่าง ๆ ของโลก ภัยที่ได้คุกคามชีวิตของผู้ก่อตั้งศาสนาและศูนย์กลางแห่งพระกติกามาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 65 ปีได้ถูกขจัดไป อย่างเด็ดขาดจากผลของสงครามครั้งนี้ นับแต่นี้ไปพระอับดุลบาฮา และสุสานศักดิ์สิทธิ์ที่อัคคาและบนภูเขาคาเมลจะได้รับอิสระโดยระ บบการปกครองใหม่ที่มาแทนการปกครองเดิมที่เสื่อมทราม เจ้า หน้าที่ของอังกฤษได้ยกย่องบทบาทของพระอับดุลบาฮาที่ช่วยบรรเทา ความทุกข์ยากแก่ประชาชนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในระหว่างสงคราม และประทานตําแหน่ง ?เซอร์? ให้แก่พระองค์ในพิธีที่จัดขึ้นเป็นพิ เศษสําหรับพระองค์ ณ ที่พักของเจ้าเมืองอังกฤษในไฮฟ้า ซึ่งมีผู้มี ชื่อเสียงมากมายจากชุมชนต่าง ๆ มาชุมนุมกัน นายพลและคุณ หญิงแอลเลนไบได้มาเยี่ยมเป็นแขกของพระองค์รับประทานอาหาร กลางวันที่บาห์จี และพระองค์ได้พาเขาไปที่สุสานของพระบาฮาอุล ลาห์ การสัมภาษณ์ ณ.ที่พักของพระองค์ในไฮฟ้ากับกษัตริย์พีไอ ซัลผู้ซึ่งภายหลังจากนั้นไม่นานได้เป็นผู้ปกครองอิรัค เซอร์ เฮอร์ เบิรต แซมมูเอล ซึ่งเป็นกรรมาธิการประจําปาเลสไตน์ได้มาเยี่ยมพระ องค์หลายครั้ง การพบปะกับลอร์ด ลามิงตันซึ่งมาเยี่ยมพระองค์ที่ ไฮฟ้า การพบปะกับเซอร์ โรนัลด์ สตอร์ผู้เป็นเจ้าเมืองเยรูซาเล็ม หลักฐานที่ทวีขึ้นมากมายของการยอมรับฐานะอันสูงส่งและพิเศษ ของพระองค์โดยชุมชนของทุกศาสนาไม่ว่าจะเป็นมุสลิม ยิว หรือคริส เตียน การหลั่งไหลของผู้นมัสการจากทั้งทางโลกตะวันออกและตะ วันตกมาเยี่ยมสุสานศักดิ์สิทธิ์ที่อัคคาและไฮฟ้า มาแสดงความขอบ คุณต่อการปลดปล่อยหัวหน้าของศาสนาและศูนย์กลางแห่งโลกให้ หลุดพ้นจากแอกของตุรกี เหล่านี้ได้สนับสนุนในแต่ละวิถีทาง ของมันในการส่งเสริมเกียรติซึ่งศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ ได้รับที่ ละน้อยอย่างสม่ําเสมอตลอดการเป็นผู้นําของพระอับดุลบาฮา

เมื่อภาระหน้าที่ของพระอับดุลบาฮาใกล้จะสิ้นสุดลง สัญลักษณ์ทั้งหลายของการคลื่ออกของศาสนาอย่างมิอาจต้านทานได้ ได้ทวี ขึ้นทั้งในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก ทั้งในการจัดรูปร่างและการ สร้างความมั่นคงของสถาบันทั้งหลายของศาสนาและการขยายขอบ เขตของกิจกรรมและอิทธิพล ในเมืองอิสคาแบดวัดบาไฮได้สร้าง เสร็จสมบูรณ์ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีการซื้อทรัพย์สินบริเวณตะวัน ออกของสุสานพระบ๊อบ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยการบริจาคจากบา ไฮศาสนิกชนทั้งทางโลกตะวันออกและโลกตะวันตก เพื่อใช้เป็นตํา แหน่งสําหรับการก่อสร้างโรงเรียนบาไฮแห่งแรกในอนาคตที่ศูนย์กลาง แห่งโลก และได้รับที่ดินบริเวณใกล้เคียงกับบ้านของพระอับดุลบาฮา ซึ่งภายหลังบาไฮศาสนิกชนชาวอเมริกันได้สร้างเป็นบ้านพักผู้นมัสการ ทางโลกตะวันตก บ้านพักผู้นมัสการทางโลกตะวันออกได้รับการ ก่อสร้างบนภูเขาคาเมลโดยบาไฮศาสนิกชนคนหนึ่งจากเมืองอิสคา แบคภายหลังการบรรจุศพพระบ๊อบได้ไม่นาน ซึ่งช่วยอํานวยความสะ ดวกสําหรับผู้นมัสการที่มาเยี่ยมเยียน และได้รับการละเว้นภาษีโดย เจ้าหน้าที่พลเรือน นับเป็นสิทธิพิเศษที่ได้รับครั้งแรกตั้งแต่ได้สถาปนา ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงดร.ออกัสท์ โฟเรล เปลี่ยนมาเป็นบาไฮศาสนิกชนโดยอิทธิพลของธรรมจารีกหนึ่งที่พระ อับดุลบาฮาส่งไปให้เขา ซึ่งเป็นธรรมจารึกที่มีน้ําหนักที่สุดที่พระอับ ดุลบาฮาเคยเปิดเผย อีกธรรมจารึกหนึ่งที่มีอิทธิพลกว้างไกล พระ องค์ได้ส่งเป็นคําตอบไปให้คณะกรรมการบริหารขององค์การกลางเพื่อ สันติภาพที่กรุงเฮก ทวีปใหม่ได้เปิดออกสําหรับศาสนาภายหลังการ เปิดเผย ?ธรรมจารึกแห่งแผนงานสวรรค์? โดยไฮด์ ดันอายุ 65 ปีและ ภรรยาของเขาซึ่งละทิ้งบ้านในแคลิฟอร์เนียและเดินทางเป็นอาสา สมัครไปที่ออสเตรเลียซึ่งเขาสามารถแพร่ข่าวสารไปถึง 700 เมือง ฉากใหม่ฉากหนึ่งได้เริ่มต้นเป็นการตอบสนองต่อธรรมจารึกเดียวกันนี้โดยมาร์ทา รูท ซึ่งเธอได้เริ่มออกเดินทางอันเป็นประวัติศาสตร์เป็น เวลายาวนานกว่า 20 ปีไปรอบโลกและสิ้นสุดลงพร้อมกับชีวิตของเธอ เหตุการณ์เหล่านี้เป็นรอยหมายของระยะสุดท้ายของภาระหน้าที่ที่ ได้ประทับตราชัยชนะของยุคแห่งวีรกรรมของศาสนาบาไฮ และจะได้ รับการบันทึกในประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งของระยะที่รุ่งโรจน์และออก ผลมากที่สุดของศตวรรษแรกของศาสนาบาไฮ

บทที่ 22

มรณภาพของพระอับดุลบาฮา

บัดนี้ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของพระอับดุลบาฮา ซึ่งพระบิดา ได้ประสิทธิ์ประสาทให้แก่พระองค์เมื่อ 20 ปีก่อนได้สิ้นสุดลงแล้ว และบรรลุสู่จุดสมบรูณ์อย่างรุ่งโรจน์ ยุคแห่งวีรกรรมของศาสนาบาไฮ ซึ่งพระองค์ได้มีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นและมีบทบาทพิเศษเฉพาะได้ มาถึงตอนจบแล้ว พระองค์ได้ตรากตรําอย่างที่ไม่มีวีระบุรุษคนใด ของศาสนาตรากตรํา และพระองค์ได้เป็นพยานต่อชัยชนะของศาสนา อย่างที่พระบ๊อบและพระบาฮาอุลลาห์ ไม่เคยเป็นพยาน เมื่อสิ้นสุด การเดินทางในโลกตะวันตกพระองค์ได้ทรงจารึกว่า ?มิตรสหายทั้ง หลาย เวลานั้นกําลังมาถึงคือเวลาที่เราจะไม่ได้อยู่กับเจ้าอีกต่อไป เราได้ทําทั้งหมดที่สามารถทําได้ เราได้รับใช้ศาสนาของพระบาฮา อุลลาห์ด้วยความสามารถเต็มที่ของเรา เราได้ตรากตรําทั้งกลางวัน และกลางคืนตลอดชีวิตของเรา ดูกร เราปรารถนาที่จะเห็นสาวกทั้ง หลายแบกความรับผิดชอบของศาสนาเพียงไร…วันของเรามีจํากัด และนอกจากสิ่งนี้แล้วไม่มีความปิติอื่นใดคงอยู่สําหรับเรา? หลาย ปีก่อนมรณภาพพระองค์ได้ทรงพาดพิงไว้ว่า ?ดูกร ผู้เป็นที่รักและ ซื่อสัตย์ของเราทั้งหลาย หากเวลาใดเหตุการณ์ยุ่งยากบังเกิดขึ้นใน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จงอย่าหวาดหวั่นหรือกลุ้มใจ จงอย่ากลัวหรือเศร้า โศก สิ่งใดก็ตามที่บังเกิดขึ้นจะทําให้พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้ายิ่ง ใหญ่และทําให้พระกรุณาแห่งสวรรค์ของพระองค์แผ่ซ่าน และอีกครั้ง หนึ่ง ?องจําไว้ว่าไม่ว่าเราจะอยู่บนโลกนี้หรือไม่ เราอยู่กับเจ้าเสมอ? ดังนี้พระองค์ทรงให้คําแนะนําแก่มิตรสหายทั้งหลายในธรรมจารึกหนึ่ง ว่า ?จงอย่าฝักใฝ่ในตัวพระอับดุลบาฮาเพราะในไม่ช้าพระองค์จะจากเจ้าไปในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นจงตรึงสายตาของเจ้าไปที่พระวจนะ ของพระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นที่รักทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าต้องลุกขึ้น ด้วยความมั่นคงแน่วแน่อย่างที่ หากชั่วขณะเดียวบุคคลนับร้อยเช่น พระอับดุลบาฮาถูกจับเป็นเป้าสําหรับลูกดอกของความเคราะห์ร้าย จะไม่มีสิ่งใดกระทบหรือลดทอน..การรับใช้ของพวกเขาที่มีต่อศาสนา ของพระผู้เป็นเจ้า?

ไม่กี่วันก่อนมรณภาพ พระอับดุลบาฮาทรงจารึกถึงบาไฮศาสนิก ชนชาวอเมริกันว่า ?เราได้สละจากโลกและประชาชนของโลก..ในกรง ของโลกนี้เรากระพือปีกดังเช่นนกที่ขวัญหนีและปรารถนาทุกวันที่จะ ไปสู่อาณาจักรของพระองค์ ยา บาฮาอลลาภา ขอให้เราดื่มถ้วยน้ํา ของการเสียสละและให้เราเป็นอิสระ? ไม่ถึง 6 เดือนก่อนมรณภาพ ในบทสวดมนต์ที่เปิดเผยเป็นเกียรติแก่ญาติคนหนึ่งของพระบ๊อบ พระ องค์ทรงจารึกว่า ?ข้าแต่พระผู้เป็นนาย กระดูกของข้าพเจ้าอ่อนเปลี้ย และผมหงอกแวววาวอยู่บนศรีษะของข้าพเจ้า….และบัดนี้ข้าพเจ้าได้ มาถึงวัยชรา กําลังอ่อนลง…ความแข็งแรงไม่เหลืออยู่ในตัวข้าพเจ้า สําหรับที่จะลุกขึ้นรับใช้ผู้เป็นที่รักยิ่งทั้งหลายของพระองค์ ข้าแต่ พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า ขอทรงเร่งข้าพเจ้าขึ้นไปสู่ธรณีอันประ เสริฐสุดของพระองค์?

ประมาณหนึ่งเดือนก่อนมรณภาพพระองค์ทรงเล่าความฝัน ให้ฟังว่า ?เราฝันเห็นพระบาฮาอุลลาห์เสด็จมาและกล่าวต่อเราว่า: อง ทําลายห้องนี้เสีย? พระองค์ทรงยิ้มเมื่อครอบครัวและมิตรสหายดี ความหมายว่าห้องที่พระองค์อาศัยอยู่นั้นไม่ดี ควรจะย้ายออกไป ต่อ มาภายหลังพวกเขาจึงเข้าใจว่า ?ห้อง? นี้หมายถึงร่างกายของพระองค์ วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1921 พระอับดุลบาฮาได้ไปร่วมการ สวดมนต์ตอนเที่ยงที่สุเหร่าและหลังจากนั้นทรงแจกจ่ายทานตามกิจวัตรให้แก่คนยากจน ให้พรแก่การแต่งงานของคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ผู้หนึ่ง วันต่อมาพระองค์จับไข้ และวันอาทิตย์ทั้ง ๆ ที่เหนื่อยอ่อนพระองค์ ทรงต้อนรับผู้นําศาสนาเมืองไฮฟ้า นายกเทศมนตรีและหัวหน้าตํารวจ ตอนกลางคืนวันเดียวกันนั้นซึ่งเป็นคืนสุดท้ายพระองค์ไต่ถามถึงสุข ภาพของสมาชิกครอบครัวทุกคน ของผู้นมัสการและมิตรสหายในไฮ ฟ้า เวลา 1.15 น. ของวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1921 พระองค์ ลุกขึ้นเดินไปดื่มน้ําที่โต๊ะในห้องและกลับไปนอน ต่อมาพระองค์ทรง บ่นว่าหายใจไม่สะดวก และขอให้ลูกสาวคนหนึ่งที่คอยเฝ้าพระองค์ อยู่ยกม่านขึ้น พระองค์ดื่มน้ํากุหลาบที่นํามาให้และนอนลง เมื่อนํา อาหารมาให้พระองค์ทรงกล่าวว่า ?เจ้าต้องการให้เรากินอาหารและเรา กําลังจะไป? หนึ่งนาทีจากนั้นวิญญาณของพระองค์ ได้เดินไปสู่ที่พํา นักอันเป็นนิรันดร์และกลับไปหาพระบิดาของพระองค์

ข่าวมรณภาพของพระอับดุลบาฮาซึ่งเกิดขึ้นอย่างทันใดและ ไม่คาดคิดได้กระจายไปทั้งเมืองดังไฟป่า มีการส่งโทรเลขทันทีไป ยังดินแดนห่างไกลต่างๆของโลก ทําให้ชุมชนบาไฮทั้งหลายในโลก ตะวันออกและโลกตะวันตกตะลึงด้วยความเศร้าโศก ข่าวสารจาก ไกลและใกล้หลั่งไหลเข้ามาในรูปโทรเลขและจดหมาย ส่งมาถึงสมาชิก ครอบครัวของพระอับดุลบาฮาผู้ทุกข์โศกเป็นการแสดงความสรรเสริญ ความปวดร้าวและความเห็นใจ เลขาธิการอังกฤษฝ่ายดินแดนเมือง ขึ้นคือ วินสตัน เชอร์ชิล โทรเลขทันทีไปถึงกรรมาธิการประจําดินแดน ปาเลสไตน์คือ เซอร์ เฮอร์เบิร์ต ซามูเอลบอกให้เขา ?แสดงความเห็นใจ และเสียใจต่อชุมชนบาไฮในนามของรัฐบาลของกษัตริย์อังกฤษ? วิสเค้าท์ แอลเลนไบ กรรมาธิการประจําอียิปต์โทรเลขไปยังกรรมาธิการ ประจําปาเลสไตน์ขอให้ ?แสดงความเห็นใจต่อญาติของ เซอร์ อับดุล บาฮาและชุมชนบาไฮต่อการสูญเสียผู้นําที่น่านับถือ? สภารัฐมนตรีในแบกแดดบอกให้นายกรัฐมนตรี ซียิด อับดุล-ราห์มอน ให้ส่ง ?ความเห็นใจไปถึงครอบครัวของฝ่าบาทอับดุลบาฮาต่อการสูญเสีย พระองค์? ผู้บัญชาการทหารแห่งอียิปต์ นายพลคอนกรีฟขอให้กรรมาธิ การประจําปาเลสไตน์ให้ ?ส่งความเห็นใจอย่างลึกซึ้งที่สุดไปยังครอบ ครัวของเซอร์ อับดุลบาฮา? นายพลเซอร์ อาเธอร์ มันนี้เขียนหนัง สือแสดงความเศร้า ความนับถืออย่างลึกซึ้งและความชื่นชมของเขา ที่มีต่อพระอับดุลบาฮา ศาสตราจารย์ผู้ชื่อเสียงท่านหนึ่งแห่งมหาวิทยา ลัยออกซ์ฟอร์ดเขียนในนามของเขาและภรรยาว่า ?การผ่านพ้นม่าน เข้าไปสู่ชีวิตที่บริบูรณ์กว่า ต้องเป็นสิ่งที่ได้รับพรและวิเศษเป็นพิเศษ สําหรับพระผู้ซึ่งตรงความคิดของพระองค์ไปยังเบื้องบนเสมอ และ พยายามดําเนินชีวิตอันประเสริฐบนโลกเบื้องล่างนี้? หนังสือพิมพ์ ฉบับต่าง ๆ มากมายในประเทศต่าง ๆ ได้ถวายคําสรรเสริญเป็นภาษา ต่าง ๆ แก่พระผู้ซึ่งได้อุทิศการรับใช้อันไม่รู้เลือนให้แก่ศาสนาแห่ง ภราดรภาพและสันติภาพของมนุษย์ เซอร์ เฮอร์เบิร์ต ซามูเอลส่ง ข่าวทันทีแสดงความปรารถนาที่จะมาร่วมงานศพด้วยตนเอง พิธีฝัง ศพจัดขึ้นตอนเช้าวันอังคาร เป็นพิธีที่ดินแดนปาเลสไตน์ไม่เคยเห็นมา ก่อน ประชาชนราว 10,000 คนจากทุกชนชั้น ทุกศาสนาและทุกเชื่อ ชาติในประเทศนั้นได้ร่วมพิธีนี้ เซอร์ โรนัล สตอร์ เจ้าเมืองเยรูซาเล็ม ได้เขียนพรรณนาพิธีฝังศพนี้ว่า ?ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นการรวมกันแสดง ความเสียใจและความนับถืออย่างสามัคคีมากกว่าที่เกิดขึ้นในพิธีอันเรียบ ง่ายที่สุดนี้?

หีบบรรจุพระศพของพระอับดุลบาฮาอยู่บนไหล่ของผู้เป็นที่ รักทั้งหลายของพระองค์ ขบวนแห่ศพนําโดยกองตํารวจของเมือง ทําหน้าที่เป็นดั่งทหารรักษาพระองค์ ตามมาด้วยขบวนลูกเสือของ ชุมชนมุสลิมและคริสเตียนซึ่งนําหน้าโดยผู้นําศาสนาอิสลามและนักบวชคริสเตียน สมาชิกครอบครัวพระอับดุลบาฮาเดินอยู่ข้างหลังหีบ ศพรวมทั้งเซอร์ เฮอร์เบิร์ต ซามูเอล, เซอร์ โรนัล สตอร์, เซอร์ สวาท ไซมส์, เจ้าหน้าที่ทั้งหลายของรัฐบาล กงศุลจากหลายประเทศที่อาศัย อยู่ในไฮฟ้า ผู้มีชื่อเสียงทั้งหลายในปาเลสไตน์ ชาวมุสลิม ชาวยิว คริส เตียน ชาวดรส ชาวอียิปต์ กรีก ชาวเติร์ก ชาวอาหรับ ชาวเคิรด์ ชาวย โรปและอเมริกัน บุรุษ สตรีและเด็ก ขบวนยึดยาวของผู้เศร้าโศก ทั้งหลายท่ามกลางความสะอึกสะอื้นและคร่ําครวญ เคลื่อนไปช้า ๆ ขึ้น ไปสู่ภูเขาคาเมลที่สุสานพระบ๊อบ หีบศพถูกนํามาวางหน้าทางเข้า ด้านตะวันออกของสุสานท่ามกลางกลุ่มชนจํานวนไพศาล ผู้พูด 9 คนซึ่งเป็นตัวแทนของชาวมุสลิม ชาว ยิวและคริสเตียน รวมทั้งผู้นํา ศาสนาอิสลามแห่งเมืองไฮฟ้าได้กล่าวคําสดุดีพิธีฝังศพ กรรมาธิการ ประจําปาเลสไตน์เข้าไปใกล้หีบศพ หันหน้าไปที่สุสาน ก้มศีรษะแสดง ความเคารพเป็นการอําลาพระอับดุลบาฮาครั้งสุดท้าย เจ้าหน้าที่คน อื่น ๆ ของรัฐบาลปฏิบัติตามเขา จากนั้นหีบศพถูกเคลื่อนเข้าไปไว้ ในห้องหนึ่งของสุสาน วางลงด้วยความเศร้าและความนับถือใต้หลังคา โค้งติดกับที่บรรจุพระศพของพระบ๊อบ

ในช่วงหนึ่งอาทิตย์ภายหลังมรณภาพของพระอับดุลบาฮา คนยากจนประมาณ 500-1,000 คนได้รับการเลี้ยงอาหารที่บ้านของ พระองค์ วันที่ 7 มีการแจกจ่ายข้าวให้แก่คนจํานวน 1,000 คนโดย ไม่คํานึงนิกายหรือเชื้อชาติเป็นการระลึกถึงพระองค์ วันที่ 40 มีการ จัดงานอันน่าประทับใจเป็นการระลึกถึงพระองค์ซึ่งประชาชนกว่า 600 คนในเมืองไฮฟ้า อัคคา บริเวณรอบ ๆ ปาเลสไตน์และซีเรีย รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ผู้มีชื่อเสียงของศาสนาและเชื้อชาติต่าง ๆ ได้รับการเชิญ แขกผู้หนึ่งคือผู้ปกครองโฟนีเซียได้ถวายคําสรรเสริญครั้งสุดท้ายเป็น การระลึกถึงพระอับดุลบาฮาด้วยคําเหล่านี้ ?ข้าพเจ้าคิดว่าพวกเราส่วนใหญ่ที่นี่ทราบดีเกี่ยวกับเซอร์ อับดุลฮาบา ร่างอันสง่างามของพระองค์ ที่เดินอยู่บนถนนของเราด้วยความคิดถึงผู้อื่น ความสุภาพอ่อนโยน และกริยาอันทรงกรุณาของพระองค์ ความเมตตาของพระองค์ ความรัก ของพระองค์ต่อเด็กน้อยทั้งหลายและดอกไม้ ความเผื่อแผ่และการดู แลของพระองค์ต่อคนยากจนและผู้ทรมาน พระองค์ช่างสุภาพและ เรียบง่ายจนใคร ๆ ที่อยู่กับพระองค์เกือบลืมว่าพระองค์คือครูผู้ยิ่งใหญ่ และธรรมนิพนธ์และคําสนทนาของพระองค์ได้เป็นสิ่งปลอบใจต่อ ประชาชนนับแสนในโลกตะวันออกและตะวันตก? ดังนี้เป็นการสิ้น สุดภาระหน้าที่ของพระผู้ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ของสถาบันหนึ่งที่ประทาน ให้แก่พระองค์ โดยพระบิดาและหาที่เปรียบไม่ได้ในประวัติศาสตร์ ศาสนา เป็นภาระหน้าที่ที่บ่งบอกถึงระยะสุดท้ายของยุคแห่งวีรกรรม และรุ่งโรจน์ที่สุดของศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์

สําหรับศัตรูทั้งหลายที่ได้พากเพียรพยายามดับแสงสว่างของ พระกติกาของพระบาฮาอุลลาห์ การลงโทษอันหนักหน่วงสาสมที่บัง เกิดแก่พวกเขานั้นสะดุดตาไม่น้อยไปกว่าชะตาของศัตรูทั้งหลายใน สมัยพระบ๊อบและพระบาฮาอุลลาห์ การถูกลอบสังหารของกษัตริย์ นา เซริดิน ชาห์ และการดับสิ้นของราชวงศ์คอจอร์ ได้กล่าวไว้แล้วใน บทก่อน สุลต่านอับดุล ฮามิดหลังจากถูกปลดจากตําแหน่งและ กลายเป็นนักโทษการเมือง ชีวิตของเขาจมลงไปอยู่ในความมืดมน น่าอับอาย ได้รับการดูถูกโดยผู้ปกครองอื่นๆและถูกสบประมาทโดย ข้าแผ่นดินทั้งหลายของเขาเอง จามาล พาชาผู้มุ่งมั่นจะตรึงไม้กาง เขนพระอับดุลบาฮาและทําลายสุสานพระบาฮาอุลลาห์ ต้องหนีไปเพื่อ รักษาชีวิตตน และขณะเป็นผู้อพยพในคอเคซัสเขาถูกฆ่าโดยชาวอาร์ มีเนียนซึ่งเพื่อนร่วมชาติของเขาได้เคยประหัตประหารอย่างไร้ความ สงสาร การวางอุบายของจามาลูด-ดิน อัฟกานี ซึ่งความเป็นศัตรอันไม่ผ่อนผันและอิทธิพลของเขาได้เป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อความก้าว หน้าของศาสนาในประเทศทางตะวันออก เขาถูกมะเร็งคุกคาม ถูก ตัดลิ้นซึ่งการผ่าตัดนั้นประสบความล้มเหลวและตายอย่างน่าสังเวช คณะกรรมการ 4 คนที่ส่งมาจากคอนสแตนติโนเปิ้ลเพื่อสืบสวนและ จบชะตาพระอับดุลบาฮา แต่ละคนได้ทนทรมานรุนแรงไม่น้อยกว่าสิ่ง ที่เขาวางแผนจะกระทําต่อพระอับดุลบาฮา อารีฟ เบย์หัวหน้าของ คณะได้พยายามหลบหนีจากพวกปฏิวัติยังเติร์กในตอนกลางคืนและ ถูกยิงตายโดยทหารยาม อัดแฮม เบย์หนีรอดไปได้ที่อียิปต์และในที่ สุดเขาต้องมาขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากบาไฮศาสนิกชนใน ไคโรซึ่งมิได้ถูกปฏิเสธ ต่อมาเขามาขอความช่วยเหลือจากพระอับ ดุลบาฮาซึ่งพระองค์ให้สาวกนําเงินจํานวนหนึ่งไปให้ แต่เขาหายตัว ไปอย่างฉับพลัน สําหรับอีก 2 คน คนหนึ่งถูกเนรเทศไปดินแดนห่าง ไกล และอีกคนตายในความยากจนอย่างน่าสังเวชในไม่ช้า หัวหน้า ตํารวจผู้ชั่วร้ายแห่งเมืองอัคคา ยาห์ยอ เบย์ ซึ่งเป็นเครื่องมือสําคัญ ของ มีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลี สูญเสียตําแหน่งของเขาและในที่สุด ต้องมาขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากพระอับดุลบาฮา ในคอน สแตนติโนเปิ้ลในปีเดียวกันกับการล้มทลายของสุลต่าน อับดุล ฮามิด เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้เป็นศัตรูตัวฉกาจของศาสนาไม่น้อยกว่า 31 คน ถูกจับกุมและประหารชีวิตภายในวันเดียว |

ในเปอร์เซียนอกจากกษัตริย์ชาห์แล้ว เจ้าชาย รัฐมนตรี และ นักบวชทั้งหลายที่ประหัตประหารชุมชนบาไฮอย่างแข็งขัน เช่น คอม รอน มีร์ซา, มีร์ซา อาลี-อัสการ์ คาน, เชค โมฮัมหมัด ตาคีเย-นาจา (ลูกสุนัขป่า), แต่ละคนสูญเสียเกียรติและอํานาจ จมลงไปในความ มืดมน สูญสิ้นความหวังในจุดประสงค์อันชั่วร้ายของพวกเขา และบาง คนมีชีวิตอยู่ได้เห็นหลักฐานของความมีอํานาจเหนือของศาสนาทีพวกเขากลัวและเกลียดชังอย่างยิ่ง เมื่อเราสังเกตในดินแดนศักดิ์ สิทธิ์ ในเปอร์เซีย ในอเมริกา คริสเตียนจํานวนหนึ่งเช่น วัทรัลสกี้, วิล สัน, ริชาร์ดสัน หรือ อัสตันซึ่งเห็นความคืบหน้าอย่างแข็งขันของ ศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ในดินแดนคริสเตียนและลุกขึ้นขัดขวาง ความก้าวหน้าของศาสนาของพระองค์ และเมื่อเราสังเกตการเสื่อม อย่างไม่ลดละของอิทธิพลของพวกเขา การตกต่ําของอํานาจของ พวกเขา ความสับสนในตําแหน่งและการสลายของบางสถาบันที่เก่า แก่ของพวกเขาในยุโรป ในตะวันออกกลางและในเอเซียตะวันออก เราจะไม่คิดหรือว่าความเสื่อมถอยเหล่านี้เป็นเพราะการต่อต้านของ สมาชิกของคริสเตียนนิกายต่าง ๆ ในสมัยของพระอับดุลบาฮาที่กระ ทําต่อสาวกและสถาบันทั้งหลายของศาสนาที่อ้างว่าเป็นการบรรลุพัน ธะสัญญาที่พระเยซูคริสต์เองได้วิงวอนและทํานายไว้ |

และสุดท้ายนี้ผู้ซึ่งตั้งแต่เริ่มต้นกําเนิดพระกติกาของพระผู้เป็น เจ้าจนกระทั่งจุดจบของชีวิต ได้แสดงความเกลียดชังอย่างไม่ผ่อน ผันไม่น้อยกว่าศัตรูทั้งหลายของพระอับดุลบาฮาที่ได้กล่าวไว้แล้ว ผู้ ซึ่งได้วางแผนอย่างขะมักเขม้นต่อต้านพระองค์ยิ่งกว่าศัตรูคนใด และสร้างอับอายให้แก่ศาสนาของพระบิดาของเขาเองสาหัสยิ่งกว่า ศัตรูภายนอกคนใดได้กระทํา

บุคคลผู้นี้ (มีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลี) พร้อมกับลูกมือผู้ฝ่าฝืน พระกติกาทั้งหลายซึ่งเขาได้ล่อลวงและยุยง ถูกบีบบังคับให้เป็นพยาน ต่อความล้มเหลวของอุบายอันชั่วร้ายของเขา ต่อการระเหยของความ หวังทั้งหมด ต่อการดับสิ้นอย่างสมบูรณ์ของเกียรติและความรุ่งโรจน์ ที่เขาเคยมี น้องชายของเขามีร์ซา ดียาดุลลาห์สิ้นชีวิตลงก่อนวัย มีร์ซา อาคา จอน ผู้ถูกเขาล่อลวงได้ตามน้องชายของเขาไปลงหลุม ศพอีก 3 ปีต่อมา ฟูรูกี่ย์เยห์น้องสาวของเขาตายด้วยโรคมะเร็งและสามีของเธอตายด้วยโรคหัวใจยังไม่ทันที่ลูกชายจะมาถึง โมฮัมหมัด จาวาดี คัสวานีตายอย่างน่าสงสาร ชูอาอุลลาห์ซึ่งถูกพ่อของเขาส่ง ไปที่อเมริกาเพื่อช่วยเหลือนายแพทย์เคย์รุลลาได้กลับมาด้วยความมัว หมองและล้มเหลว จามาลาล-บูรเจอร์ดีซึ่งเป็นทหารเอกของเขา ในเปอร์เซียได้กลายเป็นเหยื่อของโรคร้ายที่น่าขยะแขยงและจบสิ้น ชีวิตลง มีร์ซา ฮุสเซน อาลีเย จาห์รูมี, มีร์ซา ฮุสเซน ชีราซี และฮาจี โมฮัมหมัด ฮุสเซนเน คาชานี้ ซึ่งเป็นพวกฝ่าฝืนพระกติกาในเปอร์เซีย อินเดียและอียิปต์ ต้องพบกับความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นายแพทย์ เคร์รุลลาห์ผู้ละโมบซึ่งได้ก่อกวนชุมชนบาไฮในอเมริกากว่า 20 ปี และเขียนหนังสือประณามพระอับดุลบาฮา ได้พบกับความตายในไม่ ช้าหลังจากที่เขาประณามพระองค์ เขาถูกรังเกียจและละทิ้งโดยสมาชิก ทั้งหมดของชุมชนบาไฮซึ่งเขาเองเป็นผู้สอนให้เข้ามาในศาสนา บางคนในพวกฝ่าฝืนพระกติกาได้สํานึกผิดภายหลังและได้รับการยก โทษ บางคนสูญเสียความศรัทธาและออกไปจากศาสนา สําหรับมิร์ซา โมฮัมหมัด อาลี ผู้ซึ่งกลัวว่าตนจะไม่มีอายุยืนกว่าพระอับดุลบาฮาและ จะไม่ได้เป็นผู้นําศาสนาต่อจากพระองค์ เขาได้มีชีวิตต่อไปอีก 20 ปี หลังจากมรณภาพของพระอับดุลบาฮาและได้เป็นพยานต่อความล้ม ละลายของความมุ่งหมายของเขา ดํารงชีวิตอยู่ในสภาพน่าสมเพช กลายเป็นอัมพาตครึ่งตัว นอนซมอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บปวดอยู่ หลายเดือนก่อนตาย ถูกฝังศพในสุสานของมุสลิมและไม่มีแม้แต่ หินปากหลุมศพที่แสดงชื่อผู้ตาย

บทที่ 23

การเริ่มต้นยุคแห่งการก่อสร้างระบบของศาสนา

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.1897 ใน เมืองอัคคาในระหว่างที่พระอับดุลบาฮาและคณะผู้ถูกเนรเทศยังอยู่ ภายใต้คําสั่งคุมขังของสุลต่านแห่งตรกี บิดาท่านโชกิเอฟเฟนดิคือ มีซาร์ ฮาดี ชีราซีซึ่งเป็นญาติของพระบ็อบ มารดาท่านโชกิ เอฟเฟน ดคือ ดียออีเยห์ คาห์นูมซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของพระอับดุลบาฮา เมื่อท่านโชกิ เอฟเฟนดิ คลอดได้ไม่นาน บาไฮศาสนิกชนคนหนึ่ง ในอเมริกาได้เขียนจดหมายมาถามพระอับดุลบาฮาเกี่ยวกับข้อความ ในคัมภีร์ไบเบิ้ลที่กล่าวไว้ว่า ?เด็กน้อยคนหนึ่งจะเป็นผู้นําของพวก เขา? (อิสซียา 11 : 6) พระอับดุลบาฮาได้เปิดเผยธรรมจารึกเป็นการ ตอบคําถามนี้ว่า ?ดูกร คนรับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า โดยแท้จริงแล้ว เด็กคนนั้นได้กําเนิดมาแล้วและมีชีวิตอยู่ และจากเขาจะปรากฏสิ่ง มหัศจรรย์ที่เจ้าจะได้ยินในอนาคต เจ้าจะเห็นว่าเขาได้รับการประ สิทธิ์ประสาทด้วยลักษณะอันสมบูรณ์ที่สุด ด้วยความสามารถสูงสุด ด้วยความสมบูรณ์อันแท้จริง ด้วยอานุภาพสูงสุดและด้วยอํานาจอันหา ที่เปรียบไม่ได้ ใบหน้าของเขาจะฉายด้วยความสว่างไสวส่องสว่าง ขอบฟ้าทั้งหมดของโลก…?

ชีวิตวัยเริ่มแรกของท่านโชกิ เอฟเฟนดิมได้รับการบันทึกหรือ จดจําไว้มากนัก เนื่องด้วยระหว่างนั้นความสนใจของทุกคนมุ่งไป ที่พระอับดุลบาฮา พระอับดุลบาฮาเองก็มิได้แสดงความรักต่อท่านโช กิ เอฟเฟนดิ อย่างเปิดเผยด้วยเกรงว่าหลานชายของพระองค์จะได้รับ อันตรายจากพวกฝ่าฝืนพระกติกา และในช่วงหนึ่งพระองค์ถึงกับห้าม ท่านโชกิ เอฟเฟนดิมให้ไปดื่มน้ําชาบ้านคนอื่น เพราะกลัวการลอบวางยาพิษ ในวัยเด็กท่านโชกิ เอฟเฟนดิเป็นผู้ที่ซุกซน ร่าเริงและฉลาด หลักแหลม ดร.เซีย แบกดาดีได้เล่าว่าเมื่อท่านโชกิ เอฟเฟนดมือ 5 ขวบ ท่านได้รบเร้าพระอับดุลบาฮาให้เขียนบางสิ่งบางอย่างให้แก่ ท่าน พระอับดุลบาฮาทรงเขียนให้แก่หลานชายว่า ?พระองค์คือพระ เป็นเจ้า ดูกร โชกของเรา เราไม่มีเวลาคุย จงปล่อยเราไว้ตามลําพัง เจ้า พูดว่า ?เขียน เราได้เขียนแล้ว มีอะไรควรจะทําอีกหรือ บัดนี้มิใช่เวลา สําหรับเจ้าที่จะอ่านหรือเขียน มันคือเวลาสําหรับกระโดดโลดเต้นและ ร้องว่า ?ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า? ดังนั้นจงจดจําและร้องบทอธิษฐานของ พระผู้ทรงความงาม เพื่อว่าเราจะได้ยินบทอธิษฐานเหล่านั้น เพราะไม่ มีเวลาสําหรับสิ่งอื่นใด? หลังจากนั้นท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้จดจํา บทอธิษฐานจํานวนหนึ่งของพระบาฮาอุลลาห์และร้องเสียงดังลั่นจน พ่อแม่ของท่านและสมาชิครอบครัวของพระอับดุลบาฮาทัดทาน ท่าน โชก เอฟเฟนดิ ได้ตอบว่า ?พระอับดุลบาฮาเขียนถึงผมให้ร้องเพื่อว่า พระองค์อาจจะได้ยิน ผมกําลังทําของผมดีที่สุด? และท่านโชกิ เอฟ เฟนดิก็ยังคงร้องบทอธิษฐานเสียงดังวันละหลายชั่วโมง จนในที่สุด พ่อแม่ของท่านไปขอร้องพระอับดุลบาฮาให้ช่วยหยุด ท่านโชกิ เอฟ เฟนดิ แต่พระองค์บอกว่าให้ปล่อยท่านไว้ตามลําพัง

จากบันทึกของบาไฮศาสนิกชนคนหนึ่งในสมัยนั้นได้เล่าว่า วันหนึ่ง ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เข้าไปในห้องของพระอับดุลบาฮาและ หยิบปากกาของพระองค์และพยายามเขียนหนังสือ พระอับดุลบาฮา โอบไหล่หลานชายเข้ามาและกล่าวว่า ?ขณะนี้ไม่ใช่เวลาสําหรับ เขียน มันคือเวลาสําหรับเล่นสนุก เจ้าจะได้เขียนมากมายในอนาคต? กระนั้นก็ตามความต้องการเรียนรู้ของหลานชายทําให้มีการจัดชั้นเรียน เด็กในบ้านของพระอับดุลบาฮาโดยบาไฮศาสนิกชนชาวเปอร์เซียคน – หนึ่งเป็นผู้สอน เมื่อเติบโตขึ้นท่านโชกิ เอฟเฟนดิได้เข้าเรียนโรงเรียนที่ดีที่สุดในไฮฟ้าและต่อมาพระอับดุลบาฮาส่งท่านไปเรียนที่เบรุต ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ไม่ค่อยมีความสุขต่อการไปโรงเรียนและบ่อยครั้งท่าน ไม่ยอมไปโรงเรียน ภายหลังพระอับดุลบาฮาจัดแจงให้ท่านเข้าเรียน วิทยาลัยอเมริกันในเบรุต ตลอดการศึกษาทั้งหมดท่านโชกิ เอฟ เฟนดิมุ่งหมายที่จะรับใช้พระอับดุลบาฮา เป็นล่ามให้พระองค์และ แปลจดหมายต่าง ๆ ของพระองค์เป็นภาษาอังกฤษ อันเป็นภาษาซึ่ง พระอับดุลบาฮาได้ตระเตรียมให้ท่านได้เรียน และส่งผลต่อมาอย่าง เห็นได้ชัดว่าภาษาอังกฤษได้กลายเป็นภาษาสากลที่สุดในปัจจุบัน ซึ่ง ช่วยให้บาไฮศาสนิกชนทั้งหลายสามารถอ่านพระคัมภีร์ต่าง ๆ ของ ศาส นาได้ และแปลพระคัมภีร์จากภาษาอังกฤษออกเป็นภาษาต่าง ๆ อีกมากมาย

เมื่อครั้งพระอับดุลบาฮาเดินทางไปอเมริกา พระองค์ได้เตรียม การให้ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ร่วมเดินทางไปด้วยซึ่งขณะนั้นท่านมีอาย 15 ปี แต่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิต้องพลาดการเดินทางอันเป็นประวัติศาสตร์ ครั้งนั้น เนื่องด้วยนายแพทย์ชาวอิตาลีคนหนึ่งได้กลั่นแกล้งกล่าวหา ว่า ท่านโชกิ เอฟเฟนดิเป็นโรคตาเดินทางเข้าประเทศอเมริกาไม่ได้ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งทําให้ชีวิตของพระอับดุลบาฮาตก อยู่ในอันตรายอีกครั้งหนึ่ง ท่านโชกิ เอฟเฟนดิกําลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยา ลัยอเมริกันในเบรุตด้วยความกังวลต่อสถานการณ์ในไฮฟ้า ท่านโชกิ เอฟเฟนดิได้รับปริญญาทางศิลปศาสตร์ในปี ค.ศ.1918 และกลับมา ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับพระอับดุลบาฮาซึ่งอาจกล่าว ได้ว่า เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ที่ได้รับ ใช้พระอับดุลบาฮาได้เต็มที่และทําหน้าที่เป็นเลขานุการคนหนึ่งที่ช่วย งานพระอับดุลบาฮาอย่างขมักเขม้น ซึ่งในช่วงนั้นจดหมายมากมาย จากทั่วโลกหลั่งไหลมาที่พระอับดุลบาฮา ท่านโชกิ เอฟเฟนดิแปลธรรมจารึกต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ แปลจดหมายภาษาอังกฤษเป็น ภาษาเปอร์เซียให้พระอับดุลบาฮาและตอบจดหมายเหล่านั้น นอกจาก นี้ ท่านโชกิเอฟเฟนดิ ยังได้ติดตามพระอับดุลบาฮาไปร่วมกรณียกิจ ต่างๆ ดังนั้นท่านโชกิ เอฟเฟนดิจึงเริ่มเป็นที่รู้จักของโลกบาไฮใน ฐานะหลานชายคนโตของพระอับดุลบาฮาก็เพียง 2-3 ปีก่อนมรณภาพของ พระอับดุลบาฮา ในปี ค.ศ. 1920 ท่านโชกิ เอฟเฟนดิได้ตัดสิน ใจไปเรียนต่อที่ออกซ์ฟอร์ดในประเทศอังกฤษเพื่อจะเชี่ยวชาญในภาษา อังกฤษมากยิ่งขึ้นและสามารถกลับมารับใช้ศาสนาได้ดีกว่าเดิม ซึ่ง ขณะนั้นพระอับดุลบาฮามีสุขภาพสมบูรณ์ดีไม่น่าเป็นห่วง การ มรณภาพของพระอับดุลบาฮาอย่างไม่คาดคิดในวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1921 ทําให้ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ล้มฟุบเมื่อได้ข่าวขณะที่อยู่ใน ลอนดอน หลังจากนั้นท่านโชกิ เอฟเฟนดิรีบเดินทางกลับมาแต่เนื่อง ด้วยปัญหาหนังสือเดินทางทําให้ท่านมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่าช้าเมื่อ วันที่ 29 ธันวาคม 1921 ภายหลังมรณภาพของพระอับดุลบาฮา สมาชิกครอบครัวของพระองค์ได้ค้นหาเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับคําสั่ง ที่พระองค์จารึกไว้และได้พบพินัยกรรมของพระองค์เขียนถึงท่านโช กิ เอฟเฟนดิ ซึ่งเขียนไว้ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1904-5 คือเมื่อท่าน โชก เอฟเฟนดิมีอายุเพียง 7-8 ปี และเก็บไว้เป็นความลับตลอดมา แม้แต่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิเอง ก็ไม่ทราบเกี่ยวกับสถาบันศาสนภิบาล พินัยกรรมนั้นแต่งตั้งให้ท่านโชกิ เอฟเฟนดิซึ่งขณะนั้นมีอายุ 24 ปี เป็นศาสนภิบาล เป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อจากพระอับดุลบาฮาและมี อํานาจในการตีความหมายของวจนะของพระผู้เป็นเจ้า เป็นลักษณะ คล้ายกับที่พระบาฮาฮุลลาห์มอบอํานาจให้แก่พระอับดุลบาฮา พินัย กรรมของพระอับดุลบาฮาได้เปิดอ่านในวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1922 ต่อบาไฮศาสนิกชน 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกครอบครัวของพระอับดุลบาฮา และในวันที่ 7 มกราคม ได้เปิดอ่านต่อบาไฮศาสนิกชนทั้งหลายจากเปอร์เซีย อินเดีย อียิปต์ อังกฤษ อิตาลี เยอรมัน อเมริกา และญี่ปุ่น

พระวิญญาณที่ให้ชีวิตแก่โลกซึ่งกําเนิดในเมืองชีราซถูกปลุก ขึ้นมาอีกครั้งในเมืองเตหะราน พัดกระพือลุกขึ้นเป็นไฟที่แบกแดด และอเดรียโนเปิ้ล แพร่กระจายไปยังโลกตะวันตกและกําลังส่องสว่าง อยู่ที่ขอบทวีปทั้งห้า บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะก่อร่างขึ้นเป็นสถาบันต่าง ๆ ที่ ออกแบบไว้เพื่อจัดทิศทางการกระจายพลังงานและกระตุ้นการเติบโต ยุคแห่งวีรกรรมของศาสนาบาไฮที่ได้เป็นพยานต่อการกําเนิดและการ ผุดขึ้นมาของศาสนาได้สิ้นสุดลงแล้ว เป็นยุคที่วีรบุรุษทั้งหลายได้ ดิ้นรนต่อสู้และสละชีวิต และจบลงที่มรณภาพของพระอับดุลบาฮา ซึ่งภาระหน้าที่ของพระองค์อาจพิจารณาเป็นดังระยะฟักตัวของเมล็ด พืชทั้งหลายที่ถูกกําหนดให้เป็นพยานต่อความรุ่งโรจน์และผลในท้าย ที่สุดของมัน และบัดนี้เป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคแห่งการก่อสร้างระบบ เป็นยุคซึ่งสถาบันทั้งหลายระดับท้องถิ่น ระดับชาติและระดับนานาชาติ จะต้องก่อร่าง พัฒนาขึ้นเป็นปึกแผ่นเพื่อเตรียมการสําหรับยุคทอง ของศาสนาบาไฮ ซึ่งถูกกําหนดให้เป็นพยานต่อการโผล่ขึ้นมาของ ระบบแห่งโลกอันเป็นผลท้ายที่สุดของการเปิดเผยศาสนาล่าสุดของ พระผู้เป็นเจ้าต่อมนุษยชาติ เป็นผลซึ่งการพัฒนาเต็มที่ของมันจะ ต้องเป็นสัญญาณบอกถึงอารยธรรมของโลกและการสถาปนาอาณาจักร ของพระบิดาบนโลกตามที่ทํานายไว้โดยพระเยซูคริสต์

สําหรับระบบแห่งโลกนี้พระบ็อบเองขณะที่เป็นนักโทษอยู่ ในอัดเฮอร์เบย์จาน ได้พาดพิงอย่างชัดเจนไว้ในพระคัมภีร์บายันว่า ?ขอความดีจงมีแด่ผู้ที่ตรงสายตาของเขาไปยังระบบของพระบาฮา อุลลาห์? และต่อมาพระบาฮาฮุลลาห์ทรงพาดพิงไว้ในพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัสว่า ?สมดุลของโลกได้ถูกรบกวนโดยพลังอันสั่นสะเทือน ของระบบแห่งโลกอันใหม่และยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ แบบแผนชีวิตของ มุนษยชาติได้ถูกปฏิวัติโดยการปฏิบัติการของระบบอันพิเศษและ อัศจรรย์นี้อย่างที่มนุษย์ไม่เคยเป็นพยานมาก่อน? และพระอับดุลบา ฮาผู้เป็นสถาปนิกได้วาดลักษณะเด่นทั้งหลายของระบบนี้ไว้ใน ?พระ ประสงค์และพินัยกรรม? ของพระองค์ ซึ่งสถาบันเบื้องต้นทั้งหลาย ของมันกําลังวางรากฐานโดยสาวกทั้งในโลกตะวันออกและโลกตะวัน ตกในยุคแห่งการก่อสร้างระบบของศาสนาบาไฮ อันเป็นยุคของการ สถาปนาระบบบริหาร ซึ่งสถาบันทั้งหลายของสหพันธ์รัฐแห่งโลกบา ไฮจําเป็นต้องก่อตั้งและต้องเป็นพยานต่อการบรรลุสู่จุดหมายในยุค ทองของศานาบาไฮ กฎบัตรที่วาดโครงร่างและเริ่มขบวนการของ ระบบบริหารนี้มิใช่อื่นใดนอกจาก ?พระประสงค์และพินัยกรรม? ของพระอับดุลบาฮา ซึ่งลักษณะบางส่วนของธรรมจารึกนี้เป็นภาค เสริมของพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัส และเป็นมรดกอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ พระองค์ให้ไว้แก่ชนรุ่นหลัง เป็นเครื่องมืออันทรงอํานาจที่สุดที่จะรับ ประกันความต่อเนื่องของยุคทั้งสามของศาสนาของพระบิดา โดย จุดกําเนิดและลักษณะ ระบบบริหารนี้ควรเป็นที่สังเกตว่าเป็นสิ่งพิเศษที่ ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์ศาสนาของโลก ไม่เคยมีพระศาสดา องค์ใดแม้แต่พระโมฮัมหมัดที่ได้สถาปนาสิ่งใดที่เปรียบได้กับระบบ บริหารซึ่งพระผู้ทรงตีความหมายที่ได้รับมอบอํานาจจากพระบาฮาอุล ลาห์ ได้ทรงสถาปนา เป็นระบบซึ่งด้วยหลักการทั้งหลายที่พระบาฮา อุลลาห์ ได้ทรงกําหนดไว้ ด้วยสถาบันที่พระอับดุลบาฮาได้สถาปนาให้ แก่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ มันจะปกป้องศาสนาจากการแตกแยกเป็น นิกาย

ตั้งแต่เริ่มต้นยคแห่งการก่อสร้างระบบบริหารนี้ ศัตรูทั้งหลายทั้งภายนอกและภายในรวมทั้งครอบครัวและญาติพี่น้องทั้งหมดของท่าน โชก เอฟเฟนดิซึ่งได้กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนพระกติกาในเวลาต่อมา ทั้งในโลก ตะวันออกและในโลกตะวันตก ได้พยายามบิดเบือนลักษณะของ มัน เยาะเย้ยหรือใส่ร้ายมัน พยายามยับยั้งความก้าวหน้าของมัน หรือ พยายามสร้างความแตกแยกในหมู่สาวกทั้งหลาย ก็ไม่สามารถประ สบความสําเร็จ สตรีชาวอเมริกันผู้หนึ่งได้ประกาศว่า พินัยกรรม ของพระอับดุลบาฮาเป็นเอกสารที่ปลอมแปลงและพยายามพิสูจน์คํา กล่าวอ้างของเธอทั้งในอเมริกาและอังกฤษ และถึงกับไปชักนําเจ้า หน้าที่ในปาเลสไตน์ให้ช่วยดําเนินการแต่ถูกปฏิเสธและผิดหวัง เช่นเดียวกันอาสาสมัครรุ่นแรกที่ไปก่อตั้งศาสนาในเยอรมันซึ่งถูก สตรีคนเดียวกันนี้ชักนําให้หลงผิดก็ไม่ก่อให้เกิดผลอันใด หนังสือ ของอวารีห์ครูบาไฮผู้มีชื่อเสียงที่ผละออกจากศาสนาอย่างไม่มียาง อายที่แจกจ่ายในเปอร์เซียเพื่อที่จะทําลายระบบบริหารและทําลายศาสนา ปรากฏว่าไร้ผล และภรรยาของเขาตัดขาดจากเขาด้วยความรังเกียจ อุบายที่คิดขึ้นโดยเศษที่เหลือของพวกฝ่าฝืนพระกติกาผู้ซึ่งไม่หลาบ จําจากความล้มเหลวอันน่าสังเวชที่ผ่านมาและเริ่มมีความหวังใหม่จาก มรณภาพของพระอับดุลบาฮา มีร์ซา โมฮัมหมัด-อาลีหวังจะแย่ง ชิงกรรมสิทธิ์ของคฤหาสน์บาห์จี โดยเข้าหาเจ้าหน้าที่อังกฤษและ ต่อมาเข้าหาผู้นําศาสนาอิสลามในเมืองอัคคาเพื่อดําเนินการตามกฎ หมายโดยอ้างสิทธิ์ความเป็นน้องชายและผู้สืบทอดศาสนาต่อจากพระ อับดุลบาฮา เมื่อไม่ได้รับความร่วมมือ พวกเขาใช้กําลังเข้าแย่งชิง กุญแจจากยามผู้ดูแลคฤหาสน์ซึ่งสร้างความอับอายให้แก่พวกเขาเอง และต่อมาคฤหาสน์บาห์จีก็กลับมาอยู่กับ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิในที่สุด การโจมตีจากคริสเตียนดั้งเดิมจํานวนหนึ่งทั้งในดินแดนคริสเตียน และดินแดนที่ไม่ใช่คริสเตียนเพื่อที่จะโค่นล้มรากฐานและบิดเบือนระบบบริหารนี้ ก็ไม่สามารถบั่นทอนความจงรักภักดีของสาวกทั้งหลาย หรือชักจูงพวกเขาออกไปจากจุดประสงค์อันสูงส่ง แม้แต่อาหมัด โซหรับผู้เป็นเลขานุการใกล้ชิดของพระอับดุลบาฮาและเดินทางร่วม กับพระองค์ไปยังโลกตะวันตก ผู้ซึ่งมิได้รับบทเรียนจากกรรมสนองที่ บังเกิดแก่มีร์ซา อาคา จอน ผู้เป็นเลขานุการของพระบาฮาอุลลาห์ ก็ ไม่สามารถยับยั้งความคืบหน้าของสถาบันทั้งหลายของศาสนาได้แม้ แต่ชั่วขณะ ภรรยาและลูกสาวของเขาตัดความสัมพันธ์กับเขาด้วย ความรังเกียจและเปลี่ยนนามสกุลด้วยความอับอาย

แม้จะเสียขวัญจากมรณภาพของพระอับดุลบาฮา แต่ด้วยความ เชื่อฟังคําสั่งของ ?พระประสงค์และพินัยกรรม? ของพระองค์ สํานึกในเป้าหมายอันสูงสุด ได้รับการนําทางโดยท่านโชก เอฟเฟนดิ มีท้อแท้ต่อการโจมตีของศัตรูและผู้ทรยศ บาไฮศาสนิกชนทั้งหลาย ที่กระจัดกระจายกันอยู่ในโลกตะวันออกและโลกตะวันตกได้ลุกขึ้น ด้วยนิมิตอันแจ่มชัดและด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ พวกเขาเริ่ม ต้นยุคแห่งการก่อสร้างระบบและวางรากฐานระบบบริหารของศาสนา ที่มุ่งหมายให้ก่อร่างขึ้นเป็นระบบแห่งโลกที่ชนรุ่นหลังจะโห่ร้องต้อนรับ เป็นดั่งพันธะสัญญาและความรุ่งโรจน์ยอดสุดของทุกศาสนาในอดีต มิพอใจต่อการสร้างความมั่นคงให้แก่กลไกของศาสนาเพื่อที่จะรักษา เอกภาพและดําเนินธุรกิจทั้งหลายของศาสนาให้มีประสิทธิภาพ สาวก ทั้งหลายของพระบาฮาอุลลาห์ ได้พิสูจน์ถึงความเป็นอิสระของศาสนา โดยการกระทําของพวกเขาและขยายจํานวนสมาชิกกว้างขวางออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของบาไฮศาสนิกชนชาวอเมริกันซึ่งได้ส่ง แรงหนุนนําอันมหาศาลให้แก่การพัฒนาศาสนาไปทั่วโลกสมกับที่พระ อับดุลบาฮาได้สรรเสริญและมอบความไว้วางใจให้แก่พวกเขา และ สมกับที่ประเทศของพวกเขาได้เป็นจุดกําเนิดของระบบบริหารของศาสนา ธรรมสภาท้องถิ่นที่ได้รับการเลือกตั้งขึ้นจากสาวกทั้งหลาย ซึ่งในอนาคตจะเปลี่ยนชื่อเป็น ?สภายุติธรรม? สถาบันนี้ได้รับการ ประสิทธิ์ประสาทโดยพระบาฮาอลลาห์ให้ก่อตั้งในทุกเมืองทุกหมู่บ้าน โดยไม่มีข้อยกเว้นซึ่งจะรับผิดชอบต่อการส่งเสริมประโยชน์ที่ดีที่สุด ให้แก่ชุมชน ทําความคุ้นเคยให้แก่ชุมชนเกี่ยวกับแผนงานและกิจกรรม ต่าง ๆ และเชิญสมาชิกในชุมชนให้เสนอคําแนะนํา ตระหนักในงาน อันสําคัญในการพิสูจน์ถึงความเป็นสากลของศาสนาบาไฮโดยการ สมาคมกับการเคลื่อนไหวทั้งหลายที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับองค์การใด ๆ ที่แบ่งแยกเป็นกลุ่มนิกายไม่ว่าจะเป็นองค์ การทางศาสนา องค์การทางการเมือง หรือการแบ่งแยกในรูปแบบอื่น ๆ ได้รับการค้ําจุนโดยเงินบริจาคด้วยความสมัครใจจากบาไฮศาสนิกชน เท่านั้น เมื่อธรรมสภาท้องถิ่นเหล่านี้ทวีจํานวนขึ้นและมั่นคงเพียง พอ สาวกทั้งหลายได้ลงมือขั้นต่อไปโดยไม่ลังเลใจในการก่อตั้งธรรม สภาแห่งชาติซึ่งจะเป็นรากฐานของสภายุติธรรมสากลในอนาคต

ดังเช่นที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มต้นศาสนา สถาบันทั้งหลายของระ บบบริหารนี้ก็มิอาจจะรอดพ้นจากการถูกโจมตี การโผล่ขึ้นมาของ ชุมชนที่ประสานกันอย่างมั่นคง ที่กล่าวอ้างว่าเป็นศาสนาหนึ่งของโลก และแผ่กิ่งก้านไปทั่ว 5 ทวีป ซึ่งสมาชิกทั้งหลายมาจากเชื้อชาติ ภาษา ชนชั้นและศาสนาต่าง ๆ มากมาย มีคําสั่งสอนแปลออกเป็นภาษาต่างๆ กระจายไปทั่วโลก มีนิมิตอันชัดเจนและไม่เกรงกลัว ตื่นตัวและมุ่ง มั่นที่จะบรรลุเป้าหมายไม่ว่าจะต้องเสียสละเท่าไร ประสานกันอย่างเป็น ระบบโดยกลไกระบบบริหารที่ประทานมาจากสวรรค์ ซื่อสัตย์ต่อกฎ ข้อบังคับของประเทศแต่กระนั้นลักษณะของระบบนี้อยู่เหนือขอบ เขตของชาติ ยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นอยู่กับกฎและเทศบัญญัติทั้ง หลายที่ควบคุมชีวิตของชุมชน การโผล่ขึ้นมาของชุมชนดังกล่าวนี้ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยอคติ ที่บูชาเทพเจ้าจอมปลอม ที่แตกร้าว จากการแบ่งแยกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ยึดอย่างตาบอดอยู่กับหลักคําสอน ที่พ้นสมัยและมาตราฐานที่บกพร่อง ถึงแม้จะไม่รุนแรงเท่าในสมัยเริ่ม ต้นศาสนา ชุมชนนี้ก็มิอาจเลี่ยงการถูกโจมตีจากศัตรูผู้พยายามอย่างไร ประโยชน์ที่จะบีบคั้นและหยุดยั้งการพัฒนาของมัน สําหรับการโจม ตีเหล่านี้ซึ่งเติบโตทั้งด้านขอบเขตและความรุนแรง และจะกระตุ้น ความโกลาหลส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก พระอับดุลบาฮาทรงกล่าวพาด พิงไว้อย่างมีความหมายว่า ?ในไม่ช้าเสียงโห่ร้องของฝูงชนมากมายทั่ว ทั้งอัฟริกา ทั่วทั้งอเมริกา เสียงร้องของชาวยุโรปและชาวเติร์ก เสียงคร่ํา ครวญของอินเดียและจีน จะได้ยินจากไกลและใกล้ พวกเขาทั้งหมด จะลุกขึ้นต่อต้านศาสนาของพระองค์ด้วยอํานาจทั้งหมดของพวกเขา เมื่อนั้นอัศวินทั้งหลายของพระผู้เป็นนาย..เสริมกําลังโดยกองทหาร ของพระกติกา จะลุกขึ้นแสดงความจริงของบทกลอนนี้ให้ปรากฎะ จงดูความสับสนที่บังเกิดกับฝูงชนทั้งหลายผู้พ่ายแพ้?

ในไม่น้อยกว่าหนึ่งประเทศ ผู้แทนทั้งหลายของระบบที่ครอบ คลุมทั่วโลกและมิอาจทําลายได้นี้ถูกเรียกตัวไปโดยเจ้าหน้าที่พลเรือน หรือศาลศาสนาที่ไม่ทราบเกี่ยวกับคํากล่าวอ้างของศาสนาบาไฮ หรือ เป็นปรปักษ์ต่อหลักธรรมทั้งหลายของศาสนาหรือกลัวความแข็งแกร่ง ของศาสนาที่ทวีขึ้น พวกเขาพยายามต่อต้านและตัดทอนขอบเขต การปฏิบัติการของศานาใหม่ พยายามให้สมาชิกทั้งหลายถอนตัวออก จากศาสนา แต่ผู้ที่ก้าวร้าวทั้งหลายหารู้ตัวไม่ว่าความกริ้วโกรธของพระ ผู้เป็นเจ้าได้ตามเล่นงานพวกเขามาตลอดเวลาและจะคงตามเล่นงาน พวกเขาตลอดไป ผู้ป้องกันและผู้สนับสนุนทั้งหลายของศาสนา ใหม่นี้ในบางประเทศถูกประกาศว่าเป็นพวกนอกรีต ถูกประณามว่าเป็นผู้โค่นล้มกฎระเบียบ หรือถูกตราว่าเป็นพวกเพ้อฝัน เป็นผู้ไม่รัก ชาติ เป็นผู้ไม่ใส่ใจต่อหน้าที่และความรับผิดชอบ ถูกบังคับให้หยุด กิจกรรมต่าง ๆ และยุบสถาบันทั้งหลายของพวกเขา

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นหัวใจ ที่ส่งชีพจรไปยังสาวกและ สถาบันทั้งหลายของระบบบริหารทั่วโลก ตั้งแต่เริ่มต้นยุคแห่งการ ก่อสร้างระบบก็ได้รับการโจมตีครั้งแรกซึ่งเป็นการช่วยประกาศถึงความ เป็นปึกแผ่นของรากฐานศาสนา พวกฝ่าฝืนพระกติกาถึงแม้จะเหลือ จํานวนเพียงหยิบมือ โดยการยุยงของหัวหน้าตัวสําคัญคือ มีซาร์ โม ฮัมหมัด-อาลี พวกเขาได้ใช้กําลังเข้ายึดสุสานของพระบาฮาอุลลาห์ ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว โดยการแสดงอุดมคติของผู้ก่อสร้างระบบบริหาร ศาสนาทั้งหลายอย่างผิด ๆ โดยการติดต่อกับสาวกบางคนที่พวกเขา คิดว่าสามารถดึงเข้ามาเป็นพวกได้ โดยการใส่ร้ายอย่างปราณีตต่อเจ้า หน้าที่และผู้มีชื่อเสียงต่าง ๆ ที่พวกเขาสามารถเข้าหาได้ โดยความ พยายามด้วยการให้สินบนและการข่มขู่ที่จะซื้อคฤหาสน์ของพระบา ฮาอุลลาห์บางส่วน โดยการพยายามขัดขวางมิให้ชุมชนบาไฮซื้อที่ ดินบริเวณรอบข้างสุสานของพระบ็อบ พวกเขาได้ตรากตรําเป็นพัก ๆ เป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งการดับสิ้นชีวิตของหัวหน้าผู้ฝ่าฝืนพระ กติกาได้จบชะตาของพวกเขา

ที่ร้ายแรงและก่อให้เกิดผลสะท้อนรุนแรงยิ่งกว่าคือการเข้า ยึด ?บ้านอันยิ่งใหญ่ที่สุด? ในอิรัคอย่างผิดกฎหมายโดยมุสลิมชีอะห์ ซึ่งเป็นบ้านที่พระบาฮาอุลลาห์เคยอาศัยอยู่เกือบตลอดเมื่อครั้งพระ องค์อยู่ในแบกแดด และได้บัญญัติเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของการ นมัสการ และสาวกทั้งหลายได้ครอบครองมาตลอดนับตั้งแต่พระบา ฮาอุลลาห์เสด็จออกจากแบกแดด มุสลิมชีอะห์ ได้เข้ายึดบ้านนี้ตั้ง แต่สมัยพระอับดุลบาฮายังมีชีวิตอยู่แต่เจ้าหน้าที่อังกฤษได้มอบคืนให้แก่ชุมชนบาใย หลังจากมรณภาพของพระอับดุลบาฮา มุสลิมชีอะห์ ได้อ้างสิทธิ์ต่อบ้านนี้อีกครั้งและเรื่องนี้ได้เป็นคดีผ่านศาลต่าง ๆ เริ่มแรกตั้งแต่ศาลท้องถิ่นจาฟารีเยห์ของมุสลิมชีอะห์ ศาลแห่งสันติ ภาพ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และในที่สุดองค์การสันนิบาตชาติ พระ บาฮาอุลลาห์ ได้ทรงทํานายเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ไว้ว่า ?มันจะได้รับความ อับอายในวันที่จะมาถึงอย่างที่จะทําให้น้ําตาไหลจากดวงตาของผู้ที่ แลเห็น? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิได้รวบรวมกําลังจากสถาบันบาไฮระ ดับชาติประเทศต่าง ๆ วิงวอนต่อกรรมาธิการของอังกฤษประจําแบก แดดเกี่ยวกับความอยุติธรรมครั้งนี้ แต่ไม่สามารถทําให้มุสลิมชีอะห์ ยอมจํานนได้ ในที่สุดตัวแทนบาไฮศาสนิกชนแห่งอิรัคได้เข้าหาองค์ การสันนิบาตชาติในเดือนกันยายน ค.ศ.1928 และคณะกรรมาธิการ ได้ยอมรับคําอุทธรณ์นี้ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการได้เสนอบันทึกต่อคณะ กรรมาธิการเดียวกันนี้ขององค์การสันนิบาตชาติกล่าวอย่างชัดเจนว่า มุสลิมชีอะห์ ?ไม่มีสิทธิใด ๆ ที่เป็นไปได้ต่อบ้านหลังนี้? คําตัด สินของผู้พิพากษาแห่งศาลจาฟารีเยห์เป็นสิ่งที่ ?ผิดและอยุติธรรมอย่าง ชัดเจน? และ ?ได้รับการกระตุ้นโดยอคติทางศาสนาโดยไม่มีข้อสง สัย? การขับไล่บาไฮศาสนิกชนออกจากบ้านนี้เป็นการกระทําที่ ผิดกฎหมาย การกระทําของเจ้าหน้าที่เป็นสิ่งที่ ?ขัดกับกฎระเบียบ อย่างยิ่ง? คําตัดสินของศาลอุทธรณ์เป็นที่สงสัยว่า ?ถูกชักจูงโดย เหตุผลทางการเมือง? องค์การสันนิบาตชาติได้ขอให้รัฐบาลอิรัค แก้คําตัดสินใหม่เกี่ยวกับบ้านหลังนี้ และองค์การสันนิบาตชาติได้ดํา เนินคดีนี้ต่อเนื่องไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1928-1933 ซึ่งรัฐบาลอิรัคมิได้ ปฏิบัติตาม พระบาฮาอุลลาห์ ได้ทรงจารึกไว้อย่างมีความหมายว่า ?ดูกร บ้านของพระผู้เป็นเจ้า จงอย่าโศกเศร้าถ้าหากม่านแห่งความ ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าถูกฉีกขาดสะบั้นโดยพวกไม่มีศาสนา…? ในอีกตอนหนึ่งพระองค์ทรงจารึกเป็นการทํานายเกี่ยวกับบ้านนี้ว่า ?เมื่อครบ กําหนดเวลา โดยอานุภาพของสัจจธรรม พระผู้เป็นนายจะเชิดชูมัน ต่อดวงตามนุษย์ทั้งหมด พระองค์จะให้มันเป็นธงของอาณาจักร ของพระองค์ เป็นสถานที่สักการะที่ฝูงชนผู้ซื่อสัตย์จะมาล้อมรอบ?

ไม่กี่ปีต่อมาศัตรูที่มีอํานาจยิ่งกว่าได้โจมตีโครงร่างของระบบ บริหารที่สถาปนาโดยชุมชนบาไฮ 2 แห่งที่เฟื่องฟูในโลกตะวันออก ซึ่งจบลงด้วยการแตกกระจายของชุมชนและการยึดวัดบาไฮแห่งแรก ของโลก ความกล้าหาญและพลังชีวิตที่แสดงออกโดยชุมชน 2 แห่งนี้ สถาบันบริหารของพวกเขาที่จัดเป็นระบบอย่างดีเยี่ยม สิ่งอํา นวยความสะดวกสําหรับการให้การศึกษาทางศีลธรรมและการฝึกฝน เยาวชน ชาวรัสเซียที่มีความคิดกว้างจํานวนหนึ่งเข้ามาเป็นบาไฮศาสนิก ชน หลักธรรมทั้งหลายที่กําลังเติบโตเป็นความจริงพร้อมกับการเน้น ศาสนา เน้นความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตครอบครัว เน้นการปฏิเสธการ แบ่งชนชั้น เหล่านี้ได้ก่อให้ความระแวงสงสัยและต่อมาได้ปลุกเร้า ความเป็นศัตรูอย่างดุร้ายของผู้ปกครองซึ่งยังผลให้เกิดความวิกฤติ อย่างร้ายแรงที่สุดอันหนึ่งในศตวรรษแรกของศาสนาบาไฮ เมื่อความ วิกฤติได้พัฒนาและแพร่ออกไปถึงศูนย์กลางห่างไกลของเตอร์กีสถาน และคอเคซัส มันได้จํากัดอิสรภาพของชุมชนทีละน้อย ตัวแทนของ ชุมชนถูกจับกุมและสอบสวน ธรรมสภาต่าง ๆ และคณะกรรมการ ในมอสโคว์ ในอิสคาแบค ในบาคู ถูกยุบ กิจกรรมเยาวชนบาไฮถูกห้าม มันยังนําไปสู่การปิดโรงเรียน การปิดห้องสมุดของชุมชน การตัดการ ติดต่อกับศูนย์กลางบาไฮในต่างประเทศ การยึดโรงพิมพ์บาไฮ ยึด หนังสือและเอกสาร การห้ามกิจกรรมการสอนศาสนา การยกเลิกกฎ ธรรมนูญของศาสนาบาไฮ การล้มเลิกเงินทุนทั้งหมดและการห้ามผู้ ที่มิใช่บาไฮศาสนิกชนมาร่วมการชุมนุมของบาไฮ ในกลางปี ค.ศ.1928 กฎหมายการยืดอาคารของศาสนาได้นํามาใช้กับวัดบาไฮในอิสดา แบค อย่างไรก็ตามวัดบาไฮยังใช้เป็นสถานที่สักการะต่อไปโดยสัญญา การเช่าคราวละ 5 ปี ในปี ค.ศ. 1938 สถานการณ์ในเตอร์กีสถาน และคอเคซัสเสื่อมลงอย่างรวดเร็วและนําไปสู่การจําคุกบาไฮศาสนิกชน กว่า 500 คน ซึ่งหลายคนจากจํานวนนี้เสียชีวิตลง ติดตามมาด้วยการ เนรเทศสมาชิกคนสําคัญหลายคนของชุมชนบาไฮไปยังไซบีเรียและ สถานที่บริเวณใกล้เคียงมหาสุมทรอาร์คติค ต่อมาเนรเทศสมาชิกที่ เหลือเกือบทั้งหมดไปยังประเทศเปอร์เซียและในที่สุดยึดวัดบาไฮอย่าง สมบูรณ์ โดยเปลี่ยนเป็นห้องแสดงผลงานศิลปะ

ทํานองเดียวกันในเยอรมัน การสถาปนาระบบบริหารศาสนา ซึ่งบาไฮศาสนิกชนชาวเยอรมันได้ขยายและสร้างความมั่นคงอย่าง เด่นชัด ในไม่ช้าตามมาด้วยมาตรการสะกัดกั้นอันสาหัสไม่น้อยไป กว่าที่บาไฮศาสนิกชนในเตอร์กีสถานและคอเคซัสได้ทรมานรับ ซึ่งนํา ไปสู่การยุติกิจกรรมบาไฮทั้งหมดทั่วประเทศ การสอนศาสนาต่อสา ธารณชนซึ่งเน้นเกี่ยวกับสันติภาพ ความเป็นสากลและการปฏิเสธ ลัทธิเชื้อชาตินิยมถูกห้ามอย่างเป็นทางการ ธรรมสภาทั้งหลายถูก ยุบ พิพิธภัณฑ์ของธรรมสภาแห่งชาติถูกยึด โรงเรียนฤดูร้อนถูกล้ม เลิก การพิมพ์หนังสือบาไฮทุกชนิดถูกระงับ

ในเปอร์เซีย นอกจากการระเบิดของการประหัตประหารเป็น ครั้งคราวซึ่งลดจํานวนลงอย่างมากเนื่องด้วยความเสื่อมถอยของโชค ชะตาของนักบวชมุสลิมชีอะห์ที่เคยมีอํานาจ สถาบันทั้งหลายของ ศาสนาที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งได้ถูกห้าม ถูกจํากัด ถูกล่ามอิสรภาพและถูก บ่อนทําลายรากฐานโดยเจ้าหน้าที่พลเรือน การโผล่ขึ้นมาทีละน้อย อย่างไม่เป็นที่คาดคิดของชุมชนระดับชาติ ซึ่งผ่านการฝึกฝนมาด้วย ความยากลําบากและด้วยดวงจิตที่มิอาจจะเอาชนะได้ พร้อมทั้งศูนย์กลางต่าง ๆ ที่ก่อตั้งในทุกมณฑลของประเทศทั้ง ๆ ที่มีคลื่นการประ หัตประหารอันป่าเถื่อนซัดมาเป็นลําดับเรื่อยมาเกือบหนึ่งศตวรรษ ความ มุ่งมั่นของบาไฮศาสนิกชนทั้งหลายที่จะแพร่หลักธรรมของศาสนา กระจายหนังสือ นํากฎและเทศบัญญัติของศาสนามาใช้ ติดต่ออย่าง สม่ําเสมอกับเพื่อนร่วมศาสนาในต่างประเทศ ก่อสร้างอาคารและสถา บันระบบบริหาร เหล่านี้ได้ปลุกเร้าความหวั่นกลัวและความเป็นปร ปักษ์ของเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งเข้าใจจุดมุ่งหมายของชุมชนบาไฮผิด ๆ หรือ ไม่ก็ตั้งใจที่จะขชุมชนบาไฮ ในไม่ช้าชุมชนบาไฮก็ตกอยู่ในความ ขัดแย้งกับระบอบการปกครองที่พิจารณาประเทศของตนว่าเป็นรัฐ อิสลาม และไม่ยอมรับศาสนาที่ถูกประณามว่าเป็นพวกนอกรีต การ ปิดโรงเรียนทั้งหมดของชุมชนบาไฮ การปฏิเสธใบรับรองการแต่งงาน บาไฮ การห้ามการพิมพ์และจําหน่ายหนังสือบาไฮรวมทั้งหนังสือบาไฮ ที่มาจากต่างประเทศ การยึดเอกสาร หนังสือและที่ระลึกทางประวัติ ศาสตร์ในศูนย์กลางต่าง ๆ การปิดศูนย์กลางบาไฮบางมณฑล การ ห้ามมีการประชุมหรือการชุมนุมของบาไฮ การตรวจตราจดหมายที่ ติดต่อกับชุมชนบาไฮต่างประเทศและมักไม่ส่งจดหมายให้ การเพิก ถอนใบรับรองประวัติความเป็นพลเมืองดีด้วยเหตุผลที่พวกเขาเป็น บาไฮศาสนิกชน การไล่ออกเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่เป็นบาไฮศาสนิกชน การจับกุม สืบสวน จําคุกและปรับบาไฮศาสนิกชนจํานวนหนึ่งซึ่งปฏิ เสธไม่ยอมละทิ้งบทบัญญัติศีลธรรมของศาสนา ทั้งหมดนี้อาจได้รับ การพิจารณาเป็นความพยายามเริ่มแรกที่จะต้านและขัดขวางการผุด ขึ้นและการปลดแอกระบบบริหารศาสนาในประเทศที่โชกไปด้วย เลือดของวีรบุรุษจํานวนนับไม่ถ้วน

ขณะที่ขั้นตอนริเริ่มการก่อตั้งโครงร่างของระบบบริหารศาสนา กําลังดําเนินไปโดยสาวกทั้งหลายของพระบาฮาอุลลาห์ การโจมตีอีกครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในประเทศอียิปต์ ซึ่งครั้งนี้เป็น การโจมตีที่กลับช่วยส่งเสริมเกียรติและปลดแอกศาสนาให้เป็นอิสระ เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านคอว์มูส-ซาอเยดีห์ในอําเภอบา มณฑลบในซูเอฟในอียิปต์ตอนเหนือ ซึ่งเป็นผลมาจากความบ้าคลั่ง ศาสนาที่การก่อตั้งธรรมสภาบาไฮได้จุดขึ้นในอกของหัวหน้าหมู่บ้าน เขาได้ปลุกปั่นเรียกร้องให้มีการหย่าสามีภรรยา 3 คู่ เนื่องด้วยสามี 3 คนได้เปลี่ยนมาเป็นบาไฮศาสนิกชน จึงเป็นการล้มเลิกสภาพการแต่ง

กรณีนี้ได้ งานตามกฎหมายที่พวกเขาเคยแต่งงานกันแบบมุสลิม ไปสู่ศาลศาสนาแห่งบีบาและในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1925 ได้มี การตัดสินให้ลบล้างสภาพการแต่งงานของบาไฮศาสนิกชน 3 คน นั้นและประณามพวกเขาเป็นพวกนอกรีต คําตัดสินของศาลแห่ง บีบานี้ได้รับการอนุมัติและถือว่าเป็นคําตัดสินที่เด็ดขาดโดยคณะนัก บวชสูงสุดในไคโรซึ่งได้พิมพ์และแจกจ่ายโดยคณะนักบวชเอง เป็น คําตัดสินที่ประกาศอย่างชัดเจนว่า ?ศาสนาบาไฮเป็นศาสนาใหม่ เป็น ศาสนาอิสระโดยสมบรณ์ด้วยความเชื่อ หลักธรรมและกฎของตนเอง ซึ่งแตกต่างและขัดแย้งอย่างเด็ดขาดกับความเชื่อ หลักธรรมและ กฎของอิสลาม ดังนั้นไม่มีบาไฮศาสนิกชนคนใดสามารถได้รับการ พิจารณาว่าเป็นมุสลิมหรือในทางกลับกัน ดังเช่นไม่มีพุธศาสนิกชน พราห์มหรือคริสเตียนคนใดสามารถได้รับการพิจารณาว่าเป็นมุสลิม หรือในทางกลับกัน? คําประกาศอันเป็นประวัติศาสตร์นี้มีความ หมายสําคัญเป็นพิเศษและเป็นการยืนยันโดยศัตรูของศาสนาเอง เป็น การรับรองฐานะของศาสนาบาไฮอย่างเป็นทางการว่าเป็นศาสนาอิสระ ไม่ขึ้นกับศาสนาอื่นใด เป็นการรับรองที่ผู้นําทั้งหลายของมุสลิมชีอะห์ ทั้งในเปอร์เซียและอิรัคได้พากเพียรไม่ยอมรับมาตลอดเกือบศตวรรษ และได้สงบเสียงผู้กล่าวหาทั้งหลายรวมทั้งนักบวชคริสเตียนในโลกตะวันตกที่ได้ประณามศาสนาบาไฮว่าเป็นนิกายของอิสลาม คําประกาศ นี้ได้รับการโห่ร้องต้อนรับจากชุมชนบาไฮทั้งในโลกตะวันออกและตะ วันตกเป็นดังกฎบัตรแรกที่ได้ปลดแอกศาสนาให้เป็นอิสระจากอิสลาม และมีผลต่อมาทําให้ชุมชนบาไฮอียิปต์ ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้มี สุสานศาสนาเป็นของตัวเอง ตามมาด้วยการยอมรับฐานะของศาสนา ในเปอร์เซีย ในอเมริกาและดินแดนศักดิ์สิทธิ์

และนี่คือคํารับรองของศาตราจารย์นอร์แมน เบนทวิทช์ อดีต อธิบดีกรมอัยการของรัฐบาลปาเลสไตน์ ?แท้จริงแล้วปาเลสไตน์บัด นี้อาจได้รับการพิจารณาเป็นดินแดนของสีศาสนา มิใช่สาม เพราะบา ไฮซึ่งมีศูนย์กลางของศาสนาและสถานที่นมัสการในอัคคาและไฮฟ้า กําลังบรรลุสู่ลักษณะของศาสนาแห่งโลกศาสนาหนึ่ง ตราบเท่าที่ศาสนา นี้แผ่อิทธิพลในดินแดน มันคือปัจจัยหนึ่งสําหรับความเข้าใจระหว่าง ชาติและระหว่างศาสนา? ด.ร. ออกัสท์ โฟเรล จิตแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ชาวสวิสได้ประกาศถึงศาสนาบาไฮว่า ?นี่คือศาสนาที่แท้จริงแห่งความ ผาสุกของสังคมซึ่งปราศจากความดันทุรังหรือพระ ซึ่งเชื่อมมนุษย์ทั้ง หมดของโลกเรานี้เข้าด้วยกัน ข้าพเจ้าได้มาเป็นบาไฮศาสนิกชน ขอ ให้ศาสนานี้ดํารงอยู่และเจริญรุ่งเรืองเพื่อความผาสุกของมนุษยชาติ นี่คือความปรารถนาอันแรงกล้าของข้าพเจ้า? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังกล่าว ต่อไปอีกว่า ?ในการประเมินของข้าพเจ้า การเคลื่อนไหวของศาสนา บาไฮสําหรับความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติเป็นการเคลื่อน ไหวอันยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ที่ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพและภราดร ภาพสากล?

ขณะที่โครงร่างของระบบบริหารศาสนาของพระบาฮาฮุลลาห์ ได้ผุดขึ้นมาทีละน้อย และขณะที่ฐานะของศาสนาเป็นที่ยอมรับมาก ขึ้นเรื่อย ๆ โดยศัตรูทั้งหลายและได้รับการสาธิตโดยมิตรของศาสนา การพัฒนาอีกอย่างหนึ่งกําลังดําเนินไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งจุดประสงค์ ของมันคือการขยายขอบเขตของศาสนา เพิ่มจํานวนผู้สนับสนุน และจํานวนศูนย์กลางการบริหาร เพิ่มพูนจํานวนหนังสือและการแพร่ กระจาย บาไฮศาสนิกชนทั้งหลายซึ่งทราบดีเกี่ยวกับคําว่ากล่าวตักเตือน คําวิงวอนและสัญญาของผู้ก่อตั้งศาสนาของพวกเขา ได้ตรากตรําอย่าง กล้าหาญเพื่อแพร่ชื่อเสียงของศาสนาซึ่งจุดหมายของมันพระผู้เป็น เจ้าได้มอบหมายให้แก่พวกเขา

ในพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัสพระบาฮาฮุลลาห์ทรงตรัสต่อสาวก ทั้งหลายว่า ?เรามองดูเจ้าจากขอบฟ้าอันรุ่งโรจน์ที่สุดของเรา และจะ ช่วยผู้ที่ลุกขึ้นช่วยศาสนาของเราด้วยกองทัพของเทพเบื้องบนและ หมู่นางฟ้าที่อยู่ใกล้เรา? ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ได้ทรงจารึกว่า ?ดูกร ประชาชนของบาฮา เจ้าจงสอนศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระผู้ เป็นเจ้าได้กําหนดหน้าที่ให้ทุกคนประกาศข่าวสารของพระองค์ และ พิจารณามันเป็นดั่งการกระทําที่มีกุศลสูงสุด? พระองค์ทรงยืนยันว่า ?หากมนุษย์คนเดียวโดยลําพังลุกขึ้นในนามของบาฮาและสวมเกราะ แห่งความรักของพระองค์ พระผู้ทรงมหิทธานุภาพจะทําให้เขาประ สบชัยชนะถึงแม้กําลังของโลกและสวรรค์จะเตรียมพร้อมเข้าปะทะ เขา? ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงประกาศว่า ?หากใครก็ตามลุกขึ้นเพื่อ ชัยชนะของศาสนาของเรา พระผู้เป็นเจ้าจะนําชัยมาให้แก่เขาถึงแม้ ศัตรูนับหมื่นจะร่วมกันต่อต้านเขา? และนี่คือคําสัญญาของพระ องค์ ?บรรดาผู้ที่ได้ละทิ้งประเทศของตนเพื่อสอนศาสนาของเรา พระวิญญาณผู้ซื่อสัตย์จะสร้างความแข็งแกร่งให้แก่พวกเขาด้วยอานุ ภาพของพระองค์ แท้จริงแล้วการรับใช้ดังกล่าวคือเจ้าชายของการ กระทําดีทั้งหมด…? พระอับดุลบาฮาทรงจารึกไว้ในพระประสงค์ของ พระองค์ว่า ?ในปัจจุบันนี้สิ่งที่สําคัญที่สุดกว่าสิ่งทั้งหมดคือการนําทาง ชาติและประชาชนทั้งหลายของโลก อย่างที่สุดเพราะมันคือศิลาหลักของรากฐานของมันเอง?

การสอนศาสนามีความสําคัญ เชื่อฟังต่อคําบัญชาเหล่านี้ ตระหนักดีถึงสัญญาอันเรืองรอง สํานึกในความประเสริฐสุดของภาระหน้าที่ มท้อถอยต่อการโจมตี ของศัตรูภายนอกและภายใน สาวกทั้งหลายของพระบาฮาฮุลลาห์ ในโลกตะวันออกและโลกตะวันตกได้ลุกขึ้นด้วยกําลังเต็มที่เพื่อจะ ได้ส่งเสริมการขยายศาสนาไปสู่ระดับนานาชาติด้วยความขันแข็งอย่าง ไม่เคยมีมาก่อน โดยการบุกเข้าไปในทุกทวีปของโลก เริ่มแรกโดย มิได้เตรียมการหรือวางแผน ต่อมาเมื่อระบบบริหารศาสนาค่อย ๆก่อตัว ขึ้น การสอนศาสนาจึงได้รับการประสานงานและดําเนินไปอย่างมีระบบ โดยสาวกจากดินแดนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา ซึ่งมาจากทั้ง บุรุษและสตรีทุกอาย ทั้งผู้ที่พึ่งเข้ามาเป็นบาไฮศาสนิกชนใหม่ๆ และผู้ ที่มีประสบการณ์ ทั้งผู้เดินทางและผู้ตั้งถิ่นฐานสอนศาสนา และได้ถึง ดูดประชาชนจากทุกศาสนา จากเชื้อชาติและชนชั้นในดินแดนต่าง ๆ มากมายเข้ามาในศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าสําหรับยุคนี้

ในบรรดาสาวกผู้กระตือรือร้นทั้งหลายที่ควรนํามากล่าวไว้ณ ที่นี้คือ มาร์ธา รูท สตรอเมริกันผู้เป็นแบบอย่างของครูเดินทางสอน ศาสนาและเป็นพระหัตถ์ศาสนาที่มีตําแหน่งสูงสุด ผู้ซึ่งเป็นคนแรก ที่ตอบสนองต่อ ?ธรรมจารึกแห่งแผนงานสวรรค์? ด้วยความมุ่งมั่น อันแน่วแน่และด้วยดวงจิตแห่งความไม่ผูกพัน เธอได้ออกเดินทางเป็น เวลากว่า 20 ปี ซึ่งพาเธอไปรอบโลกถึง 4 รอบ ไปประเทศจีนและญี่ ปุ่น 4 เที่ยว ไปอินเดีย 3 เที่ยว แวะเยี่ยมเมืองใหญ่ทุกเมืองในอเมริกา ใต้ ส่งมอบข่าวสารของพระบาฮาฮุลลาห์ให้แก่กษัตริย์ ราชินี เจ้าชาย เจ้าหญิง ประธานาธิบดี รัฐมนตรี รัฐบุรุษ นักหนังสือพิมพ์ ศาสตราจารย์ และกวี รวมทั้งประชาชนจํานวนไพศาลในอาชีพเดียวกัน

การเข้าเฝ้าพระราชินีแมรีแห่งรูมาเนีย 8 ครั้ง ซึ่งเป็นผลงาน ที่เด่นที่สุดของเธอในการเดินทางอันน่าทรงจําเหล่านี้ การได้รับเชิญ 2 ครั้งให้เข้าเยี่ยมเจ้าชายพอลและเจ้าหญิงโอลกาแห่งยูโกสลาเวีย ณ พระบรมมหาราชวัง การบรรยายที่เธอกล่าวในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย กว่า 400 แห่งทั้งในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก และการเยี่ยม เยียนมหาวิทยาลัยทั้งหมด 2 รอบในเยอรมันยกเว้น 2 แห่ง การเยี่ยม เยียนมหาวิทยาลัย วิทยาลัยและโรงเรียนเกือบ 100 แห่งในประเทศจีน บทความจํานวนนับไม่ถ้วนที่เธอตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ในวารสารใน เกือบทุกประเทศที่เธอแวะเยี่ยม หนังสือจํานวนนับไม่ถ้วนที่เธอมอบไว้ ให้แก่ห้องสมุดต่าง ๆ การพบปะเป็นการส่วนตัวกับรัฐบุรุษจากกว่า 50 ประเทศระหว่างที่เธออยู่ในเจนีวาเป็นเวลา 3 เดือนในปี ค.ศ. 1932 ในเวลาที่มีการประชุมลดอาวุธ ความพยายามอย่างรอบคอบระหว่าง การเดินทางอย่างตรากตรําที่เธออํานวยการแปลและพิมพ์หนังสือ ?พระ บาฮาอุลลาห์และยุคใหม่? เป็นภาษาต่าง ๆ มากมาย การติดต่อจด หมายของเธอกับบุคคลผู้มีชื่อเสียงและมีความรู้กว้าง และการมอบ หนังสือบาไฮให้แก่พวกเขา การไปเยี่ยมประเทศเปอร์เซียและแสดง ความเคารพต่อวีรบุรุษของศาสนาบริเวณตําแหน่งที่เป็นประวัติศาสตร์ ทั้งหลาย การเยี่ยมเมืองอเดรียโนเปิ้ลและด้วยความรักต่อพระบาฮา อุลลาห์เธอได้ค้นหาบ้านทั้งหลายที่พระองค์เคยอาศัยอยู่ ซึ่งเธอได้รับ การรับรองโดยเจ้าเมืองและนายกเทศมนตรี ความช่วยเหลืออย่างไม่ ขาดสายที่เธอให้แก่ผู้บริหารศาสนาทั้งหลายในประเทศที่สถาบันต่างๆ ของศาสนาได้รับการก่อตั้งหรือกําลังก่อตั้ง เหล่านี้อาจได้รับการพิจารณา เป็นดั่งจุดเด่นทั้งหลายของการรับใช้อันหนึ่งซึ่งด้วยลักษณะหลาย อย่างของมันเป็นสิ่งที่หาที่เปรียบมิได้ในศตวรรษแรกของศาสนาบาไฮ

ที่น่าประทับใจไม่น้อยไปกว่ากันคือรายชื่อของบุคคลที่เธอได้สัมภาษณ์ในระหว่างปฏิบัติการภาระหน้าที่ของเธอซึ่งนอกจากที่ได้กล่าวไว้แล้วยังได้แก่ กษัตริย์ฮาอคอนแห่งนอร์เวย์, กษัตริย์ฟไอซัล อิรัค กษัตริย์ซ็อกแห่งอัลบาเนีย, เจ้าหญิงมารีนาและเจ้าหญิงอลิ นมแห่งกรีซ, ประธานาธิบดีโธมัส จี มาซาไรด์และประธานาธิบดีแห่งเช็คโกสโลวาเกีย, ประธานาธิบดีแห่งออสเตรีย, ดร. ซุน ยัท เซน, ดร. นิโคลาส เมอเรย์ บัทเล่อร์, อธิการบดีแห่งมหาวิทยาลัยโค รับเบีย ศาสตราจารย์บ็อกแดน โพโพวิทซ์ แห่งมหาวิทยาลัยเบลเกรด รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของตุรกี, รัฐมนตรีกระทรวงต่างประ เทศและรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาของจีน, เจ้าชายโมฮัมหมัด-อาลีแห่ง อียิปต์, สตีเฟน เรดิทซ์, มหาราชาแห่งพาเทียลา, มหาราชาแห่งปืนาเรส. มหาราชาแห่งทราวานคอร์, เจ้าเมืองและผู้นําศาสนาอิสลามแห่งเมือง เยรูซาเล็ม, ดร. เออร์ลิง ไอเดม, อาร์คบิชอฟแห่งสวีเดน, ซาโรเจเน ในต, เซอร์ ราบินดรานาท ทากอร์, มาดามฮูดา ซาวารีผู้นําสตรีแห่งอี ยิปต์, ดร.เค อิซีคีรีผู้เป็นรัฐมนตรีสํานักจักรพรรดิ์ญี่ปุ่น, ศาสตราจารย์ เททรูจีโร อิโนอูยี, และศาสตราจารย์ เมอริทูสแห่งมหาวิทยาลัยอิม พี่เรียนในโตเกียว, บารอน โยชิโร ซากาตานี สมาชิกสภาขุนนาง ปุ่น, และเมซเมค ฟออดประธานสถาบันประวัติศาสตร์ตุรกี

ไม่ว่าอายุหรือความป่วยไข้ ไม่ว่าความขัดสนหนังสือซึ่งได้ ขัดขวางความพยายามของเธอ ไม่ว่าความขาดแคลนกําลังด้านวัตถุ ซึ่งเพิ่มภาระให้แก่ความตรากตรําของเธอ ไม่ว่าความโกลาหลทางการ เมืองที่เธอเผชิญระหว่างการเดินทาง ก็ไม่สามารถดับความกระตือรือล้น หรือหันเหจุดมุ่งหมายของสตรีนักบุญผู้เต็มไปด้วยพลังคนนี้ได้ โดยลําพังและมากกว่าหนึ่งโอกาสที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อันตราย เธอยังคงเรียกร้องมนุษย์ทั้งหลายจากนิกาย สีผิวและชนชั้นต่าง ๆ ด้วย ข่าวสารของพระบาฮาอุลลาห์ จนกระทั่งขณะล้มป่วยด้วยโรคร้าย เธอก็ยังอดทนด้วยความแข็งแกร่งรีบเดินทางไปร่วมแผนงาน 7 ปี ที่เพิ่ง เริ่มในอเมริกาและเสียชีวิตลงระหว่างทางที่ฮอนโนลูลู อันเป็นชีวิตที่ ควรได้รับการพิจารณาว่าได้ให้ผลอันสวยงามที่สุดของยุคแห่งการก่อ สร้างระบบของศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์

สิ่งที่เลิศและที่สําคัญที่สุดในการรับใช้ของเธอคือการตอบ สนองเกือบโดยทันทีจากพระราชินีแมรีแห่งรูมาเนียต่อข่าวสารของ พระบาฮาฮุลลาห์ โดยการรับรองความเชื่ออย่างไม่เกรงกลัวต่อเครือ ญาติในราชตระกูล โดยคําสรรเสริญติดต่อกัน 3 ครั้งซึ่งเป็นดั่งมรดก อันยิ่งใหญ่ที่สุดสําหรับชนรุ่นหลัง โดยการแสดงความชื่นชม 3 ครั้งเขียน เป็นการสนับสนุนการพิมพ์หนังสือบาไฮ โดยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่แสดง ถึงความศรัทธาและความขอบคุณสําหรับข่าวที่น่ายินดีที่มาถึงจากการ สั่งซื้อหนังสือบาไฮ และโดยความตั้งใจที่จะไปนมัสการสุสานของผู้ ก่อตั้งศาสนาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ โดยการกระทําดังกล่าวนี้ พระราชินีผู้ เรืองนามนี้สมควรต่อตําแหน่งพระราชินีองค์แรกในบรรดาพระราชินี และกษัตริย์ทั้งหลายที่จะลุกขึ้นสนับสนุนศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าใน อนาคต ซึ่งจะได้รับการโห่ร้องต้อนรับดังในวจนะของพระบาฮาฮุลลาห์ว่า คือ ?ดวงตาของมนุษยชาติ คือเครื่องประดับอันเรืองรองบนหน้าผาก ของการสร้างสรรค์ คือแหล่งกําเนินของพระพรต่อโลกทั้งหมด?

ในจดหมายส่วนตัวฉบับหนึ่งของพระราชินีแมรี่ถึงท่านโชกิ เอฟเฟนดีได้เป็นพยานว่า ?บางคนในวงศ์ตระกูลของข้าพเจ้าประ หลาดใจและไม่พอใจต่อความกล้าหาญของข้าพเจ้าที่ได้ก้าวออกไป ข้างหน้า ประกาศถ้อยคําที่มิใช่สิ่งปกติที่กษัตริย์และราชินีทั้งหลายจะ ประกาศ แต่ข้าพเจ้าได้ก้าวไปโดยความปรารถนาอันแรงกล้าภายใน ที่ข้าพเจ้าไม่สามารถต้านทานได้ ด้วยการน้อมศีรษะ ข้าพเจ้ายอมรับ ว่าข้าพเจ้าเป็นเครื่องมือหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าและข้าพเจ้าปิติยินดีต่อความรู้นี้? ยิ่งไปกว่านั้นจดหมายเปิดผนึกของพระราชินีแมรี่ที่ดีพิมพ์ใน Toronto Daily Star วันที่ 4 พฤษภาคมและ 28 กันย 1 1926 และใน Evening Bulletin วันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1928 ฟิลาเดเฟียได้แสดงข้อความดังนี้ ?หากพระนามของพระบาฮา อลลาห์หรือพระอับดุลบาฮามาสู่ความสนใจของท่าน จงอย่าละธรรม เนิพนธ์ของพระองค์ไปจากท่าน จงค้นหาพระคัมภีร์ของพระองค์ และให้วจนะและบทเรียนอันรุ่งเรืองที่นํามาซึ่งสันติภาพและสร้างสรรค์ ความรักของพระองค์จมลงไปในหัวใจของท่านดังที่มันได้จมลงไป ในหัวใจของข้าพเจ้าจงค้นหาสัจจธรรมของพระองค์และเป็นผู้ที่มีความสุขกว่าเดิม?

ด้วยความชื่นชมจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามสาวกทั้ง หลายของพระบาฮาอุลลาห์ทั้งโลกตะวันออกและโลกตะวันตกไปถึง พระราชินีแมรี พระราชินีแมรีได้เขียนตอบว่า ?แท้จริงแล้วแสงสว่าง อันยิ่งใหญ่มาสู่ข้าพเจ้าด้วยข่าวสารของพระบาฮาอุลลาห์และพระ อับดุลบาฮา…บุตรสาวคนสุดท้องของข้าพเจ้าพบความแข็งแกร่งและ ความสุขสบายอยู่ในคําสั่งสอนของพระองค์ทั้งสอง เราส่งผ่านข่าวสารนี้ ปากต่อปาก และสําหรับทุกคนที่เราให้ข่าวสาร ประทีปดวงหนึ่งได้ ส่องสว่างอย่างทันใดต่อหน้าพวกเขา สิ่งที่เคยเป็นความมืดมนและงง งวยได้กลายเป็นสิ่งที่เข้าใจง่าย เรืองรองและเต็มไปด้วยความหวังอย่าง ไม่เคยมีมาก่อน แท้จริงแล้วจดหมายเปิดผนึกของข้าพเจ้าซึ่งเป็นยา สมานสําหรับบรรดาผู้ที่ทรมานเพื่อศาสนาคือความสุขอันยิ่งใหญ่ของ ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าถือมันเป็นดั่งสัญลักษณ์หนึ่งว่าพระผู้เป็นเจ้าทรง ยอมรับคําสรรเสริญอันต่ําต้อยของข้าพเจ้า โอกาสที่ทําให้ข้าพเจ้า สามารถแสดงตัวเองอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นการปฏิบัติการ ของพระองค์เช่นกัน เพราะแท้จริงแล้วมันคือลูกโซ่ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่นําข้าพเจ้าไปสู่ก้าวต่อไปโดยไม่รู้ตัว จนกระทั้งทั้งหมดเป็นที่ชัดเจนอย่างทันใดต่อดวงตาของข้าพเจ้า ทําไมมันจึงได้เป็นไป?

ในจดหมายฉบับหนึ่งถึงเพื่อนสนิทชาวอเมริกันที่อยู่ในปารีส พระราชินีแมรี่ทรงเขียนว่า ?ไม่นานมานี้ความหวังอันยิ่งใหญ่มาถึงข้าพ เจ้าจากพระอับดุลบาฮา ข้าพเจ้าได้พบในข่าวสารของพระองค์และ ข่าวสารของพระบิดาของพระองค์คือพระบาฮาอุลลาห์ ความปรารถนา ทั้งหมดของข้าพเจ้าต่อศาสนาที่แท้จริงเป็นที่สมปรารถนาแล้ว 9 และต่อมาในจดหมายอีกฉบับหนึ่งถึงท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ?คําสั่ง สอนของศาสนาบาไฮนํามาซึ่งสันติภาพและความเข้าใจ มันเป็นเหมือน วงแขนกว้างที่รวบรวมทุกคนที่ได้ค้นหาถ้อยคําแห่งความหวังมาเป็น เวลานาน…ข้าพเจ้าเศร้าใจต่อการทะเลาะวิวาทเรื่อยมาในหมู่สาวกทั้ง หลายของความเชื่อต่าง ๆ มากมาย เหนื่อยหน่ายต่อความไม่อดทน ต่อกันและกันของพวกเขา ข้าพเจ้าได้ค้นพบวิญญาณที่แท้จริงของ พระคริสต์ซึ่งถูกปฏิเสธและเข้าใจผิดบ่อยครั้งอยู่ในคําสั่งสอนของ ศาสนาบาไฮ? และในจดหมายฉบับหนึ่งถึงมาร์ธา รูท พระราชินี แมรีทรงเขียนว่า ?สัจธรรมอันสวยงามของพระบาฮาอุลลาห์อยู่กับข้าพ เจ้าเสมอ มันคือสิ่งช่วยเหลือและดลบันดาลใจ ที่เขียนดังนี้เป็นเพราะ ว่าหัวใจของข้าพเจ้าล้นด้วยความขอบคุณสําหรับสิ่งที่ควรค่าพิจารณา ที่ท่านนํามาให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความสุขถ้าท่านคิดว่าข้าพเจ้าได้ช่วย เหลือ ข้าพเจ้าคิดว่ามันอาจนําสัจจธรรมใกล้เข้ามาเพราะถ้อยคําของ ข้าพเจ้าได้รับการอ่านโดยประชาชนมากมาย?

ในจดหมายถึงเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ใกล้อัคคา ในบ้านหลังหนึ่งที่พระบาฮาอุลลาห์เคยอาศัย พระราชินีแมรี่ทรงดูรูปจดหมายฉบับจริงที่หน้า 395 เขียนว่า ?แท้จริงแล้วมันเป็นความเบิกบานที่ได้ยินจากท่าน ที่ได้ คิดว่าท่านคือสาวกคนหนึ่งของพระบาฮาอุลลาห์เช่นเดียวกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสนใจที่ท่านอาศัยอยู่ในบ้านพิเศษหลังนั้นข้าพเจ้าสนใจ อย่างแรงกล้าและศึกษาแต่ละรูปภาพด้วยความตั้งใจ มันต้องเป็นสถาน ที่ที่น่ารัก…และบ้านที่ท่านอาศัยอยู่ดึงดูดใจอย่างไม่น่าเชื่อและเป็นสิ่ง ล้ําค่าเพราะมันร่วมสัมพันธ์กับบุรุษที่พวกเราทั้งหมดเคารพ…? คํา สรรเสริญสุดท้ายของพระราชินีแมรี่ต่อศาสนาที่เธอรักยิ่งได้เขียนไว้ เมื่อ 2 ปีก่อนที่จะสิ้นลมหายใจว่า ?เมื่อโลกกําลังเผชิญความวิกฤติ แห่งความงงงวยและความไม่สงบดังกล่าวซึ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ กว่าใน ปัจจุบัน เราต้องมั่นคงในศาสนาแสวงหาสิ่งที่เชื่อมเข้าด้วยกันแทน ที่จะฉีกจากกันสะบั้น สําหรับบรรดาผู้ที่แสวงหาแสงสว่าง คําสั่งสอน ของศาสนาบาไฮได้เสนอดวงดาวที่จะนําพวกเขาไปสู่ความเข้าใจที่ ลึกซึ้งยิ่งกว่า ไปสู่ความมั่นใจ สันติภาพและไมตรีจิตกับมนุษย์ทั้งหมด…?

บทที่ 24 ภาระหน้าที่ของท่านโชก เอฟเฟนดิ

การก่อสร้างและแผ่ขยายระบบของศาสนาที่ประทานมาโดย พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งสาวกทั้งหลายได้ริเริ่มตรากตรําและฟันฝ่าอุปสรรค ทั้งหลายทั้งจากศัตรูภายนอกและภายใน จะบังเกิดขึ้นมิได้หากปราศ จากการนําทางอย่างไม่มีผิดพลาดโดยท่านโชก เอฟเฟนดิ ผู้ซึ่งสืบเชื่อ สายโลหิตมาจากผู้ก่อตั้งศาสนาและได้รับการประสิทธิ์ประสาทอํานาจ จากพระผู้เป็นเจ้าด้วย ?พระประสงค์และพินัยกรรม? ของพระอับดุล บาฮา ถึงแม้จะจมลงไปในความทุกข์โศกอย่างไม่คาดคิดจากมรณ ภาพของพระอับดุลบาฮาและถึงแม้อายุยังน้อย ท่านโชก เอฟเฟนดิ ได้ลุกขึ้นแบกภาระต่อจากพระอับดุลบาฮา เริ่มต้นเข้าสู่ยุคแห่งการ ก่อสร้างระบบซึ่งกฎและเทศบัญญัติของมันได้กําหนดไว้ในพระคัม ภีร์คีตาบี-อัคคัส โครงร่างของมันวาดไว้ใน? ?พระประสงค์และพินัย กรรม? ของพระอับดุลบาฮา และแผนการแผ่ขยายของมันเปิดเผย ไว้ใน ?ธรรมจารึกแห่งแผนงานสวรรค์? ชุมชนบาไฮทั้งในโลกตะวัน ออกและโลกตะวันตก ทั้งบุรุษและสตรี ทั้งผู้อ่อนวัยและผู้อาวุโส ด้วย ความเศร้าโศกและความอกสั่นขวัญหนีจากมรณภาพของพระอับดุล บาฮา และด้วยความซื่อสัตย์ต่อ ?พระประสงค์และพินัยกรรม? ของ พระองค์ พวกเขาได้มอบความจงรักภักดีให้กับ ท่านโชก เอฟเฟนดิ ผู้นําหนุ่มน้อยคนใหม่ของพวกเขา ซึ่งเป็นผู้เดียวที่สามารถนําทาง และให้ความกระจ่างเกี่ยวกับความหมายของคําสั่งสอนของศาสนา

จดหมายนับหมื่นฉบับที่ท่านโชก เอฟเฟนดิ ได้ติดต่อทั้งกับ ชุมชนบาไฮและบาไฮศาสนิกชนเป็นการส่วนตัว ได้เป็นแรงดลใจ และเครื่องนําทางของพวกเขาในการก่อสร้างระบบและขยายศาสนาเพื่อสาธิตถึงความเป็นอิสระของศาสนา เพื่อให้ศาสนาเป็นที่ยอมรับ ของรัฐบาลต่าง ๆ ตัวอย่างอันรุ่งโรจน์ของความพยายามและการรับใช้ ของมาร์ธา รูท ซึ่งได้รับการนําทางและสนับสนุนโดยท่านโชก เอฟเฟนดิ และนําชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่ศาสนา พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่แปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษรวมทั้งบทประพันธ์ของ ท่านโชก เอฟ เฟนดิเอง ได้ช่วยให้บาไฮศาสนิกชนทั้งหลายมีความรู้และเข้าใจความ หมายของศาสนาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การบุกเบิกศาสนาซึ่งแต่เดิมธงของ ศาสนาปักอยู่ใน 35 ประเทศในสมัยของพระอับดุลบาฮาได้แผ่ขยาย ออกไปถึง 254 ประเทศในช่วงการเป็นศาสนภิบาลของ ท่านโชกิ เอฟ เฟนดิ การดําเนินธุรกิจต่าง ๆ ของศาสนาด้วยแผนงานและเป้า หมายที่ชัดเจน ในขณะที่ผู้นําศาสนาอื่นทั้งหลายกําลังเดินอยู่ในความ สับสนไม่รู้ว่าจะดําเนินธุรกิจศาสนาของตนไปในทิศทางใด และไม่มี แผนงานอันชัดเจนที่จะประสานสามัคคีโลกซึ่งการสถาปนาของมัน ได้รับการทํานายไว้ในพระคัมภีร์ของพวกเขาเอง การได้รับสถานภาพ ของชุมชนบาไฮนานาชาติเป็นองค์การที่ขึ้นตรงต่อองค์การสหประชา ชาติในปี ค.ศ.1948 อันเป็นสถานภาพที่ช่วยเพิ่มพูนเกียรติให้แก่ศาสนา และเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่ตัวแทนของชุมชนบาไฮนานาชาติที่เข้าร่วม การประชุมต่าง ๆ ขององค์การสหประชาชาติ การยกระดับสถาน ภาพของศาสนาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จนเป็นที่ยอมรับของรัฐบาลและ มีฐานะเป็นศาสนาแห่งโลกศาสนาหนึ่งเทียบเท่ากับศาสนายิว ศาสนา คริสต์และศาสนาอิสลาม การมาเยี่ยมเยียนของประธานาธิบดีเบน ซวีแห่งอิสราเอลตามคําเชิญของ ท่านโชก เอฟเฟนดิ ที่สุสานพระบ๊อบ ในวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1954 และประธานาธิบดีเบนซวีได้แสดง ความเคารพต่อสุสานพระบ็อบดังเช่นปฏิบัติต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ ชาวยิว เหล่านี้คือตัวอย่างที่เป็นพยานต่อความสามารถของท่านโชกเอฟเฟนดิ ในการบริหารธุรกิจของศาสนาและนําทางชุมชนบาไฮทั้ง ในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก ซึ่งจะนําไปสู่การเป็นที่ยอมรับทั่ว โลกในที่สุดถึงความเป็นสากลและความเป็นอิสระของศาสนาบาไฮ

ที่ขนานไปกับการโผล่ขึ้นมาของสถาบันทั้งหลายของศาสนา ในประเทศต่าง ๆ ซึ่งเป็นความสําเร็จอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของท่านโชก เอฟเฟนดิ คือการผุดขึ้นของศูนย์กลางแห่งโลกในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่ง เป็นศูนย์กลางของระบบบริหารของศาสนา แม้ปาเลสไตน์จะเป็น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกันของศาสนายิว ศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม กระนั้นฐานะของศาสนาบาไฮในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นฐานะที่พิเศษ เฉพาะกว่า เมืองเยรูซาเล็มแม้จะเป็นศูนย์กลางแห่งจิตใจของโลก คริสเตียนแต่มันมิได้เป็นศูนย์กลางการบริหารของคริสเตียนนิกาย ใด ๆ ในทํานองเดียวกันแม้เยรูซาเล็มจะได้รับการพิจารณาโดย มุสลิมว่าเป็นตําแหน่งที่สุสานอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตั้งอยู่ แต่ตําแหน่ง ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามซึ่งเป็นศูนย์การนมัสการนั้นอยู่ในอาราเบีย มิใช่ปาเลสไตน์ เฉพาะชาวยิวเท่านั้นที่มีความผูกพันกับดินแดน ศักดิ์สิทธิ์นี้ที่พอจะเปรียบเทียบได้กับบาไฮศาสนิกชน เนื่องด้วยเยรู ซาเล็มมีวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาอยู่และเป็นตําแหน่งของทั้งสถา บันทางศาสนาและการปกครองที่ร่วมสัมพันธ์กับอดีตของพวกเขา แต่กระนั้นก็ยังต่างกับศาสนาบาไฮในแง่หนึ่ง เพราะดินแดนปาเลสไตน์ นี้เป็นที่ฝังศพของบุคคลที่เป็นศูนย์กลางศาสนาบาไฮคือ พระบ็อบ พระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮา ดังนั้นปาเลสไตน์มิใช่เพียงเป็น ศูนย์กลางแห่งการนมัสการของบาไฮศาสนิกชนทั่วโลก แต่ยังเป็นตํา แหน่งถาวรของระบบบริหารของศาสนาบาไฮ

นอกเหนือจากการนําทางและการดูแลธุรกิจทั้งหลายของชุม ชนบาไฮทั้งในโลกตะวันออกและโลกตะวันตก ท่านโชก เอฟเฟนดิได้พัฒนาศูนย์กลางแห่งโลกในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นการคลืออก ของขบวนการอันทรงอํานาจตามที่พระบาฮาอุลลาห์ ได้เปิดเผยไว้ใน ?ธรรมจารึกแห่งคาเมล? เป็นขบวนการที่เริ่มต้นตั้งแต่การซื้อที่ดิน บริเวณที่พระบาฮาอุลลาห์ระบุไว้ให้เป็นตําแหน่งสุสานของพระบือบ และตามมาด้วยการเคลื่อนย้ายศพของพระบ็อบมาบรรจุบนภูเขาคาเมล ความเป็นอิสระอย่างเด็ดขาดจากโซ่ตรวนของอาณาจักรออตโตมาน ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งทําให้ศูนย์กลางแห่งโลกได้รับอิสรภาพ และสามารถคืบหน้าต่อไปตามวิถีที่พระผู้เป็นเจ้าได้กําหนดไว้ การ เคลื่อนย้ายศพของมีซาร์ มีห์ดีและอาซียห์ คาห์นูม มาฝั่งในบริเวณ เดียวกันกับสุสานของบาฮียีห์ คานูม ใกล้กับสุสานพระบือบท่ามกลาง การรังควาญของพวกฝ่าฝืนพระกติกา ภัยจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คืบคลานเข้ามาใกล้ศูนย์กลางแห่งโลก รวมทั้งชีวิตท่านโชก เอฟเฟนดิ เมื่อกองทัพนาซีของเยอรมันเคลื่อนเข้ามาเกือบถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคําสั่งสอนของศาสนาบาไฮหลายอย่างขัดกับอุดมการณ์ของฮิท เล่อร์และทําให้กิจกรรมทั้งหมดของศาสนาในเยอรมันถูกระงับทั้ง หมด นับเป็นภัยที่ชวนให้ระลึกถึงอันตรายที่คืบคลานใกล้เข้าสู่พระ อับดุลบาฮาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 การใช้ความรุนแรงขู่เข็ญ และการก่อการร้ายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างดุเดือดเมื่ออํานาจการ ปกครองของอังกฤษใกล้จะสิ้นสุดลง ระหว่างชาวยิว ชาวอาหรับและ ชาวอังกฤษ ซึ่งจําเป็นต้องมีการประกาศห้ามประชาชนออกนอกบ้าน ในเวลากลางคืนและบางครั้งในเวลากลางวันด้วย ประชาชนทั้งหมด ตกอยู่ในความตึงเครียดรวมทั้งท่านโชก เอฟเฟนดิ ซึ่งบางครั้งต้อง นอนหลับท่ามกลางเสียงปืนที่ยิงกันทั่วเมือง ชาวอาหรับที่มาตั้ง ถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ใกล้กับสุสานพระบ็อบ และ ทหารอังกฤษที่มาตั้ง ฐานปืนกลบริเวณใกล้สุสานพระบ็อบบนพื้นที่ที่เป็นทรัพย์สินของศาสนาบาไฮ ได้ก่อให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัยของสุสาน ศักดิ์สิทธิ์ ความยากลําบากในการก่อสร้างสุสานพระบ็อบเพิ่มเติม เนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์ซึ่งทําให้ต้องดําเนินการก่อสร้างไปเป็น ช่วงๆ จนเสร็จสมบรูณ์ รวมทั้งความยากลําบากในการสั่งซื้อและการ ขนส่งหินอ่อนที่แกะสลักและวัดขนาดเรียบร้อยจากประเทศอิตาลีเพื่อ นํามาก่อสร้างสุสานพระบ็อบ การซ่อมแซมและการก่อสร้างคฤหาสน์ บาห์จีเพิ่มเติมหลังจากที่ตกอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมมาเป็นเวลาหลาย ปีโดยการเข้าครอบครองอาศัยของพวกฝ่าฝืนพระกติกา ซึ่งพวกเขา ได้ถอดเครื่องประดับและเครื่องตกแต่งไปขายหมด เหล่านี้ได้ช่วยสา ธิตถึงความสําเร็จในความตรากตรําของท่านโชก เอฟเฟนดิ ในการ พัฒนาศูนย์กลางแห่งโลก และพระกรุณาของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้คุ้ม ครองท่านโชก เอฟเฟนดิและศาสนาของพระองค์

ถึงแม้จะอยู่ในระหว่างปีแห่งสงคราม ท่านโชก เอฟเฟนดิก็ยัง คงดําเนินงานต่อไปตาม ?ธรรมจารึกแห่งแผนงานสวรรค์? ที่เปิดเผย ไว้โดยพระอับดุลบาฮาซึ่งสืบแรงดลใจมาจากพระบาฮาอุลลาห์ ท่าน โชก เอฟเฟนดิ ได้ทําหน้าที่บัญชาการเป็นดั่งแม่ทัพที่ยกกองทัพธรรม ที่ประกอบด้วยบาไฮศาสนิกชนจากทวีปอเมริกาเหนือบุกเข้าเอาชนะ ซีกโลกตะวันตก ในขณะที่แม่ทัพผู้มีชื่อเสียงทั้งหลายได้ยกทัพทํา สงครามทําลายล้างกันในทวีปยุโรป เอเซียและอัฟริกาอย่างสยดสยอง อย่างไม่เคยมีมาก่อน แม่ทัพธรรมผู้ไม่เป็นที่รู้จักนี่คือ ท่านโชก เอฟ เฟนดิกําลังคิดและดําเนินการตามแผนงานสวรรค์ สงครามของแม่ ทัพเหล่านั้นมาจากความเกลียดชังและความทะเยอทะยาน ส่วนของ ท่านโชก เอฟเฟนดิมาจากความรักและความเสียสละ ชื่อของแม่ ทัพเหล่านี้กําลังถูกลืมไปทีละน้อย ขณะที่ชื่อของท่านโชก เอฟเฟน ดิกําลังรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งดวงอาทิตย์แห่งอัจฉริยะและความสําเร็จของท่านโชก เอฟเฟนดิจะฉายแสงต่อไปเป็นเวลา 1,000 ปี

ศาสนาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกให้กําเนิดในดินแดนของประ ชาชนที่เสื่อมทราม ล้าหลังและวิปริตที่สุดคือเปอร์เซีย และทรงเลือก ดินแดนกําเนิดของระบบบริหารศาสนาในหมู่ประชาชนที่จมอยู่ใน ทะเลแห่งวัตถุนิยมคืออเมริกา เป็นการพิสูจน์อย่างเพียงพอถึงอํานาจ ของพระผู้เป็นเจ้าที่จะฟื้นฟูชีวิตใหม่ให้แก่ประชาชนของโลก บาไฮ ศาสนิกชนในเปอร์เซียได้ทนการประหัตประหารมากว่าหนึ่งศตวรรษ เป็นการพิสูจน์ถึงอํานาจสวรรค์อันแท้จริงที่ประสาทมาให้แก่การเปิด เผยศาสนาครั้งนี้ ซึ่งถึงแม้ศัตรูได้พยายามขจัดเปลวไฟของศาสนามา ตั้งแต่เริ่มต้นก็ไม่ประสบผลสําเร็จ บาไฮศาสนิกชนในอเมริกาได้เป็นกอง กําลังสําคัญในการบุกเบิกศาสนาไปทั่วทั้ง 5 ทวีป และวางรากฐานระบบ บริหารเบื้องต้นเพื่อพัฒนาไปสู่ระบบแห่งโลกอันใหม่ ภายใต้การ กุมบังเหียนศาสนาของท่านโชก เอฟเฟนดิเป็นเวลา 36 ปี บาไฮศาสนิก ชนทั้งหลายเริ่มมีความเข้าใจศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าสําหรับยุคนี้ และสถาบันทั้งหลายของระบบบริหารของศาสนาได้เริ่มก่อตัวขึ้นเป็น รูปร่าง บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะคืบหน้าต่อไปด้วยตนเองเป็น การพิสูจน์ถึงอํานาจของพระผู้เป็นเจ้าที่ยังคงค้ําจุนพวกเขาอยู่เสมอ แม้พวกเขาจะถูกตัดขาดจากผู้นําอย่างเด็ดขาดและเป็นครั้งสุดท้าย เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1957 ท่านโชก เอฟเฟนดิล้มป่วยเป็นโรคไข้ หวัดใหญ่ขณะอยู่ที่ลอนดอน และเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน ภรรยาของ ท่านโชก เอฟเฟนดิ เข้ามาทักทายร่างอันไร้วิญญานของท่านที่อยู่บน เตียงนอนโดยคิดว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านโชก เอฟเฟนดิเสียชีวิต ด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันด้วยอายุ 60 ปี อีกครั้งหนึ่งดังเช่นเมื่อครั้ง มรณภาพของพระอับดุลบาฮา ความอกสั่นขวัญหนี้และความทุกข โศกได้ครอบงําบาไฮศาสนิกชนทั่วทั้งโลกตะวันออกและตะวันตกเมื่อพวกเขาสูญเสียท่านโชก เอฟเฟนดีอย่างไม่เป็นที่คาดคิด เมื่อพวก เขาสูญเสียพระบ็อบพวกเขายังมีพระบาฮาอุลลาห์ เมื่อพวกเขาสูญ เสียพระบาฮาอุลลาห์ พวกเขายังมีพระอับดุลบาฮา เมื่อพวกเขาสูญ เสียพระอับดุลบาฮา พวกเขายังมีท่านโชก เอฟเฟนดิ แต่บัดนี้เป็นการ สูญเสียที่ไม่มีผู้มาทดแทน พวกเขาต้องยืนหยัดอยู่ด้วยตนเอง ภาย หลังจากการเสียชีวิตท่านโชก เอฟเฟนดิ พระหัตถ์ศาสนาและธรรม สภาแห่งชาติต่าง ๆ ได้ร่วมมือกันดําเนินธุรกิจของศาสนาต่อไปอย่าง พากเพียร ในที่สุดในปี ค.ศ. 1963 สภายุติธรรมสากลที่บัญญัติไว้ใน พระคัมภีร์คีตาบี-อัคดัสเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้วได้ผุดขึ้นมาโดยมีธรรม สภาแห่งชาติ 56 ประเทศเป็นฐาน เป็นสถาบันสูงสุดของพระผู้เป็นเจ้า สําหรับมนุษยชาติในยุคนี้ที่จะปกป้องและนําทางมนุษยชาติอย่างไม่ มีผิดพลาดต่อไปเป็นเวลา 1,000 ปี จนกว่าพระผู้เป็นเจ้าจะเปิดเผย ศาสนาครั้งใหม่ ดังที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันไว้เกี่ยวกับสมาชิก ของสภายุติธรรมสากลซึ่งเลือกตั้งมาจากบาไฮศาสนิกชนทั่วโลกว่า ?โดยแท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าจะทรงดลใจพวกเขาในสิ่งที่พระองค์ ปรารถนา? ภายใต้การนําทางของสภายุติธรรมสากลนี้ ชุมชนบาไฮ ทั่วโลกได้ตรากตรําดําเนินธุรกิจของศาสนาต่อไปอย่างเป็นระบบ และ ก่อตั้งสถาบันทั้งหลายของระบบบริหารเป็นแบบแผนเดียวกันซึ่งเป็น ระบบที่พาดพิงไว้ในพระคัมภีร์บายัน กฎและเทศบัญญัติทั้งหลาย ของมันได้กําหนดไว้ในพระคัมภีร์คีตาบี-อัคคัส และโครงร่างของ มันวาดไว้ใน ?พระประสงค์และพินัยกรรม? ของพระอับดุลบาฮา เป็นระบบที่จะเติบโตไปเป็นระบบแห่งโลกอันใหม่ที่ถูกกําหนดให้ ผุดขึ้นมาแทนที่ระบบอันบกพร่องและล้มละลายทั้งหลายที่มีอยู่ทั่ว ไปและกําลังแตกสลายอย่างรวดเร็ว ดังที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงจารึกไว้ ว่า ?โดยเราเอง วันนั้นกําลังใกล้เข้ามาคือวันที่เราจะม้วนเก็บโลกและทั้งหมดอยู่ในนั้น และแผ่ระบบใหม่อันหนึ่งเข้ามาแทนที่?