การแสวงหาดวงประทีปแห่งอาณาจักรพระผู้เป็นเจ้า

ความรุ่งโรจน์แห่งอาณาจักรพระผู้เป็นเจ้า

?หากสูเจ้าเสาะแสวงหาแสงแห่งการนำทางไปสู่อาณาจักรองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วไซร้ จงอย่ารอช้า รีบมุ่งหน้าไปยังแหล่งชุมนุมของบาไฮศาสนิกชน…?

ด้วยพระวจนะซึ่งแฝงไปด้วยความหมายขององค์พระศาสดาข้างต้นนี้ เราใคร่ขอแนะนำหนังสือสองเล่มที่ได้บรรจงรวบรวมขึ้นใหม่โดยแผนกวิจัยค้นคว้าของสภายุติธรรมแห่งสากล ภายในเล่มก็เป็นการเรียบเรียงบทธรรมนิพนธ์ขององค์พระศาสดาบาฮาอุลลาห์ พระอับดุลบาฮาและของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ซึ่งยังไม่เคยตีพิมพ์ ???????เผยแพร่มาก่อน

หนังสือสองเล่มนี้มีชื่อว่า ?การสังสรรค์ชุมนุมระหว่างบาไฮศาสนิกชน? และ ?การจัดงานฉลองสิบเก้าวัน? เป็นหนังสือที่ได้พิมพ์ออกมาในช่วงเวลาอันเหมาะสมพร้อมที่จะเป็นกุญแจไขปัญหาบางประการ ซึ่งได้เคยเป็นต้นเหตุของความสับสนมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือสองเล่มนี้ยังจะทำให้เราเกิดความกระจ่าง เข้าใจถึงความสำคัญในการสังสรรค์ทางจิตวิญญาณของเรา เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและความคงอยู่ของศาสนา

การชุมนุมสังสรรค์ที่ได้จัดขึ้นเป็นประจำ การจัดงานฉลองสิบเก้าวัน การจัดงานฉลองครบรอบวาระต่างๆ และงานพบปะชุมนุมพิเศษต่างๆ ?จัดในลักษณะของการรับใช้ ส่งเสริมสังคมในแง่สติปัญญา พัฒนาจิตวิญญาณแก่เพื่อนร่วมโลก? เหล่านี้ล้วนจะต้องได้รับความเอาใจใส่จดจำจากบาไฮศาสนิกชนทุกท่านที่ได้ศึกษาข้อความแห่งพระวจนะเบื้องต้นอย่างตั้งใจ แล้วเกิดความซาบซึ้งตรึงใจอย่างแน่นแฟ้น แล้วเราก็จะนำไปสู่งานชุมนุมสังสรรค์ระหว่างบาไฮด้วยความรู้สึกที่สนุกสนานกว่า สมดังความคาดหวังในเมื่อรอบสถานที่นั้นเราได้รับความวางใจจากองค์พระศาสดาบาฮาอุลลาห์ ?ซึ่งจะห่อหุ้มหัวใจของผู้ประพฤติปฏิบัติจริงและผู้ประพฤติดีทุกคน? เรายังจะปฏิเสธที่จะประดับบ้านเราด้วยการชุมนุมสังสรรค์ระหว่างบาไฮอีกหรือ ในเมื่อเราก็ทราบดีว่าถ้าทำเช่นนั้นแล้ว ?บ้านก็จะกลายเป็นสวรรค์ และโครงสร้างของบ้านที่ประกอบด้วยหินก็จะกลายเป็นที่ชุมนุมแห่งจิตวิญญาณ? เราสามารถใช้เป็นที่ตั้งจิตอธิษฐานในการจัดชุมนุมสังสรรค์ต่างๆ ได้ ในเมื่อองค์พระศาสดาทรงเคยตรัสไว้ว่า ?…..จากทำเลที่ตั้ง พื้นดินและมวลอากาศที่อยู่รอบๆ นั้น สูเจ้าก็จะสูดหายใจเอาความหอมกรุ่นแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าไปได้มิใช่หรือ?

ทุกถ้อยคำแห่งพระวจนะที่ได้รวบรวมมานี้ล้วนมีอนุภาพมหาศาล ทุกข้อความมีค่าอันสูงส่ง พวกเราจะขอร่วมศึกษาหนังสือสองเล่มนี้กับเพื่อนๆ ด้วยหวังว่าหนังสือสองเล่มนี้ จะเป็นเพื่อนคู่กายของพวกเขาตลอดไป และเป็นหนังสือที่แต่ละบุคคล แต่ละหมู่คณะใช้ศึกษา หรือกล่าวอ้างอิงได้ เมื่อใดก็ตามที่มีการจัดงานฉลองสิบเก้าวันหรืองานชุมนุมสังสรรค์อื่นๆ เพราะไม่เพียงแต่ว่า ?การชุมนุมเช่นนั้นจะยังความสุข ความสันติอันหาขอบเขตมิได้?เท่านั้น แต่หากยังเป็น ?สถานที่ที่บุคคลผู้มีความเชื่อมั่นศรัทธามาพบปะชุมนุมกัน ณ ที่นั้นก็จะเป็นที่ๆ ความดีงามขององค์พระศาสดาบาฮาอุลลาห์สถิตอยู่?

ธรรมสภาบาไฮแห่งชาติ

มกราคม 2519

งานฉลอง 19 วัน

  • จากบทธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์

?ในแต่ละเดือน จะมีงานฉลองระหว่างศาสนิกชนขึ้นหนึ่งครั้ง ถึงแม้ว่าในงานนี้จะไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าก็ตาม เพราะนั่นเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่จะรวมเอาหัวใจของคนทั้งปวงเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะต้องใช้วิถีทางใดๆ ที่มีอยู่ทั้งโลกนี้และในเบื้องบนสวรรค์ก็ตาม?

(จากพระคัมภีร์คีตาบี อัคดัส)

  • จากบทธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา

?ข้าแต่ผู้รับใช้แห่งความดีงาม ในทุกยุคสมัย และในทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานมาให้ การจัดงานฉลองก็เป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชอบ และการเพิ่มขยายโต๊ะให้แก่ผู้ที่รักในองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ นี่เป็นยุคปัจจุบันที่พิเศษ เป็นยุคที่พระองค์ทรงพระกรุณายิ่งกว่ายุคใดๆ ในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานมาให้เป็นสิ่งที่ล้ำเลิศ เพราะว่ามีการจัดพบปะชุมนุมเพื่อสักการะบูชา และกล่าวสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้ากันอย่างจริงจัง ว่านี้คือพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ นี้คือบทสวดแห่งสวรรค์ มีการสวดสรรเสริญสดุดีพระเกียรติคุณ เพื่อหัวใจจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และดื่มด่ำเคลิบเคลิ้มในสิ่งเหล่านี้?

?เจตจำนงค์เบื้องต้นของการชุมนุมก็คือ เพื่อปลุกจิตวิญญาณให้ตื่นตัว แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นธรรมชาติอยู่เองที่ผู้เข้าร่วมในการชุมนุมนั้นควรได้รับส่วนแบ่งของอาหาร เพื่อว่าส่วนที่เป็นกายสรีระจะสะท้อนให้เห็นภาพในส่วนที่เป็นจิตวิญญาณ และเนื้อหนังมังสาก็จะได้สถิตอยู่กับดวงวิญญาณแห่งความดี และในขณะที่ความอิ่มเอิบทางจิตวิญญาณกำลังท่วมท้น ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีความสุขสบายทางด้านร่างกายด้วย?

?ขอสูเจ้าทั้งหลาย จงมีความสุขที่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัตินี้ ซึ่งแฝงไปด้วยความหมาย เพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้ทำให้มวลมิตรทั้งหลายเกิดการตื่นตัว และเอาใจใส่ แล้วจะได้นำความสงบมาสู่จิตใจ ตลอดจนนำความเบิกบานมาสู่เขาเหล่านั้น?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาที่ส่งไปถึงบาไฮศาสนิกชนกลุ่มหนึ่ง)

?ข้าขอวิงวอนพระองค์ว่า ขอให้การพบปะชุมนุมนี้จงมีขึ้นบ่อยครั้งที่สุด และขอให้งานฉลอง 19 วัน จงเป็นที่ยึดถือปฏิบัติเพื่อที่ว่าศาสนิกชนทั้งชายหญิงจะได้ฝึกปฏิบัติตนด้วยการกล่าวถึงพระนาม สรรเสริญ สดุดีพระองค์ และนำทางที่ถูกต้องแก่เขาทั้งหลาย

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา)

?พระองค์ได้ทรงบัญญัติไว้ว่า การจัดงานชุมนุมนั้นอาจจะจัดขึ้นที่จตุรัสประตูเมืองก็ได้… ขออย่าได้เรียกว่าเป็นการชุมนุมเลยแต่ให้เรียกว่า เป็นการชุมนุมจิตวิญญาณบริสุทธิ์ คือเป็นที่ประชุมของบุคคลที่รักพระองค์ เป็นแหล่งที่บุคคลขอพักอยู่ในร่มพระเมตตาเป็นพระราชตำหนักสำหรับที่ทุกคนเข้าไปขับร้องกล่าวสรรเสริญพระองค์ เพราะว่าแต่ละคนที่เข้าไปร่วมชุมนุมครั้งนั้น เปรียบได้กับว่าทุกคนเป็นดวงเทียนที่ถูกจุดให้สว่างไสวขึ้น และที่ชุมนุมนั้นก็เปรียบได้กับคฤหาสน์ที่มีดวงจันทร์และดวงดารามากมายแล้วที่ชุมนุมนั้นก็จะได้รับพระพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอให้จัดงานฉลองขึ้นเป็นประจำตามที่ได้บัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนกลุ่มหนึ่ง)

?สูเจ้าจะได้รับเชิญไปงานฉลอง 19 วันทุกเดือน งานฉลองนี้จัดขึ้นเพื่อเพิ่มกระชับความเป็นมิตร และความรักซึ่งกันและกันเพื่อวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าให้มาสถิตอยู่ในจิตใจของเรา และวิงวอนพระองค์ด้วยจิตสำนึก และเพื่อให้มีกำลังใจแสวงหาร่มพระเมตตาของพระองค์?

?นั่นก็หมายความว่า ใครก็ตามที่อ่านบทอธิษฐาน หรือพระวจนะศักดิ์สิทธิ์แล้ว หรือประพฤติปฏิบัติกับผู้อื่นด้วยความรักแล้วเขาผู้นั้นก็จะได้พำนักอยู่ภายใต้รัศมีของพระองค์?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา)

?เช่นงานฉลอง 19 วันนั้น เป็นงานที่ยังความปิติเบิกบานแก่หัวใจ และจิตใจ หากการจัดงานฉลองทำให้ถูกต้องเหมาะสมแล้วจะต้องจัดให้มีขึ้นทุกสิบเก้าวัน เพื่อต้องการให้เพื่อนๆได้รับการฟื้นฟูทางจิตวิญญาณขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง และยังเป็นการเพิ่มพลังจิตวิญญาณในโลกหน้าอีกด้วย?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?พระองค์ได้ทรงบันทึกเพื่อเป็นเกียรติแด่องค์พระเกียรติคุณเกี่ยวกับงานฉลองว่า

?งานฉลองนี้ พระศาสดาบ๊อบได้ทรงกำหนดขึ้นให้มีการจัดขึ้นทุก 19 วัน และเช่นเดียวกันองค์พระศาสดาบาฮาอุลลาห์พระผู้ทรงประเสริฐสุดก็ได้ทรงบัญญัติให้มีขึ้น ทรงให้การส่งเสริมและกล่าวย้ำอยู่เสมอถึงเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นงานฉลองนี้จึงเป็นงานที่มีความสำคัญมาก สูเจ้าจงให้ความเอาใจใส่ต่อการจัดงาน และช่วยกันยกระดับความสำคัญของงานนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อที่ว่างานฉลองนี้จะได้เป็นที่พึงปฏิบัติสืบไป ผู้ที่ยอมรับในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องเข้าร่วม สังสรรค์กับคนอื่นๆ ด้วยความรัก ความร่าเริง และความอ่อนหวาน ทุกคนที่มาในงานนี้จะต้องทำตนสง่าผ่าเผย เอาใจใส่ดูแลผู้อื่น สวดอธิษฐานพระคัมภีร์ อ่านบทพระบัญญัติ อ่านพระนิพนธ์ต่างๆของพระอับดุลบาฮา ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และให้แนะนำผู้อื่นด้วยความรักฉันมนุษยชาติ วิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความปิติสุข หอมหวาน ขับร้องบทสวด กล่าวสรรเสริญพระเกียรติคุณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า และกล่าวเผยพระวาทะได้อย่างลึกซึ้ง ฝ่ายผู้เป็นเจ้าของบ้านซึ่งเป็นเจ้าภาพงาน ก็จะต้องให้บริการ รับใช้แก่ทุกคนด้วยความรัก เจ้าภาพจะต้องดูแลความสะดวกแก่ทุกคนด้วยความอ่อนน้อม และจะต้องแสดงความรักเมตตาแก่ทุกๆ คน ถ้าหากว่างานฉลองได้จัดขึ้นในลักษณะ และวิธีการดังกล่าวแล้วนี้งานเลี้ยงนั้นก็เป็นงานเลี้ยงแห่งพระผู้เป็นเจ้า? เพราะว่าผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างเดียวกัน ตลอดจนผลที่จะเกิดตามก็เป็นเช่นเดียวกัน?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา หน้า 468-469)

?งานฉลอง 19 วันนี้ สูเจ้าจักต้องให้ความเอาใจใส่อย่างรอบคอบที่สุด และจะต้องจัดให้มีขึ้นอย่างมั่นคง เพราะว่างานฉลองนี้จะนำมาซึ่งพระพรอันประเสริฐ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และความรักแด่ผู้ที่มีความรักในองค์พระผู้เป็นเจ้า?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?ได้รับสาส์นของพระองค์แล้ว ซึ่งเป็นสาส์นเกี่ยวกับงานฉลอง 19 วัน ซึ่งนำความปิติยินดีมาสู่หัวใจข้าพระองค์ยิ่งนัก การรวมตัวชุมนุมกันนี้จะดลบันดาลให้ข้อจารึกของพระผู้เป็นเจ้าจากสรวงสวรรค์ลงมาสู่มนุษย์โลก และจะนำเอาข่าวน่าปิติมาด้วย ความหวังของข้าพระองค์ก็คือการได้สูดหายใจเอาพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าไป และจะได้เผยออกสู่เขาเหล่านั้น ในการชุมนุมของคนจำนวนมากนั้น ผู้คนที่มาชุมนุมจะต้องทำตนด้วยความยินดีในการประกาศว่า พระอาทิตย์แห่งสัจธรรมได้ทอแสงขึ้นแล้ว เป็นดวงดาวแห่งรุ่งอรุณของวัน ซึ่งได้ฉายแสงให้แก่ชาวโลก?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?พระองค์ได้ทรงจารึกเกี่ยวกับงานฉลอง 19 วันไว้ว่า งานฉลองนี้เป็นการนำมาซึ่งความปลื้มปิติยินดี เป็นงานที่วางอยู่บนพื้นฐานแห่งความเข้าอกเข้าใจ ความสามัคคี เป็นกุญแจไขไปสู่ความรัก ความเป็นมิตรภาพ และยังเป็นการแพร่กระจ่ายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมวลมนุษยชาติ?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?สูเจ้าจงให้ความสำคัญยิ่งต่อการจัดงานฉลอง 19 วัน เพื่อว่าเป็นโอกาสให้ผู้ที่รัก และผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะได้หันหน้าไปสู่อาณาจักรพระผู้เป็นเจ้า กล่าวพระวาทะต่อประชาชนวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ และเกิดความเบิกบานใจรักใคร่ซึ่งกันและกัน ทวีความบริสุทธิ์ และความศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนมีความ ??????ยำเกรงในพระองค์ สามารถขจัดกิเลสตัณหารวมทั้งความเห็นแก่ตัวต่างๆได้ โดยนัยนี้ เขาเหล่านั้นจะแยกตนเองออกจากธาตุแท้แห่งโลก แล้วหมกมุ่นตนเองอยู่กับจิตวิญญาณอันแรงกล้า?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงธรรมสภาท้อง
ถิ่นแห่งสโปคเกน กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา)

?สูเจ้าจะต้องดำเนินการจัดงานฉลอง 19 วัน ต่อไปเรื่อยๆ เพราะถือว่าเป็นงานที่มีความสำคัญเป็นงานที่ดียิ่ง แต่เมื่อสูเจ้าจะย่างก้าวเข้าไปในงานชุมนุมนั้น ก่อนจะเข้าไปจงทำใจของเจ้าให้ว่างเปล่า ละทิ้งทุกอย่างในความคิด และทำจิตใจให้เหลือเพียงแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า และจงพูดกับหัวใจของเจ้าเองว่า ขอให้ทุกคนจงทำให้งานชุมนุมนี้เป็นงานชุมนุมแห่งความรัก เป็นบ่อเกิดแห่งแสงสว่างเป็นการชุมนุมที่จะดึงดูดเอาหัวใจของคนทั้งปวงเข้าด้วยกัน เป็นการชุมนุมที่จัดขึ้นภายใต้รัศมีแห่งความประสงค์ของพระองค์เพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้ร่วมชุมนุมกันด้วยความรัก

?ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอจงทรงขจัดเสียซึ่งความขัดแย้ง และขอจงทรงเตรียมทุกสิ่งที่จะทำให้ข้าทั้งหลายเกิดความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า จงทรงทำให้พวกข้าทั้งหลายได้ลิ้มรสความหอมหวานแห่งสวรรค์ แล้วจงดลบันดาลการชุมนุมครั้งนี้เป็นงานชุมนุมแห่งสวรรค์ ขอให้พวกเข้าทั้งหลายได้สาระรวมทั้งได้รับการหล่อเลี้ยงทุกสิ่งทุกอย่าง ขอจงทรงประทานความรักแก่ข้าทั้งหลาย ขอจงทรงประทานความรู้แก่พวกข้า ขอทรงประทานความสว่างจากสรวงสวรรค์แก่ข้าทั้งหลายด้วยเถิด?

?สิ่งเหล่านี้ที่ได้กล่าวมา สูเจ้าจงจดจำไว้ในหัวใจ แล้วจงเข้าไปสู่งานฉลองความสามัคคีได้?

?สูเจ้าทุกคนจะต้องคิดถึงวิธีการสร้างความสุข ความสนุกเพลิดเพลินแก่สมาชิกแก่ธรรมสภาของเจ้า สูเจ้าทุกคนจะต้องทำให้ทุกคนในงานเกิดความรู้สึกว่ามีความสุขขึ้น แต่ละคนจะต้องพิจารณาตนเองว่า ต่ำต้อยกว่าใครๆ ทั้งหมด จงทำให้เขาทั้งหลายได้รู้ฐานะอันสูงส่งของเขา แล้วให้คิดว่าตัวเจ้านั้นมีฐานะต่ำต้อยหากเจ้าได้ปฏิบัติ และดำเนินชีวิตไปตามพระบัญญัติเหล่านี้แล้วจงรู้เถิดว่า แน่นอนที่สุด ที่ว่างานฉลองนี้ก็จะเป็นอาหารทิพย์และอาหารมื้อนั้น ก็คือ ?พระกระยาหารของพระผู้เป็นเจ้า? ตัวข้าเองก็คือผู้รับใช้ของพระองค์ในงานฉลองชุมนุมนั้น?

(จากหนังสือสตาร์ออฟ เดอะ เวส (ดวงดาวแห่งโลกตะวันตก)เล่มที่ 4 เลขที่ 7 หน้า 120)

?งานฉลอง 19 วันนั้นพระศาสดาบ๊อบเป็นผู้สถาปนาขึ้นและศาสดาบาฮาอุลลาห์ได้ทรงกล่าวยืนยันไว้ในพระคัมภีร์อัคดัสว่า ความลึกลับต่างๆ นั้นจะถูกเปิดเผยขึ้น เพื่อที่ว่าคนทั้งหลายจะได้ชุมนุมกัน แสดงออกซึ่งความเป็นมิตร และความรักอย่างเห็นได้ชัด วัตถุประสงค์ของการชุมนุมก็เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จนกระทั่งหัวใจเหล่านั้นถูกเชื่อมให้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รู้จักและแสดงตอบซึ่งกันและกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เนื่องจากว่ามนุษย์เป็นสมาชิกของโลก จะดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าหากว่าต่างคนต่างอยู่ ถ้าหากว่าขาดการร่วมมือประสานงาน หรือขาดการช่วยเหลือกันอันเป็นรากฐานของสังคมมนุษย์แล้ว หากปราศจากความสำนึกในหลักการยิ่งใหญ่สองประการนี้แล้ว ความเคลื่อนไหวก้าวหน้าก็จะหาได้ไม่….

?กล่าวโดยย่อแล้ว ข้าพเจ้าหวังว่า การจัดงานฉลอง 19 วันนั้น เป็นบ่อเกิดความแข็งแกร่งแห่งจิตวิญญาณแก่บรรดาเพื่อนๆได้ นั้นก็หมายความว่างานฉลองนั้นจะนำให้บรรดาศาสนิกชนทั้งหลายเข้าไปสู่จุดรวมแห่งความสามัคคี และเมื่อนั้น เราก็จะอยู่ร่วมกันด้วยความรัก และจากข้อคิดอันนี้ก็จะแพร่กระจายจากศูนย์กลางนี้ไปสู่ยังทุกภาคของโลกด้วย งานฉลองนี้เป็นงานฉลองที่จัดถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการถวายพระกระยาหารเย็นแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นงานที่ถือปฏิบัติตามพระราชโองการของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นแฟ้น อันเป็นบ่อเกิดแห่งแสงสว่างที่นำมาสู่หัวใจของคนทั้งหลาย

?มีการจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างใหญ่โตทุกวัน และมีการเลี้ยงโต๊ะกันอย่างมากมาย ด้วยมีจุดประสงค์ที่จะได้รับความเพลิดเพลินทางวัตถุ มีการลิ้มรสอาหาร ผู้คนทั้งหลายจะได้รับอาหารอันโอชะได้ดื่มน้ำจากบ่อจากที่ต่างๆ แล้วพวกเขาก็ได้รับความสนุกสนานด้วยกัน หลังจากนั้นก็ตามด้วยงานลีลาศเต้นรำ ซึ่งทั้งหมดที่ได้กล่าวมาแล้วเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย แต่การชุมนุมเพื่อมิตรภาพนี้ เป็นไปเพื่อความบันเทิงของพระผู้เป็นเจ้า เป็นการรับเอาอาหารทางจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความมั่นใจเรื่องราวทางจิตวิญญาณอย่างแจ่มแจ้ง เป็นการสนทนา และการตีความหมายของพระธรรมและยังเป็นการปรึกษาร่วมกับพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณทั้งสิ้น

?ข้าพเจ้าหวังว่า งานฉลอง 19 วันนี้จะต้องกลายเป็นสถาบันที่จัดขึ้นอย่างมั่นคง เพื่อว่าสภาพที่แท้จริงทางศาสนา ซึ่งแฝงอยู่เบื้องหลังการชุมนุมนี้อาจทำให้มีการละทิ้งอคติข้อขัดแย้งต่างๆได้อันยังให้หัวใจของคนทั้งปวงเป็นแหล่งสะสมความรักได้ แม้ว่าดวงวิญญาณของเขาทั้งหลายจะมีความรู้สึกที่เหลื่อมล้ำกัน ขาดความรัก ก็ตามที แต่ความรู้สึกเช่นนั้น จะต้องถูกขจัดให้หมดสิ้นไปแล้วทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์

?เขาทั้งหลายจะต้องพอใจในความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าอันจะเป็นกำลังในการช่วยยกระดับความสุขให้เกิดในมวลมนุษยชาติ แล้วช่วยเพิ่มพลังอนุภาพแก่พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการกล่าวถึงพระวาทะอันสูงส่งเช่นนั้น จึงทำให้สถาบันการจัดงานฉลองถูกจัดตั้งขึ้นมา เมื่อเขาทั้งหลายมาร่วมงานชุมนุมนี้ทุกคนที่อยู่ในงานก็จะต้องหันหน้าไปสู่อาณาจักรนิรันดร์ อ่านคำสอน ยืนหยัดรับใช้พระองค์ และจากหัวใจที่ได้รับพระกรุณาธิคุณก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น เพื่อวิงวอนให้ได้เข้าไปสู่ราชบัลลังก์อันสูงส่ง วิงวอนพระองค์ให้อภัยต่อความบกพร่องทั้งปวง

?จงจัดงานฉลองให้ใหญ่โต และให้เกิดความอบอุ่น แน่นอนเหลือเกินว่าผลลัพธ์ที่จะได้รับจากงานฉลองนั้นก็ได้ผลเกินคาดรับรองได้ว่าจะได้รับประโยชน์ทั้งทางวัตถุและทางจิตวิญญาณทุกคนที่มาในงานจะถูกหล่อหลอมด้วยพระกระแสแห่งความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยพระอัสสาสะแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์จะได้เข้าสู่ห้วงลึกของหัวใจด้วยอำนาจพลังอันแรงกล้า?

?ถ้าหากงานฉลองนี้ได้รับการสถาปนาขึ้นด้วยความมั่นคงเช่นศิลาแล้ว งานนี้ก็จะกลายเป็นอานุภาพที่จะดึงเอาโองการแห่งสวรรค์ จะเป็นวิธีการที่จะให้แสงรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ปรากฏขึ้น แล้วความจริงในทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเปิดเผยให้เป็นที่รู้กัน งานฉลองเช่นนี้จะอยู่ภายใต้ความคุ้มครองดูแลขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าพวกเจ้าจะช่วยดำเนินการจัดงานชุมนุมนี้ต่อไป และทุกครั้งที่จัดขึ้น งานชุมนุมนี้ก็จะเป็นที่รวมแห่งคุณธรรมความดีทั้งปวงยิ่งขึ้นไป อันเป็นจุดรวมแห่งความรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

?ขอให้หัวใจของเจ้าจงรับแสงสว่าง!

?ขอให้ใบหน้าของเจ้าจงผุดผ่องแจ่มใส!

?ขอให้ดวงวิญญาณของเจ้าได้รับแสงประทีปนำทาง!

?ขอให้สติปัญญาของเจ้าได้พบมโนภาพที่กว้างไกล!

?ขอให้มีความตื่นตัวทางจิตวิญญาณยิ่งขึ้น!

?ขอให้เจ้าจงอยู่ภายในอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้า และขอให้หัวใจของเจ้าจงกลายเป็นขุมทรัพย์แห่งสวรรค์!

?เหล่านี้ คือความหวังของข้าพเจ้า?

(จากปาฐกถาธรรมของพระอับดุลบาฮา ที่กล่าวในงานฉลอง 19 วัน ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

วันที่ 29 ธันวาคม 2455 ลง ตีพิมพ์ในข่าวสารบาไฮ เลขที่ 33 กรกฎาคม 2472 หน้า 1-2)

  • จากข้อบันทึกและจดหมายของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ

?นอกจากนั้น คงมีปัจจัยด้านอื่นๆ อีกที่จะส่งเสริมพัฒนาระเบียบวินัย และการมีส่วนช่วยกันทำให้ระเบียบวินัยเหล่านี้มีความมั่นคงขึ้นแล้ว งานฉลอง 19 วัน ก็จะกลายเป็นสถาบันที่มีระบบระเบียบ ในรูปของการจัดงานของสังคมชาวบาไฮทางตะวันตกกับทางตะวันออก ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นให้เห็นใน 3 ลักษณะด้วยกันคือ การรู้จักเสียสละ การบริหารงาน และลักษณะการดำเนินชีวิตทางสังคมของกลุ่มชนชาวบาไฮ….?

จากหนังสือก็อด พาส บาย

(พระผู้เป็นเจ้าทรงเสด็จผ่านไป)

?จุดมุ่งหมายอันสำคัญในการจัดงานฉลอง 19 วัน ก็คือ เพื่อจะให้บาไฮศาสนิกชนแต่ละคนได้เสนอข้อแนะนำแก่ธรรมสภาส่วนท้องถิ่นของตน แล้วธรรมสภาส่วนท้องถิ่นจะเสนอต่อไปยังธรรมสภาแห่งชาติ เพราะฉะนั้นธรรมสภาส่วนท้องถิ่นจึงทำหน้าที่เป็นคนกลางในการชุมนุมบาไฮส่วนถ้องถิ่นนั้น สามารถทำการติดต่อตัวแทนธรรมสภาแห่งชาติได้ ส่วนการประชุมบาไฮแห่งชาตินั้น ก็ควรจะจัดขึ้นเป็นครั้งคราว แล้วให้มีการระบุถึงหน้าที่อันแน่นอน ซึ่งจะต้องปฏิบัติกันในช่วงเวลาอันจำกัด สภาวการณ์จะต้องมีการกำหนดเวลาสมัยประชุม ส่วนช่วงที่มีการปรึกษาหารือก็จะมีตลอดเวลาตามที่ได้กำหนดเอาไว้ ซึ่งขึ้นอยู่กับบาไฮศาสนิกชนที่จะทำผ่านทางธรรมสภาส่วนท้องถิ่นนั้นๆ?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่ง

ประเทศสหรัฐอเมริกา และแห่งประเทศแคนาดา ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2476)

?สำหรับคำถามของท่านที่ถามเกี่ยวกับการจัดงานฉลองของบาไฮศาสนิกชนนั้น ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ก็มีความเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ในเวลาที่การจัดงานฉลองนั้น เพื่อนบาไฮศาสนิกชนควรจะเน้นหนักในเรื่องของจิตวิญญาณ กับพื้นฐานการบริหารงานพร้อมๆ กันไป เนื่องจากว่าทั้ง 2 อย่างนี้มีความสำคัญเท่าๆ กันในการที่จะทำให้การจัดงานฉลองบาไฮบรรลุผลสำเร็จ ในการที่จะดำรงคุณลักษณะของทั้ง 2 ประการนี้ให้อยู่ในสภาพที่สมดุลได้นั้นจึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของบาไฮศาสนิกชนทุกคนนั่นเอง หรือแม้กระทั่งบาไฮศาสนิกชนนั้นต้องเรียนรู้วิธีการที่จะรวมเอาคุณลักษณะทั้ง 2 นี้เข้าด้วยกัน อย่าไปให้สิ่งอื่นใดนอกจากความจริงความถูกต้องรวมทั้งประโยชน์อันถาวรจากการจัดงานฉลองของทางศาสนา ส่วนที่ดีในการจัดงานฉลองนั้นก็อยู่ที่การอ่านคำสอนศักดิ์สิทธิ์นั้นเอง เพราะว่าโดยอาศัยพระวจนะศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เท่านั้น ที่บาไฮศาสนิกชนจะได้รับการบันดาลใจ และมโนภาพที่เขาต้องการ สำหรับที่จะปฏิบัติงานให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย เพื่อพระศาสนา?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชนลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2477)

?เกี่ยวกับคำถามของท่านที่ถามเกี่ยวกับการจัดงานฉลอง 19 วันนั้น การจัดงานชุมนุมซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อเพื่อนบาไฮศาสนิกชน เพราะว่าการจัดงานฉลองนั้นจะมีความหมายทั้งทางสังคมและทางการบริหาร เพราะฉะนั้นบาไฮศาสนิกชนทุกคนควรจะให้ความตั้งใจในการเข้าร่วมงานฉลองนี้อย่างสม่ำเสมอและควรจะประกอบพิธีนี้ขึ้นทุกๆ 19 วัน ตามปฏิทินบาไฮ?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 12 เมษายน 2478)

?ตามลักษณะการจัดงานฉลอง 19 วันนั้น ท่านศาสนภิบาลรู้สึกว่าถ้อยแถลงที่ทำได้ดีมากเกี่ยวกับการจัดงานฉลอง 19 วัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าที่ หรือจุดมุ่งหมาย ก็ได้ถูกนำไปตีพิมพ์ลงในส่วนหนึ่งของข่าวสารบาไฮเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งได้ให้ความเข้าใจและได้แสดงความหมายไว้อย่างถูกต้องถึงขนาดที่ท่านศาสนภิบาลไม่มีความจำเป็นต้องให้คำอธิบายหรือขยายความในเรื่องนี้อีกอย่างไรก็ตาม ท่านศาสนภิบาลก็มิได้คัดค้าน ถ้าหากว่าท่านเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องต่อเติมความคิดในสิ่งที่ได้แสดงเอาไว้ในข้อความนั้นๆ ซึ่งอาจจะเน้นในด้านจิตวิญญาณเป็นพิเศษ หรือเรื่องการบริหาร หรือรูปแบบทางสังคม ในสถาบันบาไฮอันสูงส่งแห่งนี้?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งชาติ แคนาดา

และแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ลงวันที่ 6 กันยายน 2476)

คำอธิบายที่กล่าวอ้างถึง ในข้อความที่คัดมาจากจดหมายข้างบนนี้มีดังต่อไปนี้

?พระศาสดาบาฮาอุลลาห์ได้ทรงสถาปนาสถาบันแห่งนี้ขึ้นแล้วท่านศาสนภิบาลก็เป็นผู้อธิบายสิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานของระเบียบโลกใหม่ ธรรมสภาแห่งชาติจึงเห็นว่าเป็นหน้าที่ของบาไฮศาสนิกชนทุกคนที่จะต้องเข้าร่วมในงานฉลองทุกครั้ง ยกเว้นว่าเมื่อเกิดเจ็บป่วยไม่สบาย หรือไม่ได้อยู่ในเมืองนั้นแล้ว

?ในจดหมายที่เขียนส่งมายังธรรมสภาท้องถิ่น เมื่อหลายปีมาแล้วก็เป็นการชี้ให้เห็นว่า ท่านศาสนภิบาลได้เน้นว่าควรจะจัดงานฉลอง 19 วันให้เป็นไปตามรายการดังนี้ ช่วงแรกควรเจาะจงทางจิตวิญญาณอย่างแท้จริง โดยให้มีการอ่านธรรมนิพนธ์บาไฮ ช่วงที่สองเป็นช่วงของการปรึกษาหารือทั่วๆไปเกี่ยวกับงานศาสนาเป็นเวลาที่ธรรมสภาแห่งท้องถิ่นกล่าวรายงานกิจกรรมงานศาสนาให้แก่สมาชิกของตน แล้วขอคำแนะนำ ทำการปรึกษาหารือแล้วแจ้งข่าวสารที่ได้รับจากท่านศาสนภิบาล หรือจากธรรมสภาแห่งชาติ ส่วนช่วงที่สามก็เป็นการเลี้ยงฉลองอาหาร เครื่องดื่มและสังสรรค์กันระหว่างเพื่อนฝูงทั้งหมด เฉพาะบาไฮศาสนิกชนที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปก็จะได้รับเชิญไปงานฉลองนี้ ส่วนยุวชนบาไฮที่มีอายุไม่ถึง 21 ปี และเป็นสมาชิกของครอบครัวบาไฮนั้นก็สามารถที่จะไปเข้าร่วมในงานฉลองนี้ได้เช่นเดียวกัน

?การจัดงานชุมนุมนี้ก็อาจจะถือเป็นแก่นชีวิตในการดำเนินชีวิตของสังคมบาไฮของเราก็ว่าได้ เมื่อมีการปฏิบัติในแนวทางที่ถูกต้องโดยชุมชนบาไฮซึ่งมีการตระหนักถึงความสำคัญในการจัดงานฉลองแล้ว การจัดงานฉลอง 19 วันก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้จิตวิญญาณได้รับการกระตุ้นขึ้นใหม่ และเกิดความลึกซึ้งในศาสนาเพิ่มพลังความสามารถให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขจัดความเข้าใจผิดต่างๆให้หมดสิ้นไป แล้วยังทำให้เราได้ทราบถึงกิจกรรมบาไฮที่สำคัญๆ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่น ระดับชาติหรือระดับโลกก็ตาม?

(จากคำแถลงของธรรมสภาบาไฮแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ในหัวข้อวิธีการบาไฮตอนที่หนึ่ง แผ่นที่ 6 )

?ไม่เป็นการขัดข้องในการที่จะจัดงานฉลองในที่กลางแจ้งถ้าหากว่างานที่จัดขึ้นนี้จัดได้อย่างสมเกียรติ?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2484)

?เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานฉลอง 19 วัน ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ก็ให้ความเห็นว่า บาไฮศาสนิกชนควรได้รับการปลูกฝังให้เห็นความสำคัญของการเข้าร่วมในงานชุมนุมนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแล้ว ยังเป็นสื่อกลางก่อให้เกิดความใกล้ชิดสนิทสนม การติดต่อซึ่งกันและกันระหว่างบาไฮศาสนิกชนด้วยกัน หรือระหว่างบาไฮศาสนิกชนกับสมาชิกคณะกรรมการบาไฮแห่งท้องถิ่นอีกด้วย

?หากไม่มีการปฏิบัติขั้นพื้นฐานกันแล้ว ดังเช่นในกรณีที่มีบาไฮศาสนิกชนคนใดคนหนึ่งไม่ได้เข้าร่วมในการจัดงานฉลองนั้น จะไปขับไล่บาไฮศาสนิกชนคนนั้นออกจากธรรมสภาของตนไม่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่บาไฮแต่ละคนจะต้องตระหนักว่า มีสิ่งใดบ้างที่เขาจะต้องทำเพื่อศาสนา จะไม่มีการขู่เข็ญบังคับใดๆ ทั้งสิ้นนอกเสียจากว่าเป็นสิ่งที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งหน้าที่ความรับผิดชอบและความถูกต้องตามครรลองคลองธรรมที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคน?

(จากจดหมายที่ท่าน โชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2477 )

?เกี่ยวกับคำถามที่ถามว่าการใช้ดนตรีในงานฉลอง 19 วัน พระศาสดาก็หวังว่าท่านคงจะทำให้เพื่อนๆ ได้รับความมั่นใจในการฝึกปฏิบัติ และมีความคิดที่ดีว่าบาไฮศาสนิกชนควรจะรู้จักใช้เพลงสวดที่แต่งขึ้นโดยบาไฮศาสนิกชนที่มาในงาน แล้วนอกจากนั้นเพลงสวด บทประพันธ์เพลงที่ใช้ร้องนั้นจะต้องยึดหลักคำสอนเป็นพื้นฐาน?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชนลงวันที่ 7 เมษายน 2478)

?จากจดหมายฉบับที่แล้วที่ส่งไปยังธรรมสภาแห่งชาติ ท่านศาสนภิบาลก็ได้ชี้แจงไว้อย่างชัดเจนว่า การจัดงานฉลอง 19 วันถึงแม้ว่าจะไม่ได้บัญญัติไว้อย่างแน่นอนก็ตาม แต่การจัดงานฉลองนี้ก็จะต้องยึดพระศาสดาบาฮาอุลลาห์เป็นที่ตั้งและเป็นความหวังอันสูงสุด ในพระคัมภีร์อัคดัส พระศาสดาก็ได้เน้นถึงเรื่องจิตวิญญาณ และการเสียสละ และยังเน้นให้เห็นความสำคัญเกี่ยวกับการเข้าร่วมสังคมในสังคมบาไฮ ซึ่งจะเป็นวิธีการหนึ่งที่จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น เกิดความสามัคคีซึ่งกันและกันระหว่างบาไฮศาสนิกชน เกี่ยวกับความสำคัญของการบริหารงานในการจัดงานฉลองนั้นท่านศาสนภิบาล ก็ได้กล่าวให้ทัศนคติในแง่ที่ว่า ควรจะมีการฝึกอบรมธรรมะ และหลักการบริหารงานทางศาสนาให้มากยิ่งขึ้นในหมู่บาไฮศาสนิกชน?

?ความสำคัญของการจัดงานฉลอง 19 วัน มีด้วยกัน 3 ประการอันเป็นการรวมเอาความหมายในเรื่องการปฏิบัติธรรม การเข้าสังคม และการบริหารงานเข้าด้วยกัน เมื่อคุณลักษณะทั้ง 3 อย่างรวมเข้าด้วยกันแล้วก็จะทำให้การจัดงานฉลองนี้ได้รับผลสำเร็จดียิ่ง แล้วยังก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมายอีกด้วย อย่างไรก็ดีอย่างน้อยที่สุดบาไฮศาสนิกชนทุกคนก็ควรจะระวังรักษา ช่วยกันตระหนักถึงความสำคัญในสถาบันซึ่งพระศาสดาบาฮาอุลลาห์ได้ทรงสถาปนาขึ้นมา และนอกจากนั้นบาไฮศาสนิกชนทุกคนก็ควรจะระมัดระวัง ไม่ประมาท หรืออย่าเห็นว่าการจัดงานฉลองนี้ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งชาติแคนาดา และแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา)

?ลักษณะการจัดงานฉลอง 19 วัน พระศาสดาบาฮาอุลลาห์ก็ได้ทรงเผยให้เห็นคุณลักษณะทางสังคม และทางจิตวิญญาณของสถาบันนี้ได้อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์อัคดัส แต่อย่างไรก็ตามท่านศาสนภิบาลท่านก็ได้เน้นความสำคัญทางด้านการบริหารเกี่ยวกับการแสดงตอบ การปฏิบัติซึ่งกันและกันต่อความต้องการของชุมนุมบาไฮ ซึ่งยังอยู่ในระยะเริ่มต้นศักราชบาไฮนี้ ทั้งยังเป็นการดีต่อการฝึกอบรมหลักธรรมต่างๆ และยังจะเป็นการฝึกปฏิบัติการบริหารบาไฮศาสนิกชนด้วย

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งชาติแคนาดา และแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา)

?…..พูดถึงการจัดงานฉลอง 19 วัน ก็ไม่ถือว่าเป็นกฎเกณฑ์บังคับอย่างเคร่งครัด บาไฮศาสนิกชนทุกคนก็ควรจะพยายามไปร่วมงานอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากเหตุผลสำคัญสองประการคือ 1.เพราะว่าบาไฮศาสนิกชนจะได้รับการบริการหล่อเลี้ยงจิตใจและได้รับความเป็นมิตรภาพในสังคมบาไฮ 2.เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าในงานฉลองนี้ ยังได้เปิดโอกาสแก่บาไฮศาสนิกชนได้ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับศาสนกิจได้อย่างเต็มที่ หรือเพื่อที่จะหาหนทางหรือวิธีการต่างๆ เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานกิจกรรมด้านศาสนาให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไป?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชนลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2479)

?คำถามข้อที่ 3 ของท่านที่ได้ถามเกี่ยวกับ วันที่จะจัดงานฉลองของทุกๆ เดือน ท่านศาสนภิบาลก็ได้ตอบว่า ไม่ได้มีการกำหนดไว้เป็นวันพิเศษ แต่น่าจะเลือกเอาวันที่มีความเหมาะสมที่สุดที่เพื่อนๆ สามารถรวมกันได้ ดังนั้นก็ควรจะจัดขึ้นในวันที่หนึ่งของทุกเดือน

(จากการแปลจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2479)

?โอกาสที่ดีที่สุดที่เพื่อนบาไฮศาสนิกชนจะได้มีโอกาสปรึกษาหารือในปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารงาน ก็คือในช่วงที่มีการจัดงานฉลอง 19 วัน ซึ่งเป็นเวลาที่สมาชิกธรรมสภาได้มีโอกาสพบปะกัน ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับงานศาสนกิจ รวมทั้งยังมีการเสนอแนะนโยบายใหม่ๆ หรือวิธีการใหม่ๆ ด้วยและที่สำคัญก็คือ ห้ามมีการอ้างอิงหรือพาดพิงผู้ใดผู้หนึ่งเป็นเด็ดขาด

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชนลงวันที่ 27 มีนาคม 2481)

?ต่อคำถามของท่านที่ถามเกี่ยวกับการจัดงานฉลอง 19 วัน เมื่อเดือนที่แล้ว ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ มิได้คัดค้านถ้าหากว่าเพื่อนบาไฮศาสนิกชนจะเลือกเอาวันใดวันหนึ่งเพื่อจัดงานฉลอง นอกจากนี้แล้วบาไฮศาสนิกชนก็อาจจะประกอบพิธีฉลองในช่วงเดือนถือศีลอดก็ได้ แต่มีข้อกำหนดว่าเขาเหล่านั้นต้องงดอาหาร

(จากจดหมายที่ท่าน โชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2482)

?ตอนนี้ขอพูดถึงจดหมายฉบับที่แล้วของท่าน ซึ่งท่านได้ถามว่า บาไฮศาสนิกชนมีสิทธิ์ที่จะแสดงคำวิจารณ์ คำติชม ในนโยบายหรือการกระทำของธรรมสภาอย่างเปิดเผยได้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่จะเป็นสิทธิ์เท่านั้น แต่นั้นเป็นหน้าที่ ความรับผิดชอบของบาไฮศาสนิกชนทุกคน ผู้มีปัญญาและความจงรัก ที่จะต้องให้ข้อเสนออย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมาได้อย่างเต็มที่ ด้วยความเคารพนับถือต่อคณะกรรมการธรรมสภา อันคำแนะนำ คำวิจารณ์ หรือแม้กระทั่งคำติเตียนนั้น เขาได้แสดงออกด้วยความรู้สึกที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม เพื่อที่เขาจะได้ช่วยปรับปรุง แก้ไขสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น หรือเพื่อเป็นแนวทางในการอยู่ร่วมกันในสังคมของเขา และธรรมสภาต้องทำหน้าที่คิด พิจารณาอย่างรอบคอบในสิ่งที่เพื่อนคนหนึ่งคนใดได้เสนอมาช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับวาระเช่นนี้ ก็คือ ช่วงที่จัดงานฉลอง 19 วัน เพราะนอกจากจะได้แสดงออกทางสังคมและจิตใจกันแล้ว ยังเป็นการปฏิบัติตามแนวทางเพื่อให้บรรลุความต้องการด้านการบริหารของชุมชนอีกด้วย ข้อสำคัญคือให้เพื่อนบาไฮศาสนิกชนได้แสดงออกถึงความต้องการแสดงคำวิจารณ์ ได้มีการปรึกษาหารือในกิจกรรมงานด้านต่างๆ ซึ่งมีขอบเขตอยู่ในชุมชนบาไฮแห่งท้องถิ่นของตน

?แต่ก็อีกนั่นแหละ สิ่งที่ควรเน้นให้มากก็คือ การวิจารณ์การปรึกษาหารือในสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการลอบทำร้ายคณะกรรมการธรรมสภา ซึ่งเป็นสิ่งที่บุคคลควรจะหลีกเลี่ยงเสีย มิฉะนั้นแล้ว ความเป็นระเบียบของศาสนาก็จะเสื่อมลงเกิดความสับสน เกิดความแตกแยกในชุมชนบาไฮ

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชนลงวันที่ 13 ธันวาคม 2482)

?พูดถึงเรื่องเวลาในการจัดงานฉลอง 19 วัน และการเลือกตั้ง ท่านศาสนภิบาลก็ได้เสนอแนะธรรมสภาของท่านว่าให้ธรรมสภาเร่งกระตุ้นให้เพื่อนบาไฮศาสนิกชนจัดงานฉลองขึ้นในวันที่ได้กำหนดไว้ก่อนพระอาทิตย์ตก หากทำไม่ได้ก็อนุญาตให้จัดงานขึ้นก่อนหนึ่งวัน

(จากจดหมายที่ท่าน โชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งชาติแคนาดา และแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา)

?พระองค์คงจะทรงปลาบปลื้มมากที่ได้ทราบว่าพวกท่านกำลังจัดงานฉลอง 19 วันอยู่ เพราะการจัดงานฉลองนี้ก่อให้เกิดจุดรวมพลังของบาไฮศาสนิกชน แล้วยังทำให้บาไฮศาสนิกชนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตลอดจนทำให้บาไฮศาสนิกชนเกิดความลึกซึ้งในหลักธรรมของศาสนาอีกด้วย?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 5 มีนาคม 2489)

?สำหรับคำถามที่ท่านได้ถามเกี่ยวกับธรรมนิพนธ์ศักดิ์สิทธิ์ของบาไฮนั้น ก็จะขออ้างถึงบทธรรมนิพนธ์ของพระบ๊อบ บทธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์ และบทธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา บทธรรมนิพนธ์เหล่านี้เท่านั้นที่ควรนำมาอ่านในช่วงเวลาที่เป็นภาคปฏิบัติธรรม ในงานฉลอง 19 วัน?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งประเทศออสเตรเลีย และแห่งประเทศนิวซีแลนด์)

?ในคำถามที่ถามเกี่ยวกับการจัดงานฉลอง 19 วัน เรื่องนี้ก็มีความสำคัญรองลงมา และเป็นสิ่งที่ธรรมสภาควรจะตัดสินใจให้ได้ว่า ถ้าหากมีการประกาศให้เป็นที่ทราบกันแล้วว่าจะจัดงานฉลองขึ้นวันใดแน่นอน ก็เป็นสิ่งที่จะมายกเลิกไม่ได้ ในวันนี้สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอีกก็คือการที่จะนำเพื่อนที่มิใช่บาไฮศาสนิกชนมาร่วมงานฉลอง แต่ถ้าบังเอิญมีบุคคลที่มิใช่เป็นบาไฮศาสนิกชนมาในงานฉลอง 19 วันแล้ว ก็ไม่ควรจะกีดกันเขาออกไป เพราะการทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เขาไม่สบายใจก็ได้?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลง วันที่ 21 กันยายน 2489)

?…ในคำถามที่ว่า ในส่วนที่เป็นภาคปฏิบัติธรรมในงานฉลอง 19 วัน ก็หมายความว่า เป็นการอ่านบทสวดมนต์ของพระศาสดาบาฮาอุลลาห์ หลังจากสวดมนต์แล้วก็จะมีการอ่านบทธรรมะ รวมทั้งการอ่านบันทึกของท่านศาสนภิบาลด้วย แต่การอ่านนี้ก็ไม่ได้ให้เกิดในภาคการปฏิบัติธรรมในงานฉลอง

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2490)

?ในระหว่างเวลาภาคปฏิบัติธรรมของงานฉลอง 19 วัน เราสามารถที่จะนำเอาบทธรรมนิพนธ์ของพระศาสดาบ๊อบบทธรรมนิพนธ์ของพระศาสดาบาฮาอุลลาห์มาอ่านได้ นอกจากนั้นอาจจะนำเอาคัมภีร์ไบเบิ้ล คัมภีร์กุรอาน มาอ่านก็ได้ เพราะถือว่า ล้วนแต่เป็นพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น ภาคปฏิบัติธรรมนี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องจำกัดอยู่แต่การสวดมนต์เท่านั้น แม้ว่าในช่วงนี้จะเป็นการสวดมนต์ก็ตาม

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2491)

?บาไฮศาสนิกชนจะต้องรู้จักลืมเรื่องส่วนตัว เพื่อที่จะละกิเลส ซึ่งเป็นธรรมชาตินิสัยในตัวคนในการเข้าข้างใดข้างหนึ่งแล้วต่อสู้เพื่อฝ่ายของตน บาไฮศาสนิกชนจะต้องรู้จักเรียนรู้ในการที่จะนำเอาหลักธรรมะ มาตรึกตรองพิจารณา ก็จะมีช่วงเวลาหนึ่งซึ่งจะจัดไว้ต่างหาก สำหรับการแสดงความคิดเห็นหรือการเสนอแนะแก่ธรรมสภาในวันจัดงานฉลอง 19 วันของชุมชนตน ทั้งธรรมสภาและบาไฮศาสนิกชน ควรจะเล็งหาช่วงเวลาความสุขอันนี้ในการร่วมปรึกษาหารือ ไม่ควรจะกลัวหรือปิดบังเอาไว้ ทำนองเดียวกันสมาชิกของธรรมสภาก็ควรทำการปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง และในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ นั้นก็ต้องยึดหลักธรรมเป็นเบื้องแรก แล้วให้ลืมเรื่องส่วนตัวไป ???ควรถือเอาเสียงส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งประเทศ

เยอรมัน และแห่งประเทศออสเตรีย ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2492)

?การจัดงานฉลองปีใหม่บาไฮ ควรจะจัดขึ้นในวันที่ 21 มีนาคมก่อนพระอาทิตย์ตก ซึ่งเป็นการจัดงานฉลองที่ไม่ได้ทำด้วยกันกับการจัดงานฉลอง 19 วัน การจัดงานฉลอง 19 วัน เป็นงานด้านบริหารส่วนการจัดงาน Naw Ruz เป็นวันขึ้นปีใหม่ของเรา เป็นงานฉลองความยินดี และสนุกสนานกัน?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งประเทศ

สหรัฐอเมริกา ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2493)

?ในแต่ละแห่งก็มีธรรมสภาบาไฮเป็นของตนเอง แต่ไม่ใช่เป็นการรวมเอาตำบลหลายตำบลมาเป็นหนึ่งธรรมสภา โดยลักษณะทั่วไปการจัดงานฉลอง 19 วันของตำบลหนึ่งๆ นั้นสามารถที่จะจัดขึ้นในที่ๆ มีบาไฮศาสนิกชนหลายคนในที่แห่งนั้น?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 31 มีนาคม 2492)

?คำถามเกี่ยวกับภาคเวลาปฏิบัติธรรมในช่วงระหว่างที่มีงานฉลองนั้น ยังคลุมเครืออยู่ก็เพราะว่าครั้งหนึ่ง เคยใช้คำว่า ?การตั้งจิตภาวนา? ซึ่งเป็นการให้ความรู้สึกที่เน้นเกินไป โดยหมายถึง การสวดมนต์ และยังไม่กระชับความรู้สึกที่จะทำให้บาไฮศาสนิกชนเข้าใจคำนี้ได้ คือ เป็นการชุมนุมกันอ่านบทธรรม อันจะนำไปสู่ลักษณะการบริหารงาน หรือการได้ปรึกษาหารือกันในวันฉลอง 19 วัน ทั้ง 2 ข้อความที่ได้กล่าวมานี้ต่างก็มีวิธีการดำเนินการในส่วนที่เป็นภาคปฏิบัติธรรมที่ไม่ต่างกันเลย อย่างไรก็ตามคนในซีกโลกตะวันออก ก็จะเปิดงานฉลองด้วยการสวดมนต์ หลังจากนั้นก็เป็นการอ่านพระคัมภีร์ หรือข้อความที่คัดมาจากพระคัมภีร์พระศาสดาบาฮาอุลลาห์ หรือของพระศาสดาอื่น หรือจากข้อบันทึกของท่านศาสนภิบาล หรืออาจนำข้อความบางตอนจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล หรือคัมภีร์กุรอานก็ได้?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งประเทศ

สหรัฐอเมริกา ลงวันที่ 11 เมษายน 2492)

?ท่านศาสนภิบาลยังไม่เคยได้ยินกฎข้อใดเลยว่า บาไฮศาสนิกชนคนใดที่ไม่ได้เข้าร่วมการจัดงานฉลอง 19 วันติดต่อกันถึง 3 ครั้ง ก็จะถูกตัดสิทธิไม่ให้ออกเสียงเลือกตั้ง ท่านศาสนภิบาลคิดว่า การกระทำเช่นนั้นไม่ยุติธรรมเลย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า บุคคลนั้นคิดว่าตัวเขาเองนั้นเป็นบาไฮศาสนิกชนหรือไม่ เขาเต็มใจที่จะยึดมั่นในหลักธรรมของศาสนาหรือไม่และเขายอมรับในอำนาจของท่านศาสนภิบาลรวมทั้งหลักการบริหารแล้วหรือยัง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบุคคลว่าจะทำได้หรือไม่ โดยในจิตใจแล้วคิดว่าจะไปร่วมงานฉลองหรืองานชุมนุมบาไฮหรือไม่ ก็จะเป็นปัญหาที่ต่างกันแล้วคือ ถ้าบุคคลนั้นได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการเป็นสมาชิกในสังคมบาไฮแท้จริงแล้ว และไม่ต้องการที่จะประกอบกิจร่วมสังคมบาไฮหรือไม่ต้องการที่จะใช้สิทธิของตนในการออกเสียงเลือกตั้งแล้วไซร้ ก็ควรที่จะคัดรายชื่อของเขาออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ แต่ถ้าหากว่าบุคคลคนนั้นคิดว่าตัวเขายังเป็นบาไฮศาสนิกชนอยู่ แต่เนื่องจากมีเหตุผลบางประการที่ทำให้เขาไม่สามารถมาเข้าร่วมงานกิจการของชุมชนได้อย่างจริงจังแล้วก็ตามก็ไม่ควรจะคัดชื่อเขาออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อย่างน้อยที่สุดในขณะนี้ จำนวนสมาชิกบาไฮศาสนิกชนที่มีอยู่ในชุมชนบาไฮก็ยังมีจำนวนน้อยอยู่?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งประเทศ

เยอรมัน และแห่งประเทศออสเตรีย ลงวันที่ 2 มีนาคม 2494)

?ในการจัดงานฉลอง 19 วัน ไม่ว่าจะเป็นภาคปฏิบัติธรรมหรือภาคบันเทิง ก็อนุญาตให้ใช้ดนตรีได้?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนส่งธรรมสภาแห่งประเทศ

สหรัฐอเมริกา ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2495 )

จากปัญหาที่ท่านได้หยิบยกในจดหมายของท่านว่า

?ท่านศาสนภิบาลมีความรู้สึกในหลักธรรม แม้จะไม่ได้ให้เหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ควรอ่านข้อความที่คัดลอกมาจากพระคัมภีร์อื่นในช่วงเวลาที่เน้นเรื่องจิตวิญาณในงานฉลอง 19 วัน นั่นก็เพราะว่าโอกาสที่บาไฮศาสนิกชนจะได้มาพบปะกันเพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาแก่จิตวิญญาณของเขานั้น ลักษณะทั่วไปก็เป็นการพูดคุย แนะนำให้ทุกคนอ่านบทธรรมนิพนธ์ในช่วงเวลาของการศึกษาธรรมในการจัดงานฉลอง 19 วัน?

?ส่วนเกี่ยวกับสถานที่ที่จัดงานฉลอง 19 วัน ที่ตัดสินใจแล้วและมีความแน่นอนที่สุดก็คือที่ธรรมสภา และฮาซิราทูล คูดส์ (ศูนย์กลางบาไฮ) ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมแทบจะทุกโอกาส จนกว่าบาไฮศาสนิกชนจะมีสักการะสถาน…. นอกจากนี้แล้วอาคารสักการะสถานยังใช้เป็นที่ประชุมปฏิบัติธรรม หรือใช้เพื่องานการบริหารศาสนาได้เช่นกัน?

?หากว่ามีเทศกาลบางอย่าง หรือมีการจัดงานฉลองพิเศษบางอย่างขึ้นภายในบ้านของบาไฮศาสนิกชนคนหนึ่งคนใด ด้วยความเห็นชอบอนุมัติจากธรรมสภาก็ไม่เป็นการขัดข้องแต่อย่างใด แต่ถ้าพูดโดยทั่วไปแล้ว ?????????????ท่านศาสนภิบาลคิดว่า ควรใช้ ฮาซิราทูล คูดส์ (ศูนย์กลางบาไฮ) จะดีกว่า?

(จากจดหมายลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2497 เขียนในนามโชกิ เอฟเฟนดิ ถึงเพื่อนบาไฮผู้หนึ่ง )

?ท่านศาสนภิบาลอันเป็นที่รักของเราก็ได้สั่งให้ข้าพเจ้าเขียนตอบท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ธรรมสภาแห่งชาติของท่านได้กระทำลงไปเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จากหนังสือพิมพ์ข่าวสารบาไฮฉบับประจำเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ว่า ผู้ที่มิใช่บาไฮศาสนิกชนอาจจะไปร่วมงานฉลอง 19 วันได้ ถ้าหากมีบาไฮศาสนิกชนคนหนึ่งคนใดรับรองว่า เขาคนนั้นมีความสนใจในหลักธรรมศาสนาอย่างจริงจัง?

?ท่านศาสนภิบาลได้ขอให้ข้าพเจ้าบอกแนะแก่ท่านให้ทราบความจริงที่ว่าไม่มีสถาบันศาสนาใด หรือไม่มีหลักธรรมข้อใดที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งแวดล้อม?

?การจัดงานฉลอง 19 วัน ถือว่าเป็นสถาบันของศาสนาอย่างหนึ่ง ซึ่งครั้งแรกพระศาสดาบ๊อบเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ต่อมาพระศาสดาบาฮาอุลลาห์ได้ทรงทนุดำรงไว้ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการจัดระเบียบการบริหารทางศาสนา การจัดงานฉลอง 19 วันนี้เป็นงานของบาไฮศาสนิกชนโดยเฉพาะ และจะไม่อนุญาตให้ใครมาเปลี่ยนแปลงหลักธรรมข้อนี้แต่อย่างใด?

?เพราะฉะนั้นท่านศาสนภิบาลจึงมีความคิดว่า พวกท่านควรจะกระทำในสิ่งที่ธรรมสภาของท่านได้กระทำไปแล้วเสียใหม่โดยเปิดงานฉลองให้แก่เพื่อนบ้านของบาไฮศาสนิกชนที่อยู่ใกล้เคียงกันมาร่วมด้วย เพราะไม่เป็นการสอดคล้องกับกฎระเบียบการบริหารงาน ต่อการที่ผู้ที่มิใช่บาไฮศาสนิกชน กับบาไฮศาสนิกชนที่อยู่ใกล้เคียงมาร่วมในงานฉลอง 19 วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เป็นการบริหารงานในงานฉลอง 19 วัน?

?ท่านศาสนภิบาลตระหนักดีว่า ในช่วงขณะที่ท่านมีกำลังใจมีความตั้งใจในการเสนอแนะ ชี้แนะแก่ผู้อื่น ก็เพื่อที่ว่างานการสอนศาสนาจะเจริญรุดหน้ายิ่งขึ้นๆ ไป ท่านศาสนภิบาลก็มีความคิดไกลยิ่งกว่านั้นว่า มันอาจจะเกิดผลเสียแก่ศาสนาก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ขอให้ท่านเลิกล้มความคิดที่จะกระทำการดังกล่าวเสีย?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงธรรมสภาแห่งชาติ

เยอรมัน และออสเตรีย ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2497)

?บทธรรมนิพนธ์ของพระศาสดาบ๊อบและของพระศาสดาบาฮาอุลลาห์ ก็นำมาอ่านได้ทุกเวลา ไม่ว่าที่ใด ทำนองเดียวกันบทธรรมนิพนธ์พระอับดุลบาฮา ก็นำมาอ่านได้ในช่วงการศึกษาธรรมเพื่อทำการพัฒนาจิตวิญญาณในวันจัดงานฉลอง 19 วัน ท่านศาสนภิบาลได้สั่งว่าในช่วงเวลาที่มีการศึกษาธรรมะเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณนั้น ผลงานการบันทึกต่างๆ ของท่านศาสนภิบาลไม่ควรนำมาอ่าน หรือพูดอีกครั้งก็คือว่าในช่วงระหว่างการศึกษาธรรมเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณ สิ่งที่นำมาอ่านได้นั้นมีข้อจำกัดแต่เพียงบทธรรมนิพนธ์ของพระบ๊อบ ของพระบาฮาอุลลาห์หรือของพระศาสดาอื่นๆ แต่ไม่ควรจะอ่านข้อบันทึกของท่านศาสนภิบาล สำหรับช่วงการปรึกษาหารือกันในเรื่องการบริหารงานแล้วก็ให้นำมาอ่านได้ และในช่วงเวลาของการบริหารงานถ้าจะนำเอาบทนิพนธ์ของพระบ๊อบ ของพระบาฮาอุลาห์ หรือของพระอับดุลบาฮามาอ่านก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง ลงพิมพ์ในจุลสารบาไฮแห่งประเทศ

ออสเตรีย ลงวันที่ 27 เมษายน 2499 และอ้างถึงไว้ในข่าวสารบาไฮเลขที่ 335 เดือน มกราคม 2502 หน้า 5 )

?อาจจะมีการนำเอาเครื่องดนตรีมาใช้ในงานฉลอง 19 วัน?

?ไม่ขัดข้องถ้าหากจะแสดงความพอใจชื่นชอบด้วยการปรบมือ?

?ถ้าหากว่าบุคคลใดได้รับคำสั่งให้สอนศาสนาในเย็นวันเดียวกับวันฉลอง 19 วันแล้ว ก็ขอให้เขาตัดสินใจเอาเองว่าอะไรมีความสำคัญที่สุด?

(จากจดหมายที่ท่าน โชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชนลงวันที่ 20 สิงหาคม 2499)

?คงจะเป็นสิ่งแปลกและไม่เห็นด้วยเลยที่ว่า ถ้าหากบาไฮศาสนิกชนคนหนึ่งคนใดในชุมชนหนึ่งได้รับอนุญาตให้จัดงานฉลอง 19 วัน ขึ้นที่บ้านของเขา และปฏิเสธไม่ต้อนรับบาไฮศานิกชนคนอื่นๆ ดังนั้นทางธรรมสภาของท่านก็ควรที่จะเขียนไปตามนี้เป็นลายลักษณ์อักษรอันแน่ชัดส่งไปยังธรรมสภา…เพื่อชี้ให้เห็นว่า ท่านศาสนภิบาลไม่เพียงแต่จะแปลกใจเมื่อได้รับทราบเรื่องเช่นนี้เท่านั้น แต่หากท่านศาสนภิบาลยังไม่เห็นด้วยกับการใช้ถ้อยคำอันหนักแน่นเช่นนั้น?

?บาไฮศาสนิกชนคนใดคนหนึ่งอาจจะไปร่วมงานฉลอง 19 วันได้ไม่ว่าจะเป็นศาสนิกชนบาไฮแห่งท้องถิ่นนั้น หรือเป็นบาไฮศานิกชนจากที่อื่น หรือจะเป็นบาไฮศาสนิกชนที่ออกไปอาศัยอย่างโดดเดี่ยวห่างไกลเพื่อนบ้านก็ตาม?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงธรรมสภาแห่งชาติ

แห่งหมู่เกาะอังกฤษ ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2500)

?การเข้าร่วมในงานฉลอง 19 วันนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะบังคับกัน แต่เป็นสิ่งที่เพื่อนบาไฮศาสนิกชนจะต้องมีความปรารถนารวมทั้งมีความพยายามอย่างสูงสุด ที่จะไม่ตีตนออกจากจุดรวมทางจิตวิญาณหนึ่งครั้งในแต่ละเดือน?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2491)

การชุมนุมของบาไฮ

  • จากธรรมนิพนธ์ของศาสดาบาฮาอุลลาห์

?บรรดาผู้เป็นมิตรของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าคนหนึ่งคนใดหรือทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ในความทรงจำของพระองค์เสมอ (ถูกจดโดยปลายปากกาของพระองค์เสมอ) ความกรุณาต่างๆ ที่ได้รับมาจากพระกรุณาธิคุณของพระองค์นั้นได้หลั่งไหลสืบทอดมาทุกขณะอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนบาไฮศาสนิกชนไม่ว่าจะอยู่ดินแดนใดก็ตาม ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมาพบปะชุมนุมกัน ณ จุด นัดพบนี้ก็จะมีการพูดคุยกันอย่างสุขุม จับใจ มีการอ่านพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะจุดเพลิงแห่งความรักให้ลุกเป็นประกายสว่างขึ้น?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์ถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่งที่พึงได้รับการแปลออกมา)

?ด้วยชีวิต และศาสนาของข้า อาจจะมีมิตรของพระองค์ย่างก้าวเข้าไปภายในบ้านที่มีบาไฮศาสนิกชนอาศัยอยู่ และจากที่นั่นก็จะมีการส่งเสียงกึกก้อง มีเสียงดังขึ้นในขณะที่เขากำลังกล่าวสรรเสริญพระบารมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อดวงใจของผู้ที่เป็นบาไฮศาสนิกชนอย่างแท้จริงนั้นจะได้รับการโอบอุ้มโดยทูตสวรรค์แล้วประตูแห่งสัจธรรมก็จะเปิดดวงตาเขาให้ประจักษ์ในบางสิ่งบางอย่าง แล้วเขาก็จะเห็นเหล่าเทวทูตที่กำลังร้องเรียกวนเวียนอยู่รอบๆ บ้าน ขอประทานพรแก่บ้านที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานเป็นที่พักอาศัยแด่องค์เทวทูตที่พระองค์ทรงรักใคร่ และจงดลบันดาลที่พักอาศัยเหล่านี้ให้เป็นที่สถิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าและโปรดดลให้องค์ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงไว้พระทัยได้เข้ามาพำนักอยู่ในบ้านหลังนี้ ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ ผู้ซึ่งทรงความรุ่งเรือง พระผู้ทรงความงามเหนือสิ่งอื่นใด?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์ถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่งที่พึ่งได้รับการแปลออกมา)

?บรรดาผู้เป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ว่าที่ใดก็ตามที่พวกเขาได้มารวมตัวกัน หรือใครก็ตามที่พวกเขาได้ไปพบปะก็จะต้องแสดงให้พวกเขาเห็นเป็นประจักษ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยลักษณะรูปแบบของการเฉลิมฉลองเกียรติคุณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า หรือแด่พระบารมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า อันความต่ำต้อยหรือความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ว่าทุกผงธุลีที่อยู่ใต้เท้าของเขานั้น ก็อาจจะเป็นพยานต่อความศรัทธา การรู้จักเสียสละของพวกเขาดวงจิตอันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ที่ได้มาพูดคุยกัน ก็จะได้รับพลังเช่นเดียวกับผงธุลีที่กำลังฟุ้งกระจายด้วยแรงหรืออำนาจบางอย่างพวกเขาควรจะปฏิบัติตนให้อยู่ในลักษณะเช่นนี้ เพื่อที่ว่าพื้นธรณีที่พวกเขาได้เหยียบย่ำนั้นจะได้เป็นหนทางให้เขาได้รับคำพูดเช่นที่ว่านี้ พระองค์ทรงรักข้ายิ่งกว่าท่าน ขอจงเป็นพยานด้วยว่า ตัวข้ามีความอดทนเพียงใดที่สามารถแบกเอาภาระการเป็นชาวนาในตัวข้าได้ ข้าได้รับมอบให้เป็นสื่อที่จะประกาศให้มนุษย์ทุกคนได้ทราบพระพรอันประเสริฐพร้อมกับพระองค์พระผู้ทรงเป็นปฐมแห่งความดีงามทั้งปวง ข้าไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์แต่อย่างใด และข้าก็ไม่มีหลักทรัพย์อะไรเลยที่แสดงความมั่งมี ความมั่งมีที่จัดสนองความต้องการของสัตว์โลก จงดูแต่ความต่ำต้อยของข้า จงเป็นพยานต่อความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ข้าได้เอาตนเองเป็นข้ารับใช้ใต้เท้ามนุษย์ทุกคน?

(รวบรวมจากธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์ หน้า 7-8)

?ขอให้บ้านของข้าได้รับพระพรอันประเสริฐด้วยความเมตตาปรานีจากพระองค์ เป็นที่เฉลิมฉลองความทรงจำของข้า และทำให้จิตใจของเขามีศีลธรรมเป็นที่ปรากฏขององค์ที่เรารัก ผู้ซึ่งได้ประกาศพระเกียรติคุณ ผู้ที่ยึดเหนี่ยวสายใยแห่งความดีงามของข้า หรือผู้ที่ยอมรับที่จะสวด ท่องถ้อยวจนะของข้า ที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้รับใช้สูงส่งซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้กล่าวสรรเสริญยกย่องเอาไว้ใน Qayyumu?l-Asma (กายูมุล อัสมา) หรือได้กล่าวไว้ในพระคัมภีร์อื่นๆ แท้จริงแล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระพหูสูตรในทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงตอบคำถามต่างๆ พระองค์ทรงเป็นผู้สดับในทุกสิ่ง?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระบาฮาอุลลาห์ถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่งที่พึ่งได้รับการแปลออกมา)

  • จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา

?ขอความสรรเสริญจงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า การที่เจ้าได้มาชุมนุมกันในธรรมสภาเดียวกัน ก็เป็นดั่งหมู่ดาวที่กำลังส่องแสงจ้าในยามที่ได้รับแสงประทีปแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วทอแสงผ่านชั้นเมฆแห่งความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้า เจ้าเป็นเสมือนดังดอกไม้แรกแย้มที่อยู่กลางทุ่งหญ้า เจ้าเป็นผู้คุ้นเคยกับความรักและความสามัคคีอันไม่มีที่สิ้นสุด?

?ดังนั้น การชุมนุมนี้จึงเป็นพระประสงค์ของพระองค์ แต่ถ้าหากว่าการชุมนุมนี้ได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างมั่นคงถาวรแล้ว ก็จะนำผลตอบแทนอันใหญ่หลวง หรือได้รับการพัฒนาถึงขั้นสูงสุดแล้ว จากความพยายามของเจ้าในการจัดการชุมนุมในรูปแบบใหม่ก็จะมีผลตามมา และในที่สุดก็มีการจัดวางรูปแบบจัดการให้อยู่ในลักษณะมั่นคงแน่นอน คือเมื่อรากของต้นไม้ได้ฝังลึกลงไปในสวนแล้ว ทั้งยังได้รับการเอาใจใส่ป้องกันเป็นอย่างดี เชื่อแน่เหลือเกินว่า จะต้องให้ผลอันโอชะแน่นอน?

?เช่นเดียวกับที่ เมื่อกองทัพทหาร กับหมู่ทหารแต่ละหมู่ได้มารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดเลยก็ได้ว่าต้องได้รับชัยชนะแน่นอน แต่ถ้าหากบาไฮศาสนิกชนทั้งหลายได้มาร่วมกันหนึ่งวัน แล้วได้แยกสลายตัวกันไปในวันต่อมา ถ้าทำเช่นนี้แล้วจะเกิดผลอันใดเล่า?

?เพราะฉะนั้น เจ้าจงได้เตรียมพร้อมกองทัพแห่งสวรรค์ซึ่งจะกลายเป็นกองทัพแห่งชีวิต โดยที่เจ้าจะต้องจัดให้มีการชุมนุมดำเนินต่อไป ด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ยึดมั่นในวัตถุประสงค์และขอให้เพียรพยายามจัดให้มีการติดต่อกันทางจิตวิญญาณ เพื่อที่ว่าเจ้าอาจจะได้รับชัยชนะอย่างขาดลอยก็ได้?

?ข้าขออ้อนวอน และวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ให้พระองค์ทรงช่วยเหลือ และทำให้เจ้ามีความยึดมั่นอย่างแน่นแฟ้นทำให้เจ้ามั่นคงในศาสนา และขอให้เจ้าชี้แนวทางแก่ผู้ที่อยู่ร่วมกับเจ้าให้ปฏิบัติอยู่ในขอบเขตนั้นด้วย?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา หน้า 690)

?หากเจ้าได้เดินตามแสงประทีปแห่งอาณาจักรพระผู้เป็นเจ้าแล้ว จงอย่ามีความสงสัย จงรีบมุ่งหน้าไปยังที่ๆ บาไฮศาสนิกชนกำลังร่วมชุมนุมกันอยู่ เพื่อที่ว่ารัศมีแห่งสัจจะอาจสะท้อนมายังหัวใจของเจ้า?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา หน้า 695)

?จงจัดงานชุมนุม และให้มีการอ่าน สวดอธิษฐานบทธรรมะแห่งสวรรค์ เพื่อที่ว่าในที่นั่นอาจจะได้รับเอาแสงแห่งสัจธรรมและทำให้ ณ ที่นั้นกลายเป็นสวรรค์อย่างแท้จริง ด้วยพลังแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อันมีพลานุภาพ ด้วยรัศมีอันนี้ก็คือ รัศมีแห่งความรุ่งโรจน์ของพระองค์ ซึ่งเป็นเสียงเพลงแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และความเป็นปึกแผ่นของมนุษยชาติในโลกจะต้องได้ยินไปถึงซีกโลกตะวันออกและตะวันตก?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา หน้า 631)

?การจัดงานชุมนุมพบปะกันทุกครั้ง ก็เพื่อจุดประสงค์เรื่องความสามัคคี เพื่อนำความเป็นมิตรมาสู่เพื่อนฝูง คนที่เป็นศัตรูกันมาร่วมสัมพันธ์กัน แล้วพระอับดุลบาฮาก็จะส่งหัวใจและวิญญาณมาร่วมในงานนี้ด้วย?

(ธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา หน้า 553)

?การมีดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพียงดวงเดียวย่อมดีกว่าการมีดวงวิญญาณแบบอื่นหลายพันเท่า ถ้าหากว่ามีดวงวิญญาณหลายๆ ดวงมาชุมนุมกันอยู่ในชุมนุมนี้ด้วยความรู้สึกรัก คิดถึงอาณาจักรแห่งพระผู้เป็นเจ้า ด้วยความใฝ่หาพระผู้เป็นเจ้า ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ผ่องใสอย่างแท้จริง และเต็มไปด้วยความเคารพสักการะพระองค์ เพื่อที่จิตใจจะได้อยู่ใกล้ชิดกับสิ่งหอมหวน และเมื่อเป็นเช่นนี้ คนทั้งโลกก็จะอยู่ร่วมกันได้ ภาวการณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำในลักษณะของการชุมนุมกันแล้วก็จะทำให้โลกเราอยู่เป็นสุขนิรันดร แล้วจะเป็นเครื่องหมายแห่งการยอมรับอาณาจักรพระผู้เป็นเจ้า พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะทำให้พวกเขามีความเข้มแข็งขึ้น กองทัพเทวทูตก็จะนำเอาชัยชนะมาสู่พวกเขา และเหล่าเทพธิดาแห่งอาณาจักรอับภาชั้นสวรรค์ก็จะนำความสำเร็จมาให้?

(ธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา หน้า 508-509)

?เมื่อใดก็ตาม ที่คนกลุ่มหนึ่งได้มารวมกันในสถานที่ที่มีการจัดงานชุมนุม ก็จะอยู่ภายใต้รัศมีองค์พระผู้เป็นเจ้า มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับความลึกลับแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะสงสัยเลยว่า การที่เราได้สูดหายใจเอาพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าไปนั้นก็จะมีการผายออกผ่านเข้าไปในพวกเขาอย่างแผ่วเบา และพวกเขาแต่ละคนก็จะมีส่วนได้รับกันไปตามส่วน?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?ในสัปดาห์ละครั้ง เจ้าจงมีความมั่นใจที่จะรวบรวมเพื่อนๆ เข้าในที่ชุมนุม และในที่ชุมนุมนั้น จงทำให้พวกเขากล่าวสรรเสริญหรือกล่าวสดุดีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?เป็นสิ่งดีที่เพื่อนบาไฮศาสนิกชนได้จัดให้มีการพบปะชุมนุมกัน ซึ่งทำให้เพื่อนบาไฮศาสนิกชนได้กล่าวสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า และมอบหัวใจให้แด่พระองค์ มีการอ่านหรือสวดคำสอนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเต็มไปด้วยพระพรอันประเสริฐ อันจะทำให้ดวงวิญญาณของข้าพระองค์กลายเป็นเชลยที่พระองค์ทรงรักใคร่แสงหรือรัศมีแห่งความรุ่งโรจน์ทั้งปวง หรือแสงรัศมีแห่งความรุ่งเรืองในทั่วขอบฟ้า ก็จะสาดส่องแสงสว่างมายังฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่นี้ เพราะจะไม่มีแสงอื่นใดอีก นอกจากแสงของ มาสชิราคูล อัดคาร์ ( สักการะสถาน) จากแนวทางแห่งปลายปากกาอันสูงส่ง ซึ่งจะมีขึ้นในทุกหนทุกแห่ง…. การชุมนุมจิตวิญญาณนั้นจะต้องจัดขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ และศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพื่อที่ว่าคนคนนั้นจะได้สูดหายใจเอาความหอมหวนแห่งพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าไปจากสถานที่ที่มีการจัดงานชุมนุมตลอดจนพื้นดินและมวลอากาศที่อยู่โดยรอบนั้น?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา ถึงบาไฮศาสนิกชนกลุ่มหนึ่ง)

?ได้รับจดหมายของเจ้าแล้ว ที่เจ้าได้เขียนถามเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุมกันในวันอาทิตย์ก็ได้พูดไปแล้วว่า การจัดงานจะต้องจัดขึ้นด้วยความรัก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าจะต้องจัดงานนี้ขึ้นอย่างมั่นคงถาวร และในวันที่มีการชุมนุมกัน ท่านก็จะต้องร้องสดุดี กล่าวสรรเสริญพระบาฮาอุลลาห์ เพื่อว่าเจ้าอาจจะทำให้มีการเล่าลือครึกโครมขึ้นในที่ที่นั้น และทุกคนในที่นั้นก็จะได้ยินเสียงเรียกจากองค์พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับอาจจะได้รับดวงจิตดวงใหม่ จากกระแสดวงวิญญาณที่สดชื่นซึ่งได้พัดมาจากอุทยานกุหลาบแห่งพระปฏิญญา?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา ถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?เมื่อเราได้ยินว่าพวกเจ้ากำลังรีบเร่งรับใช้พระศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ทำให้หัวใจของบาไฮศาสนิกชนมีความร่าเริงเบิกบาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจของพระอับดุลบาฮา ดังนั้นเจ้าก็จงจัดให้มีห้องห้องหนึ่งในบ้านของเจ้าสำหรับจัดการประชุมเหล่าผู้อันเป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อที่ว่าห้องที่มีการชุมนุมอาจจะเป็นที่เผยพระนามของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยการท่องสวดมนต์ให้เป็นที่กึกก้อง และด้วยอำนาจพระบารมีแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าเหล่าเทวฑูตก็จะมาสถิตอยู่ในคฤหาสน์ทุกแห่งหนในโลก?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา ถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?เราได้รู้ว่าเจ้ามีความคิดที่จะจัดบ้านของเจ้าให้เป็นชุมนุมของบาไฮศาสนิกชนในบางครั้งบางคราว เป็นที่ซึ่งจะทำให้เพื่อนบาไฮศาสนิกชนบางคนได้อยู่ภายในขอบเขตแห่งพระรัศมี… จงรู้ไว้เถิดว่า เจ้าควรจะจับเอาสิ่งนี้ไว้ แล้วบ้านที่อยู่บนพื้นดินก็จะกลายเป็นบ้านบนสวรรค์ และพวกอิฐหินแห่งโครงสร้างก็จะกลายเป็นที่ประชุมแห่งจิตวิญญาณ?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮา ถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?การจัดงานชุมนุมทุกครั้ง จะต้องทำเพื่อการสอนศาสนาและเพื่อเป็นการเผยแพร่ข่าวสาร และเพื่อที่จะส่งดวงวิญญาณให้เข้าไปสู่อาณาจักรของพระศาสดาบาฮาอุลลาห์ จงดูอย่างเราเป็นต้น ที่ความนึกคิดทั้งหมดมีแต่เรื่องการประกาศศาสนจักรของพระองค์อย่างฝังใจ?

?เราถือตะเกียงเที่ยวเสาะหาดวงวิญญาณของผู้ที่ป่าวประกาศศาสนาทั่วดินแดน และทั่วมหาสมุทร เรากำลังทำงานนี้ทั้งวันทั้งคืน แต่ถ้าการจัดงานชุมนุมนี้จัดขึ้นเพื่อเจตนาอย่างอื่นแล้วก็จะไม่เกิดผลประโยชน์แต่อย่างใดเลย จงนำข่าวนี้เผยแพร่ออกไปจงชักจูงดวงใจของคนทั้งหลาย จงช่วยกันหว่านเมล็ดไว้ จงช่วยกันสอนศาสนาแก่ผู้ที่ยังไม่รู้?

?เราได้ไปร่วมชุมนุมทุกแห่งหน ทุกโบสถ์วิหาร เพื่อที่ว่าศาสนาจะได้แพร่หลายออกไป เมื่อมีงานชิ้นสำคัญอยู่เบื้องหน้าเรา เราก็จะต้องรีบมุ่งหน้าไปหางานที่สำคัญนั้น?

?ถ้าหากมีงานชุมนุมขึ้น และธรรมสภาก็มีงานอย่างอื่นทำอยู่ก็จะเป็นการใช้เวลาในทางที่ไม่เป็นประโยชน์เลย การปรึกษาหารือทุกอย่าง การพิจารณาเรื่องราวต่างๆ การพูดคุยกันหรือการพูดประชุมทุกครั้ง ก็จะต้องรวบรวมเข้าเป็นจุดเดียวกันให้อยู่ในลักษณะที่ว่า จงช่วยกันสอนศาสนา จงช่วยกันเอาข่าวไปเผยแพร่ จงช่วยกันปลุกดวงจิตวิญญาณให้ตื่นตัว?

?ขณะนี้เป็นเวลาแห่งการวางรากฐาน เวลานี้พวกเราจะต้องรวบรวมเอาอิฐ หิน ไม้ เหล็กและวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เอาไว้ เวลานี้มิใช่เวลาแห่งการตกแต่งเพื่อความสวยงาม พวกเราต้องต่อสู้ทั้งกลางวันและกลางคืน ต้องคิด และทำงาน เราจะพูดอย่างไรดีเพื่อให้เกิดความสำเร็จ? เราจะทำอย่างไรดีเพื่อจะได้ผลที่ต้องการ? แล้วเราจะเขียนอย่างไรเพื่อให้เกิดผลตามนั้น??

?ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะให้ประโยชน์สำหรับยุคปัจจุบันนี้ผลประโยชน์ต่างๆ ทางศาสนาที่รุ่งเรืองจะไม่ก้าวหน้าต่อไปได้เลยถ้าหากว่าขาดความสนใจอย่างจดจ่อ ในขณะที่พวกเราทุกคนกำลังรับเอาภาระเรื่องนี้อยู่ พวกเราก็ไม่สามารถที่จะไปรับเอาภาระอย่างอื่นอีกได้?

(จากหนังสือพระคัมภีร์บาไฮ หน้า 502)

?เป็นความจริงที่ว่า พระอับดุลบาฮา ได้รับรสหอมกรุ่นแห่งความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้า จากสถานที่ชุมนุมทุกแห่งที่มีผู้กล่าวถึงพระวจนะของพระองค์ ได้มีข้อพิสูจน์และการโต้แย้งกันด้วยเหตุผล ซึ่งได้เปล่งรัศมีแผ่กระจายไปทั่วโลก และที่ซึ่งเขาทั้งหลายได้บรรยายถึงความลำเค็ญของพระอับดุลบาฮาครั้งเมื่อตกในเงื้อมมือของคนชั่วร้ายที่ได้ฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า?

?นี่แน่ะ ผู้รับใช้แห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จงอย่ากล่าวคำใดที่เกี่ยวข้องกับการเมือง จงกล่าวคำพูดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตแห่งวิญญาณเถิด เพราะเรื่องนี้เท่านั้นจะนำไปสู่ความปรีดาของมนุษย์ในโลกของพระผู้เป็นเจ้า เจ้าจงอย่ากล่าวขวัญถึงองค์ราชาแห่งแว่นแคว้นใดในโลก เว้นเสียแต่การกล่าวสรรเสริญท่านเหล่านั้นในทางที่ดีงามเท่านั้น และอย่ากล่าวขวัญถึงรัฐบาลใดในโลกนี้ เจ้าควรจะจำกัดตนเองให้พูดถึงแต่เรื่องการเผยแพร่ข่าวอันน่าชื่นชมจากอาณาจักร

พระผู้เป็นเจ้า จะแสดงให้เห็นประจักษ์ถึงอิทธิพลแห่งพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า และความศักดิ์สิทธิ์แห่งพระศาสนาของพระองค์ เจ้าจงเล่าเรื่องความยินดีปรีดาอันหาที่สุดมิได้ และความเบิกบานแห่งจิตวิญญาณ และคุณสมบัติอันเสมือนพระผู้เป็นเจ้า และเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นมาของดวงอาทิตย์แห่งสัจธรรมที่ได้โคจรขึ้นมาเหนือขอบฟ้าแห่งโลก เจ้าจงเล่าเรื่องการพัดเอาวิญญาณของชีวิตเข้าไปในร่างกายแห่งโลกเถิด

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?จงสงบจิตใจ เพื่อที่ว่าการที่เจ้าได้หายใจเอาพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้าไปนั้น จะทำให้เจ้าพูดได้คล่องขึ้น เพราะฉะนั้นเจ้าจงพูด พูดออกไปในที่ชุมนุมด้วยความกล้าหาญยิ่ง เมื่อเจ้าจะกล่าวถึงอะไรก็ตาม จงนึกถึงองค์พระศาสดาบาฮาอุลลาห์เป็นสิ่งแรก ขอให้มีการประกอบพิธีระลึกถึงพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แล้วเผยปากพูดทุกสิ่งที่เจ้าคิดเอาไว้ในใจ การกระทำเช่นนี้ขอให้ทำด้วยความกล้า ด้วยความผึ่งผาย และด้วยความมีจิตศรัทธา ข้าหวังว่านับแต่นี้ต่อไป การจัดงานชุมนุมของเจ้าจะเจริญก้าวหน้าต่อไปและหวังว่าทุกคนที่กำลังแสวงหาความจริงก็จะยอมรับฟังในสิ่งที่ได้ถกเถียงอย่างมีเหตุมีผล หรือในสิ่งที่ได้พิสูจน์สรุปผลออกมาแล้ว ขอให้แน่ใจว่าข้าจะอยู่เคียงข้างกับเจ้าด้วยหัวใจและดวงวิญญาณในที่ประชุมทุกครั้ง

?ขอเจ้าจงจัดงานฉลอง 19 วัน ให้อย่างสมเกียรติที่สุด?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?ท่านได้เขียนถามเกี่ยวกับเรื่องการจัดงานชุมนุม การจัดสถานที่ชุมนุมของบาไฮศาสนิกชนผู้ที่มีความศรัทธาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า อย่างเช่น การจัดให้มีการชุมนุม การเรียกชุมนุมซึ่งจะมีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุนในถ้อย วจนะ หรือในหมู่ผู้ฟังทุกคนไม่ว่าจะเป็นบาไฮศาสนิกชนหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเพื่อนบาไฮศาสนิกชนมีความตั้งใจจะเข้าร่วมในงานชุมนุมนี้แล้ว เพื่อนบาไฮศาสนิกชนก็จะต้องทำใจให้ว่างเปล่าจากการคิดถึงสิ่งอื่น ขอให้ระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าอยู่ตลอดเวลา ด้วยความจงรักภักดี และอ่อนน้อมอย่างที่สุด แล้วย่างก้าวเข้าไปในสถานที่ที่มีการจัดงานชุมนุม ไม่มีการเสนอหัวข้ออื่นใดในที่ประชุมนอกเสียจากการพูดถึงพระสัจธรรม และจะไม่มีการนำปัญหาวุ่นวายจากโลกภายนอกเข้าสู่สภาให้เพื่อนบาไฮศาสนิกชนเกิดความสับสนวุ่นวาย เพื่อนบาไฮศาสนิกชนจะต้องทำสมาธิ สวดมนต์วิงวอนให้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า รวมทั้งให้มีการอ่านหลักธรรมต่างๆให้มีการเสนอข้อแนะนำต่างๆ ตลอดจนการแนะนำชักชวนด้วย

(จาก สตาร์ ออฟ เดอะ เวสต์ เล่มที่ 2 เลขที่ 6 หน้าที่ 5)

?เจ้าได้เขียนในเรื่องการชุมนุมของบาไฮศาสนิกชน และเรื่องวิธีการที่จะทำให้เพื่อนบาไฮศาสนิกชนเต็มไปด้วยความสุข และความสงบสุข แน่นอนมันจะต้องเป็นเช่นนั้น เพราะว่าที่ใดก็ตามที่เป็นที่รวมของบุคคลที่มีธรรมอยู่ในจิตใจ ก็จะเป็นที่ที่พระบารมีแห่งความดีงามขององค์พระศาสดาบาฮาอุลลาห์ได้ไปสถิตอยู่ที่นั่นดังนั้นจึงเชื่อแน่เหลือเกินว่า การชุมนุมกันเช่นนี้ ย่อมจะทำให้เกิดความสงบสุข และทำให้เกิดความสุขไม่สิ้นสุด?

?ยุคนี้มีความจำเป็นที่ว่า มนุษย์ทุกคนจะต้องไม่พูดถึงสิ่งอื่นใด และจะต้องไม่ฝักใฝ่ในเรื่องใด ขอให้มีการพูดคุย ขอให้การพูดคุยของเขานั้นสรุปอยู่แต่ในเรื่องดังนี้?ขอเจ้าจงหมกมุ่นอยู่แต่การสวดมนต์ และจงกล่าวสรรเสริญแต่ในสิ่งที่ได้กำหนดไว้แล้ว นั่นคือสิ่งที่ได้ทำมาตลอดในชีวิตของข้า เป็นข้ารับใช้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้านั่นหมายความว่า ขอให้บาไฮศาสนิกชน จงรวบรวมเอาความคิดต่างๆ คำพูดทั้งหลาย ธรรมคำสอนของพระศาสดาเข้าด้วยกัน แล้วจงเผยแพร่ศาสนา จงบอกกล่าวผู้อื่นทุกคนถึงลักษณะนิสัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยการแสดงออกของตนเองอย่างเช่นการมีความรักในมนุษยชาติ การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ การดำเนินชีวิตส่วนตัวและในสังคมได้อย่างไม่มีด่างพร้อย เป็นการดำเนินชีวิตแบบซื่อตรง ไม่ผูกพันกับสิ่งใดมีความศรัทธาอย่างแรงกล้า และมีความตื่นตัวอยู่เสมอ จะต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเหลือไว้แต่ความจดจำองค์พระผู้เป็นเจ้าคือจะต้องไม่กล่าวสรรเสริญสิ่งอื่นใดนอกจากการกล่าวสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า ในปัจจุบันนี้ ทำนองเพลงอันไพเราะจากสวรรค์ได้บรรเลงแล้ว ชาวโลกก็จะกระโดดโลดเต้น แล้วพูดว่าขอความสรรเสริญจงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงประเสริฐพระผู้ทรงเกียรติ ขอพวกเจ้าจงรู้ไว้ด้วยว่า ไม่มีบทเพลงใดที่จะปลุกชาวโลกได้นอกจากบทเพลงของพระผู้เป็นเจ้านี้ ซึ่งเป็นเสียงของนกไนติงเกลที่ได้เรียกร้องเอาสัจธรรมจากสรวงสวรรค์แห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจะไม่มีทำนองเพลงอื่นใดอีกที่จะจับใจคนได้ขนาดนี้อีกแล้ว ?แล้วที่ไหนที่นักร้องผู้นี้ ผู้ซึ่งได้เรียกขานถึงพระนามอันเป็นที่รักยิ่ง จะเสด็จมา??

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?ณ ที่มีการจัดชุมนุมเหล่านี้ ไม่ควรจะมีการพูดคุยเรื่องอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้อง ควรที่คนเหล่านี้จะวางตนอยู่ในขอบเขตของการอ่าน การสวดพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ และปรึกษากันในเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนา อย่างเช่นมีการอธิบายสรุปหาข้อเท็จจริง หรือการพิสูจน์ต่างๆ และการอธิบายเกี่ยวกับบทธรรมนิพนธ์ของพระผู้อันเป็นที่รักของมนุษยชาติ บุคคลผู้ซึ่งได้เข้าไปร่วมในการชุมนุมนั้น จะต้องปฏิบัติดังนี้ อันดับแรกเขาจะต้องแต่งกายของเขาด้วยอาภรณ์ที่สะอาด แล้วให้หันหน้าของเขาไปยังอาณาจักรอับภาหลังจากนั้นให้เดินเข้าไปในชุมนุมนั้นด้วยความสุภาพอ่อนน้อมในช่วงระหว่างที่มีการอ่านธรรมอยู่นั้น พวกเขาทุกคนจะต้องอยู่ในความสงบ หากใครต้องการพูด เขาก็ควรพูดในลักษณะถ่อมตนเรียบร้อย คำพูดนั้นจะต้องเป็นจริง และมีความไพเราะ แล้วเจ้าก็จะได้รับการสรรเสริญชมเชย?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?หากเป็นไปได้ที่ว่า ที่ใดก็ตามที่มีบาไฮศาสนิกชน ผู้ซึ่งมีความตื่นตัวประมาณ 2-3 คน ก็จะเป็นโอกาสที่จะสามารถจัดงานชุมนุมนี้ขึ้นได้ และในที่ชุมนุมนี้ก็จะเป็นการแสดงถึงข้อพิสูจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนเป็นที่เคยชิน ซึ่งการกระทำอย่างนี้จะต้องทำอย่างยิ่ง เพื่อที่จะทำให้มนุษย์รู้จักคิดยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อกำหนดอยู่ว่าการพูดคุยสนทนานั้นจะต้องมีขอบเขตอยู่ในเรื่องเดียวกัน?

(จากธรรมนิพนธ์ของพระอับดุลบาฮาถึงบาไฮศาสนิกชนผู้หนึ่ง)

?ในบรรดาหลายๆ สิ่ง ก็มีเรื่องการจัดงานชุมนุมเพื่อการเผยแพร่คำสอน เพื่อที่ว่าจะทำให้ดวงวิญญาณเจริญขึ้น และสำหรับผู้ที่เป็นบาไฮศาสนิกชนมานานแล้วก็อาจจะรวบรวมเอาบุคคลที่เพิ่งจะเป็นบาไฮเข้ารับการอบรมในโรงเรียน และทำการสอนเขาให้รู้ถึงข้อพิสูจน์ของคำทำนาย และข้อโต้แย้งต่างๆ ที่หาคำตอบไม่ได้ จะได้มีการอธิบายชี้แจงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของศาสนาอย่างแจ่มแจ้ง นอกจากนั้นยังให้มีการแปลความหมายคำทำนาย หรือข้อพิสูจน์ต่างๆ ซึ่งได้มีการจดบันทึกเอาไว้ เท่าที่มีอยู่ในหนังสือพระคัมภีร์ที่มีอยู่ในจดหมายเกี่ยวกับการปรากฏขององค์พระศาสดาที่ได้สัญญากับชาวโลกไว้ เพื่อที่ว่าบาไฮศาสนิกชนใหม่ๆ จะได้รับทราบเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์?

(จากพระคัมภีร์บาไฮ หน้า 543)

?งานการชุมนุมนี้เป็นงานที่ดี มีค่าควรแก่การขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เป็นงานชุมนุมชนิดที่หาที่เปรียบมิได้ การชุมนุมทุกครั้งจะต้องมีการนำเอาข้อควรปฏิบัติเอาใจใส่มาอ้างทุกครั้ง ไม่มีการชักจูงทางการเมือง ไม่มีการหาผลประโยชน์ทางการค้า หรือไม่เป็นการเผยแพร่ความรู้ และไม่เป็นการบริหารระเบียบหรือระบบหนึ่งระบบใด แต่ว่าการชุมนุมของพวกเรานี้มีขึ้นเพื่อดำรงอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่หาที่เปรียบมิได้ หัวใจของทุกคนได้หันไปสู่พระผู้เป็นเจ้า จิตวิญญาณก็อิ่มเอิบไปด้วยข่าวที่น่ายินดีขององค์พระผู้เป็นเจ้า ความสนใจของทุกคนได้มุ่งไปสู่องค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วจะมีงานชุมนุมใดเล่าที่จะดีไปกว่างานชุมนุมนี้?

?การชุมนุมดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นพื้นฐานที่มีความสำคัญมากซึ่งพวกเราจะต้องช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายอันนี้ เพื่อว่าการชุมนุมนี้เป็นการประชุมความสนใจอันจะนำไปสู่อาณาจักรองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะฉะนั้นบาไฮศาสนิกชนแต่ละคนจะต้องเป็นผู้ที่มีความรัก ความเป็นมิตร มีความอ่อนน้อม และอ่อนโยนอย่างที่สุด เป็นผู้ที่มีถ้อยคำมุ่งมั่นอยู่แต่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นก็จะให้งานชุมนุมของพวกเราเป็นตัวอย่างของการชุมนุมในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า?

(จาก สตาร์ ออฟ เดอะ เวสต์ เล่มที่ 4 เลขที่ 13 หน้า 1)

?เจ้าได้เขียนถามถึงเรื่องการชุมนุมทางจิตวิญญาณ ซึ่งพื้นฐานต่างๆ ของการชุมนุมทางจิตวิญญาณจะต้องเป็นคำสอน และเป็นการกล่าวถึงจุดมุ่งหมายของพระผู้เป็นเจ้า ในการชุมนุมนี้บาไฮศาสนิกชนและรวมถึงผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องประกาศข้อพิสูจน์ความจริงข้อโต้แย้งต่างๆ และให้มีการอธิบายถึงเครื่องหมายแห่งการปรากฏขององค์พระศาสดาบาฮาอุลลาห์ข้าขอพลีชีพข้าแด่ผู้ที่ข้ารักทั้งหลาย ในระหว่างที่พวกเขาได้อ่านคำบัญญัติและศีลธรรมศาสนา และในช่วงสุดท้ายของงานชุมนุม ถ้าพวกเขาต้องการที่จะร้องเพลงด้วยความสุภาพอ่อนน้อมอย่างที่สุดแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ว่าหลักธรรมขั้นพื้นฐานของการจัดชุมนุมทางจิตวิญญาณนั้นก็เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่คำสอน และการกล่าวถึงสัจธรรม เพื่อที่ว่าดวงวิญญาณทั้งหลายของผู้ที่มาชุมนุมจะได้รับทราบประจักษ์ในพยาน และข้อพิสูจน์ต่างๆ?

(จาก สตาร์ ออฟ เดอะ เวสต์ เล่มที่ 2 เลขที่ 6 หน้าที่ 5)

?บาไฮศาสนิกชนจะต้องชุมนุม และสังสรรค์กับทุกคนด้วยความรัก ด้วยความร่าเริง และด้วยความไพเราะ บาไฮศาสนิกชนจะต้องประพฤติตัวในที่ชุมนุมอย่างสมภาคภูมิ และเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ มีการท่องบทสวด อ่านบทความที่เป็นคำสอนอ่านข้อบัญญัติของพระอับดุลบาฮา จงให้กำลังใจ บอกแนะผู้อื่นด้วยความรักที่มีต่อมนุษยชาติ อ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดีและหอมหวาน จงอ่านบทคัมภีร์แห่งการสรรเสริญและกล่าวสดุดีพระผู้ทรงดำรงอยู่โดยพระองค์เอง และจะต้องมีการกล่าวโวหารอันไพเราะด้วย?

(จาก สตาร์ ออฟ เดอะ เวสต์ เล่มที่ 2 เลขที่ 6 หน้าที่ 6)

  • จากข้อบันทึกและจดหมายของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ

?พวกเขาจะต้องจัดให้มีการชุมนุมกันระหว่างบาไฮศาสนิกชนเป็นประจำ จัดงานฉลองและจัดงานครบรอบวาระต่างๆ รวมทั้งงานชุมนุมกรณีพิเศษต่างๆ ซึ่งได้วางไว้เป็นแนวทางเพื่อรับใช้ส่งเสริมผลประโยชน์ทางสังคม ทางสติปัญญาและทางจิตใจของเพื่อนมนุษย์?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชนของประเทศสหรัฐอเมริกา

อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

ลงวันที่ 12 มีนาคม 2466 การบริหาร กิจการของบาไฮ หน้า 38)

?สำหรับคำถามที่ถามมา ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ รู้สึกว่าได้เคยกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ ว่าในการชุมนุมของบาไฮศาสนิกชนควรที่จะให้บาไฮศาสนิกชนบางคนได้กล่าวปราศรัย แต่การกล่าวปราศรัยนั้นจะต้องเน้นในคำสอนของพระบาฮาอุลลาห์ หรือของพระศาสดาอันเป็นที่รักของเรา มิใช่ว่าในการชุมนุมทุกครั้งจะจำกัดแต่การอ่านบทธรรม หรือพระวจนะของพระบาฮาอุลลาห์ หรือของพระศาสดาเท่านั้น แต่อาจจะให้มีการบรรยายและพูดคุยกันโดยตรงหรือโดยทางอ้อมถึงเรื่องศาสนาก็ได้?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2469)

?คำถามของท่านที่ว่า สมควรหรือไม่ที่จะจัดงานชุมนุมบาไฮศาสนิกชนขึ้นในเวลาเดียวกันกับการชุมนุมในโบสถ์คริสต์ ท่านศาสนภิบาลใคร่ขอชี้แจงแนะบาไฮศาสนิกชนว่า ขอให้หลีกเลี่ยงการกระทำดังกล่าวนั้นเสีย เพราะมิฉะนั้นแล้วผู้ที่เป็นคนของโบสถ์คริสต์จำนวนมากจะรู้สึกไม่พอใจ และการกระทำดังกล่าวอาจจะนำไปสู่ความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็นและถ้าลุกลามออกไปแล้วอาจจะเกิดผลเสียแก่ศาสนา และอาจจะเกิดผลกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงเกียรติคุณของศาสนาเราในสายตาของคนทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ถ้าไม่จำเป็นแล้วบาไฮศาสนิกชนไม่ควรจะก่อให้เกิดความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์แก่ศาสนา?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 5 กันยายน 2479

ลงในข่าวสารบาไฮ เลขที่ 111 ฉบับ เดือน ตุลาคม 2480 หน้าที่ 1)

?ในบางแห่ง มีบาไฮศาสนิกชนจัดงานชุมนุมขึ้นเพื่อการสวดมนต์ให้แก่บุคคลที่ต้องการชุมนุมและสวดมนต์ ดังที่พวกเราได้มีบทสวดอธิษฐานที่วิเศษสุด และการทำสมาธิไว้แล้วในบทธรรมของพวกเรา การนำเอาสิ่งดังกล่าวมาอ่านร่วมกันกับเพื่อนบาไฮศาสนิกชน ผู้ที่มีความสนใจจะต้องการให้มีการจัดการชุมนุมขนาดเล็กเช่นนี้ ซึ่งจะเป็นบันไดก้าวไปอีกขั้นหนึ่งในการชักจูงให้เกิดความซาบซึ้งในรสพระธรรม คิดว่าท่านสามารถที่จะกระทำกิจกรรมดังกล่าวนี้ในแหล่งที่ท่านอาศัยอยู่?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2499)

?พวกเราไม่ควรพยายามที่จะแนะนำให้มีรูปแบบวิธีการสอนศาสนาของพวกเราอย่างตายตัวแน่นอน อย่างไรก็ตาม ถ้าการทำสมาธิกันเป็นกลุ่มเช่นนี้สามารถที่จะก่อให้เกิดความสามัคคีและเกิดความเข้าใจในคำสอนได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่นำวิธีการดังกล่าวมาใช้ในขั้นเริ่มต้นของชั้นเรียนสอนศาสนา ถ้าหากว่าเป็นคนที่มีความต้องการ ชอบและเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ วิธีการนี้ไม่ต้องทำอะไรที่เกี่ยวกับธรรมทางศาสนา แต่ก็จัดได้ว่าเป็นวิธีการหนึ่งที่พิสูจน์แล้วว่านำมาช่วยได้ในบางครั้ง

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2499)

?นับตั้งแต่ท่านได้ค้นพบในหลักธรรมคำสอนของศาสนาบาไฮ ว่าสามารถสนองความหวังอันสูงสุดของท่านได้ และทำให้สุดยอดปรารถนาแห่งหัวใจของท่านเป็นจริงขึ้นมาได้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถือว่าเป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่งของท่านที่จะไม่ละความพยายามในการศึกษาหลักคำสอนเหล่านี้ และทำการเผยแพร่หลักคำสอนต่อไป?

?จากจุดหมายข้อนี้ ท่านศาสนภิบาลใคร่ขอชี้แนะว่า นอกจากท่านจะทำการศึกษาหลักคำสอนของศาสนาบาไฮแล้ว ท่านยังจะต้องมีการสมาคมติดต่ออย่างใกล้ชิดกับเพื่อนบาไฮศาสนิกชนของท่านด้วย และให้เข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ ในกลุ่มระดับท้องถิ่นของท่าน เพื่อว่าท่านจะได้รับทั้งความรู้ภาคทฤษฏีทางศาสนาและยังจะได้เป็นสมาชิกชุมนุมบาไฮอีกท่านหนึ่งที่มีความรัก มีความตื่นตัว และมีประสิทธิภาพอีกด้วย?

(จากจดหมายที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงบาไฮศาสนิกชน ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2481)