คีตาบีอัคดัส คัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

ดาวน์โหลด?PDF

บทนำ

ในปี ค.ศ. 1953 ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ผู้เป็นศาสนภิบาลของศาสนาบาไฮ ได้กำหนดให้การตระเตรียมประมวลกฎและบทบัญญัติอย่างย่อของคีตาบีอัคดัส เป็นเป้าหมายหนึ่งของแผนงานสิบปีของท่าน เป็นการโหมโรงที่จำเป็นก่อนที่จะมีการแปลคัมภีร์นี้ ท่านเองได้ทำการประมวลแต่ยังไม่ทันเสร็จสิ้นก็ถึงแก่กรรมเสียก่อนในปี ค.ศ. 1957 งานนี้ได้รับการสานต่อโดยอิงอยู่กับงานที่ท่านทำไว้ และออกมาเป็นเล่มในปี ค.ศ. 1973 นอกจากการประมวลกฎอย่างย่อและ หมายเหตุ ที่เป็นคำอธิบาย เล่มที่พิมพ์ออกมาครั้งนั้นยังมีประมวลธรรมลิขิตบางบทจากคีตาบีอัคดัส ที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ แปลไว้และตีพิมพ์อยู่ในหนังสือเล่มต่างๆ ประมวลกฎอย่างย่อเล่มนั้นครอบคลุมเนื้อหาของคีตาบีอัคดัส และ คำถามและคำตอบ ซึ่งเป็นภาคผนวกของอัคดัส ในปี ค.ศ.1986 สภายุติธรรมสากลได้วินิจฉัยว่าเวลามาถึงแล้วที่การตระเตรียมการแปลเนื้อหาทั้งหมดของคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้เป็นภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นไปได้ และได้ตั้งเป็นเป้าหมายหนึ่งในแผนงานหกปี ค.ศ. 1986-1992 การพิมพ์คัมภีร์ฉบับภาษาอังกฤษนี้จะตามมาด้วยการแปลเป็นภาษาอื่นๆ

เป็นที่ยอมรับว่า คีตาบีอัคดัสซึ่งเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ควรถูกนำเสนอในรูปแบบที่อ่านได้ง่ายและให้แรงบันดาลใจ ไม่รุงรังไปด้วยหมายเหตุและตัวเลขอ้างอิงที่มักใช้กันในตำราทางวิชาการ กระนั้นก็ตามเพื่อจะช่วยให้ผู้อ่านติดตามเนื้อหาและเนื้อเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างราบรื่น จึงมีการแบ่งเป็นย่อหน้าซึ่งไม่ค่อยทำกันในงานวรรณกรรมภาษาอาหรับและย่อหน้าเหล่านี้มีตัวเลขกำกับไว้เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและทำดัชนี และเพื่อความตรงกันในการอ้างอิงในทุกภาษาที่จะใช้พิมพ์คัมภีร์นี้

ถัดจากเนื้อหาของอัคดัสคือประมวลธรรมลิขิตอย่างย่อของพระบาฮาอุลลาห์ซึ่งเป็นภาคเสริมของคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้ และคำแปล คำถามและคำตอบ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในเล่มนี้

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวไว้ว่า การแปลคัมภีร์อัคดัสเป็นภาษาอังกฤษควรมี คำอธิบายประกอบอย่างล้นหลาม นโยบายที่ใช้ในการจัดทำ หมายเหตุ คือ การเน้นไปยังประเด็นที่เข้าใจยากสำหรับผู้อ่านที่ไม่รู้ภาษาอาหรับ หรือจำเป็นต้องมีการชี้แจงให้กระจ่างหรืออธิบายความเป็นมาเพราะเหตุผลต่างๆ?

หมายเหตุ เหล่านี้มิได้มุ่งหมายให้เป็นคำอธิบายที่ครบถ้วนเกี่ยวกับเนื้อหาตอนนั้นๆ นอกเหนือไปจากความจำเป็นที่กล่าวมา

หมายเหตุ ที่อยู่ถัดจาก ประมวลกฎอย่างย่อ มีตัวเลขกำกับตามลำดับ แต่ละหมายเหตุมีวรรคจากธรรมลิขิตที่เกี่ยวข้องนำมาก่อน และมีตัวเลขบอกย่อหน้าที่คัดมา สิ่งนี้ช่วยอำนวยความสะดวกในการอ้างอิงถึงกันและกันระหว่างพระธรรมและ หมายเหตุ โดยที่ผู้อ่านยังสามารถศึกษาหมายเหตุได้โดยไม่ต้องเปิดกลับไปดูพระธรรมซ้ำแล้วซ้ำอีกถ้าผู้อ่านชอบเช่นนั้น เป็นที่หวังว่าวิธีนี้จะสนองความต้องการของผู้อ่านทั้งหลายที่มีภูมิหลังและความสนใจต่างกันอย่างมาก?

ดัชนีท้ายเล่มช่วยชี้บอกเรื่องต่างๆ ในทุกตอนของหนังสือเล่มนี้

ความสำคัญและลักษณะของคีตาบีอัคดัสและเนื้อเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในคัมภีร์นี้ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิอธิบายไว้อย่างแจ่มแจ้งในหนังสือประวัติศาสตร์ศตวรรษแรกของศาสนาบาไฮที่ท่านเขียนไว้ชื่อว่า God Passes By คำอธิบายดังกล่าวนำมาใส่ไว้เป็นตอนที่ถัดจากคำนำเพื่อช่วยผู้อ่าน ประมวลกฎอย่างย่อ ที่นำมาพิมพ์อีกครั้งในหนังสือเล่มนี้ ก็เพื่อช่วยให้เห็นภาพรวมของคัมภีร์

คำนำ

ปีนี้บาไฮศักราช 149 เป็นครบรอบหนึ่งศตวรรษของการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์ พระผู้เปิดเผยพระธรรมสากลของพระผู้เป็นเจ้าที่ถูกลิขิตให้นำมนุษยชาติไปสู่วุฒิภาวะ การที่วาระนี้ควรเป็นที่รำลึกโดยประชาคมของศาสนิกชนซึ่งเป็นตัวแทนของมวลมนุษยชาติทุกหมู่เหล่า และเป็นประชาคมที่มีการก่อตั้งไปถึงดินแดนห่างไกลที่สุดของโลกภายในช่วงเวลาหนึ่งศตวรรษครึ่ง คือสัญลักษณ์ของพลังแห่งความสามัคคีที่ปลดปล่อยมาจากการเสด็จมาของพระบาฮาอุลลาห์ ข้อยืนยันเพิ่มเติมต่อปฏิบัติการของพลังเดียวกันนี้ ยังเป็นที่เห็นได้จากวิสัยทัศน์ที่พระบาฮาอุลลาห์แสดงไว้เกี่ยวกับประสบการณ์ร่วมสมัยของมนุษย์ในหลายแง่ โอกาสนี้จึงเป็นฤกษ์ดีสำหรับการตีพิมพ์คัมภีร์แม่บทของการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์เป็นภาษาอังกฤษที่ได้การรับรองการแปลเป็นครั้งแรก ซึ่งในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้ พระองค์ทรงอธิบายกฎของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคศาสนาที่ถูกลิขิตให้คงอยู่เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งพันปี

จากคัมภีร์กว่าหนึ่งร้อยเล่มที่ประกอบกันเป็นธรรมลิขิตศักดิ์สิทธิ์ของพระบาฮาอุลลาห์ คีตาบีอัคดัสมีความสำคัญเป็นพิเศษ?การสร้างโลกใหม่ทั้งหมด?คือคำกล่าวอ้างและคำท้าทายของธรรมสารของพระองค์ และคีตาบีอัคดัสคือกฎบัตรของอารยธรรมของโลกในอนาคต ที่พระบาฮาอุลลาห์เสด็จมาเพื่อก่อให้เกิด ข้อกำหนดในคัมภีร์นี้อยู่บนรากฐานที่ศาสนาทั้งหลายในอดีตสถาปนาไว้ เพราะในวจนะของพระองค์?นี้คือศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าที่ไม่มีเปลี่ยนแปลง คงอยู่นิรันดร์ในอดีตและอนาคต?ในการเปิดเผยพระธรรมครั้งนี้แนวความคิดในอดีตถูกยกขึ้นไปสู่ระดับใหม่ของความเข้าใจ และกฎทางสังคมที่ถูกเปลี่ยนให้เหมาะกับยุคที่กำลังรุ่งอรุณอยู่ในเวลานี้ ถูกออกแบบไว้เพื่อนำพามนุษยชาติไปสู่อารยธรรมของโลก ซึ่งความโอฬารของอารยธรรมนี้ยังนึกภาพแทบไม่ได้

ในการยืนยันความน่าเชื่อถือของศาสนาที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในอดีต คีตาบีอัคดัสได้กล่าวย้ำสัจธรรมนิรันดร์ทั้งหลายที่ธรรมทูตทุกพระองค์แถลงไว้ : เอกภาพของพระผู้เป็นเจ้า ความรักที่มีต่อเพื่อนบ้าน และจุดประสงค์ทางศีลธรรมของชีวิตบนโลกนี้ ในเวลาเดียวกันองค์ประกอบของกฎศาสนาในอดีต ที่กลายเป็นอุปสรรคต่อการประสานสามัคคีโลกและการปฏิสังขรณ์สังคมมนุษย์ในปัจจุบัน ถูกถอดออกไปในคัมภีร์นี้

กฎของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคศาสนานี้มุ่งตอบความต้องการของครอบครัวมนุษย์ทั้งมวล มีกฎบางข้อในคีตาบีอัคดัสที่มุ่งไปที่คนบางกลุ่มเป็นหลัก ซึ่งพวกเขาสามารถเข้าใจได้ทันที แต่อาจเข้าใจยากสำหรับประชาชนที่มาจากวัฒนธรรมต่างกันเมื่ออ่านครั้งแรก ตัวอย่างเช่น กฎที่ห้ามการสารภาพบาปต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งแม้จะเป็นที่เข้าใจได้สำหรับผู้ที่มีภูมิหลังเป็นคริสเตียน แต่ก็อาจเป็นที่ฉงนสำหรับผู้อื่น กฎหลายข้อสัมพันธ์กับกฎของยุคศาสนาในอดีตโดยเฉพาะอย่างยิ่งสองยุคศาสนาล่าสุด นั่นคือกฎของพระโมฮัมหมัดและพระบ๊อบที่อยู่ในคัมภีร์โกรอ่านและคัมภีร์บายัน กระนั้นก็ตามแม้บทบัญญัติบางข้อในคัมภีร์อัคดัสจะพาดพิงเจาะจงมาที่กฎในอดีตดังกล่าว แต่บทบัญญัติเหล่านั้นก็มีนัยที่เป็นสากล โดยกฎของพระองค์ พระบาฮาอุลลาห์ทรงแย้มออกมาทีละน้อยให้เห็นความสำคัญของความรู้และความประพฤติระดับใหม่ ที่ประชาชนทั้งหลายของโลกควรถีบตัวเองขึ้นมา พระองค์ทรงแทรกกฎไว้ในคำอธิบายพระธรรม เพื่อให้ผู้อ่านระลึกถึงหลักการอยู่เสมอที่ว่า กฎเหล่านี้ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องใด ?ส่งเสริมจุดประสงค์นานัประการของการนำความสงบสุขมาสู่สังคม การยกมาตรฐานของความประพฤติ การขยายขอบเขตความเข้าใจ และการพัฒนาจิตใจของทุกๆ คน เนื้อหาทั้งหมดคือความสัมพันธ์ระหว่างวิญญาณของแต่ละบุคคลกับพระผู้เป็นเจ้า และการบรรลุจุดหมายของวิญญาณซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสุดท้ายของกฎของศาสนา พระองค์ทรงยืนยันว่า?อย่าคิดว่าสิ่งที่เราเปิดเผยต่อเจ้าเป็นเพียงประมวลกฎชุดหนึ่ง ไม่เลย ที่จริงแล้วเราได้เปิดผนึกของอมฤตธรรมชั้นเยี่ยมด้วยองคุลีแห่งอำนาจและอานุภาพ?คัมภีร์แห่งกฎคือ?ข้อยืนยันที่มีน้ำหนักที่สุด?ของพระองค์?สำหรับประชาชนทั้งปวง และข้อพิสูจน์ของพระผู้ทรงปรานีสำหรับทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และทุกคนที่อยู่บนโลก

คำนำของจักรวาลธรรมะที่เปิดเผยไว้ในคีตาบีอัคดัสนี้ย่อมไม่บรรลุจุดประสงค์ หากมิได้กล่าวถึงสถาบันที่ตีความและบัญญัติกฎ ที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงเชื่อมไว้กับประมวลกฎของพระองค์อย่างสลายออกไม่ได้ รากฐานของการนำทางดังกล่าวคือบทบาทพิเศษที่ธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์ในคีตาบีอัคดัสเอง ได้ประสาทให้แก่บุตรชายคนโตของพระองค์คือพระอับดุลบาฮา บุรุษที่ไม่มีเสมอเหมือนผู้นี้เป็นทั้งตัวอย่างของแบบแผนชีวิตที่พระบิดาสอนไว้ เป็นผู้ตีความคำสอนของพระองค์ที่ได้รับมอบอำนาจและแรงบันดาลใจจากสวรรค์ ?เป็นศูนย์กลางและแกนของพระปฏิญญาที่พระผู้ก่อตั้งศาสนาบาไฮทำไว้กับทุกคนที่ยอมรับพระองค์ ภารกิจยี่สิบเก้าปีของพระอับดุลบาฮาได้ให้คำอธิบายที่กระจ่างแก่โลกบาไฮ ซึ่งเปิดทิวทัศน์ใหม่ๆ มากมายสำหรับการเข้าใจจุดประสงค์ของพระบิดาของพระองค์

ในพระประสงค์และพินัยกรรมของพระอับดุลบาฮา พระองค์ทรงสวมเสื้อคลุมให้หลานชายคนโตคือท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ให้เป็นศาสนภิบาลและเป็นผู้ตีความคำสอนที่ไม่มีผิดพลาด ทรงยืนยันอำนาจหน้าที่และคำรับประกันการนำทางจากสวรรค์ ที่พระบาฮาอุลลาห์ประกาศิตไว้สำหรับสภายุติธรรมสากลในทุกเรื่อง?ที่ไม่ได้เปิดเผยให้เห็นชัดในคัมภีร์?ดังนี้ตามถ้อยคำของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ศาสนภิบาลและสภายุติธรรมสากลจึงถือได้ว่าเป็น คู่แฝดผู้สืบทอดศาสนา ของพระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮา ทั้งสองคือสถาบันสูงสุดของระบบบริหารที่ได้รับการก่อตั้งและคาดการณ์ไว้ในคีตาบีอัคดัส และอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมโดยพระอับดุลบาฮาในพินัยกรรมของพระองค์

ระหว่างสามสิบหกปีของการเป็นศาสนภิบาล ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้ก่อโครงสร้างของธรรมสภาทั้งหลายที่มาจากการเลือกตั้ง กล่าวคือสภายุติธรรมที่พาดพิงไว้ในคีตาบีอัคดัส ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระยะของตัวอ่อนในครรภ์ และด้วยความร่วมมือของธรรมสภาเหล่านี้ ท่านได้เริ่มดำเนินการตามแผนงานสวรรค์อย่างเป็นระบบตามที่พระอับดุลบาฮาทรงวางไว้สำหรับการแพร่กระจายศาสนาไปทั่วโลก บนฐานของโครงสร้างบริหารที่แข็งแกร่งนี้ที่สถาปนาไว้ ท่านศาสนภิบาลยังได้ผลักดันขบวนการต่างๆ ที่จำเป็นในการเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งสภายุติธรรมสากล องค์กรนี้ซึ่งกำเนิดขึ้นมาในเดือนเมษายน ค.ศ. 1963 ได้รับการเลือกตั้งโดยการลงคะแนนเป็นความลับและถือตามคะแนนเสียงที่สูงกว่า ?เป็นการเลือกตั้งสามขั้นตอนโดยบาไฮผู้ใหญ่ทั่วโลก พระวจนะของพระบาฮาอุลลาห์พร้อมกับการตีความและอรรถาธิบายของศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาและท่านศาสนภิบาล คือขอบเขตหน้าที่และรากฐานของสภายุติธรรมสากล

เกี่ยวกับตัวกฎเอง การตรวจสอบอย่างรอบคอบเปิดเผยให้เห็นว่ากฎเหล่านี้ครอบคลุมสามเรื่อง : ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับพระผู้เป็นเจ้า เรื่องเกี่ยวกับทางกายและวิญญาณที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลโดยตรง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและระหว่างบุคคลกับสังคม กฎเหล่านี้สามารถจัดกลุ่มไว้ภายใต้หัวข้อดังต่อไปนี้ : การอธิษฐานและการถือศีลอด กฎเกี่ยวกับสถานภาพของบุคคลในเรื่องการสมรส การหย่าร้างและการสืบทอดมรดก กฎ บทบัญญัติและข้อห้ามจำนวนหนึ่งรวมทั้งคำเคี่ยวเข็ญ การยกเลิกกฎและบทบัญญัติบางข้อของยุคศาสนาก่อนๆ ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของกฎเหล่านี้คือความรวบรัด กฎในคีตาบีอัคดัสคือเมล็ดที่จะงอกเป็นกฎจำนวนไพศาลในหลายศตวรรษข้างหน้า การแจกแจงกฎลงในรายละเอียดจะกระทำโดยสภายุติธรรมสากล โดยอาศัยอำนาจหน้าที่ที่พระบาฮาอุลลาห์เองทรงประสาทให้ ในธรรมจารึกหนึ่งของพระอับดุลบาฮา พระองค์ทรงให้ความกระจ่างแก่หลักการนี้ไว้ว่า :

เรื่องหลัก ๆ ที่สำคัญและเป็นรากฐานของกฎของพระผู้เป็นเจ้าได้รับการบันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในพระธรรม แต่กฎปลีกย่อยทั้งหลายปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสภายุติธรรม ข้อดีของสิ่งนี้ก็คือยุคสมัยไม่เคยคงอยู่เหมือนเดิม เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่จำเป็นและเป็นลักษณะสำคัญของโลกนี้ รวมทั้งกาลเวลาและสถานที่ ดังนั้นสภายุติธรรมจะดำเนินการตามการเปลี่ยนแปลง….

กล่าวโดยย่อยนี้คือข้อดีของการเสนอกฎต่างๆ ของสังคมมายังสภายุติธรรม ในศาสนาอิสลามมีลักษณะคล้ายกันคือ บทบัญญัติที่เปิดเผยไว้มิใช่จะชัดแจ้งทุกข้อ ไม่เพียงเท่านั้น หนึ่งในสิบของหนึ่งในสิบก็ไม่มีอยู่ในพระธรรม แม้ว่าเรื่องหลัก ๆ ที่สำคัญจะพาดพิงไว้อย่างเจาะจง แต่ก็ไม่มีข้อสงสัยว่ามีกฎอีกนับพันที่มิได้ระบุไว้ กฎเหล่านี้ถูกคิดขึ้นมาโดยบรรดานักบวชในยุคหลัง ซึ่งเป็นไปตามกฎของธรรมศาสตร์ของอิสลาม นักบวชแต่ละคนต่างก็ใช้เหตุผลของตนสรุปบทบัญญัติดั้งเดิมออกมาอย่างขัดแย้งกัน แล้วกฎเหล่านี้ถูกนำมาใช้ ในปัจจุบันการใช้เหตุผลสรุปนี้เป็นสิทธิ์ของสภายุติธรรมสากล การใช้เหตุผลหาข้อสรุปของผู้รู้ทั้งหลายไม่มีอำนาจ นอกจากจะได้รับการรับรองโดยสภายุติธรรม ความแตกต่างอยู่ที่ตรงนี้คือ โดยข้อสรุปและการรับรองของสภายุติธรรม ซึ่งสมาชิกของสภานี้เป็นที่รู้จักและได้รับเลือกตั้งจากชุมชนบาไฮทั่วโลก ความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้น แต่ข้อสรุปของนักบวชและนักวิชาการแต่ละคนย่อมนำไปสู่ความขัดแย้ง ก่อให้เกิดการแตกออกเป็นนิกาย การแบ่งแยกและแตกกระจาย ความเป็นหนึ่งของพระวจนะย่อมถูกทำลาย เอกภาพของศาสนาย่อมหายไป และอาคารของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าย่อมสั่นคลอน

แม้ว่าสภายุติธรรมสากลได้รับมอบอำนาจอย่างชัดแจ้งให้เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกกฎที่ตนเองเป็นผู้ออกเมื่อสภาพการณ์เปลี่ยนไป ซึ่งทำให้กฎบาไฮมีองค์ประกอบของความยืดหยุ่น แต่สภายุติธรรมสากลก็ไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงกฎใดๆ ที่วางไว้อย่างชัดแจ้งในพระธรรมศักดิ์สิทธิ์

กฎจำนวนหนึ่งของอัคดัสออกแบบไว้สำหรับสังคมที่จะก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย และพระบาฮาอุลลาห์ทรงเปิดช่องไว้สำหรับการประยุกต์ใช้กฎบาไฮอย่างก้าวหน้า :

ที่จริงแล้วกฎทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเสมือนมหาสมุทรและบุตรหลานของมนุษย์เป็นเสมือนปลา ?หากพวกเขาเพียงแต่รู้ อย่างไรก็ตามเราต้องใช้ไหวพริบและปัญญาในการปฏิบัติตามกฎเหล่านี้…เนื่องด้วยประชาชนส่วนใหญ่อ่อนแอและอยู่ห่างไกลจากจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ?ดังนั้นเราต้องใช้ไหวพริบและความรอบคอบในทุกสภาพการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งที่จะก่อความโกลาหลและการพิพาท หรือปลุกเสียงเรียกร้องในหมู่ผู้คนที่ไม่เอาใจใส่ แท้จริงแล้วความอารีของพระองค์เหนือกว่าจักรวาลทั้งหมด ?และพระพรของพระองค์ห้อมล้อมทุกคนที่อาศัยอยู่บนพิภพ เราต้องนำทางมนุษยชาติไปยังมหาสมุทรแห่งความเข้าใจที่แท้จริงด้วยดวงจิตแห่งความรักและความอดกลั้น คีตาบีอัคดัสเองให้การยืนยันอย่างจับใจต่อการบริบาลด้วยความรักของพระผู้เป็นเจ้า

หลักของการประยุกต์ใช้อย่างก้าวหน้านี้ได้รับการชี้แจงไว้ในจดหมายที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ถึงธรรมสภาแห่งชาติประเทศหนึ่งในปี ค.ศ. 1935 :

กฎทั้งหลายที่พระบาฮาอุลลาห์เปิดเผยไว้ในอัคดัส ?เมื่อปฏิบัติได้และไม่ขัดแย้งโดยตรงกับกฎหมายแพ่งของประเทศ ?มีผลผูกมัดบาไฮทุกคนและทุกสถาบันบาไฮโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าในโลกตะวันออกหรือตะวันตก ?กฎ…จำนวนหนึ่งบาไฮทุกคนควรถือว่าสำคัญมากที่จะนำมาใช้และใช้กับทุกคนในเวลานี้ กฎอื่นๆ ถูกกำหนดขึ้นมาด้วยการคาดการณ์ถึงสภาพของสังคมที่ถูกลิขิตให้ปรากฎขึ้นมาจากสภาพอันโกลาหลที่มีอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน…สิ่งที่มิได้กำหนดไว้ในอัคดัส ?นอกจากเรื่องของรายละเอียดและเรื่องที่สำคัญเป็นรอง ที่เกิดจากการประยุกต์ใช้กฎที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงกำหนดไว้แล้ว สภายุติธรรมสากลจะเป็นผู้ออกกฎ สภานี้สามารถเสริมกฎที่พระบาฮาอุลลาห์กำหนดไว้ แต่ไม่สามารถทำให้กฎของพระองค์เป็นโมฆะหรือดัดแปลงกฎนั้นได้แม้แต่น้อย ?ท่านศาสนภิบาลก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะลดหย่อนข้อผูกมัด และยิ่งไม่มีสิทธิ์เพียงไหนที่จะยกเลิกข้อกำหนดในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นมูลฐานเช่นนี้

จำนวนกฎที่ผูกมัดบาไฮไม่ได้เพิ่มขึ้นจากการพิมพ์คำแปลคัมภีร์นี้ ?เมื่อถือว่าถึงควรแก่เวลา ชุมชนบาไฮจะได้รับการแนะนำว่ากฎข้อไหนจะผูกมัดบาไฮเพิ่มจากเดิม ?และจะมีการชี้แนะและบัญญัติกฎเสริมที่จำเป็นสำหรับการประยุกต์ใช้กฎเหล่านั้น

โดยทั่วไปแล้วกฎทั้งหลายของคีตาบีอัคดัสถูกกล่าวไว้อย่างรวบรัด ?ตัวอย่างของความรวบรัดนี้เห็นได้จากการที่กฎหลายข้อถูกเขียนออกมาเหมือนกับใช้กับบุรุษเท่านั้น ?แต่เป็นที่ชัดเจนจากข้อเขียนของท่านศาสนภิบาลว่า เมื่อพระบาฮาอุลลาห์ทรงกำหนดกฎระหว่างบุรุษและสตรี ?กฎนั้นใช้เหมือนกันระหว่างสตรีและบุรุษด้วย นอกจากว่าบริบทนั้นทำให้เป็นไปไม่ได้ ตัวอย่างเช่น เนื้อหาในคีตาบีอัคดัสห้ามบุรุษมิให้สมรสกับภรรยาของบิดาของตน (เช่นแม่เลี้ยง) ?และท่านศาสนภิบาลได้ระบุไว้ว่า ทำนองเดียวกันสตรีถูกห้ามมิให้สมรสกับพ่อเลี้ยง ความเข้าใจนัยของกฎนี้มีผลกว้างไกลในแง่ของหลักธรรมมูลฐานของบาไฮเกี่ยวกับความเสมอภาคระหว่างเพศ และควรคำนึงถึงเวลาศึกษาพระธรรมศักดิ์สิทธิ์ ?การที่บุรุษและสตรีแตกต่างกันในบางลักษณะและบทบาทหน้าที่ เป็นข้อเท็จจริงตามธรรมชาติที่หนีไม่พ้นและทำให้เป็นไปได้ที่บทบาทของทั้งสองจะเสริมกันในบางเรื่องของชีวิตในสังคม แต่ที่สำคัญที่พระอับดุลบาฮาทรงกล่าวไว้ในยุคศาสนานี้คือ? ความเสมอภาคของบุรุษและสตรียกเว้นบางกรณีที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ได้รับการประกาศโดยบริบูรณ์และแน่ชัด

ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างคีตาบีอัคดัสและคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของยุคศาสนาก่อนๆ ?ได้รับการกล่าวถึงไว้แล้ว ที่ใกล้ชิดเป็นพิเศษคือความสัมพันธ์กับคัมภีร์บายัน ซึ่งเป็นคัมภีร์แห่งกฎที่เปิดเผยโดยพระบ๊อบ ?ความสัมพันธ์นี้ได้รับการอธิบายให้ละเอียดขึ้นในข้อความต่อไปนี้จากจดหมายที่เขียนในนามของท่านศาสนภิบาล :

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ คิดว่า ?ควรมีการเน้นมาที่เอกภาพของการเปิดเผยพระธรรมบาไฮที่ครบถ้วนสมบูรณ์ซึ่งรวมศาสนาของพระบ๊อบเข้าไว้ด้วยกัน…ศาสนาของของพระบ๊อบไม่ควรแยกขาดจากศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ ?แม้ว่าคำสอนของคัมภีร์บายันถูกยกเลิกและแทนที่ด้วยกฎของคัมภีร์อัคดัส แต่เนื่องด้วยพระบ๊อบพิจารณาพระองค์เองว่าเป็นผู้เบิกทางให้แก่พระบาฮาอุลลาห์ เราควรพิจารณายุคศาสนาของพระองค์กับยุคศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ว่าประกอบกันเป็นศาสนาเดียวกัน ?ศาสนาแรกเป็นคำนำของการมาถึงของศาสนาหลัง

พระบ๊อบทรงกล่าวว่า ?กฎของพระองค์เป็นกฎชั่วคราวและขึ้นกับการยอมรับของพระศาสดาในอนาคต ?นี้เองที่ในคัมภีร์อัคดัสพระบาฮาอุลลาห์ทรงรับรองกฎบางข้อในคัมภีร์บายัน ?ดัดแปลงกฎบางข้อ และยกเลิกกฎอีกหลายข้อ

ดังที่คัมภีร์บายันได้รับการเปิดเผยโดยพระบ๊อบเมื่อภารกิจของพระองค์ดำเนินมาถึงราวครึ่งทาง ?พระบาฮาอุลลาห์ทรงเปิดเผยคีตาบีอัคดัสในปี ค.ศ. 1873 ประมาณ 20 ปีหลังจากที่พระองค์รับรู้การเปิดเผยพระธรรมผ่านมาทางตัวของพระองค์ในคุกซียาห์ ชาล ในเตหะราน ?ในธรรมจารึกหนึ่งพระองค์ทรงระบุว่า แม้คีตาบีอัคดัสจะถูกเปิดเผยแล้วพระองค์ก็เก็บเอาไว้ระยะหนึ่งก่อนที่จะส่งไปให้มิตรสหายในอิหร่าน หลังจากนั้นท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เล่าไว้ว่า :

การกำหนดกฎมูลฐานของยุคศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ในคีตาบีอัคดัสเมื่อพันธกิจของพระองค์ใกล้จะสิ้นสุดลง ?ตามมาด้วยการชี้แจ้งศีลและหลักธรรมจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นแก่นของศาสนา การยืนยันสัจธรรมที่พระองค์ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ?การแจกแจงรายละเอียดของกฎบางข้อที่พระองค์วางไว้แล้วให้เป็นที่กระจ่าง การเปิดเผยคำพยากรณ์และคำเตือนเพิ่มเติม การกำหนดบทบัญญัติปลีกย่อยเพื่อเสริมข้อกำหนดในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระองค์ ?เหล่านี้ได้รับการบันทึกไว้ในธรรมจารึกจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งพระองค์ทรงเปิดเผยต่อไปจนวันสุดท้ายของชีวิตบนโลกนี้…

หนึ่งในผลงานเหล่านี้คือ?คำถามและคำตอบ?ซึ่งประมวลโดยเซนอล โมกาเรบิน ซึ่งเป็นผู้คัดลอกธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์ที่ดีเด่นที่สุด ?คำถามและคำตอบ?ประกอบด้วยคำตอบที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงเปิดเผยเป็นการตอบคำถามที่ศาสนิกชนหลายคนถามพระองค์ ?และเป็นภาคผนวกที่ประเมินค่ามิได้ของคีตาบีอัคดัส ในปี ค.ศ.1978 ธรรมจารึกในแนวนี้ที่น่าสังเกตที่สุด ?ได้รับการตีพิมพ์ออกมาเป็นภาษาอังกฤษเป็นประมวลพระธรรมที่ชื่อว่า? ธรรมจารึกของพระบาฮาอุลลาห์ที่เปิดเผยภายหลังคีตาบีอัคดัส

หลังจากการเปิดเผยคีตาบีอัคดัสไม่กี่ปี ?พระบาฮาอุลลาห์ทรงให้สำเนาต้นฉบับส่งไปให้บาไฮในอิหร่าน ?และในปี ฮ.ศ.1308 (ค.ศ.1890-1891) เมื่ออวสานของชีวิตใกล้เข้ามา ?พระองค์ทรงจัดให้มีการตีพิมพ์ต้นฉบับภาษาอาหรับของคัมภีร์นี้ในบอมเบย์

สำนวนภาษาที่ใช้แปลคีตาบีอัคดัสเป็นภาษาอังกฤษควรได้รับการกล่าวถึง ?พระบาฮาอุลลาห์มีความรู้ภาษาอาหรับเป็นเลิศ และทรงชอบใช้ภาษาอาหรับชั้นสูงในธรรมจารึกและธรรมลิขิตอื่นๆ เมื่อความถูกต้องแม่นยำของภาษานั้นเหมาะที่นำมาจะใช้อธิบายหลักธรรมพื้นฐาน ?อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการเลือกใช้ภาษาแล้ว สำนวนที่ใช้ยังเป็นโวหารที่สูงส่ง เข้าถึงอารมณ์ และสะกดปัญญาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับวรรณกรรมเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นที่มาของสำนวนดังกล่าว ?เมื่อเข้ามาจับงานแปล ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เผชิญกับความท้าทายในการค้นหาสำนวนภาษาอังกฤษ ที่ไม่เพียงแต่สามารถถ่ายทอดความหมายของพระธรรมได้ถูกต้องแม่นยำเท่านั้น แต่ยังปลุกจิตใจของผู้อ่านให้เกิดสมาธิของความเคารพ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของการตอบสนองต่อพระธรรมภาษาอาหรับ ?การเลือกใช้ภาษาของท่านซึ่งชวนให้ระลึกถึงสำนวนที่ใช้กันในหมู่ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิ้ลในศตวรรษที่สิบเจ็ด ได้ถ่ายทอดโวหารภาษาอาหรับอันสูงส่งของพระบาฮาอุลลาห์ อีกทั้งยังเข้าถึงได้โดยผู้อ่านร่วมสมัย ยิ่งไปกว่านั้นงานแปลของท่านยังมีความกระจ่างชัดจากแรงดลใจเป็นพิเศษที่ช่วยให้ท่านเข้าใจความหมายและนัยของภาษาอาหรับ

แม้ว่าทั้งภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษมีคำศัพท์มากมายและแสดงออกได้หลากหลาย ?แต่ภาษาทั้งสองก็มีรูปแบบต่างกันมาก คีตาบีอัคดัสภาษาอาหรับเป็นสำนวนที่ห้วนแต่เข้มข้น ?ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสำนวนดังกล่าว กล่าวคือเมื่อความหมายที่แฝงอยู่เป็นที่เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ?ก็ไม่ควรกล่าวสิ่งนั้นให้ชัดแจ้ง นี้เป็นปัญหาสำหรับผู้อ่านที่มีภูมิหลังทางวัฒนธรรม ศาสนาและวรรณกรรม ?ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากของอาหรับ การแปลวรรคหนึ่งตามตัวอักษรซึ่งเป็นที่ชัดเจนในภาษาอาหรับ อาจเป็นที่เข้าใจได้ยากในภาษาอังกฤษ ?ดังนั้นการแปลวรรคดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษจึงจำเป็นต้องเติมความหมายที่เป็นนัยชัดเจนอยู่ในภาษาอาหรับเข้าไปด้วย ในเวลาเดียวกันก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้วิธีการเติมนี้เพิ่มความหมายเข้าไปอย่างเกินเลย ?หรือทำให้ความหมายของภาษาเดิมแคบลง การรักษาสมดุลระหว่างความสวยงามและความชัดเจนของภาษา พร้อมกับการใช้คำให้ตรงกัน เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่บรรดาผู้แปลต้องพยายามหาทางออก และทำให้ต้องมีการพิจารณาการแปลบางวรรคซ้ำแล้วซ้ำอีก ?ปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือนัยทางกฎหมายของภาษาอาหรับบางพจน์ ซึ่งอาจมีความหมายได้หลายอย่างที่ต่างจากพจน์ที่คล้ายกันในภาษาอังกฤษ

การแปลคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์จำเป็นต้องซื่อสัตย์และรอบคอบเป็นพิเศษ ?สิ่งนี้สำคัญยิ่งในกรณีของคัมภีร์แห่งกฎ ซึ่งผู้อ่านไม่ควรนำมาโต้เถียงกันอย่างไร้ประโยชน์ ?และเป็นไปตามที่คาด การแปลคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเป็นงานที่ยากเย็นสุดๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญในหลายดินแดน ?เนื่องด้วยประมาณหนึ่งในสามของคัมภีร์นี้แปลไว้แล้วโดยท่านโชกิ เอฟเฟนดิ จึงจำเป็นต้องพยายามรักษาคุณภาพสามอย่างในการแปลส่วนที่เหลือ : ความหมายถูกต้อง ?ภาษาอังกฤษที่สวยงาม และสำนวนเหมือนกับของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ

บัดนี้เราพอใจที่การแปลนี้สามารถถ่ายทอดความหมายของภาษาอาหรับถึงระดับที่ยอมรับได้ ?กระนั้นก็ตามไม่ต้องสงสัยว่าจะมีคำถามและข้อเสนอแนะตามมา ซึ่งจะช่วยทำให้เนื้อหากระจ่างขึ้น ?เราขอขอบคุณอย่างซาบซึ้งสำหรับความพากเพียรและความประณีตของสมาชิกของคณะกรรมการต่างๆ ที่เรามอบหมายให้ตระเตรียมและทบทวนการแปลคัมภีร์อัคดัสนี้ ?อีกทั้งรวบรวมคำอธิบายประกอบ เรามั่นใจว่าคีตาบีอัคดัสภาษาอังกฤษฉบับที่ได้รับการรับรองเป็นครั้งแรกนี้ จะช่วยให้ผู้อ่านได้เห็นแววแห่งความอำไพของคัมภีร์แม่บทของยุคศาสนาบาไฮ

โลกของเราได้เข้ามาสู่ใจกลางของความมืดมนของยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงขั้นมูลฐาน ?ที่เหนือกว่าสิ่งใดในประวัติศาสตร์ที่โกลาหล ประชาชนทั้งหลายของโลกไม่ว่าเชื้อชาติใด ?ชาติใดหรือศาสนาใด กำลังถูกท้าทายเกี่ยวกับการฝักใฝ่แต่พวกเดียวกันและจำกัดวงตนเอง ซึ่งจะต้องเปิดกว้างออกไปสู่ความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน ?ในฐานะที่เป็นพลเมืองของโลกที่เป็นเสมือนบ้านเกิดเดียวกัน วจนะของพระบาฮาอุลลาห์คือ 😕 ความผาสุกของมนุษยชาติ ?สันติภาพและความปลอดภัย ไม่สามารถบรรลุได้นอกจากความสามัคคีของมนุษยชาติจะได้รับการสถาปนาอย่างมั่นคง ? ขอให้การตีพิมพ์คำแปลคีตาบีอัคดัสนี้ส่งแรงหนุนนำให้วิสัยทัศน์สากลนี้บังเกิดขึ้นจริง ?และเปิดทิวทัศน์สำหรับการฟื้นตัวไปทั่วโลก

สภายุติธรรมสากล

คำพรรณนาเกี่ยวกับคีตาบีอัคดัส

โดยท่านโชกิ เอฟเฟนดิ

คัดมาจากหนังสือ God Passes By

ประวัติศาสตร์ศตวรรษแรกของศาสนาบาไฮ

แม้การประกาศพระธรรมครั้งนี้จะมโหฬารและไม่มีเสมอเหมือน ??แต่ก็เป็นเพียงการโหมโรงไปสู่การสำแดงอานุภาพสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าของพระผู้ประกาศ ??และไปสู่สิ่งที่น่าจะจัดว่าเป็นการกระทำที่สำคัญที่สุดในภารกิจของพระองค์ นั่นคือการเผยแพร่คีตาบีอัคดัส ??ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่คีตาบีอีคานพาดพิงถึง เป็นคลังสำคัญของกฎที่ศาสนทูตยะไซยาคาดการณ์ไว้ และผู้ประพันธ์วันสิ้นโลกได้พรรณนาไว้ว่าเป็น? นภาใหม่? ?และ?? พิภพใหม่? ?? เป็น?? วิหารของพระผู้เป็นเจ้า? ?? เป็น?? นครศักดิ์สิทธิ์? ?? เป็น?? เจ้าสาว? ?? และ?? เยรูซาเลมใหม่ที่ลงมาจากพระผู้เป็นเจ้า? ???????คัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด? ?เล่มนี้ซึ่งมีข้อกำหนดที่จะละเมิดไม่ได้เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งพันปี ??และมีระบบที่จะโอบล้อมทั่วทั้งพิภพ ??น่าจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นความชัชวาลที่สุดที่เรืองมาจากปํญญาของพระบาฮาอุลลาห์ ??เป็นคัมภีร์แม่บทของยุคศาสนาของพระองค์ และเป็นกฎบัตรของระบบโลกใหม่ของพระองค์

ได้รับการเปิดเผยไม่นานหลังจากที่พระบาฮาอุลลาห์ถูกย้ายมาที่บ้านของอูดิ คัมมาร์ (ราวปี ค.ศ.1873) ??ขณะที่ความทุกข์ยากยังคงรุมล้อมและทรมานพระองค์ ซึ่งมาจากการกระทำของบรรดาศัตรูและผู้ที่แสดงตัวว่านับถือศาสนาของพระองค์ ??คัมภีร์นี้ คลังนี้ซึ่งเป็นที่เก็บมณีอันประเมินค่ามิได้ของการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ เด่นด้วยหลักธรรมที่พร่ำสอน ด้วยสถาบันบริหารที่บัญญัติไว้ ??และหน้าที่ที่ประสาทให้กับผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้สืบทอดผู้ลิขิตคัมภีร์ นับว่าพิเศษอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของโลก ไม่เหมือนคัมภีร์เก่าและคัมภีร์ทั้งหลายที่มาก่อนคัมภีร์เก่าซึ่งศีลที่แท้จริงที่เอ่ยโดยศาสนทูตเองไม่มีบันทึกไว้ ??ไม่เหมือนคัมภีร์ใหม่ซึ่งคำพูดไม่กี่ตอนของพระเยซูไม่มีแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการบริหารกิจการศาสนาของพระองค์ในอนาคต ไม่เหมือนแม้แต่คัมภีร์โกรอ่านซึ่งแม้จะมีกฎและบัญญัติที่อัครสาวกของพระผู้เป็นเจ้าวางไว้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้พูดถึงการสืบทอดศาสนาซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ??คีตาบีอัคดัส ซึ่งถูกเปิดเผยตั้งแต่ต้นจนจบโดยพระผู้ก่อตั้งศาสนาเอง ไม่เพียงแต่อภิรักษ์กฎและบทบัญญัติพื้นฐานอันเป็นที่ตั้งของโครงสร้างของระบบโลกในอนาคตของพระองค์ไว้ให้ชนรุ่นหลัง ??แต่ยังบัญญัติสถาบันที่จำเป็นสำหรับการปกป้องเอกภาพและบูรณภาพของศาสนานอกเหนือจากหน้าที่การตีความที่ประสาทให้กับพระผู้สืบทอดศาสนาต่อจากพระองค์

ในกฎบัตรของอารยธรรมโลกในอนาคตนี้ ??พระผู้ลิขิตกฎบัตรนี้ซึ่งเป็นทั้งพระผู้พิพากษา ??พระผู้บัญญัติ พระผู้ประสานสามัคคีและไถ่มนุษยชาติ ??ทรงประกาศการเผยแพร่?? กฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? ?ต่อกษัตริย์ทั้งหลายบนพิภพ ??ทรงประกาศว่ากษัตริย์เหล่านั้นเป็นข้ารับใช้ของพระองค์ ??และพระองค์เองเป็น?? กษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งหลาย? ?ซึ่งไม่มีเจตนาจะยึดครองอาณาจักรของพวกเขา ??ทรงสงวนสิทธิ์ของพระองค์ที่จะ?? ยึดครองหัวใจของมนุษย์? ?? ทรงเตือนผู้นำของศาสนาทั้งหลายของโลกไม่ให้ชั่ง? คั่นชั่งที่ไม่มีผิดพลาด? ?สำหรับมนุษย์ ??ในคัมภีร์นี้พระองค์ทรงบัญญัติสถาบัน?? สภายุติธรรม? ?อย่างเป็นทางการ ??กำหนดหน้าที่และรายได้ของสภานี้ ทรงระบุสมาชิกของสภานี้ว่าเป็น?? บุรุษแห่งความยุติธรรม? ?? เป็น?? ตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า? ?เป็น?? ผู้พิทักษ์ของพระผู้ทรงปรานี? ?? ทรงพาดพิงถึงศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาของพระองค์ในอนาคต ??และมอบสิทธิ์ให้พระผู้เป็นศูนย์กลางนี้ตีความธรรมลิขิตของพระองค์ ??ทรงแสดงนัยคาดการณ์ถึงสถาบันศาสนภิบาล ทรงเป็นพยานต่ออานุภาพปฏิวัติของระบบโลกของพระองค์ ??ทรงแถลงหลักความเชื่อเกี่ยวกับ?? ความไม่มีผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่สุด? ???ของพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า ??ทรงยืนยันความไม่มีผิดพลาดนี้ว่าเป็นสิทธิ์ที่มีอยู่ในธรรมชาติของศาสนทูตเพียงผู้เดียว ??และจะไม่มีพระศาสดามาปรากฏอีกก่อนที่หนึ่งพันปีจะผ่านไป

ยิ่งกว่านั้นในคัมภีร์นี้ ??พระองค์ทรงบัญญัติบทอธิษฐานบังคับ ??ระบุเวลาและช่วงเวลาของการถือศีลอด ห้ามการสวดเป็นหมู่ยกเว้นอธิษฐานเพื่อคนตาย ??ทรงกำหนดเกบเบร สถาปนาฮูคุคูลลาห์ (สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า) วางกฎการสืบทอดมรดก ??บัญญัติสถาบันมาชเรโกล อัซการ์ ก่อตั้งงานฉลองบุญสิบเก้าวัน เทศกาลบาไฮและวันแทรกปฏิทิน ??ทรงยกเลิกสถาบันนักบวช?? ห้ามการมีทาส ??การถือสันโดษ การขอทาน ??การแยกตัวอยู่ในอาราม การทรมานตนเอง ??ห้ามการใช้มุขและการจูบมือ ทรงบัญญัติการมีสามีและภรรยาเดียว ??ประณามการทารุณสัตว์ ความเกียจคร้านและเฉื่อยชา การนินทาและใส่ร้าย ??ทรงตำหนิการหย่าร้าง ห้ามการพนัน การเสพฝิ่น การดื่มสุราและเครื่องดื่มมึนเมา ??ระบุการลงโทษฆาตกร การลอบวางเพลิง การมีชู้และการขโมย ทรงเน้นความสำคัญของการสมรสและวางเงื่อนไขที่จำเป็น ??กำหนดหน้าที่ในการประกอบการค้าหรือวิชาชีพ ยกฐานะของอาชีพดังกล่าวขึ้นมาเป็นการบูชา เน้นความจำเป็นของการจัดหาหนทางให้การศึกษาเด็ก ??กำหนดหน้าที่ให้ทุกคนเขียนพินัยกรรมและเชื่อฟังรัฐบาลของตนอย่างเคร่งครัด

นอกจากข้อกำหนดเหล่านี้ ??พระองค์ยังแนะนำให้สาวกคบหากับศาสนิกชนของทุกศาสนาด้วยมิตรภาพและความกลมเกลียวโดยปราศจากอคติ ??ทรงเตือนพวกเขาอย่าได้บ้าคลั่งศาสนา อย่าก่อความไม่สงบ อย่าทะนง อย่าทะเลาะวิวาท ทรงพร่ำสอนความสะอาดหมดจด ??วาจาสัตย์อย่างเข้มงวด ความบริสุทธิ์อย่างไม่มีด่างพร้อย ความไว้วางใจได้ การต้อนรับขับสู่ ความซื่อสัตย์ มารยาท ??ความอดกลั้น ความยุติธรรมและเที่ยงธรรม ทรงแนะนำพวกเขาให้เป็น?? ประดุจนิ้วของมือเดียวกันและแขนขาของร่างกายเดียวกัน? ???ทรงเรียกให้พวกเขาลุกขึ้นรับใช้ศาสนาของพระองค์ ??รับประกันความช่วยเหลือของพระองค์ให้แก่พวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ??นอกจากนี้พระองค์ยังสาธยายความไม่มั่นคงของกิจการต่าง ๆ ของมนุษย์ ??ทรงประกาศว่าอิสรภาพที่แท้จริงของมนุษย์อยู่ที่การยอมจำนนต่อบัญญัติของพระองค์ ??ทรงเตือนพวกเขาอย่าปล่อยปละละเลยการปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ ทรงบัญญัติหน้าที่สองประการที่แยกจากกันไม่ได้คือการยอมรับ?? อรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมของพระผู้เป็นเจ้า? ?? และปฏิบัติตามทุกบทบัญญัติที่พระองค์เปิดเผย ??ซึ่งพระองค์ยืนยันว่า จะไม่เป็นที่ยอมรับหากขาดข้อใดข้อหนึ่ง

คำบัญชาถึงบรรดาประธานาธิบดีของสาธารณรัฐทั้งหลายในทวีปอเมริกาให้พวกเขาถือโอกาสในยุคของพระผู้เป็นเจ้านี้ ??และสนับสนุนความมุ่งหมายแห่งความยุติธรรม คำสั่งถึงสมาชิกรัฐสภาทั่วโลกเร่งเร้าให้มีการนำอักษรและภาษาสากลมาใช้ ????คำเตือนถึงพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 ผู้พิชิตพระเจ้านโปเลียนที่ 3 คำตำนิถึงฟรานซิส โจเซฟผู้เป็นจักรพรรดิแห่งออสเตรีย ??คำพาดพิงถึง?? เสียงเศร้าโศกของเบอร์ลิน? ?ในคำรำพันของพระองค์ต่อ?? ริมฝั่งแม่น้ำไรน์? ?? คำประณาม?? บัลลังก์แห่งการวางอำนาจบาตรใหญ่? ?ที่สถาปนาอยู่ในคอนสแตนติโนเปิ้ล ??และคำทำนายของพระองค์ว่า?? ความรุ่งโรจน์ที่ผิวเผิน? ?ของบัลลังก์นี้จะดับสิ้น ??และความทุกข์ยากจะกลืนกินผู้อาศัยอยู่ในนครนี้ ??วจนะที่ยังความเบิกบานและปลอบประโลมที่พระองค์ตรัสต่อเมืองที่เป็นบ้านเกิดของพระองค์เป็นการรับประกันแก่เธอว่า ??พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกเธอให้เป็น?? บ่อเกิดแห่งความเบิกบานสำหรับมวลมนุษยชาติ? ?? คำพยากรณ์ว่า?? เสียงของวีรบุรุษแห่งโคราซาน? ?จะเปล่งสดุดีพระผู้เป็นนาย ??คำยืนยันว่าบรรดาผู้ที่?? กล้าหาญชาญชัย? ?จะลุกขึ้นมาในเคอร์มานและจะกล่าวถึงพระองค์ และสุดท้ายก็คือคำรับประกันอย่างใจกว้างต่อน้องชายผู้ทรยศที่ทำร้ายพระองค์อย่างเจ็บปวดว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้?? ทรงอภัยเสมอ ??ทรงความอารี? ?จะให้อภัยความอยุติธรรมของเขาหากเขาเพียงแต่สำนึกผิด ??ทั้งหมดนี้เพิ่มความอุดมในเนื้อหาของคัมภีร์ที่ผู้ลิขิตทรงระบุว่าเป็น?? บ่อเกิดแห่งความสุขที่แท้จริง? ???? เป็น?? คันชั่งที่ไม่มีผิดพลาด? ?? เป็น?? หนทางตรง? ???และเป็น?? ผู้กระตุ้นมนุษยชาติ?

นอกจากนี้พระบาฮาอุลลาห์ยังพรรณนาลักษณะของกฎและบทบัญญัติที่ประกอบกันเป็นหัวข้อหลักของคัมภีร์นี้ว่าเป็น?? ลมหายใจแห่งชีวิตสำหรับทุกสรรพสิ่ง? ?? เป็น?? ที่มั่นอันแข็งแกร่งที่สุด? ?? เป็น?? ผลไม้? ?ของ?? พฤกษา? ?ของพระองค์ ??เป็น?? วิธีการสูงสุดสำหรับค้ำจุนระเบียบของโลกและความปลอดภัยของประชาชน? ?? เป็น?? ตะเกียงแห่งอัจฉริยภาพและการบริบาลด้วยความรักของพระองค์? ?เป็น?? สุคนธรสของภูษาของพระองค์? ?? และเป็น?? กุญแจ? ?แห่ง?? ความปรานี? ?ของพระองค์ต่อประชาชน ??พระองค์เองยืนยันว่า?? คัมภีร์นี้คือนภาที่ประดับด้วยดวงดาราแห่งบทบัญญัติและข้อห้ามของเรา? ?? นอกจากนี้พระองค์ยังกล่าวว่า?? พระพรจงมีแด่ผู้ที่อ่านคัมภีร์นี้และตรึกตรองวจนะจากพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งอานุภาพ พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ ??ดูกร ??มนุษย์! ??จงยึดถือคัมภีร์นี้ด้วยมือแห่งความศิโรราบ…ชีวิตของเราเป็นพยาน! ??คัมภีร์นี้ถูกส่งมาในลักษณะที่ฉงนบัญญาของมนุษย์ แท้จริงแล้วคัมภีร์นี้คือหลักฐานที่มีน้ำหนักที่สุดของเราสำหรับประชาชนทั้งปวงและข้อพิสูจน์ของพระผู้ทรงปรานีสำหรับทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และบนโลก? ?? และเช่นกัน?? พระพรจงมีแด่ลิ้นที่ลิ้มความหวานของคัมภีร์นี้ ??แด่ดวงตาที่มองเห็นสิ่งที่ถนอมไว้ในคัมภีร์ แด่หัวใจที่เข้าใจนัยและความลึกลับในคัมภีร์ ??พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน! ดังกล่าวนี้คือราชศักดาของวจนะที่เปิดเผยอยู่ในคัมภีร์ และการเปิดเผยคำพาดพิงในคัมภีร์นี้ยิ่งใหญ่มากจนวาทะสั่นสะท้านเมื่อพยายามจะอธิบาย? ???? และสุดท้ายนี้?? คีตาบีอัคดัสถูกเปิดเผยในลักษณะดังกล่าวซึ่งได้ดึงดูดและครอบคลุมยุคศาสนาทั้งปวง ??พระพรจงมีแด่ผู้ที่อ่านคัมภีร์นี้อย่างถี่ถ้วน! พระพรจงมีแด่ผู้ที่เข้าใจคัมภีร์นี้! ??พระพรจงมีแด่ผู้ที่ใคร่ครวญคัมภีร์นี้! พระพรจงมีแด่ผู้ที่ตรึกตรองความหมายในคัมภีร์นี้! ??ขอบเขตของคัมภีร์นี้ไพศาลยิ่งจนห้อมล้อมมวลมนุษย์ก่อนที่มนุษย์จะยอมรับคัมภีร์ ในไม่ช้าอานุภาพสูงสุด ??อิทธิพลแทรกซอน และอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของคัมภีร์นี้จะปรากฏบนพิภพ?

ในนามของพระผู้เป็นผู้ปกครองสูงสุดเหนือทุกสิ่งในอดีตและอนาคต

หน้าที่ประการแรกที่พระผู้เป็นเจ้าบัญญัติไว้สำหรับคนรับใช้ทั้งหลายของพระองค์คือ ??การยอมรับพระผู้เป็นอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ และเป็นบ่อเกิดแห่งกฎของพระองค์ ??พระผู้เป็นตัวแทนแห่งความเป็นเจ้าทั้งในอาณาจักรธรรมของพระองค์และสรรพโลก ใครที่ยอมรับพระองค์ได้เข้าถึงความดีงามทั้งปวง ??และใครที่เข้าไม่ถึงคือผู้ที่หลงทาง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นต้นตำรับของการกระทำที่ชอบธรรมทุกประการ เป็นความถูกต้องสำหรับทุกคนที่บรรลุถึงสถานะที่เป็นเยี่ยมนี้ ??ยอดสุดแห่งความรุ่งโรจน์ที่ล้ำเลิศนี้ ที่จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติทุกข้อของพระผู้เป็นยอดปรารถนาของโลก หน้าที่สองประการนี้แยกจากกันไม่ได้ และจะไม่เป็นที่ยอมรับหากขาดข้อใดข้อหนึ่ง ??ดังนี้เป็นที่โองการไว้โดยพระผู้เป็นบ่อเกิดของแรงบันดาลใจจากพระผู้เป็นเจ้า

บรรดาผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าประสาทธรรมทรรศนะให้จะยอมรับได้เลยว่า ??บทบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าให้ไว้คือวิธีการสูงสุดสำหรับการค้ำจุนระเบียบในโลกและความปลอดภัยของประชาชน ??ผู้ที่หันหนีไปจากบทบัญญัติเหล่านี้ถูกนับว่าเป็นพวกที่น่าสังเวชและโง่เง่า แท้จริงแล้วเราบัญชาเจ้าไม่ให้ไปตามกิเลสและตัณหาที่ชั่วร้าย ??และอย่าก้าวล่วงขอบเขตที่ปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุดขีดไว้ เพราะสิ่งเหล่านี้คือลมหายใจแห่งชีวิตสำหรับทุกสรรพสิ่ง ชลธีแห่งอัจฉริยภาพและวาทะของพระผู้เป็นเจ้าเอ่อขึ้นมาภายใต้การพัดของสายลมของพระผู้ทรงปรานี ??ดูกร มนุษย์ผู้มีความเข้าใจ! จงรีบดื่มให้อิ่ม บรรดาผู้ที่ละเมิดพระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้าโดยการละเมิดบทบัญญัติของพระองค์ และสะบัดหน้าหนี คือผู้ที่หลงผิดอย่างร้ายแรงในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงครอบครองทุกสิ่ง ??พระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด

ดูกร ??พวกเจ้าผู้เป็นประชาชนทั้งหลายของโลก! ??จงรู้ไว้และวางใจได้ว่า บทบัญญัติของเราคือตะเกียงแห่งการบริบาลด้วยความรักในหมู่คนรับใช้ของเรา ??และกุญแจแห่งความปรานีของเราสำหรับผู้ที่เราสร้าง ดังนี้สิ่งนี้ถูกส่งลงมาจากนภาแห่งพระประสงค์ของพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งการเปิดเผยพระธรรม หากผู้ใดได้ลิ้มมธุรสของวจนะที่ริมฝีปากของพระผู้ทรงปรานีตั้งใจเอ่ยออกมา แม้ว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายในโลกจะอยู่ในครอบครองของเขา ??เขาก็จะสละทรัพย์สมบัติเหล่านั้นทั้งหมด เพื่อจะพิสูจน์สัจธรรมของบทบัญญัติของพระองค์ให้ได้สักข้อหนึ่ง ซึ่งส่องแสงอรุโณทัยแห่งการดูแลและความเมตตารักใคร่ที่โอบอ้อมอารีของพระองค์

จงกล่าวว่า : สุคนธรสแห่งภูษาของเราโชยมาจากกฎของเรา ??และกฎเหล่านี้จะช่วยปักธงแห่งชัยชนะบนยอดสุด จากนภาแห่งความรุ่งโรจน์ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จของเรา ??ชิวหาแห่งอานุภาพของเราตรัสต่อสรรพสิ่งที่เราสร้างด้วยวจนะเหล่านี้ : ??จงปฏิบัติตามบทบัญญัติด้วยรักในความงามของเรา? ???ความสุขจงมีแด่คนรักที่ได้สูดสุคนธรสสวรรค์ของพระผู้เป็นที่รักยิ่งของตนจากวจนะเหล่านี้ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกรุณาธิคุณที่ไม่มีลิ้นใดพรรณนาได้ ??ชีวิตของเราเป็นพยาน! ผู้ที่ได้ดื่มอมฤตชั้นเยี่ยมแห่งความเป็นธรรมจากมือแห่งกรุณาธิคุณที่โอบอ้อมอารีของเรา จะรายล้อมบทบัญญัติของเราที่ส่องแสงอรุโณทัยของสรรพโลกที่เราสร้าง

อย่าคิดว่าสิ่งที่เราเปิดเผยต่อเจ้าเป็นเพียงประมวลกฎชุดหนึ่ง ??ไม่เลย ที่จริงแล้วเราได้เปิดผนึกของอมฤตชั้นเยี่ยมด้วยองคุลีแห่งอำนาจและอานุภาพ ??วจนะที่มาจากปากกาแห่งการเปิดเผยพระธรรมเป็นพยานต่อสิ่งนี้ ดูกร มนุษย์ผู้หยั่งเห็น! ??จงใคร่ครวญดู

เราบัญญัติบทอธิษฐานบังคับกับเก้ารัคอาห์ให้เจ้าสวดถึงพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เปิดเผยวจนะ เวลาเที่ยงวัน เวลาเช้าและเวลาค่ำ เราให้เจ้าสวดน้อยครั้งลงตามคำบัญชาในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า ??แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ พระผู้ไม่ถูกเหนี่ยวรั้ง เมื่อเจ้าปรารถนาจะสวดบทอธิษฐานนี้ ??จงหันไปยังราชสำนักอันเป็นที่สถิตที่วิสุทธิ์ที่สุดของเรา นั่นคือบริเวณศักดิ์สิทธิ์นี้ที่พระผู้เป็นเจ้าทำให้เป็นศูนย์กลางที่หมู่เทวัญเบื้องบนมารายล้อม ??และทรงมีโองการให้เป็นตำแหน่งของการบูชาสำหรับบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในนครแห่งนิรันดรกาล เป็นบ่อเกิดของบัญชาสำหรับทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และบนโลก และเมื่อดวงอาทิตย์แห่งสัจธรรมและวาทะลับฟ้าไป ??จงหันหน้าไปยังตำแหน่งที่เราบัญญัติไว้สำหรับเจ้า แท้จริงแล้วพระองค์ทรงมหิทธานุภาพและทรงรอบรู้

ทุกสิ่งที่ดำรงอยู่กำเนิดขึ้นมาโดยโองการที่ต้านทานไม่ได้ของพระองค์ ??เมื่อใดก็ตามที่กฎของเราปรากฏขึ้นมาเสมือนดวงอาทิตย์บนนภาแห่งวาทะของเรา ??ทุกคนต้องเชื่อฟังกฎเหล่านี้อย่างซื่อสัตย์ ถึงแม้ว่าโองการของเราจะเป็นสิ่งที่ทำให้นภาของทุกศาสนาแยกออก ??พระองค์กระทำตามที่พระองค์ปรารถนา พระองค์ตัดสินใจและไม่มีใครจะมาตั้งข้อสงสัยการตัดสินใจนั้น อะไรก็ตามที่พระองค์ ??พระผู้เป็นที่รักยิ่ง ทรงบัญญัติ สิ่งนั้นเป็นที่รักยิ่งอย่างแท้จริง พระผู้ทรงเป็นนายของสรรพโลกเป็นพยานให้เราสำหรับสิ่งนี้ ??ใครที่สูดสุคนธรสของพระผู้ทรงปรานีและยอมรับบ่อเกิดของวาทะนี้ จะยินดีต้อนรับลูกธนูของศัตรูด้วยตาของตนเอง เพื่อว่าเขาจะได้พิสูจน์สัจธรรมของกฎทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าในหมู่มนุษย์ ??ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่หันมาหาและเข้าใจความหมายของโองการที่ชี้ขาดของพระองค์

เราได้อธิบายรายละเอียดของบทอธิษฐานบังคับไว้ในอีกธรรมจารึกหนึ่ง ??พระพรจงมีแด่ผู้ที่ปฏิบัติตามสิ่งที่ตนได้รับบัญชามาจากพระผู้ทรงปกครองมวลมนุษยชาติ ??ในบทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม มีหกวรรคเฉพาะที่ส่งลงมาโดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เปิดเผยพระวจนะ ??ผู้ที่สามารถอ่านขอให้สวดวจนะที่เปิดเผยไว้นำหน้าหกวรรคนี้ สำหรับผู้ที่อ่านไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้ายกเว้นให้เขาไม่ต้องสวด ??ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงอภัย

ขนสัตว์หรือชิ้นส่วนของสิ่งที่เคยมีชีวิตเช่นกระดูกและที่คล้ายกัน ??ไม่ทำให้การอธิษฐานของเจ้าไร้ผล เจ้ามีอิสระที่จะสวมใส่ขนตัวเซเบิ้ลดังที่เจ้าสวมใส่ขนนาก ??ขนกระรอกหรือขนสัตว์อื่นๆ ข้อห้ามการสวมใส่ขนสัตว์ไม่ได้มาจากคัมภีร์โกรอ่าน แต่มาจากความเข้าใจผิดของนักบวช ??แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ พระผู้ทรงรอบรู้

เราบัญชาเจ้าให้อธิษฐานและถือศีลอดตั้งแต่เริ่มต้นวัยแห่งวุฒิภาวะ ??สิ่งนี้บัญญัติไว้โดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้เป็นนายของบรรพบุรุษของเจ้า ??พระองค์ทรงยกเว้นผู้ที่อ่อนแอเพราะความเจ็บป่วยหรือชราภาพ เสมือนเป็นความอารีจากที่สถิตของพระองค์ ??และพระองค์คือพระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงเอื้อเฟื้อ พระผู้เป็นเจ้าอนุญาตให้เจ้าหมอบราบบนพื้นผิวใดก็ได้ที่สะอาด ????เพราะเราได้ยกเลิกข้อจำกัดในเรื่องนี้ที่กำหนดไว้ในคัมภีร์ แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้ารู้สิ่งที่เจ้าไม่รู้ ผู้ที่หาน้ำสำหรับชำระมือและใบหน้าไม่ได้ ??ขอให้สวดวจนะเหล่านี้ห้าครั้ง ??ในนามของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงความบริสุทธิ์ที่สุด พระผู้ทรงความบริสุทธิ์ที่สุด? ?และจากนั้นให้ทำการอธิษฐาน ดังกล่าวนี้คือบัญชาของพระผู้เป็นนายแห่งภพทั้งปวง ??ในภูมิภาคที่เวลากลางวันและกลางคืนยาวนานกว่าปกติ ให้ถือเวลาของการอธิษฐานตามนาฬิกาและเครื่องมืออื่นๆ ที่บอกชั่วโมง แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอรรถาธิบาย พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ

เราได้ยกเลิกไม่ให้เจ้าต้องสวดบทอธิษฐานแห่งสัญลักษณ์ ??เมื่อเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่น่ากลัว จงระลึกถึงอำนาจและราชศักดาของพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ทรงเห็นและได้ยินทุกอย่าง แล้วกล่าวว่า ??อาณาจักรเป็นของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ??พระผู้เป็นนายของสรรพโลก

เป็นที่บัญญัติไว้ว่าบทอธิษฐานบังคับควรสวดคนเดียวโดยพวกเจ้าแต่ละคน ??วิธีปฏิบัติของการสวดอธิษฐานเป็นหมู่ถูกยกเลิกไป ยกเว้นการสวดอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม ??ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ

พระผู้เป็นเจ้าทรงยกเว้นสตรีระหว่างมีประจำเดือนไม่ต้องสวดบทอธิษฐานบังคับและถือศีลอด ??ขอให้พวกเธอหลังจากที่ชำระมือและใบหน้าแล้ว สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าโดยการสวดว่า ??ขอความสดุดีจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งความอำไพและความงาม? ?เก้าสิบห้าครั้งระหว่างเที่ยงวันถึงเที่ยงวันของวันถัดไป ดังนี้เป็นที่โองการไว้ในคัมภีร์ ??หากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ

ระหว่างเดินทางหากเจ้าหยุดพักในที่ปลอดภัย ??ทั้งชายและหญิงจงหมอบราบลงหนึ่งครั้งแทนบทอธิษฐานบังคับที่ไม่ได้สวด ??และขณะที่หมอบราบอยู่นั้นจงกล่าวว่า ??ขอความสดุดีจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งอำนาจและราชศักดา แห่งกรุณาธิคุณและความอารี? ?ใครที่ทำไม่ได้ขอให้กล่าวเพียงว่า ??ขอความสดุดีจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า? ???วางใจได้ว่าสิ่งนี้จะเพียงพอสำหรับเขา ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเพียงพอสำหรับทุกสิ่ง สถิตอยู่ตลอดกาล ทรงอภัยและทรงเห็นใจ ??เมื่อเสร็จการหมอบราบแล้ว จงนั่งขัดสมาธิทั้งชายและหญิง แล้วกล่าวว่า ??ขอความสดุดีจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งอาณาจักรโลกและสวรรค์? ?สิบแปดครั้ง ??ดังนี้พระผู้เป็นนายทรงแสดงเส้นทางทั้งหลายแห่งสัจธรรมและการนำทางไว้ชัดเจน เส้นทางเหล่านี้นำไปสู่เส้นทางเดียวกัน ซึ่งเป็นหนทางตรงนี้เอง จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าสำหรับความโปรดปรานที่กรุณาที่สุดนี้ ??สรรเสริญพระองค์สำหรับความอารีนี้ที่ห้อมล้อมสวรรค์และโลก ยกย่องพระองค์สำหรับความปรานีนี้ที่แทรกซอนสรรพโลก

จงกล่าวว่า : พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ความรักที่ซ่อนเร้นของเราเป็นกุญแจไปสู่ทรัพย์สมบัติ ??ขอให้เจ้าเข้าใจเถิด! หากไม่ใช่เพราะกุญแจนี้ขุมทรัพย์ดังกล่าวจะถูกปกปิดไปชั่วนิรันดร์ ขอให้เจ้าเชื่อเถิด ??จงกล่าวว่า : นี้คือบ่อเกิดของการเปิดเผยพระธรรม คืออรุโณทัยสถานแห่งความอำไพที่ส่องสว่างขอบฟ้าของโลก ขอให้เจ้าเข้าใจเถิด! ??แท้จริงแล้วนี้คือโองการที่ตายตัว ซึ่งทุกโองการที่ไม่มีเปลี่ยนแปลงได้รับการตราโดยโองการนี้

ดูกร ปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด! จงกล่าวว่า: ดูกร ??ประชาชนของโลก! เราบัญชาเจ้าให้ถือศีลอดในช่วงเวลาสั้นๆ และให้นอร์รูซเป็นงานฉลองสำหรับเจ้าเมื่อสิ้นสุดการถือศีลอด ??ดังนี้ดวงตะวันแห่งวาทะส่องแสงบนขอบฟ้าแห่งคัมภีร์ตามที่ประกาศิตไว้โดยพระผู้เป็นนายแห่งการเริ่มต้นและจุดจบ ขอให้วันที่เหลือจากเดือนต่างๆ อยู่ก่อนเดือนถือศีลอด ??เราบัญญัติให้วันเหล่านี้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นการสำแดงอักษรฮา และดังนี้จึงไม่ถูกตีกรอบด้วยปีและเดือน ตลอดวันเหล่านี้เป็นความถูกต้องที่ประชาชนแห่งบาฮาจะให้ความสุขแก่ตนเอง ??ญาติพี่น้อง ผู้ยากไร้และขัดสน แซ่ซ้องและสดุดีพระผู้เป็นนายของตน สรรเสริญและยกย่องพระนามของพระองค์ด้วยความเบิกบานและอิ่มใจ และเมื่อสิ้นสุดวันแห่งการให้เหล่านี้ที่นำมาก่อนฤดูแห่งการควบคุมตัวเอง ??ขอให้พวกเขาเริ่มการถือศีลอด ดังนี้เป็นที่บัญญัติไว้โดยพระผู้เป็นนายของมวลมนุษยชาติ ผู้เดินทาง ผู้ป่วย หญิงมีครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมลูก ไม่ต้องถือศีลอด พวกเขาได้รับการยกเว้นโดยพระผู้เป็นเจ้าประหนึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งกรุณาธิคุณของพระองค์ ??แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงเอื้อเฟื้อที่สุด

เหล่านี้คือบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าที่ถูกส่งลงมาในคัมภีร์และธรรมจารึกโดยปากกาที่ประเสริฐสุดของพระองค์ ??จงยึดมั่นในบทบัญญัติของพระองค์ และอย่าเป็นพวกที่ยึดถือมาตรฐานที่กำหนดโดยอัตตาของตนเอง และโยนมาตรฐานที่พระผู้เป็นเจ้าวางไว้ทิ้งไปข้างหลัง ด้วยความเพ้อฝันอันเหลวไหลและจินตนาการที่ไร้สาระ ??จงงดอาหารและเครื่องดื่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก และจงระวังอย่าให้กิเลสมาพรากเจ้าจากกรุณาธิคุณนี้ที่กำหนดไว้ในคัมภีร์

เป็นที่บัญญัติไว้ว่าทุกคนที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งการพิพากษา ในแต่ละวันหลังจากที่ได้ล้างมือและล้างหน้าแล้ว ??ให้นั่งลงแล้วหันไปหาพระผู้เป็นเจ้าและกล่าวคำว่า ??อัลลา อู อับฮา? ?เก้าสิบห้าครั้ง ??ดังกล่าวนี้คือโองการของพระผู้สร้างสวรรค์เมื่อพระองค์เถลิงบัลลังก์แห่งพระนามของพระองค์ด้วยราชศักดาและอานุภาพ ??ทำนองเดียวกันจงชำระมือและใบหน้าเพื่อการสวดบทอธิษฐานบังคับ นี้คือบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ไม่มีเปรียบปาน ??พระผู้ไม่ถูกเหนี่ยวรั้ง

เจ้าถูกห้ามมิให้ก่อฆาตกรรมหรือมีชู้ ??นินทาหรือใส่ร้าย ดังนั้นจงหลีกหนีสิ่งที่ห้ามไว้ในคัมภีร์และธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

เราได้แบ่งมรดกเป็นเจ็ดประเภท : สำหรับลูกเราจัดสรรให้เก้าส่วนประกอบด้วยห้าร้อยสี่สิบหน่วย ??สำหรับภรรยาเราจัดสรรให้แปดส่วนประกอบด้วยสี่ร้อยแปดสิบหน่วย สำหรับบิดาเราจัดสรรให้เจ็ดส่วนประกอบด้วยสามร้อยหกสิบหน่วย ??สำหรับมารดาเราจัดสรรให้หกส่วนประกอบด้วยสามร้อยหกสิบหน่วย สำหรับพี่ชายน้องชายเราจัดสรรให้ห้าส่วนหรือสามร้อยหน่วย สำหรับพี่สาวน้องสาวเราจัดสรรให้สี่ส่วนหรือสองร้อยสี่สิบหน่วย ??สำหรับครูเราจัดสรรให้สามส่วนหรือหนึ่งร้อยแปดสิบหน่วย ดังกล่าวนี้คือบัญญัติของพระผู้เสด็จนำมาก่อนเรา พระผู้ทรงเชิดชูพระนามของเราในยามค่ำคืนและรุ่งอรุณ เมื่อเราได้ยินเสียงเรียกร้องของเด็กที่ยังไม่เกิด ??เราเพิ่มส่วนแบ่งให้พวกเขาเป็นสองเท่า และลดส่วนแบ่งของคนอื่นที่เหลือ ความจริงแล้วพระองค์มีอำนาจในการบัญญัติสิ่งใดก็ได้ตามที่พระองค์ต้องการ และพระองค์กระทำตามที่พระองค์ปรารถนาด้วยอำนาจสูงสุดของพระองค์

หากผู้ตายไม่มีลูก ??ส่วนแบ่งของลูกให้ตกเป็นของสภายุติธรรม ??เพื่อให้บรรดาผู้พิทักษ์ของพระผู้ทรงปรานีใช้จ่ายสำหรับเด็กกำพร้าและหญิงหม้าย ??และสิ่งใดก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป เพื่อว่าทุกคนจะขอบคุณพระผู้เป็นนายของตน ??พระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงอภัย

หากผู้ตายมีลูก ??แต่ไม่มีผู้รับมรดกประเภทอื่นที่ระบุไว้ในคัมภีร์ ??ลูกจะได้รับสองในสามของมรดกนั้น ส่วนที่เหลือหนึ่งในสามให้ตกเป็นของสภายุติธรรม ??ดังกล่าวนี้คือบัญชาที่ให้ไว้ด้วยราชศักดาและความรุ่งโรจน์ โดยพระผู้ทรงครอบครองทุกสรรพสิ่ง ??พระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด

หากผู้ตายไม่มีทายาทตามที่ระบุไว้เลย ??แต่มีหลานชายและหลานสาวไม่ว่าจะเป็นลูกของพี่น้องชายหรือหญิง ??สองในสามของมรดกจะตกเป็นของพวกเขา หรือหากไม่มีหลาน มรดกดังกล่าวจะตกเป็นของลุงป้าน้าอาทั้งทั้งทางฝ่ายบิดาและมารดา ??และถัดจากนั้นจะตกเป็นของลูกชายและลูกสาวของลุงป้าน้าอา ไม่ว่าในกรณีใดมรดกที่เหลือหนึ่งในสามจะตกเป็นของศูนย์กลางแห่งความยุติธรรม ??ดังนี้เป็นที่กำหนดไว้ในคัมภีร์โดยพระผู้ทรงปกครองมวลมนุษย์

หากผู้ตายไม่มีผู้ที่ถูกบันทึกชื่อไว้โดยปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุดเหลืออยู่ ??ทรัพย์สินทั้งหมดของเขาจะตกเป็นของศูนย์กลางดังกล่าว เพื่อไว้ใช้จ่ายตามที่กำหนดไว้โดยพระผู้เป็นเจ้า ??แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ

เรามอบที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าของผู้ตายให้แก่ลูกชาย ??ไม่ใช่ลูกสาวหรือทายาทคนอื่นๆ แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงเอื้อเฟื้อ ??พระผู้ทรงโอบอ้อมอารี

หากลูกชายของผู้ตายเสียชีวิตไปก่อนผู้ตายและมีลูกที่ยังอยู่ ??ลูกๆ จะได้รับมรดกที่เป็นส่วนแบ่งของบิดาตามที่กำหนดไว้ในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า ??จงแบ่งมรดกในส่วนของพวกเขาอย่างยุติธรรม ดังนี้คลื่นของมหาสมุทรแห่งวาทะสาดซัด และพัดพาไข่มุกแห่งกฎที่โองการไว้โดยพระผู้เป็นนายของมวลมนุษยชาติ

หากผู้ตายมีลูกที่ยังไม่บรรลุวุฒิภาวะ ??ส่วนแบ่งมรดกของลูกต้องฝากไว้กับบุคคลที่เชื่อใจได้หรือกลุ่มบุคคล ??เพื่อว่าส่วนแบ่งนั้นอาจนำไปลงทุนในการค้าและธุรกิจในนามของลูก จนกว่าเขาจะบรรลุวุฒิภาวะ ??ผู้ที่รับฝากควรได้รับส่วนแบ่งของกำไรที่ได้มาอย่างเหมาะสมสำหรับการกระทำการดังกล่าว

การแบ่งทรัพย์สินควรกระทำก็ต่อเมื่อได้จ่ายฮูคุคูลลาห์แล้ว ??ชดใช้หนี้สินแล้ว ชำระค่างานศพและค่าฝังศพแล้ว และมีการเคลื่อนย้ายผู้ตายไปยังสถานที่ฝังศพอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีแล้ว ??ดังนี้เป็นที่บัญญัติไว้โดยพระผู้เป็นนายแห่งการเริ่มต้นและจุดจบ

จงกล่าวว่า : นี้คือความรู้ซ่อนเร้นที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ??เนื่องด้วยจุดเริ่มต้นของความรู้นี้อยู่กับเลขเก้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระนามที่ถูกปกปิดและเห็นชัด ??ละเมิดไม่ได้และสูงส่งอย่างเข้าไม่ถึง สำหรับสิ่งที่เราจัดสรรให้แก่ลูกๆ นี้คือพรที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้แก่พวกเขา ??เพื่อว่าพวกเขาจะขอบคุณพระผู้เป็นนายของตน พระผู้ทรงเห็นใจ พระผู้ทรงปรานี แท้จริงแล้วเหล่านี้คือกฎของพระผู้เป็นเจ้า อย่าละเมิดกฎเหล่านี้เพราะถูกชักจูงโดยกิเลสที่เห็นแก่ตัวและต่ำทราม ??จงปฏิบัติตามบัญชาที่พระผู้เป็นอรุโณทัยสถานแห่งวาทะให้ไว้แก่เจ้า คนรับใช้ที่จริงใจของพระองค์จะถือว่า หลักธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าแถลงไว้คือน้ำแห่งชีวิตสำหรับศาสนิกชนของทุกศาสนา และคือตะเกียงแห่งอัจฉริยภาพและการบริบาลด้วยความรักสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในโลกและสวรรค์

พระผู้เป็นนายทรงบัญญัติไว้ว่าในทุกเมืองต้องสถาปนาสภายุติธรรม ??ซึ่งในสภานี้จะมีผู้มาปรึกษากันจำนวนเท่ากับบาฮา และหากเกินจำนวนนี้ไม่เป็นไร ??พวกเขาควรถือว่าตนกำลังเข้าไปในราชสำนักอันเป็นที่สถิตของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงความประเสริฐ ??พระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด และมองเห็นพระผู้ที่ไม่มีใครมองเห็น เป็นความถูกต้องที่พวกเขาจะทำตัวเป็นผู้พิทักษ์ของพระผู้ทรงปรานีในหมู่มนุษย์ ??และถือว่าตนเป็นผู้อภิบาลที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก เป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะปรึกษาหารือกัน และคำนึงถึงประโยชน์ของคนรับใช้ทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเห็นแก่พระองค์ ??เหมือนกับที่คำนึงถึงประโยชน์ของตนเอง และเลือกสิ่งที่เหมาะที่ควร ดังนี้พระผู้เป็นนาย พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า บัญชาเจ้าไว้ จงระวังอย่าพับเก็บสิ่งที่เปิดเผยไว้อย่างชัดเจนในธรรมจารึกของพระองค์ ดูกร เจ้าผู้ที่เข้าใจ ??จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า

ดูกร ??ประชาชนของโลก! ??จงก่อสร้างสักการสถานทั่วทั้งดินแดนต่างๆ ในนามของพระผู้เป็นนายของศาสนาทั้งปวง ??และทำให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และประดับสักการสถานเหล่านี้ด้วยสิ่งที่คู่ควร ??ไม่ใช่ด้วยรูปปั้นหรือรูปจำลอง จากนั้นด้วยความสดชื่นและเบิกบาน จงสรรเสริญพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ทรงเห็นใจที่สุด ในสักการสถานดังกล่าว แท้จริงแล้วดวงตาจะสดใสและหัวใจจะสว่างด้วยการระลึกถึงพระองค์

พระผู้เป็นนายทรงบัญญัติใว้ว่า ??ผู้ที่ทำได้ ให้ไปแสวงบุญที่บ้านศักดิ์สิทธิ์ ??พระองค์ทรงยกเว้นสตรีในเรื่องนี้ประหนึ่งเป็นความปรานีของพระองค์ ??ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงโอบอ้อมอารี พระผู้ทรงเอื้อเฟื้อที่สุด

ดูกร ??ประชาชนแห่งบาฮา! เป็นหน้าที่ของเจ้าแต่ละคนที่จะประกอบอาชีพบางอย่างเช่น ??งานฝีมือ การค้าหรือที่คล้ายกัน เราได้ยกการทำงานดังกล่าวขึ้นเทียบเท่าการบูชาพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียว ??ดูกร ประชาชน จงไตร่ตรองดูกรุณาธิคุณและพระพรของพระผู้เป็นนายของเจ้า และขอบคุณพระองค์ยามสายัณห์และรุ่งอรุณ อย่าเสียเวลาไปกับความเกียจคร้านและเฉื่อยชา ??จงใช้เวลาของเจ้าทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น ดังนี้เป็นที่โองการไว้ในธรรมจารึกนี้ ซึ่งดวงตะวันแห่งอัจฉริยภาพและวาทะส่องแสง มาจากขอบฟ้าของธรรมจารึกดังกล่าว ??คนที่น่ารังเกียจที่สุดในสายตาของพระผู้เป็นเจ้าคือคนที่นั่งขอทาน จงยึดมั่นสายใยแห่งวิธีการและวางใจในพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงจัดหาวิธีการทั้งหมด

การจูบมือเป็นข้อห้ามในคัมภีร์ ??การกระทำเช่นนี้ถูกห้ามโดยพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งความรุ่งโรจน์และบัญชา ไม่เป็นที่อนุญาตให้ใครแสวงหาการล้างบาปจากอีกคนหนึ่ง ??ขอให้การสำนึกผิดอยู่ระหว่างเจ้าเองและพระผู้เป็นเจ้า แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงอารี ??พระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงล้างบาปให้ผู้สำนึกผิด

ดูกร ??พวกเจ้าคนรับใช้ของพระผู้ทรงปรานี! ??จงลุกขึ้นรับใช้ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ??ถึงขนาดที่ความพะวงและความเศร้าโศกที่มีเหตุมาจากพวกที่ไม่เชื่อในอรุโณทัยแห่งสัญลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้า ??จะไม่ทำให้เจ้าทุกข์ร้อน เวลาที่พันธสัญญาบังเกิดขึ้นจริงและพระศาสดาตามพันธสัญญาถูกแสดงให้เห็นชัด ความขัดแย้งได้เกิดขึ้นในหมู่วงศ์ตระกูลทั้งหลายของโลก ??และประชาชนแต่ละหมู่เหล่าไปตามความเพ้อฝันและจินตนาการที่เหลวไหลของตน

ประเภทหนึ่งของประชาชนดังกล่าวคือผู้ที่นั่งอยู่กับรองเท้าแตะข้างประตู ??ขณะที่ในหัวใจอยากจะได้ที่นั่งอันมีเกียรติ จงกล่าวว่า : ดูกร ผู้ที่ทะนงและไม่เอาใจใส่ ??เจ้าเป็นคนลักษณะไหนไยจึงทำตัวไม่ตรงกับความเป็นจริงของเจ้า? ?อีกประเภทหนึ่งของประชาชนดังกล่าวคือผู้ที่อ้างตนว่ามีความรู้ซ่อนเร้น ??และความรู้ที่ลึกซึ้งกว่าที่ซ่อนอยู่ในความรู้นั้น จงกล่าวว่า : เจ้าพูดผิด! พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน! สิ่งที่เจ้ามีอยู่ไม่ใช่อื่นใดแต่เป็นเพียงเปลือกที่เราทิ้งไว้ให้เจ้า ??ดังเช่นกระดูกที่ทิ้งไว้ให้สุนัข ความชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียวเป็นพยาน! หากใครล้างเท้าของมวลมนุษยชาติ และหากเขาบูชาพระผู้เป็นเจ้าในป่า หุบเขา ภูเขา บนเนินสูงและยอดที่สูงตระหง่าน ??จนไม่เหลือก้อนหิน ต้นไม้หรือดินก้อนใดที่ไม่ได้เป็นพยานต่อการบูชาของเขา ถึงกระนั้นแล้วหากสุคนธรสแห่งความยินดีของเราไม่ได้โชยมาจากเขา งานทั้งหลายของเขาจะไม่มีวันเป็นที่ยอมรับของพระผู้เป็นเจ้า ดังนี้เป็นที่โองการไว้โดยพระผู้เป็นนายของทุกคน ??คนจำนวนมากมายเพียงไรแยกตัวอยู่ในถิ่นต่างๆ ในอินเดีย ไม่เอาสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ามีโองการว่าถูกกฎหมาย ใช้ชีวิตที่เข้มงวดและปฏิเสธความเพลิดเพลิน และไม่ได้รับการจดจำโดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เปิดเผยพระวจนะ อย่าให้การกระทำของเจ้าเป็นกับดักที่ดักจุดหมายที่เจ้าใฝ่ฝัน ??และอย่าพรากตัวเองจากวัตถุประสงค์สุดท้ายนี้ ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของทุกคนที่ถวิลหาพระผู้เป็นเจ้า จงกล่าวว่า : ชีวิตของการกระทำทั้งปวงอยู่ที่ความยินดีของเรา และทุกสิ่งขึ้นกับการยอมรับของเรา จงอ่านธรรมจารึกทั้งหลายเพื่อว่า เจ้าจะได้รู้จุดประสงค์ที่อยู่ในคัมภีร์ทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ พระผู้ทรงอารีเสมอ ผู้ที่เข้าถึงความรักของเรามีสิทธิ์ต่อบัลลังก์ทอง มีสิทธิ์ที่จะนั่งบนบัลลังก์นี้ด้วยเกียรติที่เหนือกว่าทั้งพิภพ ผู้ที่ไม่มีความรักของเราแม้ว่านั่งอยู่บนธุลี ธุลีนั้นจะแสวงหาที่พักพิงกับพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งศาสนาทั้งปวง

ใครที่อ้างตนเป็นผู้เปิดเผยพระธรรมโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้าก่อนหนึ่งพันปีเต็มจะผ่านไป ??แน่ใจได้ว่าผู้นั้นเป็นคนหลอกลวง เราอธิษฐานขอให้พระผู้เป็นเจ้ากรุณาช่วยให้เขาถอนคำพูดและปฏิเสธการอ้างตนนั้น ??หากเขาสำนึกผิด พระผู้เป็นเจ้าจะให้อภัยเขาอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามหากเขายังไม่ยอมหยุด วางใจได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะส่งผู้ที่จะมาจัดการเขาอย่างไร้ปรานี ??การลงโทษของพระผู้เป็นเจ้านั้นน่ากลัวจริงๆ ใครที่ตีความวจนะตอนนี้นอกเหนือไปจากความหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว จะถูกพรากจากพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าและความปรานีของพระองค์ที่ห้อมล้อมทุกสรรพสิ่ง ??จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าและอย่าไปตามความเพ้อฝันอันเหลวใหลของเจ้า แต่จงปฏิบัติตามบัญชาของพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ในไม่ช้าเสียงเรียกร้องจะดังขึ้นในเกือบทุกดินแดน ??ดูกร ประชาชนของเรา จงหลีกหนีเสียงเหล่านั้น และอย่าเอาตามผู้ที่ชั่วร้ายและหัวใจมาร นี้คือสิ่งที่เราเคยเตือนเจ้าล่วงหน้าเมื่อเราอาศัยอยู่ในอิรัก ต่อมาขณะที่อยู่ในดินแดนแห่งความลึกลับ และบัดนี้จากสถานที่อำไพนี้

ดูกร ??ประชาชนทั้งหลายของโลก ??อย่าได้ตระหนกเมื่อดวงตะวันแห่งความงามของเราลับฟ้าไป ??และนภาแห่งวิหารของเราถูกปกปิดไม่ให้ดวงตาของเจ้าเห็น จงลุกขึ้นส่งเสริมศาสนาและเชิดชูพระวจนะของเราท่ามกลางมนุษย์ ??เราอยู่กับเจ้าตลอดเวลา และจะเสริมพลังของเจ้าด้วยอานุภาพแห่งสัจธรรม เราทรงมหิทธานุภาพอย่างแท้จริง ใครที่ยอมรับเราจะลุกขึ้นและรับใช้เราด้วยความมุ่งมั่น ??ถึงขนาดที่อำนาจทั้งหลายในโลกและสวรรค์จะไม่สามารถล้มความตั้งใจของเขาได้

ประชาชนทั้งหลายของโลกกำลังหลับสนิท ??หากได้ตื่นจากความหลับใหล พวกเขาจะรีบไปหาพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ด้วยความกระตือรือร้น ??พวกเขาจะโยนทิ้งทุกสิ่งที่ตนครอบครองแม้ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งปวงในโลก ??เพื่อว่าพระผู้เป็นนายจะจดจำพวกเขาโดยการตรัสต่อพวกเขาเพียงวจนะเดียว ดังกล่าวนี้คือคำสั่งการเจ้าโดยพระผู้ทรงรู้สิ่งต่างๆ ที่ซ่อนเร้น ??ซึ่งสั่งไว้ในธรรมจารึกที่ดวงตาของของสรรพโลกไม่เคยเห็น และไม่เปิดเผยต่อใครนอกจากพระองค์เอง พระผู้ทรงคุ้มครองภพทั้งปวงผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ??พวกเขาสับสนเพราะความมัวเมาในกิเลสอันชั่วร้าย จนไม่สามารถยอมรับพระผู้เป็นนายแห่งสรรพภาวะ ซึ่งสุรเสียงของพระองค์ร้องดังมาจากทุกสารทิศว่า : ??ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ??พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ

จงกล่าวว่า : อย่าได้สำราญใจในสิ่งต่างๆ ที่เจ้าครอบครอง ??คืนนี้มันเป็นของเจ้า พรุ่งนี้คนอื่นจะเอาไป ดังนี้พระผู้ทรงรอบรู้ ??พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง ขอเตือนเจ้า จงกล่าวว่า : เจ้าอ้างได้หรือว่าสิ่งที่เจ้าเป็นเจ้าของนั้นยั่งยืนหรืออยู่ได้นาน? ???ไม่เลย! เราเองพระผู้ทรงปรานีเป็นพยาน เจ้าอ้างไม่ได้หรอกหากเจ้าเป็นพวกที่วินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม วันเวลาในชีวิตของเจ้าหนีไปเหมือนสายลม ??ความโอ่อ่าและความรุ่งโรจน์ทั้งหมดของเจ้าจะถูกม้วนเก็บ เช่นเดียวกับความโอ่อ่าและความรุ่งเรืองของบรรดาผู้ที่มาก่อนเจ้า ดูกร ประชาชน! จงใคร่ครวญดู ??วันเวลาของเจ้าที่ผ่านไป ศตวรรษทั้งหลายของเจ้าที่ล่วงเลยไป มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ?ความสุขจงมีแด่วันที่อุทิศต่อการระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า และพระพรจงมีแด่ชั่วโมงที่ใช้ไปในการสรรเสริญพระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ??ชีวิตของเราเป็นพยาน! ความโอ่อ่าของผู้ยิ่งใหญ่หรือความมั่งคั่งของผู้ร่ำรวย หรือแม้แต่อำนาจของของผู้ไม่มีศีลธรรม ล้วนไม่ยั่งยืน ทั้งหมดจะมลายสิ้นโดยวจนะเดียวจากพระองค์ แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอานุภาพ ??พระผู้ทรงบีบบังคับ พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ สิ่งทางโลกทั้งหลายที่มนุษย์ครอบครองมีประโยชน์อันใดหรือ? ?ส่วนสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง พวกเขากลับไม่ใส่ใจเลย ในไม่ช้าพวกเขาจะตื่นจากความหลับใหล และพบว่าตนไม่สามารถได้คืนสิ่งที่หนีจากไปในสมัยของพระผู้เป็นนายของตน ??พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้เป็นที่สรรเสริญ หากเพียงแต่รู้ พวกเขาจะสละทุกสิ่งทุกอย่างของตน เพื่อว่าชื่อของพวกเขาจะได้รับการกล่าวถึงต่อหน้าบัลลังก์ของพระองค์ แท้จริงแล้วพวกเขาถูกนับเป็นพวกคนตาย

ประเภทหนึ่งของประชาชนดังกล่าวคือผู้ที่วิชาของตนทำให้ตนเองทะนง ??และถูกวิชานั้นขวางกั้นไม่ให้ยอมรับพระนามของเรา พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง ??ผู้ซึ่งเมื่อได้ยินเสียงเดินของรองเท้าแตะตามหลังตน ก็หลงตัวเองยิ่งกว่านิมรอด ??จงกล่าวว่า : ดูกร ผู้ถูกปฏิเสธ! ที่พำนักของเขาตอนนี้อยู่ที่ไหน? ?พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน ??ที่พำนักนั้นอยู่ในไฟนรก จงกล่าวว่า : ดูกร นักบวชทั้งหลาย! เจ้าไม่ได้ยินเสียงขีดเขียนของปากกาที่ประเสริฐสุดของเราหรือ? ???เจ้าไม่เห็นดวงอาทิตย์นี้ที่ส่องแสงอย่างโชติช่วงอำไพบนขอบฟ้าที่รุ่งโรจน์หรือ? ?เจ้าจะบูชารูปปั้นแห่งกิเลสอันชั่วร้ายของเจ้าไปอีกนานเท่าไร? ???จงละทิ้งจินตนาการที่ไร้สาระของเจ้า แล้วหันมาหาพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายนิรันดร์ของเจ้า

เงินลงทุนเพื่อการกุศลตกเป็นของพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เปิดเผยสัญลักษณ์ ไม่มีใครมีสิทธิ์ใช้จ่ายเงินนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระผู้เป็นอรุโณทัยสถานแห่งการเปิดเผยพระธรรม ??หลังจากพระองค์ อำนาจนี้จะตกทอดไปยังอักซาน และหลังจากพวกเขาจะตกทอดไปยังสภายุติธรรม หากสภานี้ได้รับการสถาปนาในโลกในเวลานั้น ??เพื่อว่าพวกเขาจะได้ใช้เงินลงทุนนี้ให้เป็นประโยชน์สำหรับสถานที่ต่างๆ ที่ได้รับการเชิดชูในศาสนานี้ และสำหรับสิ่งใดก็ตามที่พระผู้เป็นเจ้าแห่งอำนาจและอานุภาพทรงบัญชาพวกเขาไว้ ??มิฉะนั้นแล้วเงินลงทุนนี้จะตกทอดมายังประชาชนแห่งบาฮา ผู้ซึ่งไม่พูดเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพระองค์ และไม่วินิจฉัยเป็นอื่นนอกจากตามที่พระผู้เป็นเจ้ามีโองการไว้ในธรรมจารึก ดูซิ ??พวกเขาคือผู้สนับสนุนชัยชนะระหว่างสวรรค์และโลก เพื่อว่าพวกเขาจะใช้เงินลงทุนนี้ในลักษณะที่กำหนดไว้ในคัมภีร์โดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงอารี

อย่าเศร้าโศกหรือสำราญใจในชั่วโมงแห่งการถูกทดสอบ ??จงแสวงหาทางสายกลาง นั่นคือการระลึกถึงเราในความทุกข์ร้อนทั้งหลายของเจ้า ??และใคร่ครวญดูสิ่งที่อาจจะบังเกิดกับเจ้าในอนาคต ดังนี้พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงทราบ ??แจ้งให้เจ้าทราบ

อย่าโกนศีรษะของเจ้า ??พระผู้เป็นเจ้าทรงประดับศีรษะด้วยเส้นผม ??และในนี้มีสัญลักษณ์จากพระผู้เป็นนายแห่งสรรพโลกสำหรับผู้ที่ใคร่ครวญดูเหตุผลที่จำเป็นของธรรมชาติ ??แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าแห่งพลังและอัจฉริยภาพ แม้กระนั้นก็ตามเป็นสิ่งไม่เหมาะสมที่จะปล่อยให้ผมยาวเกินติ่งหู ??ดังนี้เป็นที่โองการไว้โดยพระผู้เป็นนายแห่งภพทั้งปวง

การเนรเทศและการจองจำเป็นที่โองการไว้สำหรับขโมย ??และเมื่อทำผิดครั้งที่สาม จงทำเครื่องหมายไว้บนหน้าผากของเขา ??เพื่อว่าด้วยเครื่องหมายที่รู้กันนี้ เขาจะไม่เป็นที่ยอมรับในนครทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าและประเทศทั้งหลายของพระองค์ ??จงระวังอย่าละเลยไม่ดำเนินการตามบทบัญญัติของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าเพราะความเห็นอกเห็นใจ จงทำสิ่งที่พระผู้ทรงเห็นใจและปรานีบัญชาเจ้า ??เราฝึกฝนเจ้าด้วยไม้เรียวแห่งอัจฉริยภาพและกฎเหมือนกับที่บิดาอบรมบุตรชาย และนี่ไม่ใช่เพื่อสิ่งใดนอกจากเพื่อการคุ้มครองตัวเจ้าเองและการยกฐานะของเจ้า ??ชีวิตของเราเป็นพยาน หากเจ้าค้นพบสิ่งที่เราปรารถนาสำหรับเจ้าในการเปิดเผยกฎศักดิ์สิทธิ์ของเรา เจ้าจะสละวิญญาณของเจ้าเพื่อศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่และสูงส่งที่สุดนี้

ใครที่ปรารถนาจะใช้ภาชนะเงินหรือภาชนะทองมีอิสระที่จะทำได้ ??จงเอาใจใส่ขณะทานอาหาร อย่าเอามือจุ่มลงไปในอาหารที่อยู่ในจานและชาม ??จงใช้วิธีที่สมกับความเกลี้ยงเกลา แท้จริงแล้วพระองค์ปรารถนาจะเห็นเจ้ามีกิริยาของบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และเป็นเยี่ยมของพระองค์ ??จงยึดมั่นความเกลี้ยงเกลาในทุกสภาพการณ์ เพื่อว่าดวงตาของเจ้าจะไม่ต้องมองสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับตัวเจ้าเองและบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ หากผู้ใดทำต่างไปจากนี้ ??การกระทำของเขาขณะนั้นจะไร้ประโยชน์ กระนั้นหากเขามีเหตุผลที่ดี พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ถือโทษเขา ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงอารีที่สุด

พระผู้เป็นอรุโณทัยสถานแห่งศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ??ไม่มีคู่เคียงในความไม่มีผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในอาณาจักรแห่งสรรพโลกพระองค์คือพระผู้สำแดง ??พระองค์กระทำตามที่พระองค์ปรารถนา? ???พระผู้เป็นเจ้าทรงสงวนความเป็นเอกนี้ไว้สำหรับพระองค์เอง และหาได้บัญญัติให้ใครมีส่วนแบ่งในสถานะที่เป็นเยี่ยมและเหนือธรรมดานี้ นี้คือประกาศิตของพระผู้เป็นเจ้าที่ถูกปกปิดไว้ก่อนหน้านี้ในม่านแห่งความลึกลับที่ไม่อาจเข้าใจได้ ??เราได้เปิดเผยประกาศิตนี้ในการเปิดเผยพระธรรมนี้ ซึ่งได้ฉีกม่านของพวกที่ไม่ยอมรับสิ่งที่คัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าอธิบายไว้ และถูกนับว่าเป็นพวกไม่เอาใจใส่

บิดาทุกคนได้รับบัญชาให้สั่งสอนบุตรและธิดาในศิลปะการอ่านและเขียน ??และทุกอย่างที่กำหนดไว้ในธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่พับเก็บสิ่งที่เขาได้รับบัญชา ??บรรดาผู้พิทักษ์ต้องเอาจากเขาเท่าที่จำเป็นสำหรับการสั่งสอนลูกๆ หากเขามั่งคั่ง หากเขาไม่มั่งคั่งเรื่องนี้ตกอยู่กับสภายุติธรรม ??แท้จริงแล้วเรากำหนดสิ่งนี้ไว้เป็นที่กำบังสำหรับคนยากไร้และขัดสน ผู้ที่เลี้ยงดูลูกของตนเองหรือลูกของคนอื่น นั่นเป็นราวกับว่าเขาได้เลี้ยงดูลูกของเรา ??ความรุ่งโรจน์ ความเมตตารักใคร่ ความปรานีของเราที่ห่อหุ้มโลก สถิตอยู่กับเขา

พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้ชายชู้และหญิงชู้ทุกคนจ่ายค่าปรับให้แก่สภายุติธรรมเท่ากับทองเก้ามิสกัล ??และปรับเป็นสองเท่าหากพวกเขาทำผิดซ้ำ นี้คือการลงโทษที่พระผู้เป็นนายแห่งพระนามทั้งหลายกำหนดไว้ให้พวกเขาในโลกนี้ ??และในโลกหน้าพระองค์ทรงบัญญัติการทรมานที่อดสูไว้สำหรับพวกเขา หากผู้ใดทุกข์ร้อนเพราะบาป เป็นความถูกต้องที่เขาจะสำนึกผิดและกลับไปหาพระผู้เป็นนายของตน ??แท้จริงแล้วพระองค์ทรงอภัยผู้ที่พระองค์ประสงค์ และไม่มีใครจะมาตั้งข้อสงสัยในสิ่งที่พระองค์ต้องการบัญญัติ ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอภัยเสมอ พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ ??พระผุ้เป็นที่สรรเสริญ

จงระวังอย่าให้ม่านแห่งความรุ่งโรจน์มาปิดกั้นเจ้าไม่ให้ดื่มน้ำใสจากน้ำพุที่มีชีวิตนี้ ??จงถือถ้วยน้ำแห่งความรอดพ้นยามอุษานี้ในนามของพระผู้ทรงบันดาลให้อรุโณทัยปรากฏขึ้นมา และดื่มให้อิ่มเป็นการสรรเสริญพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ ??พระผู้ไม่มีเปรียบปาน

เราทำให้เป็นสิ่งถูกกฎหมายสำหรับเจ้าที่จะฟังดนตรีและร้องเพลง ??อย่างไรก็ตามจงเอาใจใส่ อย่าให้การฟังนี้ทำให้เจ้าก้าวล่วงขอบเขตของความเหมาะสมและเกียรติ ??ขอให้ความเบิกบานของเจ้าเกิดจากพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา พระนามที่ยังความหรรษาแก่หัวใจ ??และเติมความสุขให้แก่จิตใจของทุกคนที่ถวิลหาพระผู้เป็นเจ้า แท้จริงแล้วเราทำให้ดนตรีเป็นบันไดสำหรับวิญญาณของเจ้า ??เป็นหนทางให้เจ้าขึ้นไปสู่อาณาจักรเบื้องบน ดังนั้นอย่าทำให้ดนตรีเป็นปีกของอัตตาและกิเลส เราไม่อยากเห็นเจ้าถูกนับว่าเป็นพวกโง่เง่าเลยจริงๆ

เรามีโองการไว้ว่า ??หนึ่งในสามของค่าปรับทั้งหมดจะไปที่ศูนย์กลางแห่งความยุติธรรม ??และเราตักเตือนผู้ที่อยู่ในสภานี้ให้มีความยุติธรรมที่เที่ยงตรง ??เพื่อว่าพวกเขาจะใช้จ่ายค่าปรับที่ได้มาตามจุดประสงค์ที่สั่งไว้โดยพระผู้ทรงรอบรู้ ??พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ดูกร พวกเจ้าบุรุษแห่งความยุติธรรม! จงเป็นคนเลี้ยงแกะของพระผู้เป็นเจ้าในอาณาจักรของพระองค์ ??และปกป้องแกะให้พ้นจากสุนัขดุร้ายที่ปลอมตัวมา เหมือนกับที่เจ้าปกป้องลูกชายของเจ้าเอง ดังนี้พระผู้เป็นที่ปรึกษา พระผู้ทรงความซื่อสัตย์ ??เคี่ยวเข็ญเจ้า

หากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นในหมู่พวกเจ้าไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ??จงเสนอไปยังพระผู้เป็นเจ้าขณะที่ดวงอาทิตย์ยังส่องแสงบนขอบฟ้าของนภานี้ ??และเมื่อดวงอาทิตย์นี้ลับฟ้าไป จงเสนอเรื่องไปยังผู้ใดก็ตามที่พระองค์ประทานมา ??แท้จริงแล้วสิ่งนี้เพียงพอสำหรับประชาชนทั้งหลายของโลก จงกล่าวว่า : ดูกร ประชาชน ??อย่าได้หวั่นใจเมื่อความรุ่งโรจน์ของการมีเราอยู่ลาลับไป และมหาสมุทรแห่งวาทะของเราหยุดนิ่ง ??การมีเราอยู่กับพวกเจ้ามีข้อดีอย่างหนึ่ง และการไม่มีเราอยู่ด้วยมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครหยั่งรู้นอกจากพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้ไม่มีเปรียบปาน พระผู้ทรงรอบรู้ แท้จริงแล้วเรามองเห็นเจ้าจากอาณาจักรแห่งความรุ่งโรจน์ของเรา และจะช่วยใครก็ตามที่จะลุกขึ้นเพื่อชัยชนะของศาสนาของเรา ??ด้วยกองทัพของหมู่เทวัญเบื้องบนและหมู่เทพธิดาที่เราโปรดปราน

ดูกร ??ประชาชนทั้งหลายของโลก! ??พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นสัจธรรมนิรันดร์ ??ทรงเป็นพยานให้เราว่า สายธารของน่านน้ำที่สดใสไหลรินพุ่งออกมาจากโขดหินโดยมธุราของวจนะที่เอ่ยโดยพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ไม่ถูกจำกัด และเจ้ายังคงหลับใหล จงโยนทิ้งสิ่งที่เจ้าครอบครอง และเหินด้วยปีกแห่งความปล่อยวางให้เลยทุกสรรพสิ่งไป ??ดังนี้พระผู้เป็นนายแห่งสรรพโลกบัญชาเจ้า ซึ่งการขยับปากกาของพระองค์ได้ปฏิวัติวิญญาณของมนุษยชาติ

เจ้ารู้ไหมว่า ??พระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ ??กำลังร้องเรียกมาจากเบื้องบนระดับไหน? ???เจ้าคิดหรือว่าเจ้าได้ยอมรับปากกาที่พระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งนามทั้งปวง ใช้บัญชาเจ้า? ?ไม่เลย ชีวิตของเราเป็นพยาน! ??หากเจ้าเพียงแต่รู้ เจ้าจะสละโลกและรีบไปหาพระผู้เป็นที่รักยิ่งด้วยหัวใจทั้งหมด ??วิญญาณของเจ้าจะถูกพระวจนะของพระองค์พาไปจนทำให้ภพที่ยิ่งใหญ่กว่าจลาจล และจะจลาจลยิ่งกว่าเพียงไหนสำหรับภพน้อยที่ด้อยค่านี้! ??ดังนี้พระพรของเราได้หลั่งลงมาจากนภาแห่งความเมตตารักใคร่ของเรา เสมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งกรุณาธิคุณของเรา เพื่อว่าเจ้าจะเป็นพวกที่รู้คุณ

บทลงโทษสำหรับการตีหรือทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความบาดเจ็บนั้น ??พระผู้เป็นนายแห่งการพิพากษาทรงบัญญัติการชดใช้ค่าเสียหายสำหรับความบาดเจ็บแต่ละระดับความรุนแรง ??ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงประเสริฐสุด หากเป็นความประสงค์ของเรา ??เราจะแจกแจงการจ่ายค่าเสียหายเหล่านี้ตามความยุติธรรมในแต่ละระดับ นี้คือสัญญาจากเรา และแท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงรักษาสัญญา ??พระผู้ทรงรู้ทุกสิ่ง

แท้จริงแล้วเจ้าได้รับบัญชาให้จัดงานฉลองเดือนละครั้ง ??แม้ว่าจะบริการแค่เพียงน้ำเปล่าก็ตาม เพราะพระผู้เป็นเจ้าประสงค์จะเชื่อมหัวใจทั้งหลายเข้าด้วยกัน ??แม้จะต้องใช้ทั้งวิธีการทางโลกและสวรรค์

จงระวังอย่าให้กิเลสทางกายและความใฝ่ต่ำก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่พวกเจ้า ??จงเป็นประดุจนิ้วของมือเดียวกัน แขนขาของร่างกายเดียวกัน ดังนี้ปากกาแห่งการเปิดเผยพระธรรมแนะนำเจ้า ??หากเจ้าเป็นพวกที่เชื่อ

จงพิจารณาดูความปรานีของพระผู้เป็นเจ้าและของขวัญของพระองค์ ??พระองค์ทรงบัญชาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ต้องพึ่งผู้ที่พระองค์สร้าง ??การทำชั่วของเจ้าไม่มีวันทำร้ายเราได้ ผลงานที่ดีของเจ้าก็หาได้เป็นประโยชน์ต่อเรา เราเรียกเจ้าเพื่อเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ??และมนุษย์ที่เข้าใจและหยั่งเห็นทุกคนจะให้การยืนยันสิ่งนี้

หากเจ้าล่าสัตว์โดยการใช้สัตว์ป่าหรือนกล่าเหยื่อ ??จงร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเจ้าส่งสัตว์เหล่านี้ออกไปล่าเหยื่อ ??เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เหยื่อใดก็ตามที่สัตว์ดังกล่าวล่ามาได้จะเป็นสิ่งถูกกฎหมายสำหรับเจ้า ??แม้ว่าเจ้าจะพบว่าเหยื่อนั้นตายแล้วก็ตาม แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง ??อย่างไรก็ตามจงเอาใจใส่อย่าล่าสัตว์จนเกินไป จงเดินบนหนทางแห่งความยุติธรรมและความเป็นธรรมในทุกเรื่อง ดังนี้พระผู้เป็นอรุโณทัยสถานแห่งการเปิดเผยพระธรรมบัญชาเจ้า ??ขอให้เจ้าเข้าใจเถิด

พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาเจ้าให้แสดงความเมตตาต่อญาติพี่น้องของเรา ??แต่พระองค์ไม่ได้ให้พวกเขามีสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น แท้จริงแล้วพระองค์ทรงเพียงพอในตนเองโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้ที่พระองค์สร้าง

หากใครจงใจใช้ไฟเผาบ้าน ??จงเผาเขาเช่นกัน หากใครจงใจเอาชีวิตของผู้อื่น ??จงสังหารเขาเช่นกัน จงยึดถือบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าด้วยพลกำลังทั้งหมดของเจ้า ??และละทิ้งแนวทางของคนโง่เขลา หากเจ้าตัดสินผู้วางเพลิงและฆาตกรให้ถูกจำคุกตลอดชีวิต ??ก็เป็นที่อนุญาตตามข้อกำหนดในคัมภีร์ แท้จริงแล้วพระองค์มีอำนาจในการบัญญิติสิ่งที่พระองค์ปรารถนา

พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติชีวิตสมรสแก่เจ้า ??จงระวังอย่ามีภรรยามากกว่าสองคน ผู้ที่พึงพอใจกับภรรยาเดียวที่เป็นหนึ่งในหญิงรับใช้ของพระองค์ ??ทั้งเขาและเธอจะมีชีวิตที่สงบ และผู้ที่อยากมีหญิงรับใช้มารับใช้ตนก็ทำได้ตามควร ดังกล่าวนี้คือบทบัญญัติที่บันทึกไว้โดยปากกาแห่งการเปิดเผยพระธรรมด้วยความจริงและความยุติธรรม ??ดูกร ประชาชน จงสมรสเถิด เพื่อว่าเจ้าจะให้กำเนิดผู้ที่จะระลึกถึงเราในหมู่คนรับใช้ของเรา นี้คือคำบัญชาของเราที่มีต่อเจ้า จงยึดมั่นคำบัญชานี้เสมือนเป็นการช่วยเหลือตัวเจ้าเอง

ดูกร ??ประชาชนของโลก! ??อย่าไปตามการชักจูงของอัตตา ??เพราะอัตตานั้นจะจูงเจ้าเข้าหาความชั่วร้ายและตัณหาอยู่ตลอด ??แต่จงปฏิบัติตามพระผู้ทรงครอบครองทุกสรรพสิ่ง พระผู้ทรงบัญชาเจ้าให้แสดงออกซึ่งความเคร่งศาสนาและความกลัวพระผู้เป็นเจ้า ??แท้จริงแล้วพระองค์ไม่ขึ้นกับผู้ที่พระองค์สร้าง จงเอาใจใส่อย่าก่อการยุยงในดินแดนที่ถูกจัดเป็นระเบียบแล้ว ใครที่ทำเช่นนี้ไม่ใช่คนของเรา ??และเราไม่เกี่ยวข้องกับเขา ดังกล่าวนี้คือบัญชาที่ปรากฏมาจากนภาแห่งการเปิดเผยพระธรรมโดยอานุภาพของสัจธรรม

เป็นที่กำหนดไว้ในคัมภีร์บายันว่า ??การสมรสขึ้นกับความยินยอมของทั้งสองฝ่าย ??ด้วยต้องการจะสถาปนาความรัก ความสามัคคีและความกลมเกลียวในหมู่คนรับใช้ของเรา ??เมื่อความปรารถนาของทั้งคู่เป็นที่ทราบแล้ว เรากำหนดให้การสมรสขึ้นอยู่กับการอนุญาตของบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย ??เพื่อมิให้เกิดความเกลียดชังและเคียดแค้นในหมู่พวกเขา และในนี้เรามีจุดประสงค์อื่นๆ อีก ดังนี้คำบัญชาของเราได้รับการบัญญัติไว้

การสมรสนั้นทำไม่ได้หากไม่จ่ายสินสอด ??ซึ่งถูกกำหนดไว้เท่ากับทองบริสุทธิ์สิบเก้ามิสกัลสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง ??และเงินปริมาณเท่ากันสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ใครที่อยากเพิ่มสินสอดให้สูงกว่านี้ ??เป็นที่ห้ามมิให้เกินเก้าสิบห้ามิสกัล คำบัญชาถูกลิขิตไว้ดังนี้ด้วยราชศักดาและอานุภาพ อย่างไรก็ตามหากเขาพึงพอใจกับสินสอดขั้นต่ำ ??นั่นจะเป็นการดีกว่าสำหรับเขาตามที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าเพิ่มพูนให้ผู้ที่พระองค์ประสงค์โดยวิธีการทางโลกและสวรรค์ ??และความจริงแล้วพระองค์มีอานุภาพเหนือทุกสิ่ง

เป็นที่โองการไว้โดยพระผู้เป็นเจ้าว่า ??หากคนรับใช้คนใดของพระองค์ตั้งใจจะเดินทาง ??เขาต้องระบุเวลากับภรรยาว่าจะกลับบ้านเมื่อไร ??หากเขากลับมาตามเวลาที่สัญญาไว้ เท่ากับว่าเขาได้เชื่อฟังบัญชาของพระผู้เป็นนายของเขา ??และจะได้รับการนับว่าเป็นพวกที่ชอบธรรมโดยปากกาแห่งบัญชาของพระองค์ ไม่เช่นนั้นแล้วหากมีเหตุผลสมควรที่จะกลับมาช้า ??เขาต้องแจ้งให้ภรรยาทราบและพยายามเต็มที่ที่จะกลับไปหาเธอ หากไม่กลับมาและก็ไม่แจ้งให้ทราบ เป็นความถูกต้องที่ภรรยาจะรอเป็นเวลาเก้าเดือน ??หลังจากนั้นแล้วไม่มีการขวางหากเธอจะมีสามีใหม่ แต่หากเธอรอนานกว่านั้น แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้ารักชายหญิงที่แสดงความอดทน จงเชื่อฟังบทบัญญัติของเรา ??และอย่าเอาตามพวกไม่มีศีลธรรม พวกที่ถูกนับว่าเป็นคนบาปในธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า ระหว่างที่เธอรอ หากมีถ้อยคำจากสามีมาถึงเธอ เธอควรเลือกวิถีทางที่น่าสรรเสริญ ??ความจริงแล้วพระองค์ปรารถนาให้คนรับใช้และหญิงรับใช้ของพระองค์มีความสบายใจระหว่างกันและกัน จงเอาใจใส่ อย่าทำสิ่งใดที่ทำให้เจ้าไม่ยอมกัน ดังนี้คือโองการที่ให้ไว้และคำสัญญาบังเกิดขึ้น ??อย่างไรก็ตามหากมีข่าวการตายหรือถูกฆาตกรรมของสามีมาถึงเธอ และมีรายงานยืนยันหรือคำให้การยืนยันโดยพยานสองคนที่ยุติธรรม เป็นความถูกต้องที่เธอจะอยู่เป็นโสด เมื่อครบจำนวนเดือนที่กำหนดไว้ เธอมีอิสระที่จะทำตามวิถีทางที่เธอเลือก ??ดังกล่าวนี้คือคำบัญชาของพระผู้ทรงอำนาจและอานุภาพในการบัญชา

หากเกิดความเคืองแค้นและรังเกียจกันระหว่างสามีและภรรยา ??สามีไม่ควรหย่าเธอแต่ให้อดทนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม เพื่อว่าสุคนธรสแห่งเสน่หาอาจฟื้นคืนมาระหว่างทั้งสอง ??หากเมื่อครบกำหนดเวลานี้แล้ว ความรักระหว่างทั้งสองยังไม่หวนคืนมา เป็นที่อนุญาตให้หย่ากันได้ แท้จริงแล้วอัจฉริยภาพของพระผู้เป็นเจ้าห้อมล้อมทุกสิ่ง ??ในธรรมจารึกที่จารึกโดยปากกาแห่งบัญชาของพระองค์ พระผู้เป็นนายทรงห้ามวิธีปฏิบัติที่เจ้าเคยใช้เมื่อเจ้าได้หย่าผู้หญิงคนหนึ่งสามครั้ง พระองค์ทรงห้ามเช่นนี้ด้วยความโปรดปรานของพระองค์ ??เพื่อว่าเจ้าจะได้รับการนับว่าเป็นพวกที่รู้คุณ ผู้ที่หย่าภรรยาอาจตัดสินใจสมรสกับเธอใหม่หลังจากผ่านไปแต่ละเดือนเมื่อมีเสน่หาและพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย ตราบใดที่เธอยังไม่มีสามีใหม่ หากเธอสมรสใหม่แล้ว ??ด้วยการสมัครสมานกับชายอื่นนี้ การแยกทางกันนั้นเป็นที่ยืนยันและเรื่องนี้เป็นอันสิ้นสุด นอกจากว่าสถานการณ์ของเธอจะเปลี่ยนแปลง ดังนี้โองการนี้ถูกจารึกด้วยราชศักดาในธรรมจารึกที่รุ่งโรจน์นี้โดยพระผู้เป็นอรุโณทัยสถานแห่งความงาม

หากภรรยาเดินทางไปกับสามีแล้วเกิดความขัดแย้งกันระหว่างทาง ??สามีจะต้องให้ค่าใช้จ่ายแก่ภรรยาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม และให้ส่งเธอกลับไปยังที่ที่เธอมา ??หรือฝากฝังเธอพร้อมกับปัจจัยสำหรับการเดินทางไว้กับผู้ที่เชื่อใจได้ที่จะพาเธอกลับบ้าน แท้จริงแล้วพระผู้เป็นนายของเจ้าบัญญัติตามที่พระองค์ปรารถนา ??ด้วยอธิปไตยที่ปกคลุมประชาชนทั้งหลายของโลก

หากภรรยาถูกหย่าเพราะการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ที่พิสูจน์แล้ว ??เธอจะไม่ได้รับค่าเลี้ยงดูในช่วงเวลาแห่งการรอคอย ดังนี้ดวงตะวันแห่งบทบัญญัติของเราส่องแสงอย่างเจิดจ้าจากนภาแห่งความยุติธรรม ??แท้จริงแล้วพระผู้เป็นนายรักความสมัครสมานและความกลมเกลียว และรังเกียจการแยกทางและการหย่าร้าง ดูกร ประชาชน จงใช้ชีวิตร่วมกันด้วยความสดชื่นและเบิกบาน ??ชีวิตของเราเป็นพยาน! ทุกคนที่อยู่บนพิภพจะมลายไป ขณะที่การทำความดีเท่านั้นที่จะคงอยู่ พระผู้เป็นเจ้าเองเป็นพยานต่อสัจธรรมของวจนะของเรา ดูกร คนรับใช้ทั้งหลายของเรา ??จงปรองดองข้อขัดแย้งระหว่างเจ้า แล้วเอาใจใส่คำตักเตือนของปากกาแห่งความรุ่งโรจน์ของเรา และอย่าเอาตามพวกที่จองหองและหัวดื้อ

จงเอาใจใส่อย่าให้โลกล่อลวงเจ้าดังที่เคยล่อลวงคนอื่นที่ไปก่อนเจ้า! ??จงปฏิบัติตามบทบัญญัติและหลักธรรมของพระผู้เป็นนายของเจ้า และเดินตามหนทางนี้ที่ปูไว้ต่อหน้าเจ้าด้วยความชอบธรรมและสัจธรรม ??ผู้ที่หลีกหนีความไม่เป็นธรรมและความผิดพลาด ผู้ซึ่งยึดถือคุณความดี ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียวนั้น คือหนึ่งในบรรดาผู้เยี่ยมยอดที่สุดที่พระองค์สร้าง ??ชื่อของพวกเขาได้รับการยกย่องโดยหมู่เทวัญแห่งอาณาจักรเบื้องบน และโดยบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในวิหารนี้ที่ถูกสร้างขึ้นมาในนามของพระผู้เป็นเจ้า

เป็นที่ห้ามมิให้เจ้าค้าทาสไม่ว่าจะเป็นทาสชายหรือหญิง ??หาควรไม่ที่ผู้ที่เป็นคนรับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าจะซื้อคนรับใช้ด้วยกัน ??และนี่เป็นที่ห้ามไว้ในธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ดังนี้บทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าได้รับการบันทึกไว้โดยปากกาแห่งความยุติธรรมด้วยความปรานีของพระองค์ ??ขออย่าให้ใครยกตัวเองเหนือผู้อื่น ทุกคนเป็นเพียงทาส ณ เบื้องหน้าของพระผู้เป็นนาย และทุกคนเป็นตัวอย่างของสัจธรรมที่ว่าไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ??แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ซึ่งอัจฉริยภาพของพระองค์ห้อมล้อมทุกสิ่ง

จงประดับตัวเจ้าเองด้วยเสื้อผ้าแห่งการกระทำที่ดีงาม ??ผู้ที่มีการกระทำเป็นที่ยินดีของพระผู้เป็นเจ้าคือประชาชนแห่งบาฮาแน่นอน ??และจะได้รับการจดจำต่อหน้าบัลลังก์ของพระองค์ จงช่วยพระผู้เป็นนายแห่งสรรพโลกด้วยงานแห่งความชอบธรรม ??และโดยอัจฉริยภาพและวาทะด้วย ดังนี้ที่จริงแล้วเจ้าได้รับบัญชาจากพระผู้ทรงปรานีในเกือบทุกธรรมจารึก แท้จริงแล้วพระองค์ทรงทราบสิ่งที่เรากล่าว ??ขออย่าให้ใครโต้เถียงกับคนอื่น และอย่าให้วิญญาณใดสังหารผู้อื่น แท้จริงแล้วนี้คือสิ่งที่ห้ามเจ้าไว้ในคัมภีร์ที่ถูกปกปิดไว้ในวิหารแห่งความรุ่งโรจน์ ??อะไรกัน! เจ้าจะฆ่าผู้ที่พระผู้เป็นเจ้ากระตุ้นและประสาทด้วยวิญญาณโดยลมหายใจจากพระองค์หรือ? ?เช่นนั้นบาปของเจ้าต่อหน้าบัลลังก์ของพระองค์นั้นร้ายแรง! จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ??และอย่าชูมือแห่งความอยุติธรรมและการกดขี่เพื่อทำลายสิ่งที่พระองค์เองชูขึ้นมา ไม่เพียงเท่านั้น จงเดินในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นหนึ่งโดยแท้จริง ทันใดที่กองทัพแห่งความรู้ที่แท้จริงปรากฏขึ้นพร้อมกับชูธงแห่งวาทะของพระผู้เป็นเจ้า ??เผ่าพันธ์ของศาสนาทั้งหลายต้องหนีไป ยกเว้นผู้ที่ประสงค์จะดื่มจากสายธารแห่งชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์ที่สร้างโดยลมหายใจของพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์

พระผู้เป็นเจ้าทรงมีโองการเป็นสัญลักษณ์แห่งความปรานีของพระองค์ต่อบรรดาผู้ที่พระองค์สร้างว่า ??น้ำอสุจิไม่ใช่สิ่งที่ไม่สะอาด จงขอบคุญพระองค์ด้วยความเบิกบานและสดชื่น และอย่าเอาอย่างพวกที่อยู่ห่างไกลจากอรุโณทัยสถานแห่งความใกล้ชิดกับพระองค์ ??ในทุกสภาพการณ์จงลุกขึ้นรับใช้ศาสนา เพราะวางใจได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยเจ้าโดยอานุภาพแห่งอธิปไตยของพระองค์ที่ปกคลุมภพทั้งหลาย จงยึดเหนี่ยวสายใยแห่งความเกลี้ยงเกลาอย่างเหนียวแน่น ??ถึงขนาดที่อย่ายอมให้มีร่องรอยของสิ่งสกปรกให้เห็นบนภูษาของเจ้า ดังกล่าวนี้คือบัญชาของพระผู้ทรงความวิสุทธิ์เหนือความเกลี้ยงเกลาทั้งหมด ใครที่ทำได้ไม่ถึงมาตรฐานนี้โดยมีเหตุผลสมควร จะไม่ถูกตำหนิ ??แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าคือพระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงปรานี จงล้างทุกสิ่งที่สกปรกด้วยน้ำที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดในสามลักษณะ จงเอาใจใส่อย่าใช้น้ำที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะสัมผัสอากาศหรือสารอื่นบางอย่าง ??จงเป็นสาระแห่งความสะอาดในหมู่มนุษยชาติ แท้จริงแล้วนี้คือสิ่งที่พระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ไม่มีเปรียบปาน พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ปรารถนาสำหรับเจ้า

ทำนองเดียวกันด้วยเป็นพระพรจากที่สถิตของพระผู้เป็นเจ้า ??พระองค์ทรงยกเลิกแนวความคิดเกี่ยวกับ ??ความไม่สะอาด? ?ที่ถือว่าสิ่งของและประชาชนหลากหลายจำพวกไม่บริสุทธิ์ ??แน่นอนว่าพระองค์คือพระผู้ทรงอภัยเสมอ พระผู้ทรงเอื้อเฟื้อที่สุด แท้จริงแล้วทุกสรรพสิ่งดำดิ่งอยู่ในทะเลแห่งการชำระล้างในวันแรกของเรซวาน ??เมื่อเราสาดรัศมีของพระนามอันล้ำเลิศที่สุดและคุณลักษณะที่ประเสริฐสุดของเรามายังสรรพโลก แท้จริงแล้วนี้คือสัญลักษณ์แห่งการบริบาลด้วยความรักของเราที่ห้อมล้อมภพทั้งปวง ??เช่นนั้นจงคบหากับศาสนิกชนของทุกศาสนา และประกาศศาสนาของพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ทรงเห็นใจที่สุด นี้คือมงกุฏของการกระทำทั้งหลาย หากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ

พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาเจ้าให้มีความสะอาดเป็นที่สุด ??ถึงขนาดให้ล้างสิ่งที่เปื้อนฝุ่น และยิ่งจะต้องล้างหากเป็นคราบสกปรกและสิ่งเปรอะเปื้อนที่คล้ายกัน ??จงเกรงกลัวพระองค์และเป็นพวกที่บริสุทธิ์ หากเสื้อผ้าของใครเปรอะเปื้อนจนมองเห็นได้ การอธิษฐานของเขาจะไม่ขึ้นไปถึงพระผู้เป็นเจ้า ??และหมู่เทวัญบนสวรรค์จะหันหนีเขา จงใช้น้ำดอกกุหลาบและน้ำหอมบริสุทธิ์ นี้คือสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ารักอย่างแท้จริงมาตั้งแต่เริ่มต้นที่ไม่มีจุดเริ่มต้น ??เพื่อว่าสิ่งที่พระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ไม่มีเปรียบปาน พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ทรงปรารถนา จะโชยมาจากเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าไม่ให้เจ้าต้องยึดถือบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในคัมภีร์บายันเกี่ยวกับการทำลายหนังสือ ??เราอนุญาตให้เจ้าอ่านศาสตร์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า ไม่ใช่ศาสตร์ที่ลงเอยด้วยการโต้เถียงกันอย่างเหลวไหล ??สิ่งนี้ดีกว่าสำหรับเจ้าหากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ

ดูกร ??กษัตริย์ทั้งหลายบนพิภพ! ??พระผู้เป็นนายสูงสุดของทุกคนเสด็จมาแล้ว ??อาณาจักรเป็นของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงคุ้มครองที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ??พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง อย่าบูชาผู้ใดนอกจากพระผู้เป็นเจ้า และด้วยหัวใจที่ผ่องใสจงเงยหน้าขึ้นมาหาพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งนามทั้งปวง นี้คือการเปิดเผยพระธรรมที่สิ่งใดก็ตามที่เจ้าครอบครองไม่มีวันเทียบได้ ขอเจ้าเพียงแต่รู้

เราเห็นเจ้าสำราญใจในสิ่งที่เจ้ากอบโกยเพื่อผู้อื่น ??และปิดตัวเองจากภพทั้งหลายที่ไม่มีสิ่งใดนับได้นอกจากธรรมจารึกของเราที่พิทักษ์ไว้ ??ทรัพย์สมบัติที่เจ้าสะสมไว้ได้พาเจ้าไกลไปจากวัตถุประสงค์สุดท้ายของเจ้า สิ่งนี้ไม่เหมาะกับเจ้าขอเจ้าเพียงแต่เข้าใจ ??จงชำระมลทินทางโลกทั้งหมดออกไปจากหัวใจของเจ้า และรีบเข้ามาในอาณาจักรของพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้สร้างโลกและสวรรค์ ??พระผู้ทรงทำให้โลกสั่นไหวและประชาชนทั้งหมดคร่ำครวญ ยกเว้นบรรดาผู้ที่สละทุกสิ่งและยึดถือตามที่ธรรมจารึกซ่อนเร้นบัญญัติไว้

ยุคนี้คือยุคที่พระผู้ทรงสนทนากับพระผู้เป็นเจ้าได้บรรลุถึงแสงสว่างของพระผู้ทรงดำรงอยู่ก่อนยุคสมัย ??และดื่มธาราบริสุทธ์แห่งการกลับมาอยู่ร่วมกันจากถ้วยนี้ที่ทำให้ทะเลพองตัว จงกล่าวว่า : พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียวเป็นพยาน! ??ไซนายกำลังรายล้อมอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรม ขณะที่จากยอดสุดของอาณาจักรสวรรค์ สุรเสียงของพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าประกาศให้ได้ยินว่า : ??พวกเจ้าผู้ทะนงบนพิภพ ??จงตื่นตัวและรีบมาหาพระองค์? ?ในยุคนี้คาร์เมลรีบไปยังราชสำนักของพระองค์ด้วยความปรารถนาจะบูชา ขณะที่จากใจกลางของไซออนมีเสียงร้องออกมาว่า : ??พันธสัญญาบังเกิดขึ้นแล้ว ??สิ่งที่ประกาศไว้ในธรรมลิขิตศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้เป็นที่รักยิ่ง ถูกแสดงให้เห็นชัดแล้ว

ดูกร ??กษัตริย์ทั้งหลายบนพิภพ! ??กฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ถูกเปิดเผย ณ ที่แห่งนี้ ??ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความงดงามเหนือธรรมดา ทุกสิ่งที่ซ่อนเร้นปรากฏออกมาแล้วโดยพระประสงค์ของพระผู้ทรงบัญญัติสูงสุด ??พระผู้เริ่มต้นชั่วโมงสุดท้าย ซึ่งโดยพระองค์ ดวงจันทร์ถูกผ่าออก และทุกโองการที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ได้รับการอรรถาธิบาย

ดูกร ??กษัตริย์ทั้งหลายบนพิภพ! ??เจ้าเป็นเพียงข้า พระผู้เป็นกษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งหลายมาปรากฏแล้วด้วยความรุ่งโรจน์ที่วิเศษสุดของพระองค์ ??และกำลังเรียกเจ้าให้มาหาพระองค์ พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง จงเอาใจใส่อย่าให้ความทะนงมายับยั้งเจ้ามิให้ยอมรับบ่อเกิดของการเปิดเผยพระธรรม ??อย่าให้สิ่งทั้งหลายในโลกนี้มาเป็นม่านปิดกั้นเจ้าจากพระผู้สร้างสวรรค์ จงลุกขึ้นและรับใช้พระองค์ผู้ทรงเป็นยอดปรารถนาของชาติทั้งปวง พระผู้ทรงสร้างเจ้าโดยวจนะเดียวจากพระองค์ ??และบัญญัติให้เจ้าเป็นตราสัญลักษณ์ของอธิปไตยของพระองค์ตลอดไป

ความชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน! ??เราหาได้ปรารถนาจะมาเอาอาณาจักรของพวกเจ้า ??พันธกิจของเราคือการยึดครองหัวใจของมนุษย์ ซึ่งดวงตาของบาฮาเฝ้าดูพวกเขาอยู่ ??และอาณาจักรแห่งนามให้การยืนยันสิ่งนี้ ขอเจ้าเพียงแต่เข้าใจ ใครที่ปฏิบัติตามพระผู้เป็นนายของเขา ??จะสละโลกและทุกสิ่งที่อยู่ในโลก เช่นนั้นแล้วการปล่อยวางของพระผู้ดำรงสถานะที่สง่าดังกล่าวจะยิ่งใหญ่กว่าเพียงไหน! ??จงละทิ้งวังของเจ้าแล้วรีบเข้ามาในอาณาจักรของพระองค์ แท้จริงแล้วสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ??พระผู้เป็นนายแห่งอาณาจักรเบื้องบนให้การยืนยันสิ่งนี้ ขอเจ้าเพียงแต่รู้

พระพรที่รอคอยกษัตริย์ที่จะลุกขึ้นช่วยเหลือศาสนาของเราในอาณาจักรของเรานั้นยิ่งใหญ่เพียงไร ??กษัตริย์ที่จะปล่อยวางจากทุกสิ่งนอกจากเรา! กษัตริย์ดังกล่าวจะถูกนับว่าเป็นสหายแห่งเรือคริมซั่น ??เรือที่พระผู้เป็นเจ้าเตรียมไว้สำหรับประชาชนแห่งบาฮา ทุกคนต้องสดุดีนามของเขา ต้องเคารพสถานะของเขา ??และช่วยเขาไขเมืองทั้งหลายด้วยกุญแจแห่งพระนามของเรา พระผู้ทรงคุ้มครองที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จสำหรับทุกคนอาศัยอยู่ในอาณาจักรที่มองเห็นและมองไม่เห็น ??กษัตริย์ดังกล่าวคือดวงตาของมนุษยชาติ คือเครื่องประดับที่เรืองรองบนหน้าผากของสรรพสิ่ง คือแหล่งกำเนิดของพระพรสำหรับโลกทั้งหมด ดูกร ประชาชนแห่งบาฮา ??จงสละทรัพย์สมบัติของเจ้า ไม่เพียงเท่านั้น จงสละชีวิตของเจ้าเพื่อช่วยเหลือกษัตริย์นั้น

ดูกร ??จักรพรรดิแห่งออสเตรีย! ??พระผู้เป็นอรุโณทัยแห่งแสงสว่างของพระผู้เป็นเจ้าอาศัยอยู่ในคุกเมืองอัคคา ??เวลาที่เจ้าออกเดินทางมาเยือนสุเหร่าอัคซา เจ้าผ่านพระองค์ไปและไม่ไต่ถามเกี่ยวกับพระองค์ ??พระผู้ทรงทำให้ทุกบ้านสูงส่งและทรงไขทุกประตูที่สูงตระหง่าน แท้จริงแล้วเราทำให้คุกนี้เป็นสถานที่ที่โลกควรหันมาหา ??เพื่อว่าพวกเขาจะระลึกถึงเรา และกระนั้นเจ้าได้ปฏิเสธพระผู้เป็นจุดหมายของการระลึกถึงนี้ เมื่อพระองค์มาปรากฏพร้อมกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้เป็นนายของภพทั้งปวง เราอยู่กับเจ้าตลอดเวลา และพบว่าเจ้ายึดถือกิ่งแต่ไม่เอาใจใส่ราก แท้จริงแล้วพระผู้เป็นนายของเจ้าเป็นพยานต่อสิ่งที่เราพูด ??เราเศร้าโศกที่ได้เห็นเจ้ารายล้อมพระนามของเราโดยไม่รู้จักเรา แม้ว่าเราอยู่ต่อหน้าเจ้า จงเปิดตาของเจ้าเพื่อว่า เจ้าจะได้เห็นจินตภาพที่รุ่งโรจน์นี้ และยอมรับพระผู้ที่เจ้าวิงวอนในเวลากลางวันและยามค่ำคืน ??และพิศดูแสงสว่างที่ส่องอยู่บนขอบฟ้าที่เรืองรองนี้

จงกล่าวว่า : ดูกร ??กษัตริย์แห่งเบอร์ลิน! ??จงเงี่ยหูฟังสุรเสียงที่ร้องเรียกมาจากพระผู้ปรากฏชัดนี้ : ??แท้จริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ??พระผู้ทรงอนันต์ พระผู้ไม่มีที่เสมอ พระผู้ดำรงอยู่ก่อนยุคสมัย? ?จงเอาใจใส่อย่าให้ความทะนงมาขวางกั้นเจ้ามิให้ยอมรับอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมสวรรค์ ??อย่าให้กิเลสมาเป็นม่านปิดกั้นเจ้าจากพระผู้เป็นนายแห่งบัลลังก์เบื้องบนและโลกเบื้องล่าง ดังนี้ปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุดขอแนะนำเจ้า แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงกรุณาที่สุด ??พระผู้ทรงโอบอ้อมอารี เจ้าจำผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าเจ้าและสถานะสูงกว่าเจ้า?(พระเจ้านโปเลียนที่ 3)ได้หรือไม่? ???เวลานี้เขาอยู่ที่ไหน? ???สิ่งต่างๆ ที่เขาเคยครอบครองไปไหนแล้ว? ???จงเอาใจใส่คำเตือน และอย่าเป็นพวกที่หลับใหล ??เขาคือผู้ที่โยนทิ้งธรรมจารึกของพระผู้เป็นเจ้าไปข้างหลัง ??เมื่อเราให้เขารู้ว่ากองทัพแห่งความกดขี่ได้ทำให้เราทนทรมานอะไร ??ดังนั้นความอดสูได้โจมตีเขาจากรอบด้าน และเขาล้มลงไปกองกับฝุ่นด้วยความสูญเสียอย่างหนัก ??ดูกร กษัตริย์ จงคิดให้ลึกเกี่ยวกับเขาและบรรดาผู้ที่เหมือนกับเจ้า ที่ได้พิชิตเมืองต่างๆ และปกครองผู้คนทั้งหลาย ??พระผู้ทรงความปรานีลากพวกเขาออกจากวังมายังหลุมศพ จงเอาใจใส่คำเตือน และเป็นพวกที่ใคร่ครวญ

ดูกร ??กษัตริย์ทั้งหลาย! ??เราไม่ได้ขออะไรจากเจ้า ??แท้จริงแล้วเราเคี่ยวเข็ญเจ้าเพื่อเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้า ??และเราจะอดทนดังที่เราได้อดทนต่อสิ่งที่บังเกิดกับเราโดยน้ำมือของเจ้า

ดูกร ??บรรดาผู้ปกครองและประธานาธิบดีของสาธารณรัฐทั้งหลายในทวีปอเมริกา ??จงเงี่ยหูฟังสิ่งที่นกพิราบกำลังขับขานอยู่บนกิ่งแห่งนิรันดรกาล : ??ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ??พระผู้ทรงสถิตอยู่นิรันดร์ พระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงโอบอ้อมอารี? ?จงประดับวิหารของอาณาจักรด้วยอลงกรณ์แห่งความยุติธรรมและความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ??และประดับศีรษะของวิหารนั้นด้วยมงกุฏแห่งการระลึกถึงพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้สร้างสวรรค์ทั้งหลาย ดังนี้พระผู้เป็นอรุโณทัยแห่งพระนามทั้งหลายขอแนะนำเจ้า ??ตามที่บัญชาโดยพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ พระศาสดาตามพันธสัญญาได้มาปรากฏในสถานะที่ได้รับการสดุดีนี้ ซึ่งเป็นที่สำราญใจของทุกชีวิตทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ??จงหาประโยชน์จากยุคของพระผู้เป็นเจ้า แท้จริงแล้วการได้พบพระองค์นั้นดีกว่าทุกสิ่งที่อยู่ภายใต้แสงตะวัน ขอเจ้าเพียงแต่รู้ ดูกร ผู้ปกครองทั้งหลาย! จงเงี่ยหูฟังเสียงที่เปล่งมาจากอรุโณทัยแห่งความโอฬาร : ??แท้จริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ??พระผู้เป็นนายแห่งวาทะ พระผู้ทรงรอบรู้? ?จงพันผ้าให้ผู้บาดเจ็บด้วยมือแห่งความยุติธรรม และบดขยี้ผู้กดขี่ที่เติบใหญ่ด้วยคทาแห่งบทบัญญัติของพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ

ดูกร ??ประชาชนแห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล! ??ดูซิ เราได้ยินเสียงอุบาทว์ของนกเค้าแมวร้องมาจากหมู่พวกเจ้า ??เจ้ามัวเมาอยู่ในกิเลสหรือจมอยู่ในความไม่เอาใจใส่? ?ดูกร ธานีที่อยู่บนชายฝั่งของสองชลธี! ??แท้จริงแล้วบัลลังก์แห่งการวางอำนาจบาตรใหญ่ได้รับการสถาปนาอยู่บนเจ้า และเปลวไฟแห่งความเกลียดชังถูกจุดขึ้นมาในอกของเจ้า ??จนหมู่เทวัญเบื้องบนและบรรดาผู้ที่รายล้อมบัลลังก์อันประเสริฐต้องคร่ำครวญและเศร้าโศก ในตัวเจ้าเราเห็นคนโง่ปกครองคนฉลาด และความมืดคุยโตต่อแสงสว่าง ??เจ้าเปี่ยมไปด้วยความทะนงที่เห็นชัดจริงๆ ความโอ่อ่าของเจ้าทำให้เจ้าทะนงเกินไปหรือเปล่า? ?พระผู้เป็นนายของมนุษยชาติเป็นพยาน! ในไม่ช้าความโอ่อ่านั้นจะมลายสิ้น ??บรรดาลูกสาว หญิงหม้าย และวงศ์ตระกูลทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเจ้าจะเศร้าโศก ดังนี้พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ แจ้งให้เจ้าทราบ

ดูกร ??ริมฝั่งแม่น้ำไรน์! ??เราเห็นเจ้านองไปด้วยเลือด ??เนื่องด้วยดาบแห่งโทษทัณฑ์เงื้อเข้าหาเจ้า ??และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับเจ้าอีกครั้ง และเราได้ยินเสียงเศร้าโศกของเบอร์ลิน ??แม้ว่าเวลานี้เธอยังอยู่ในความรุ่งโรจน์ตระการตา

ดูกร ??ดินแดนแห่งทา?(เตหะราน)?? อย่าให้สิ่งใดมาทำให้เจ้าทุกข์โศก ??เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกเจ้าให้เป็นบ่อเกิดแห่งความเบิกบานสำหรับมวลมนุษยชาติ ??หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะประสาทพรให้แก่บัลลังก์ของเจ้าด้วยผู้ที่จะปกครองด้วยความยุติธรรม ??ผู้ซึ่งจะรวบรวมฝูงแกะของพระผู้เป็นเจ้าที่สุนัขป่าไล่กระเจิงไป ผู้ปกครองดังกล่าวจะหันหน้ามาโปรดประชาชนแห่งบาฮาด้วยความเบิกบานใจ ??เขาจะได้รับการนับว่าเป็นอัญมณีในหมู่มนุษย์อย่างแท้จริงในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ความรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้าและทุกคนที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งการเปิดเผยพระธรรม ??สถิตอยู่กับเขาชั่วนิรันดร์

จงสำราญด้วยความเบิกบานใจ ??เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้เจ้าเป็น ??อรุโณทัยแห่งแสงสว่างของพระองค์? ???เนื่องด้วยพระผู้แสดงความรุ่งโรจน์ของพระองค์ทรงถือกำเนิดในดินแดนของเจ้า ??จงดีใจที่ได้ชื่อนี้ ชื่อที่ดวงตะวันแห่งกรุณาธิคุณใช้สาดแสงสว่าง ชื่อที่ให้ความสว่างแก่โลกและสวรรค์

ในไม่ช้ากิจการทั้งหลายในดินแดนของเจ้าจะเปลี่ยนไป ??และบังเหียนอำนาจจะตกอยู่ในมือของประชาชน แท้จริงแล้วพระผู้เป็นนายของเจ้าคือพระผู้ทรงรอบรู้ ??อำนาจของพระองค์ห้อมล้อมทุกสรรพสิ่ง จงวางใจในความโปรดปรานที่กรุณาของพระผู้เป็นนายของเจ้า ดวงตาแห่งความเมตตารักใคร่ของพระองค์จะคอยดูเจ้าอยู่ชั่วนิรันดร์ ??วันนั้นกำลังใกล้เข้ามา คือวันที่ความอลหม่านของเจ้าจะเปลี่ยนเป็นสันติสุขและความสงบเงียบ ดังนี้เป็นที่ประกาศิตไว้ในคัมภีร์ที่วิเศษ

ดูกร ??ดินแดนแห่งคา!?(โคราซาน)?? เราได้ยินเสียงของวีรบุรุษทั้งหลายเปล่งสดุดีพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ทรงครอบครองทุกสรรพสิ่ง พระผู้ทรงประเสริฐสุด ซึ่งเป็นเสียงที่มาจากเจ้า ??พระพรจงมีแด่วันที่ธงของพระนามทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าจะชูขึ้นในอาณาจักรของสรรพโลกในนามของเรา ??พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ ในวันนั้นผู้ที่ซื่อสัตย์จะสำราญใจในชัยชนะของพระผู้เป็นเจ้า และพวกที่ไม่เชื่อจะเศร้าโศก

ไม่ให้ใครไปโต้เถียงบรรดาผู้ที่มีอำนาจปกครองประชาชน ??อย่าไปยุ่งกับเรื่องของพวกเขา และหันมาสนใจหัวใจของมนุษย์

ดูกร ??มหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด! ??จงพรมชาติทั้งหลายด้วยน้ำที่เจ้าได้รับมอบจากพระผู้เป็นประมุขแห่งนิรันดรกาล ??และประดับตัวตนของทุกคนที่อาศัยอยู่ในโลกด้วยภูษาแห่งกฎของพระองค์ ซึ่งโดยกฎเหล่านี้หัวใจทั้งหมดจะสำราญและดวงตาทั้งหมดจะสดใส

หากใครได้มาซึ่งทองหนึ่งร้อยมิสกัล ??สิบเก้ามิสกัลนั้นเป็นของพระผู้เป็นเจ้า ??และจะต้องมอบให้พระองค์ พระผู้ทรงออกแบบโลกและสวรรค์ ??ดูกร ประชาชน จงเอาใจใส่ อย่าพรากตัวเองจากพรที่ยิ่งใหญ่นี้ ??เราบัญชาเจ้าสิ่งนี้แม้ว่าเราไม่ต้องอาศัยเจ้าและทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และบนโลก ??ในนี้มีประโยชน์และอัจฉริยภาพเหนือความเข้าใจของทุกคนนอกจากพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงรอบรู้ ??พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง จงกล่าวว่า : โดยวิธีนี้พระองค์ปราถนาจะชำระสิ่งที่เจ้าครอบครองให้บริสุทธิ์ ??และช่วยให้เจ้าใกล้เข้ามาหาสถานะที่ไม่มีใครเข้าใจนอกจากผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าประสงค์ ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงให้คุณ ??พระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงอารี ดูกร ประชาชน! อย่าทำสิ่งที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อสิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า หรือใช้จ่ายสิทธิ์นี้ตามสบายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระองค์ ??ดังนี้บทบัญญัติของพระองค์ถูกกำหนดไว้ในธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและในคัมภีร์ที่ประเสริฐนี้ ผู้ที่ทำสิ่งที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระผู้เป็นเจ้า จะพบกับความไม่ซื่อสัตย์ด้วยตัวเองอย่างยุติธรรม ??อย่างไรก็ตามผู้ที่กระทำตามบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า จะได้รับพรจากนภาแห่งความอารีของพระผู้เป็นนายของเขา พระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงประทาน พระผู้ทรงเอื้อเฟื้อ พระผู้ดำรงอยู่ก่อนยุคสมัย แท้จริงแล้วพระองค์ประสงค์สิ่งที่อยู่เหนือความรู้ของเจ้าให้แก่เจ้า ??แต่เจ้าจะรู้หลังจากชีวิตที่ชั่วแล่นนี้เมื่อวิญญาณของเจ้าเหินขึ้นสู่สวรรค์ และเครื่องยศแห่งความเบิกบานทางโลกของเจ้าถูกพับเก็บ ดังนี้พระผู้มีธรรมจารึกที่พิทักษ์ไว้ในครอบครอง ตักเตือนเจ้า

คำร้องต่างๆ จากศาสนิกชนทั้งหลายมาถึงบัลลังก์ของเราเกี่ยวกับกฎของพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายของสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น พระผู้เป็นนายแห่งภพทั้งปวง เราจึงเปิดเผยธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์นี้ ??และสวมธรรมจารึกนี้ด้วยเสื้อคลุมแห่งกฎของพระองค์ เพื่อว่าประชาชนอาจจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระผู้เป็นนายของพวกเขา ??มีคำขอคล้ายกันมาถึงเราในหลายปีที่ผ่านมา แต่ด้วยอัจฉริยภาพของเรา เราได้หยุดปากกาของเราไว้จนกระทั่งไม่นานมานี้ มีจดหมายมาจากมิตรสหายจำนวนหนึ่ง ??เราจึงตอบด้วยสิ่งที่จะกระตุ้นหัวใจของมนุษย์ทั้งหลายโดยอานุภาพของสัจธรรม

จงกล่าวว่า : ดูกร ??ผู้นำศาสนาทั้งหลาย! ??อย่าชั่งคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าด้วยมาตรฐานและศาสตร์ที่ใช้กันในหมู่พวกเจ้า ??เพราะตัวคัมภีร์เองคือคั่นชั่งที่ไม่ผิดพลาดที่ตั้งไว้สำหรับมนุษย์ อะไรก็ตามที่ประชาชนและวงศ์ตระกูลทั้งหลายของโลกครอบครอง ??ต้องนำมาชั่งกับคั่นชั่งที่สมบูรณ์ที่สุดนี้ ขณะที่การชั่งน้ำหนักของคัมภีร์ควรทำตามมาตรฐานของคัมภีร์เอง หากเจ้าเพียงแต่รู้

ดวงตาแห่งความเมตตารักใคร่ของเราร่ำไห้อย่างเจ็บปวดต่อเจ้า ??เนื่องด้วยเจ้าหาได้ยอมรับพระศาสดาที่เจ้าเรียกหาในเวลากลางวันและกลางคืน ??ยามสายัณห์และรุ่งอรุณ ดูกร ประชาชน ด้วยใบหน้าขาวผุดผ่องเหมือนหิมะและหัวใจที่ผ่องใส ??จงเข้าไปสู่บริเวณคริมซั่นที่พิสุทธิ์ ซึ่งภายในนั้นซาดราตูร โมนทาฮากำลังร้องเรียกว่า : ??แท้จริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ??พระผู้ทรงคุ้มครองที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง!

ดูกร ??พวกเจ้าผู้นำศาสนาทั้งหลาย! ??ใครเล่าในหมู่พวกเจ้าที่เทียบกับเราได้ในด้านวิสัยทัศน์และธรรมทรรศนะ? ???ใครที่ไหนหรือที่กล้าอ้างตนว่าเสมอกับเราในด้านวาทะและอัจฉริยภาพ? ?ไม่มี ??พระผู้เป็นนายของเรา พระผู้ทรงปรานีเป็นพยาน! ทุกคนบนพิภพจะมลายไป และนี่คือพระพักตร์ของพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้เป็นที่รักยิ่ง

ดูกร ??ประชาชน ??เรามีโองการไว้ว่า ??จุดหมายสุดท้ายและสูงสุดของการเรียนรู้ทั้งปวงคือการยอมรับพระผู้เป็นจุดหมายของความรู้ทั้งปวง ??และกระนั้นจงดูซิว่า เจ้าให้วิชาของเจ้ามาเป็นม่านปิดกั้นเจ้าจากพระผู้เป็นอรุโณทัยแห่งแสงสว่างนี้อย่างไร ??ซึ่งโดยพระองค์ทุกสิ่งที่ซ่อนอยู่ถูกเปิดเผยออกมา หากเจ้าเพียงแต่ค้นพบต้นกำเนิดของความอำไพของวาทะนี้ที่เรืองแสงออกไป เจ้าจะโยนทิ้งประชาชนทั้งหลายของโลกและทุกสิ่งที่พวกเขาครอบครอง ??และจะใกล้เข้ามาหาที่ประทับแห่งความรุ่งโรจน์ที่พิสุทธิ์ที่สุดนี้

จงกล่าวว่า : แท้จริงแล้วนี้คือนภาซึ่งเป็นที่ถนอมคัมภีร์แม่บท ??หากเจ้าเพียงแต่เข้าใจ พระองค์คือพระผู้ทรงบันดาลให้โขดหินตะโกน ??และพุ่มไม้ที่ลุกไหม้เปล่งเสียงบนภูเขาที่ขึ้นมาบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ??และประกาศว่า : ??อาณาจักรเป็นของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายสูงสุดของทุกคน ??พระผู้ทรงอานุภาพ พระผู้ทรงรักใคร่!

เราไม่ได้เข้าโรงเรียนใด ??จะอ่านวิทยานิพนธ์ฉบับใดของเจ้าก็หาไม่ ??จงเงี่ยหูฟังวจนะของพระผู้ที่ไม่ได้เล่าเรียนนี้ ??ที่พระองค์ใช้เรียกเจ้ามาหาพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงสถิตอยู่นิรันดร์ ??สิ่งนี้ดีสำหรับเจ้ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติทั้งปวงในโลก หากเจ้าเพียงแต่เข้าใจ

ใครที่ตีความวจนะที่ถูกส่งลงมาจากนภาแห่งการเปิดเผยพระธรรมให้เปลี่ยนไปจากความหมายที่ประจักษ์ ??แท้จริงแล้วเขาเป็นพวกที่บิดเบือนพระวจนะที่เป็นเยี่ยมของพระผู้เป็นเจ้า และเป็นพวกที่หลงทางในคัมภีร์ที่แจ่มแจ้ง

เจ้าได้รับบัญชาให้ตัดเล็บ ??อาบน้ำให้ทั่วร่างกายแต่ละสัปดาห์ ??และทำความสะอาดตัวเจ้าด้วยสิ่งใดก็ตามที่เจ้าเคยใช้อยู่ก่อน ??จงเอาใจใส่อย่าละเลยไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่บัญญัติไว้ไสำหรับเจ้าโดยพระผู้ไม่มีเปรียบปาน ??พระผู้ทรงกรุณา จงจุ่มตัวลงในน้ำสะอาด ไม่เป็นที่อนุญาตให้อาบด้วยน้ำที่ใช้แล้ว จงคอยดูอย่าเข้าไปหาสระน้ำสาธารณะที่ชาวเปอร์เซียใช้อาบน้ำ ??ใครที่เข้าไปหาสระอาบน้ำดังกล่าวจะได้กลิ่นเหม็นก่อนจะเข้าไป ดูกร ประชาชน จงหลีกหนีสระอาบน้ำนี้ และอย่าเป็นพวกที่ยอมรับสิ่งที่น่ารังเกียจนี้อย่างอดสู ??ความจริงแล้วสระอาบน้ำเหล่านี้เป็นเสมือนอ่างแห่งความเหม็นเน่าและสกปรก หากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ ทำนองเดียวกันจงหลีกเลี่ยงสระน้ำเหม็นเน่าบริเวณลานบ้านของชาวเปอร์เซีย ??และจงเป็นพวกที่สะอาดและบริสุทธิ์ เราปราถนาอย่างแท้จริงที่จะเห็นเจ้าเป็นชาวสวรรค์บนโลก เพื่อว่าหัวใจของผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานจะสำราญด้วยสุคนธรสที่โชยมาจากเจ้า ??หากผู้อาบน้ำชำระตนเองโดยการเทน้ำลงบนร่างกายแทนที่จะลงไปในน้ำ จะเป็นการดีกว่าสำหรับเขา และเขาไม่จำเป็นจะต้องแช่ตัวในน้ำ แท้จริงแล้วพระผู้เป็นนายประสงค์จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นสำหรับเจ้า ??ประหนึ่งเป็นพระพรจากที่สถิตของพระองค์ เพื่อว่าเจ้าจะเป็นพวกที่รู้คุณอย่างแท้จริง

เป็นที่ห้ามไม่ให้เจ้าสมรสกับภรรยาของบิดา ??ด้วยความละอายใจเราไม่ขอกล่าวถึงเรื่องของเด็กหนุ่ม ??ดูกร ประชาชนทั้งหลายของโลก! จงเกรงกลัวพระผู้ทรงปรานี ??อย่าทำสิ่งที่ห้ามเจ้าไว้ในธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ของเรา และอย่าเป็นพวกที่เร่ร่อนไปด้วยความว้าวุ่นใจในที่รกร้างว่างเปล่าแห่งกิเลสของตนเอง 108?ไม่อนุญาตให้ใครสวดวจนะศักดิ์สิทธิ์พึมพำต่อสายตาของสาธารณชนขณะที่เขาเดินไปตามถนนหรือตลาด ??ไม่เพียงเท่านั้น หากเขาปรารถนาจะสรรเสริญพระผู้เป็นนาย เป็นความถูกต้องที่เขาจะกระทำดังกล่าวในสถานที่ต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาสำหรับจุดประสงค์นี้ ??หรือในบ้านของตนเอง ดังนี้ดวงอาทิตย์แห่งบัญญัติของเราส่องแสงบนขอบฟ้าแห่งวาทะของเรา ดังนั้นพระพรจงมีแด่ผู้ที่ปฏิบัติตามบัญชาของเรา

ทุกคนได้รับบัญชาให้เขียนพินัยกรรม ??ผู้ที่ทำพินัยกรรมควรประดับหัวเอกสารนี้ด้วยพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุด ??เป็นพยานในพินัยกรรมนี้ต่อความเป็นหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าในอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ ??และกล่าวถึงสิ่งที่น่าสรรเสริญตามที่ตนปรารถนา เพื่อว่าคำกล่าวนั้นจะเป็นข้อยืนยันสำหรับเขาในอาณาจักรแห่งการเปิดเผยพระธรรมและสรรพโลก ??และเป็นทรัพย์สมบัติที่อยู่กับพระผู้เป็นนายของเขา พระผู้ทรงคุ้มครองสูงสุด พระผู้ทรงความซื่อสัตย์

งานฉลองทั้งหมดมาถึงจุดสมบูรณ์ในสองเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ??และในอีกสองเทศกาลที่ตรงกับวันแฝด เทศกาลแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือวันเหล่านั้นที่พระผู้ทรงปรานี ??ทรงสาดความรุ่งโรจน์โชติช่วงของพระนามอันล้ำเลิศที่สุดและคุณลักษณะที่ประเสริฐสุดของพระองค์มายังสรรพโลก ??เทศกาลที่สองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือวันที่เราชูพระผู้ทรงประกาศข่าวดีของพระนามนี้ต่อมนุษยชาติ ซึ่งโดยพระนามนี้คนตายได้ฟื้นคืนชีพ ??และทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และบนโลกถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน ดังนี้เป็นที่โองการไว้โดยพระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ทรงรอบรู้

ความสุขจงมีแด่ผู้ที่มาถึงวันแรกของเดือนบาฮา ??วันที่พระผู้เป็นเจ้าอุทิศให้แก่พระนามที่ยิ่งใหญ่นี้ ??พระพรจงมีแด่ผู้ที่เป็นหลักฐานยืนยันรางวัลที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ตนในวันนี้ ??แท้จริงแล้วเขาคือพวกที่แสดงความขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า โดยการกระทำที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเอื้อเฟื้อของพระผู้เป็นนายที่ห้อมล้อมภพทั้งปวง ??จงกล่าวว่า : แท้จริงแล้ววันนี้คือมงกุฏและต้นกำเนิดของทุกเดือน คือวันที่ลมหายใจแห่งชีวิตพัดมายังทุกสรรพสิ่ง พระพรนั้นยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่ทักทายวันนี้ด้วยความสดชื่นและเบิกบาน ??เราให้การยืนยันว่าความจริงแล้วเขาคือพวกที่เป็นสุข

จงกล่าวว่า : เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือราชันของเทศกาลทั้งหลายอย่างแท้จริง ??ดูกร ประชาชน จงระลึกถึงพระพรที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้แก่เจ้า เจ้าซมอยู่ในความหลับใหล ??และดูซิ! พระองค์ทรงปลุกเจ้าด้วยสายลมแห่งการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ และให้เจ้ารู้หนทางที่เห็นชัดและไม่มีเบี่ยงเบนของพระองค์

ในเวลาที่เจ็บป่วย ??จงหาแพทย์ผู้ชำนาญ เราไม่ได้ละการใช้วิธีทางวัตถุ ??แต่ยืนยันสิ่งนี้โดยปากกานี้ ที่พระผู้เป็นเจ้าทำให้เป็นอรุโณทัยสถานของศาสนาที่รุ่งโรจน์และสว่างไสวของพระองค์

ก่อนนี้พระผู้เป็นเจ้าเคยให้ศาสนิกชนทุกคนมีหน้าที่นำของขวัญที่ประเมินค่าไม่ได้บางอย่างที่ตนมีมามอบให้ต่อหน้าบัลลังก์ของเรา ??บัดนี้เราให้พวกเขาพ้นจากหน้าที่นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งกรุณาธิคุณของเรา ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงเอื้อเฟื้อ พระผู้ทรงโอบอ้อมอารี

พระพรจงมีแด่ผู้ที่ตั้งจิตไปยังพระผู้เป็นเจ้ายามรุ่งอรุณ ??ระลึกถึงพระองค์ วิงวอนขอการอภัยจากพระองค์ ก้าวเท้าไปยังมาชเรโกล อัซการ์ ??เข้าไปข้างในแล้วนั่งเงียบๆ เพื่อฟังวจนะของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเป็นประมุข ??พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้เป็นที่สรรเสริญ จงกล่าวว่า : มาชเรโกล อัซการ์?คือทุกอาคารที่สร้างขึ้นในเมืองและหมู่บ้านเพื่อการสรรเสริญเรา ??นี้คือชื่อที่ให้ไว้ต่อหน้าบัลลังก์แห่งความรุ่งโรจน์ หากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ

บรรดาผู้ที่สวดวจนะของพระผู้ทรงปรานีด้วยน้ำเสียงที่เสนาะที่สุด ??จะเห็นสิ่งที่อธิปไตยของโลกและสวรรค์ไม่มีวันเทียบได้ พวกเขาจะได้สูดสุคนธรสของภพทั้งหลายของเราจากวจนะเหล่านี้ ??ซึ่งเป็นภพที่ไม่มีใครเห็นในวันนี้ นอกจากผู้ที่ได้รับการประสาทด้วยวิสัยทัศน์โดยการเปิดเผยพระธรรมที่เป็นเยี่ยมและงดงามนี้ ??จงกล่าวว่า : วจนะเหล่านี้ดึงดูดหัวใจที่บริสุทธิ์เข้าหาภพแห่งวิญญาณทั้งหลายที่อธิบายไม่ได้ด้วยถ้อยคำ และบอกให้รู้ไม่ได้ด้วยคำพาดพิง ??พระพรจงมีแด่บรรดาผู้ที่เงี่ยหูฟัง

ดูกร ??ประชาชนของเรา ??จงช่วยเหลือบรรดาคนรับใช้ที่เราเลือกสรรที่ลุกขึ้นกล่าวถึงเราท่ามกลางผู้คนที่เราสร้าง ??และเชิดชูพระวจนะของเราทั่วทั้งอาณาจักรของเรา พวกเขาคือดวงดาวบนนภาแห่งการบริบาลด้วยความรักของเรา ??และคือตะเกียงที่ส่องแสงนำทางของเราให้แก่มวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง แต่ผู้ซึ่งถ้อยคำของเขาขัดกับวจนะที่ถูกส่งลงมาในธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของเรา ??ไม่ใช่คนของเรา จงระวังอย่าเอาอย่างคนเสแสร้งที่เมินศาสนา ธรรมจารึกเหล่านี้ได้รับการประดับด้วยตราประทับของพระผู้ทรงบันดาลให้รุ่งอรุณปรากฏขึ้นมา พระผู้ทรงเปล่งเสียงระหว่างสวรรค์และโลก ??จงกำด้ามจับที่แน่นอนนี้ไว้ และยึดเหนี่ยวสายใยของศาสนาที่ทรงอำนาจและทำลายไม่ได้

พระผู้เป็นนายอนุญาตทุกคนที่ปรารถนา ??ให้เล่าเรียนภาษาที่หลากหลายในโลก เพื่อว่าเขาจะได้ส่งมอบพระธรรมของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าทั่วทั้งโลกตะวันออกและโลกตะวันตก ??จะกล่าวถึงพระองค์ท่ามกลางวงศ์ตระกูลและประชาชนทั้งหลายของโลก จนหัวใจทั้งหลายฟื้นชีวิต และกระดูกที่ผุกร่อนทั้งหลายฟื้นตัว

ไม่เป็นที่อนุญาตให้มนุษย์ที่ได้รับการประสาทด้วยการใช้เหตุผล ??บริโภคสิ่งที่จะมาขโมยการใช้เหตุผลนี้ไป หากแต่เป็นความถูกต้องที่มนุษย์จะประพฤติตนในลักษณะที่คู่ควรกับสถานะความเป็นมนุษย์ ??ไม่ใช่ประพฤติตามการกระทำผิดของผู้ที่ไม่เอาใจใส่และลังเลใจ

จงประดับศีรษะของเจ้าด้วยมาลัยแห่งความไว้วางใจได้และความซื่อสัตย์ ??ประดับหัวใจของเจ้าด้วยภูษาแห่งความกลัวพระผู้เป็นเจ้า ประดับลิ้นของเจ้าด้วยวาจาสัตย์ที่แน่แท้ ??ประดับกายของเจ้าด้วยเสื้อผ้าแห่งมารยาท ความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้คือเครื่องประดับที่เหมาะสมกับตัวตนของมนุษย์ ??หากเจ้าเป็นพวกที่ใคร่ครวญ ดูกร เจ้าผู้เป็นประชาชนแห่งบาฮา จงยึดเหนี่ยวสายใยแห่งการเป็นทาสรับใช้พระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นหนึ่งโดยแท้จริง เพื่อว่าสถานะของเจ้าจะถูกแสดงให้เห็นชัด นามของเจ้าจะได้รับการลิขิตและอารักษ์ ตำแหน่งของเจ้าจะสูงขึ้น ??เรื่องราวของเจ้าจะได้รับการยกย่องในธรรมจารึกที่อารักษ์ไว้ จงระวังอย่าให้บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกมาขัดขวางเจ้าไม่ให้มาถึงสถานะที่รุ่งโรจน์และประเสริฐนี้ ??ดังนี้เราเคยเคี่ยวเข็ญเจ้าไว้ในสารเกือบทุกฉบับของเรา และบัดนี้ในธรรมจารึกที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ของเรา ซึ่งลำแสงของดวงตะวันแห่งกฎของพระผู้เป็นนาย พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า ??พระผู้ทรงอานุภาพ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ส่องอยู่เหนือธรรมจารึกนี้

เมื่อมหาสมุทรแห่งการมีเราอยู่งวดลงไป ??และคัมภีร์แห่งการเปิดเผยพระธรรมของเราสิ้นสุดลง ??จงหันหน้าไปหาพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งพระประสงค์ไว้ ??พระผู้ที่แตกกิ่งมาจากรากบรมโบราณนี้

จงพิจารณาดูความคับแคบของจิตใจมนุษย์ ??พวกเขาขอสิ่งที่เป็นภัยและโยนทิ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ??พวกเขาคือพวกที่หลงทางไปไกลอย่างแท้จริง เราพบว่าบางคนปรารถนาอิสรภาพและภูมิใจในอิสรภาพนั้น ??มนุษย์ดังกล่าวจมอยู่ในความโง่เขลา

ในที่สุดอิสรภาพจะนำไปสู่การปลุกระดม ??ซึ่งเป็นเปลวไฟที่ไม่มีใครดับได้ ดังนี้พระผู้ทรงคิดบัญชี ??พระผู้ทรงรอบรู้ ทรงเตือนเจ้า จงรู้ไว้ว่ารูปธรรมและสัญลักษณ์ของอิสรภาพคือสัตว์ ??สิ่งที่คู่ควรกับมนุษย์คือการรู้จักหักห้ามใจ เพื่อคุ้มครองตนให้พ้นจากความโง่เขลาของตนเอง ??และปกป้องตนให้พ้นจากภัยของผู้ยุยง อิสรภาพทำให้มนุษย์ก้าวล่วงขอบเขตของความเหมาะสม และรุกล้ำสถานะที่มีเกียรติของตน ??ดึงมนุษย์ลงไปสู่ระดับต่ำสุดของความเลวทรามและชั่วร้าย

จงพิจารณามนุษย์เป็นเสมือนฝูงแกะที่จำเป็นจะต้องมีผู้เลี้ยงแกะคอยคุ้มครอง ??แท้จริงแล้วนี้คือสัจธรรม สัจธรรมที่แน่นอน เรารับรองอิสรภาพในบางสภาพแวดล้อม ??และไม่อนุญาตให้มีอิสรภาพในบางสภาพแวดล้อม แท้จริงแล้วเราคือพระผู้ทรงรอบรู้

จงกล่าวว่า : อิสรภาพที่แท้จริงของมนุษย์อยู่ที่การยอมจำนนต่อบทบัญญัติของเรา ??แม้ว่าเจ้าจะรู้เพียงเล็กน้อย หากมนุษย์ปฏิบัติตามสิ่งที่เราส่งมาจากนภาแห่งการเปิดเผยพระธรรม ??แน่นอนว่าพวกเขาจะบรรลุถึงอิสรภาพที่สมบูรณ์ ความสุขจงมีแด่ผู้ที่เข้าใจจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในการเปิดเผยสิ่งใดก็ตามจากนภาแห่งพระประสงค์ของพระองค์ที่แทรกซอนทุกสรรพสิ่ง ??จงกล่าวว่า : อิสรภาพที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าจะไม่พบได้ที่ไหน นอกจากในการเป็นทาสรับใช้พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นสัจธรรมนิรันดร์ ใครที่ได้ลิ้มความหวานของอิสรภาพดังกล่าว จะไม่ยอมแลกอิสรภาพนี้กับอาณาจักรทั้งปวงในโลกและสวรรค์

ในคัมภีร์บายันมีข้อห้ามไม่ให้เจ้าตั้งคำถามกับเรา ??บัดนี้พระผู้เป็นนายทรงยกเลิกข้อห้ามนี้ เพื่อว่าเจ้าจะมีอิสระที่จะถามสิ่งที่จำเป็นต้องถาม ??แต่ไม่ใช่คำถามเหลวไหลอย่างที่คนในสมัยก่อนชอบครุ่นคิดกัน จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และเป็นพวกที่ชอบธรรม! ??จงถามสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าในศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าและอาณาจักรของพระองค์ เพราะอานนแห่งความเห็นอกเห็นใจของพระองค์ถูกเปิดออกต่อหน้าทุกคนที่อาศัยอยู่ในสวรรค์และบนโลกแล้ว

จำนวนเดือนในหนึ่งปีที่กำหนดไว้ในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าคือสิบเก้า ??เดือนแรกของสิบเก้าเดือนประดับด้วยพระนามนี้ที่ปกคลุมทั่วทั้งสรรพโลก

พระผู้เป็นนายทรงมีโองการว่า ??คนตายควรถูกฝังในโลงศพที่ทำด้วยผลึก ??หินที่แข็งและทนทาน หรือไม้เนื้อดีที่คงทน ??และควรสวมแหวนแกะสลักบนนิ้วของผู้ตาย แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงบัญญัติสูงสุด ??พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง

ข้อความแกะสลักบนแหวนเหล่านี้สำหรับผู้ชายควรเขียนว่า : ??ทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และบนโลกและสิ่งใดก็ตามที่อยู่ระหว่างทั้งสอง ??เป็นของพระผู้เป็นเจ้า และความจริงแล้วพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่ง? ?และสำหรับผู้หญิงควรเขียนว่า : ??อาณาจักรสวรรค์และโลกและสิ่งใดก็ตามที่อยู่ระหว่างทั้งสอง ??เป็นของพระผู้เป็นเจ้า และความจริงแล้วพระองค์ทรงอำนาจเหนือทุกสิ่ง? ?นี้คือวจนะที่เปิดเผยไว้เมื่อกาลก่อน แต่ดูซิ จุดปฐมของคัมภีร์บายันทรงร้องอุทานว่า ??ข้าแต่พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งภพทั้งหลาย! ??ขอพระองค์ทรงเปิดเผยวจนะที่จะมาใช้แทนวจนะเหล่านี้ ซึ่งจะโชยสุคนธรสแห่งกรุณาธิคุณของพระองค์มายังมวลมนุษยชาติ เราได้ประกาศต่อทุกคนว่า วจนะเดียวจากพระองค์ล้ำเลิศกว่าทุกวจนะที่ถูกส่งลงมาในคัมภีร์บายัน ??แท้จริงแล้วพระองค์ทรงอานุภาพในการทำสิ่งที่พระองค์ปราถนา ขอทรงอย่าพรากคนรับใช้ทั้งหลายของพระองค์จากพระพรของมหาสมุทรแห่งความปรานีของพระองค์ที่หลั่งไหลอย่างท่วมท้น! ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ซึ่งกรุณาธิคุณของพระองค์ไม่รู้สิ้น? ???จงดูซิว่า เราสดับฟังเสียงร้องเรียกของพระองค์แล้ว และบัดนี้ได้ทำตามที่พระองค์ปรารถนาแล้ว แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้เป็นที่รักยิ่ง พระผู้ทรงตอบคำอธิษฐานทั้งหลาย หากวจนะต่อไปนี้ที่พระผู้เป็นเจ้าส่งลงมาให้ขณะนี้ : ??ข้าพเจ้ามาจากพระผู้เป็นเจ้าและกลับไปหาพระองค์ ??ปล่อยวางจากทุกสิ่งนอกจากพระองค์ ยึดมั่นพระนามของพระองค์ พระผู้ทรงปรานี พระผู้ทรงเห็นใจ? ?ถูกแกะสลักไว้บนแหวนฝังศพทั้งชายและหญิง จะเป็นการดีกว่าสำหรับพวกเขา แน่นอนว่าเราคือพระผู้ทรงบัญญัติสูงสุด ดังนี้พระผู้เป็นนายทรงเลือกใครก็ตามที่พระองค์ปรารถนาให้ได้รับพรจากที่สถิตของพระองค์ ??ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าแห่งอำนาจและอานุภาพ

ยิ่งไปกว่านั้นพระผู้เป็นนายทรงมีโองการว่า ??คนตายควรถูกห่อด้วยผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายห้าผืน สำหรับผู้ที่มีทรัพย์จำกัดให้ใช้ผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายผืนเดียวก็พอ ??ดังนี้เป็นที่บัญญัติไว้โดยพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง เป็นข้อห้ามไม่ให้เจ้าเคลื่อนย้ายศพไปไกลกว่าระยะทางที่เดินทางได้ในหนึ่งชั่วโมงจากเมือง ??แต่ควรฝังศพในสถานที่ใกล้เคียงด้วยความสงบและสดชื่น

พระผู้เป็นเจ้าทรงยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางที่กำหนดไว้ในคัมภีร์บายัน ??แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ไม่ถูกจำกัด พระองค์กระทำตามที่พระองค์ปรารถนาและบัญญัติสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ประสงค์

ดูกร ??ประชาชนทั้งหลายของโลก! ??จงเงี่ยหูฟังเสียงร้องเรียกของพระผู้เป็นนายของพระนามทั้งหลาย ??พระผู้ทรงประกาศต่อเจ้าจากที่อาศัยของพระองค์ในคุกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด : ??แท้จริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ??พระผู้ทรงอานุภาพ พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงกำราบทุกสรรพสิ่ง พระผู้ทรงประเสริฐสุด พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ? ???ความจริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้านอกจากพระองค์ พระผู้ปกครองภพทั้งหลายผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะกุมมวลมนุษยชาติโดยการใช้เพียงวจนะเดียวจากที่สถิตของพระองค์ ??จงระวังอย่าลังเลใจในการยอมรับศาสนานี้ ศาสนาที่หมู่เทวัญเบื้องบนและบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในนครแห่งพระนามทั้งหลายน้อมคำนับ จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และอย่าเป็นพวกที่ถูกม่านปิดกั้น จงเผาม่านนั้นด้วยไฟแห่งความรักของเรา ??และปัดเป่าหมอกแห่งจินตนาการที่ไร้สาระด้วยอานุภาพของพระนามนี้ที่เราใช้กำราบสรรพโลก

จงสร้างและเทิดทูนบ้านสองหลังที่อยู่ ณ ตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์แฝด ??และสถานที่อื่นๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ของพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ทรงปรานี ดังนี้พระผู้เป็นนายของหัวใจทุกดวงที่เข้าใจ บัญชาเจ้า

จงเฝ้าระวังอย่าให้ความห่วงใยและใจที่หมกมุ่นอยู่กับโลกนี้ ??มายับยั้งเจ้าไม่ให้ปฏิบัติตามสิ่งที่พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงความซื่อสัตย์ ??บัญชาเจ้า จงเป็นรูปธรรมของความแน่วแน่ในหมู่มนุษยชาติ เพื่อว่าความสงสัยของพวกที่ไม่เชื่อพระองค์เมื่อทรงสำแดงองค์พร้อมกับอธิปไตยที่ทรงอำนาจ ??จะไม่ทำให้เจ้าห่างจากพระผู้เป็นเจ้า จงเอาใจใส่อย่าให้สิ่งใดที่บันทึกไว้ในคัมภีร์มายับยั้งเจ้าไม่ให้เงี่ยหูฟังคัมภีร์ที่มีชีวิตเล่มนี้ พระผู้ทรงประกาศสัจธรรมว่า : ??แท้จริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ??พระผู้ทรงล้ำเลิศที่สุด พระผู้เป็นที่สรรเสริญ? ?จงมองดูพระผู้เสด็จลงมาจากนภาแห่งพระประสงค์และอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าด้วยดวงตาแห่งความเป็นธรรม และอย่าเป็นพวกที่กระทำอย่างไม่ยุติธรรม

ดังนั้นจงระลึกถึงวจนะเหล่านี้ที่หลั่งมาจากปากกาของพระผู้เสด็จนำมาก่อนเรา ??เป็นการสรรเสริญการเปิดเผยพระธรรมนี้ และพิจารณาสิ่งที่น้ำมือของบรรดาผู้กดขี่ได้กระทำตลอดสมัยของเรา ??พวกเขาถูกนับเป็นพวกที่สูญเสียอย่างแท้จริง พระองค์ทรงกล่าวว่า : ??หากเจ้าได้เข้าเฝ้าพระผู้ซึ่งเราจะแสดงให้เห็นชัด ??จงวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าในความอารีของพระองค์ ขอทรงให้พระองค์กรุณาประทับบนที่นอนของเจ้า เพราะนั่นจะเป็นเกียรติที่เหนือกว่าและหาที่เปรียบไม่ได้สำหรับเจ้า ??หากพระองค์ดื่มน้ำถ้วยหนึ่งในบ้านของเจ้า สิ่งนี้จะมีผลต่อเจ้ายิ่งกว่าการที่เจ้ายื่นน้ำแห่งชีวิตให้แก่ทุกวิญญาณ หรือแม้แต่ทุกสรรพสิ่ง ดูกร พวกเจ้าคนรับใช้ทั้งหลายของเรา! ??จงรู้ไว้

ดังกล่าวนี้คือวจนะที่พระผู้เบิกทางของเรายกย่องสภาวะของเรา ??หากเจ้าเพียงแต่เข้าใจ ใครที่ใคร่ครวญวจนะเหล่านี้และรู้ว่าไข่มุกซ่อนเร้นเช่นไรถูกถนอมไว้ในนั้น ??ความชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน เขาจะได้กลิ่นสุคนธรสของพระผู้ทรงปรานีโชยมาจากคุกนี้ และด้วยหัวใจทั้งหมด ??เขาจะรีบไปหาพระองค์ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า จนกองทัพของโลกและสวรรค์ไม่สามารถหยุดยั้งเขา จงกล่าวว่า : นี้คือการเปิดเผยพระธรรมที่ทุกข้อพิสูจน์และข้อยืนยันมารายล้อม ??ดังนี้พระธรรมดังกล่าวถูกส่งลงมาโดยพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้เป็นเจ้าแห่งความปรานี หากเจ้าเป็นพวกที่วินิจฉัยอย่างถูกต้อง นี้คือวิญญาณของคัมภีร์ทั้งปวงที่ถูกสูดเข้าไปในปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด ??ซึ่งทำให้ทุกชีวิตงงจนพูดไม่ออก ยกเว้นบรรดาผู้ที่เบิกบานด้วยสายลมแห่งความเมตตารักใคร่และสุคนธรสแห่งพระพรของเรา ที่แทรกซอนสรรพโลก

ดูกร ??ประชาชนแห่งคัมภีร์บายัน! ??จงเกรงกลัวพระผู้ทรงปรานีที่สุด ??และพิจารณาสิ่งที่พระองค์เปิดเผยไว้ในอีกวรรคหนึ่ง ??พระองค์ทรงกล่าวว่า : ??แท้จริงแล้วเกบเบรคือพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ ??เห็นชัด เมื่อใดก็ตามที่พระองค์เคลื่อนไหว เกบเบรก็เคลื่อนไหว จนกว่าพระองค์จะหยุดพัก? ???ดังนี้เป็นที่ลิขิตไว้โดยพระผู้ทรงบัญญัติสูงสุดเมื่อพระองค์ปรารถนาจะกล่าวถึงความงามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ ??ดูกร ประชาชน จงใคร่ครวญสิ่งนี้ และอย่าเป็นพวกที่เร่ร่อนไปด้วยความว้าวุ่นใจในที่รกร้างว่างเปล่าแห่งความผิดพลาดของตน ??ดูกร ชุมนุมของผู้ไม่เอาใจใส่ หากเจ้าปฏิเสธพระองค์ตามความเพ้อฝันอันเหลวไหลของเจ้า เช่นนั้นแล้วเกบเบรที่เจ้าจะหันไปหาอยู่ไหนเล่า? ???จงไตร่ตรองวจนะนี้ และวินิจฉัยอย่างเป็นธรรม ณ เบื้องหน้าของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อว่าเจ้าอาจจะงมพบไข่มุกแห่งความลึกลับจากมหาสมุทรที่สาดซัดในนามของเรา ??พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ พระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด

ในยุคนี้ขออย่าให้ใครยึดมั่นสิ่งใดนอกจากสิ่งที่แสดงไว้ในการเปิดเผยพระธรรมครั้งนี้ ??ดังกล่าวนี้คือโองการของพระผู้เป็นเจ้าเมื่อกาลก่อนและนับจากนี้ไป เป็นโองการที่ประดับคัมภีร์ของศาสนทูตทั้งหลายในอดีต ??ดังกล่าวนี้คือการตักเตือนของพระผู้เป็นนายเมื่อกาลก่อนและนับจากนี้ไป เป็นการตักเตือนที่ประดับอารัมภบทของคัมภีร์แห่งชีวิต ??หากเจ้าเพียงแต่สังเกตเห็น ดังกล่าวนี้คือบทบัญญัติของพระผู้เป็นนายเมื่อกาลก่อนและนับจากนี้ไป จงระวังอย่าเลือกเอาส่วนที่อดสูและต่ำทรามมาแทน ??ไม่มีสิ่งใดในยุคนี้ที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้านอกจากพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีที่พักพิงใดให้หนีไปหานอกจากพระองค์ พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ใครที่รู้จักเราเท่ากับรู้เป้าหมายของความปราถนาทั้งปวง ??และใครที่หันมาหาเราเท่ากับหันมาหาจุดหมายของการบูชาทั้งปวง ดังนี้เป็นที่อธิบายไว้ในคัมภีร์ และดังนี้เป็นที่โองการไว้โดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งภพทั้งปวง การอ่านเพียงวจนะท่อนเดียวจากการเปิดเผยพระธรรมของเรา ??ดีกว่าการอ่านคัมภีร์ทั้งหลายของคนรุ่นก่อนและคนรุ่นหลังอย่างถี่ถ้วน นี้คือวาทะของพระผู้ทรงปรานี ขอให้เจ้ามีหูที่จะได้ยินเถิด! นี้คือสาระของความรู้ หากเจ้าเพียงแต่เข้าใจ

และบัดนี้จงพิจารณาดูสิ่งที่เปิดเผยไว้ในอีกวรรคหนึ่ง ??เพื่อว่าเจ้าจะละทิ้งแนวความคิดของตนเอง และหันหน้ามาหาพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งชีวิต พระองค์?(พระบ๊อบ)?ทรงกล่าวว่า : ??เป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายที่จะสมรส ??นอกจากสมรสกับผู้ที่เชื่อในคัมภีร์บายัน หากชายหรือหญิงฝ่ายเดียวของคู่สมรสยอมรับศาสนานี้ ??ทรัพย์สมบัติของเขาหรือเธอจะเป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายสำหรับอีกฝ่าย จนกว่าจะถึงเวลาที่อีกฝ่ายเปลี่ยนศาสนา ??อย่างไรก็ตามกฎนี้จะนำมาใช้หลังจากมีการยกฐานะของศาสนาของพระผู้ซึ่งเราจะแสดงให้เห็นชัดด้วยสัจธรรม หรือมีการยกฐานะของสิ่งที่ถูกแสดงให้เห็นชัดแล้วด้วยความยุติธรรม ??ก่อนจะถึงเวลาดังกล่าว เจ้ามีอิสระจะสมรสตามที่เจ้าปรารถนา เพื่อว่าโดยวิธีนี้เจ้าจะได้เชิดชูศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? ?ดังนี้นกไนติงเกลขับขานด้วยทำนองเสนาะบนกิ่งไม้สวรรค์เพื่อสรรเสริญพระผู้เป็นนายของตน ??พระผู้ทรงปรานี ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่เงี่ยหูฟัง

ดูกร ??ประชาชนแห่งคัมภีร์บายัน ??เราขอสั่งเจ้าโดยพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งความปรานี ให้มองดูวาทะนี้ที่ถูกส่งลงมาโดยอานุภาพของสัจธรรมด้วยดวงตาแห่งความเป็นธรรม ??และอย่าเป็นพวกที่เห็นข้อยืนยันแล้วยังปฏิเสธและไม่ยอมรับ ความจริงแล้วพวกเขาคือพวกที่จะมอดม้วยอย่างแน่นอน ??จุดปฐมของคัมภีร์บายันทรงกล่าวไว้อย่างชัดแจ้งในวจนะท่อนนี้ เกี่ยวกับการยกฐานะของศาสนาของเราก่อนศาสนาของพระองค์เอง ??ทุกคนที่เข้าใจและยุติธรรมจะให้การยืนยันสิ่งนี้ ดังที่เจ้าเห็นแล้วในสมัยนี้ ฐานะของศาสนาของเราสูงขึ้นอย่างที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ??นอกจากพวกที่สายตามัวเมาในชีวิตที่จะต้องมลายนี้ และการลงโทษที่น่าอดสูรอเขาอยู่ในชีวิตหน้า

จงกล่าวว่า : ความชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน! ??แท้จริงแล้วเราคือพระผู้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์?(พระบ๊อบ)?และขณะนี้พระองค์สดับฟังวจนะเหล่านี้ที่ลงมาจากนภาแห่งการเปิดเผยพระธรรม ??และทรงคร่ำครวญต่อการประทุษร้ายที่พวกเจ้ากระทำในสมัยนี้ จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าและอย่าเป็นพวกเดียวกันกับผู้ก้าวร้าว ??จงกล่าวว่า : ดูกร ประชาชน หากเจ้าเลือกที่จะไม่เชื่อพระองค์?(พระบาฮาอุลลาห์) ??อย่างน้อยก็อย่าลุกขึ้นต่อต้านพระองค์ ??พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน! กองทัพแห่งการกดขี่ที่ร่วมกันต่อต้านพระองค์มีมากพอแล้ว!

แท้จริงแล้วพระองค์?(พระบ๊อบ)?ทรงเปิดเผยกฎจำนวนหนึ่ง ??เพื่อว่าในยุคศาสนานี้ปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุดจะไม่จำเป็นต้องขยับ ??นอกจากขยับเพื่อสรรเสริญสถานะที่เหนือธรรมดาและความงามที่โชติช่วงที่สุดของพระองค์เอง ??อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยเราปรารถนาจะแสดงหลักฐานของความอารีของเราที่มีต่อเจ้า เราจึงอธิบายกฎเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจนโดยอานุภาพของสัจธรรม ??และผ่อนผันสิ่งที่เราปรารถนาให้เจ้าปฏิบัติ แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงเผื่อแผ่ พระผู้ทรงเอื้อเฟื้อ

ก่อนนี้พระองค์?(พระบ๊อบ)?ได้บอกให้เจ้ารู้สิ่งที่จะเอ่ยโดยอรุโณทัยแห่งอัจฉริยภาพสวรรค์นี้ ??พระองค์ทรงกล่าวไว้ และทรงกล่าวสัจธรรม : ??พระองค์?(พระบาฮาอุลลาห์)?คือพระผู้ที่จะประกาศในทุกสภาพการณ์ว่า : ??แท้จริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ??พระผู้เป็นหนึ่ง พระผู้ไม่มีเปรียบปาน พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง??? ?นี้คือสถานะที่พระผู้เป็นเจ้ามอบให้กับการเปิดเผยพระธรรมที่เป็นเยี่ยม ??พิเศษและน่าพิศวงนี้เท่านั้น นี้คือสัญลักษณ์แห่งกรุณาธิคุณที่อารีและโองการที่ต้านทานไม่ได้ของพระองค์ หากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ นี้คือพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุด ??พระวจนะที่ประเสริฐสุด และอรุโณทัยของอภิไธยที่ล้ำเลิศที่สุดของพระองค์ หากเจ้าสามารถเข้าใจ ไม่เพียงเท่านั้น บ่อเกิดและอรุโณทัยสถานแห่งการนำทางสวรรค์ทั้งปวงถูกแสดงให้เห็นชัดโดยพระองค์ ??ดูกร ประชาชน จงใคร่ครวญดูสิ่งที่ถูกส่งลงมาด้วยสัจธรรม จงไตร่ตรองดูและอย่าเป็นพวกที่ละเมิด

จงคบหากับทุกศาสนาด้วยมิตรภาพและความกลมเกลียว ??เพื่อว่าพวกเขาจะได้สูดสุคนธรสของพระผู้เป็นเจ้าจากเจ้า ??จงระวังในหมู่มนุษย์ อย่าให้เปลวไฟแห่งความโง่เขลาเบาปัญญาครอบงำเจ้า ??ทุกสิ่งมาจากพระผู้เป็นเจ้าและทุกสิ่งจะกลับไปหาพระองค์ พระองค์คือบ่อเกิดของทุกสิ่งและทุกสิ่งสิ้นสุดลงที่พระองค์

จงเอาใจใส่อย่าเข้าไปในบ้านที่เจ้าของไม่อยู่เว้นแต่เขาจะอนุญาต ??จงประพฤติตนให้เหมาะสมในทุกสภาพการณ์ และอย่าให้ถูกนับว่าเป็นพวกหัวดื้อ

เจ้าได้รับบัญชาให้ชำระวิธีทำมาหากินและการเลี้ยงชีพอื่นๆ ของเจ้าโดยการจ่ายซาคัท ??ดังนี้เป็นที่บัญญัติไว้ในธรมมจารึกที่ประเสริฐนี้โดยพระผู้เปิดเผยวจนะ หากเป็นพระประสงค์และจุดประสงค์ของพระองค์ ??เราจะอธิบายวิธีประเมินการจ่ายนี้ในไม่ช้า แท้จริงแล้วพระองค์ทรงอรรถาธิบายสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ปรารถนาโดยความรู้ของพระองค์เอง ??และความจริงแล้วพระองค์ทรงรอบรู้และทรงอัจฉริยภาพ

เป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายที่จะขอทาน ??และเป็นที่ห้ามไม่ให้อะไรกับคนขอทาน ??ทุกคนได้รับบัญชาให้หาเลี้ยงชีพ และสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำได้ ??เป็นหน้าที่ของบรรดาตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าและผู้มั่งคั่งทั้งหลาย ??ที่จะจัดหาสิ่งยังชีพที่เพียงพอสำหรับเขา จงปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ??ไม่เพียงเท่านั้น จงพิทักษ์บทบัญญัติเหล่านี้เหมือนกับที่เจ้าพิทักษ์ดวงตาของเจ้าเอง ??และอย่าเป็นพวกที่สูญเสียอย่างหนัก

เจ้าถูกห้ามในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าไม่ให้ทะเลาะวิวาทกัน ??ไม่ให้ตีผู้อื่น หรือกระทำสิ่งที่คล้ายกันที่จะทำให้หัวใจและวิญญาณทั้งหลายเศร้าใจ ??ก่อนนี้พระผู้เป็นนายของมวลมนุษยชาติเคยกำหนดค่าปรับเป็นทองสิบเก้ามิสกัลสำหรับผู้ที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นเศร้าใจ ??อย่างไรก็ตามในยุคศาสนานี้พระองค์ทรงยกเลิกสิ่งนี้ และเคี่ยวเข็ญเจ้าให้มีความชอบธรรมและเคร่งศาสนา ดังกล่าวนี้คือบทบัญญัติที่พระองค์ทรงบัญชาเจ้าไว้ในธรรมจารึกที่เรืองรองนี้ ??อย่าปรารถนาให้ผู้ใดในสิ่งที่เจ้าไม่ปรารถนาให้ตัวเอง จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และอย่าเป็นพวกที่ทะนง พวกเจ้าล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำและจะกลับไปสู่ดิน จงใคร่ครวญดูจุดจบที่รอเจ้าอยู่ ??และอย่าเดินในหนทางของผู้ที่กดขี่ จงเงี่ยหูฟังวจนะของพระผู้เป็นเจ้าที่พระผู้ทรงเป็นพฤกษาศักดิ์สิทธิ์สวดให้เจ้า นอนใจได้ว่าวจนะเหล่านี้คือคั่นชั่งที่ไม่มีผิดพลาดที่ตั้งไว้ให้โดยพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งโลกนี้และโลกหน้า วจนะเหล่านี้ดลให้วิญญาณของมนุษย์บินขึ้นไปหาอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรม และทำให้หัวใจของศาสนิกชนที่แท้จริงทุกคนอาบด้วยแสงสว่าง ดังกล่าวนี้คือกฎที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาให้แก่เจ้า ??ดังกล่าวนี้คือบทบัญญัติที่พระองค์บัญญัติให้แก่เจ้าไว้ในธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ จงเชื่อฟังบทบัญญัติเหล่านี้ด้วยความเบิกบานและดีใจ เพราะสิ่งนี้ดีที่สุดสำหรับเจ้า หากเจ้าเพียงแต่รู้

จงสวดวจนะของพระผู้เป็นเจ้าทุกเช้าค่ำ ??ใครที่ไม่สวดเท่ากับไม่ซื่อสัตย์ต่อพระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้าและพินัยกรรมของพระองค์ ??และในยุคนี้ใครที่หันหนีไปจากวจนะศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ คือพวกที่หันหนีไปจากพระผู้เป็นเจ้ามาตลอดนิรันดรกาล ??ดูกร คนรับใช้ของเราทุกคน จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า อย่าภูมิใจในการอ่านวจนะมากมายหรือศรัทธากิริยามากหลายในเวลากลางวันและกลางคืน ??เพราะหากใครอ่านวจนะท่อนเดียวด้วยความเบิกบานและสดชื่น ย่อมดีกว่าการอ่านคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย ??พระผู้ดำรงอยู่ด้วยตนเอง ด้วยความเหนื่อยล้า จงอ่านวจนะศักดิ์สิทธิ์เท่าที่ไม่ทำให้เจ้าอ่อนเปลี้ยหรือท้อแท้ อย่าให้วิญญาณของเจ้ารับสิ่งที่จะทำให้เกิดความเหนื่อยหน่ายและหนักใจ ??แต่ให้รับสิ่งที่เบาใจและชื่นใจ เพื่อว่าวิญญาณของเจ้าจะได้เหินด้วยปีกแห่งวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ขึ้นไปสู่อรุโณทัยสถานแห่งสัญลักษณ์ที่ประจักษ์แจ้งของพระองค์ สิ่งนี้จะพาเจ้าเข้ามาใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น ??หากเจ้าเพียงแต่เข้าใจ

จงสอนวจนะที่เปิดเผยจากนภาแห่งราชศักดาและอานุภาพให้แก่ลูกของเจ้า ??เพื่อว่าพวกเขาจะสวดธรรมจารึกของพระผู้ทรงปรานีด้วยทำนองเสนาะที่สุดในเวิ้งภายในมาชเรโกล อัซการ์ ??ใครก็ตามที่เกิดปีติในใจจากการบูชาพระนามของเรา พระผู้ทรงเห็นใจที่สุด จะสวดวจนะของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างจับใจบรรดาผู้ที่ยังคงหลับใหล ??ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ได้ดื่มอมฤตลี้ลับแห่งชีวิตนิรันดร์ จากวาทะของพระผู้เป็นนายที่ทรงปรานีของเขาในนามของเรา ซึ่งโดยพระนามนี้ภูเขาที่สูงตระหง่านและน่ากรงขามทุกลูกถูกทลายเป็นผุยผง

เจ้าได้รับบัญชาให้เปลี่ยนเครื่องตกแต่งบ้านทุกสิบเก้าปี ??ดังนี้เป็นที่บัญญัติไว้โดยพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงเห็นทุกอย่าง ??แท้จริงแล้วพระองค์ทรงปรารถนาความเกลี้ยงเกลาสำหรับตัวเจ้าเองและทุกสิ่งที่เจ้าครอบครอง ??อย่าละจากความกลัวพระผู้เป็นเจ้าและอย่าเป็นพวกที่ไม่เอาใจใส่ ใครที่พบว่าตนมีกำลังทรัพย์ไม่พอสำหรับจุดประสงค์นี้ ??ได้รับการอภัยจากพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงอภัยเสมอ พระผู้ทรงอารีที่สุด

จงล้างเท้าของเจ้าหนึ่งครั้งทุกวันในฤดูร้อนและหนึ่งครั้งทุกสามวันในฤดูหนาว

หากใครโกรธเจ้า ??จงตอบเขาด้วยความสุภาพ ??หากใครเกรี้ยวกราดเจ้า จงอดกลั้นอย่าเกรี้ยวกราดตอบ ??แต่ให้ปล่อยเขาไว้และวางใจในพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงพยาบาทที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ??พระผู้เป็นนายแห่งอำนาจและความยุติธรรม

เจ้าถูกห้ามไม่ให้ใช้มุข ??ใครที่ปราถนาจะสวดวจนะของพระผู้เป็นนายต่อเจ้า ??ขอให้เขานั่งบนเก้าอี้บนเวที เพื่อว่าเขาจะได้กล่าวถึงพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายของเขา พระผู้เป็นนายของมวลมนุษยชาติ เป็นที่ยินดีสำหรับพระผู้เป็นเจ้าหากเจ้านั่งบนเก้าอี้หรือเก้าอี้ยาว ??ประหนึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งเกียรติสำหรับความรักที่เจ้ามีต่อพระองค์และพระผู้ทรงสำแดงศาสนาที่รุ่งโรจน์และอำไพของพระองค์

การพนันและการเสพย์ฝิ่นเป็นที่ห้ามสำหรับเจ้า ??ดูกร ประชาชน จงหลีกหนีสองสิ่งนี้ และอย่าเป็นพวกที่ละเมิด ??จงระวังการใช้สารใดๆ ที่ทำให้จิตใจเฉื่อยชาและเซื่องซึม และเป็นอันตรายต่อร่างกาย ??แท้จริงแล้วเราไม่ปรารถนาสิ่งใดสำหรับเจ้านอกจากสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า และทุกสรรพสิ่งเป็นพยานต่อสิ่งนี้ ??หากเจ้าเพียงแต่มีหูที่จะฟัง

เมื่อใดก็ตามที่เจ้าได้รับการเชิญให้ไปงานเลี้ยงหรืองานเทศกาล ??จงตอบสนองด้วยความเบิกบานและดีใจ และใครก็ตามที่ทำตามสัญญาจะปลอดภัยจากการถูกตำหนิ ??ยุคนี้คือยุคที่แต่ละโองการที่ล้ำลึกของพระผู้เป็นเจ้าได้รับการอรรถาธิบาย

จงดูซิ ??ความลึกลับของการย้อนกลับที่ยิ่งใหญ่ในสัญลักษณ์ของพระผู้ทรงเป็นประมุข? ???บัดนี้ถูกแสดงให้เห็นชัดแล้ว ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าช่วยเหลือให้ยอมรับ ??เลขหก? ?ที่เกิดขึ้นมาโดย ??อเลฟตั้งตรง? ???แท้จริงแล้วเขาคือพวกที่ศรัทธาอย่างแท้จริง ผู้ที่ดูเหมือนว่าเคร่งศาสนาจำนวนมากมายเท่าไรได้หันหนีไป และผู้ที่ดื้อดึงจำนวนมากมายเท่าไรได้เข้ามาหาและอุทานว่า : ??ข้าแต่พระผู้เป็นยอดปรารถนาของภพทั้งหลาย! ??ขอความสรรเสริญทั้งปวงจงมีแด่พระองค์? ?ความจริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าจะให้สิ่งที่พระองค์ประสงค์แก่ใครก็ได้ตามที่พระองค์ประสงค์ และจะไม่ให้สิ่งที่พระองค์ปรารถนาแก่ใครก็ได้ตามที่พระองค์ปรารถนา พระองค์ทรงรู้ความลับในหัวใจและความหมายที่ซ่อนอยู่ในการขยิบตาของผู้เยาะเย้ย ??ผู้ที่เป็นรูปธรรมของความไม่เอาใจใส่จำนวนมากมายเท่าไรที่มาหาเราด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ซึ่งเราได้ให้พวกเขาครองที่นั่งแห่งการเป็นที่ยอมรับของเรา และผู้ถนัดการใช้ปัญญาจำนวนมากมายเท่าไรที่เราให้ไปอยู่ในกองไฟด้วยความยุติธรรม ความจริงแล้วเราคือผู้เดียวที่จะพิพากษา พระองค์คือผู้สำแดง ??พระผู้เป็นเจ้ากระทำตามที่พระองค์ปรารถนา? ???และทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์แห่ง ??พระองค์บัญญัติตามที่พระองค์ตัดสินใจ

พระพรจงมีแด่ผู้ที่ค้นพบสุคนธรสของความหมายซ่อนเร้นจากรอยขีดเขียนของปากกานี้ ??ซึ่งโดยการขยับของปากกานี้สายลมของพระผู้เป็นเจ้าพัดผ่านสรรพโลก และโดยการหยุดนิ่งของปากกานี้สาระแห่งความสงบปรากฏเป็นสภาวะ ??ขอความสดุดีจงมีแด่พระผู้ทรงปรานี พระผู้เปิดเผยความอารีที่ประเมินมิได้ จงกล่าวว่า : เพราะว่าพระองค์ทนรับความอยุติธรรม ความยุติธรรมจึงปรากฏขึ้นบนโลก ??และเพราะว่าพระองค์ยอมรับความตกต่ำ ราชศักดาของพระผู้เป็นเจ้าจึงส่องแสงมาท่ามกลางมนุษยชาติ

เป็นข้อห้ามไม่ให้เจ้าพกอาวุธนอกจากว่าจำเป็น ??และอนุญาตให้เจ้าแต่งกายด้วยผ้าไหม พระผู้เป็นนายทรงยกเลิกข้อจำกัดเมื่อก่อนเกี่ยวกับเสื้อผ้าและการตัดแต่งเครา ??ประหนึ่งเป็นความอารีของพระองค์ แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ทรงรอบรู้ ขอให้ท่าทางของเจ้าไม่มีสิ่งใดที่ผู้มีจิตใจดีและซื่อตรงจะไม่เห็นชอบ ??และอย่าทำให้ตนเองเป็นของเล่นของคนเขลา ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่สวมภูษาแห่งการปฏิบัติตนที่เหมาะสมและอุปนิสัยใจคอที่น่าสรรเสริญ วางใจได้ว่าเขาได้รับการนับเป็นพวกที่ช่วยเหลือพระผู้เป็นนายของตนโดยการกระทำที่ดีเด่น

จงส่งเสริมการพัฒนานครทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าและประเทศทั้งหลายของพระองค์ ??และสดุดีพระองค์ในนครและประเทศเหล่านี้ด้วยสำเนียงที่เบิกบานของบรรดาผู้เป็นที่โปรดปรานของพระองค์ ??ความจริงแล้วหัวใจทั้งหลายของมนุษย์ได้รับการอบรมโดยอานุภาพของวาจา ดังเช่นบ้านและนครต่างๆ ถูกสร้างโดยมือและวิธีอื่นๆ ??เราได้ให้วิธีการต่างๆไว้สำหรับการทำให้แต่ละจุดหมายสำเร็จลุล่วง จงใช้วิธีการเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ วางใจและมั่นใจในพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ

พระพรจงมีแด่ผู้ที่ยอมรับว่าตนเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าและสัญลักษณ์ของพระองค์ ??และยอมรับว่า ??พระองค์จะไม่ถูกถามเกี่ยวกับการกระทำของพระองค์? ?พระผู้เป็นเจ้าทรงให้การยอมรับนี้เป็นเครื่องประดับและรากฐานของทุกความเชื่อ ??การกระทำที่ดีงามทุกอย่างจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับการยอมรับนี้ จงจ้องมองการยอมรับนี้ เพื่อว่าการกระซิบของผู้พยศจะไม่ทำให้เจ้าไถล

หากพระองค์มีโองการให้สิ่งที่ถูกห้ามมาแต่โบราณกาลเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ??และห้ามสิ่งที่เคยถือว่าถูกกฎหมายมาตลอด ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะตั้งข้อสงสัยในอำนาจของพระองค์ ??ใครที่ลังเลแม้เพียงชั่วขณะควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ละเมิด

ใครที่ไม่ยอมรับหลักธรรมมูลฐานที่เป็นเยี่ยมนี้ ??และบรรลุไม่ถึงสถานะที่สูงส่งที่สุดนี้ วายุแห่งความสงสัยจะเขย่าจิตใจของเขา ??และคำพูดของพวกไม่มีศาสนาจะหันเหวิญญาณของเขา ผู้ที่ยอมรับหลักธรรมนี้จะได้รับการประสาทด้วยความไม่ผันแปรที่สมบูรณ์ที่สุด ??เกียรติทั้งปวงจงมีแด่สถานะอันรุ่งโรจน์นี้ ซึ่งได้รับการกล่าวไว้ในทุกธรรมจารึกที่ประเสริฐ ดังกล่าวนี้คือคำสอนที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้แก่เจ้า ??เป็นคำสอนที่จะปลดปล่อยเจ้าจากความสงสัยและความฉงนใจทุกรูปแบบ และจะช่วยให้เจ้าเข้าถึงความรอดพ้นทั้งในโลกนี้และโลกหน้า แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอภัยเสมอ ??พระผู้ทรงอารีที่สุด พระองค์คือพระผู้ส่งศาสนทูตและคัมภีร์ทั้งหลายมาประกาศว่า ??ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ

ดูกร ??ดินแดนแห่งคาฟและรา?(เคอร์มาน)?? แท้จริงแล้วเราเห็นเจ้าอยู่ในสภาพที่ไม่น่ายินดีสำหรับพระผู้เป็นเจ้า ??และเราเห็นสิ่งที่มาจากเจ้าซึ่งไม่มีใครหยั่งรู้ได้นอกจากพระองค์ พระผู้ทรงรอบรู้ ??พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง เรามองเห็นสิ่งที่แพร่กระจายมาจากเจ้าอย่างลับๆ และเงียบๆ ????ความรู้เกี่ยวกับทุกสิ่งที่ลิขิตไว้ในธรรมจารึกที่แจ่มแจ้งนั้นอยู่กับเรา อย่าเศร้าโศกต่อสิ่งที่บังเกิดกับเจ้า ??ในไม่ช้าพระผู้เป็นเจ้าจะชูบรรรดาผู้ที่กล้าหาญชายชัยขึ้นมาในดินแดนเจ้า ผู้ซึ่งจะสรรเสริญพระนามของเราอย่างไม่ผันแปร ??แม้คำแนะนำอันชั่วร้ายของเหล่านักบวชก็จะยับยั้งพวกเขาไม่ได้ หรือการเป่าหูของพวกหว่านความสงสัยก็จะไม่ทำให้เขาห่างไป พวกเขาจะเห็นพระผู้เป็นเจ้าด้วยตาของตนเอง ??และจะนำชัยชนะมาให้พระองค์ด้วยชีวิตของพวกเขาเอง บุรุษเหล่านี้คือพวกที่แน่วแน่อย่างแท้จริง

ดูกร ??นักบวชทั้งหลาย! ??เมื่อวจนะของเราถูกส่งลงมา ??และสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของเราถูกเปิดเผย ??เราพบว่าเจ้าอยู่หลังม่าน สิ่งนี้ช่างแปลกเสียจริง ??เจ้าภูมิใจในนามของเรา แต่หาได้ยอมรับเราเมื่อพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ทรงปรานี มาปรากฏท่ามกลางพวกเจ้าด้วยข้อพิสูจน์และข้อยืนยัน เราได้ฉีกม่านเหล่านี้ให้ขาดสะบั้นแล้ว ??จงระวังอย่าปิดกั้นประชาชนด้วยอีกม่านหนึ่ง จงกระชากโซ่แห่งจินตนาการอันไร้สาระให้ขาดสะบั้นในนามของพระผู้เป็นนายของมวลมนุษย์ ??และอย่าเป็นพวกที่หลอกลวง หากเจ้าหันมาหาพระผู้เป็นเจ้าและยอมรับศาสนาของพระองค์ อย่าก่อความวุ่นวายในศาสนา และอย่าวัดคัมภีร์ของพระผู้ป็นเจ้าด้วยกิเลสที่เห็นแก่ตัวของเจ้า ??แท้จริงแล้วนี้คือคำแนะนำของพระผู้เป็นเจ้าเมื่อกาลก่อนและจากนี้ไป พยานทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าและบรรดาผู้ที่พระองค์เลือกสรร ใช่แล้ว ทุกคนของเรา ให้การยืนยันสิ่งนี้อย่างจริงจัง

จงระลึกถึงเชคที่มีชื่อว่าโมฮัมหมัด ฮาซาน ??ซึ่งจัดว่าเป็นหนึ่งในนักบวชที่มีวิชามากที่สุดในสมัยของเขา ??เมื่อพระผู้เป็นหนึ่งโดยแท้จริงถูกแสดงให้เห็นชัด เชคผู้นี้พร้อมกับคนอื่นๆ ที่อยู่ในอาชีพเดียวกัน ??ได้ปฏิเสธพระองค์ ขณะที่ผู้ร่อนข้าวสาลีและข้าวบาเลย์ยอมรับพระองค์และหันมาหาพระผู้เป็นนาย แม้ว่าทั้งวันทั้งคืนเขาเอาแต่เขียนสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นกฎและบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ??แต่เมื่อพระผู้ไม่ถูกจำกัดมาปรากฏ ไม่มีแม้อักษรเดียวจากข้อเขียนเหล่านี้ที่เป็นประโยชน์ต่อเขา ไม่เช่นนั้นแล้วเขาย่อมไม่หันหนีไปจากพระพักตร์ที่ส่องสว่างใบหน้าของบรรดาผู้เป็นที่โปรดปรานของพระผู้เป็นนาย ??หากเจ้าเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าเมื่อพระองค์ทรงเปิดเผยตนเอง ประชาชนย่อมไม่หันไปจากพระองค์ และสิ่งต่างๆ ที่เจ้าเห็นในวันนี้ย่อมไม่บังเกิดกับเรา จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และอย่าเป็นพวกที่ไม่เอาใจใส่

จงระวังอย่าให้นามใดมาขวางกั้นเจ้าจากพระผู้ทรงครอบครองนามทั้งปวง ??หรือให้วจนะใดมาปิดกั้นเจ้าจากการระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นบ่อเกิดแห่งอัจฉริยภาพในหมู่พวกเจ้า ??ดูกร นักบวชทั้งหลาย จงหันมาหาพระผู้เป็นเจ้าและแสวงหาการคุ้มครองจากพระองค์ และอย่าทำให้ตัวเจ้าเองเป็นม่านกั้นระหว่างเราและบรรดาผู้ที่เราสร้าง ??ดังนี้พระผู้เป็นนายของเจ้าตักเตือนเจ้า และบัญชาเจ้าให้มีความยุติธรรม เพื่อว่าผลงานทั้งหลายของเจ้าจะไม่สูญเปล่า และเจ้าเองจะไม่ลืมความลำบากของเจ้า ??ผู้ที่ปฏิเสธศาสนานี้จะพิสูจน์สัจธรรมของความมุ่งหมายใดในสรรพโลกได้หรือ? ?ไม่เลย พระผู้ทรงออกแบบจักวาลเป็นพยาน! กระนั้นประชาชนก็ยังถูกห่อหุ้มอยู่ในม่านอย่างเห็นได้ชัด ??จงกล่าวว่า : โดยศาสนานี้ดวงตะวันแห่งข้อยืนยันได้รุ่งอรุณ และสุริยันแห่งข้อพิสูจน์ได้สาดรัศมีมายังทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก ดูกร บรรดาผู้ที่หยั่งรู้ จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ??และอย่าเป็นพวกที่ไม่เชื่อในเรา จงเอาใจใส่อย่าให้คำว่า ??ศาสนทูต? ?มากั้นเจ้าจากการประกาศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ หรือให้การกล่าวถึง ??การรักษาการ? ?มาขวางกั้นเจ้าจากอธิปไตยของพระผู้รักษาการพระผู้เป็นเจ้า ??ซึ่งครอบคลุมภพทั้งปวง ทุกนามถูกสร้างขึ้นมาโดยพระวจนะของพระองค์ และทุกความมุ่งหมายขึ้นกับศาสนาที่น่าพิศวง ทรงอำนาจและต้านทานไม่ได้ของพระองค์ จงกล่าวว่า : ยุคนี้คือยุคของพระผู้เป็นเจ้า ยุคที่จะไม่มีการกล่าวถึงสิ่งใดนอกจากตัวตนของพระองค์เอง ??พระผู้ทรงคุ้มครองภพทั้งปวงผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ นี้คือศาสนาที่ทำให้ความเชื่องมงายและจ้าวทั้งหมดของเจ้าต้องสั่นไหว

แท้จริงแล้วในหมู่พวกเจ้าเราเห็นผู้ที่ถือคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า ??แล้วเอาข้อพิสูจน์และเหตุผลในคัมภีร์นั้นมาอ้างเพื่อปฏิเสธพระผู้เป็นนายของตน ??ดังที่สาวกของทุกศาสนาแสวงหาเหตุผลในคัมภีร์ของตนเพื่อปฏิเสธพระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย ??พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง จงกล่าวว่า : พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นหนึ่งโดยแท้จริง ทรงเป็นพยานให้เราว่า ??คัมภีร์ทั้งหลายในโลก ตำราและข้อเขียนทั้งหมดที่มีอยู่ จะไม่มีประโยชน์อันใดต่อเจ้าในยุคนี้หากปราศจากคัมภีร์ที่มีชีวิตนี้ ??พระผู้ทรงประกาศในใจกลางของสรรพโลกว่า : ??แท้จริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ

ดูกร ??นักบวชทั้งหลาย! ??จงระวังอย่าเป็นสาเหตุของความขัดแย้งในดินแดน ??ดังที่เจ้าเป็นสาเหตุของการปฏิเสธศาสนาในสมัยเริ่มต้น ??จงรวบรวมประชาชนมาไว้รอบๆ พระวจนะนี้ที่ได้ทำให้ก้อนกรวดร้องออกมาว่า : ??อาณาจักรสวรรค์เป็นของพระผุ้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นอรุโณทัยสถานของสัญลักษณ์ทั้งปวง!? ?ดังนี้พระผู้เป็นนายของเจ้าตักเตือนเจ้า ประหนึ่งเป็นความอารีของพระองค์ ??ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอภัยเสมอ พระผู้ทรงเอื้อเฟื้อที่สุด

จงระลึกถึงการิม ??เมื่อเราเรียกเขามาหาพระผู้เป็นเจ้า ??เขาดูหมิ่นเช่นไรเพราะถูกกิเลสจูงใจ กระนั้นก็ตามเราได้ส่งสิ่งที่เป็นข้อพิสูจน์ที่อุ่นใจในสรรพโลกไปให้เขา ??ซึ่งเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าให้การยืนยันต่อชาวโลกและชาวสวรรค์ทุกคน เราบัญชาเขาให้ยอมรับสัจธรรมประหนึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งกรุณาธิคุณของพระผู้ทรงครอบครองทุกสิ่ง ??พระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด แต่เขาหันหนีไปจนกระทั่งเทพแห่งความพิโรธเล่นงานเขา ซึ่งเป็นการกระทำที่ยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า และเราเป็นพยานที่แท้จริงต่อเรื่องนี้

จงฉีกม่านให้ขาดสะบั้น ??จนเสียงฉีกนั้นได้ยินไปถึงบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ ??นี้คือบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าในสมัยก่อนและสำหรับสมัยที่จะมาถึง พระพรจงมีแด่ผู้ที่ปฏิบัติตามสิ่งที่ตนได้รับบัญชา ??และความยุ่งยากบังเกิดกับผู้ที่ไม่เอาใจใส่

แน่นอนว่าเราไม่มีจุดประสงค์ใดในพิภพนี้นอกจากจะแสดงพระผู้เป็นเจ้าให้เห็นชัด ??และเปิดเผยอธิปไตยของพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าคือพยานที่เพียงพอสำหรับเรา แน่นอนว่าเราไม่มีเจตนาใดในอาณาจักรสวรรค์นอกจากจะเชิดชูศาสนาของพระองค์ ??และสรรเสริญพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าคือผู้คุ้มครองที่เพียงพอสำหรับเรา แน่นอนว่าเราไม่ปรารถนาสิ่งใดในอาณาจักรเบื้องบนเว้นแต่จะยกย่องพระผู้เป็นเจ้าและสิ่งที่พระองค์ส่งลงมา ??พระผู้เป็นเจ้าคือผู้ช่วยเหลือที่เพียงพอสำหรับเรา

ดูกร ??พวกเจ้าผู้รู้ในบาฮา ??ความสุขจงมีแด่พวกเจ้า ??พระผู้เป็นนายเป็นพยาน! พวกเจ้าคือคลื่นในทะเลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ??คือดวงดาราบนนภาแห่งความรุ่งโรจน์ คือธงแห่งชัยชนะที่โบกสะพัดระหว่างโลกและสวรรค์ ??พวกเจ้าคือผู้สำแดงความแน่วแน่ในหมู่มนุษย์ และคืออรุโณทัยแห่งวาทะของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่บนพิภพ ??ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่หันมาหาพวกเจ้า และความยุ่งยากบังเกิดกับผู้ที่ดื้อดึง ในยุคนี้ผู้ที่ได้ดื่มอมฤตลี้ลับแห่งชีวิตนิรันดร์จากมือแห่งความเมตตารักใคร่ของพระผู้เป็นนาย ??พระผู้เป็นเจ้าของเขา พระผู้ทรงปรานี เป็นความถูกต้องที่เขาจะส่งชีพจรประดุจการเต้นของเส้นเลือดแดงไปยังร่างกายของมนุษยชาติ เพื่อว่าโลกและกระดูกที่ผุกร่อนทุกชิ้นจะได้รับการกระตุ้นจากเขา

ดูกร ??ประชาชนทั้งหลายของโลก! ??เมื่อถึงเวลาที่นกพิราบลี้ลับบินไปจากวิหารแห่งการสรรเสริญ ??และแสวงหาเป้าหมายที่ไกลออกไปซึ่งเป็นสันนิวาสเร้นลับ เรื่องใดในคัมภีร์ที่เจ้าไม่เข้าใจให้เสนอไปยังพระผู้ที่แตกกิ่งออกมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่นี้

ดูกร ??ปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด! ??จงขีดเขียนบนธรรมจารึกตามบัญชาของพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้สร้างสวรรค์ทั้งหลาย และเล่าถึงเวลาที่พระผู้เป็นอรุโณทัยแห่งเอกภาพสวรรค์ประสงค์จะย่างก้าวไปสู่โรงเรียนแห่งความเป็นหนึ่งที่เหนือธรรมดา ??เพื่อว่าผู้ที่มีหัวใจบริสุทธิ์จะพอได้เห็นความลึกลับของพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงรอบรู้ ซึ่งถูกปกปิดอยู่หลังม่าน แม้จะเห็นเพียงเท่ารูเข็มก็ตาม ??จงกล่าวว่า : แท้จริงแล้วเราได้ก้าวเข้าไปในโรงเรียนแห่งความหมายซ่อนเร้นและคำอธิบายขณะที่ทุกสรรพสิ่งไม่รู้ตัว เราเห็นวจนะที่พระผู้ทรงปรานีส่งลงมา และเรายอมรับวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง ที่พระองค์?(พระบ๊อบ)?นำเสนอต่อเรา ??และเราสดับฟังสิ่งที่พระองค์ยืนยันอย่างจริงจังในธรรมจารึก ??เราเห็นสิ่งนี้แล้วแน่นอน และเรายอมตามความปรารถนาของพระองค์โดยบัญชาของเรา ??เพราะเรามีอำนาจในการบัญชาอย่างแท้จริง

ดูกร ??ประชาชนแห่งคัมภีร์บายัน! ??แท้จริงแล้วเราได้ก้าวเข้าไปในโรงเรียนของพระผู้เป็นเจ้าขณะที่เจ้านอนหลับใหล ??และเราได้อ่านธรรมจารึกอย่างถี่ถ้วนขณะที่เจ้าหลับสนิท พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียวเป็นพยาน! ??ขณะที่เจ้าไม่รู้ตัวเราได้อ่านก่อนที่ธรรมจารึกนี้จะถูกเปิดเผยเสียอีก และเรามีความรู้ในคัมภีร์เป็นอย่างดีตั้งแต่เจ้ายังไม่เกิด ??วจนะเหล่านี้ให้ไว้ตามระดับของเจ้า ไม่ใช่ระดับของพระผู้เป็นเจ้า สิ่งที่เทิดทูนไว้ในความรู้ของพระองค์ให้การยืนยันสิ่งนี้ และชิวหาของพระผู้ทรงมหิทธานุภาพเป็นพยานต่อสิ่งนี้ ??หากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ เราขอสาบาญต่อพระผู้เป็นเจ้า หากเรายกม่านออก เจ้าจะงงจนพูดไม่ออก

จงเอาใจใส่ ??อย่าโต้เถียงกันอย่างไร้สาระเกี่ยวกับพระผู้ทรงมหิทธานุภาพและศาสนาของพระองค์ ??เพราะดูซิ! พระองค์มาปรากฏท่ามกลางพวกเจ้าพร้อมกับการเปิดเผยพระธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่ห้อมล้อมทุกสิ่ง ??ไม่ว่าในอดีตหรืออนาคต หากเราพูดเรื่องนี้ด้วยภาษาของบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ เราจะกล่าวว่า : ??ความจริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าได้สร้างโรงเรียนนั้นก่อนที่จะสร้างฟ้าและดิน ??และเราเข้าไปในโรงเรียนนั้นก่อนที่ตัวอักษร ??จง? ?และ ??เป็น? ?จะถูกเชื่อมและผูกไว้ด้วยกัน? ?ดังกล่าวนี้คือภาษาของบรรดาคนรับใช้ในอาณาจักรของเรา จงพิจารณาสิ่งที่ลิ้นของบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรอันประเสริฐของเราจะเอ่ย ??เพราะเราได้สอนความรู้ของเราและเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในอัจฉริยภาพของพระผู้เป็นเจ้าให้แก่พวกเขา ดังนั้นจงนึกดูสิ่งที่ชิวหาแห่งอำนาจและความโอฬารจะเอ่ยในที่พำนักอันรุ่งโรจน์ของพระองค์!

นี่ไม่ใช่ศาสนาที่จะมาทำเป็นของเล่นสำหรับความเพ้อฝันอันเหลวไหลของเจ้า ??ไม่ใช่สนามสำหรับคนโง่เง่าและใจเสาะ พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน นี้คือสมรภูมิแห่งการหยั่งเห็นและการปล่อยวาง ??แห่งวิสัยทัศน์และความร่าเริง ที่ไม่มีใครควบม้าเข้ามานอกจากนักขี่ม้าที่กล้าหาญของพระผู้ทรงปรานี ผู้ซึ่งตัดความผูกพันทั้งหมดจากสรรพโลก ??คนเหล่านี้คือผู้ที่นำชัยชนะบนโลกมาให้พระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง และคืออรุโณทัยสถานแห่งอำนาจสูงสุดของพระองค์ท่ามกลางมนุษยชาติ

จงระวังอย่าให้สิ่งที่เปิดเผยไว้ในคัมภีร์บายันมาเหนี่ยวรั้งเจ้าจากพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ทรงเห็นใจที่สุด พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพยานให้เราว่า คัมภีร์บายันถูกส่งลงมามิใช่เพื่อจุดประสงค์ใดนอกจากเพื่อสรรเสริญเรา ??หากเจ้าเพียงแต่รู้! ในคัมภีร์นี้ผู้ที่มีหัวใจบริสุทธิ์จะพบแต่สุคนธรสแห่งความรักของเรา พบแต่พระนามของเราที่ปกคลุมทุกสิ่งที่มองเห็นและถูกมอง ??จงกล่าวว่า : ดูกร ประชาชน จงหันมาหาวจนะที่มาจากปากกาที่ประเสริฐสุดของเรา หากเจ้าสูดสุคนธรสของพระผู้เป็นเจ้าจากวจนะเหล่านี้ อย่าต่อต้านพระองค์ ??หรือปฏิเสธส่วนแบ่งของเจ้าจากกรุณาธิคุณและพระพรอเนกอนันต์ของพระองค์ ดังนี้พระผู้เป็นนายของเจ้าตักเตือนเจ้า แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้เป็นที่ปรึกษา ??พระผู้ทรงรอบรู้

อะไรก็ตามในคัมภีร์บายันที่เจ้าไม่เข้าใจ ??จงถามจากพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้เป็นนายของบรรพบุรุษของเจ้า หากพระองค์ปรารถนา ??พระองค์จะอรรถาธิบายสิ่งที่เปิดเผยไว้ในคัมภีร์นี้ให้แก่เจ้า ??และเปิดเผยไข่มุกแห่งความรู้และอัจฉริยภาพของพระผู้เป็นเจ้าให้แก่เจ้า ??ซึ่งถูกปกปิดไว้ในมหาสมุทรแห่งวจนะ แท้จริงแล้วพระองค์ทรงอยู่เหนือกว่านามทั้งปวง ??ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง

สมดุลของโลกถูกรบกวนโดยพลังอันสั่นสะเทือนของระบบโลกใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ ??แบบแผนชีวิตของมนุษยชาติถูกปฏิวัติโดยปฏิบัติการของระบบที่พิเศษและน่าพิศวงนี้ ??อย่างที่มนุษย์ไม่เคยเห็นมาก่อน

จงดำดิ่งในมหาสมุทรแห่งวจนะของเรา ??เพื่อเจ้าจะได้คลี่คลายความลับของมหาสมุทรนี้ ??และค้นพบไข่มุกแห่งอัจฉริยภาพทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในความล้ำลึกนั้น ??จงเอาใจใส่ เพื่อว่าเจ้าจะได้ยอมรับสัจธรรมของศาสนานี้ด้วยความมุ่งมั่นไม่ลังเล ??ซึ่งโดยศาสนานี้ศักยภาพของอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าได้รับการเปิดเผย และอธิปไตยของพระองค์ได้รับการสถาปนา ??จงรีบไปหาพระองค์ด้วยใบหน้าที่เบิกบาน นี้คือศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าที่ไม่มีเปลี่ยนแปลง เป็นนิรันดร์ในอดีต ??เป็นนิรันดร์ในอนาคต ขอให้ผู้ที่แสวงหาได้ค้นพบ และสำหรับผู้ที่ไม่แสวงหา แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าทรงเพียงพอในพระองค์เอง ??และไม่จำเป็นต้องอาศัยบรรดาผู้ที่พระองค์สร้าง

จงกล่าวว่า : คัมภีร์นี้คือคันชั่งที่ไม่มีผิดพลาดที่พระผู้เป็นเจ้าถืออยู่ในมือ ??ไว้สำหรับชั่งทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และทุกคนที่อยู่บนโลก และกำหนดชะตาของพวกเขา หากเจ้าเป็นพวกที่เชื่อและยอมรับสัจธรรมนี้ ??จงกล่าวว่า : คัมภีร์นี้คือข้อยืนยันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ข้อพิสูจน์ทุกข้อในยุคทั้งหลายเชื่อถือได้ ขอให้เจ้าวางใจได้ จงกล่าวว่า : โดยคัมภีร์นี้ผู้ยากไร้ร่ำรวยขึ้น ??ผู้รู้เห็นแจ้งกว่าเดิม และผู้แสวงหาสามารถขึ้นไปพบพระผู้เป็นเจ้า จงระวังอย่าทำให้คัมภีร์นี้เป็นเหตุของการพิพาทในหมู่พวกเจ้า จงปักหลักอย่างมั่นคงประดุจภูผาที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ในศาสนาของพระผู้เป็นนายของเจ้า ??พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงรักใคร่

จงกล่าวว่า : ดูกร ??บ่อเกิดแห่งความวิปริต! ??จงเลิกทำเป็นตาบอด และจงพูดสัจธรรมท่ามกลางประชาชน ??เราขอสาบาญต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า เราร่ำไห้สำหรับเจ้าที่ได้เห็นเจ้าไปตามกิเลสที่เห็นแก่ตัว ??และสละพระผู้ทรงออกแบบเจ้าและสร้างเจ้าขึ้นมา จงระลึกถึงความเมตตาปรานีของพระผู้เป็นนายของเจ้า ??และนึกดูว่าเราอุ้มชูเจ้าทั้งกลางวันกลางคืนอย่างไรเพื่อการรับใช้ศาสนา จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า ??และเป็นพวกที่สำนึกผิดอย่างจริงใจ ในเมื่อประชาชนสับสนเกี่ยวกับสถานะของเจ้า เป็นไปได้ไหมว่าตัวเจ้าเองก็สับสนเช่นกัน? ???จงสั่นเทิ้ม ณ เบื้องหน้าของพระผู้เป็นนายของเจ้า และระลึกถึงวันเวลาที่เจ้ายืนอยู่หน้าบัลลังก์ของเรา และจดบันทึกวจนะตามที่เราบอก ??ซึ่งเป็นวจนะที่ส่งลงมาโดยพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงคุ้มครองที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ พระผู้เป็นนายแห่งอำนาจและอานุภาพ จงระวังอย่าให้ไฟแห่งความผยองของเจ้ามาขวางกั้นเจ้าไม่ให้ไปถึงราชสำนักที่พิสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า ??จงหันมาหาพระองค์ และอย่ากลัวสิ่งที่เจ้าได้ทำไป ความจริงแล้วพระองค์ทรงให้อภัยผู้ที่พระองค์ปรารถนาประหนึ่งเป็นความอารีจากพระองค์ ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงอภัยเสมอ พระผู้ทรงอารี เราตักเตือนเจ้าก็เพราะเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ??หากเจ้ายอมรับคำแนะนำนี้ เจ้าจะได้กระทำความถูกต้องด้วยตัวเจ้าเอง หากเจ้าปฏิเสธคำแนะนำนี้ แท้จริงแล้วพระผู้เป็นนายไม่ต้องอาศัยเจ้าและทุกคนที่เชื่อตามเจ้าด้วยความหลงผิดที่เห็นชัด จงดูเถิด! พระผู้เป็นเจ้าได้จับตัวผู้ที่พาเจ้าหลงทางไปแล้ว จงกลับมาหาพระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมตัว ??ศิโรราบและความต่ำต้อย แท้จริงแล้วพระองค์จะเก็บบาปของเจ้าไป เพราะแน่นอนว่าพระผู้เป็นนายของเจ้าคือพระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงปรานีที่สุด

นี้คือคำแนะนำของพระผู้เป็นเจ้า ??ขอให้เจ้าเอาใจใส่เถิด! นี้คือความอารีของพระผู้เป็นเจ้า ??ขอให้เจ้ารับไว้เถิด! นี้คือวาทะของพระผู้เป็นเจ้า หากเจ้าเพียงแต่เข้าใจ! ??นี้คือทรัพย์สมบัติของพระผู้เป็นเจ้า หากเจ้าสามารถเข้าใจ!

นี้คือคัมภีร์ที่กลายเป็นตะเกียงของพระผู้ทรงอนันต์สำหรับโลก ??และหนทางตรงที่ไม่มีเบี่ยงเบนของพระองค์ท่ามกลางประชาชนทั้งหลายของโลก ??จงกล่าวว่า : นี้คืออรุโณทัยแห่งความรู้สวรรค์และอุทัยสถานแห่งบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ??หากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ

อย่าให้สัตว์แบกภาระเกินกว่าที่มันจะทนได้ ??แท้จริงแล้วเราได้ห้ามการปฏิบัติเช่นนี้ด้วยข้อห้ามที่ผูกมัดที่สุดในคัมภีร์ ??จงเป็นรูปธรรมของความยุติธรรมและความเป็นธรรมท่ามกลางสรรพโลก

หากใครทำให้คนอื่นเสียชีวิตโดยไม่ตั้งใจ ??เป็นหน้าที่ของเขาที่จะชดเชยค่าเสียหายให้แก่ครอบครัวของผู้ตายด้วยทองหนึ่งร้อยมิสกัล ??จงปฏิบัติตามสิ่งที่บัญชาเจ้าไว้ในธรรมจารึกนี้ และอย่าเป็นพวกที่ก้าวล่วงขอบเขตนี้

ดูกร ??สมาชิกทั้งหลายของรัฐสภาทั่วโลก! ??จงเลือกภาษาหนึ่งให้ทุกคนบนโลกใช้กัน ??ทำนองเดียวกันจงเลือกใช้พยัญชนะเดียวกัน ??แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าทรงทำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ให้เป็นที่ชัดเจนสำหรับเจ้า ??ซึ่งจะช่วยให้เจ้าไม่ต้องขึ้นกับผู้อื่น ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอารีที่สุด ??พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง สิ่งนี้จะเป็นเหตุของเอกภาพ หากเจ้าเพียงแต่เข้าใจ ??และจะเป็นกลไกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งเสริมความกลมเกลียวและอารยธรรม ขอให้เจ้าเข้าใจเถิด! เราได้กำหนดสองสัญลักษณ์ที่บ่งบอกวุฒิภาวะของมนุษยชาติ ??สัญลักษณ์แรกซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงที่สุด เราได้ลิขิตไว้ในธรรมจารึกอื่นๆ ของเรา ส่วนสัญลักษณ์ที่สองถูกเปิดเผยไว้ในคัมภีร์ที่วิเศษนี้

เป็นข้อห้ามไม่ให้เจ้าสูบฝิ่น ??แท้จริงแล้วเราได้ห้ามการกระทำเช่นนี้ด้วยข้อห้ามที่ผูกมัดที่สุดในคัมภีร์ ??หากใครสูบฝิ่น เขาไม่ใช่คนของเราแน่นอน ดูกร เจ้าผู้ได้รับการประสาทให้มีความเข้าใจ! ??จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า

พระธรรมบางบทที่พระบาฮาอุลลาห์เปิดเผย

เป็นการเสริมคีตาบีอัคดัส

ธรรมจารึกจำนวนหนึ่งซึ่งเปิดเผยโดยพระบาฮาอุลลาห์ภายหลังคีตาบีอัคดัส ??มีวรรคต่างๆ ที่เสริมข้อกำหนดในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด วรรคเหล่านี้ที่น่าสังเกตที่สุดได้รับการตีพิมพ์อยู่ใน ??ธรรมจารึกของพระบาฮาอุลลาห์ที่เปิดเผยภายหลังคีตาบีอัคดัส? ???ที่นำมารวมไว้ในบทนี้คือเนื้อหาที่คัดมาจากธรรมจารึกอิชรากาท ทำนองเดียวกันบทอธิษฐานบังคับสามบทที่พาดพิงถึงใน?คำถามและคำตอบ?? และบทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรมที่กล่าวไว้ในอัคดัสถูกนำมาตีพิมพ์ที่นี่อีกครั้ง

ธรรมจารึกอิชรากาท

อิชรากข้อที่แปด

วรรคนี้ซึ่งบัดนี้ลิขิตโดยปากกาแห่งความรุ่งโรจน์ ??นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด : บุรุษแห่งสภายุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้ามีหน้าที่ดูแลกิจการต่างๆ ของประชาชน ??ความจริงแล้วพวกเขาคือผู้พิทักษ์ของพระผู้เป็นเจ้าในหมู่คนรับใช้ของพระองค์ และคืออรุโณทัยแห่งอำนาจในประเทศทั้งหลายของพระองค์

ดูกร ประชาชนของพระผู้เป็นเจ้า! สิ่งที่ฝึกฝนโลกคือความยุติธรรม ??เพราะความยุติธรรมได้รับการค้ำจุนโดยสองเสาหลักนั่นคือ รางวัลและการลงโทษ ??สองเสาหลักนี้คือบ่อเกิดชีวิตของโลก เนื่องด้วยแต่ละวันมีปัญหาใหม่และแต่ละปัญหามีกลวิธีแก้ไข ??กิจการดังกล่าวควรเสนอมายังสภายุติธรรมเพื่อว่าสมาชิกของสภานี้จะกระทำการให้สอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการในเวลานั้น ??บรรดาผู้ที่ลุกขึ้นรับใช้ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเห็นแก่พระองค์ คือผู้ที่ได้รับแรงดลใจจากอาณาจักรที่มองไม่เห็น เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องเชื่อฟังพวกเขา ??ทุกเรื่องของรัฐควรเสนอมายังสภายุติธรรม แต่การบูชาต้องปฏิบัติตามที่พระผู้เป็นเจ้าเปิดเผยไว้ในคัมภีร์ของพระองค์

ดูกร ประชาชนแห่งบาฮา! ??เจ้าคืออุทัยสถานแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้าและอรุโณทัยแห่งความเมตตารักใคร่ของพระองค์ ??อย่าทำให้ลิ้นของเจ้าด่างพร้อยด้วยการสาปแช่งหรือถากถางผู้ใด และอย่ามองสิ่งที่ไม่ควรมอง จงนำเสนอสิ่งที่เจ้าครอบครอง ??หากเป็นที่ยอมรับอย่างดี จุดมุ่งหมายของเจ้าก็สัมฤทธิผล หากไม่ การคัดค้านนั้นไร้ประโยชน์ อย่าไปยุ่งกับผู้นั้นแล้วหันมาหาพระผู้เป็นนาย ??พระผู้ทรงคุ้มครอง พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง อย่าเป็นเหตุของความเศร้าโศก ความร้าวฉานหรือความขัดแย้ง เป็นที่หวังว่าเจ้าจะได้รับการอบรมอย่างแท้จริงภายใต้ที่กำบังของพฤกษาแห่งความเมตตารักใคร่ของพระองค์ ??และปฏิบัติตามที่พระผู้เป็นเจ้าปรารถนา พวกเจ้าทุกคนคือใบไม้บนต้นเดียวกันและหยดน้ำในมหาสมุทรเดียวกัน

(ธรรมจารึกของพระบาฮาอุลลาห์ที่เปิดเผยภายหลังคีตาบีอัคดัส)

บทอธิษฐานบังคับประจำวันบทยาว

สำหรับสวดหนึ่งครั้งใน 24 ชั่วโมง

ใครที่ปรารถนาจะสวดบทอธิษฐานนี้ ??ขอให้ยืนขึ้นและหันไปหาพระผู้เป็นเจ้า ??และขณะยืนอยู่ขอให้มองไปทางขวาและซ้าย ราวกับว่ากำลังรอคอยความปรานีจากพระผู้เป็นนายของตน ??พระผู้ทรงปรานีที่สุด พระผู้ทรงเห็นใจ จากนั้นขอให้กล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นนายแห่งนามทั้งปวง ??พระผู้สร้างสวรรค์ทั้งหลาย! ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อพระศาสดาทั้งหลายผู้เป็นอรุโณทัยแห่งสาระที่มองไม่เห็นของพระองค์ ??พระผู้ทรงความประเสริฐสุด พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ ขอทรงบันดาลให้การอธิษฐานของข้าพเจ้าเป็นไฟที่จะเผาม่านที่ปิดกั้นข้าพเจ้าจากความงามของพระองค์ ??และเป็นแสงสว่างที่จะนำข้าพเจ้าไปสู่มหาสมุทรแห่งการเข้าเฝ้าพระองค์

จากนี้ขอให้เขายกมือทั้งสองขึ้นวิงวอนพระผู้เป็นเจ้า ??พระพรและความประเสริฐจงมีแด่พระองค์ แล้วกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นยอดปรารถนาของโลกและเป็นที่รักยิ่งของชาติทั้งหลาย! ??พระองค์ทรงเห็นข้าพเจ้าหันมาหาพระองค์ ตัดความผูกพันจากทุกคนนอกจากพระองค์ ??และยึดเหนี่ยวสายใยของพระองค์ ซึ่งโดยการเคลื่อนไหวของสายใยนี้ สรรพโลกถูกปลุกให้ตื่น ??ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือคนรับใช้ของพระองค์ คือบุตรของคนรับใช้ของพระองค์ ??ขอทรงมองดูข้าพเจ้ายืนอยู่พร้อมที่จะทำตามพระประสงค์และความปรารถนาของพระองค์ และไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากการเป็นที่ยินดีของพระองค์ ??ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อมหาสมุทรแห่งความปรานีและดวงตะวันแห่งกรุณาธิคุณของพระองค์ ขอทรงกระทำต่อคนรับใช้ตามที่พระองค์ประสงค์และยินดี อำนาจของพระองค์ที่อยู่เหนือกว่าการกล่าวถึงหรือสรรเสริญเป็นพยาน! อะไรก็ตามที่พระองค์เปิดเผยเป็นที่ปรารถนาของหัวใจและเป็นที่รักยิ่งของวิญญาณของข้าพเจ้า ??ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า! ขอทรงอย่าถือความหวังและการกระทำของข้าพเจ้า ขอทรงถือแต่พระประสงค์ของพระองค์ที่ห้อมล้อมสวรรค์และโลก ข้าแต่พระผู้เป็นนายของชาติทั้งปวง! พระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์เป็นพยาน ข้าพเจ้าปรารถนาแต่สิ่งที่พระองค์ปรารถนา และรักแต่สิ่งที่พระองค์รัก

ขอให้เขาคุกเข่าลง ??เอาหน้าผากจรดพื้น แล้วกล่าวว่า :

พระองค์ทรงความประเสริฐเหนือการพรรณนาและความเข้าใจของผู้ใดนอกจากพระองค์เอง

ขอให้เขายืนขึ้นแล้วกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า ??ขอทรงบันดาลให้การอธิษฐานของข้าพเจ้าเป็นน้ำพุแห่งชีวิตที่จะหล่อเลี้ยงข้าพเจ้าให้มีชีวิตตราบนานเท่าที่อธิปไตยของพระองค์ยังอยู่ ??และกล่าวถึงพระองค์ในทุกภพ

ขอให้เขายกมือทั้งสองขึ้นวิงวอนอีกครั้ง ??แล้วกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้ซึ่งหัวใจและวิญญาณต้องหลอมละลายหากพรากจากพระองค์ ??และโดยไฟแห่งความรักของพระองค์โลกทั้งหมดลุกเป็นไฟ! ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อพระนามของพระองค์ที่ทรงใช้กำราบสรรพโลก ??ขอทรงอย่ากันสิ่งที่อยู่กับพระองค์จากข้าพเจ้า ข้าแต่พระผู้ทรงปกครองมวลมนุษย์! ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า ??พระองค์ทรงเห็นคนแปลกหน้านี้รีบไปยังบ้านที่ประเสริฐสุดของเขาภายใต้ชายคาแห่งราชศักดาของพระองค์ ภายในอาณาบริเวณแห่งความปรานีของพระองค์ ??ผู้ละเมิดนี้แสวงหามหาสมุทรแห่งการอภัยของพระองค์ ผู้ต่ำต้อยนี้แสวงหาราชสำนักแห่งความรุ่งโรจน์ของพระองค์ ผู้ยากไร้นี้แสวงหาบูรพาแห่งความมั่งคั่งของพระองค์ ??พระองค์ทรงอำนาจในการบัญชาตามที่พระองค์ประสงค์ ข้าพเจ้าขอเป็นพยานว่า การกระทำของพระองค์ควรเป็นที่สรรเสริญ และบทบัญญัติของพระองค์ควรเป็นที่เชื่อฟัง และพระองค์ไม่ถูกจำกัดในการบัญชา

จากนี้ขอให้เขายกมือทั้งสองขึ้น ??และกล่าวพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดสามครั้ง ??จากนั้นให้ก้มลงเอามือวางบนเข่าทั้งสองข้างต่อเบื้องหน้าของพระผู้เป็นเจ้า ??พระพรและความประเสริฐเป็นของพระองค์ แล้วกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ??พระองค์ทรงเห็นว่า วิญญาณของข้าพเจ้าถูกปลุกขึ้นมาในแขนขาและอวัยวะต่างๆ ของข้าพเจ้าอย่างไรด้วยความปรารถนาจะบูชาพระองค์ ??ระลึกถึงและยกย่องพระองค์ วิญญาณนี้ให้การยืนยันสิ่งที่ชิวหาแห่งบัญชาของพระองค์ให้การยืนยันในอาณาจักรแห่งวาทะและนภาแห่งความรู้ของพระองค์อย่างไร ??ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า ในสภาวะเช่นนี้ข้าพเจ้าอยากขอทุกสิ่งที่อยู่กับพระองค์ เพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้สาธิตความยากไร้ของข้าพเจ้าและสรรเสริญความอารีและความร่ำรวยของพระองค์ ??จะได้ประกาศความไร้อำนาจของข้าพเจ้า และแสดงอานุภาพและอำนาจของพระองค์ให้ปรากฏ

จากนี้ขอให้เขายืนขึ้น ??และยกมือทั้งสองขึ้นสองครั้งเป็นการวิงวอน ??แล้วกล่าวว่า :

ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ??พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงอารี ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ??พระผู้ทรงบัญญัติทั้งในตอนเริ่มต้นและตอนจบ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า! ??การอภัยของพระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าใจกล้า ความปรานีของพระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าเข้มแข็ง เสียงร้องเรียกของพระองค์ได้ปลุกข้าพเจ้าให้ตื่นขึ้น ??กรุณาธิคุณของพระองค์ได้อุ้มข้าพเจ้าขึ้นมาและพาข้าพเจ้ามาหาพระองค์ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าพเจ้าคือใครหรือที่บังอาจจะมายืนที่ประตูของนครแห่งความใกล้ชิดกับพระองค์ ??และหันหน้ามาหาดวงตะวันที่ส่องแสงมาจากนภาแห่งพระประสงค์ของพระองค์? ?ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเห็นผู้น่าเวทนานี้กำลังเคาะประตูแห่งกรุณาธิคุณของพระองค์ ??ผู้ที่ไม่จิรังนี้กำลังแสวงหาแม่น้ำแห่งชีวิตนิรันดร์จากมือแห่งความอารีจากพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นนายแห่งนามทั้งปวง พระองค์คือผู้บัญชาทุกเวลา ข้าแต่พระผู้สร้างสวรรค์ทั้งหลาย! และข้าพเจ้าคือผู้ยอมจำนนและศิโรราบต่อพระประสงค์ของพระองค์

จากนี้ขอให้เขายกมือทั้งสองขึ้นสามครั้ง ??แล้วกล่าวว่า :

พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่กว่าผู้ยิ่งใหญ่ทุกคน

จากนี้ขอให้เขาคุกเข่า ??ก้มศีรษะจรดพื้น แล้วกล่าวว่า :

พระองค์ทรงความสูงส่งเกินกว่าคำสรรเสริญของบรรดาผู้ที่อยู่ใกล้พระองค์จะขึ้นไปถึงนภาแห่งความใกล้ชิดพระองค์ ??หรือวิหคแห่งหัวใจของบรรดาผู้ที่อุทิศตนต่อพระองค์จะไปถึงประตูของพระองค์ ข้าพเจ้าขอให้การยืนยันว่า พระองค์ทรงความวิสุทธิ์เหนือคุณลักษณะและนามทั้งปวง ??ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงประเสริฐสุด พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์

จากนี้ขอให้เขานั่งลงแล้วกล่าวว่า :

ข้าพเจ้าขอให้การยืนยันสิ่งที่ทุกสรรพสิ่ง ??หมู่เทวัญเบื้องบน บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด ??และที่เหนือกว่านั้นคือชิวหาแห่งความโอฬารจากขอบฟ้าอันรุ่งโรจน์ ??ต่างก็ให้การยืนยันเช่นกันว่า พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ??และพระผู้ที่ถูกแสดงให้ปรากฏคือความลึกลับที่ซ่อนเร้น คือสัญลักษณ์ที่ถนอมไว้ ซึ่งโดยพระองค์ตัวอักษร ??จง? ?และ ??เป็น? ?ถูกเชื่อมและผูกเข้าด้วยกัน ??ข้าพเจ้าให้การยืนยันว่า พระนามของพระองค์ถูกลิขิตไว้โดยปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่ง และพระองค์ได้รับการกล่าวถึงในคัมภีร์ทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นนายแห่งบัลลังก์เบื้องบนและพิภพเบื้องล่าง

จากนี้ขอให้เขายืนตัวตรงแล้วกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นนายแห่งสรรพภาวะ ??พระผู้ทรงครอบครองทุกสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น! ??พระองค์ทรงเห็นน้ำตาและเสียงถอนหายใจของข้าพเจ้า ทรงได้ยินเสียงคร่ำครวญ ??เสียงร่ำไห้ และความเศร้าโศกในหัวใจของข้าพเจ้า อำนาจของพระองค์เป็นพยาน! การละเมิดของข้าพเจ้าได้กันข้าพเจ้าไม่ให้ใกล้เข้าไปหาพระองค์ ??และบาปของข้าพเจ้าได้พาข้าพเจ้าไกลออกไปจากราชสำนักแห่งความวิสุทธิ์ของพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า ความรักของพระองค์ได้เพิ่มพูนข้าพเจ้า ??การพรากจากพระองค์ได้ทำลายข้าพเจ้า และความห่างไกลจากพระองค์ได้เผาผลาญข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อรอยพระบาทของพระองค์ในที่รกร้างว่างเปล่านนี้ ต่อถ้อยคำ ??ข้าพเจ้าอยู่นี่ ??ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่? ?ที่บรรดาผู้ที่พระองค์เลือกสรรได้เอ่ยไว้ในความกว้างใหญ๋นี้ ต่อลมหายใจแห่งการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์และสายลมที่ละมุนแห่งอรุโณทัยแห่งการปรากฏของพระองค์ ขอทรงบัญญัติให้ข้าพเจ้าได้พิศดูความงามของพระองค์ ??และปฏิบัติตามสิ่งใดก็ตามที่อยู่ในคัมภีร์ของพระองค์

จากนี้ขอให้เขากล่าวพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดสามครั้ง ??และก้มลงเอามือวางบนหัวเข่าทั้งสองข้าง แล้วกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ??ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ที่ทรงช่วยให้ข้าพเจ้าระลึกถึงและสรรเสริญพระองค์ ??ให้ข้าพเจ้าได้รู้จักพระผู้เป็นอรุโณทัยแห่งสัญลักษณ์ของพระองค์ และทำให้ข้าพเจ้าน้อมคำนับอิสริยะของพระองค์ ??ถ่อมตัวต่อความเป็นเจ้าของพระองค์ และยอมรับสิ่งที่เอ่ยจากชิวหาแห่งความโอฬารของพระองค์

จากนี้ขอให้เขาลุกขึ้นและกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ??พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า! ??หลังของข้าพเจ้างอเพราะน้ำหนักของบาปของตนเอง ??และความไม่เอาใจใส่ของข้าพเจ้าได้ทำลายข้าพเจ้า ??เมื่อใดที่ข้าพเจ้าไตร่ตรองดูกรรมชั่วของข้าพเจ้าและความเมตตาของพระองค์ ??หัวใจของข้าพเจ้าหลอมละลายในตัวของข้าพเจ้า และเลือดของข้าพเจ้าเดือดอยู่ในเส้นเลือด ??ข้าแต่พระผู้เป็นยอดปรารถนาของโลก! ความงามของพระองค์เป็นพยาน ข้าพเจ้าอายที่จะเงยหน้าขึ้นหาพระองค์ ??และมือที่ถวิลหาของข้าพเจ้าละอายที่เหยียดเข้าหานภาแห่งความอารีของพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ??พระองค์ทรงเห็นแล้วว่า น้ำตาของข้าพเจ้าได้ยับยั้งข้าพเจ้าไม่ให้ระลึกถึงพระองค์และยกย่องคุณความดีของพระองค์อย่างไร ??ข้าแต่พระผู้เป็นนายแห่งบัลลังก์เบื้องบนและพิภพเบื้องล่าง! ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อสัญลักษณ์และความลึกลับของอาณาจักรของพระองค์ ??ขอทรงกระทำต่อบรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์อย่างเหมาะสมกับความอารีและคู่ควรกับกรุณาธิคุณของพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นนายของสรรพภาวะ ??ข้าแต่พระผู้เป็นกษัตริย์ของสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น!

จากนี้ขอให้เขากล่าวพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดสามครั้ง ??คุกเข่าเอาหน้าผากจรดพื้น แล้วกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นนายของเรา ??ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ที่ทรงประทานสิ่งที่พาเราใกล้เข้าไปหาพระองค์ ??และสิ่งดีงามทุกอย่างที่อยู่ในคัมภีร์ทั้งหลายของพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า ??เราขอวิงวอนพระองค์ ขอทรงคุ้มครองเราให้พ้นจากความเพ้อฝันอันเหลวไหลและจินตนาการอันไร้สาระ ??ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงรอบรู้

จากนี้ขอให้เขาเงยศีรษะขึ้นและนั่งลง ??แล้วกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ??ข้าพเจ้าให้การยืนยันสิ่งที่บรรดาผู้ที่พระองค์เลือกสรรให้การยืนยัน ??และยอมรับสิ่งที่บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุดและบรรดาผู้รายล้อมบัลลังก์ของพระองค์ยอมรับ ??ข้าแต่พระผู้เป็นนายของภพทั้งหลาย! อาณาจักรของโลกและสวรรค์เป็นของพระองค์

พระบาฮาอุลลาห์

บทธิษฐานประจำวันบทปานกลาง

สำหรับสวดทุกวัน เวลาเช้า เวลาเที่ยงวัน และเวลาค่ำ

ใครที่ต้องการอธิษฐาน ??ขอให้ล้างมือ และขณะที่ล้างมือขอให้กล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ??ขอทรงเพิ่มพลังให้มือของข้าพเจ้าถือคัมภีร์ของพระองค์ไว้มั่น ??จนกองทัพของโลกจะมีอำนาจเหนือมือนี้ไม่ได้ ขอทรงปกป้องมือนี้ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับสิ่งใดก็ตามที่ไม่ใช่ของตน ??แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงอานุภาพสูงสุด

และขณะล้างหน้า ??ขอให้เขากล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า! ??ข้าพเจ้าได้หันหน้ามาหาพระองค์ ขอทรงส่องสว่างใบหน้าของข้าพเจ้าด้วยแสงจากพระพักตร์ของพระองค์ ??ขอทรงคุ้มครองใบหน้านี้ไม่ให้หันไปหาใครอื่นนอกจากพระองค์

จากนี้ขอให้เขายืนขึ้น หันหน้าไปหาเกบเบร (ตำแหน่งของการบูชาคือบาห์จี อัคคา) และกล่าวว่า :

พระผู้เป็นเจ้าทรงให้การยืนยันว่า ??ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ??อาณาจักรแห่งการเปิดเผยพระธรรมและสรรพโลกเป็นของพระองค์ ??ความจริงแล้วพระองค์ทรงแสดงพระผู้เป็นอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมให้ปรากฏ ??พระผู้ทรงสนทนาบนไซไน ซึ่งโดยพระองค์ขอบฟ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ส่องแสง และพฤกษาที่สุดปลายทางได้เปล่งวาจา ??และเสียงร้องเรียกได้ประกาศต่อทุกคนที่อาศัยอยู่ในสวรรค์และบนโลกว่า : ??ดูซิ พระผู้ทรงครอบครองทุกสรรพสิ่งเสด็จมาแล้ว ??โลกและสวรรค์ ความรุ่งโรจน์และอาณาจักร เป็นของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของมวลมนุษย์ พระผู้ครอบครองบัลลังก์เบื้องบนและพิภพเบื้องล่าง!

จากนี้ขอให้เขาก้มลงเอามือวางบนหัวเข่าทั้งสองข้าง ??แล้วกล่าวว่า :

พระองค์ทรงความประเสริฐเหนือการสรรเสริญของข้าพเจ้าและทุกคน ??เหนือการพรรณนาของข้าพเจ้าและทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และทุกคนที่อยู่บนโลก!

จากนี้ขอให้ยืนขึ้น ??หันฝ่ามือเข้าหาใบหน้า ??แล้วกล่าวว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ??ขอทรงอย่าทำให้ผู้ที่ยึดชายผ้าแห่งความปรานีและกรุณาธิคุณของพระองค์ด้วยนิ้วที่วิงวอนต้องผิดหวัง ??ข้าแต่พระผู้ทรงปรานีที่สุดในบรรดาผู้ที่แสดงความปรานี!

จากนี้ขอให้เขานั่งลง ??แล้วกล่าวว่า :

ข้าพเจ้าขอเป็นพยานต่อเอกภาพและความเป็นหนึ่งของพระองค์ ??ขอเป็นพยานว่าพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า และไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ??แท้จริงแล้วพระองค์ได้เปิดเผยศาสนาของพระองค์ ได้ทำตามพระปฏิญญาของพระองค์ และได้เปิดประตูแห่งกรุณาธิคุณของพระองค์สำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ในสวรรค์และบนโลก ??พระพรและสันติสุข การสดุดีและความรุ่งโรจน์ สถิตอยู่กับบรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์ ผู้ซึ่งไม่ถูกความเปลี่ยนแปลงและความบังเอิญของโลกมายับยั้งมิให้หันมาหาพระองค์ ??และได้ให้ทุกอย่างของตนด้วยความหวังที่จะได้รับสิ่งที่อยู่กับพระองค์ ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงอภัยเสมอ พระผู้ทรงอารี

พระบาฮาอุลลาห์

บทอธิษฐานบังคับประจำวันบทสั้น

สำหรับใช้สวดหนึ่งครั้งทุก 24 ชั่วโมงเวลาเที่ยงวัน

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ??ข้าพเจ้าขอเป็นพยานว่า พระองค์ทรงสร้างข้าพเจ้าขึ้นมาเพื่อให้รู้จักและบูชาพระองค์ ??บัดนี้ข้าพเจ้าให้การยืนยันความไร้อำนาจของข้าพเจ้าและเดชานุภาพของพระองค์ ความยากไร้ของข้าพเจ้าและความมั่งคั่งของพระองค์ ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ??พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง

พระบาฮาอุลลาห์

บทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า! ??นี้คือคนรับใช้ของพระองค์ คือบุตรของคนรับใช้ของพระองค์ ??ที่เชื่อในพระองค์และสัญลักษณ์ของพระองค์ หันหน้ามาหาพระองค์ ??ปล่อยวางจากทุกสิ่งนอกจากพระองค์ แท้จริงแล้วในบรรดาผู้ที่แสดงความปรานี ??พระองค์คือพระผู้ทรงปรานีที่สุด

ข้าแต่พระผู้ทรงอภัยบาปและปกปิดข้อบกพร่องของมนุษย์ ??ขอทรงปฏิบัติต่อเขาอย่างเหมะสมกับนภาแห่งความอารีและมหาสมุทรแห่งกรุณาธิคุณของพระองค์ ??ขอทรงอนุญาตให้เขาเข้ามาในอาณาบริเวณแห่งความปรานีที่เหนือธรรมดาของพระองค์ ซึ่งดำรงอยู่ก่อนการสร้างโลกและสวรรค์ ??ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงอภัยเสมอ พระผู้ทรงเอื้อเฟื้อที่สุด

จากนี้ขอให้กล่าวคำว่า ??อัลลา อู อับฮา? ?6 ครั้ง ??แล้วสวดวจนะแต่ละท่อนต่อไปนี้ 19 ครั้ง

เราทุกคนบูชาพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

เราทุกคนน้อมคำนับพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

เราทุกคนอุทิศตนต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

เราทุกคนสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

เราทุกคนขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

เราทุกคนอดทนในพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

(หากผู้ตายเป็นหญิง ??ขอให้กล่าวว่า : นี้คือหญิงรับใช้ของพระองค์ ??คือธิดาของหญิงรับใช้ของพระองค์)

พระบาฮาอุลลาห์

คำถามและคำตอบ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

? ? ? ? ? คำตอบ: เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเริ่มต้นตอนเย็นของวันที่สิบสามในเดือนที่สองของปีที่นับตามคัมภีร์บายัน ??ในวันที่หนึ่ง เก้าและสิบสองของเทศกาลนี้ เป็นข้อห้ามมิให้ทำงาน

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับเทศกาลวันประสูติแฝด

? ? ? ? ? คำตอบ: เวลาประสูติของพระผู้ทรงความงามอับฮา?(พระบาฮาอุลลาห์)?ตรงกับรุ่งอรุณของวันที่สองของเดือนโมฮารัม?(เดือนแรกของปฏิทินจันทรคติของอิสลาม)?ซึ่งวันแรกของเดือนนี้เป็นวันประสูติของพระผู้เสด็จนำมาก่อนพระองค์ ??สองวันนี้ถือเป็นหนึ่งเดียวกันในสายตาของของพระผู้เป็นเจ้า

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะสำหรับการสมรส?(ในภาษาอาหรับ ??วจนะสองท่อนนี้ต่างกันตามเพศ)

? ? ? ? ? คำตอบ: สำหรับบุรุษ : ??เราทุกคนจะยึดถือพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง? ?สำหรับสตรี : ??เราทุกคนจะยึดถือพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

  1. คำถาม😕หากชายคนหนึ่งเดินทางไปโดยไม่ระบุเวลาว่าจะกลับมาเมื่อไร ??กล่าวคือ ไม่ระบุว่าเขาจะไม่อยู่นานเท่าไร และหลังจากนั้นไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขา ??และร่องรอยทั้งหมดเกี่ยวกับเขาสูญหายไป ภรรยาของเขาควรดำเนินการอย่างไร?

คำตอบ: หากเขาไม่กำหนดเวลาที่จะกลับมาทั้งๆ ที่รู้เงื่อนไขในคีตาบีอัคดัสเกี่ยวกับเรื่องนี้ ??ภรรยาควรรอหนึ่งปีเต็ม หลังจากนั้นภรรยามีอิสระที่จะเลือกวิถีทางที่น่าสรรเสริญหรือมีสามีใหม่ ??อย่างไรก็ตามหากสามีไม่รู้เงื่อนไขนี้ ภรรยาควรอดทนจนกว่าจะถึงเวลาที่พระผู้เป็นเจ้าปรารถนาจะเปิดเผยชะตาของเขาให้เธอทราบ ??วิถีทางที่น่าสรรเสริญในที่นี้หมายความว่าให้อดทน

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะศักดิ์สิทธิ์ : ??เมื่อเราได้ยินเสียงเรียกร้องของเด็กที่ยังไม่เกิด ??เราเพิ่มส่วน แบ่งให้พวกเขาเป็นสองเท่า และลดส่วนแบ่งของคนอื่นที่เหลือ?

คำตอบ?: ตามคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า ??ทรัพย์สินของผู้ตายถูกแบ่งเป็น 2520 หน่วย ??ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดที่ทุกตัวเลขตั้งแต่หนึ่งถึงเก้าหารได้ลงตัว ??และหน่วยเหล่านี้แจกจ่ายออกเป็นเจ็ดก้อน แต่ละก้อนจัดสรรให้แก่ผู้รับมรดกแต่ละประเภทตามที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ ??ตัวอย่างเช่น ลูกได้รับ 9 เท่าของ 60 หน่วย รวมเป็น 540 หน่วย ดังนั้นความหมายของวาทะ ??เราเพิ่มส่วนแบ่งให้พวกเขาเป็นสองเท่า? ?คือ ??ลูกได้รับเพิ่มอีก 9 เท่า ทำให้ลูกได้สิทธิ์ทั้งหมด 18 เท่า ส่วนที่ลูกได้เพิ่มพิเศษนี้หักมาจากส่วนแบ่งของผู้รับมรดกประเภทอื่น ตัวอย่างเช่น ??แม้จะลิขิตไว้ว่าคู่สมรสได้สิทธิ์ถึง 8 ส่วนซึ่งเท่ากับ 8 เท่าของ 60 หน่วย แต่โดยการจัดสรรใหม่นี้ หนึ่งเท่าครึ่งซึ่งเท่ากับ 90 หน่วยถูกหักออกจากส่วนแบ่งของคู่สมรสและนำมาจัดสรรให้ลูก ??และคล้ายกันในกรณีของผู้รับมรดกประเภทอื่น ผลก็คือจำนวนทั้งหมดที่หักมา เท่ากับ 9 เท่าของ 60 หน่วยที่จัดสรรให้ลูก

  1. คำถาม😕จำเป็นหรือไม่ที่พี่ชายน้องชายจะต้องสืบเชื้อสายมาจากทั้งฝ่ายบิดาและมารดาของผู้ตาย ??จึงจะมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งมรดก หรือเพียงแต่มีบิดาหรือมารดาเดียวกันก็พอ?

คำตอบ: หากพี่ชายหรือน้องชายสืบเชื้อสายมาจากบิดาเดียวกัน ??เขาจะได้รับส่วนแบ่งมรดกตามที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์ แต่ถ้าเขาสืบเเชื้อสายมาจากมารดาเดียวกัน ??เขาจะได้รับเพียงสองในสามของสิทธิ์นั้น อีกหนึ่งในสามจะตกเป็นของสภายุติธรรม คำวินิจฉัยนี้ใช้กับพี่สาวน้องสาวด้วยเช่นกัน

  1. คำถาม😕หนึ่งในข้อกำหนดเกี่ยวกับมรดกคือหากผู้ตายไม่มีลูก ??ทรัพย์สินที่เป็นส่วนแบ่งของลูกจะตกเป็นของสภายุติธรรม ??ในกรณีที่ไม่มีผู้รับมรดกประเภทอื่นด้วยเช่น บิดา มารดา ??พี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาวและครู ส่วนแบ่งมรดกของพวกเขาจะตกเป็นของสภายุติธรรมด้วยหรือไม่ ??หรือมีวิธีจัดการแบบอื่น?

คำตอบ: วจนะศักดิ์สิทธิ์นั้นเพียงพอ ??พระองค์ทรงกล่าวว่าและพระวจนะของพระองค์นั้นประเสริฐ : ????หากผู้ตายไม่มีลูก ส่วนแบ่งของลูกให้ตกเป็นของสภายุติธรรม? ?ฯลฯ และ ??หากผู้ตายมีลูกแต่ไม่มีผู้รับมรดกประเภทอื่นที่ระบุไว้ในคัมภีร์ ??ลูกจะได้รับสองในสามของมรดกนั้น ส่วนที่เหลือหนึ่งในสามจะตกเป็นของสภายุติธรรม? ?ฯลฯ กล่าวคือเมื่อไม่มีลูก ส่วนแบ่งมรดกของลูกจะตกเป็นของสภายุติธรรม ??และเมื่อมีลูกแต่ไม่มีผู้รับมรดกประเภทอื่น สองในสามของมรดกนั้นจะเป็นของลูก ที่เหลือหนึ่งในสามจะเป็นของสภายุติธรรม คำวินิจฉัยนี้ใช้กับทั้งกรณีทั่วไปและเจาะจง ??กล่าวคือ เมื่อใดก็ตามที่ไม่มีผู้รับมรดกประเภทอื่นใด สองในสามของมรดกของพวกเขาจะเป็นของลูก ที่เหลือหนึ่งในสามจะเป็นของสภายุติธรรม

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับจำนวนเงินที่เป็นฐานของการจ่ายฮูคุคูลลาห์

คำตอบ: จำนวนเงินที่เป็นฐานของการจ่ายฮูคุคูลลาห์คือทองสิบเก้ามิสกัล ??กล่าวคือ เมื่อมีเงินที่มีค่าเท่ากับจำนวนนี้จะต้องมีการจ่ายฮูคุคูลลาห์ ??ทำนองเดียวกันจะต้องจ่ายฮุคุเมื่อค่าของทรัพย์สมบัติอื่นๆ มิใช่จำนวนสมบัติ ??มีถึงปริมาณที่กำหนดไว้ การจ่ายฮูคุคูลลาห์ไม่ทำมากกว่าหนึ่งครั้ง ตัวอย่างเช่น ??บุคคลหนึ่งหาทองมาได้หนึ่งพันมิสกัลและจ่ายฮูคุ จะไม่ต้องจ่ายอีกครั้งจากจำนวนนี้ แต่จะจ่ายจากสิ่งที่งอกเงยมาจากจำนวนนี้เท่านั้น ??เช่นจากพาณิชย์ ธุรกิจและที่คล้ายกัน เมื่อเงินที่เพิ่มขึ้นกล่าวคือเงินกำไรขึ้นมาถึงจำนวนที่กำหนดไว้ ผู้นั้นจะต้องปฏิบัติตามที่พระผู้เป็นเจ้ามีโองการไว้ ??ต่อเมื่อเงินต้นเปลี่ยนมือไป เงินจำนวนนั้นจึงจะต้องจ่ายฮูคุอีกครั้งเหมือนกับครั้งแรก พระผู้เป็นจุดปฐมทรงสั่งไว้ว่า ฮูคุต้องจ่ายจากค่าของสิ่งใดก็ตามที่ผู้นั้นครอบครอง ??กระนั้นในยุคศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ เราได้ยกเว้นเครื่องตกแต่งบ้าน นั่นคือเครื่องตกแต่งบ้านที่จำเป็นและตัวที่อยู่อาศัยเอง

  1. คำถาม😕อะไรต้องมาก่อน : ฮูคุคูลลาห์ ??หนี้สินของผู้ตาย หรือค่าใช้จ่ายงานศพและการฝังศพ?

คำตอบ: งานศพและการฝังศพต้องมาก่อน ??จากนั้นจึงชำระหนี้สิน ต่อมาจึงจ่ายฮูคุคูลลาห์ ??หากทรัพย์สมบัติของผู้ตายไม่พอที่จะชำระหนี้สินของตน ??ทรัพย์สมบัติที่เหลือควรนำมาแจกจ่ายเพื่อชำระหนี้เหล่านี้ตามสัดส่วน

  1. คำถาม😕การโกนศีรษะเป็นข้อห้ามในคีตาบีอัคดัส ??แต่บัญชาไว้ในสุเรเย่ฮัจ

??คำตอบ?: ทุกคนมีหน้าที่เชื่อฟังคีตาบีอัคดัส ??อะไรก็ตามที่เปิดเผยไว้ในคัมภีร์นี้คือกฎของพระผู้เป็นเจ้าในหมู่คนรับใช้ของพระองค์ ??บทบัญญัติที่ให้ผู้แสวงบุญที่จะไปยังบ้านศักดิ์สิทธิ์โกนศีรษะ เป็นที่ยกเลิก

  1. คำถาม😕หากสามีและภรรยามีเพศสัมพันธ์กันระหว่างปีแห่งความอดทน ??แล้วทั้งสองกลับหมางเมินกันอีกหลังจากนั้น ทั้งสองต้องเริ่มต้นนับปีแห่งความอดทนใหม่ ??หรือว่านำจำนวนวันก่อนการมีเพศสัมพันธ์มานับต่อให้ครบปี? ?และเมื่อการหย่าร้างเกิดขึ้นแล้ว ??จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องรอต่อไปอีกระยะหนึ่ง?

? ? ? ? ? คำตอบ: หากความเสน่หาฟื้นคืนมาระหว่างสามีและภรรยาในปีแห่งความอดทน ??สายสัมพันธ์ของการสมรสยังคงมีผล และต้องปฏิบัติตามที่บัญชาไว้ในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า ??แต่เมื่อปีแห่งความอดทนสิ้นสุดลง และสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ามีโองการไว้บังเกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอคอยต่อไปอีกระยะหนึ่ง ??เพศสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยาในปีแห่งความอดทนเป็นข้อห้าม ใครที่กระทำสิ่งนี้ต้องขอการอภัยจากพระผู้เป็นเจ้า และต้องจ่ายค่าปรับเป็นทองสิบเก้ามิสกัลให้แก่สภายุติธรรมเป็นการลงโทษ

  1. คำถาม😕หากเกิดความรังเกียจกันระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหลังจากที่อ่านวจนะสำหรับการสมรสแล้ว ??และมีการจ่ายสินสอดแล้ว จะหย่าร้างโดยไม่ต้องรอหนึ่งปีแห่งความอดทนได้หรือไม่?

? ? ? ? ? คำตอบ: หลังจากที่อ่านวจนะสำหรับการสมรสและมีการจ่ายสินสอดแล้ว ??อาจขอหย่าร้างได้โดยชอบธรรม แต่ต้องก่อนจะมีเพศสัมพันธ์กัน ??ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องรอหนึ่งปีแห่งความอดทน แต่ไม่อนุญาตให้มีการคืนสินสอด

  1. คำถาม😕ความยินยอมจากบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายเป็นเงื่อนไขสำหรับการสมรส ??หรือยินยอมโดยบิดามารดาของฝ่ายเดียวก็พอ? ?กฎนี้ใช้กับสาวบริสุทธิ์เท่านั้นหรือใช้กับคนอื่นด้วยเช่นกัน?

? ? ? ? ? คำตอบ: การสมรสขึ้นกับความยินยอมของบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายที่จะสมรสกัน ??และในแง่นี้แล้วไม่ว่าเจ้าสาวจะเป็นสาวบริสุทธิ์หรือไม่ก็ไม่ต่างกัน

  1. คำถาม😕ศาสนิกชนได้รับบัญชาให้หันหน้าไปทางเกบเบรขณะที่สวดบทอธิษฐานบังคับ ??พวกเขาควรหันไปทางทิศไหนเวลาสวดบทอธิษฐานอื่นๆ?

คำตอบ: การหันหน้าไปทางเกบเบรเป็นเงื่อนไขที่ตายตัวสำหรับการสวดบทอธิษฐานบังคับ ??แต่สำหรับบทอธิษฐานอื่นๆ ผู้นั้นอาจถือตามที่พระผู้เป็นนายผู้ทรงปรานีเปิดเผยไว้ในคัมภีร์โกรอ่าน : ??ไม่ว่าเจ้าจะหันไปทางไหน ??ก็มีพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าในมาชเรโกล อัซการ์ ??ยามรุ่งอรุณ?

คำตอบ:?แม้คัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าใช้คำว่า ??ยามรุ่งอรุณ? ???เวลาที่พระผู้เป็นเจ้ายอมรับคือตอนเช้าตรู่ที่สุด ระหว่างเช้าตรู่และดวงอาทิตย์ขึ้น ??และไปถึงสองชั่วโมงหลังดวงอาทิตย์ขึ้น

  1. คำถาม😕บทบัญญัติที่ว่าร่างของผู้ตายไม่ควรถูกเคลื่อนย้ายไปไกลกว่าระยะทางเดินทางหนึ่งชั่วโมง ??ใช้กับการเดินทางทั้งทางบกและทางทะเลหรือไม่?

คำตอบ: บัญชานี้ใช้กับระยะทางทั้งทางบกและทางทะเล ??ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งชั่วโมงโดยเรือไอน้ำหรือรถไฟ เจตนาคือเวลาหนึ่งชั่วโมงไม่ว่าจะเคลื่อนย้ายโดยวิธีใด ??อย่างไรก็ตามยิ่งฝังเร็วเท่าไรก็ยิ่งเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับ

  1. คำถาม😕เมื่อพบทรัพย์สินที่สูญหายไป ??ควรปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างไร?

??คำตอบ?: หากพบทรัพย์สินนั้นในเมืองจะต้องให้ผู้ประกาศของเมืองประกาศการพบนั้น ??และเมื่อพบเจ้าของก็ควรมอบให้เขา ไม่เช่นนั้นแล้วผู้ที่พบทรัพย์สินนั้นควรรอหนึ่งปี ??หากระหว่างหนึ่งปีนี้รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ผู้พบควรได้รับค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกาศจากเจ้าของและคืนทรัพย์สินนั้นให้เขา ??ต่อเมื่อหนึ่งปีผ่านไปโดยไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ผู้พบสามารถครอบครองทรัพย์สินนั้นได้ หากค่าของทรัพย์สินนั้นน้อยกว่าหรือเท่ากับค่าธรรมเนียมของผู้ประกาศ ??ผู้พบควรรอหนึ่งวันนับจากเวลาที่พบ และเมื่อสิ้นสุดหนึ่งวันหากยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ เขาสามารถใช้ทรัพย์สินนั้นได้ และในกรณีที่พบทรัพย์สินในพื้นที่ที่ไม่มีคนอาศัย ??ผู้พบควรรอสามวัน ซึ่งเมื่อผ่านไปสามวันแล้วยังไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ เขามีอิสระที่จะครอบครองสิ่งที่พบ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการชำระมือและใบหน้า ??ตัวอย่างเช่น หากบุคคลหนึ่งพึ่งอาบน้ำทั่วร่างกาย ??เขายังจะต้องชำระมือและใบหน้าอีกหรือไม่?

??คำตอบ?: บทบัญญัติเกี่ยวกับชำระมือและใบหน้าจะต้องปฏิบัติไม่ว่าในกรณีใด

  1. คำถาม😕หากบุคคลหนึ่งวางแผนจะอพยพออกจากประเทศของตน ??และภรรยาของเขาคัดค้าน และการตกลงกันไม่ได้นี้ลงเอยที่การหย่าร้าง ??หากการเตรียมการเดินทางของเขายืดไปจนกระทั่งหนึ่งปีผ่านไป ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นปีแห่งความอดทนหรือไม่ ??หรือถือว่าวันที่สามีและภรรยาแยกจากกันเป็นจุดเริ่มต้นของปีดังกล่าว?

คำตอบ?: จุดเริ่มต้นสำหรับการนับคือวันที่สามีและภรรยาแยกจากกัน ??และดังนั้นหากทั้งสองแยกกันอยู่หนึ่งปีก่อนที่สามีจะจากไป และหากสุคนธรสแห่งความเสน่หาไม่หวนคืนมาระหว่างสามีและภรรยา ??ก็หย่าร้างกันได้ มิฉะนั้นแล้วต้องเริ่มนับจากวันที่สามีจากไป และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่แจงไว้ในคีตาบีอัคดัส

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับอายุที่บรรลุวุฒิภาวะในแง่ของหน้าที่ทางศาสนา

? ? ? ? ? คำตอบ?: อายุที่บรรลุวุฒิภาวะคือสิบห้าปีทั้งชายและหญิง

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะศักดิ์สิทธิ์ : ??ระหว่างเดินทาง ??หากเจ้าหยุดพักในบริเวณที่ปลอดภัย…จงหมอบราบลงหนึ่งครั้งแทนบทอธิษฐานบังคับที่ไม่ได้สวดแต่ละครั้ง…?

คำตอบ?: การหมอบราบนี้เป็นการชดเชยบทอธิษฐานบังคับที่ไม่ได้สวดในระหว่างเดินทางและเพราะว่าสถานการณ์ไม่ปลอดภัย ??เมื่อถึงเวลาอธิษฐานหากผู้เดินทางพบว่าตนเองพักอยู่ในสถานที่ปลอดภัย เขาควรสวดบทอธิษฐานนั้น ข้อกำหนดเกี่ยวกับการหมอบราบชดเชยนี้ใช้กับทั้งที่บ้านและระหว่างเดินทาง

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับนิยามของการเดินทาง????????

? ? ? ? ? คำตอบ?: นิยามของการเดินทางคือเก้าชั่วโมงตามนาฬิกา ??หากผู้เดินทางหยุด ณ สถานที่แห่งหนึ่ง และคิดว่าจะอยู่ที่นั่นไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือนตามการนับของคัมภีร์บายัน ??เป็นหน้าที่ของเขาที่จะถือศีลอด แต่ถ้าน้อยกว่าหนึ่งเดือน เขาได้รับการยกเว้นจากการถือศีลอด หากในช่วงเวลาที่ถือศีลอดเขามาถึงสถานที่ที่เขาจะอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือนตามคัมภีร์บายัน ??เขาไม่ควรถือศีลอดจนกระทั่งสามวันจะผ่านไป หลังจากนั้นให้ถือศีลอดตลอดช่วงเวลาที่เหลือ แต่ถ้าหากเขามาถึงบ้านของตนซึ่งเป็นที่อาศัยถาวร เขาต้องเริ่มถือศีลอดในวันแรกหลังจากที่มาถึง

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการลงโทษชายหญิงที่มีชู้

คำตอบ?: จะต้องจ่ายเก้ามิสกัลสำหรับการกระทำผิดครั้งแรก ??สิบแปดมิสกัลสำหรับครั้งที่สอง สามสิบหกสำหรับครั้งที่สาม ??และเป็นเช่นนี้ต่อไปคือค่าปรับครั้งต่อไปจะเป็นสองเท่าของครั้งก่อน ??น้ำหนักหนึ่งมิสกัลเท่ากับสิบเก้าโนคทตามที่คัมภีร์บายันระบุไว้

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการล่าสัตว์

คำตอบ?: พระองค์ทรงกล่าวว่า ??ความประเสริฐจงมีแด่พระองค์ ??หากเจ้าล่าสัตย์โดยการใช้สัตว์ป่าหรือนกล่าเหยื่อ? ?หรือสัตว์อื่นๆ ??วิธีการอื่นเช่นคันธนูและลูกธนู ปืน และอุปกรณ์ที่คล้ายกันที่ใช้ในการล่าสัตว์ ถือว่าอยู่ในข่ายเดียวกัน ??อย่างไรก็ตามหากใช้กับดักและสัตว์ตายก่อนที่จะไปถึง เป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายที่จะบริโภคสัตว์นั้น

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการไปแสวงบุญ

คำตอบ?: เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่จะต้องไปแสวงบุญที่บ้านศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสองหลังที่มีอยู่ ??แต่จะเลือกไปบ้านไหนแล้วแต่ผู้แสวงบุญจะตัดสินใจ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับสินสอด

? ? ? ? ? คำตอบ?: เกี่ยวกับสินสอด ??ความพึงพอใจกับขั้นต่ำหมายถึงเงินสิบเก้ามิสกัล

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะศักดิ์สิทธิ์ 😕 อย่างไรก็ตามหากมีข่าวการตาย…ของสามีมาถึงเธอ? ?ฯลฯ

คำตอบ?: เกี่ยวกับการรอ ??จำนวนเดือนที่กำหนดไว้? ?หมายถึงช่วงเวลาเก้าเดือน

  1. คำถาม😕เช่นกันมีการสอบถามเกี่ยวกับส่วนแบ่งมรดกของครู

คำตอบ?: หากครูเสียชีวิตไปแล้ว ??หนึ่งในสามของส่วนแบ่งของครูจะตกเป็นของสภายุติธรรม ??และที่เหลือสองในสามจะเป็นของลูกของผู้ตาย มิใช่ลูกของครู

  1. คำถาม😕เช่นกันมีการสอบถามเกี่ยวกับการไปแสวงบุญ

คำตอบ?: การไปแสวงบุญที่บ้านศักดิ์สิทธิ์ที่บัญชาไว้ ??หมายถึงบ้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแบกแดดและบ้านของพระผู้เป็นจุดปฐมในชีราซ ??การไปแสวงบุญบ้านหลังใดหลังหนึ่งนี้ถือว่าเพียงพอ ดังนี้พวกเขาอาจไปแสวงบุญที่บ้านที่ใกล้กับสถานที่ที่ตนอาศัย

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะ ??ผู้ที่อยากมีหญิงรับใช้มารับใช้ตนก็ทำได้ตามควร?

คำตอบ?: นี้หมายถึงเฉพาะการรับใช้ที่คนรับใช้ชนชั้นอื่นๆ ก็ทำได้ ไม่ว่าจะเยาว์วัยหรือสูงวัย ??เพื่อแลกกับค่าจ้าง หญิงรับใช้ดังกล่าวมีอิสระที่จะเลือกสามีในเวลาใดก็ตามที่เธอปรารถนา ??เพราะเป็นข้อห้ามมิให้มีการซื้อผู้หญิง และมิให้ผู้ชายมีภรรยามากกว่าสองคน

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะศักดิ์สิทธิ์ : ??พระผู้เป็นนายทรงห้ามวิธีปฏิบัติที่เจ้าเคยใช้เมื่อเจ้าได้หย่าผู้หญิงคนหนึ่งสามครั้ง??

คำตอบ?: นี้เป็นการพาดพิงถึงกฎเมื่อแต่ก่อนที่ให้ชายคนหนึ่งจะต้องสมรสกับหญิงดังกล่าว ??ก่อนที่หญิงนั้นจะสมรสกับสามีเก่าของเธอได้อีกครั้ง วิธีปฏิบัติเช่นนี้ถูกห้ามในคัตาบีอัคดัส

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการปฏิสังขรณ์และการอารักษ์บ้านสองหลังที่อยู่ ณ ตำแหน่งแฝด ??และสถานที่อื่นๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์

คำตอบ?: บ้านสองหลังนี้หมายถึงบ้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและบ้านของพระผู้เป็นจุดปฐม ??สำหรับสถานที่อื่นๆ ประชาชนในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของสถานที่เหล่านั้น สามารถเลือกอารักษ์แต่ละบ้านที่เป็นที่ตั้งของบัลลังก์ ??หรือเลือกอารักษ์บ้านหลังใดหลังหนึ่ง

  1. คำถาม😕เช่นกันมีการสอบถามเกี่ยวกับมรดกของครู

คำตอบ?: หากครูไม่ใช่ประชาชนแห่งบาฮา ??เขาไม่ได้รับมรดก หากมีครูหลายคน ??ส่วนแบ่งนั้นควรแบ่งให้ครูเท่าๆ กัน ??หากครูเสียชีวิตไปแล้ว ลูกของครูไม่ได้รับมรดกแทน ??แต่สองในสามของมรดกนั้นจะเป็นของลูกๆ ของเจ้าของทรัพย์สิน ??และที่เหลือหนึ่งในสามจะเป็นของสภายุติธรรม

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยที่มอบให้ลูกชายเท่านั้น

คำตอบ?: หากมีที่อยู่อาศัยหลายแห่ง ??จะถือเอาที่งดงามและวิจิตรที่สุด ??ที่อยู่อาศัยที่เหลือให้แจกจ่ายในหมู่ผู้รับมรดกทั้งหมดเช่นเดียวกับทรัพย์สมบัติอื่นๆ ??ทายาทคนใดในประเภทใดก็ตามที่อยู่นอกศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ถูกนับว่าไม่มีและไม่ได้รับมรดก

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับนอร์รูซ

คำตอบ?: เทศกาลนอร์รูซตรงกับวันที่ดวงอาทิตย์เข้าสู่จักรราศีแอรี?(วสันตวิษุวัตในซีกโลกตอนเหนือ)?แม้ว่าจะเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนดวงอาทิตย์ตก

  1. คำถาม😕หากวันครบรอบวันประสูติแฝดวันใดวันหนึ่ง ??หรือครบรอบวันประกาศพันธกิจของพระบ๊อบตรงกับวันถือศีลอด ??จะทำอย่างไร?

คำตอบ?: หากงานฉลองวันประสูติแฝดหรือวันประกาศพันธกิจของพระบ๊อบอยู่ในเดือนถือศีลอด ??คำบัญชาให้ถือศีลอดจะไม่บังคับใช้ในวันนั้น

  1. คำถาม😕ในบทบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้จัดการมรดก ??ที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าของผู้ตายถูกจัดสรรให้ลูกชาย ??ข้อกำหนดนี้หมายถึงถึงทรัพย์สินของบิดาเท่านั้น หรือใช้กับทรัพย์สินของมารดาด้วย?

คำตอบ?: เสื้อผ้าที่ใช้แล้วของมารดาควรแบ่งให้ลูกสาวเท่าๆ กัน ??แต่ทรัพย์สินของมารดาที่เหลือรวมทั้งบ้านและที่ดิน เพชรพลอย ??และเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใช้ จะต้องแจกจ่ายให้ผู้รับมรดกทุกคนตามวิธีการที่เปิดเผยไว้ในคีตาบีอัคดัส ??อย่างไรก็ตามหากผู้ตายไม่มีลูกสาว ทรัพย์สินทั้งหมดของเธอต้องแบ่งตามวิธีที่ระบุไว้สำหรับผู้ชายในพระธรรมศักดิ์สิทธิ์

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการหย่าร้างที่จะต้องรอปีแห่งความอดทนก่อน ??หากฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียวปรารถนาจะคืนดี จะทำอย่างไร?

คำตอบ?: ตามบทบัญญัติที่เปิดเผยไว้ในคีตาบีอัคดัส ??ทั้งสองฝ่ายต้องพึงพอใจ การกลับมาอยู่ร่วมกันจะทำไม่ได้นอกจากทั้งสองจะเต็มใจ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับสินสอด ??จะเป็นอย่างไรหากเจ้าบ่าวไม่สามารถจ่ายสินสอดครบจำนวน ??แต่ให้หนังสือสัญญาการจ่ายอย่างเป็นทางการแก่เจ้าสาว ณ เวลาที่ทำพิธีสมรสด้วยความเข้าใจว่า ????เขาจะทำตามสัญญานั้นเมื่อเขาสามารถทำได้?

คำตอบ?: พระผู้เป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจอนุญาตให้ใช้วิธีปฏิบัตินี้ได้

  1. คำถาม😕หากในระหว่างปีแห่งความอดทน ??สุคนธรสแห่งความเสน่หาฟื้นคืนมา ??แต่ก็ตามมาด้วยความรังเกียจกัน และสามีภรรยารู้สึกเสน่หาสลับกับรังเกียจกันตลอดปี ??และปีแห่งความอดทนสิ้นสุดที่ความรังเกียจกัน จะให้หย่าร้างกันได้หรือไม่?

คำตอบ?: ในแต่ละกรณีเมื่อใดก็ตามที่เกิดความรังเกียจกัน ??ปีแห่งความอดทนเริ่มต้นในวันนั้น และต้องให้ครบหนึ่งปีบริบูรณ์

  1. คำถาม😕ที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าของผู้ตายจะต้องมอบให้แก่ลูกชาย ??มิใช่ลูกสาวหรือทายาทคนอื่นๆ หากผู้ตายไม่มีลูกชายจะทำอย่างไร?

คำตอบ?: พระองค์กล่าวว่า ??ความประเสริฐจงมีแด่พระองค์ : ??หากผู้ตายไม่มีลูก ??ส่วนแบ่งของลูกจะตกเป็นของสภายุติธรรม…? ?ตามวจนะศักดิ์สิทธิ์นี้ ??ที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าของผู้ตายจะตกเป็นของสภายุติธรรม

  1. คำถาม😕บทบัญญัติฮูคุคูลลาห์ถูกเปิดเผยไว้ในคีตาบีอัคดัส ??ที่อยู่อาศัยพร้อมกับสิ่งติดตั้งและเครื่องตกแต่งที่จำเป็น ??ถูกนับว่าเป็นทรัพย์สินที่จะต้องจ่ายฮูคุหรือไม่ หรือเป็นอย่างอื่น?

คำตอบ:?ในกฎที่เปิดเผยเป็นภาษาเปอร์เซีย ??เราบัญญัติไว้ว่าในยุคศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ ??ที่อยู่อาศัยและเครื่องตกแต่งบ้านได้รับการยกเว้น กล่าวคือเครื่องตกแต่งที่จำเป็น

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการหมั้นเด็กหญิงก่อนบรรลุวุฒิภาวะ

คำตอบ?: พระผู้เป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจประกาศไว้ว่า ??วิธีปฏิบัติเช่นนี้ไม่ถูกกฎหมาย และไม่ถูกกฎหมายที่จะประกาศการสมรสมากกว่าเก้าสิบห้าวันก่อนพิธีแต่งงาน

  1. คำถาม😕ตัวอย่างเช่น ??หากบุคคลหนึ่งมีหนึ่งร้อยโทมาน ??จ่ายฮูคุจากเงินจำนวนนี้ แล้วสูญเงินครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้ไปในธุรกิจที่ไม่ประสบความสำเร็จ ??จากนั้นเงินที่อยู่ในมือเพิ่มขึ้นมาโดยการค้าถึงจำนวนที่ต้องจ่ายฮูคุ บุคคลนี้จะต้องจ่ายฮูคุหรือไม่?

คำตอบ?: ในกรณีเช่นนี้ไม่ต้องจ่ายฮูคุ

  1. คำถาม😕หลังจากที่จ่ายฮูคุแล้ว ??หากจำนวนเงินหนึ่งร้อยโทมานเดียวกันนี้สูญไปหมด ??แต่ต่อมาได้มาอีกโดยการค้าและธุรกิจ จะต้องจ่ายฮูคุเป็นครั้งที่สองหรือไม่?

คำตอบ?: ในกรณีนี้เช่นกันไม่จำเป็นต้องจ่ายฮูคุ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะศักดิ์สิทธิ์ ??พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติชีวิตสมรสแก่เจ้า? ?บทบัญญตินี้เป็นข้อบังคับหรือไม่?

คำตอบ?: ไม่ใช่ข้อบังคับ

  1. คำถาม😕สมมุติว่าชายคนหนึ่งสมรสกับหญิงคนหนึ่งโดยเชื่อว่าเธอเป็นสาวพรหมจารี ??และเขาได้จ่ายสินสอดให้เธอ แต่เมื่อเวลามีเพศสัมพันธ์เป็นที่ประจักษ์ว่าเธอมิได้เป็นสาวพรหมจารี ??จะต้องคืนค่าใช้จ่ายและสินสอดหรือไม่? ?และถ้าหากเงื่อนไขของการสมรสขึ้นกับความเป็นพรหมจารี การไม่บรรลุเงื่อนไขนี้จะทำให้สิ่งที่กำหนดไว้ตามเงื่อนไขเป็นโมฆะหรือไม่?

คำตอบ?: ในกรณีนี้เรียกค่าใช้จ่ายและสินสอดคืนได้ ??การไม่บรรลุเงื่อนไขนี้ทำให้สิ่งที่กำหนดไว้ตามเงื่อนไขเป็นโมฆะ ??อย่างไรก็ตามการปกปิดและให้อภัยเรื่องนี้คู่ควรกับรางวัลอันเหลือล้นในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า

  1. คำถาม😕? เจ้าได้รับบัญชาให้จัดงานฉลอง…? ???บัญชานี้เป็นบทบังคับหรือไม่?

คำตอบ?: ไม่ใช่บทบังคับ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับบทลงโทษการมีชู้ ??การร่วมเพศทางทวารหนัก การขโมย ??และความหนักเบาของการลงโทษ

คำตอบ?:?การกำหนดความหนักเบาของบทลงโทษอยู่ที่สภายุติธรรม

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการสมรสกับญาติพี่น้องว่าเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

คำตอบ?: ทำนองเดียวกันเรื่องนี้อยู่ที่บรรดาผู้พิทักษ์ของสภายุติธรรม

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการชำระมือและใบหน้าที่เปิดเผยไว้ว่า : ??ผู้ที่หาน้ำสำหรับชำระมือและใบหน้าไม่ได้ ??ขอให้สวดวจนะเหล่านี้ห้าครั้ง ??ในนามของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงความบริสุทธิ์ที่สุด พระผู้ทรงความบริสุทธิ์ที่สุด? ?????เป็นที่อนุญาตหรือไม่ที่จะสวดวจนะเหล่านี้ในเวลาหนาวจัด หรือหากมือและใบหน้ามีแผล?

คำตอบ?: ในเวลาหนาวจัดอาจใช้น้ำอุ่น ??หากมีแผลบนใบหน้าหรือมือ หรือมีเหตุผลอื่นเช่นความเจ็บปวดซึ่งจะเป็นอันตรายหากใช้น้ำ ??ผู้นั้นสามารถสวดวจนะที่บัญญัติไว้นี้แทนการชำระมือและใบหน้าได้

  1. คำถาม😕การสวดวจนะที่เปิดเผยไว้แทนบทอธิษฐานแห่งสัญลักษณ์ ??เป็นเรื่องบังคับหรือไม่?

คำตอบ?: ไม่ใช่เรื่องบังคับ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับมรดก ??เมื่อมีพี่น้องร่วมบิดามารดา ??พี่น้องร่วมมารดาอย่างเดียวจะได้รับส่วนแบ่งมรดกหรือไม่?

คำตอบ?: พวกเขาไม่ได้รับ

  1. คำถาม😕พระองค์ทรงกล่าวว่า ??ความประเสริฐจงมีแด่พระองค์ : ??หากลูกชายของผู้ตายเสียชีวิตไปก่อนผู้ตายและมีลูกที่ยังอยู่ ??ลูกจะได้รับมรดกที่เป็นส่วนแบ่งของบิดา…? ?หากลูกสาวเสียชีวิตไปก่อนบิดาของเธอ จะทำอย่างไร?

คำตอบ?: ส่วนแบ่งมรดกของเธอจะถูกนำมาแจกจ่ายในหมู่ผู้รับมรดกเจ็ดประเภทตามบัญญัติของคัมภีร์

  1. คำถาม😕หากผู้ตายเป็นหญิง ??ส่วนแบ่งมรดกของ ??ภรรยา? ?จะมอบให้ใคร?

คำตอบ?: ส่วนแบ่งมรดกของ ??ภรรยา? ?ถูกจัดสรรให้สามี

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการห่อร่างของผู้ตายที่มีโองการว่าให้ใช้ห้าผืน : ห้าผืนนี้หมายถึงผ้าห้าผืนที่ใช้กันมาตามธรรมเนียม ??หรือผ้าห่อศพที่ยาวจากศีรษะจรดเท้าห้าผืนหุ้มซ้อนกัน

คำตอบ?: เจตนาคือการใช้ผ้าห้าผืน

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะบางตอนที่ไม่ตรงกัน

คำตอบ?: หลายธรรมจารึกถูกเปิดเผยและส่งไปโดยไม่มีการตรวจสอบหรือทบทวน ??ต่อมาซึ่งเป็นไปตามบัญชา ธรรมจารึกทั้งหลายจึงถูกนำมาอ่านอีกครั้ง ณ เบื้องหน้าของพระองค์ ??และถูกปรับให้เข้ากับหลักไวยากรณ์ที่ประชาชนใช้กันอยู่ เพื่อป้องกันการหาเรื่องของศัตรูศาสนา ??อีกเหตุผลหนึ่งของวิธีปฏิบัติเช่นนี้คือ สำนวนใหม่ที่เริ่มโดยพระผู้เสด็จนำมาก่อน ขอให้ดวงวิญญาณของทุกคนนอกจากพระองค์ ??สละเพื่อเห็นแก่พระองค์ มีความยืดหยุ่นมากในการยึดหลักไวยากรณ์ ดังนั้นวจนะศักดิ์สิทธิ์จึงถูกเปิดเผยด้วยสำนวนที่ส่วนใหญ่เข้ากับภาษาที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ??เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและแสดงออกได้อย่างรวบรัด

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะศักดิ์สิทธิ์ : ??ระหว่างเดินทางหากเจ้าหยุดพักในที่ปลอดภัย…จงหมอบราบลงหนึ่งครั้งแทนบทอธิษฐานบังคับที่ไม่ได้สวดแต่ละครั้ง? ?: นี้เป็นการชดเชยบทอธิษฐานบังคับที่ไม่ได้สวดเพราะสภาพแวดล้อมไม่ปลอดภัย ??หรือให้งดบทอธิษฐานบังคับไปเลยระหว่างเดินทาง แล้วใช้การหมอบราบแทน?

คำตอบ?: เมื่อถึงเวลาสวดบทอธิษฐานบังคับหากไม่มีความปลอดภัย ??ผู้นั้นควรหมอบราบลงหนึ่งครั้งแทนบทอธิษฐานบังคับที่ไม่ได้สวดแต่ละครั้งเมื่อไปถึงบริเวณที่ปลอดภัย ??และหลังจากการหมอบราบครั้งสุดท้าย ให้นั่งขัดสมาธิและอ่านวจนะที่ระบุไว้ หากมีสถานที่ปลอดภัยไม่งดบทอธิษฐานบังคับระหว่างเดินทาง

  1. คำถาม😕หลังจากที่ผู้เดินทางหยุดพัก ??หากเป็นเวลาสำหรับบทอธิษฐานบังคับ ??เขาควรสวดบทอธิษฐานนั้นหรือหมอบราบแทนการสวด?

คำตอบ?: เว้นแต่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ??ไม่อนุญาตให้งดบทอธิษฐานบังคับ

  1. คำถาม😕หากไม่ได้สวดบทอธิษฐานบังคับหลายครั้ง ??และจำเป็นต้องหมอบราบหลายครั้ง จะต้องสวดวจนะหลังจากการหมอบราบชดเชยแต่ละครั้งหรือไม่

คำตอบ?: การสวดวจนะที่ระบุไว้หลังจากการหมอบราบครั้งสุดท้ายเป็นการเพียงพอ ??การหมอบราบหลายครั้งไม่จำเป็นต้องสวดวจนะซ้ำกันหลายครั้ง

  1. คำถาม😕หากไม่ได้สวดบทอธิษฐานบังคับขณะอยู่ที่บ้าน ??จะต้องชดเชยโดยการหมอบราบหรือไม่?

คำตอบ?: ในการตอบคำถามก่อนหน้านี้ ??เป็นที่ลิขิตไว้ว่า : ??ข้อกำหนดเกี่ยวกับการหมอบราบชดเชยนี้ใช้กับทั้งที่บ้านและระหว่างเดินทาง

  1. คำถาม😕หากผู้นั้นได้ชำระมือและใบหน้าด้วยจุดประสงค์อื่นแล้วถึงเวลาสวดบทอธิษฐานบังคับ ??การชำระมือและใบหน้าครั้งนั้นเพียงพอหรือไม่ หรือจะต้องทำใหม่?

คำตอบ?:?การชำระมือและใบหน้านั้นเพียงพอ ??และไม่จำเป็นต้องทำใหม่

  1. คำถาม😕ในคีตาบีอัคดัส ??บทอธิษฐานบังคับถูกบัญชาไว้ประกอบด้วยเก้ารัคอาห์ ??ให้สวดเวลาเที่ยงวัน เวลาเช้าและค่ำ แต่ธรรมจารึกที่ลิขิตบทอธิษฐานบังคับ (ที่ใช้กันอยู่เวลานี้) ดูเหมือนว่าต่างจากนี้

คำตอบ?: สิ่งที่เปิดเผยไว้ในคีตาบีอัคดัสเป็นบทอธิษฐานบังคับที่ต่างกัน ??ไม่กี่ปีก่อนบทบัญญัติจำนวนหนึ่งของคีตาบีอัคดัส รวมทั้งบทอธิษฐานบังคับบทนี้ ??ถูกบันทึกแยกไว้ต่างหากด้วยเหตุผลที่รอบคอบ และส่งไปพร้อมกับธรรมลิขิตศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ??เพื่อการอารักษ์และคุ้มครอง ต่อมาบทอธิษฐานบังคับสามบทนี้จึงถูกเปิดเผย

  1. คำถาม😕ในการกำหนดเวลา ??เป็นที่อนุญาตหรือไม่ที่จะถือตามนาฬิกาแขวนและนาฬิกาข้อมือ?

คำตอบ?: เป็นที่อนุญาตที่จะถือตามนาฬิกาแขวนและนาฬิกาข้อมือ

  1. คำถาม😕ในธรรมจารึกที่ลิขิตบทอธิษฐานบังคับมีสามบทเปิดเผยไว้ ??จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องสวดทั้งสามบท?

คำตอบ?: เป็นที่บัญชาไว้ให้สวดหนึ่งในสามบทนี้ ??ไม่ว่าจะสวดบทไหนก็เพียงพอ

  1. คำถาม😕การชำระมือและใบหน้าสำหรับการอธิษฐานตอนเช้ายังคงมีผลสำหรับการอธิษฐานตอนเที่ยงหรือไม่? ???และทำนองเดียวกันการชำระมือและใบหน้าตอนเที่ยงยังคงมีผลในตอนค่ำหรือไม่?

??คำตอบ?: การชำระมือและใบหน้าเชื่อมโยงกับบทอธิษฐานบังคับที่จะสวด ??และต้องทำใหม่สำหรับการอธิษฐานแต่ละครั้ง

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับบทอธิษฐานบังคับบทยาวซึ่งจำเป็นต้องยืนขึ้นและ ??หันไปหาพระผู้เป็นเจ้า? ?นี้ดูเหมือนจะบ่งบอกว่าไม่จำเป็นต้องหันหน้าไปหาเกบเบร ??ใช่หรือไม่?

??คำตอบ?: นั่นหมายถึงเกบเบร

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะศักดิ์สิทธิ์ : ??จงสวดวจนะของพระผู้เป็นเจ้าทุกเช้าค่ำ?

คำตอบ?: ความหมายคือทุกสิ่งที่ส่งมาจากนภาแห่งวาทะของพระผู้เป็นเจ้า ??สิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุดคือ ความกระตือรือร้นและความรักของดวงวิญญาณที่วิสุทธิ์ที่จะอ่านพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า ??การอ่านวจนะท่อนเดียวด้วยจิตใจที่เบิกบานและสดชื่น ดีกว่าการอ่านคัมภีร์หลายเล่มอย่างถี่ถ้วน

  1. คำถาม😕ในการร่างพินัยกรรม ??นอกเหนือจากจำนวนที่อุทิศให้แก่ฮูคุคูลลาห์และการะชำระหนี้สิน ??บุคคลนั้นจะมอบทรัพย์สินส่วนหนึ่งของเขาให้แก่งานการกุศลได้หรือไม่ ??หรือเขาไม่มีสิทธิ์มากไปกว่าการจัดสรรเงินจำนวนหนึ่งไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับงานศพและการฝังศพ ??เพื่อว่าทรัพย์สินที่เหลือจะได้แจกจ่ายในหมู่ผู้รับมรดกประเภทต่างๆ ตามที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดไว้?

คำตอบ?: บุคคลมีสิทธิ์เต็มที่ในทรัพย์สินของตน ??หากเขาสามารถจ่ายฮูคุคูลลาห์และไม่มีหนี้สิน ??ดังนั้นทุกสิ่งที่บันทึกไว้ในพินัยกรรมของเขา รวมทั้งคำประกาศและคำแถลงใดๆ ที่อยู่ในพินัยกรรม ??จะเป็นที่ยอมรับ แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าอนุญาตให้เขาจัดการกับสิ่งที่พระองค์ประทานให้เขาในลักษณะใดก็ได้ที่เขาปรารถนา

  1. คำถาม😕การใช้แหวนฝังศพบัญชาไว้สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น ??หรือว่าสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุวุฒิภาวะด้วย?

คำตอบ?: สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น ??ทำนองเดียวกันบทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรมใช้กับผู้ใหญ่เท่านั้น

  1. คำถาม😕หากบุคคลหนึ่งต้องการถือศีลอดในเวลาอื่นที่ไม่ใช่เดือนอะลาห์ ??เป็นที่อนุญาตหรือไม่ และหากเขาสาบาญหรือปฏิญาณตนต่อการถือศีลอดนั้น ??สิ่งนี้จะมีผลและเป็นที่ยอมรับหรือไม่?

คำตอบ?: บทบัญญัติการถือศีลอดเป็นไปตามที่เปิดเผยไว้ ??อย่างไรก็ตามหากใครบางคนปฏิญาณตนจะถือศีลอดเพื่อพระผู้เป็นเจ้า ??เพื่อให้สมความปรารถนาของตนโดยวิธีนี้ หรือเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายบางอย่าง ??สิ่งนี้เป็นที่อนุญาตในปัจจุบันเช่นเดียวกับที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามพระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาว่า ??ขอความประเสริฐจงมีแด่ความรุ่งโรจน์ของพระองค์ คำสาบาญและคำปฏิญาณนั้นควรมีวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

  1. คำถาม😕มีคำถามอีกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้า : ในกรณีไม่มีลูกชาย ??สิ่งเหล่านี้จะตกเป็นของสภายุติธรรม หรือแจกจ่ายไปเหมือนกับทรัพย์สินอื่นๆ?

คำตอบ?: สองในสามของที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าจะเป็นของลูกสาว ??และหนึ่งในสามจะเป็นของสภายุติธรรม ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าให้สภานี้เป็นคลังของประชาชน

  1. คำถาม😕เมื่อสิ้นสุดปีแห่งความอดทน ??หากสามีไม่ยอมหย่า ภรรยาควรใช้วิถีทางใด?

คำตอบ?: เมื่อช่วงเวลานี้สิ้นสุดลง ??การหย่าร้างมีผล อย่างไรก็ตามจำเป็นที่จะต้องมีพยานของจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของช่วงเวลานี้ ??เพื่อว่าพวกเขาอาจถูกขอมาให้การยืนยันหากจำเป็น

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับคำนิยามของชราภาพ

? ? ? ? ? คำตอบ?: สำหรับชาวอาหรับ ??ชราภาพหมายถึงอายุมากที่สุด ??แต่สำหรับประชาชนแห่งบาฮา ชราภาพคืออายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไป

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับขีดจำกัดของการถือศีลอดสำหรับผู้ที่เดินทางด้วยเท้า

คำตอบ?: ขีดจำกัดถูกกำหนดไว้ที่สองชั่วโมง ??หากเกินกว่านี้เป็นที่อนุญาตให้หยุดถือศีลอดได้

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการถือศีลอดสำหรับผู้ที่ใช้แรงงานหนักในเดือนถือศีลอด

คำตอบ?: ผู้นั้นได้รับการยกเว้นไม่ต้องถือศีลอด ??อย่างไรก็ตามเพื่อจะแสดงความเคารพกฎของพระผู้เป็นเจ้า ??และเพื่อฐานะอันประเสริฐของการถือศีลอด เป็นที่น่าชมเชยและเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานเพียงเล็กน้อยและเป็นการส่วนตัว

  1. คำถาม😕การชำระมือและใบหน้าสำหรับบทอธิษฐานบังคับเพียงพอหรือไม่สำหรับการกล่าวพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดเก้าสิบห้าครั้ง?

คำตอบ?: ไม่จำเป็นต้องชำระมือและใบหน้าอีกครั้ง

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับเสื้อผ้าและเพชรพลอยที่สามีอาจซื้อมาให้ภรรยา : หลังจากที่เขาตายสิ่งเหล่านี้จะแจกจ่ายในหมู่ผู้รับมรดกของเขา ??หรือเป็นของภรรยาแต่ผู้เดียว?

คำตอบ?: นอกจากเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว ??อะไรก็ตามที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นเพชรพลอยหรืออื่นๆ เป็นของสามี ??ยกเว้นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นของขวัญสำหรับภรรยา

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับเกณฑ์ของความเที่ยงธรรมเมื่อการพิสูจน์บางเรื่องขึ้นกับการให้การยืนยันของพยานที่เที่ยงธรรมสองคน

คำตอบ?: เกณฑ์ของความเที่ยงธรรมคือชื่อเสียงดีในหมู่ประชาชน ??การให้การยืนยันของคนรับใช้ทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าศาสนาหรือความเชื่อใดก็ตาม ??เป็นที่ยอมรับต่อหน้าบัลลังก์ของพระองค์

  1. คำถาม😕หากผู้ตายไม่ได้จ่ายฮูคุคูลลาห์ตามหน้าที่ ??ไม่ได้จ่ายหนี้สินอื่นๆ จะต้องชำระสิ่งเหล่านี้โดยหักตามสัดส่วนจากที่อยู่อาศัย ??เสื้อผ้าและทรัพย์สินที่เหลือ หรือเก็บที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าไว้ให้ลูกชาย และชำระหนี้โดยใช้ทรัพย์สินที่เหลือ? ???และหากทรัพย์สินที่เหลือไม่พอสำหรับจุดประสงค์นี้ ควรจะชำระหนี้อย่างไร?

คำตอบ?: หนี้ที่ค้างชำระและการจ่ายฮูคุคูลลาห์ควรหักจากทรัพย์สินที่เหลือ ??แต่ถ้าหากไม่พอสำหรับจุดประสงค์นี้ ส่วนที่ขาดควรหักจากที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าของผู้ตาย

  1. คำถาม😕บทอธิษฐานบังคับบทที่สามควรสวดขณะที่นั่งหรือยืน?

คำตอบ?: เป็นการดีกว่าและเหมาะสมกว่าที่จะยืนด้วยท่าทางที่เคารพนบนอบ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับบทอธิษฐานบังคับบทแรกที่บัญญัติไว้ว่า ??ผู้นั้นควรสวดบทนี้เมื่อใดก็ตามที่ตนรู้สึกว่าอยู่ในสภาวะที่ถ่อมตัวและปรารถนาจะบูชา? ?: หมายความว่าสวดหนึ่งครั้งในยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือบ่อยกว่านั้น?

คำตอบ?: หนึ่งครั้งในยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้นเพียงพอ ??นี้คือสิ่งที่เอ่ยไว้โดยชิวหาแห่งบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับคำนิยาม ??เวลาเช้า? ???เวลาเที่ยงวัน? ?และ ??เวลาค่ำ?

คำตอบ?: นั่นคือดวงอาทิตย์ขึ้น ??เที่ยงวัน และดวงอาทิตย์ตก ??เวลาที่ให้สวดบทอธิษฐานบังคับคือ จากเช้าถึงเที่ยงวัน ??จากเที่ยงวันถึงดวงอาทิตย์ตก และจากดวงอาทิตย์ตกถึงสองชั่วโมงหลังจากนั้น ??อำนาจอยู่ในมือของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้แสดงสองพระนาม

  1. คำถาม😕เป็นที่อนุญาตหรือไม่ที่ศาสนิกชนจะสมรสกับผู้ที่ไม่ใช่ศาสนิกชน?

คำตอบ?: ทั้งการขอแต่งงานและการรับการขอแต่งงานเป็นที่อนุญาต ??ดังนี้พระผู้เป็นนายให้โองการไว้เมื่อพระองค์ขึ้นไปสู่บัลลังก์แห่งความอารีและกรุณาธิคุณ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับบทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม ??ควรสวดก่อนหรือหลังการฝังศพ และจำเป็นต้องหันหน้าไปหาเกบเบรหรือไม่? ?

คำตอบ?: การสวดบทอธิษฐานนี้ควรทำก่อนการฝังศพ ??และเกี่ยวกับเกบเบร : ??ไม่ว่าเจ้าจะหันไปทางไหน ??ก็มีพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่? ?(โกรอ่าน 2 : 115)

  1. คำถาม😕เวลาเที่ยงซึ่งเป็นเวลาสำหรับบทอธิษฐานบังคับสองบทคือ ??บทสั้นตอนเที่ยงวันและบทที่จะต้องสวดเวลาเช้า เวลาเที่ยงวันและเวลาค่ำ ??ในกรณีนี้จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องชำระมือและใบหน้าสองครั้ง หรือครั้งเดียวก็พอ?

คำตอบ?: การชำระมือและใบหน้าอีกครั้งไม่จำเป็น

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับสินสอดสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านซึ่งจะเป็นเงิน : นี้หมายถึงเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวหรือทั้งสอง? ???และจะทำอย่างไรหากคนหนึ่งเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง อีกคนหนึ่งเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน?

คำตอบ?: สินสอดถูกกำหนดโดยที่อาศัยของเจ้าบ่าว ??หากเขาเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง สินสอดจะเป็นทอง ??และหากเขาเป็นผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน สินสอดจะเป็นเงิน

  1. คำถาม😕อะไรคือเกณฑ์ในการกำหนดว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองหรือในหมู่บ้าน? ???หากผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านไปอาศัยอยู่ในเมือง ??โดยตั้งใจจะตั้งรกรากอย่างถาวร ควรวินิจฉัยไร? ?สถานที่เกิดเป็นตัวตัดสินหรือไม่?

คำตอบ?: เกณฑ์คือที่อาศัยถาวร ??ขึ้นกับว่าที่อาศัยนั้นอยู่ที่ไหน ??ก็ต้องปฏิบัติตามบัญชาในคัมภีร์ตามนั้น

  1. คำถาม😕ในธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์ได้เปิดเผยไว้ว่า ??เมื่อใครหามาได้เท่ากับทองสิบเก้ามิสกัล เขาควรจ่ายสิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าจากจำนวนนี้ ??ขอคำอธิบายว่าควรจ่ายเท่าไรจากสิบเก้ามิสกัลนี้?

คำตอบ?: บทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้ากำหนดไว้สิบเก้าจากหนึ่งร้อย ??ควรคำนวณจากฐานนี้ จากนั้นหาดูว่าจะต้องจ่ายเท่าไรจากสิบเก้ามิสกัล

  1. คำถาม😕เมื่อความมั่งคั่งของใครเกินสิบเก้ามิสกัล ??จำเป็นหรือไม่ที่ความมั่งคั่งจะต้องเพิ่มขึ้นอีกสิบเก้ามิสกัลถึงจะจ่ายฮูคุอีกครั้ง ??หรือไม่ว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกเท่าไรก็ตามก็ควรจ่าย?

คำตอบ?: จำนวนเท่าไรก็ตามที่เพิ่มขึ้นจากสิบเก้ามิสกัลได้รับการยกเว้นจากฮูคุ ??จนกว่าจะถึงสิบเก้ามิสกัลอีกครั้ง

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับน้ำบริสุทธิ์ ??และเกณฑ์ที่ถือว่าน้ำนั้นใช้แล้ว

คำตอบ?: น้ำปริมาณน้อยเช่นหนึ่งถ้วย ??หรือแม้แต่สองสามถ้วย ต้องถือว่าใช้แล้วหลังจากใช้ล้างหน้าและมือหนึ่งครั้ง ??แต่น้ำหนึ่งโคร?(ราวครึ่งลูกบาศก์เมตร)?หรือมากกว่านั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากใช้ล้างหน้าหนึ่งหรือสองครั้ง ??และไม่มีข้อคัดค้านการใช้น้ำนี้ นอกจากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหนึ่งในสามอย่าง?(สี ??รส กลิ่น)?ตัวอย่างเช่น ??สีของน้ำเปลี่ยนไป ??ซึ่งควรถือว่าใช้แล้ว

  1. คำถาม😕ในตำราเปอร์เซียเล่มหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ ??อายุที่บรรลุวุฒิภาวะถูกกำหนดไว้ที่สิบห้าปี การสมรสขึ้นกับการบรรลุวุฒิภาวะเช่นกันใช่หรือไม่ ??หรืออนุญาตให้สมรสได้ก่อนเวลานี้?

คำตอบ?:?เนื่องด้วยความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายเป็นเงื่อนไขจำเป็นในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า ??และเนื่องด้วยก่อนบรรลุวุฒิภาวะ ความพร้อมใจหรือไม่พร้อมใจของทั้งสองไม่สามารถยืนยันได้ ดังนั้นการสมรสจึงขึ้นกับอายุที่บรรลุวุฒิภาวะ ??และไม่เป็นที่อนุญาตก่อนเวลานี้

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการถือศีลอดและการสวดบทอธิษฐานบังคับโดยผู้ป่วย

? ? ? ? ? คำตอบ?: ความจริงแล้วเรากล่าวว่า ??การสวดบทอธิษฐานบังคับและการถือศีลอดครอบครองฐานะอันประเสริฐในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ??อย่างไรก็ตามทั้งสองนี้จะให้คุณในสภาวะที่สุขภาพดี ในยามสุขภาพไม่ดี ไม่อนุญาตให้ปฏิบัติตามบทบังคับนี้ ??ดังกล่าวนี้คือบัญชาทุกเวลาของพระผู้เป็นนาย ความประเสริฐจงมีแด่ความรุ่งโรจน์ของพระองค์ พระพรจงมีแด่บุรุษและสตรีที่เอาใจใส่ ??และปฏิบัติตามศีลของพระองค์ ความสรรเสริญทั้งปวงจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงประทานวจนะลงมาและเป็นผู้ทรงเปิดเผยข้อพิสูจน์ที่ไร้กังขา!

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับสุเหร่า โบสถ์และวัด

??คำตอบ?: สิ่งใดก็ตามที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียวเช่น สุเหร่า โบสถ์และวัด ??ต้องไม่ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นใดนอกจากการระลึกถึงพระนามของพระองค์ นี้คือบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ??และผู้ที่ฝ่าฝืนบทบัญญัตินี้คือพวกที่ละเมิดอย่างแท้จริง ไม่มีภัยสำหรับผู้สร้าง เพราะเขากระทำเพื่อเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้า ??เขาได้รับและจะได้รับรางวัลที่ยุติธรรมต่อไป

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับอุปกรณ์และเครื่องตกแต่งสถานที่ที่ใช้ทำธุรกิจ ??ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานหรือวิชาชีพ : สิ่งเหล่านี้ต้องจ่ายฮูคุคูลลาห์หรือไม่ ??หรือใช้คำวินิจฉัยเดียวกันกับเครื่องตกแต่งบ้าน?

คำตอบ?: สิ่งเหล่านี้ใช้คำวินิจฉัยเดียวกับเครื่องตกแต่งบ้าน

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการนำทรัพย์สินที่รับฝากไปแลกเป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่น ??เพื่อมิให้เสื่อมราคาหรือสูญเสียมูลค่า

คำตอบ?: ในเรื่องปัญหาที่เขียนมาเกี่ยวกับการนำทรัพย์สินที่รับฝากไปแลกเพื่อป้องกันการเสื่อมราคาหรือสูญเสียมูลค่า ??การแลกเปลี่ยนดังกล่าวเป็นที่อนุญาตโดยมีเงื่อนไขว่า สิ่งที่แลกมาต้องมีค่าเท่ากัน แท้จริงแล้วพระผู้เป็นนายของเจ้าคือพระผู้ทรงอรรถาธิบาย ??พระผู้ทรงรอบรู้ และความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ดำรงอยู่ก่อนยุคสมัย

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการล้างเท้าในฤดูหนาวและฤดูร้อน

คำตอบ?: เหมือนกันทั้งสองกรณี ??ใช้น้ำอุ่นจะดีกว่า แต่ไม่มีข้อคัดค้านสำหรับการใช้น้ำเย็น

  1. คำถาม😕คำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหย่าร้าง

คำตอบ?: เนื่องด้วยพระผู้เป็นเจ้า ??ความประเสริฐจงมีแด่ความรุ่งโรจน์ของพระองค์ ??ไม่ทรงโปรดการหย่าร้าง จึงไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับประเด็นนี้ ??อย่างไรก็ตามตั้งแต่เริ่มต้นของการแยกกันอยู่จนกระทั่งสิ้นสุดหนึ่งปี ??ต้องมีสองคนหรือมากกว่านั้นรับทราบในฐานะพยาน เมื่อสิ้นสุดเวลาหากไม่มีการคืนดีกัน ??ให้หย่าได้ และต้องทำบันทึกไว้กับสำนักงานทะเบียนโดยเจ้าหน้าที่ตุลาการศาสนาของเมืองที่แต่งตั้งโดยบรรดาผู้พิทักษ์ของสภายุติธรรม ??การปฏิบัติตามขั้นตอนนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อมิให้ผู้ที่เข้าใจต้องเศร้าใจ

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับการปรึกษาหารือ

คำตอบ?: หากการปรึกษาหารือในกลุ่มคนที่มาชุมนุมกันตกลงกันไม่ได้ ??ต้องเพิ่มคนเข้าไปอีก โดยให้จับฉลากเลือกคนจำนวนเท่ากับพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุด ??หรืออาจน้อยหรือมากกว่านั้น จากนั้นให้เริ่มปรึกษาหารือกันใหม่ และผลที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นอย่างไรต้องเชื่อฟัง ??อย่างไรก็ตามหากยังตกลงกันไม่ได้ควรใช้วิธีเดิมอีกครั้ง แล้วถือตามเสียงส่วนใหญ่ แท้จริงแล้วพระองค์ทรงนำทางผู้ที่พระองค์ปรารถนาไปสู่หนทางที่ถูกต้อง

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับมรดก

?คำตอบ?: เกี่ยวกับมรดก ??สิ่งที่พระผู้เป็นจุดปฐมบัญญัติไว้เป็นที่น่ายินดี ??ขอดวงวิญญาณของทุกคนนอกจากพระองค์สละเพื่อเห็นแก่พระองค์ ??ทายาทที่ยังอยู่ควรได้รับส่วนแบ่งมรดกตามที่จัดสรรไว้ แต่รายการแสดงมรดกที่เหลือต้องเสนอไปยังราชสำนักของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด ??ในมือของพระองค์คือบ่อเกิดแห่งอำนาจ พระองค์บัญญัติตามที่พระองค์ปรารถนา ในแง่นี้กฎข้อหนึ่งถูกเปิดเผยในดินแดนแห่งความลึกลับ?(อเดรียโนเปิ้ล)?ซึ่งยกมรดกของทายาทที่ขาดไปให้แก่ทายาทที่ยังอยู่ ??กฎนี้ใช้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะถึงเวลาที่สภายุติธรรมจะได้รับการสถาปนา ??ซึ่งโองการเกี่ยวกับเรื่องนี้จะได้รับการเผยแพร่อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามมรดกของบรรดาผู้ที่อพยพในปีเดียวกันกับพระผู้ทรงความงามบรมโบราณ ??ยกให้เป็นรางวัลแก่ทายาทของพวกเขา และนี้คือความอารีที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้พวกเขา

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับกฎของสิ่งมีค่าที่พบเจอโดยไม่รู้เจ้าของ

??คำตอบ?: หากพบสิ่งมีค่า ??หนึ่งในสามเป็นสิทธิ์ของผู้ค้นพบ ??และอีกสองในสามควรให้บุรุษแห่งสภายุติธรรมเป็นผู้ใช้จ่ายเพื่อความผาสุกของประชาชนทั้งปวง ??สิ่งนี้จะนำมาปฏิบัติหลังจากการสถาปนาสภายุติธรรม และจนกว่าจะถึงเวลานั้น สมบัตินี้จะมอบไว้ในความดูแลของบุคคลที่ไว้วางใจได้ในแต่ละท้องถิ่นและอาณาเขต ??ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงปกครอง พระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับฮูคุของทรัพย์สินที่ไม่มีกำไร

คำตอบ?: บทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าคือ ??ทรัพย์สินที่ไม่ให้รายได้ กล่าวคือไม่ให้ผลกำไร ??ไม่ต้องจ่ายฮูคุ แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงปกครอง ??พระผู้ทรงเผื่อแผ่

  1. คำถาม😕เกี่ยวกับวจนะศักดิ์สิทธิ์ : ??ในภูมิภาคที่กลางวันและกลางคืนยาวนานกว่าปกติ ให้ถือเวลาของการอธิษฐานตามนาฬิกา?

?คำตอบ?: นี้หมายถึงอาณาเขตที่อยู่ห่างไกล ??อย่างไรก็ตามในถิ่นเหล่านี้เวลาต่างกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง ??และดังนั้นจึงไม่ใช้คำวินิจฉัยนี้

ในธรรมจารึกถึงอาบอ บาดี มีวจนะศักดิ์สิทธิ์นี้เปิดเผยไว้ : แท้จริงแล้วเราบัญชาบุตรชายทุกคนให้รับใช้บิดา? ???นี้คือโองการที่เราแถลงไว้ในคัมภีร์

และในอีกธรรมจารึกหนึ่งมีวจนะที่ประเสริฐเหล่านี้เปิดเผยไว้?:?ดูกร โมฮัมหมัด! ??พระผู้ดำรงอยู่ก่อนยุคสมัยทรงหันพระพักตร์มายังเจ้า ??กล่าวถึงเจ้า และเคี่ยวเข็ญประชาชนของพระผู้เป็นเจ้าให้อบรมบลูก ??หากบิดาละเลยบทบัญญัติที่มีน้ำหนักที่สุดนี้ ที่กำหนดไว้ในคีตาบีอัคดัสโดยปากกาของกษัตริย์นิรันดร์ ??เขาจะเสียสิทธิ์ความเป็นบิดา และถูกนับว่ามีความผิดต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ประทับคำตักเตือนของพระผู้เป็นนายไว้ในหัวใจ ??และยึดถือคำตักเตือนเหล่านั้นอย่างแน่วแน่ ความจริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าบัญชาคนรับใช้ด้วยสิ่งที่จะช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา และช่วยให้พวกเขาใกล้เข้ามาหาพระองค์ ??พระองค์คือพระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ทรงอนันต์

พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ??ความประเสริฐจงมีแด่พระองค์ ??พระผู้เป็นนายแห่งราชศักดาและอานุภาพ! ??ศาสทูตทั้งหลายและบรรดาผู้ที่ได้รับการเลือกสรรล้วนได้รับมอบหมายจากพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียว ??ความสรรเสริญจงมีแด่ความรุ่งโรจน์ของพระองค์ ให้หล่อเลี้ยงพฤกษาแห่งความเป็นมนุษย์ด้วยน้ำแห่งความซื่อตรงและความเข้าใจ ??เพื่อว่าสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าฝากไว้ในตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา จะปรากฏออกมาจากพฤกษานี้ ดังที่สังเกตเห็นแล้ว ต้นไม้แต่ละต้นออกผลอย่างหนึ่ง ??และต้นไม้ที่ไม่ออกผลเหมาะสำหรับกองไฟ จุดประสงค์ของพระผู้ให้การศึกษาเหล่านี้ในทุกสิ่งที่พระองค์กล่าวและสอนคือ เพื่อจะอารักษ์ฐานะอันประเสริฐของมนุษย์ ??ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ยึดมั่นศีลของพระองค์ในยุคของพระผู้เป็นเจ้า และไม่หันเหไปจากกฎมูลฐานที่แท้จริงของพระองค์ ผลไม้ที่คู่ควรกับพฤกษาแห่งชีวิตของมนุษย์คือความไว้วางใจได้และความมีศีลธรรม ??วาจาสัตย์และความจริงใจ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าทั้งหมดหลังจากการยอมรับเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้า ความสรรเสริญและสดุดีจงมีแด่พระองค์ คือการเคารพสิทธิ์ของบิดามารดา คำสอนนี้ได้รับการกล่าวไว้ในคัมภีร์ทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้า ??และยืนยันอีกครั้งโดยปากกาที่สูงส่งที่สุด จงพิจารณาวจนะที่พระผู้เป็นนายผู้ทรงปรานีเปิดเผยไว้ในคัมภีร์โกรอ่าน วจนะของพระองค์นั้นสูงส่ง : ??จงบูชาพระผู้เป็นเจ้า อย่าตีเสมอหรือเทียบเคียงกับพระองค์ และแสดงความเมตตาและเห็นใจบิดามารดาของเจ้า…? ???จงสังเกตดูว่า ความเมตตารักใคร่ต่อบิดามารดาของตนถูกโยงกับการยอมรับพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียวอย่างไร! ความสุขจงมีแด่ผู้ได้รับการประสาทด้วยความเข้าใจและอัจฉริยภาพที่แท้จริง ผู้ที่เห็นและหยั่งเห็น ผู้ที่อ่านและเข้าใจ และผู้ที่ปฏิบัติตามสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าเปิดเผยไว้ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในอดีต ??และในธรรมจารึกวิเศษที่ไม่มีเปรียบปานนี้

ในธรรมจารึกหนึ่งของพระองค์ ??วจนะของพระองค์นั้นประเสริฐ ได้เปิดเผยไว้ว่า : และในเรื่องของซาคัท ??เรามีโองการไว้ทำนองเดียวกันว่า เจ้าควรถือตามสิ่งที่เปิดเผยไว้ในคัมภีร์โกรอ่าน

ประมวลกฎและบทบัญญัติอย่างย่อ

ของคีตาบีอัคดัส

  1. การแต่งตั้งพระอับดุลบาฮาเป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อจากพระบาฮาอุลลาห์และตีความคำสอนของพระองค์

ก.? ผู้ที่ซื่อสัตย์ได้รับบัญชาให้หันหน้าไปหา ?พระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งพระประสงค์ไว้? พระผู้แตกกิ่งมาจากรากบรมโบราณนี้?

ข.? ผู้ที่ซื่อสัตย์ได้รับบัญชาให้เสนอเรื่องใดก็ตามที่ตนไม่เข้าใจในธรรมลิขิตบาไฮไปยัง ?พระผู้ที่แตกกิ่ง? ออกมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่นี้?

  1. การคาดการณ์ถึงสถาบันศาสนภิบาล
  2. สถาบันสภายุติธรรมสากล

ก.? สภายุติธรรมสากลถูกบัญญัติไว้อย่างเป็นทางการ?

ข.? หน้าที่ของสภายุติธรรมสากลถูกนิยามไว้?

ค.? รายได้ของสภายุติธรรมสากลถูกกำหนดไว้?

  1. กฎ? บทบัญญัติและคำเคี่ยวเข็ญต่างๆ

?ก.? การอธิษฐาน

  1. ฐานะที่เป็นเยี่ยมของบทอธิษฐานบังคับในการเปิดเผยพระธรรมบาไฮ
  2. เกบเบร :

ก.? พระบ๊อบทรงถือว่าคือ ?พระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด??

ข.? กำหนดโดยพระบ๊อบและยืนยันโดยพระบาฮาอุลลาห์?

ค.? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกำหนดให้พระสถูปของพระองค์เป็นเกบเบรหลังจากการล่วงลับไปของพระองค์

ง.? การหันหน้าไปหาเกบเบรเป็นข้อกำหนดขณะที่สวดบทอธิษฐานบังคับ

  1. บทอธิษฐานบังคับเป็นข้อผูกมัดชายและหญิงเมื่อถึงอายุที่บรรลุวุฒิภาวะซึ่งกำหนดไว้ที่ 15 ปี
  2. การสวดบทอธิษฐานบังคับเป็นข้อยกเว้นสำหรับ????

ก.? ผู้ป่วย

ข.? ผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปี

ค.? สตรีระหว่างมีประจำเดือน? โดยมีข้อแม้ว่าพวกเธอต้องชำระมือและใบหน้า? และกล่าววจนะที่เปิดเผยไว้เป็นการเฉพาะ 95 ครั้งต่อวัน

  1. บทอธิษฐานบังคับควรสวดเป็นการส่วนตัวแต่ละคน
  2. การเลือกบทอธิษฐานบังคับบทใดบทหนึ่งในสามบทเป็นที่อนุญาต
  3. ?เวลาเช้า? ?เที่ยงวัน? และ ?เวลาค่ำ? ที่กล่าวไว้เกี่ยวกับบทอธิษฐานบังคับหมายความตามลำดับคือ? ระหว่างเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นถึงเที่ยงวัน? ระหว่างเที่ยงวันถึงดวงอาทิตย์ตก? และระหว่างดวงอาทิตย์ตกถึงสองชั่วโมงหลังดวงอาทิตย์ตก
  4. การสวดบทอธิษฐานบังคับบท (ยาว) แรกหนึ่งครั้งในยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นการเพียงพอ
  5. เป็นการดีกว่าที่จะสวดบทอธิษฐานบังคับบท (สั้น) ที่สามขณะยืน
  6. การชำระมือและใบหน้า

ก.? การชำระมือและใบหน้าต้องทำก่อนการสวดบทอธิษฐานบังคับ

ข.? ต้องชำระมือและใบหน้าใหม่ก่อนสวดบทอธิษฐานบังคับทุกบท

ค.? หากสวดบทอธิษฐานบังคับสองบทเวลาเที่ยงวัน? การชำระมือและใบหน้าครั้งเดียวสำหรับทั้งสองบทเป็นการเพียงพอ

ง.? หากหาน้ำไม่ได้หรือการใช้น้ำจะเป็นอันตรายต่อใบหน้าและมือ? เป็นที่บัญญัติไว้ให้กล่าววจนะที่เปิดเผยไว้เป็นการเฉพาะ 5 ครั้ง

จ.? หากอากาศหนาวเกินไป? แนะนำให้ใช้น้ำอุ่น

ฉ.? หากชำระมือและใบหน้าด้วยจุดประสงค์อื่น ไม่จำเป็นต้องทำอีกครั้งก่อนการสวดบทอธิษฐานบังคับ

ช.? การชำระมือและใบหน้าเป็นสิ่งจำเป็นไม่ว่าจะอาบน้ำมาก่อนหรือไม่

  1. การกำหนดเวลาสำหรับการอธิษฐาน

ก.? อนุญาตให้ถือตามนาฬิกาในการกำหนดเวลาสำหรับการสวดบทอธิษฐานบังคับ

ข.? ในประเทศที่อยู่เหนือสุดหรือใต้สุด? ซึ่งระยะเวลาของกลางวันและกลางคืนแปรเปลี่ยนอย่างมาก? ควรถือตามนาฬิกาและเครื่องมือวัดเวลาโดยไม่ดูตามดวงอาทิตย์ขึ้นหรือตก

  1. เมื่ออยู่ในอันตรายไม่ว่ากำลังเดินทางหรือไม่? สำหรับบทอธิษฐานบังคับที่ไม่ได้สวดแต่ละครั้ง ให้หมอบราบลงหนึ่งครั้งและสวดวจนะตอนหนึ่ง? และตามด้วยการสวดวจนะอีกตอนหนึ่ง 18 ครั้ง
  2. การสวดอธิษฐานเป็นหมู่เป็นข้อห้ามยกเว้นบทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม
  3. การสวดบทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรมทั้งบทเป็นที่บัญญัติไว้? ยกเว้นผู้ที่อ่านไม่ได้ซึ่งได้รับบัญชาให้สวดหกวรรคเฉพาะในบทอธิษฐานนั้น
  4. บทอธิษฐานบังคับที่จะต้องสวดสามครั้ง? สามเวลาต่อหนึ่งวันคือ? เวลาเช้า? เที่ยงวันและเวลาค่ำ ถูกแทนด้วยบทอธิษฐานบังคับสามบทที่เปิดเผยต่อมา
  5. บทอธิษฐานแห่งสัญลักษณ์ถูกยกเลิกไป? และถูกแทนด้วยวจนะที่เปิดเผยไว้เป็นการเฉพาะท่อนหนึ่ง? อย่างไรก็ตามการสวดวจนะท่อนนี้ไมใช่บทบังคับ
  6. ขนสัตว์? กระดูกและที่คล้ายกัน? ไม่ทำให้การอธิษฐานไร้ผล

ข.? การถือศีลอด

  1. สถานะที่เป็นเยี่ยมของการถือศีลอดในการเปิดเผยพระธรรมบาไฮ
  2. ช่วงเวลาการถือศีลอดเริ่มต้นเมื่อสิ้นสุดวันแทรกปฏิทิน? และจบด้วยเทศกาลนอร์รูซ
  3. การละเว้นจากอาหารและเครื่องดื่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตกเป็นเรื่องบังคับ
  4. การถือศีลอดเป็นข้อผูกมัดชายและหญิงเมื่อถึงอายุที่บรรลุวุฒิภาวะซึ่งกำหนดไว้ที่ 15 ปี
  5. การถือศีลอดเป็นที่ยกเว้นสำหรับ

ก.? ผู้เดินทาง?

  1. โดยมีข้อแม้ว่าการเดินทางนั้นต้องนานกว่า 9 ชั่วโมง
  2. ผู้ที่เดินทางด้วยเท้านานกว่า 2 ชั่วโมง
  3. ผู้ที่หยุดพักระหว่างการเดินทางน้อยกว่า 19 วัน
  4. ผู้ที่หยุดพักระหว่างการเดินทางในช่วงถือศีลอดในสถานที่ที่ตนจะพักเป็นเวลา 19 วัน ได้รับการยกเว้นไม่ต้องถือศีลอดเฉพาะ 3 วันแรกที่มาถึง
  5. ผู้ที่กลับถึงบ้านระหว่างถือศีลอดต้องเริ่มถึงศีลอดตั้งแต่วันที่มาถึง????????????

ข.? ผู้ป่วย

ค.? ผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปี

ง.? หญิงมีครรภ์

จ.? หญิงที่ให้นมลูก

ฉ.? หญิงที่มีประจำเดือน? โดยมีข้อแม้ว่าเธอต้องชำระมือและใบหน้า? และสวดวจนะที่เปิดเผยไว้เป็นการเฉพาะ 95 ครั้งต่อหนึ่งวัน

ช.? ผู้ที่ใช้แรงงานมาก? ซึ่งได้รับการแนะนำให้แสดงความเคารพกฎนี้โดยให้มีความสำรวมและใช้วิจารณญาณ? เมื่อใช้ข้อยกเว้นนี้

  1. การสาบานตนถือศีลอด (ในเดือนนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้สำหรับการถือศีลอด) เป็นที่อนุญาต อย่างไรก็ตามการสาบาญตนที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ? เป็นที่พึ่งปรารถนากว่าในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า

ค.? กฎเกี่ยวกับสถานภาพส่วนบุคคล

  1. การสมรส

ก.? การสมรสเป็นที่แนะนำอย่างยิ่ง? แต่ไม่ใช่เรื่องบังคับ

ข.? การมีภรรยาหลายคนเป็นข้อห้าม

ค.? การสมรสขึ้นกับทั้งสองฝ่ายว่ามีอายุที่บรรลุวุฒิภาวะ? ซึ่งกำหนดไว้ที่ 15 ปี

ง.? การสมรสขึ้นกับความยินยอมของทั้งสองฝ่าย? และบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายหญิงจะเป็นหญิงรับใช้หรือไม่

จ.? เป็นหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายที่จะสวดวจนะที่เปิดเผยไว้เป็นการเฉพาะที่ระบุว่า? ตนพึงพอใจกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า

ฉ.? การสมรสกับแม่เลี้ยงเป็นข้อห้าม

ช.? ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการสมรสกับญาติพี่น้องจะต้องเสนอไปยังสภายุติธรรมพิจารณา

ซ.? การสมรสกับผู้ที่ไม่ใช่ศาสนิกชนเป็นที่อนุญาต

ฌ.? การหมั้น

  1. ระยะเวลาของการหมั้นต้องไม่เกิน 95 วัน
  2. เป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายที่จะหมั้นกับเด็กหญิงก่อนที่เธอจะถึงอายุที่บรรลุวุฒิภาวะ

ญ.? สินสอด

  1. การสมรสขึ้นกับการจ่ายสินสอด
  2. สินสอดถูกกำหนดไว้เท่ากับทองบริสุทธิ์ 19 มิสกัลสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง? และเงิน 19 มิสกัลสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน? ซึ่งขึ้นกับที่อยู่ถาวรของสามีไม่ใช่ของภรรยา
  3. เป็นข้อห้ามมิให้จ่ายมากกว่า 95 มิสกัล
  4. เป็นที่พึงปรารถนากว่าที่ฝ่ายชายจะพึงพอใจกับการจ่ายเงิน 19 มิสกัล
  5. หากเป็นไปไม่ได้ที่จะจ่ายสินสอดครบ? อนุญาตให้ใช้หนังสือสัญญาการจ่าย

ฎ.? หลังจากที่สวดวจนะที่เปิดเผยไว้เป็นการเฉพาะและมีการจ่ายสินสอดแล้ว? หากฝ่ายใดเกิดไม่ชอบอีกฝ่ายหนึ่งก่อนจะมีเพศสัมพันธ์กัน ไม่จำเป็นต้องมีช่วงเวลาแห่งการรอคอยก่อนการหย่าร้าง? อย่างไรก็ตามไม่อนุญาตให้เอาสินสอดคืน

ฏ.? เมื่อตั้งใจจะเดินทาง? สามีต้องระบุเวลากับภรรยาว่าเขาจะกลับมาเมื่อไร? หากมีเหตุผลสมควรที่สามีไม่สามารถกลับมาได้ตามเวลาที่กำหนด? เขาต้องแจ้งให้ภรรยาทราบและพยายามกลับไปหาเธอ? หากเขาไม่ทำทั้งสองอย่าง? ภรรยาต้องรอ 9 เดือนซึ่งหลังจากนั้นเธออาจแต่งงานใหม่ได้? แม้ว่าเป็นที่พึงปรารถนากว่าที่เธอจะรอนานกว่านั้น? หากมีข่าวมาถึงเธอว่าสามีของเธอเสียชีวิตหรือถูกฆาตกรรม? และข่าวนั้นได้รับการยืนยันโดยรายงานหรือพยานที่เชื่อถือได้สองคน? เธออาจแต่งงานใหม่ได้หลังจากนั้น 9 เดือน

ฐ.? หากสามีจากไปโดยไม่บอกภรรยาว่าจะกลับมาวันไหน? และทราบกฎที่บัญญัติไว้ในคีตาบีอัคดัส? ภรรยาอาจแต่งงานใหม่หลังจากที่รอคอยเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม? หากสามีไม่ทราบกฎข้อนี้ภรรยาต้องรอจนกว่าจะได้ข่าวเกี่ยวกับสามี

ฑ.? หลังจากจ่ายสินสอดแล้ว? หากสามีพบว่าภรรยาไม่ใช่สาวพรหมจารี ก็สามารถเรียกค่าสินสอดและค่าใช้จ่ายที่เสียไปคืนได้

ฒ.? หากการสมรสขึ้นกับความเป็นพรหมจารี? ก็สามารถเรียกค่าสินสอดและค่าใช้จ่ายที่เสียไปคืนได้? และสามารถถือว่าการสมรสนั้นเป็นโมฆะได้? อย่างไรก็ตามการปกปิดเรื่องนี้ ? ? ? ? ? ? ? ? น่าสรรเสริญอย่างยิ่งในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า

  1. การหย่าร้าง

ก.? การหย่าร้างเป็นที่ตำหนิอย่างแรง

ข.? หากสามีหรือภรรยาเกิดความรู้สึกรังเกียจหรือเคืองแค้นอีกฝ่าย? เป็นที่อนุญาตให้หย่าร้างได้หลังจากหนึ่งปีเต็มผ่านไป? วันเริ่มต้นและสิ้นสุดของปีแห่งการรอคอยนี้ต้องได้รับการยืนยันโดยพยานสองคนหรือมากกว่านั้น? การหย่าร้างควรลงเป็นบันทึกไว้โดยเจ้าหน้าที่ตุลาการที่เป็นตัวแทนของสภายุติธรรม? การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาแห่งรอคอยเป็นข้อห้าม? และใครละเมิดกฎนี้ต้องสำนึกผิดและจ่ายทอง 19 มิสกัลให้สภายุติธรรม?

ค.? หากการหย่าร้างเกิดขึ้นแล้ว? ไม่จำเป็นต้องรอคอยต่อไปอีกระยะ

ง.? ภรรยาที่จะต้องถูกหย่าเพราะว่าไม่ซื่อสัตย์? เสียสิทธิ์ที่จะได้รับค่าใช้จ่ายระหว่างช่วงเวลาแห่งการรอคอย

จ.? การสมรสใหม่กับภรรยาที่ตนเคยหย่าเป็นที่อนุญาต? โดยมีเงื่อนไขว่าเธอต้องยังไม่สมรสกับคนอื่น? หากสมรสแล้วเธอต้องหย่าก่อน? สามีเก่าของเธอจึงจะสมรสกับเธอได้อีกครั้ง

ฉ.? หากเมื่อใดก็ตามในช่วงเวลาที่รอคอย? ความเสน่หาหวนคืนมา? สายสัมพันธ์ของการสมรสนั้นยังมีผลอยู่? หากการคืนดีกันตามมาด้วยความหมางเมินและต้องการหย่ากันอีกครั้ง? ปีแห่งการรอคอยต้องเริ่มต้นใหม่

ช.? หากเกิดความขัดแย้งระหว่างสามีและภรรยาระหว่างเดินทาง? สามีต้องส่งภรรยากลับบ้านหรือฝากฝังเธอไว้กับผู้ที่เชื่อใจได้ที่จะพาเธอกลับบ้าน? จ่ายค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายต่างๆ สำหรับเธอหนึ่งปีเต็ม

ซ.? หากภรรยายืนกรานที่จะหย่าสามี? แทนที่จะอพยพไปยังอีกประเทศหนึ่ง? จะต้องนับปีแห่งการรอคอยตั้งแต่เวลาที่แยกกันอยู่? ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่สามีกำลังเตรียมตัวไปหรือเวลาที่ไป?

ฌ.? กฎของอิสลามเกี่ยวกับการสมรสอีกครั้งกับภรรยาที่ตนเคยหย่า? ถูกยกเลิก

  1. มรดก (วิธีการแบ่งทรัพย์สินนี้ใช้ในกรณีที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้)

ก.? มรดกถูกจัดเป็นประเภทต่อไปนี้ :

  1. ลูก? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? 1080 ? ? จาก ? ? 2520? หน่วย?????????
  2. สามีหรือภรรยา? ? ? 390? ? ? จาก ? ? 2520? หน่วย?????????
  3. บิดา? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? 330? ? ? จาก ? ? 2520? หน่วย?????????
  4. มารดา ? ? ? ? ? ? ? ? ? 270? ? ? จาก ? ? 2520? หน่วย?????????
  5. พี่ชายน้องชาย? ? ? ? 210 ? ? ? จาก ? ? 2520? หน่วย?????????
  6. พี่สาวน้องสาว? ? ? ? 150 ? ? ? จาก ? ? 2520? หน่วย?????????
  7. ครู? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? 90 ? ? ? จาก ? ? 2520? หน่วย?????????

ข.? ส่วนแบ่งของลูกตามที่พระบ๊อบจัดสรรไว้? พระบาฮาลุลลาห์ทรงเพิ่มเป็นสองเท่าโดยหักจากผู้รับมรดกอื่นๆ เท่าๆ กัน

ค.? 1.? ในกรณีไม่มีลูก? ส่วนแบ่งของลูกตกเป็นของสภายุติธรรมเพื่อใช้จ่ายสำหรับเด็กกำพร้าและหญิงหม้าย? และสำหรับสิ่งใดก็ตามที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

  1. หากลูกชายของผู้ตายเสียชีวิตไปแล้วและมีลูก? ลูกจะได้รับส่วนแบ่งที่เป็นของบิดา หากลูกสาวของผู้ตายเสียชีวิตไปแล้วและมีลูก? ส่วนแบ่งของเธอจะถูกแบ่งเป็นเจ็ดประเภทตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

ง.? หากผู้ตายมีลูก? แต่ไม่มีผู้รับมรดกประเภทอื่นเลยหรือมีบางประเภท? สองในสามของส่วนแบ่งของผู้รับมรดกประเภทที่ขาดไป? ให้ตกเป็นของลูกและอีกหนึ่งในสามตกเป็นของสภายุติธรรม

จ.? หากไม่มีผู้รับมรดกตามที่ระบุไว้เลย? สองในสามของมรดกให้ตกเป็นของหลานชายและหลานสาวของผู้ตาย (ลูกของพี่น้องของผู้ตาย)? หากไม่มีหลาน? ส่วนแบ่งเดียวกันนี้ให้ตกเป็นของลุงป้าน้าอา? หากยังไม่มีอีกให้ตกเป็นของลูกชายและลูกสาวของลุงป้าน้าอา? ไม่ว่าในกรณีใด? ที่เหลือหนึ่งในสามจะเป็นของสภายุติธรรม

ฉ.? หากผู้ตายไม่มีผู้รับมรดกที่กล่าวมาทั้งหมดนี้? มรดกทั้งหมดตกเป็นของสภายุติธรรม

ช.? ที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าของบิดาที่เสียชีวิตให้เป็นของลูกชายมิใช่ลูกสาว? หากมีที่อยู่อาศัยหลายแห่ง? หลังที่สำคัญที่สุดให้เป็นของลูกชาย? ที่อยู่อาศัยที่เหลือพร้อมกับทรัพย์สมบัติอื่นๆ ของผู้ตายจะแบ่งกันในหมู่ผู้รับมรดก? หากไม่มีลูกชาย? สองในสามของบ้านหลังที่สำคัญที่สุดและเสื้อผ้าของผู้ตายจะตกเป็นของลูกสาว? และอีกหนึ่งในสามจะตกเป็นของสภายุติธรรม? ในกรณีที่มารดาเสียชีวิต? เสื้อผ้าที่ใช้แล้วทั้งหมดของเธอจะแบ่งให้ลูกสาวคนละเท่าๆ กัน? เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใช้? เพชรพลอยและทรัพย์สินของเธอต้องแบ่งกันในหมู่ผู้รับมรดก? รวมทั้งเสื้อผ้าที่ใช้แล้วด้วยหากเธอไม่มีลูกสาว

ซ.? หากลูกของผู้ตายเป็นผู้ที่ยังไม่บรรลุวุฒิภาวะ? ส่วนแบ่งของลูกควรฝากไว้กับบุคคลที่เชื่อใจได้หรือกลุ่มบุคคลเพื่อการลงทุน? จนกว่าลูกจะถึงอายุที่บรรลุวุฒิภาวะ? ผลกำไรส่วนหนึ่งควรแบ่งให้ผู้ที่รับฝาก

ฌ.? ไม่ควรทำการแบ่งมรดกจนกว่าจะจ่ายฮูคุคูลลาห์ (สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า)? จ่ายหนี้สินที่ผู้ตายก่อไว้? และชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากงานศพและพิธีฝังศพที่สมเกียรติ

ญ.? หากพี่ชายน้องชายของผู้ตายมาจากบิดาเดียวกัน? เขาจะได้รับส่วนแบ่งมรดกเต็มตามที่จัดสรร? หากมาจากคนละบิดา? เขาจะได้รับส่วนแบ่งมรดกเพียงสองในสาม? อีกหนึ่งในสามตกเป็นของสภายุติธรรม? กฎเดียวกันนี้ใช้กับพี่สาวและน้องสาวของผู้ตายด้วย

ฎ.? ในกรณีที่มีพี่น้องร่วมบิดามารดา? พี่น้องต่างบิดาไม่ได้รับมรดก

ฏ.? ครูที่ไม่ใช่บาไฮไม่ได้รับมรดก? หากมีครูมากกว่าหนึ่งคน? ส่วนแบ่งที่จัดสรรให้ครูควรแบ่งให้เท่าๆ กัน

ฐ.? ทายาทที่ไม่ใช่บาไฮไม่ได้รับมรดก

ฑ.? นอกจากเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของภรรยา? เพชรพลอยหรือสิ่งอื่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามีให้เธอเป็นของขวัญ? อะไรก็ตามที่สามีซื้อมาให้ภรรยาจะถือว่าเป็นสมบัติของสามีที่จะต้องแบ่งกันในหมู่ผู้รับมรดก

ฒ.? ทุกคนมีอิสระที่จะทำพินัยกรรมทรัพย์สมบัติของตนตามที่ตนเห็นควร? แต่เขาต้องกำหนดการจ่ายฮูคุคูลลาห์และการชำระหนี้สินของตนไว้ด้วย

ง.? กฎ? บทบัญญัติและคำเคี่ยวเข็ญต่างๆ

  1. กฎและบทบัญญัติต่างๆ

ก.? การแสวงบุญ

ข.? ฮูคุคูลลาห์

ค.? เงินลงทุน

ง.? มาชเรโกล อัซการ์??

จ.? ระยะเวลาของยุคศาสนาบาไฮ

ฉ.? เทศกาลบาไฮ

ช.? งานฉลองบุญสิบเก้าวัน

ซ.? ปีบาไฮ

ฌ.? วันแทรกปฏิทิน

ญ.? อายุที่บรรลุวุฒิภาวะ

ฎ.? การฝังศพคนตาย

ฏ.? การทำการค้าหรือประกอบวิชาชีพเป็นเรื่องบังคับและได้รับการยกขึ้นเทียบเท่าการบูชา

ฐ.? การเชื่อฟังรัฐบาล

ฑ.? การอบรมบุตร

ฒ.? การเขียนพินัยกรรม

ณ.? ภาษีหนึ่งในสิบ (ซาคัท)

ด.? การสวดพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุด 95 ครั้งต่อวัน

ต.? การล่าสัตว์

ถ.? การปฏิบัติต่อหญิงรับใช้

ท.? การพบทรัพย์สินที่สูญหาย

ธ.? การจัดการกับสิ่งมีค่าที่พบเจอโดยไม่รู้เจ้าของ

น.? การจัดการกับทรัพย์สินที่รับฝาก

บ.? การทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตโดยไม่เจตนา

ป.? นิยามของพยานที่ยุติธรรม

ผ.? ข้อห้ามต่างๆ

  1. การตีความธรรมลิขิต
  2. การค้าทาส
  3. การถือสันโดษ????????????????
  4. การแยกตัวอยู่ในอาราม?????????????
  5. การขอทาน
  6. การเป็นนักบวช
  7. การใช้มุข
  8. การจูบมือ
  9. การสารภาพบาป
  10. การมีภรรยาหลายคน
  11. เครื่องดื่มมึนเมา
  12. ฝิ่น
  13. การพนัน
  14. การวางเพลิง
  15. การผิดประเวณี
  16. ฆาตกรรม
  17. การขโมย
  18. การรักร่วมเพศ
  19. การสวดอฐิษฐานเป็นหมู่? ยกเว้นสวดเพื่อคนตาย
  20. การทารุณสัตว์
  21. ความเกียจคร้านเฉื่อยชา
  22. การนินทา
  23. การใส่ร้าย
  24. การพกอาวุธนอกจากว่าจำเป็น
  25. การใช้สระน้ำสาธารณะที่ชาวเปอร์เซียใช้อาบน้ำ
  26. การเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ
  27. การตีหรือทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ
  28. การทะเลาะวิวาท
  29. การสวดวจนะศักดิ์สิทธิ์พึมพัมบนถนน
  30. จุ่มมือลงไปในอาหาร
  31. การโกนศีรษะ
  32. การไว้ผมยาวเลยติ่งหู
  33. การยกเลิกกฎและบทบัญญัติของยุคศาสนาก่อนๆ? ที่บัญญัติ :

ก.? การทำลายหนังสือ

ข.? ข้อห้ามการสวมผ้าไหม

ค.? ข้อห้ามการใช้เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำด้วยทองและเงิน

ง.? ข้อจำกัดในการเดินทาง

จ.? การมอบของขวัญที่ประเมินค่ามิได้ให้แก่พระผู้ก่อตั้งศาสนา

ฉ.? ข้อห้ามการตั้งคำถามกับผู้ก่อตั้งศาสนา

ช.? ข้อห้ามการสมรสใหม่กับภรรยาที่ตนหย่า

ซ.? การลงโทษผู้ที่ทำให้เพื่อนบ้านเศร้าใจ

ฌ.? การห้ามดนตรี

ญ.? ข้อจำกัดเกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครา

ฎ.? ความไม่สะอาดของวัตถุและประชาชนมากมายหลายประเภท

ฏ.? ความไม่สะอาดของน้ำอสุจิ

ฐ.? ความไม่สะอาดของวัตถุบางอย่างที่ใช้สำหรับการหมอบราบ

  1. คำเคี่ยวเข็ญต่างๆ

ก.? สมาคมกับศาสนิกชนของทุกศาสนาด้วยไมตรีจิต

ข.? ให้เกียรติบิดามารดาของตน

ค.? ไม่ปรารถนาให้ผู้อื่นในสิ่งที่ตนเองก็ไม่ปรารถนา

ง.? สอนและเผยแพร่ศาสนาภายหลังการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระผู้ก่อตั้งศาสนา

จ.? ช่วยผู้ที่ลุกขึ้นส่งเสริมศาสนา

ฉ.? อย่าทำสิ่งที่ต่างไปจากธรรมลิขิตหรือให้ผู้ที่ทำต่างไปจากธรรมขิตมาชักจูงให้หลงผิด

ช.? อ้างอิงถึงธรรมลิขิตเมื่อเกิดข้อขัดแย้งกัน

ซ.? ดำดิ่งลงไปในการศึกษาคำสอน

ฌ.? อย่าไปตามความเพ้อฝันที่เหลวไหลและจินตนาการอันไร้สาระ

ญ.? สวดวจนะศักดิ์สิทธิ์ทุกเช้าค่ำ

ฎ.? สวดวจนะศักดิ์สิทธิ์อย่างเสนาะ

ฏ.? สอนลูกให้สวดวจนะศักดิ์สิทธิ์ในมาชเรโกล อัซการ์??

ฐ.? ศึกษาศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่มีประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

ฑ.? ปรึกษาหารือกัน

ฒ.? อย่าหย่อนยานในการปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า

ณ.? สำนึกผิดในบาปของตนต่อพระผู้เป็นเจ้า

ด.? ดีเด่นด้วยการทำดี

  1. มีวาจาสัตย์
  2. ไว้วางใจได้
  3. ซื่อสัตย์
  4. ชอบธรรมและเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
  5. ยุติธรรมและเป็นธรรม
  6. มีไหวพริบและฉลาดสุขุม
  7. มีมารยาท
  8. ต้อนรับขับสู้
  9. พากเพียร
  10. ปล่อยวาง
  11. ยอมจำนนอย่างสิ้นเชิงต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
  12. ไม่ก่อการยุยง
  13. ไม่เสแสร้งเป็นคนดี
  14. ไม่ทะนง
  15. ไม่บ้าคลั่งศาสนา
  16. ไม่ถือว่าตนเองสำคัญกว่าเพื่อนบ้าน
  17. ไม่โต้เถียงเพื่อนบ้าน
  18. ไม่ตามใจกิเลส
  19. ไม่เศร้าโศกในความยากลำบาก
  20. ไม่โต้เถียงผู้ที่อยู่ในอำนาจ
  21. ไม่อารมณ์เสีย
  22. ไม่ทำให้เพื่อนบ้านโกรธ

ต.? สามัคคีกันอย่างแน่นแฟ้น

ถ.? ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญยามเจ็บป่วย

ท.? ตอบสนองคำเชิญ

ธ.? แสดงความเมตตาต่อญาติพี่น้องของพระผู้ก่อตั้งศาสนา

น.? ศึกษาภาษาต่างๆ เพื่อการส่งเสริมศาสนา

บ.? พัฒนาเมืองและประเทศเพื่อการสดุดีศาสนา

ป.? ปฏิสังขรณ์และอารักษ์สถานที่ต่างๆ ที่สัมพันธ์กับพระผู้ก่อตั้งศาสนา

ผ.? เป็นสาระของความสะอาด

  1. ล้างเท้า
  2. ใส่น้ำหอม
  3. อาบน้ำด้วยน้ำสะอาด
  4. ตัดเล็บ
  5. ล้างสิ่งสกปรกด้วยน้ำสะอาด
  6. ใส่เสื้อผ้าที่ไม่มีรอยเปื้อน
  7. เปลี่ยนเครื่องตกแต่งบ้านของตน
  8. ? คำตักเตือน ? คำตำหนิและคำเตือนที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ
  9. มวลมนุษยชาติ
  10. กษัตริย์และราชินีทั้งหลายของโลก
  11. นักบวชทั้งหลาย
  12. บรรดาผู้ปกครองและประธานาธิบดีของสาธารณรัฐทั้งหลายในทวีปอเมริกา
  13. พระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 ผู้เป็นษัตริย์แห่งปรัสเซีย?
  14. ฟรานซิส โจเซฟ? ผู้เป็นจักรพรรดิแห่งออสเตรีย
  15. ประชาชนแห่งคัมภีร์บายัน
  16. สมาชิกรัฐสภาทั่วโลก
  17. เรื่องต่างๆ
  18. ลักษณะที่เหนือธรรมดาของการเปิดเผยพระธรรมบาไฮ
  19. สถานะที่สูงส่งของพระผู้ก่อตั้งศาสนา
  20. ความสำคัญสูงสุดของคีตาบีอัคดัส? ซึ่งเป็น ?คัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด?
  21. หลักความเชื่อเกี่ยวกับ ?ความไม่มีผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด?
  22. หน้าที่สองประการในการยอมรับพระศาสดาและปฏิบัติตามกฎของพระองค์? และสองหน้าที่นี้แยกจากกันไม่ได้
  23. จุดหมายของการเรียนรู้ทั้งปวงคือเพื่อยอมรับพระผู้เป็นจุดหมายของความรู้ทั้งปวง
  24. พระพรสำหรับผู้ที่ยอมรับสัจธรรมมูลฐาน ?พระองค์จะไม่ถูกถามเกี่ยวกับการกระทำของพระองค์?
  25. อิทธิพลปฏิวัติของ ?ระบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด?
  26. การเลือกหนึ่งภาษาและพยัญชนะเดียวกันให้ทุกคนบนโลกใช้ : หนึ่งในสองสัญลักษณ์ที่บ่งบอกวุฒิภาวะของมนุษยชาติ
  27. คำพยากรณ์ของพระบ๊อบเกี่ยวกับ ?พระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด?
  28. คำทำนายเกี่ยวกับการต่อต้านศาสนา
  29. คำสรรเสริญกษัตริย์ที่จะนับถือศาสนาบาไฮและลุกขึ้นรับใช้ศาสนาบาไฮ
  30. ความไม่มั่นคงในกิจการทั้งหลายของมนุษย์
  31. ความหมายของอิสรภาพที่แท้จริง
  32. คุณค่าของการกระทำทุกอย่างขึ้นกับการยอมรับของพระผู้เป็นเจ้า
  33. ความสำคัญของความรักที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าในฐานะที่เป็นแรงจูงใจในการเชื่อฟังกฎของพระองค์
  34. ความสำคัญของการใช้วิธีทางวัตถุ
  35. คำสรรเสริญผู้รู้ในหมู่ประชาชนแห่งบาฮา
  36. คำรับประกันการให้อภัยมีร์ซา ยายอห์ หากเขาสำนึกผิด
  37. คำตรัสต่อเตหะราน
  38. คำตรัสต่อคอนสแตนติโนเปิ้ลและประชาชนของเมืองนี้
  39. คำตรัสต่อ ?ริมฝั่งแม่น้ำไรน์?
  40. คำตำหนิผู้ที่อวดอ้างว่ามีความรู้ที่คนอื่นเข้าไม่ถึง
  41. คำตำหนิผู้ที่ให้ความทะนงในวิชามาขวางกั้นตนเองจากพระผู้เป็นเจ้า
  42. คำพยากรณ์เกี่ยวกับโคราซาน
  43. คำพยากรณ์เกี่ยวกับเคอร์มาน
  44. คำพาดพิงถึงเชค อาหมัดเด อาซาอี
  45. คำพาดพิงถึงผู้ร่อนข้าวสาลี
  46. คำตำหนิฮาจี โมฮัมหมัด การิม คาน
  47. คำตำหนิเชค โมฮัมหมัด ฮาซาน
  48. คำพาดพิงถึงพระเจ้านโปเลียนที่ 3
  49. คำพาดพิงถึงซียิด โมฮัมหมัดเด อิสฟาฮาเน?
  50. คำรับประกันความช่วยเหลือสำหรับทุกคนที่ลุกขึ้นรับใช้ศาสนา

หมายเหตุ

  1. สุคนธรสของภูษาของเรา //4

นี้เป็นการพาดพิงถึงเรื่องราวของโจเซฟในคัมภีร์โกรอ่านและคัมภีร์เก่า? ซึ่งพี่ชายทั้งหลายของโจเซฟนำภูษาของเขาไปให้ยาคอบผู้เป็นบิดา? และช่วยให้บิดาจำลูกชายที่รักที่สาบสูญไปนานได้? ธรรมลิขิตบาไฮใช้อุปมา? สุคนธรสของ ?ภูษา? อยู่บ่อยๆ เป็นการหมายถึงการยอมรับพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าและการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์

ในธรรมจารึกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงพรรณนาพระองค์เองเป็นเสมือน ?โจเซฟสวรรค์? ที่พวกไม่เอาใจใส่ ?เอาไปแลกกับสิ่งที่เบาราคาที่สุด?? ในกายูโมล แอสมา? พระบ๊อบทรงถือว่าพระบาฮาอุลลาห์เป็น ?โจเซฟที่แท้จริง? และพยากรณ์บททดสอบที่พระองค์จะต้องทนทรมานโดยน้ำมือของน้องชายผู้ทรยศ (ดูหมายเหตุ 190)? ทำนองเดียวกันท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้นำความริษยาอันร้อนแรงที่ความเหนือชั้นกว่าของพระอับดุลบาฮาปลุกขึ้นมาในตัวน้องชายต่างมารดาคือมีร์ซา โมฮัมหมัด อาลี มาเทียบเคียงกับความอิจฉามรณะ ?ที่ความล้ำเลิศกว่าของโจเซฟได้จุดขึ้นมาในหัวใจของพี่ชายทั้งหลาย?

  1. เราได้เปิดผนึกของอมฤตชั้นเยี่ยมด้วยองคุลีแห่งอำนาจและอานุภาพ //5?

การบริโภคเหล้าองุ่นและของมึนเมาเป็นข้อห้ามในคีตาบีอัคดัส (ดูหมายเหตุ 144 และ 170)?

การใช้คำ ?เหล้าองุ่น? (แปลเป็นภาษาไทยในที่นี้ว่า ?อมฤต?) ในความหมายที่เป็นสัญลักษณ์? เช่นเป็นเหตุของธรรมปีติ? มิใช่มีแต่ในการเปิดเผยพระธรรมของพระบาฮาอุลลาห์เท่านั้น? แต่มีในคัมภีร์ไบเบิ้ล? คัมภีร์โกรอ่านและคำสอนโบราณของฮินดูด้วย

ตัวอย่างเช่นในคัมภีร์โกรอ่าน? ผู้ชอบธรรมได้รับสัญญาว่าพวกเขาจะได้ดื่ม?อมฤตชั้นเยี่ยมที่ปิดผนึกไว้?? ในธรรมจารึกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงถือว่า ?อมฤตชั้นเยี่ยม? คือการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์? ซึ่ง?สุคนธรสที่อบอวลด้วยชะมดเชียง? ของพระธรรมนี้ได้โชย?มายังทุกสรรพสิ่ง?? พระองค์ทรงกล่าวว่าพระองค์ได้?เปิดผนึก? ของ?อมฤต? นี้? ดังนั้นจึงเป็นการเปิดเผยสัจธรรมที่ไม่เคยเป็นที่รู้มาก่อน? และช่วยให้ผู้ที่ดื่มอมฤตได้?เห็นความอำไพของแสงแห่งเอกภาพสวรรค์? และ?เข้าใจจุดประสงค์ที่เป็นสาระสำคัญของคัมภีร์ทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า?

ในบทอธิษฐานตอนหนึ่ง? พระบาฮาอุลลาห์วิงวอนพระผู้เป็นเจ้าขอทรงประทาน?อมฤตชั้นเยี่ยมแห่งความปรานีของพระองค์? ให้แก่ศาสนิกชนทั้งหลาย ?เพื่อว่าอมฤตนั้นจะดลให้พวกเขาลืมทุกคนนอกจากพระองค์? ลุกขึ้นรับใช้ศาสนาของพระองค์? และแน่วแน่ในความรักของพวกเขาที่มีต่อพระองค์?

  1. เราบัญญัติบทอธิษฐานบังคับ…ให้เจ้าสวด //6

ในภาษาอาหรับมีหลายคำสำหรับบทอธิษฐาน? คำว่า ?ซาลอท? ซึ่งจากภาษาเดิมที่นำมาใช้ในที่นี้หมายถึงบทอธิษฐานประเภทหนึ่ง? ซึ่งศาสนิกชนได้รับบัญชาให้สวดตามเวลาที่เจาะจงไว้ในแต่ละวัน? เพื่อที่จะแยกบทอธิษฐานประเภทนี้จากประเภทอื่น? คำนี้จึงถูกแปลว่า?บทอธิษฐานบังคับ?

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า?บทอธิษฐานบังคับและการถือศีลอดครอบครองฐานะอันประเสริฐในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า? (คำถาม-คำตอบ 93)? พระอับดุลบาฮายืนยันว่าบทอธิษฐานเหล่านี้?หนุนนำให้รู้จักถ่อมตัวและยอมจำนน? หันหน้าไปหาพระผู้เป็นเจ้าและแสดงความอุทิศตนต่อพระองค์? และโดยบทอธิษฐานเหล่านี้ ?มนุษย์ได้สนทนากับพระผู้เป็นเจ้า? พยายามใกล้เข้าหาพระองค์? สนทนากับพระผู้เป็นที่รักยิ่งของหัวใจของตน? และบรรลุถึงสภาวธรรม? ?บทอธิษฐานบังคับที่กล่าวถึงในวจนะตอนนี้ถูกแทนด้วยบทอธิษฐานบังคับสามบทที่พระบาฮาอุลลาห์เปิดเผยภายหลัง (คำถาม-คำตอบ 63)? เนื้อหาของบทอธิษฐานสามบทที่ใช้กันในปัจจุบันพร้อมกับคำแนะนำการสวดมีอยู่ในเล่มนี้ใน พระธรรมบางบทที่เสริมคีตาบีอัคดัส

บางรายการใน คำถามและคำตอบ พูดถึงแง่ต่างๆ ของบทอธิษฐานบังคับใหม่สามบท? พระบาฮาอุลลาห์ทรงชี้แจงว่า? แต่ละคนได้รับอนุญาตให้เลือกบทใดบทหนึ่งจากบทอธิษฐานบังคับสามบทนี้ (คำถาม-คำตอบ 65) ข้อกำหนดอื่นๆ อธิบายไว้ใน คำถามและคำตอบ ข้อ 66, 67, 81 และ 82

รายละเอียดของกฎเกี่ยวกับบทอธิษฐานบังคับสรุปย่อไว้ใน ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ก. 1-17

  1. เก้ารัคอาห์ //6

หนึ่งรัคอาห์คือการสวดวจนะท่อนที่เปิดเผยไว้เป็นการเจาะจงประกอบกับการงอเข่าและการเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่กำหนดไว้

บทอธิษฐานบังคับดั้งเดิมที่พระบาฮาอุลลาห์บัญญัติไว้แก่สาวกประกอบด้วยเก้ารัคอาห์? ลักษณะที่แน่แท้ของบทอธิษฐานนี้และคำสั่งในการสวดไม่เป็นที่ทราบ? เพราะบทอธิษฐานนี้สูญหายไป (ดูหมายเหตุ 9)

ในธรรมจารึกหนึ่งที่วิจารณ์บทอธิษฐานบังคับที่เป็นข้อผูกมัดในปัจจุบัน? พระอับดุลบาฮาทรงระบุว่า ?ในทุกวจนะและทุกการเคลื่อนไหวของบทอธิษฐานบังคับมีคำพาดพิง? ความลึกลับและอัจฉริยภาพที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจ ? อีกทั้งอักษรและม้วนพระธรรมไม่สามารถบรรจุได้?

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ อธิบายว่า? คำสั่งง่ายๆ ที่พระบาฮาอุลลาห์ให้ไว้สำหรับการสวดบทอธิษฐานบางบท? ไม่เพียงแต่มีนัยสำคัญทางจิตวิญญาณเท่านั้น? แต่ยังช่วยให้ผู้นั้น ?รวมจิตใจทั้งหมดขณะอธิษฐานและทำสมาธิ?????

  1. เวลาเที่ยงวัน? เวลาเช้าและเวลาค่ำ //6

เกี่ยวกับนิยามของคำว่า ?เวลาเช้า? ?เที่ยงวัน? และ?เวลาค่ำ? ซึ่งเป็นเวลาสำหรับสวดบทอธิษฐานบังคับบทปานกลางที่เป็นข้อผูกมัดในปัจจุบัน? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? เวลาเหล่านี้สัมพันธ์กับ ?ดวงอาทิตย์ขึ้น? เที่ยงวันและดวงอาทิตย์ตก? (คำถาม-คำตอบ 83)? พระองค์ระบุว่า?เวลาที่อนุญาตให้สวดบทอธิษฐานบังคับคือ? จากเช้าถึงเที่ยงวัน? จากเที่ยงวันถึงดวงอาทิตย์ตก? และจากดวงอาทิตย์ตกถึงสองชั่วโมงหลังจากนั้น? ?นอกจากนี้พระอับดุลบาฮายังกล่าวว่า? บทอธิษฐานบังคับเวลาเช้าอาจสวดได้ตั้งแต่รุ่งอรุณ

นิยามของ ?เที่ยงวัน? ว่าเป็นช่วงเวลา ?จากเที่ยงวันถึงดวงอาทิตย์ตก? ใช้กับการสวดบทอธิษฐานบังคับบทสั้นและบทปานกลางเหมือนกัน

  1. เราให้เจ้าสวดน้อยครั้งลง //6

??????????เงื่อนไขของบทอธิษฐานบังคับที่วางไว้ในยุคศาสนาบาบีและอิสลามนั้น? ยากกว่าเงื่อนไขของการสวดบทอธิษฐานบังคับที่ประกอบด้วยเก้ารัคอาห์ที่บัญญัติไว้ในคีตาบีอัคดัส (ดูหมายเหตุ 4)

??????????ในคัมภีร์บายันพระบ๊อบทรงบัญญัติบทอธิษฐานบังคับที่ประกอบด้วยสิบเก้ารัคอาห์? ซึ่งจะต้องสวดหนึ่งครั้งทุก 24 ชั่วโมง? ระหว่างเที่ยงวันของวันนี้ถึงเที่ยงวันของวันถัดไป

??????????บทอธิษฐานของชาวมุสลิมสวด 5 ครั้งต่อวัน กล่าวคือ? เช้าตรู่? เที่ยงวัน? บ่าย? ค่ำ และกลางคืน? แม้ว่าจำนวนรัคอาห์แปรตามเวลาที่สวด? แต่รวมทั้งหมดเป็นสิบเจ็ดรัคอาห์ในหนึ่งวัน

  1. เมื่อเจ้าปรารถนาจะสวดบทอธิษฐานนี้ ? จงหันไปยังราชสำนักอันเป็นที่สถิตที่วิสุทธิ์ที่สุดของเรา? นั่นคือบริเวณศักดิ์สิทธิ์นี้ที่พระผู้เป็นเจ้า…ทรงมีโองการให้เป็นตำแหน่งของการบูชาสำหรับบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในนครแห่งนิรันดรกาล //6

?ตำแหน่งของการบูชา? นั่นคือ? ตำแหน่งที่ผู้บูชาควรหันไปหาขณะที่สวดบทอธิษฐานบังคับ? ถูกเรียกว่าเกบเบร? แนวความคิดเกี่ยวกับเกบเบรมีอยู่ในศาสนาก่อนๆ? ในอดีตกรุงเยรูซาเลมถูกกำหนดไว้สำหรับจุดประสงค์นี้? พระโมฮัมหมัดเปลี่ยนเกบเบรไปเป็นเมกกะ? คำสั่งสอนของพระบ๊อบในคัมภีร์บายันภาษาอาหรับคือ :

ที่จริงแล้วเกบเบรคือพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด? เมื่อใดก็ตามที่พระองค์เคลื่อนไหว? เกบเบรก็เคลื่อนไหว? จนกว่าพระองค์จะหยุดพัก

วรรคนี้พระบาฮาอุลลาห์ทรงคัดมาไว้ในคีตาบีอัคดัส (137) และยืนยันในวจนะที่หมายเหตุไว้ข้างบน? พระองค์ยังระบุอีกด้วยว่า? การหันหน้าไปทางเกบเบรเป็น?เงื่อนไขที่ตายตัวสำหรับการสวดบทอธิษฐานบังคับ? (คำถาม-คำตอบ 14 และ 67)? อย่างไรก็ตามสำหรับบทอธิษฐานอื่นๆ ผู้นั้นจะหันหน้าไปทางไหนก็ได้

  1. และเมื่อดวงอาทิตย์แห่งสัจธรรมและวาทะลับฟ้าไป? จงหันหน้าไปยังตำแหน่งที่เราบัญญัติไว้สำหรับเจ้า //6

พระบาฮาอุลลาห์ทรงบัญญัติให้พระสถูปของพระองค์เป็นเกบเบรหลังจากที่พระองค์ล่วงลับไป? พระสถูปที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอยู่ที่บาห์จี? เมืองอัคคา? พระอับดุลบาฮาทรงพรรณนาตำแหน่งนี้ว่าเป็น?พระสถูปที่เรืองรอง? ?สถานที่ที่หมู่เทวัญเบื้องบนมาวนรอบ?

ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ท่านใช้อุปมาของพืชหันไปหาดวงอาทิตย์มาอธิบายความสำคัญทางจิตวิญญาณของการหันไปหาเกบเบร :

…ดังเช่นพืชเหยียดตัวเข้าหาแสงอาทิตย์? ซึ่งจากแสงอาทิตย์นี้พืชได้รับชีวิตและเติบโต? ดังนั้นเราหันหัวใจเข้าหาพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า? นั่นคือพระบาฮาอุลลาห์เมื่อเราอธิษฐาน…เราหันหน้า…ไปหาบริเวณที่ฝังธุลีของพระองค์บนโลกนี้ประหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการตั้งจิตสู่พระองค์

  1. เราได้อธิบายรายละเอียดของบทอธิษฐานบังคับไว้ในอีกธรรมจารึกหนึ่ง //8

บทอธิษฐานบังคับดั้งเดิมถูกเปิดเผยโดยพระบาฮาอุลลาห์ไว้ในอีกธรรมจารึกหนึ่งต่างหาก ?ด้วยเหตุผลที่รอบคอบ? (คำถาม-คำตอบ 63)? และมิได้แจกจ่ายให้ศาสนิชนระหว่างที่พระองค์มีชีวิตอยู่? ซึ่งต่อมาถูกแทนด้วยบทอธิษฐานบังคับสามบทที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

ไม่นานหลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์? เนื้อหาของบทอธิษฐานนี้พร้อมกับธรรมจารึกอื่นๆ จำนวนหนึ่งถูกขโมยไปโดยโมฮัมหมัด อาลี? ซึ่งเป็นผู้ละเมิดพระปฏิญญาตัวยงของพระองค์

  1. บทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม //8

บทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม (ดูพระธรรมบางบทที่เสริมคีตาบีอัคดัส) เป็นบทอธิษฐานบังคับบทเดียวเท่านั้นที่ใช้สวดกันเป็นหมู่? คือสวดโดยศาสนิกชนคนหนึ่งขณะที่คนอื่นๆ ยืนอยู่อย่างเงียบๆ (ดูหมายเหตุ 19)? พระบาฮาอุลลาห์ทรงชี้แจงว่า? บทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรมจำเป็นต้องสวดก็ต่อเมื่อผู้ตายเป็นผู้ใหญ่ (คำถาม-คำตอบ 70)? ควรสวดก่อนที่จะทำการฝังคนตาย? และไม่จำเป็นต้องหันหน้าไปทางเกบเบรขณะที่สวดบทอธิษฐานนี้ (คำถาม-คำตอบ 85)

รายละเอียดมากกว่านี้เกี่ยวกับบทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรมได้สรุปย่อไว้ใน ประมวลกฎอย่างย่อตอน 4 ก. 13-14

  1. มีหกวรรคเฉพาะที่ส่งลงมาโดยพระผู้เป็นเจ้า? พระผู้เปิดเผยวจนะ //8

วรรคต่างๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของบทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรมประกอบด้วยการสวดคำอวยพร ?อัลลา อู อับฮา? (พระผู้เป็นเจ้าคือพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์) 6 ครั้ง? ซึ่งแต่ละครั้งตามด้วยการสวดวจนะหนึ่งในหกท่อนที่เปิดเผยไว้เป็นการเฉพาะอีก 19 ครั้ง? วจนะเหล่านี้เหมือนกับวจนะในบทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรมที่พระบ๊อบเปิดเผยไว้ในคัมภีร์บายัน? พระบาฮาอุลลาห์ทรงเพิ่มคำวิงวอนไว้ก่อนวรรคเหล่านี้

  1. ขนสัตว์หรือชิ้นส่วนของสิ่งที่เคยมีชีวิตเช่นกระดูกและที่คล้ายกัน? ไม่ทำให้การอธิษฐานของเจ้าไร้ผล? เจ้ามีอิสระที่จะสวมใส่ขนตัวเซเบิ้ลดังที่เจ้าสวมใส่ขนนาก ? ขนกระรอกหรือขนสัตว์อื่นๆ //9

ในยุคศาสนาก่อนๆ บางศาสนา? การสวมขนสัตว์บางชนิดหรือการมีวัตถุบางชนิดอยู่กับตัว? ถือว่าทำให้การอธิษฐานของผู้นั้นไร้ผล? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันคำแถลงของพระบ๊อบในคัมภีร์บายันภาษาอาหรับที่ว่า? สิ่งเหล่านี้ไม่ทำให้การอธิษฐานของผู้นั้นไร้ผล

  1. เราบัญชาให้เจ้าอธิษฐานและถือศีลอดตั้งแต่เริ่มต้นวัยแห่งวุฒิภาวะ //10

พระบาฮาอุลลาห์ทรงนิยาม ?อายุที่บรรลุวุฒิภาวะในแง่ของหน้าที่ทางศาสนา? ว่า ?สิบห้าปีทั้งชายและหญิง? (คำถาม-คำตอบ 20)? สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับช่วงเวลาถือศีลอด? ดู หมายเหตุ 25

  1. พระองค์ทรงยกเว้นผู้ที่อ่อนแอเพราะความเจ็บป่วยหรือชราภาพ //10

การยกเว้นให้ผู้ที่อ่อนแอเนื่องจากความเจ็บป่วยหรืออายุมากไม่ต้องสวดบทอธิษฐานบังคับหรือถือศีลอด? ได้อธิบายไว้ใน คำถามและคำตอบ? พระบาฮาอุลลาห์ทรงระบุว่าใน ?ยามสุขภาพไม่ดี? ไม่อนุญาตให้ปฏิบัติตามบทบังคับนี้? (คำถาม-คำตอบ 93)? พระองค์ทรงนิยามสูงอายุในบริบทนี้ว่าอายุเจ็ดสิบปีขึ้นไป (คำถาม-คำตอบ 74)? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้ชี้แจงเป็นการตอบคำถามข้อหนึ่งว่า? ประชาชนที่อายุถึงเจ็ดสิบปีได้รับการยกเว้น? ไม่ว่าจะอ่อนแอหรือไม่

การถือศีลอดเป็นที่ยกเว้นสำหรับบุคคลประเภทอื่นๆ เช่นกันตามรายชื่อที่อยู่ในประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ข. 5? ดู หมายเหตุ 20, 30 และ 31 สำหรับการอภิปรายเพิ่มเติม

  1. พระผู้เป็นเจ้าทรงอนุญาตให้เจ้าหมอบราบบนพื้นผิวใดก็ได้ที่สะอาด? เพราะเราได้ยกเลิกข้อจำกัดในเรื่องนี้ที่กำหนดไว้ในคัมภีร์ //10

เงื่อนไขของการอธิษฐานในยุคศาสนาก่อนๆ มักมีการหมอบราบรวมอยู่ด้วย? ในคัมภีร์บายันภาษาอาหรับ? พระบ๊อบขอให้ศาสนิกชนเอาหน้าผากแตะบนพื้นผิวที่เป็นผลึกเวลาหมอบราบ? ทำนองคล้ายกันในศาสนาอิสลาม? มีข้อจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับพื้นผิวที่อนุญาตให้ชาวมุสลิมหมอบราบ? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้และระบุไว้ง่ายๆ ว่า ?พื้นผิวใดก็ได้ที่สะอาด?

  1. ผู้ที่หาน้ำชำระมือและใบหน้าไม่ได้? ขอให้สวดวจนะเหล่านี้ห้าครั้ง ?ในนามของพระผู้เป็นเจ้า? พระผู้ทรงความบริสุทธิ์ที่สุด? พระผู้ทรงความบริสุทธิ์ที่สุด?? และจากนั้นให้ทำการอธิษฐาน //10

ศาสนิกชนจะต้องชำระมือและใบหน้าเป็นการเตรียมตัวสำหรับการสวดบทอธิษฐานบังคับ? ซึ่งประกอบด้วยการล้างมือและใบหน้า? หากไม่มีน้ำ? เป็นที่บัญญัติไว้ว่าให้สวดวจนะที่เปิดเผยไว้เป็นการเฉพาะห้าครั้ง? ดู หมายเหตุ 34 สำหรับการอภิปรายทั่วไปเกี่ยวกับการชำระมือและใบหน้า

สิ่งที่มีมาก่อนในยุคศาสนาก่อนๆ ในเรื่องข้อกำหนดของกรรมวิธีที่ใช้ปฏิบัติแทนเมื่อไม่มีน้ำ? มีอยู่ในคัมภีร์โกรอ่านและคัมภีร์บายันภาษาอาหรับ

  1. ในภูมิภาคที่เวลากลางวันและกลางคืนยาวนานกว่าปกติ ? ให้ถือเวลาของการอธิษฐานตามนาฬิกาและเครื่องมืออื่นๆ ที่บอกชั่วโมง //10

นี้หมายถึงอาณาเขตที่อยู่เหนือสุดหรือใต้สุด? ซึ่งช่วงเวลากลางวันและกลางคืนแปรเปลี่ยนมาก (คำถาม-คำตอบ 64 และ 103)? ข้อกำหนดนี้ใช้กับการถือศีลอดด้วย

  1. เราได้ยกเลิกไม่ให้เจ้าต้องสวดบทอธิษฐานแห่งสัญลักษณ์ //11

บทอธิษฐานแห่งสัญลักษณ์เป็นรูปแบบพิเศษอย่างหนึ่งของบทอธิษฐานบังคับของชาวมุสลิม? ซึ่งบัญญัติไว้ให้สวดในเวลาที่เกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติเช่น? แผ่นดินไหว? อุปราคา? และปรากฏการณ์อื่นๆ ที่ทำให้เกิดความกลัว? และถือว่าเป็นสัญลักษณ์หรือการกระทำของพระผู้เป็นเจ้า? เงื่อนไขของการสวดบทอธิษฐานนี้ถูกยกเลิก? แต่บาไฮอาจสวดว่า ?อาณาจักรเป็นของพระผู้เป็นเจ้า? พระผู้เป็นนายของสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น? พระผู้เป็นนายของสรรพโลก?? แต่นี้ไม่ใช่เรื่องบังคับ (คำถาม-คำตอบ 52)

  1. วิธีปฏิบัติของการสวดอธิษฐานเป็นหมู่ถูกยกเลิกไป? ยกเว้นการสวดอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม //12

การสวดอธิษฐานเป็นหมู่ในรูปแบบของบทอธิษฐานบังคับที่ต้องสวดตามพิธีที่กำหนดไว้? ตัวอย่างเช่นตามธรรมเนียมในศาสนาอิสลาม? ซึ่งนำสวดโดยอิหม่ามในสุเหร่าทุกวันศุกร์? ถูกยกเลิกไปในยุคศาสนาบาไฮ? บทอธิษฐานสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม (ดูหมายเหตุ 10) เป็นเพียงบทอธิษฐานเดียวที่กฎบาไฮบัญญัติให้สวดเป็นหมู่? โดยให้คนหนึ่งสวดขณะที่คนอื่นๆ ที่เหลือยืนอยู่อย่างเงียบๆ? ผู้สวดไม่ได้มีสถานภาพพิเศษอะไร? การสวดเป็นหมู่นี้ไม่จำเป็นต้องหันหน้าไปทางเกบเบร (คำถาม-คำตอบ 85)

บทอธิษฐานบังคับประจำวันสามบทจะต้องสวดคนเดียว? ไม่ใช่สวดเป็นหมู่

ไม่มีวิธีที่บัญญัติไว้สำหรับการสวดบทอธิษฐานบาไฮบทอื่นๆ? และทุกคนมีอิสระที่จะสวดบทอธิษฐานที่ไม่บังคับเหล่านั้นในที่ชุมนุมหรือสวดคนเดียวตามปรารถนา? เกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวไว้ว่า 😕

…ดังนี้แม้ว่าจะให้มิตรสหายทำได้ตามที่ตนปรารถนา…พวกเขาก็ควรระวังเป็นที่สุดอย่าให้ลักษณะใดในวิธีปฏิบัติของตน? มีความไม่ยืดหยุ่นจนเกินไปและพัฒนาขึ้นมาเป็นธรรมเนียม? นี้คือประเด็นที่มิตรสหายควรระลึกไว้เสมอ? เพื่อไม่ให้เบี่ยงเบนออกไปจากหนทางที่ชัดเจนที่ระบุไว้ในคำสอน

  1. พระผู้เป็นเจ้าทรงยกเว้นสตรีระหว่างมีประจำเดือนไม่ต้องสวดบทอธิษฐานบังคับ และถือศีลอด //13

สตรีที่กำลังมีประจำเดือนได้รับการยกเว้นไม่ต้องสวดบทอธิษฐานบังคับและถือศีลอด? พวกเธอควรทำการชำระมือและใบหน้าแทน (ดูหมายเหตุ 34) และสวดวจนะ ?ขอความสดุดีจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า? พระผู้เป็นนายแห่งความอำไพและความงาม? 95 ครั้งต่อวัน? ระหว่างเที่ยงวันของวันแรกถึงเที่ยงวันของวันถัดไป? ข้อกำหนดนี้มีมาก่อนในคัมภีร์บายันภาษาอาหรับซึ่งให้การยกเว้นคล้ายกัน

ในยุคศาสนาก่อนๆ บางศาสนา? สตรีระหว่างมีประจำเดือนถือว่าไม่สะอาดสำหรับพิธี? และถูกห้ามมิให้สวดอธิษฐานหรือถือศีลอดตามหน้าที่? แนวความคิดเกี่ยวกับความไม่สะอาดสำหรับพิธีถูกยกเลิกไปโดยพระบาฮาอุลลาห์ (ดูหมายเหตุ 106)

สภายุติธรรมสากลชี้แจงว่า? ข้อกำหนดในคีตาบีอัคดัสที่ให้การยกเว้นหน้าที่และความรับผิดชอบบางอย่าง? เป็นข้อยกเว้นตามความหมายของคำ? มิใช่ข้อห้าม? ดังนั้นศาสนิกชนมีอิสระที่จะใช้ข้อยกเว้นให้เป็นประโยชน์หากเขาหรือเธอปรารถนา? อย่างไรก็ตามสภายุติธรรมแนะนำว่า ในการตัดสินใจว่าจะใช้ข้อยกเว้นหรือไม่? ศาสนิกชนควรใช้ปัญญาและตระหนักว่า? พระบาฮาอุลลาห์ให้ข้อยกเว้นไว้เพราะมีเหตุผลที่ดี

ข้อยกเว้นไม่ต้องสวดบทอธิษฐานบังคับที่บัญญัติไว้? ซึ่งแต่เดิมสัมพันธ์กับบทอธิษฐานบังคับที่ประกอบด้วยเก้ารัคอาห์? บัดนี้ใช้ยกเว้นได้กับบทอธิษฐานบังคับสามบทที่ใช้แทน

  1. ระหว่างเดินทางหากเจ้าหยุดพักในที่ปลอดภัย? ทั้งชายหรือหญิงจงหมอบราบลงหนึ่งครั้งแทนบทอธิษฐานบังคับที่ไม่ได้สวดแต่ละครั้ง //14

ผู้ที่พบว่าตนเองอยู่ในสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย? และเป็นไปไม่ได้ที่จะสวดบทอธิษฐานบังคับ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องสวด? ข้อยกเว้นนี้ใช้กับทั้งเวลาเดินทางและที่บ้าน? และให้วิธีการชดเชยสำหรับบทอธิษฐานบังคับที่ไม่ได้สวดเพราะสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยเหล่านี้

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวไว้ชัดเจนว่า ?ไม่งด? บทอธิษฐานบังคับ ?ระหว่างเดินทาง? ตราบใดที่ผู้นั้นพบ ?สถานที่ปลอดภัย? สำหรับสวด (ถาม-ตอบ 58)

คำถามและคำตอบ ข้อ 21, 58, 59, 60 และ 61 ขยายความข้อกำหนดนี้

  1. เมื่อเสร็จการหมอบราบแล้ว? จงนั่งขัดสมาธิ //14

สำนวนภาษาอาหรับ ?เฮคเลทโกฮิด? ซึ่งแปลในที่นี้ว่า ?ขัดสมาธิ? หมายความว่า ?ท่าแห่งเอกภาพ? ซึ่งตามประเพณีหมายถึงท่าขัดสมาธิ

  1. พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ความรักที่ซ่อนเร้นของเราเป็นกุญแจไปสู่ทรัพย์สมบัติ //15

มีคำสอนที่รู้จักกันดีในศาสนาอิสลามเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและสรรพสิ่งที่พระองค์สร้าง :?

เราคือทรัพย์สมบัติซ่อนเร้น? เราปรารถนาจะเป็นที่รู้จัก? และดังนี้เราได้สร้างสรรพโลกขึ้นมา? เพื่อว่าเราจะได้เป็นที่รู้จัก

การอ้างอิงและพาดพิงถึงคำสอนนี้มีอยู่ทั่วในธรรมลิขิตบาไฮ? ตัวอย่างเช่น? ในบทอธิษฐานหนึ่งของพระบาฮาอุลลาห์? พระองค์ทรงเปิดเผยว่า :

ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระนามของพระองค์? ข้าแต่พระผู้เป็นนาย? พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า! ?ข้าพเจ้าขอให้การยืนยันว่า? พระองค์คือทรัพย์สมบัติซ่อนเร้นที่ถูกห่อไว้ในสภาวะที่หาอดีตไม่ได้ของพระองค์? และคือความลึกลับที่เข้าไม่ถึงที่เทิดไว้ในสาระของพระองค์เอง? ด้วยปรารถนาจะเปิดเผยพระองค์เอง? พระองค์ได้บันดาลภพใหญ่และภพน้อยขึ้นมา? ทรงเลือกพระศาสดาให้อยู่เหนือทุกคนที่พระองค์สร้าง? และทำให้พระศาสดาเป็นสัญลักษณ์ของทั้งสองภพนี้? ข้าแต่พระผู้ทรงเป็นนายของเรา? พระผู้ทรงเห็นใจที่สุด!

พระองค์ทรงชูพระศาสดาขึ้นมาครองบัลลังค์ของพระองค์ต่อหน้าประชาชนทั้งปวงในสรรพโลกของพระองค์? พระองค์ทรงช่วยให้พระศาสดาคลี่คลายความลึกลับของพระองค์? เรืองด้วยแสงแห่งแรงบันดาลใจและการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์? และแสดงพระนามและคุณลักษณะทั้งหลายของพระองค์ให้ปรากฏ? โดยพระศาสดาพระองค์ทรงประดับอารัมภบทของคัมภีร์แห่งสรรพโลกของพระองค์? ข้าแต่พระผู้เป็นผู้ปกครองจักรวาลที่ทรงออกแบบไว้!

ทำนองเดียวกันใน พระวจนะเร้นลับ พระองค์ทรงกล่าวว่า :

ดูกร? บุตรแห่งมนุษย์! ?เรารักการสร้างเจ้า? เราจึงสร้างเจ้าขึ้นมา? ดังนั้นจงรักเรา? เพื่อว่าเราจะระบุชื่อของเจ้า? และเติมพลังชีวิตให้แก่วิญญาณของเจ้า

ในการอธิบายคำสอนที่คัดมาข้างบน? พระอับดุลบาฮาทรงลิขิตไว้ว่า :

ดูกร? ผู้เดินทางในหนทางของพระผู้เป็นที่รักยิ่ง! จงรู้ไว้ว่าจุดประสงค์หลักของคำสอนศักดิ์สิทธิ์นี้คือ? เพื่อจะกล่าวถึงระยะต่างๆ ของการปกปิดและการแสดงปรากฏองค์ของพระผู้เป็นเจ้าภายในพระผู้เป็นพรหมกายแห่งสัจธรรมทั้งหลาย? พระผู้เป็นอรุโณทัยแห่งภาวะอันรุ่งโรจน์ของพระองค์? ตัวอย่างเช่น? ก่อนที่เปลวไฟของไฟที่ไม่รู้ดับนี้จะถูกจุดขึ้นมาให้เห็นชัด? เปลวไฟนี้ดำรงอยู่ด้วยตัวเองภายในตัวเองในตัวตนที่ซ่อนเร้นของพระศาสดาสากลทั้งหลาย? และนี่คือระยะของ?ทรัพย์สมบัติซ่อนเร้น?? และเมื่อพฤกษาที่วิสุทธิ์ถูกจุดด้วยตนเองภายในตนเอง? และไฟของพระผู้เป็นเจ้านั้นลุกด้วยสาระของตนเองภายในสาระของตนเอง? นี่คือระยะของ?เราปรารถนาจะเป็นที่รู้จัก?? และเมื่อไฟนี้ส่องแสงจากขอบฟ้าของจักรวาลด้วยพระนามและคุณลักษณะอันไม่รู้สิ้นของพระผู้เป็นเจ้ามายังโลกที่ไม่จิรังและภพที่ไร้สถานที่? นี่คือการปรากฏขึ้นมาของสรรพโลกใหม่ที่น่าพิศวง? ซึ่งตรงกับระยะของ?ดังนี้เราได้สร้างสรรพโลกขึ้นมา?? และเมื่อดวงวิญญาณที่วิสุทธิ์ทั้งหลายฉีกม่านแห่งความผูกพันทางโลกและโลกีย์วิสัยทั้งปวงให้ขาดสะบั้น? และรีบไปสู่ระยะของการพิศดูความงามของการสถิตอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า? ได้รับเกียรติด้วยการยอมรับพระศาสดา? และสามารถเห็นความอำไพของสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้าในหัวใจของพวกเขา? เมื่อนั้นจุดประสงค์ของการสร้างสรรพโลกนั่นคือเพื่อให้รู้จักพระผู้เป็นสัจธรรมนิรันดร์? จะเป็นที่เห็นได้ชัด

  1. ดูกร? ปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด! //16

?ปากกาของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด? ?ปากกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? และ?ปากกาที่ประเสริฐสุด? เป็นคำที่หมายถึงพระบาฮาอุลลาห์? ซึ่งสาธิตให้เห็นหน้าที่ของพระองค์ในฐานะผู้เปิดเผยพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า

  1. เราบัญชาเจ้าให้ถือศีลอดในช่วงเวลาสั้นๆ //16

การถือศีลอดและการสวดบทอธิษฐานบังคับเป็นสองเสาที่ค้ำจุนกฎของพระผู้เป็นเจ้า ในธรรมจารึกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันว่า? พระองค์ได้เปิดเผยกฎของการสวดบทอธิษฐานบังคับและการถือศีลอดเพื่อว่า? โดยการปฏิบัติสองประการนี้ศาสนิกชนจะได้เข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ระบุว่า? ช่วงเวลาถือศีลอดซึ่งจะต้องงดอาหารและเครื่องดื่มอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตก

….โดยเนื้อแท้นั้นคือช่วงเวลาของการทำสมาธิ? อธิษฐานและฟื้นจิตวิญญาณ? ซึ่งในระหว่างนี้ศาสนิกชนต้องพยายามปรับชีวิตภายในที่จำเป็น ให้ความสดชื่นและความแข็งขันอีกครั้งแก่พลังจิตที่แฝงอยู่ในวิญญาณของตน? ดังนั้นสาระสำคัญและจุดประสงค์ของการถือศีลอดเป็นเรื่องของจิตวิญญาณโดยมูลฐาน? การถือศีลอดเป็นสัญลักษณ์และสิ่งเตือนใจให้ละเว้นจากความเห็นแก่ตัวและกิเลส

ศาสนิกชนทุกคนได้รับบัญชาให้ถือศีลอดเมื่ออายุถึง 15 ปี จนกระทั่งอายุ 70 ปี

สรุปย่อรายละเอียดของข้อกำหนดเกี่ยวกับกฎของการถือศีลอด? และข้อยกเว้นสำหรับบุคคลบางประเภทมีอยู่ใน ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ก. 1-6? สำหรับการอภิปรายเกี่ยวกับข้อยกเว้นการถือศีลอด? ดู หมายเหตุ 14, 20, 30 และ 31?

ช่วงเวลาถือศีลอดสิบเก้าวัน? ตรงกับเดือนบาไฮ ?อะลาห์? ตามปกติแล้วคือ 2-20 มีนาคม? ซึ่งต่อจากสิ้นสุดวันแทรกปฏิทิน (ดูหมายเหตุ 27 และ 147)? และตามมาด้วยงานฉลองนอร์รูซ (ดูหมายเหตุ 26)

  1. และให้นอร์รูซเป็นงานฉลองสำหรับเจ้าเมื่อสิ้นสุดการถือศีลอด //16

พระบ๊อบทรงเริ่มปฏิทินใหม่? ซึ่งเวลานี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นปฏิทินบาดีหรือปฏิทินบาไฮ (ดูหมายเหตุ 27 และ 147)? ตามปฏิทินนี้หนึ่งวันคือช่วงเวลาจากดวงอาทิตย์ตกถึงดวงอาทิตย์ตก? ในคัมภีร์บายันพระบ๊อบทรงบัญญัติเดือนอะลาห์ให้เป็นเดือนถือศีลอด? ทรงมีโองการว่าวันนอร์รูซควรบ่งบอกการสิ้นสุดของช่วงเวลาถือศีลอดนี้? และทรงระบุให้นอร์รูซเป็นวันของพระผู้เป็นเจ้า? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันปฏิทินบาดีซึ่งระบุให้นอร์รูซเป็นงานฉลอง

นอร์รูซคือวันแรกของปีใหม่ตรงกับวสันตวิษุวัตในซีกโลกตอนเหนือ? ซึ่งตามปกติเกิดขึ้นในวันที่ 21 มีนาคม? พระบาฮาอุลลาห์ทรงอธิบายว่า? วันฉลองนี้จะต้องฉลองในวันที่ดวงอาทิตย์ผ่านเข้าสู่กลุ่มดาวแอรีส? แม้ว่าอาจจะเกิดขึ้นหนึ่งนาทีก่อนดวงอาทิตย์ตก (คำถาม-คำตอบ 35)? ดังนั้นนอร์รูซอาจตรงกับวันที่ 20, 21 หรือ 22 มีนาคม ขึ้นกับเวลาของวสันตวิษุวัต

พระบาฮาอุลลาห์ทิ้งรายละเอียดของกฎหลายข้อไว้ให้สภายุติธรรมสากลเติม? รายละเอียดส่วนหนึ่งคือเรื่องต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อปฏิทินบาไฮ? ท่านศาสนภิบาลกล่าวว่า? การนำกฎเกี่ยวกับเวลาของนอร์รูซมาใช้กันทั่วโลก? จำเป็นที่จะต้องมีการเลือกตำแหน่งหนึ่งบนพิภพที่จะใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการกำหนดเวลาของวสันตวิษุวัต? ท่านยังระบุด้วยว่าการเลือกตำแหน่งนี้อยู่ที่การตัดสินใจของสภายุติธรรมสากล

  1. ขอให้วันที่เหลือจากเดือนต่างๆ อยู่ก่อนเดือนถือศีลอด //16

ปฏิทินบาดีอิงตามปีสุริยคติ 365 วัน 5 ชั่วโมง และ 50 กว่านาที? หนึ่งปีประกอบด้วย 19 เดือนๆ ละ 19 วัน (รวม 361 วัน) บวกกับอีก 4 วัน (5 วันในปีอธิกสุรทิน) พระบ๊อบมิได้เจาะจงให้วันแทรกปฏิทินอยู่ตรงไหน? คีตาบีอัคดัสไขปัญหานี้โดยให้วัน ?ที่เหลือ? อยู่ก่อนเดือนอะลาห์ในปฏิทิน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการถือศีลอด? สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม? ดูตอนที่เกี่ยวกับปฏิทินบาไฮใน The Baha?i World, volume XVIII

  1. เราบัญญัติให้วันเหล่านี้…เป็นการสำแดงอักษรฮา //16

เป็นที่รู้จักกันว่าอัยยัมมีฮา (วันแห่งฮา) วันแทรกปฏิทินมีความเด่นพิเศษที่ได้สัมพันธ์กับ?อักษรฮา? ค่าตัวเลขอับจัดของอักษรอาหรับตัวนี้คือห้า? ซึ่งตรงกับจำนวนสูงสุดของวันแทรกปฏิทิน

อักษร ?ฮา? มีความหมายทางธรรมหลายอย่างในธรรมลิขิต? ความหมายหนึ่งคือเป็นสัญลักษณ์ของสาระของพระผู้เป็นเจ้า

  1. วันแห่งการให้เหล่านี้ที่นำมาก่อนฤดูแห่งการควบคุมตัวเอง //16

พระบาฮาอุลลาห์ทรงบัญชาสาวกทั้งหลายให้อุทิศวันเหล่านี้เพื่อการฉลอง? ความสำราญใจ? และการกุศล ในจดหมายที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? มีการอธิบายไว้ว่า ?วันแทรกปฏิทินถูกสำรองไว้เป็นพิเศษเพื่อการต้อนรับขับสู้? การให้ของขวัญ ฯลฯ?

  1. ผู้เดินทาง…ไม่ต้องถือศีลอด //16

พระบาฮาอุลลาห์ทรงนิยามเวลาเดินทางอย่างน้อยที่สุด? ที่ศาสนิกชนจะได้รับยกเว้นจากการถือศีลอด(คำถาม-คำตอบ 22 และ 75)? รายละเอียดของข้อกำหนดนี้ถูกสรุปย่อไว้ใน ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ข. 5 ก. 1-5

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้ชี้แจงว่าแม้ผู้เดินทางได้รับการยกเว้น? พวกเขาก็มีอิสระที่จะถือศีลอดได้หากพวกเขาปรารถนา? ท่านยังระบุด้วยว่า? การยกเว้นใช้กับช่วงเวลาเดินทางทั้งหมด? มิใช่เฉพาะเวลาที่อยู่ในรถไฟหรือรถยนต์ ฯลฯ

  1. ผู้เดินทาง? ผู้ป่วย? หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร? ไม่ต้องถือศีลอด? พวกเขาได้รับการยกเว้นโดยพระผู้เป็นเจ้าประหนึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งกรุณาธิคุณของพระองค์ //16

การถือศีลอดเป็นที่ยกเว้นสำหรับบรรดาผู้ที่เจ็บป่วยหรือสูงอายุ (ดูหมายเหตุ 14) สตรีระหว่างมีประจำเดือน (ดูหมายเหตุ 20)? ผู้เดินทาง (ดูหมายเหตุ 30) และหญิงมีครรภ์หรือระหว่างให้นมบุตร? ข้อยกเว้นนี้ยังให้กับบุคคลที่ใช้แรงงานมาก? ผู้ซึ่งในเวลาเดียวกันได้รับการแนะนำว่าให้?แสดงความเคารพกฎของพระผู้เป็นเจ้า? และเพื่อฐานะอันประเสริฐของการถือศีลอด? โดยรับประทาน?เพียงเล็กน้อยและเป็นการส่วนตัว? (คำถาม-คำตอบ 76)

  1. จงงดอาหารและเครื่องดื่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนดวงอาทิตย์ตก //17

นี้สัมพันธ์กับช่วงเวลาถือศีลอด? ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาหลังจากที่กล่าวว่าการถือศีลอดประกอบด้วยการงดอาหารและเครื่องดื่ม? ยังระบุอีกด้วยว่าการสูบบุหรี่เป็นรูปแบบหนึ่งของ ?เครื่องดื่ม?? ในภาษาอาหรับคำกิริยา ?ดื่ม? หมายถึงการสูบด้วยเช่นกัน

  1. เป็นที่บัญญัติไว้ว่าทุกคนที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า…ในแต่ละวัน…ให้…กล่าวคำว่า ?อัลลา? อู? อับฮา? เก้าสิบห้าครั้ง //18

?อัลลา? อู? อับฮา? เป็นวลีภาษาอาหรับหมายความว่า ?พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์?? นี้คือรูปแบบหนึ่งของพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า (ดูหมายเหตุ 137)? ในศาสนาอิสลามมีคำสอนว่า? ในบรรดาพระนามอันมากมายของพระผู้เป็นเจ้านั้นมีพระนามหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? อย่างไรก็ตามพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดนี้คืออะไรยังคงซ่อนเร้นอยู่? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันว่าพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดคือ ?บาฮา?

คำต่างๆ ที่มีรากศัพท์มาจากคำว่า ?บาฮา? ถือว่าเป็นพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดเช่นกัน? เลขานุการของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนอธิบายในนามของท่านว่า :

พระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดคือพระนามของพระบาฮาอุลลาห์? ?ยาบาฮาอุลลาภา? เป็นคำวิงวอนหมายความว่า ?ข้าแต่พระผู้เป็นความรุ่งโรจน์ของความรุ่งโรจน์ทั้งหลาย!?? ?อัลลา? อู? อับภา? เป็นคำทักทายซึ่งหมายความว่า : ?พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์?? ทั้งสองนี้หมายถึงพระบาฮาอุลลาห์? พระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดหมายความว่า? พระบาฮาอุลลาห์มาปรากฏในพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า? กล่าวคือ? พระองค์คือพระศาสดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า

คำทักทาย ?อัลลา? อู? อับภา? ถูกนำมาใช้ในช่วงเวลาที่พระบาฮาอุลลาห์ถูกเนรเทศอยู่ในอเดรียโนเปิ้ล

ก่อนสวด ?อัลลา? อู? อับภา? 95 ครั้ง? จะต้องชำระมือและใบหน้า (ดูหมายเหตุ 34)

  1. จงชำระมือและใบหน้าเพื่อการสวดบทอธิษฐานบังคับ //18

การชำระมือและใบหน้าสัมพันธ์กับบทอธิษฐานบางบทเป็นการเฉพาะ? และต้องทำก่อนการสวดบทอธิษฐานบังคับสามบท? ก่อนการสวด ?อัลลา? อู? อับภา? 95 ครั้ง? และก่อนการสวดวจนะที่บัญญัติไว้ให้เพื่อใช้แทนบทอธิษฐานบังคับและการถือศีลอดสำหรับสตรีระหว่างมีประจำเดือน (ดูหมายเหตุ 20)

การชำระมือและใบหน้าที่บัญญัติไว้ประกอบด้วยการล้างมือและใบหน้าเป็นการเตรียมตัวอธิษฐาน? ในกรณีของบทอธิษฐานบังคับบทปานกลาง? การล้างนี้จะทำพร้อมกับการสวดวจนะบางตอนด้วย (ดู พระธรรมบางบทที่พระบาฮาอุลลาห์เปิดเผยเป็นการเสริมคีตาบีอัคดัส)

การชำระมือและใบหน้ามีความหมายมากกว่าการล้าง? ซึ่งอาจเห็นได้จากข้อเท็จจริงที่ว่า? แม้ผู้นั้นเพิ่งอาบน้ำมาก่อนที่จะสวดบทอธิษฐานบังคับ? ก็ยังจำเป็นต้องทำการชำระมือและใบหน้า (คำถาม-คำตอบ 18)

เมื่อไม่มีน้ำสำหรับการชำระมือและใบหน้า? จะต้องสวดวจนะที่บัญญัติไว้ 5 ครั้ง (ดูหมายเหตุ 16)? และข้อกำหนดนี้รวมไปถึงผู้ที่จะได้รับอันตรายต่อร่างกายจากการใช้น้ำ (คำถาม-คำตอบ 51)

รายละเอียดของข้อกำหนดของกฎเกี่ยวกับการชำระมือและใบหน้า? ได้แถลงไว้ใน ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ก. 10 ก.-ช. และใน คำถามและคำตอบ ข้อ 51, 62, 66, 77 และ 86

  1. เจ้าถูกห้ามมิให้ก่อฆาตกรรม //19

ข้อห้ามการเอาชีวิตของผู้อื่นนั้นพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวซ้ำอีกในย่อหน้า 73 ของคีตาบีอัคดัส? มีบทลงโทษบัญญัติไว้สำหรับการก่อฆาตกรรมที่เตรียมการณ์ไว้ก่อน (ดูหมายเหตุ 86)? ในกรณีที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตโดยไม่ตั้งใจ? จำเป็นจะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ระบุไว้ให้แก่ครอบครัวของผู้ตาย (ดูคีตาบีอัคดัส 188)

  1. หรือมีชู้ //19

คำภาษาอาหรับ ?เซนา? ซึ่งที่นี่แปลว่า ?มีชู้?? หมายความถึงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ตนไม่ได้แต่งงานด้วยซึ่งอาจเป็นผู้ที่สมรสแล้วหรือไม่ก็ตาม? นี้หมายถึงไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างผู้ที่สมรสแล้วกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรสของตน? แต่ยังหมายถึงเพศสัมพันธ์นอกชีวิตสมรสทั้งหมด? รูปแบบหนึ่งของ ?เซนา? คือการข่มขืน? บทลงโทษที่พระบาฮาอุลลาห์บัญญัติไว้มีเพียงสำหรับเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่เป็นโสด (ดูหมายเหตุ 77)? บทลงโทษสำหรับการทำผิดประเวณีชนิดอื่นสภายุติธรรมสากลจะเป็นผู้กำหนด

  1. นินทาหรือใส่ร้าย //19

การนินทา? การใส่ร้าย? การสาละวนอยู่กับข้อบกพร่องของผู้อื่น เป็นเรื่องที่พระบาฮาอุลลาห์ประณามซ้ำแล้วซ้ำเล่า? ใน ?พระวจนะเร้นลับ? พระองค์ทรงกล่าวไว้ชัดเจนว่า : ?ดูกร? บุตรแห่งชีวิต! เจ้าลืมข้อบกพร่องของเจ้าเอง? และสาละวนอยู่กับข้อบกพร่องของผู้อื่นได้อย่างไร?? ใครที่ทำเช่นนี้จะถูกคำสาปจากเรา?? และอีกครั้งหนึ่ง ?ดูกร? บุตรแห่งมนุษย์!? อย่าเอ่ยถึงบาปของผู้อื่นตราบใดที่เจ้าเองก็เป็นคนบาป? หากเจ้าละเมิดคำบัญชานี้? เจ้าจะถูกคำสาป? และเราเป็นพยานต่อสิ่งนี้? ?คำตักเตือนที่รุนแรงนี้ยังได้รับการกล่าวซ้ำอีกในผลงานสุดท้ายของพระองค์ ?คัมภีร์แห่งพระปฏิญญาของเรา? : ?แท้จริงแล้วเรากล่าวว่า? ลิ้นมีไว้สำหรับกล่าวถึงสิ่งที่ดี? อย่าให้ลิ้นมีมลทินด้วยการพูดสิ่งที่ไม่ควร? พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยสิ่งที่ผ่านมา? นับแต่นี้ไปทุกคนควรกล่าวสิ่งที่เหมาะที่ควร? ละเว้นจากการใส่ร้าย? การพูดหยาบคายและสิ่งใดก็ตามที่ทำให้คนเราเศร้าใจ?

  1. เราได้แบ่งมรดกเป็นเจ็ดประเภท //20

กฎบาไฮเกี่ยวกับมรดกใช้ในกรณีที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้เท่านั้น? นั่นคือ? เมื่อบุคคลหนึ่งตายโดยไม่ทิ้งพินัยกรรมไว้? ในคีตาบีอัคดัส (109) พระบาฮาอุลลาห์สั่งการให้ศาสนิกชนทุกคนเขียนพินัยกรรม? อีกที่หนึ่งพระองค์ทรงกล่าวอย่างชัดเจนว่า? บุคคลมีสิทธิ์เต็มที่ในทรัพย์สินของตน? และมีอิสระที่จะกำหนดลักษณะของการแบ่งทรัพย์สินของตน? และระบุในพินัยกรรมว่าใครควรได้รับมรดกไม่ว่าจะเป็นบาไฮหรือไม่ (คำถาม-คำตอบ 69)? ในเรื่องนี้จดหมายฉบับหนึ่งในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ อธิบายไว้ว่า :

…..แม้บาไฮได้รับอนุญาตให้จัดการกับความมั่งคั่งของตนในพินัยกรรมในหนทางที่ตนปรารถนา? กระนั้นขณะที่เขียนพินัยกรรมเขาควรระลึกอยู่เสมอด้วยศีลธรรมและมโนธรรม? ในเรื่องความจำเป็นที่จะต้องค้ำจุนหลักธรรมของพระบาฮาอุลลาห์เกี่ยวกับบทบาทของความมั่งคั่งในสังคม? และความจำเป็นตามมาที่จะต้องหลีกเลี่ยงการสะสมความมั่งคั่งมากเกินไป? และการกระจุกความมั่งคั่งอยู่ที่ไม่กี่คนหรือไม่กี่กลุ่ม

วจนะตอนนี้ของอัคดัสแนะนำวรรคยาวที่พระบาฮาอุลลาห์แจกแจงกฎบาไฮเกี่ยวกับมรดก? ในการอ่านวรรคนี้ผู้อ่านควรระลึกไว้ว่า? กฎนี้ถูกกำหนดขึ้นมาด้วยข้อสมมุติว่าผู้ตายเป็นชาย? ข้อกำหนดของกฎใช้เหมือนกันเมื่อผู้ตายเป็นหญิง

ระบบจัดสรรมรดกที่แจกจ่ายทรัพย์สินของผู้ตายในหมู่ผู้รับมรดก 7 ประเภท (ลูก คู่สมรส บิดา มารดา พี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว? และครู) อิงอยู่กับข้อกำหนดที่พระบ๊อบแถลงไว้ในคัมภีร์บายัน? ลักษณะสำคัญของกฎบาไฮเกี่ยวกับมรดกในกรณีที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้คือ :

  1. หากผู้ตายเป็นบิดาและมีทรัพย์สินที่เป็นที่อยู่อาศัยส่วนตัว? ที่อยู่นั้นจะเป็นของลูกชายคนโต (คำถาม-คำตอบ 34)
  2. หากผู้ตายไม่มีผู้สืบเชื้อสายเพศชาย? สองในสามของที่อยู่อาศัยจะเป็นของผู้สืบเชื้อสายเพศหญิง? และอีกหนึ่งในสามจะเป็นของสภายุติธรรม (คำถาม-คำตอบ 41, 72)? ดู หมายเหตุ 42 ว่ากฎนี้ใช้กับสภายุติธรรมระดับไหน (ดูหมายเหตุ 44 ด้วยเช่นกัน)
  3. ทรัพย์สินที่เหลือแบ่งกันในหมู่ผู้รับมรดก 7 ประเภท? สำหรับรายละเอียดของจำนวนหน่วยที่แต่ละกลุ่มจะได้รับ? ดู คำถามและคำตอบ ข้อ 5 และ ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ค. 3 ก.
  4. ในกรณีที่มีผู้รับมรดกมากกว่าหนึ่งคนในประเภทใดก็ตาม? ส่วนแบ่งมรดกที่จัดสรรให้ประเภทนั้นควรแบ่งให้เท่ากันในหมู่พวกเขาไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง
  5. ในกรณีที่ไม่มีลูก ส่วนแบ่งของลูกจะตกเป็นของสภายุติธรรม (คำถาม-คำตอบ 7, 41)
  6. หากใครมีลูก? แต่ไม่มีผู้รับมรดกประเภทอื่นบางประเภทหรือทุกประเภท? สองในสามของส่วนแบ่งมรดกของประเภทที่ไม่มีจะตกเป็นของลูก? อีกหนึ่งในสามจะตกเป็นของสภายุติธรรม
  7. หากไม่มีผู้รับมรดกตามประเภทที่ระบุไว้นี้? สองในสามของทรัพย์สินจะตกเป็นของหลานชายและหลานสาว (ลูกของพี่น้องคนตาย) หากยังไม่มีอีก? ส่วนแบ่งเดียวกันนี้จะตกเป็นของลุงป้าน้าอา? และหากยังไม่มีอีก? ก็จะตกเป็นของลูกชายลูกสาวของลุงป้าน้าอา? ไม่ว่าในกรณีใดที่เหลือหนึ่งในสามจะตกเป็นของสภายุติธรรม
  8. หากผู้นั้นไม่มีผู้รับมรดกดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เลย? ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของสภายุติธรรม
  9. พระบาฮาอุลลาห์กล่าวว่า? ผู้ที่ไม่ใช่บาไฮไม่มีสิทธิ์รับมรดกจากบิดาหรือญาติที่เป็นบาไฮ (คำถาม-คำตอบ 34)? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ระบุไว้ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านว่า? ข้อจำกัดนี้ใช้ ?เฉพาะในกรณีที่บาไฮตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้? และดังนั้นเมื่อทรัพย์สินของเขาจะต้องถูกแบ่งตามกติกาที่อธิบายไว้ในอัคดัส? ไม่เช่นนั้นแล้วบาไฮมีอิสระที่จะยกทรัพย์สินของตนให้ใครก็ได้โดยไม่คำนึงถึงศาสนา? อย่างไรก็ตามมีข้อแม้ว่าเขาต้องทำพินัยกรรมที่ระบุความปรารถนาของตน?? ดังนั้นเป็นไปได้เสมอที่บาไฮจะยกมรดกให้คู่สมรส? ลูกหรือญาติที่ไม่ได้เป็นบาไฮโดยการทำพินัยกรรมไว้

รายละเอียดเพิ่มเติมของกฎเกี่ยวกับมรดกสรุปย่อไว้ใน ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ค. 3 ก.-ฒ.

  1. สำหรับพี่ชายน้องชายเราจัดสรรให้ห้าส่วน….สำหรับพี่สาวน้องสาวเราจัดสรรให้สี่ส่วน //20

คำถามและคำตอบ ขยายความข้อกำหนดของกฎที่สัมพันธ์กับส่วนแบ่งมรดกที่จัดสรรให้แก่พี่น้องชายหญิงของผู้ตาย? หากพี่น้องนั้นมาจากบิดาเดียวกันกับผู้ตาย? เขาหรือเธอจะได้รับส่วนแบ่งเต็มตามการจัดสรร? อย่างไรก็ตามหากพี่น้องมาจากคนละบิดากับผู้ตาย? เขาหรือเธอจะได้รับเพียงสองในสามของส่วนแบ่งตามการจัดสรร? อีกหนึ่งในสามจะตกเป็นของสภายุติธรรม (คำถาม-คำตอบ 6)? ยิ่งกว่านั้นในกรณีที่ผู้ตายมีพี่น้องชายหญิงร่วมบิดามารดาในหมู่ทายาท? พี่น้องร่วมมารดาจะไม่ได้รับมรดก (ถาม-ตอบ 53) พี่น้องร่วมมารดาจะได้รับมรดกจากทรัพย์สินของบิดาของพวกเขา

  1. สำหรับครู //20

ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงเปรียบครูผู้อบรมธรรมะให้เด็กเป็น?บิดาทางธรรม? ที่ ?ประสาทชีวิตนิรันดร์ให้แก่ลูก?? พระองค์อธิบายว่านี่คือเหตุผลที่?ครูจึงอยู่ในรายชื่อของผู้ที่มีสิทธิ์รับมรดก? ใน ?กฎของพระผู้เป็นเจ้า?

พระบาฮาอุลลาห์ระบุเงื่อนไขที่ครูจะได้รับมรดกและส่วนแบ่งที่ครูจะได้รับ (คำถาม-คำตอบ 33)

  1. เมื่อเราได้ยินเสียงร้องของเด็กที่ยังไม่เกิด? เราเพิ่มส่วนแบ่งให้พวกเขาเป็นสองเท่า? และลดส่วนแบ่งของคนอื่นที่เหลือ //20

ในกฎของพระบ๊อบเกี่ยวกับมรดก? ลูกของผู้ตายได้รับจัดสรรเก้าส่วนประกอบด้วย 540 หน่วย? จำนวนที่จัดสรรให้นี้น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของทรัพย์สินทั้งหมด? พระบาฮาอุลลาห์ทรงเพิ่มส่วนแบ่งให้พวกเขาเป็น 1,080 หน่วย? และลดส่วนแบ่งจากผู้รับมรดกอีกหกประเภท? พระองค์พรรณนาให้เห็นเจตนาที่แท้จริงและนัยของวจนะนี้สำหรับการแจกจ่ายมรดก (คำถาม-คำตอบ 5)

  1. สภายุติธรรม //21

ในการกล่าวถึงสภายุติธรรมในคีตาบีอัคดัส? พระบาฮาอุลลาห์มิได้แยกอย่างชัดแจ้งเสมอไประหว่างสภายุติธรรมสากลและสภายุติธรรมท้องถิ่น? ซึ่งทั้งสองสถาบันนี้ได้รับการบัญญัติไว้ในคัมภีร์นี้? พระองค์มักกล่าวถึงง่ายๆ ว่า ?สภายุติธรรม? เป็นการเปิดไว้สำหรับการชี้แจงให้กระจ่างภายหลังว่า? แต่ละกฎจะใช้กับสถาบันระดับไหนหรือหลายระดับ

ในธรรมจารึกที่แจกแจงรายได้ของคลังท้องถิ่น? พระอับดุลบาฮาทรงรวมมรดกที่ไม่มีทายาทไว้ด้วย? จึงเป็นการบ่งบอกว่า? สภายุติธรรมที่กล่าวถึงในวรรคเหล่านี้ของอัคดัสซึ่งสัมพันธ์กับมรดก? เป็นสภายุติธรรมท้องถิ่น

  1. หากผู้ตายมีลูก? แต่ไม่มีผู้รับมรดกประเภทอื่น //22

พระบาฮาอุลลาห์ทรงชี้แจงว่า ?คำวินิจฉัยนี้ใช้กับทั้งกรณีทั่วไปและเจาะจง? กล่าวคือ? เมื่อใดก็ตามที่ไม่มีผู้รับมรดกประเภทอื่นใด? สองในสามของมรดกของพวกเขาจะเป็นของลูก? ที่เหลือหนึ่งในสามจะเป็นของสภายุติธรรม? (คำถาม-คำตอบ 7)

  1. เรามอบที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าของผู้ตายให้แก่ลูกชาย? ไม่ใช่ลูกสาวหรือผู้รับทายาทคนอื่นๆ //25

ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงระบุว่า? ที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าส่วนตัวของผู้ตายที่เป็นชายจะอยู่กับฝ่ายชาย? โดยจะเป็นของลูกชายคนโต? และหากไม่มีลูกชายคนโตแล้วก็จะเป็นของลูกชายคนโตลำดับสอง? และเป็นเช่นนี้ถัดไป? พระองค์อธิบายว่า? ข้อกำหนดนี้แสดงถึงกฎของลูกคนโตที่ได้รับการค้ำจุนโดยกฎของพระผู้เป็นเจ้าเสมอ? ในธรรมจารึกถึงสาวกคนหนึ่งในเปอร์เซีย? พระองค์ลิขิตว่า : ?ในทุกยุคศาสนาลูกชายคนโตได้รับเกียรติเป็นพิเศษ? แม้แต่สถานะของความเป็นพระศาสดาก็เป็นสิทธิ์โดยกำเนิดของลูกชายคนโต?? อย่างไรก็ตามด้วยเกียรติพิเศษนี้ที่ให้แก่ลูกคนโตมีหน้าที่พ่วงมาด้วย? ตัวอย่างเช่น? เขามีความรับผิดชอบทางศีลธรรมที่จะต้องดูแลมารดาเพื่อเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้า? และพิจารณาดูสิ่งที่จำเป็นสำหรับทายาทคนอื่นๆ?

พระบาฮาอุลลาห์ทรงชี้แจงแง่ต่างๆ ของกฎเกี่ยวกับมรดกตอนนี้? พระองค์ระบุว่าหากมีที่อยู่อาศัยมากกว่าหนึ่งหลัง? หลังที่สำคัญที่สุดจะเป็นของลูกชาย? ที่อยู่อาศัยที่เหลือพร้อมกับทรัพย์สมบัติอื่นๆ ของผู้ตายจะต้องแบ่งกันในหมู่ผู้รับมรดก (คำถาม-คำตอบ 34) และพระองค์ระบุว่าในกรณีไม่มีผู้สืบเชื้อสายเพศชาย? สองในสามของที่อยู่อาศัยหลังที่สำคัญที่สุดและเสื้อผ้าของบิดาที่ตายจะเป็นของลูกสาว? และอีกหนึ่งในสามจะเป็นของสภายุติธรรม (คำถาม-คำตอบ 72)? ยิ่งกว่านั้นหากผู้ตายเป็นหญิง? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? เสื้อผ้าทั้งหมดของเธอที่ใช้แล้วจะแบ่งให้เท่าๆ กันในหมู่ลูกสาว? เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ใช้ เพชรพลอยและทรัพย์สินของเธอต้องแบ่งกันในหมู่ผู้รับมรดก? รวมทั้งเสื้อผ้าที่ใช้แล้วของเธอหากเธอไม่มีลูกสาว

  1. หากลูกชายของผู้ตายเสียชีวิตไปก่อนผู้ตายและมีลูกที่ยังอยู่ ? ลูกจะได้รับมรดกที่เป็นส่วนแบ่งของบิดา //26

แง่นี้ของกฎใช้เฉพาะในกรณีที่ลูกชายเสียชีวิตก่อนบิดาหรือมารดา? หากลูกสาวของผู้ตายเสียชีวิตไปแล้วและมีลูก? ส่วนแบ่งของเธอจะต้องแบ่งออกเป็นเจ็ดประเภทที่ระบุไว้ในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด (คำถาม-คำตอบ 54)

  1. หากผู้ตายมีลูกที่ยังไม่บรรลุวุฒิภาวะ ? ส่วนแบ่งมรดกของลูกต้องฝากไว้กับบุคคลที่เชื่อใจได้ //27

คำว่า ?อามิน? ซึ่งแปลในย่อหน้านี้ว่า ?บุคคลที่เชื่อใจได้? และ ?ผู้พิทักษ์? เป็นภาษาอาหรับที่ถ่ายทอดความหมายหลายอย่างที่เกี่ยวโยงกับความไว้วางใจได้เป็นหลัก? แต่ก็ยังหมายถึงคุณสมบัติต่างๆ เช่น? ความเชื่อถือได้? ความจงรักภักดี? ความซื่อสัตย์? ความซื่อตรง? ความสุจริตใจ? และอื่นๆอีก? เมื่อใช้ในภาษากฎหมาย ?อามิน? หมายถึงผู้พิทักษ์? ผู้รับประกัน ผู้อภิบาล? และผู้ดูแลรักษา

  1. การแบ่งทรัพย์สินควรกระทำก็ต่อเมื่อได้จ่ายฮูคุคูลลาห์แล้ว? ชดใช้หนี้สินแล้ว? ชำระค่างานศพและค่าฝังศพแล้ว //28

พระบาฮาอุลลาห์ทรงระบุว่า? ลำดับความสำคัญของการชำระค่าใช้จ่ายเหล่านี้คือ? ค่างานศพและค่าฝังศพมาก่อน? จากนั้นหนี้สินของผู้ตาย? จากนั้นฮูคุคูลลาห์ (ดูหมายเหตุ 125) (คำถาม-คำตอบ 9)? พระองค์ยังระบุด้วยว่า? เมื่อนำทรัพย์สินมาพิจารณาในเรื่องนี้? การชำระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ต้องหักจากทรัพย์สินที่เหลือก่อน? และจากนั้นหากยังไม่พอ? ให้หักจากที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าส่วนตัวของผู้ตาย (คำถาม-คำตอบ 80)

  1. นี้คือความรู้ซ่อนเร้นที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง? เนื่องด้วยจุดเริ่มต้นของความรู้นี้อยู่กับเลขเก้า //29

ในคัมภีร์บายันภาษาอาหรับ? พระบ๊อบพรรณนากฎเกี่ยวกับมรดกของพระองค์ว่าเป็น ?ไปตามความรู้เร้นลับในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า? เป็นความรู้ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรือถูกแทนที่? พระองค์ทรงกล่าวด้วยว่า? จำนวนส่วนแบ่งของมรดกมีนัยสำคัญที่มุ่งหมายจะช่วยในการยอมรับพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด

?เลขเก้า? ที่กล่าวไว้ในที่นี้มาจากอักษร ?ทา? ในพระธรรมภาษาอาหรับ? ซึ่งมีค่าตัวเลขเท่ากันตามสัญลักษณ์อับจัด? เลขเก้าคือองค์ประกอบแรกของการแบ่งมรดกของพระบ๊อบ? ซึ่งพระองค์ระบุ ?เก้าส่วน? ให้เป็นส่วนแบ่งของลูก ? ความสำคัญของเลขเก้าอยู่ที่ว่าเป็นค่าตัวเลขที่เท่ากับพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุด ?บาฮา? ที่กล่าวถึงถัดจากวจนะตอนนี้ว่าเป็น ?พระนามที่ถูกปกปิดและเห็นชัด ?ละเมิดไม่ได้และสูงส่งอย่างเข้าไม่ถึง? (ดูหมายเหตุ 33)

  1. พระผู้เป็นนายทรงบัญญัติไว้ว่า ในทุกเมืองต้องสถาปนาสภายุติธรรม //30

สถาบันสภายุติธรรมประกอบด้วยสภาที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งปฏิบัติการในระดับท้องถิ่น ระดับชาติและระดับนานาชาติของสังคม? พระบาฮาอุลลาห์ทรงบัญญัติทั้งสภายุติธรรมสากลและสภายุติธรรมท้องถิ่นไว้ในคีตาบีอัคดัส? ในพระประสงค์และพินัยกรรมของพระอับดุลบาฮา? พระองค์ทรงกำหนดให้มีสภายุติธรรมระดับสอง (แห่งชาติหรือภูมิภาค)? และอธิบายวิธีการคร่าวๆ สำหรับการเลือกตั้งสภายุติธรรมสากล

ในวจนะข้างบนที่คัดมาหมายถึงสภายุติธรรมท้องถิ่น? ซึ่งเป็นสถาบันที่จะต้องเลือกตั้งขึ้นมาในท้องถิ่นเมื่อมีบาไฮผู้ใหญ่เก้าคนหรือมากกว่านั้นอาศัยอยู่? เพื่อจุดประสงค์นี้? นิยามของผู้ใหญ่ถูกกำหนดไว้ชั่วคราวที่อายุ 21 ปีโดยท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ซึ่งท่านระบุไว้ว่าสภายุติธรรมสากลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต

ปัจจุบันสภายุติธรรมท้องถิ่นและระดับสองเป็นที่รู้จักกันในนามธรรมสภาท้องถิ่นและธรรมสภาแห่งชาติ? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ระบุไว้ว่านี้เป็น ?ชื่อชั่วคราว? ซึ่ง :

…เมื่อจุดยืนและจุดมุ่งหมายของศาสนาบาไฮเป็นที่เข้าใจดีขึ้นและได้การยอมรับมากขึ้น จะค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยชื่อที่ถาวรและเหมาะสมกว่าคือ สภายุติธรรม ไม่เพียงแต่ธรรมสภาทั้งหลายในอนาคตจะมีชื่อต่างจากปัจจุบัน? แต่จะมีอำนาจหน้าที่และสิทธิ์พิเศษต่างๆ เพิ่มเติมจากบทบาทหน้าที่ในปัจจุบันด้วย? ซึ่งจะเป็นผลมาจากการยอมรับศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ว่า ไม่ใช่เป็นเพียงระบบศาสนาหนึ่งของโลกเท่านั้น? แต่เป็นศาสนาประจำชาติของรัฐเอกราช

  1. จำนวนบาฮา //30

ค่าตัวเลขตามสัญลักษณ์อับจัดของ ?บาฮา? คือเก้า? สภายุติธรรมสากล? ธรรมสภาแห่งชาติและธรรมสภาท้องถิ่นปัจจุบันต่างก็มีสมาชิกเก้าคน? ซึ่งเป็นจำนวนขั้นต่ำที่พระบาฮาอุลลาห์บัญญัติไว้

  1. เป็นความถูกต้องที่พวกเขาจะทำตัวเป็นผู้พิทักษ์ของพระผู้ทรงปรานีในหมู่มนุษย์ //30

อำนาจและหน้าที่ทั่วไปของสภายุติธรรมสากล? ธรรมสภาแห่งชาติและธรรมสภาท้องถิ่น? และคุณสมบัติสำหรับการเป็นสมาชิก? ได้อธิบายไว้ในธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮา? ในจดหมายของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ และในคำชี้แจงของสภายุติธรรมสากล? หน้าที่หลักของสถาบันเหล่านี้ได้อธิบายไว้ในธรรมนูญของสภายุติธรรมสากล? ธรรมนูญของธรรมสภาแห่งชาติและธรรมสภาท้องถิ่น

  1. ปรึกษาหารือกัน //30

พระบาฮาอุลลาห์ทรงสถาปนาการปรึกษาหารือเป็นหนึ่งในหลักธรรมมูลฐานของศาสนาของพระองค์? และทรงเคี่ยวเข็ญศาสนิกชนให้ ?ปรึกษาหารือกันในทุกเรื่อง?? พระองค์พรรณนาการปรึกษาหารือว่าเป็น ?ตะเกียงที่คอยนำทาง? และ?ตัวไขความเข้าใจ?? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวว่า ?หลักธรรมของการปรึกษาหารือ….เป็นหนึ่งในกฎพื้นฐาน? ของระบบบริหารบาไฮ

ใน คำถามและคำตอบ ข้อ 99 พระบาฮาอุลลาห์ทรงวางแนวทางคร่าวๆไว้สำหรับการปรึกษาหารือ? และเน้นความสำคัญของการตัดสินใจด้วยเสียงเป็นเอกฉันท์? ซึ่งถ้าหากไม่เป็นเอกฉันท์ต้องถือตามเสียงส่วนใหญ่? สภายุติธรรมสากลชี้แจงว่า? คำชี้แนะเกี่ยวกับการปรึกษาหารือนี้ถูกเปิดเผยก่อนที่จะมีการสถาปนาธรรมสภา? เป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับคำสอนบาไฮในเรื่องการปรึกษาหารือ? สภายุติธรรมสากลยืนยันว่า? การมีธรรมสภาทั้งหลายซึ่งมิตรสหายหันไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือได้เสมอ? ไม่ได้เป็นข้อห้ามมิให้พวกเขาปฏิบัติตามวิธีการที่ให้ไว้ใน คำถามและคำตอบ? แนวทางนี้อาจนำมาใช้หากมิตรสหายต้องการ? เมื่อพวกเขาปรารถนาจะปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัว

  1. จงก่อสร้างสักการสถานทั่วทั้งดินแดนต่างๆ //31

สักการสถานบาไฮอุทิศให้กับการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า? สักการสถานนี้เป็นอาคารที่อยู่ใจกลางของ มาชเรโกล อัซการ์ (อรุโณทัยสถานแห่งการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า) ซึ่งเมื่อเผยโฉมออกมาในอนาคต? อาณาบริเวณนี้นอกจากจะมีสักการสถานแล้วยังจะประกอบด้วยหน่วยงานในสังกัดต่างๆ ที่อุทิศต่อกิจกรรมด้านสังคม? มนุษยธรรม? การศึกษาและวิทยาศาสตร์? พระอับดุลบาฮาทรงพรรณนามาชเรโกล อัซการ์ ว่าเป็น?หนึ่งในสถาบันที่สำคัญที่สุดในโลก?? และท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ระบุว่า? มาชเรโกล อัซการ์ คือตัวอย่างที่มีตัวตนของการรวม?การบูชาและการรับใช้ของบาไฮ? เข้าไว้ด้วยกัน? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ คาดการณ์ถึงพัฒนาการของสถาบันนี้ในอนาคตไว้ว่า? สักการสถานนี้และหน่วยงานต่างๆในสังกัด ?จะคลายทุกข์ให้แก่ผู้ทรมาน ให้สิ่งยังชีพแก่คนยากไร้? ให้ที่กำบังแก่ผู้เดินทาง? ปลอบโยนผู้ที่พลัดพราก? และให้การศึกษาผู้ด้อยความรู้? ในอนาคตสักการสถานบาไฮจะถูกสร้างขึ้นในทุกเมืองและหมู่บ้าน

  1. พระผู้เป็นนายบัญญัติไว้ว่า? ผู้ที่ทำได้ ? ให้ไปแสวงบุญที่บ้านศักดิ์สิทธิ์ //32

บทบัญญัตินี้ครอบคลุมบ้านศักดิ์สิทธิ์สองหลัง? นั่นคือ? บ้านของพระบ๊อบในชีราซและบ้านของพระบาฮาอุลลาห์ในแบกแดด? พระบาฮาอุลลาห์ทรงระบุว่า? การไปแสวงบุญที่บ้านหลังใดหลังหนึ่งเป็นการบรรลุเงื่อนไขของวรรคนี้ (คำถาม-คำตอบ 25, 29)? ในสองธรรมจารึกต่างหากซึ่งรู้จักกันด้วยชื่อสุเรเย่ฮัจ? พระบาฮาอุลลาห์ทรงบัญญัติพิธีของการแสวงบุญสำหรับแต่ละบ้านนี้เป็นการเฉพาะ? เมื่อคำนึงถึงแง่นี้? การแสวงบุญไม่ใช่เป็นเพียงการไปเยือนบ้านสองหลังนี้

หลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์? พระอับดุลบาฮาระบุให้พระสถูปของพระบาฮาอุลลาห์ที่บาห์จีเป็นสถานที่สำหรับแสวงบุญ? ในธรรมจารึกหนึ่งพระองค์ระบุว่า ?พระสถูปที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด? บ้านศักดิ์สิทธิ์ในแบกแดดและบ้านของพระบ๊อบอันเป็นที่เคารพในชีราซ? ถูก ?อุทิศให้แก่การแสวงบุญ?? และเป็น ?เรื่องบังคับ? ที่จะต้องไปเยือนสถานที่เหล่านี้ ?หากผู้นั้นมีกำลังทรัพย์พอและสามารถไปได้? และไม่มีอุปสรรคขวางทางของตน? ?ไม่มีพิธีบัญญัติไว้สำหรับการไปแสวงบุญที่พระสถูปศักดิ์สิทธิ์ที่สุด?

  1. พระองค์ทรงยกเว้นสตรีในเรื่องนี้ประหนึ่งเป็นความปรานีของพระองค์ //32

ในคัมภีร์บายันพระบ๊อบทรงกำหนดบทบัญญัติแก่สาวกทั้งหลายที่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเดินทาง? ให้ไปแสวงบุญหนึ่งครั้งในชีวิต? พระองค์ทรงกล่าวว่า? ข้อบังคับนี้ไม่ผูกมัดสตรี? เพื่อไม่ให้สตรีต้องเผชิญกับความทรหดในการเดินทาง

ทำนองเดียวกันพระบาฮาอุลลาห์ทรงยกเว้นสตรีไม่ต้องไปแสวงบุญ? สภายุติธรรมสากลได้ชี้แจงว่า? ข้อยกเว้นนี้ไม่ใช่ข้อห้าม? และสตรีมีอิสระที่จะไปแสวงบุญ

  1. ประกอบอาชีพบางอย่าง//33

เป็นเรื่องบังคับสำหรับบุรุษและสตรีที่จะประกอบอาชีพหรือทำการค้า? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยก ?การทำงานดังกล่าวขึ้นเทียบเท่าการบูชา? พระผู้เป็นเจ้า? ความสำคัญทางจิตวิญญาณและทางปฏิบัติของกฎนี้? และความรับผิดชอบซึ่งกันและกันระหว่างบุคคลและสังคมที่จะดำเนินการตามกฎนี้? ได้รับการอธิบายไว้ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ :

ในเรื่องบัญชาของพระบาฮาอุลลาห์เกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพบางอย่างของศาสนิกชน? คำสอนบาไฮเน้นเรื่องนี้มากที่สุด? โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำแถลงในอัคดัสกล่าวไว้ชัดเจนทีเดียวว่า? คนเกียจคร้านที่ไม่อยากทำงานจะไม่มีที่ยืนในระบบโลกใหม่? ผลพวงของหลักธรรมนี้ที่พระบาฮาอุลลาห์กล่าวเพิ่มเติมคือ? การขอทานไม่ควรถูกห้ามปรามเท่านั้น? แต่ควรถูกกวาดให้หมดไปจากสังคม? เป็นหน้าที่ของบรรดาผู้ที่รับผิดชอบการจัดระเบียบสังคม? ที่จะให้ทุกคนได้มีโอกาสพัฒนาความสามารถตามความถนัดซึ่งจำเป็นสำหรับวิชาชีพบางอย่าง? และมีหนทางสำหรับการใช้ความสามารถนั้นให้เป็นประโยชน์? ทั้งเพื่อเห็นแก่ความสามารถเองและเห็นแก่การหาเลี้ยงชีพ? ไม่ว่าจะพิการหรือมีข้อจำกัดแค่ไหนทุกคนมีหน้าที่ทำงานและประกอบวิชาชีพบางอย่าง? เพราะงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทำด้วยดวงจิตแห่งการรับใช้ตามที่พระบาฮาอุลลาห์สอนไว้? คือรูปแบบหนึ่งของการบูชา? งานมิได้มีเพียงจุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์เท่านั้น? แต่งานมีคุณค่าในตัวมันเอง? เพราะงานพาเราเข้าไปใกล้พระผู้เป็นเจ้า? และช่วยให้เราเข้าใจจุดประสงค์ของพระองค์สำหรับเราในโลกนี้ได้ดีขึ้น? ดังนั้นเป็นที่ชัดเจนว่า? การได้รับมรดกที่มั่งคั่งไม่ใช่ข้อยกเว้นให้ใครไม่ต้องทำงาน

ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงกล่าวว่า ?หากบุคคลหนึ่งไม่สามารถหาเลี้ยงชีพ? ทุกข์เข็ญเพราะความยากจนข้นแค้นหรือช่วยตัวเองไม่ได้? เมื่อนั้นเป็นหน้าที่ของผู้มั่งคั่งหรือตัวแทนที่จะจัดหาค่าใช้จ่ายรายเดือนให้เขายังชีพ… ?ตัวแทน? นี้หมายถึงผู้แทนของประชาชน? กล่าวคือ? สมาชิกสภายุติธรรม? (ดุหมายเหตุ 162 เกี่ยวกับการขอทาน)???????????

ในการตอบคำถามที่ว่าตามบัญชาของพระบาฮาอุลลาห์? ผู้ที่เป็นทั้งภรรยาและมารดา? และสามีของเธอ? จะต้องทำงานหาเลี้ยงชีพหรือไม่? สภายุติธรรมสากลได้อธิบายว่า? คำสั่งการของพระบาฮาอุลลาห์นั้นให้มิตรสหายประกอบอาชีพที่จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น? และการดูแลครัวเรือนเป็นงานที่มีเกียรติและรับผิดชอบสูง? ซึ่งมีความสำคัญโดยมูลฐานต่อสังคม

ในเรื่องเกษียณอายุการทำงานสำหรับบุคคลต่างๆ? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวไว้ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านว่า ?นี้เป็นเรื่องที่สภายุติธรรมนานาชาติจะต้องบัญญัติกฎ? เนื่องด้วยไม่ข้อกำหนดในอัคดัสเกี่ยวกับเรื่องนี้?

  1. การจูบมือเป็นข้อห้ามในคัมภีร์//34

ในบางยุคศาสนาก่อนๆ และในบางวัฒนธรรม? การจูบมือบุคคลทางศาสนาหรือบุคคลสำคัญได้รับคาดหวัง? เสมือนเป็นเครื่องหมายของการแสดงความเคารพและนับถือบุคคลเหล่านั้น? และเป็นสัญลักษณ์ของการยอมจำนนต่อตำแหน่งอำนาจของพวกเขา? พระบาฮาอุลลาห์ทรงห้ามการจูบมือ? และในธรรมจารึกต่างๆ? พระองค์ทรงตำหนิวิธีปฏิบัติเช่นนี้ว่าเป็นการหมอบราบต่ออีกบุคคลหนึ่ง? และเป็นรูปแบบความประพฤติที่ทำให้ตนเองต่ำลงในความสัมพันธ์กับผู้อื่น

  1. ไม่เป็นที่อนุญาตให้ใครแสวงหาการล้างบาปจากอีกคนหนึ่ง//34

พระบาฮาอุลลาห์ทรงห้ามการสารภาพบาปและแสวงหาการล้างบาปจากมนุษย์ด้วยกัน? ผู้นั้นควรขอการอภัยจากพระผู้เป็นเจ้าแทน? ในธรรมจารึกเบชาราทพระองค์ทรงกล่าวว่า ?การสารภาพดังกล่าวต่อประชาชนก่อให้เกิดความอดสูและความตกต่ำ?? และพระองค์ทรงยืนยันว่าพระผู้เป็นเจ้า ?ไม่ปรารถนาให้คนรับใช้ทั้งหลายของพระองค์อดสู???

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ อธิบายข้อห้ามนี้ในบริบท? เลขานุการของท่านเขียนในนามของท่านว่า? เรา

…ถูกห้ามไม่ให้สารภาพบาปและข้อบกพร่องของเราต่อผู้ใด? ดังที่ชาวคาทอริคสารภาพต่อนักบวช? ไม่ให้สารภาพดังกล่าวต่อสาธารณชนดังที่บางนิกายทำ? อย่างไรก็ตามหากเราเกิดความรู้สึกต้องการยอมรับว่า? เราผิดในบางสิ่ง? หรือมีข้อบกพร่องบางอย่างในอุปนิสัยใจคอ? และขอการอภัยหรือการยกโทษจากผู้อื่น? เรามีอิสระทีเดียวที่จะทำได้

สภายุติธรรมสากลได้ชี้แจงไว้เช่นกันว่า? ข้อห้ามของพระบาฮาอุลลาห์เกี่ยวกับการสารภาพบาป? ไม่ได้ห้ามบุคคลมิให้ยอมรับการทำผิดในระหว่างการปรึกษาหารือภายใต้การอุปถัมภ์ของสถาบันบาไฮ? และทำนองเดียวกันก็ไม่ได้ปิดโอกาสในการขอคำแนะนำจากเพื่อนสนิท? หรือผู้มีอาชีพให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ

  1. ประเภทหนึ่งของประชาชนดังกล่าวคือผู้ที่นั่งอยู่กับรองเท้าแตะข้างประตู? ขณะที่ในหัวใจอยากจะได้ที่นั่งอันมีเกียรติ//36

ตามประเพณีในโลกตะวันออก? มีวิธีปฏิบัติที่ให้ถอดรองเท้าแตะและรองเท้าก่อนเข้าไปในที่ชุมนุม? บริเวณภายในห้องที่อยู่ไกลที่สุดจากทางเข้าถือว่าเป็นหัวของห้อง? และเป็นที่อันมีเกียรติสำหรับบุคคลสำคัญนั่ง? คนอื่นๆ นั่งตามลำดับลดหลั่นกันมาถึงประตูที่มีร้องเท้าและรองเท้าแตะวางอยู่ข้างๆ? ซึ่งเป็นที่สำหรับคนต่ำต้อยที่สุดนั่ง

  1. อีกประเภทหนึ่งของประชาชนดังกล่าวคือผู้ที่อ้างตนว่ามีความรู้ซ่อนเร้น//36

นี้หมายถึงประชาชนที่อ้างว่าเข้าถึงความรู้เฉพาะตัว? และการยึดติดอยู่กับความรู้นั้นเป็นม่านปิดกั้นพวกเขาไม่ให้เห็นการเปิดเผยพระธรรมของพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันไว้ในอีกที่หนึ่งว่า : ?บรรดาผู้ที่บูชาเทพเจ้าที่จินตนาการของตนคิดขึ้นมา? แล้วเรียกสิ่งนั้นว่าความเป็นจริงที่ซ่อนเร้น? บุคคลดังกล่าวถูกนับว่าเป็นพวกไม่มีศาสนา??

  1. คนจำนวนมากมายเพียงไรแยกตัวอยู่ในถิ่นต่างๆ ในอินเดีย? ไม่เอาสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ามีโองการว่าถูกกฎหมาย? ใช้ชีวิตที่เข้มงวดและปฏิเสธความเพลิดเพลิน//36

วจนะเหล่านี้คือข้อห้ามการแยกตัวอยู่ในอารามและการถือสันโดษ? ดู ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ง.1 ผ.3-4? พระบาฮาอุลลาห์ทรงขยายความข้อกำหนดเหล่านี้ไว้ใน วจนะสวรรค์ ?พระองค์ทรงกล่าวว่า : ?การใช้ชีวิตแยกตัวหรือการถือสันโดษ? ไม่เป็นที่ยอมรับ ณ เบื้องหน้าของพระผู้เป็นเจ้า?? และพระองค์ทรงเรียกร้องผู้ที่เกี่ยวข้องให้ ?ปฏิบัติสิ่งที่ยังความเบิกบานและสดชื่น?? พระองค์ทรงสั่งการบรรดาผู้ที่ไป ?พำนักในถ้ำตามภูเขา?? หรือผู้ที่ ?ไปยังสุสานตอนกลางคืน? ให้เลิกวิธีปฏิบัติเหล่านี้? และพระองค์ทรงบัญชาพวกเขาไม่ให้พรากตนเองจาก ?พระพร? ของโลกนี้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อมนุษยชาติ? และในธรรมจารึกเบชาราท? แม้ว่าจะทรงยอมรับ ?การกระทำที่เคร่งศาสนา? ของพระและนักบวช? พระองค์ก็ทรงขอให้พวกเขา ?เลิกใช้ชีวิตแยกตัวแล้วก้าวไปสู่โลกกว้าง? และสาละวนอยู่กับสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น?? พระองค์ยังทรงอนุญาตให้พวกเขา ?สมรส? เพื่อว่าพวกเขาจะให้กำเนิดผู้ที่จะกล่าวถึงพระผู้เป็นเจ้า?

  1. ใครที่อ้างตนเป็นผู้เปิดเผยพระธรรมโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้าก่อนหนึ่งพันปีเต็มจะผ่านไป//37

ยุคศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์จะคงอยู่จนกว่าพระศาสดาองค์ต่อไปของพระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา? ซึ่งจะไม่เสด็จมาก่อน ?หนึ่งพันปีเต็ม? จะผ่านไปเป็นอย่างน้อย? พระบาฮาอุลลาห์ทรงเตือนไม่ให้ใช้ ?วจนะตอนนี้? มาอ้างเป็นอื่นใดนอกจาก ?ความหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว?? และในธรรมจารึกหนึ่งพระองค์ทรงระบุว่า ?แต่ละปี? ของหนึ่งพันปีนี้ประกอบด้วย ?สิบสองเดือนตามคัมภีร์โกรอ่าน? และสิบเก้าเดือนๆ ละสิบเก้าวันตามคัมภีร์บายัน??

การรับรู้การเปิดเผยพระธรรมของพระบาฮาอุลลาห์ในคุกซียาห์ชาลในเตหะราน? ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1852? บ่งบอกถึงการเริ่มต้นพันธกิจของความเป็นพระศาสดาของพระองค์? และจากนี้เองคือเริ่มต้นของการนับหนึ่งพันปีหรือมากกว่านั้น? ที่จะต้องผ่านไปก่อนที่พระศาสดาองค์ต่อไปของพระผู้เป็นเจ้าจะมาปรากฏ

  1. ? นี้คือสิ่งที่เราเคยเตือนเจ้าล่วงหน้าเมื่อเราอาศัยอยู่ในอิรัก? ต่อมาขณะที่อยู่ในดินแดนแห่งความลึกลับ? และบัดนี้จากสถานที่อำไพนี้//37

?ดินแดนแห่งความลึกลับ? หมายถึงอเดรียโนเปิ้ล? และ ?สถานที่อำไพนี้? หมายถึงอัคคา

  1. ประเภทหนึ่งของประชาชนดังกล่าวคือผู้ที่วิชาของตนทำให้ตนเองทะนง… ผู้ซึ่งเมื่อได้ยินเสียงเดินของรองเท้าแตะตามหลังตน? ก็หลงตัวเองยิ่งกว่า//41

ในโลกตะวันออกวิธีปฏิบัติคือ? ให้เหล่าสาวกเดินตามหลังผู้นำศาสนาเว้นระยะห่างหนึ่งถึงสองก้าวด้วยความเคารพ

  1. นิมรอด//41

นิมรอดที่กล่าวถึงในวจนะตอนนี้ตามคำสอนของศานายิวและอิสลามคือ? กษัตริย์ที่ประหัติประหารพระอับราฮัม? และชื่อของเขากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความทะนงอย่างยิ่ง

  1. อักซาน//42

?อักซาน? (พหูพจน์ของ โกสเน่) เป็นคำภาษาอาหรับที่หมายความว่า ?กิ่ง?? พระบาฮาอุลลาห์ใช้พจน์นี้ระบุถึงบรรดาผู้สืบสกุลเพศชายของพระองค์? พจน์นี้มีนัยต่างๆ ที่พิเศษเฉพาะไม่เพียงแต่สำหรับการจัดการกับเงินลงทุนเท่านั้น? แต่สำหรับการสืบทอดอำนาจหลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์ (ดูหมายเหตุ 145) และพระอับดุลบาฮาด้วย? ในคัมภีร์แห่งพระปฏิญญาพระบาฮาอุลลาห์ทรงต่งตั้งพระอับดุลบาฮาซึ่งเป็นบุตรชายคนโต? ให้เป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาของพระองค์? และเป็นหัวหน้าของศาสนา? ในพระประสงค์และพินัยกรรมของพระอับดุลบาฮา? พระองค์ทรงแต่งตั้งท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ซึ่งเป็นหลานคนโต? ให้เป็นศาสนภิบาลและเป็นหัวหน้าของศาสนา

ดังนั้นวรรคนี้ของอัคดัสคาดการณ์ถึงการสืบทอดศาสนาของอักซานที่ได้รับเลือก? และสถาบันศาสนภิบาลด้วยประการฉะนี้? อีกทั้งมองไปข้างหน้าถึงความเป็นไปได้ของการสิ้นสุดของเชื้อสาย? การล่วงลับไปของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ในปี ค.ศ.1957 ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่วรรคนี้เปิดช่องไว้? นั่นคือ? เชื้อสายของอักซานสิ้นสุดลงก่อนจะมีการสถาปนาสภายุติธรรมสากล (ดูหมายเหตุ 183)

  1. ? ตกทอดมายังประชาชนแห่งบาฮา//42

พระบาฮาอุลลาห์ทรงเผื่อความเป็นไปได้? ที่เชื้อสายของอักซานจะสิ้นสุดลงก่อนการสถาปนาสภายุติธรรมสากล? พระองค์ทรงระบุว่าในสถานการณ์ดังกล่าว ?เงินลงทุนนี้จะตกทอดมายังประชาชนแห่งบาฮา?? พจน์ ?ประชาชนแห่งบาฮา? ถูกใช้ในความหมายต่างๆ กันในธรรมลิขิตบาไฮ? ในกรณีนี้พวกเขาได้รับการพรรณนาว่าเป็นบรรดา ?ผู้ที่ไม่พูดนอกจากจะได้รับอนุญาตจากพระองค์? และไม่วินิจฉัยนอกจากวินิจฉัยตามสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ามีโองการไว้ในธรรมจารึกนี้?? หลังจากการล่วงลับไปของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ในปี ค.ศ.1957? พระหัตถ์ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าได้กำกับกิจการของศาสนาจนกระทั่งมีการเลือกตั้งสภายุติธรรมในปี ค.ศ.1963 (ดูหมายเหตุ 183)

  1. ? อย่าโกนศีรษะของเจ้า//44

ในบางประเพณีของศาสนา? ถือว่าเป็นที่น่าปรารถนาที่จะโกนศีรษะ? การโกนศีรษะเป็นที่ห้ามโดยพระบาฮาอุลลาห์? และพระองค์ทรงบอกไว้ชัดเจนว่า? ข้อกำหนดที่อยู่ในสุเรเย่ฮัจของพระองค์ที่ให้ผู้ไปแสวงบุญที่บ้านศักดิ์สิทธิ์ในชีราซต้องโกนศีรษะ? ถูกแทนด้วยวจนะตอนนี้ในคีตาบีอัคดัส (คำถาม-คำตอบ 10)

  1. เป็นสิ่งไม่เหมาะสมที่จะปล่อยให้ผมยาวเกินติ่งหู//44

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ บอกไว้ชัดเจนว่า? ไม่เหมือนกับข้อห้ามการโกนศีรษะ? กฎที่ห้ามการปล่อยให้ผมยาวเกินติ่งหูนี้ใช้กับผู้ชายเท่านั้น? การจะนำกฎนี้มาใช้ต้องให้สภายุติธรรมสากลชี้แจง?

  1. การเนรเทศและการจองจำเป็นที่โองการไว้สำหรับขโมย//45

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? การกำหนดความหนักเบาของการลงโทษตามความร้ายแรงของการกระทำผิด? อยู่ที่สภายุติธรรมสากล (คำถาม-คำตอบ 49)? การลงโทษสำหรับการขโมยให้ไว้สำหรับสภาพของสังคมในอนาคต? ซึ่งจะมีการเสริมกฎนี้และนำมาใช้โดยสภายุติธรรมสากล

  1. เมื่อทำผิดครั้งที่สาม? จงทำเครื่องหมายไว้บนหน้าผากของเขา? เพื่อว่าด้วยเครื่องหมายที่รู้กันนี้? เขาจะไม่เป็นที่ยอมรับในนครทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าและประเทศทั้งหลายของพระองค์//45

เครื่องหมายที่จะทำไว้บนหน้าผากของขโมยมีจุดประสงค์ที่จะเตือนประชาชนว่า? คนๆ นี้มีความโน้มเอียงไปทางไหน? รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับลักษณะของเครื่องหมาย? จะนำเครื่องหมายมาใช้อย่างไร? จะต้องสวมเครื่องหมายเอาไว้นานเท่าไร? จะเอาออกได้ภายใต้เงื่อนไขอะไร? รวมทั้งความร้ายแรงของการขโมยในระดับต่างๆ? พระบาฮาอุลลาห์ทิ้งไว้ให้สภายุติธรรมสากลเป็นผู้กำหนดเมื่อนำกฎนี้มาใช้

  1. ใครที่ปรารถนาจะใช้ภาชนะเงินหรือภาชนะทองมีอิสระที่จะทำได้//46

ในคัมภีร์บายันพระบ๊อบทรงยอมให้ใช้เครื่องใช้ในบ้านที่ทำด้วยทองและเงิน? จึงเป็นการยกเลิกการประณามการใช้สิ่งเหล่านี้ในศาสนาอิสลาม? ซึ่งไม่ได้มาจากคำบัญชาที่ชัดแจ้งในคัมภีร์โกรอ่าน? แต่มาจากประเพณีของชาวมุสลิม? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันคำวินิจฉัยนี้ของพระบ๊อบ

  1. จงเอาใจใส่ขณะทานอาหาร? อย่าเอามือจุ่มลงไปในอาหารที่อยู่ในจานและชาม//46

ข้อห้ามนี้ได้รับการนิยามโดยท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ว่า ?เอามือของตนจุ่มลงไปในอาหาร?? หลายแห่งในโลกมีธรรมเนียมที่กินด้วยมือจากชามเดียวกัน

  1. จงใช้วิธีที่สมกับความเกลี้ยงเกลา//46

นี้คือวรรคแรกของอีกหลายวรรคที่กล่าวถึงความสำคัญของความเกลี้ยงเกลาและความสะอาด? คำเดิมในภาษาอาหรับ ?เลทอแฟท? ซึ่งในที่นี้แปลเป็น ?ความเกลี้ยงเกลา? มีความหมายมากมายที่มีนัยทางจิตวิญญาณและร่างกาย? ดังเช่น? ความสง่า? ความงดงาม? ความสะอาด? ความมีมารยาท ?ความสุภาพ? ความอ่อนโยน? ความนุ่มนวลและความเมตตากรุณา? อีกทั้งยังมีความลึกล้ำ? เกลี้ยงเกลา? วิสุทธิ์และบริสุทธิ์? คำนี้ถูกแปลเป็น ?ความเกลี้ยงเกลา? หรือ ?ความสะอาด? ตามแต่บริบทในเนื้อหาของวรรคต่างๆ ในคีตาบีอัคดัส

  1. พระผู้เป็นอรุโณทัยสถานแห่งศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? ไม่มีคู่เคียงในความไม่มีผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด//47

ในธรรมจารึกอิชรากาท? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันว่า? ความไม่มีผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมีอยู่ในพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

บทที่ 45 ใน ?เฉลยปัญหาธรรมบางข้อ? อุทิศให้กับการอธิบายวจนะตอนนี้ในอัคดัสโดยพระอับดุลบาฮา? ในบทนี้สิ่งหนึ่งที่พระองค์เน้นคือ ?ความไม่มีผิดพลาด? ที่เป็นเนื้อแท้? แยกออกไม่ได้จากพระศาสดาทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า? และทรงยืนยันว่า ?สิ่งใดก็ตามที่มาจากพระศาสดาคือสัจธรรมและตรงกับความเป็นจริง?? และ ?พระศาสดาทั้งหลายไม่ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของกฎที่มีมาก่อน?? และ ?สิ่งใดก็ตามที่พระองค์กล่าวคือวจนะของพระผู้เป็นเจ้า? และอะไรก็ตามที่พระองค์ทำคือกระทำที่ซื่อตรง?

  1. ? บิดาทุกคนได้รับบัญชาให้สั่งสอนบุตรและธิดาในศิลปะการอ่านและเขียน//48

ในธรรมจารึกต่างๆ พระอับดุลบาฮาไม่เพียงแต่เรียกให้หันมาสนใจความรับผิดชอบของบิดามารดาในการอบรมลูกทุกคนเท่านั้น? แต่พระองค์ยังทรงระบุไว้อย่างชัดเจนอีกด้วยว่า ?การฝึกฝนและปลูกฝังลูกสาวเป็นเรื่องที่จำเป็นกว่าลูกชาย?? เพราะวันหนึ่งเด็กหญิงจะเป็นมารดา? และมารดาคือผู้อบรมคนแรกของคนรุ่นใหม่? ดังนั้นหากเป็นไปไม่ได้สำหรับครอบครัวที่จะให้การศึกษาลูกทุกคน? ต้องให้ความสำคัญกับลูกสาวมากกว่า? เนื่องด้วยประโยชน์ของความรู้จะสามารถแพร่กระจายไปทั่วสังคมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดโดยมารดาที่มีการศึกษา

  1. พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้ชายชู้และหญิงชู้ทุกคนจ่ายค่าปรับให้แก่สภายุติธรรมเท่ากับทองเก้ามิสกัล//49

แม้ว่าพจน์ที่แปลไว้ที่นี่ว่ามีชู้? แต่โดยความหมายกว้างๆ นั้นหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกกฎหมายระหว่างผู้ที่สมรสแล้วหรือยังไม่สมรส (ดูหมายเหตุ 36 สำหรับนิยามของพจน์นี้)? พระอับดุลบาฮาทรงเจาะจงลงไปว่า? ที่บัญญัติไว้นี้เป็นบทลงโทษสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่เป็นโสด? พระองค์ทรงระบุว่า? สภายุติธรรมสากลจะเป็นผู้กำหนดการลงโทษสำหรับการมีชู้ของผู้ที่สมรสแล้ว (ดูคำถาม-คำตอบ 49)

ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงกล่าวถึงนัยทางจิตวิญญาณและทางสังคมบางอย่างของการฝ่าฝืนกฎทางศีลธรรม? และเกี่ยวกับบทลงโทษที่บัญญัติไว้นี้? พระองค์ทรงระบุว่า? จุดมุ่งหมายของกฎนี้คือเพื่อจะทำให้เป็นที่ชัดจนสำหรับทุกคนว่า? การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องน่าอายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า? และในกรณีที่การทำความผิดนี้ได้รับการพิสูจน์ยืนยันและมีการปรับ? จุดประสงค์หลักคือการเผยโฉมผู้กระทำความผิด? เพื่อว่าพวกเขาจะอับอายขายหน้าในสายตาของสังคม? พระองค์ทรงยืนยันว่าการเผยโฉมดังกล่าวในตัวเองนั้นคือการลงโทษที่รุนแรงที่สุด

สภายุติธรรมที่พาดพิงถึงในวจนะตอนนี้สันนิษฐานว่าเป็นสภายุติธรรมท้องถิ่น? ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันว่า? ธรรมสภาท้องถิ่น

  1. ทองเก้ามิสกัล? และปรับเป็นสองเท่าหากพวกเขาทำผิดซ้ำ//49????

มิสกัลคือหน่วยน้ำหนัก? น้ำหนักของมิสกัลดั้งเดิมที่ใช้กันในตะวันออกกลางเท่ากับ 24 โนคท? อย่างไรก็ตามมิสกัลที่บาไฮใช้ประกอบด้วย 19 โนคท ?ตามที่คัมภีร์บายันระบุไว้? (คำถาม-คำตอบ 23)? น้ำหนักเก้ามิสกัลนี้เท่ากับ 32.775 กรัม? หรือ 1.05374 ทรอยออนซ์

เกี่ยวกับการวิธีการปรับ? พระบาฮาอุลลาห์ทรงเจาะจงไว้อย่างชัดเจนว่า? ค่าปรับครั้งต่อไปจะเป็นสองเท่าของค่าปรับครั้งก่อน (คำถาม-คำตอบ 23)? ดังนี้ค่าปรับจะเพิ่มขึ้นเป็นอนุกรมเลขาคณิต? การปรับนี้ให้ไว้สำหรับสภาพของสังคมในอนาคต? ซึ่งเวลานั้นจะมีการเสริมและใช้กฎนี้โดยสภายุติธรรมสากล

  1. เราทำให้เป็นสิ่งถูกกฎหมายสำหรับเจ้าที่จะฟังดนตรีและร้องเพลง//51

พระอับดุลบาฮาทรงลิขิตไว้ว่า ?สำหรับบางชาติในโลกตะวันออก? ดนตรีถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม?? แม้คัมภีร์โกรอ่านไม่มีคำชี้แนะที่เจาะจงเกี่ยวกับเรื่องนี้? ชาวมุสลิมบางคนถือว่าการฟังดนตรีเป็นสิ่งผิดศีลธรรม? ขณะที่บางคนรับดนตรีได้ในขอบเขตหนึ่งและขึ้นกับเงื่อนไขบางอย่าง

มีบางวรรคในธรรมลิขิตบาไฮที่สรรเสริญดนตรี? ตัวอย่างเช่น? พระอับดุลบาฮาทรงยืนยันว่า ?ดนตรีที่ร้องหรือเล่น? คืออาหารทิพย์สำหรับวิญญาณและหัวใจ?

  1. ดูกร? พวกเจ้าบุรุษแห่งความยุติธรรม!//52

ธรรมลิขิตของพระอับดุลบาฮาและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ชี้แจงว่า? แม้สมาชิกภาพของสภายุติธรรมสากลถูกจำกัดอยู่ที่บุรุษ? ทั้งสตรีและบุรุษมีสิทธิ์ที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภายุติธรรมระดับสองและสภายุติธรรมท้องถิ่น (ปัจจุบันได้ชื่อว่า? ธรรมสภาแห่งชาติและธรรมสภาท้องถิ่น)

  1. บทลงโทษสำหรับการตีหรือทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บขึ้นอยู่กับความรุนแรงของความบาดเจ็บนั้น? พระผู้เป็นนายแห่งการพิพากษาทรงบัญญัติการชดใช้ค่าเสียหายสำหรับความบาดเจ็บแต่ละระดับความรุนแรง//56

แม้พระบาฮาอุลลาห์ระบุว่า? ความหนักเบาของการลงโทษขึ้นอยู่กับ ?ความรุนแรงของความบาดเจ็บนั้น?? แต่ก็ไม่มีบันทึกของพระองค์ที่ให้รายละเอียดการชดใช้ค่าเสียหายว่ามากน้อยแค่ไหนตามแต่ละระดับของการกระทำความผิด? ความรับผิดชอบในการกำหนดสิ่งเหล่านี้ตกอยู่กับสภายุติธรรมสากล

  1. แท้จริงแล้วเจ้าได้รับบัญชาให้จัดงานฉลองเดือนละครั้ง//57

บัญชานี้กลายเป็นที่มาของการจัดงานเทศกาลบาไฮเป็นประจำทุกเดือน? และดังนั้นจึงเป็นการบัญญัติงานฉลองบุญสิบเก้าวัน? ในคัมภีร์บายันภาษาอาหรับ? พระบ๊อบทรงขอให้สาวกทั้งหลายมาชุมนุมกันหนึ่งครั้งทุกๆ สิบเก้าวัน? เพื่อแสดงการต้อนรับขับสู้และไมตรีจิต? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันสิ่งนี้ที่นี่? และชี้ให้เห็นบทบาทของงานนี้ในการประสานสามัคคี

พระอับดุลบาฮาและต่อมาท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ได้เผยให้เห็นนัยสำคัญทางสถาบันของบัญชานี้ทีละน้อย? พระอับดุลบาฮาทรงเน้นความสำคัญด้านจิตวิญญาณและการอธิษฐานของการชุมนุมเหล่านี้? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ นอกจากจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในด้านสังคมและการอธิษฐานของงานฉลองบุญ? ได้พัฒนาองค์ประกอบของการบริหารในงานชุมนุมนี้? และในการเริ่มต้นจัดงานฉลองบุญนี้อย่างเป็นระบบ? ท่านได้จัดให้มีช่วงเวลาสำหรับการปรึกษาหารือเกี่ยวกับกิจการต่างๆ ของชุมชนบาไฮ? รวมทั้งการแบ่งปันข่าวและข่าวสาร

ในการตอบคำถามที่ว่า? บัญชานี้เป็นข้อบังคับหรือไม่? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่าไม่ใช่ (คำถาม-คำตอบ 48)? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านว่า :?

การมาร่วมงานฉลองบุญสิบเก้าวันไม่ใช่ข้อบังคับ? แต่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก? และศาสนิกชนทุกคนควรถือว่าเป็นหน้าที่และสิทธิ์พิเศษที่ได้มาอยู่ในงานนี้

  1. หากเจ้าล่าสัตว์โดยการใช้สัตว์ป่าหรือนกล่าเหยื่อ? จงร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเจ้าส่งสัตว์เหล่านี้ออกไปล่าเหยื่อ? เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว? เหยื่อใดก็ตามที่สัตว์ดังกล่าวล่ามาได้จะเป็นสิ่งถูกกฎหมายสำหรับเจ้า? แม้ว่าเจ้าจะพบว่าเหยื่อนั้นตายแล้วก็ตาม//60?

ด้วยกฎนี้พระบาฮาอุลลาห์ทรงทำให้วิธีปฏิบัติและข้อบังคับของศาสนาในอดีตง่ายขึ้นเกี่ยวกับการล่าสัตว์? พระองค์ทรงกล่าวด้วยว่า? การล่าด้วยอาวุธเช่นคันธนูและลูกธนู? ปืนและที่คล้ายกัน? ถูกรวมอยู่ในคำวินิจฉัยนี้? แต่เป็นข้อห้ามมิให้บริโภคสัตว์ที่พบว่าตายอยู่ในกับดักหรือตาข่าย (คำถาม-คำตอบ 24)

  1. อย่าล่าสัตว์จนเกินไป//60

แม้พระบาฮาอุลลาห์ไม่ห้ามการล่าสัตว์? แต่ก็ทรงเตือนไม่ให้ล่าจนเกินไป? เมื่อถึงเวลาสภายุติธรรมสากลจะต้องพิจารณาว่า? อะไรคือการล่าสัตว์จนเกินไป

  1. พระองค์ไม่ได้ให้พวกเขามีสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น//61

คำบัญชาให้แสดงความเมตตาต่อวงศาคณาญาติของพระบาฮาอุลลาห์? ไม่ได้เป็นการให้พวกเขามีส่วนแบ่งในทรัพย์สินของผู้อื่น? สิ่งนี้ต่างจากวิธีปฏิบัติของมุสลิมนิกายชีอะห์? ซึ่งผู้ที่สืบเชื้อสายสายตรงมาจากพระโมฮัมหมัด? มีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งของภาษีบางอย่าง

  1. หากใครจงใจใช้ไฟเผาบ้าน? จงเผาเขาเช่นกัน? หากใครจงใจเอาชีวิตของผู้อื่น? จงสังหารเขาเช่นกัน//62

กฎของพระบาฮาอุลลาห์บัญญัติการลงโทษประหารชีวิตสำหรับฆาตกรรมและการวางเพลิง? หรือให้จำคุกตลอดชีวิตแทน (ดูหมายเหตุ 87)

ในธรรมจารึกต่างๆ พระอับดุลบาฮาทรงอธิบายความแตกต่างระหว่างการแก้แค้นกับการลงโทษ? พระองค์ทรงยืนยันว่าบุคคลไม่มีสิทธิ์ที่จะแก้แค้น? การแก้แค้นเป็นที่รังเกียจในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า? แรงจูงใจในการลงโทษหาใช่ความต้องการที่จะแก้แค้น? แต่เป็นการใช้บทลงโทษสำหรับการกระทำความผิด? ใน เฉลยปัญหาธรรมบางข้อ พระองค์ทรงยืนยันว่า? เป็นสิทธิ์ของสังคมที่จะใช้บทลงโทษกับอาชญากรเพื่อคุ้มครองสมาชิกในสังคมและปกป้องการดำรงอยู่ของสังคม

เกี่ยวกับข้อกำหนดนี้? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ให้คำอธิบายต่อไปนี้ไว้ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่าน 😕

ในอัคดัสพระบาฮาอุลลาห์ทรงให้ความตายเป็นบทลงโทษสำหรับฆาตกร? อย่างไรก็ตามพระองค์อนุญาตให้จำคุกตลอดชีวิตแทน? วิธีปฏิบัติทั้งสองเข้าได้กับกฎของพระองค์? พวกเราบางคนอาจไม่สามารถเข้าใจเหตุผลเมื่อสิ่งนี้ขัดกับการมองที่จำกัดของเรา? แต่เราต้องยอมรับโดยรู้ว่า? อัจฉริยภาพ? ความปรานีและความยุติธรรมของพระองค์นั้นสมบูรณ์เลิศ? และเป็นไปเพื่อความรอดพ้นของทั่วทั้งโลก? หากคนหนึ่งถูกตัดสินผิดให้ต้องตาย? เราไม่อาจเชื่อหรือว่า? พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพจะชดเชยให้เขาหนึ่งพันเท่าในภพหน้า? สำหรับความอยุติธรรมนี้?? คุณไม่สามารถยกเลิกกฎที่ดีเพียงเพราะว่า? ผู้บริสุทธิ์อาจถูกลงโทษซึ่งเกิดขึ้นได้ยาก

พระบาฮาอุลลาห์ไม่ได้ระบุรายละเอียดของกฎบาไฮเกี่ยวกับการลงโทษสำหรับฆาตกรรมและการวางเพลิง? ซึ่งเป็นกฎที่ถูกออกแบบไว้สำหรับสภาพของสังคมในอนาคต? รายละเอียดต่างๆ ของกฎเช่น? ระดับความหนักเบาของการกระทำความผิด? สภาพแวดล้อมของการกระทำความผิดจะถูกนำมาใช้พิจารณาลดหย่อนโทษหรือไม่? และการลงโทษสองอย่างที่บัญญัติไว้จะถืออย่างไหนเป็นมาตรฐาน? สภายุติธรรมสากลจะเป็นผู้วินิจฉัยโดยพิจารณาจากสภาพที่เป็นอยู่ทั่วไปในเวลาที่จะใช้กฎนี้? ลักษณะของการดำเนินการลงโทษสภายุติธรรมสากลก็จะเป็นผู้วินิจฉัยด้วยเช่นกัน

เกี่ยวกับการวางเพลิง? สิ่งนี้ขึ้นกับว่า ?บ้าน? แบบไหนถูกเผา? เป็นที่ชัดเจนว่ามีความแตกต่างกันอย่างมากในระดับของการกระทำความผิด? ระหว่างผู้ที่เผาโกดังร้างกับผู้ที่เผาโรงเรียนที่เต็มไปด้วยเด็กๆ

  1. หากเจ้าตัดสินผู้วางเพลิงและฆาตกรให้ถูกจำคุกตลอดชีวิต? ก็เป็นที่อนุญาตตามข้อกำหนดในคัมภีร์//62

ในการตอบคำถามเกี่ยวกับวจนะตอนนี้ของอัคดัส? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ยืนยันว่า? แม้ว่าการลงโทษประหารชีวิตเป็นที่อนุญาต? ?การจำคุกตลอดชีวิต? ก็ให้ไว้เป็นอีกทางเลือก ?ซึ่งสามารถลดความหนักของการตัดสินดังกล่าวลงมาได้?? ท่านกล่าวว่า ?พระบาฮาอุลลาห์ทรงให้เราเลือก? และดังนั้นให้เรามีอิสระที่จะใช้วิจารณญาณของเรา? ภายในขอบเขตที่กำหนดไว้โดยกฎของพระองค์?? ในกรณีที่ไม่มีคำชี้แนะที่เจาะจงเกี่ยวกับการนำกฎนี้มาใช้ในแง่นี้? สภายุติธรรมจะเป็นผู้บัญญัติกฎเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอนาคต

  1. พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติชีวิตสมรสแก่เจ้า//63

ในธรรมจารึกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? ในการสถาปนากฎข้อนี้? พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ชีวิตสมรสเป็น ?ปราการแห่งความผาสุกและความรอดพ้น??

ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ค. 1 ก.-ฒ. สรุปย่อและผสมผสานข้อกำหนดต่างๆในคีตาบีอัคดัส และ คำถามและคำตอบ เกี่ยวกับการสมรสและเงื่อนไขที่อนุญาตให้สมรสกันได้ (คำถาม-คำตอบ 3, 13,46, 50, 84 และ 92)? กฎของการหมั้น (คำถาม-คำตอบ 43)? การจ่ายสินสอด (คำถาม-คำตอบ 12, 26, 39, 47, 87 และ 88)? กระบวนวิธีที่จะนำมาใช้ในกรณีที่คู่สมรสหายตัวไปนาน (คำถาม-คำตอบ 4 และ 27)? และในสภาพแวดล้อมอื่น (คำถาม-คำตอบ 12 และ 47) (ดูหมายเหตุ 89-99)

  1. จงระวังอย่ามีภรรยามากกว่าสองคน? ผู้ที่พึงพอใจกับภรรยาเดียวที่เป็นหนึ่งในหญิงรับใช้ของพระองค์? ทั้งเขาและเธอจะมีชีวิตที่สงบ//63

แม้ว่าเนื้อหาของคีตาบีอัคดัสดูเหมือนจะอนุญาตให้มีภรรยาสองคน? พระบาฮาอุลลาห์ทรงแนะนำว่า? ความสงบและความพึงพอใจมาจากการมีภรรยาคนเดียว? ในอีกธรรมจารึกหนึ่งพระองค์ส่งเน้นความสำคัญของการกระทำของบุคคลในหนทางที่จะ ?นำความสบายมาให้ตนเองและคู่สมรส?? พระอับดุลบาฮาซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับมอบอำนาจในการตีความ? ทรงกล่าวว่า? ในพระธรรมของอัคดัสที่จริงแล้วการมีคู่สมรสคนเดียวเป็นที่บัญชาไว้? พระองค์ทรงแจกแจงเนื้อเรื่องนี้ไว้ในธรรมจารึกจำนวนหนึ่ง? รวมทั้งดังต่อไปนี้ :

จงรู้ไว้ว่าการมีสามีหรือภรรยาหลายคนไม่เป็นที่อนุญาตภายใต้กฎของพระผู้เป็นเจ้า? เพราะความพึงพอใจกับภรรยาเดียวเป็นที่ระบุไว้อย่างชัดเจน? การมีภรรยาคนที่สองถูกกำหนดให้ขึ้นกับการให้ความเป็นธรรมและความยุติธรรมระหว่างภรรยาทั้งสองคนในทุกสภาพการณ์? อย่างไรก็ตามการให้ความเป็นธรรมและความยุติธรรมแก่ภรรยาสองคนนั้นเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง? การที่การมีภรรยาสองคนถูกกำหนดให้ขึ้นกับเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้? คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่านี้คือข้อห้ามโดยเด็ดขาด? ดังนั้นไม่เป็นที่อนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน

การมีสามีหรือภรรยาหลายคนเป็นวิธีปฏิบัติที่มีมาแต่โบราณมากในหมู่มนุษยชาติเป็นส่วนใหญ่? พระศาสดาทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้เริ่มให้มีสามีหรือภรรยาเดียวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนสำเร็จ? ? ตัวอย่างเช่น? พระเยซูไม่ได้ห้ามการมีสามีหรือภรรยาหลายคน? แต่ยกเลิกการหย่าร้างเว้นแต่ในกรณีไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น? พระโมฮัมหมัดจำกัดจำนวนภรรยาไว้ที่สี่คน? แต่กำหนดให้การมีภรรยาหลายคนขึ้นกับความยุติธรรม? และกลับมาอนุญาตให้หย่าร้างได้อีก? พระบาฮาอุลลาห์ผู้ทรงเปิดเผยคำสอนในสภาพแวดล้อมของสังคมมุสลิม? ทรงเปิดประเด็นการมีสามีหรือภรรยาเดียวทีละน้อย? ตามหลักของอัจฉริยภาพและการแย้มจุดประสงค์ของพระองค์ออกมาอย่างก้าวหน้า? การที่พระองค์จากไปโดยให้มีพระผู้ตีความธรรมลิขิตของพระองค์อย่างไม่มีผิดพลาดอยู่กับเหล่าสาวก? ช่วยให้พระองค์สามารถทำเหมือนว่าอนุญาตให้มีภรรยาสองคนในคีตาบีอัคดัส? แต่ก็ทรงยืนเงื่อนไขที่ช่วยให้พระอับดุลบาฮาสามารถอธิบายให้ชัดเจนขึ้นภายหลังว่า? เจตนาของกฎข้อนี้คือการกำหนดให้มีสามีหรือภรรยาเดียว

  1. ผู้ที่อยากมีหญิงรับใช้มารับใช้ตนก็ทำได้ตามควร//63

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? ผู้ชายอาจจ้างหญิงรับใช้มารับใช้ในบ้านได้? สิ่งนี้ไม่เป็นที่อนุญาตตามวิธีปฏิบัติของมุสลิมนิกายชีอะห์? นอกจากว่านายจ้างจะทำสัญญาสมรสกับเธอ? พระบาฮาอุลลาห์ทรงเน้นว่า การ ?รับใช้? ที่กล่าวไว้ในวจนะตอนนี้หมายถึง ?เฉพาะการรับใช้ที่คนรับใช้ชนชั้นอื่นๆ ก็ทำได้? ไม่ว่าจะเยาว์วัยหรือสูงวัย? เพื่อแลกกับค่าจ้าง? (คำถาม-คำตอบ 30)? นายจ้างไม่มีสิทธิ์ทางเพศต่อหญิงรับใช้? เธอมี ?อิสระที่จะเลือกสามีเวลาใดก็ตามที่เธอปรารถนา?? เพราะเป็นข้อห้ามมิให้มีการซื้อผู้หญิง (คำถาม-คำตอบ 30)

  1. นี้คือคำบัญชาของเราที่มีต่อเจ้า? จงยึดมั่นคำบัญชานี้เสมือนเป็นการช่วยเหลือตัวเจ้าเอง//63

แม้ว่าการสมรสเป็นคำบัญชาในคีตาบีอัคดัส? พระบาฮาอุลลาห์ก็ทรงชี้แจงว่านี้ไม่ใช่ข้อบังคับ (คำถาม-คำตอบ 46)? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ประกาศด้วยว่า ?การสมรสไม่ใช่ข้อบังคับ?? และท่านยืนยันว่า ?ในท้ายที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะตัดสินใจว่า? ต้องการใช้ชีวิตครอบครัวหรืออยู่เป็นโสด?? หากบุคคลหนึ่งต้องรอเป็นเวลานานกว่าจะหาคู่ครองได้? หรือหากว่าในที่สุดแล้วเขาหรือเธอต้องอยู่เป็นโสด? นั่นมิได้หมายความว่าเขาหรือเธอไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ของชีวิต? ซึ่งเป็นเรื่องของจิตวิญญาณโดยมูลฐาน

  1. เรากำหนดให้การสมรสขึ้นอยู่กับการอนุญาตของบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย//65

ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ท่านได้วิจารณ์ข้อกำหนดนี้ในกฎว่า :

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวไว้ชัดเจนว่า? ความยินยอมของบิดามารดาที่ยังมีชีวิตเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการสมรสของบาไฮ? ไม่ว่าบิดามารดาจะเป็นบาไฮหรือไม่? จะหย่าร้างกันไปเป็นปีๆ หรือไม่? กฎที่ยิ่งใหญ่นี้พระองค์ทรงวางไว้เพื่อเสริมโครงสร้างสังคมให้แข็งแกร่ง? ผูกสายสัมพันธ์ของครอบครัวให้ใกล้ชิดขึ้น? เพื่อให้หัวใจของลูกมีความกตัญญูและนับถือผู้ที่ให้ชีวิตตน? และส่งวิญญาณของตนให้ออกเดินทางชั่วนิรันดร์ไปหาพระผู้สร้าง

  1. การสมรสนั้นทำไม่ได้หากไม่จ่ายสินสอด//66

ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ค. 1 ญ. 1-5 สรุปย่อข้อกำหนดหลักๆ เกี่ยวกับสินสอด? ข้อกำหนดเหล่านี้มีมาก่อนในคัมภีร์บายัน

เจ้าบ่าวจะต้องจ่ายสินสอดให้แก่เจ้าสาว? สินสอดนี้ถูกกำหนดไว้ที่ทอง 19 มิสกัลสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง? และเงิน 19 มิสกัลสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน (ดูหมายเหตุ 94)? พระบาฮาอุลลาห์ทรงระบุว่า? ณ เวลาที่ทำพิธีสมรสหากเจ้าบ่าวไม่สามารถจ่ายสินสอดครบจำนวน? เป็นที่อนุญาตให้เขาออกหนังสือสัญญาการจ่ายแก่เจ้าสาว (คำถาม-คำตอบ 39)

ด้วยการเปิดเผยพระธรรมของพระบาฮาอุลลาห์? แนวความคิด? ธรรมเนียมและสถาบันมากมายที่คุ้นเคยกัน? ได้รับการนิยามใหม่และมีความหมายใหม่? หนึ่งในสิ่งเหล่านี้คือสินสอด? ธรรมเนียมสินสอดเป็นวิธีปฏิบัติที่มีมาแต่บรมโบราณในหลายวัฒนธรรมและมีหลายรูปแบบ? ในบางประเทศสินสอดคือสิ่งที่พ่อแม่ของเจ้าสาวจ่ายให้เจ้าบ่าว? ในบางประเทศสินสอดคือสิ่งที่เจ้าบ่าวจ่ายให้พ่อแม่ของเจ้าสาว? ซึ่งเรียกว่า “ค่าตัวเจ้าสาว”? ในทั้งสองกรณีนี้ค่าสินสอดมักไม่เบาทีเดียว? กฎของพระบาฮาอุลลาห์ยกเลิกรูปแบบต่างๆ ทั้งหมดนี้? และทรงเปลี่ยนสินสอดให้เป็นการกระทำที่เป็นสัญลักษณ์? ที่เจ้าบ่าวมอบของขวัญที่มีค่าที่จำกัดให้แก่เจ้าสาว

  1. ทองบริสุทธิ์สิบเก้ามิสกัลสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง? และเงินปริมาณเท่ากันสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน//66

พระบาฮาอุลลาห์ทรงระบุว่า? เกณฑ์ในการกำหนดการจ่ายสินสอดคือท้องถิ่นที่เป็นที่อาศัยถาวรของเจ้าบ่าว? ไม่ใช่เจ้าสาว (คำถาม-คำตอบ 87, 88)

  1. ใครที่อยากเพิ่มสินสอดให้สูงกว่านี้? เป็นที่ห้ามมิให้เกินเก้าสิบห้ามิสกัล…อย่างไรก็ตามหากเขาพึงพอใจกับสินสอดขั้นต่ำ? นั่นจะเป็นการดีกว่าสำหรับเขาตามที่กล่าวไว้ในคัมภีร์//66

ในการตอบคำถามเกี่ยวกับสินสอด? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า :

สิ่งใดก็ตามที่เปิดเผยไว้ในคัมภีร์บายันในเรื่องของผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองและหมู่บ้าน? เป็นที่รับรองและควรดำเนินการ? อย่างไรก็ตามในคีตาบีอัคดัสมีการกล่าวถึงขั้นต่ำสุด? ซึ่งหมายถึงเงินสิบเก้ามิสกัลที่ระบุไว้ในคัมภีร์บายันสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน? สิ่งนี้เป็นที่น่ายินดีกว่าสำหรับพระผู้เป็นเจ้าแต่มีข้อแม้ว่าทั้งสองฝ่ายยอมรับ? จุดประสงค์คือเพื่อจะส่งเสริมความสบายของทุกคน? และนำมาซึ่งความสมัครสมานกลมเกลียวในหมู่ประชาชน? ดังนั้นยิ่งคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้มากเท่าไรก็จะยิ่งดี…ประชาชนแห่งบาฮาต้องสมาคมและปฏิบัติต่อกันและกันด้วยความรักและความจริงใจเป็นที่สุด? พวกเขาควรนึกถึงประโยชน์ของทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งมิตรสหายของพระผู้เป็นเจ้า?

ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงสรุปย่อข้อกำหนดบางข้อสำหรับใช้กำหนดสินสอด? หน่วยของการจ่ายที่กล่าวไว้ในธรรมลิขิตที่คัดมาข้างล่างคือ ?วาฮิด? ?หนึ่งวาฮิดเท่ากับสิบเก้ามิสกัล? พระองค์ทรงกล่าวว่า 😕

ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองต้องจ่ายเป็นทอง? และผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต้องจ่ายเป็นเงิน? ซึ่งขึ้นกับกำลังทรัพย์ของเจ้าบ่าว? หากเขายากไร้? ให้จ่ายหนึ่งวาฮิด? หากพอมีพอกินให้จ่ายสองวาฮิด? หากมีอันจะกินให้จ่ายสามวาฮิด? หากมั่งคั่งให้จ่ายสี่วาฮิด? หากรวยมากให้จ่ายห้าวาฮิด? ความจริงแล้วนี้เป็นเรื่องของการตกลงกันระหว่างเจ้าบ่าว? เจ้าสาว? และบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย? เมื่อตกลงกันอย่างไรให้ดำเนินการตามนั้น

ในธรรมจารึกเดียวกันนี้? พระอับดุลบาฮาทรงสนับสนุบศาสนิกชนทั้งหลายให้เสนอปัญหาเกี่ยวกับการนำกฎนี้มาใช้ไปยังสภายุติธรรมสากล? ซึ่งมี ?อำนาจหน้าที่ในการบัญญัติ?? พระองค์ทรงย้ำว่า ?คณะบุคคลนี้เองที่จะออกกฎต่างๆ และบัญญัติกฎเกี่ยวกับเรื่องที่สำคัญเป็นรองที่ไม่ชัดแจ้งในพระธรรมศักดิ์สิทธิ์??

  1. หากคนรับใช้คนใดของพระองค์ตั้งใจจะเดินทาง? เขาต้องระบุเวลากับภรรยาว่าจะกลับบ้านเมื่อไร//67

หากสามีจากไปโดยไม่แจ้งให้ภรรยาทราบวันที่เขาจะกลับ? และไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขามาถึงเธอและร่องรอยทั้งหมดของเขาสูญหายไป? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? หากสามีรู้กฎที่บัญญัติไว้ในคีตาบีอัคดัส? ภรรยาอาจสมรสใหม่หลังจากที่รอคอยเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม? อย่างไรก็ตามหากสามีไม่รู้กฎนี้? ภรรยาต้องรอจนกว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับสามีมาถึงเธอ (คำถาม-คำตอบ 4)

  1. เป็นความถูกต้องที่ภรรยาจะรอเป็นเวลาเก้าเดือน? หลังจากนั้นแล้วไม่มีการขวางหากเธอจะมีสามีใหม่//67

ในกรณีที่สามีไม่กลับมาเมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาที่ระบุไว้? หรือไม่แจ้งให้ภรรยาทราบเกี่ยวกับความล่าช้า? ภรรยาต้องรอเป็นเวลาเก้าเดือน? ซึ่งหลังจากนั้นเธอมีอิสระที่จะสมรสใหม่? แม้ว่าเป็นการดีกว่าถ้าเธอรอนานกว่านั้น (ดูหมายเหตุ 147 สำหรับปฏิธินบาไฮ)

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? ในสถานการณ์ดังกล่าวหากมีข่าว ?การตายหรือถูกฆาตกรรมของสามี?มาถึงภรรยา? เธอต้องรอเป็นเวลาเก้าเดือนเช่นกัน? ก่อนที่จะสมรสใหม่ (คำถาม-คำตอบ 27)? ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงชี้แจงเพิ่มเติมว่า? ช่วงเวลารอคอยเก้าเดือนหลังจากที่ได้ข่าวการตายของสามี? ใช้ในกรณีที่สามีเสียชีวิตระหว่างที่ไม่อยู่เท่านั้น? ไม่ใช่เสียชีวิตระหว่างที่อยู่บ้าน

  1. เธอควรเลือกวิถีทางที่น่าสรรเสริญ//67

พระบาฮาอุลลาห์ทรงนิยาม ?วิถีทางที่น่าสรรเสริญ? ว่า ?ให้อดทน? (คำถาม-คำตอบ 4)?

  1. พยานสองคนที่เที่ยงธรรม//67

พระบาฮาอุลลาห์ทรงชี้แจง?เกณฑ์ของความเที่ยงธรรม? ในเรื่องของพยานว่า ?ชื่อเสียงดีในหมู่ประชาชน?? พระองค์ทรงกล่าวว่าไม่จำเป็นที่พยานจะต้องเป็นบาไฮ? เนื่องด้วย ?การให้การยืนยันของคนรับใช้ทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า? ไม่ว่าศาสนาหรือความเชื่อใดก็ตาม? เป็นที่ยอมรับต่อหน้าบัลลังก์ของพระองค์? (คำถาม-คำตอบ 79)

  1. ? หากเกิดความเคืองแค้นและรังเกียจกันระหว่างสามีและภรรยา? สามีไม่ควรหย่าเธอแต่ให้อดทนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม//68

การหย่าร้างเป็นที่ประณามอย่างรุนแรงในคำสอนบาไฮ? อย่างไรก็ตามหากเกิดความเคืองแค้นและรังเกียจกันระหว่างคู่สมรส? เป็นที่อนุญาตให้หย่ากันได้หลังจากหนึ่งปีเต็มผ่านไป? ระหว่างปีแห่งความอดทนนี้สามีมีหน้าที่ให้เงินเลี้ยงดูภรรยาและลูก? และทั้งคู่ได้รับการเร่งเร้าให้ปรองดองข้อขัดแย้ง? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ยืนยันว่า? ทั้งสามีและภรรยา ?มีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะขอหย่า?? เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ?คิดว่าจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องหย่า?

ใน คำถามและคำตอบ พระบาฮาอุลลาห์ทรงแจกแจงประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับปีแห่งความอดทน? การปฏิบัติ (คำถาม-คำตอบ 12)? การกำหนดวันเริ่มต้นปีแห่งความอดทน (คำถาม-คำตอบ 19 และ 40)? เงื่อนไขสำหรับการคืนดีกัน (คำถาม-คำตอบ 38)? และบทบาทของพยานและสภายุติธรรมท้องถิ่น (คำถาม-คำตอบ 73 และ 89)? ในเรื่องของพยาน? สภายุติธรรมสากลได้ชี้แจงว่า? ในเวลานี้ธรรมสภาจะทำหน้าที่เป็นพยานในกรณีของการหย่าร้าง

รายละเอียดของข้อกำหนดของกฎบาไฮเกี่ยวกับการหย่าร้าง? ได้สรุปย่อไว้ใน ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ค. 2 ก.-ฌ.

  1. พระผู้เป็นนายทรงห้ามวิธีปฏิบัติที่เจ้าเคยใช้เมื่อเจ้าได้หย่าผู้หญิงคนหนึ่งสามครั้ง//68?

สิ่งนี้สัมพันธ์กับกฎข้อหนึ่งของอิสลามที่อยู่ในคัมภีร์โกรอ่าน? ซึ่งมีโองการว่า? ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง? ผู้ชายไม่สามารถสมรสอีกครั้งกับกับภรรยาที่เขาเคยหย่า? นอกจากว่าเธอจะไปสมรสกับผู้ชายอีกคนหนึ่งก่อนแล้วหย่ากับผู้ชายคนนั้น? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันว่า? นี้คือวิธีปฏิบัติที่เป็นข้อห้ามในคีตาบีอัคดัส (คำถาม-คำตอบ 31)

  1. ผู้ที่หย่าภรรยาอาจตัดสินใจสมรสกับเธอใหม่หลังจากผ่านไปแต่ละเดือนเมื่อมีเสน่หาและพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย? ตราบใดที่เธอยังไม่มีสามีใหม่…นอกจากว่าสถานการณ์ของเธอจะเปลี่ยนแปลง//68?

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวไว้ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านว่า? เจตนาของ ?ผ่านไปแต่ละเดือน? มิใช่เป็นการตั้งข้อจำกัด? และเป็นไปได้สำหรับสามีภรรยาที่หย่ากันที่จะสมรสกันใหม่เมื่อใดก็ได้? ตราบใดที่ต่างฝ่ายต่างยังไม่สมรสกับคนอื่น

  1. น้ำอสุจิไม่ใช่สิ่งที่ไม่สะอาด//74

ในคำสอนศาสนาจำนวนหนึ่งและในวิธีปฏิบัติของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์? น้ำอสุจิถูกประกาศว่าไม่สะอาดสำหรับพิธ๊? ที่นี่พระบาฮาอุลลาห์ทรงปัดเป่าแนวความคิดนี้ออกไป (ดูหมายเหตุ 106 ข้างล่าง)

  1. จงยึดเหนี่ยวสายใยแห่งความเกลี้ยงเกลา//74

พระอับดุลบาฮาทรงกล่าวถึงผลของ ?ความบริสุทธิ์และมีธรรม? ความสะอาดและความเกลี้ยงเกลา? ที่มีต่อการเชิดชู ?สภาวะของมนุษย์? และ ?พัฒนาการของความเป็นจริงข้างในของมนุษย์?? พระองค์ทรงกล่าวว่า : ?การมีร่างกายที่บริสุทธิ์และไร้รอยด่างมีอิทธิพลต่อวิญญาณของมนุษย์? (ดูหมายเหตุ 74)

  1. ? จงล้างทุกสิ่งที่สกปรกด้วยน้ำที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดในสามลักษณะ//74?

?สามลักษณะ? ที่กล่าวไว้ในวจนะตอนนี้คือการเปลี่ยนแปลงของสี? รสหรือกลิ่นของน้ำ? พระบาฮาอุลลาห์ทรงให้คำชี้แนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำบริสุทธิ์? และจุดที่ถือว่าน้ำนั้นไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ (คำถาม-คำตอบ 91)

  1. พระองค์ทรงยกเลิกแนวความคิดเกี่ยวกับ ?ความไม่สะอาด?? ที่ถือว่าสิ่งของและประชาชนหลากหลายจำพวกไม่บริสุทธิ์//75

แนวความคิดเกี่ยวกับ ?ความไม่สะอาด? สำหรับพิธีที่เข้าใจและถือปฏิบัติกันในสังคมของบางเผ่าพันธุ์? และชุมชนศาสนาต่างๆในบางยุคศาสนาก่อนๆ? ถูกยกเลิกโดยพระบาฮาอุลลาห์? พระองค์ทรงกล่าวว่า? โดยการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ ?ทุกสรรพสิ่งดำดิ่งอยู่ในทะเลแห่งการชำระล้าง? (ดูหมายเหตุ 12, 20 และ 103)

  1. วันแรกของเรซวาน//75

นี้หมายถึงการเสด็จมาถึงของพระบาฮาอุลลาห์และผู้ติดตามทั้งหลาย ณ สวนนาจิบีเย่ห์ นอกเมืองแบกแดด? ซึ่งต่อมาบาไฮเรียกว่าอุทยานเรซวาน? เหตุการณ์นี้ซึ่งเกิดขึ้นสามสิบเอ็ดวันหลังจากนอร์รูซในเดือนเมษายน ค.ศ. 1863? บ่งบอกถึงการเริ่มต้นช่วงเวลาที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงประกาศพันธกิจของพระองค์ต่อบรรดาผู้ติดตาม? ในธรรมจารึกหนึ่งพระองค์ทรงกล่าวถึงการประกาศของพระองค์ว่าเป็น? ?วันแห่งความสุขล้น?? และทรงพรรณนาอุทยานเรซวานว่าเป็น ?ตำแหน่งที่พระองค์สาดความอำไพของพระนามของพระองค์? พระผู้ทรงปรานี? ไปยังสรรพโลก?? พระบาฮาอุลลาห์ใช้เวลาสิบสองวันอยู่ในอุทยานนี้? ก่อนที่จะจากไปยังอิสตันบูล? ซึ่งเป็นสถานที่เนรเทศสำหรับพระองค์

การฉลองการประกาศพันธกิจของพระบาฮาอุลลาห์กระทำกันทุกปีโดยเทศกาลเรซวานสิบสองวัน? ซึ่งท่านโชกิ เอฟเฟนดิ พรรณนาว่าเป็น ?เทศกาลที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดของเทศกาลบาไฮทั้งหมด? (ดูหมายเหตุ 138 และ 140)

  1. คัมภีร์บายัน//77

บายันซึ่งเป็นคัมภีร์แม่บทของยุคศาสนาบาบี? คือชื่อที่พระบ๊อบตั้งให้คัมภีร์แห่งกฎของพระองค์? และยังหมายถึงธรรมลิขิตทั้งหมดของพระองค์? คัมภีร์บายันภาษาเปอร์เซียเป็นผลงานสำคัญเกี่ยวกับหลักความเชื่อ? และเป็นคัมภีร์หลักของกฎทั้งหลายที่พระบ๊อบบัญญัติไว้? คัมภีร์บายันภาษาอาหรับมีเนื้อหาใกล้เคียงกันแต่เล็กกว่าและมีความหนักหน่วงน้อยกว่า? ? ใน God Passes By ?ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ พรรณนาไว้โดยระบุว่าคัมภีร์บายันควรได้รับการพิจารณา ?โดยเบื้องต้นว่าเป็นคำสรรเสริญพระศาสดาตามพันธสัญญา? มากกว่าจะเป็นประมวลกฎและบทบัญญัติ? ที่มุ่งหมายจะให้เป็นการนำทางที่ถาวรสำหรับประชาชนในอนาคต??

พระอับดุลบาฮาทรงลิขิตว่า : ?คัมภีร์บายันถูกแทนด้วยคีตาบีอัคดัส? เว้นแต่ในเรื่องของกฎต่างๆ ที่ได้รับการยืนยันและกล่าวถึงในคีตาบีอัคดัส?

  1. การทำลายหนังสือ//77

ในธรรมจารึกอิชรากาทเมื่อทรงพาดพิงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า? พระบ๊อบทรงกำหนดให้กฎทั้งหลายของคัมภีร์บายันขึ้นกับการอนุมัติของพระองค์? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? พระองค์นำกฎบางข้อของพระบ๊อบมาใช้ ?โดยการบรรจุกฎเหล่านั้นไว้ในคีตาบีอัคดัสด้วยวจนะที่ต่างกัน?? ขณะที่กฎข้ออื่นๆ พระองค์ไม่เอามาใช้

ในเรื่องของการทำลายหนังสือ? คัมภีร์บายันบัญชาสาวกทั้งหลายของพระบ๊อบให้ทำลายหนังสือทั้งหมด? เว้นแต่เล่มที่เขียนพิสูจน์ความมุ่งหมายและศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า?

เกี่ยวกับลักษณะและความเข้มงวดของกฎต่างๆ ของคัมภีร์บายัน? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ วิจารณ์ไว้ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านว่า :??

กฎและบัญชาที่เข้มงวดที่พระบ๊อบเปิดเผย? จะเป็นที่ซาบซึ้งและเข้าใจได้อย่างเหมาะสมก็ต่อเมื่ออธิบายด้วยคำแถลงของพระองค์เองเกี่ยวกับธรรมชาติ? จุดประสงค์และลักษณะของยุคศาสนาของพระองค์เอง? ดังที่คำแถลงเหล่านี้เปิดเผยไว้อย่างชัดเจน? ยุคศาสนาบาบีโดยเนื้อแท้แล้วเป็นการปฏิวัติศาสนาและสังคมอย่างแท้จริง? และดังนั้นจึงต้องมีระยะเวลาสั้นแต่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่เศร้าสลดของการปฏิรูปที่รุนแรงและกว้างขวาง? มาตรการเฉียบขาดที่พระองค์นำมาใช้? และสาวกของพระองค์ถูกมองว่าเป็นมาบ่อนทำลายรากฐานของมาตรฐานของนิกายชีอะห์? จึงเป็นการปูทางให้กับการเสด็จมาของพระบาฮาอุลลาห์ ดังนั้นเพื่อจะยืนยันความเป็นอิสระของยุคศาสนาใหม่? และเพื่อเตรียมการสำหรับการเปิดเผยพระธรรมของพระบาฮาอุลลาห์ที่ใกล้เข้ามา? พระบ๊อบจึงเปิดเผยกฎที่เข้มงวดแม้ว่ากฎเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่เคยบังคับใช้? แต่กฎเหล่านี้ที่พระองค์เปิดเผยในตัวมันเองคือข้อพิสูจน์ถึงความเป็นอิสระของยุคศาสนาของพระองค์? และเพียงพอที่จะสร้างความปั่นป่วนอย่างกว้างขวาง? และปลุกให้เกิดการต่อต้านจากนักบวชจนพวกเขาทำให้พระองค์ต้องสละชีวิตในที่สุด

  1. เราอนุญาตให้เจ้าอ่านศาสตร์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า? ไม่ใช่ศาสตร์ที่ลงเอยด้วยการโต้เถียงกันอย่างเหลวไหล//77

ธรรมลิขิตบาไฮบัญชาให้หาความรู้และศึกษาศิลปะและวิทยาศาสตร์? บาไฮได้รับการตักเตือนให้เคารพนับถือผู้มีวิชาและความสามารถ? และอย่าไปศึกษาสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดอะไรนอกจากการเถียงกันอย่างเปล่าประโยชน์

ในธรรมจารึกต่างๆ พระบาฮาอุลลาห์ทรงแนะนำศานิกชนให้ศึกษาวิทยาศาสตร์และศิลปะต่างๆ ที่ ?มีประโยชน์?? ซึ่งจะสร้าง ?ความเจริญก้าวหน้า? ให้แก่สังคม? และพระองค์ทรงเตือนไม่ให้ศึกษาศาสตร์ทั้งหลายที่? ?เริ่มต้นด้วยคำพูดและจบลงด้วยคำพูด? ซึ่งจะนำไปสู่ ?การโต้เถียงกันอย่างเหลวไหล?? ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ท่านเปรียบศาสตร์ทั้งหลายที่ ?เริ่มต้นด้วยคำพูดและจบลงด้วยคำพูด?? เหมือนเป็น ?การเข้าไปถกเถียงอภิปรัชญาหยุมหยิมอย่างเปล่าประโยชน์?? และในจดหมายอีกฉบับหนึ่งท่านอธิบายว่า? ?ศาสตร์ทั้งหลาย? ดังกล่าวพระบาฮาอุลลาห์หมายถึง ?ตำราและคำวิจารณ์ทางศาสนศาสตร์ทั้งหลายที่หนักสมอง? แทนที่จะช่วยให้เข้าถึงสัจธรรม?

  1. พระผู้ทรงสนทนากับพระผู้เป็นเจ้า//80

นี้คือสมญานามของพระโมเสสในคำสอนของศาสนายิวและอิสลาม? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? ด้วยการมาเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ ?หูของมนุษย์ได้สิทธิ์พิเศษที่ได้ยินสิ่งที่พระผู้ทรงสนทนากับพระผู้เป็นเจ้าได้ยินบนไซนาย?

  1. ไซนาย//80

คือภูเขาที่พระผู้เป็นเจ้าเปิดเผยกฎต่อพระโมเสส

  1. พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า//80

นี้คือสมญานามหนึ่งที่ใช้ในธรรมลิขิตบาไฮและอิสลามซึ่งหมายถึงพระเยซู

  1. คาร์เมล…ไซออน//80

คาร์เมลซึ่งเป็น ?ไร่องุ่นของพระผู้เป็นเจ้า?? คือภูเขาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระสถูปของพระบ๊อบและที่ทำการของศูนย์กลางบริหารแห่งโลกของศาสนาบาไฮ

ไซออนคือเนินเขาในเยรูซาเรม? ซึ่งเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์เดวิด? และเป็นสัญลักษณ์ของเยรูซาเลมในฐานะที่เป็นนครศักดิ์สิทธิ์

  1. เรือคริมซั่น//84

?เรือคริมซั่น? หมายถึงศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์? สาวกทั้งหลายของพระองค์ได้ชื่อว่าเป็น ?สหายแห่งเรือคริมซั่น? ที่พระบ๊อบสรรเสริญไว้ในกายูโมล แอสมา

  1. ดูกร? จักรพรรดิแห่งออสเตรีย!? พระผู้เป็นอรุโณทัยแห่งแสงสว่างของพระผู้เป็นเจ้าอาศัยอยู่ในคุกเมืองอัคคา? เวลาที่เจ้าออกเดินทางมาเยือนสุเหร่าอัคซา//85

ฟรานซิส โจเซฟ (ค.ศ.1830-1916) ผู้เป็นจักรพรรดิแห่งออสเตรียและกษัตริย์แห่งฮังการี? ไปแสวงบุญที่เยรูซาเลมในปี ค.ศ.1869 ? ขณะที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์? เขาไม่ใช้โอกาสนี้สอบถามเกี่ยวกับพระบาฮาอุลลาห์? ซึ่งในเวลานั้นพระองค์เป็นนักโทษในอัคคา

สุเหร่าอัคซา? ตามตัวอักษรคือสุเหร่าที่ ?ไกลที่สุด? ได้รับการกล่าวไว้ในคัมภีร์โกรอ่าน? และถือว่าเป็นภูเขาวิหารในเยรูซาเลม

  1. ? ดูกร? กษัตริย์แห่งเบอร์ลิน!//86

พระเจ้าไคเซอร์? วิลเลี่ยม (1797-1888) ผู้เป็นกษัตริย์องค์ที่เจ็ดของปรัสเซีย? ได้รับการเถลิงให้เป็นจักรพรรดิองค์แรกของเยอรมันในเดือนมกราคม ค.ศ.1871 ณ แวร์ซาย? ในฝรั่งเศส? หลังจากที่เยอรมันชนะฝรั่งเศสในสงครามฟรังโค-ปรัสเซียน

  1. ผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าเจ้าและสถานะสูงกว่าเจ้า//86

นี้หมายถึงพระเจ้านโปเลียนที่ 3 (ค.ศ.1801-1873)? ซึ่งเป็นจักรพรรดิของฝรั่งเศสที่นักประวัติศาสตร์มากมายพิจารณาว่า? เป็นกษัตริย์ที่โดดเด่นที่สุดในสมัยของเขาในโลกตะวันตก

พระบาฮาอุลลาห์ลิขิตธรรมจารึกสองฉบับถึงพระเจ้านโปเลียนที่ 3? ซึ่งในฉบับที่สองพระองค์พยากรณ์ไว้ชัดเจนว่า? ราชอาณาจักรของพระเจ้านโปเลียนจะ ?ตกอยู่ในความสับสน?? ?จกรวรรดิ? ของเขา ?จะหลุดจากมือ?? และประชาชนของเขาจะประสบกับ ?จลาจล? ครั้งใหญ่

ภายในหนึ่งปีพระเจ้านโปเลียนที่ 3 พบกับความพ่ายแพ้ยับเยินด้วยน้ำมือของพระเจ้าไคเซอร์? วิลเลี่ยมที่ 1 ในสงครามซีดาน ค.ศ.1870? เขาถูกเนรเทศไปที่อังกฤษและเสียชีวิตที่นั่นสามปีต่อมา

  1. ดูกร? ประชาชนแห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล!//89

คำที่แปลในที่นี้ว่า ?คอนสแตนติโนเปิ้ล? ในภาษาเดิมคือ ?อารม? หรือ ?โรม?? พจน์นี้ใช้กันทั่วไปในตะวันออกกลาง? หมายถึงคอนสแตนติโนเปิ้ลและจักรวรรดิโรมันตะวันออก? ซึ่งเวลานั้นคือนครและจักรวรรดิบิแซนทิน? และต่อมาเป็นจักรวรรดิออตโตมาน

  1. ดูกร? ธานีที่อยู่บนชายฝั่งของสองชลธี!//89

นี้หมายถึงคอนสแตนติโนเปิ้ล? ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าอิสตันบูล? ตั้งอยู่บนช่องแคบบอสเพอรัสที่มีความยาว 31 กิโลเมตร? ซึ่งเชื่อมทะเลดำและทะเลมาร์มารา? คอนสแตนติโนเปิ้ลเป็นเมืองและท่าเรือของตุรกีที่ใหญ่ที่สุด

คอนสแตนติโนเปิ้ลเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมานตั้งแต่ปี ค.ศ.1453-1922? ระหว่างที่พระบาฮาอุลลาห์พักอยู่ในเมืองนี้? สุลต่านอับดุลอาซีสผู้กดขี่เป็นผู้ครองบัลลังก์? สุลต่านทั้งหลายของจักรวรรดิออตโตมานยังเป็นพระเจ้ากาหลิบด้วย? ซึ่งเป็นผู้นำของอิสลามนิกายซุ่นนี? พระบาฮาอุลลาห์คาดการณ์ถึงการล่วงหล่นของสถาบันกาหลิบ? ซึ่งถูกยกเลิกไปในปี ค.ศ.1942

  1. ดูกร? ริมฝั่งแม่น้ำไรน์!//90

ในธรรมจารึกหนึ่งที่ลิขิตก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ.1914-1918)? พระอับดุลบาฮาทรงอธิบายว่า? พระบาฮาอุลลาห์กล่าวว่าได้เห็นริมฝั่งแม่น้ำไรน์ ?นองด้วยเลือด? นั้นสัมพันธ์กับสงครามฟรังโค-ปรัสเซีย (ค.ศ.1870-1871)? และจะมีความทุกข์ทรมานตามมาอีก

ใน God Passes By ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวว่า ?สนธิสัญญาที่กดขี่เต็มทน? ที่ยัดเยียดให้กับเยอรมันหลังจากที่พ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ?ได้ปลุก?เสียงเศร้าโศกของเบอร์ลิน? ตามที่พยากรณ์ไว้เป็นลางร้ายเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว?

  1. ดูกร? ดินแดนแห่งทา//91

?ทา? คืออักษรตัวแรกของเตหะราน? ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอิหร่าน? พระบาฮาอุลลาห์มักใช้อักษรตัวแรกแทนชื่อของสถานที่บางแห่ง? ตามการนับของระบบอับจัด? ค่าตัวเลขของ ?ทา? คือเก้า? ซึ่งเท่ากับค่าตัวเลขของชื่อบาฮา

  1. พระผู้แสดงความรุ่งโรจน์ของพระองค์ทรงถือกำเนิดในดินแดนของเจ้า//92

?นี้หมายถึงกำเนิดของพระบาฮาอุลลาห์ในเตหะรานวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ.1817

  1. ดูกร? ดินแดนแห่งคา!//94

หมายถึงมณฑลโคราซานในอิหร่านและพื้นที่ในละแวกเดียวกัน? ซึ่งรวมทั้งเมืองอิสคาแบด

  1. หากใครได้มาซึ่งทองหนึ่งร้อยมิสกัล? สิบเก้ามิสกัลนั้นเป็นของพระผู้เป็นเจ้า? และจะต้องมอบให้พระองค์//97

วจนะตอนนี้สถาปนาฮูคุคูลลาห์? นั่นคือสิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า? คือการสละส่วนหนึ่งของมูลค่าทรัพย์สมบัติของศาสนิกชนที่กำหนดไว้ตายตัว? ซึ่งสละให้กับพระบาฮาอุลลาห์ในฐานะที่เป็นพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า? และหลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระองค์? สละให้กับพระอับดุลบาฮาในฐานะที่เป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญา? ในพระประสงค์และพินัยกรรมของพระอับดุลบาฮา? พระองค์ทรงวางข้อกำหนดไว้ว่า? การสละฮูคุคูลลาห์ให้กระทำ ?ผ่านศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า?? บัดนี้ไม่มีท่านศาสนภิบาลจึงสละผ่านสภายุติธรรมสากลในฐานะที่เป็นหัวหน้าของศาสนา? เงินทุนนี้ใช้เพื่อประโยชน์และการส่งเสริมศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? และเพื่อจุดประสงค์ด้านสังคมสงเคราะห์? การสละฮูคุคูลลาห์เป็นข้อบังคับทางจิตวิญญาณ? และให้อยู่ที่มโนธรรมของบาไฮแต่ละคนที่จะปฏิบัติตาม? แม้ชุมชนจะได้รับการเตือนให้ระลึกถึงเงื่อนไขของฮูคุคูลลาห์? แต่จะไม่มีการเข้าหาศาสนิกชนเป็นการส่วนตัวเพื่อขอให้จ่ายฮูคุคูลลาห์?

บางข้อใน คำถามและคำตอบ อธิบายรายละเอียดของกฎนี้เพิ่มเติม? การจ่ายฮูคุคูลลาห์ขึ้นกับการคำนวณมูลค่าทรัพย์สมบัติของแต่ละคน? หากคนหนึ่งมีทรัพย์สมบัติเท่ากับมูลค่าของทองสิบเก้ามิสกัลขึ้นไป (คำถาม-คำตอบ 8)? เป็นข้อบังคับทางจิตวิญญาณที่จะต้องจ่ายสิบเก้าเปอร์เซ็นต์จากจำนวนทั้งหมดเพียงครั้งเดียวเป็นฮูคุคูลลาห์ (คำถาม-คำตาม 89)? หลังจากนั้นเมื่อใดก็ตามที่รายได้หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว? เพิ่มมูลค่าทรัพย์สมบัติของตนขึ้นไปอีกเท่ากับทองสิบเก้ามิสกัลเป็นอย่างน้อย? ผู้นั้นจะต้องจ่ายสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สมบัติที่เพิ่มขึ้นนี้? และจ่ายเช่นนี้ต่อไปสำหรับทรัพย์สมบัติที่เพิ่มขึ้นแต่ละครั้ง (คำถาม-คำตอบ 8, 90)

ทรัพย์สมบัติบางประเภทเช่นที่อยู่อาศัย? ได้รับการยกเว้นจากการจ่ายฮูคุคูลลาห์ (คำถาม-คำตอบ 8, 42, 95)? และมีข้อกำหนดเฉพาะเจาะจงไว้ในกรณีที่สูญเงิน (คำถาม-คำตอบ 44, 45)? ลงทุนแล้วไม่มีกำไร (คำถาม-คำตอบ 102)? และการจ่ายฮูคุคูลลาห์ในกรณีที่ผู้นั้นเสียชีวิต (คำถาม-คำตอบ 9, 69, 80) (ในกรณีหลังนี้ดูหมายเหตุ 47)

พระธรรมมากมายที่คัดมาจากธรรมจารึกต่างๆ? คำถามและคำตอบ? และธรรมลิขิตอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความสำคัญทางจิตวิญญาณของฮูคุคูลลาห์? และรายละเอียดของการนำกฎนี้มาใช้ได้รับการตีพิมพ์ในประมวลธรรมลิขิตชื่อ ฮูคุคูลลาห์?

  1. คำร้องต่างๆ จากศาสนิกชนทั้งหลายมาถึงบัลลังก์ของเราเกี่ยวกับกฎของพระผู้เป็นเจ้า? พระผู้เป็นนายของสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น? พระผู้เป็นนายแห่งภพทั้งปวง? เราจึงเปิดเผยธรรมจารึกศักดิ์สิทธิ์นี้? และสวมธรรมจารึกนี้ด้วยเสื้อคลุมแห่งกฎของพระองค์? เพื่อว่าประชาชนอาจจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระผู้เป็นนายของพวกเขา//98

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวไว้ในธรรมจารึกหนึ่งว่า ?เป็นเวลาหลายปีที่คำร้องจากดินแดนต่างๆ มาถึงพระผู้ทรงความวิสุทธิ์ที่สุด? แต่เรายั้งปากกาไว้ก่อนจะถึงเวลาที่กำหนดไว้?? จนกระทั่งยี่สิบปีผ่านไปนับจากพันธกิจของความเป็นศาสนทูตของพระองค์ถือกำเนิดขึ้นมาในคุกซียาห์ชาลในเตหะราน? พระบาฮาอุลลาห์จึงเปิดเผยคีตาบีอัคดัส? ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่บรรจุกฎต่างๆ ของยุคศาสนาของพระองค์? แม้แต่หลังจากการเปิดเผยอัคดัสแล้ว? พระองค์ก็ยังเก็บเอาไว้ก่อนระยะหนึ่ง? ก่อนที่จะส่งไปให้มิตรสหายในเปอร์เซีย? เจตนาสวรรค์ที่เปิดเผยกฎพื้นฐานของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคนี้อย่างล่าช้า? และการดำเนินการตามข้อกำหนดของกฎอย่างค่อยเป็นค่อยไปในเวลาต่อมา? สาธิตให้เห็นหลักธรรมของการเปิดเผยพระธรรมอย่างก้าวหน้า? ซึ่งมีให้เห็นแม้แต่ในภารกิจของศาสนทูตแต่ละองค์

  1. บริเวณคริมซั่น//100

นี้หมายถึงเมืองคุกอัคคา? ในธรรมลิขิตบาไฮ? คำว่า ?คริมซั่น? ใช้ในความหมายที่เป็นคติและสัญลักษณ์หลายอย่าง (ดูหมายเหตุ 115)

  1. ซาดราตูร โมนทาฮา//100

ตามตัวอักษรคือ ?พฤกษาที่ไกลออกไปที่สุด? ซึ่งท่านโชกิ เอฟเฟนดิ แปลเป็น ?พฤกษาที่สุดปลายทาง?? ตัวอย่างเช่นในเรื่องราวของการเดินทางตอนกลางคืนของพระโมฮัมหมัด? คำนี้ใช้เป็นสัญลักษณ์ในศาสนาอิสลามเพื่อบอกตำแหน่งในสวรรค์? ที่มนุษย์และเทพไม่สามารถผ่านเลยเข้าไปหาพระผู้เป็นเจ้าได้? และดังนี้เป็นการกำหนดขอบเขตของความรู้ธรรมะที่เปิดเผยต่อมนุษยชาติ? ดังนั้นในธรรมลิขิตบาไฮคำนี้มักถูกนำมาใช้หมายถึงพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า (ดูหมายเหตุ 164)

  1. คัมภีร์แม่บท//103

โดยทั่วไปพจน์ ?คัมภีร์แม่บท? ถูกนำมาใช้หมายถึงคัมภีร์ที่สำคัญที่สุดของยุคศาสนาหนึ่ง? ในคัมภีร์โกรอ่านและฮาดิษของศาสนาอิสลาม? พจน์นี้ใช้พรรณนาคัมภีร์โกรอ่านเอง? ในยุคศาสนาบาบี? บายันคือคัมภีร์แม่บท? และคีตาบีอัคดัสคือคัมภีร์แม่บทของยุคศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์? ยิ่งกว่านั้นในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ท่านกล่าวว่า? แนวความคิดนี้สามารถนำมาใช้เป็น ?พจน์ร่วมที่หมายถึงคำสอนโดยรวมที่พระบาฮาอุลลาห์เปิดเผย?? พจน์นี้ยังใช้ในความหมายกว้างๆที่หมายถึงคัมภีร์ที่บรรจุพระธรรมสวรรค์

  1. ใครที่ตีความวจนะที่ถูกส่งลงมาจากนภาแห่งการเปิดเผยพระธรรมให้เปลี่ยนไปจากความหมายที่ประจักษ์//105

ในหลายธรรมจารึกพระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันความแตกต่างระหว่างวจนะที่เป็นสัญลักษณ์ซึ่งต้องอาศัยการตีความ? และวจนะที่สัมพันธ์กับเรื่องต่างๆ เช่นกฎและบทบัญญัติ? การบูชาและการปฏิบัติทางศาสนา? ซึ่งมีความหมายเป็นที่ประจักษ์ที่ศาสนิกชนต้องเชื่อฟังและทำตาม

ดังที่อธิบายไว้ใน หมายเหตุ 145 และ 184 พระบาฮาอุลลาห์ทรงให้พระอับดุลบาฮาซึ่งเป็นบุตรชายคนโต? เป็นผู้สืบทอดศาสนาและตีความคำสอนของพระองค์? ต่อมาพระอับดุลบาฮาแต่งตั้งหลานชายคนโตคือท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ให้สืบทอดศาสนาต่อจากพระองค์? ในฐานะเป็นผู้ตีความธรรมลิขิตและเป็นศาสนภิบาล? การตีความของพระอับดุลบาฮาและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ถือว่าได้รับการนำทางจากสวรรค์และผูกมัดบาไฮ

การตีความที่มีอำนาจผูกมัดที่มีอยู่? มิได้เป็นการปิดกั้นแต่ละบุคคลไม่ให้ศึกษาและตีความหรือทำความเข้าใจคำสอนบาไฮเป็นการส่วนตัว? อย่างไรก็ตามธรรมลิขิตบาไฮแสดงให้เห็นความแตกต่างที่เด่นชัดระหว่างการตีความที่มีอำนาจผูกมัด? กับความเข้าใจของบุคคลที่มาจากการศึกษาคำสอนบาไฮ? การตีความของบุคคลซึ่งขึ้นกับความเข้าใจคำสอนของบุคคลนั้น? คือผลที่เกิดจากพลังการใช้เหตุผลของมนุษย์? และอาจช่วยให้เข้าใจศาสนาได้ดีขึ้น? กระนั้นก็ตามทัศนะส่วนตัวดังกล่าวไม่มีอำนาจผูกมัด? ในการนำเสนอความคิดส่วนตัว? แต่ละบุคคลได้รับการเตือนมิให้เลิกยึดถืออำนาจผูกมัดของวจนะที่เปิดเผยไว้? มิให้ปฏิเสธหรือโต้เถียงการตีความที่เชื่อถือได้? หรือทำให้เป็นข้อถกเถียง? แต่พวกเขาควรเสนอความคิดของตนเป็นการสนับสนุนความรู้? โดยทำให้เป็นที่ชัดเจนว่าทัศนะของตนเป็นของตนเองเท่านั้น

  1. อย่าเข้าไปหาสระน้ำสาธารณะที่ชาวเปอร์เซียใช้อาบน้ำ//106

พระบาฮาอุลลาห์ทรงห้ามการใช้สระน้ำในที่อาบน้ำสาธารณะตามประเพณีนิยมของเปอร์เซีย? ในสถานที่อาบน้ำเหล่านี้เป็นธรรมเนียมของประชาชนมากมายที่จะชำระกายในสระเดียวกัน? และนานๆ จะมีการเปลี่ยนน้ำสักครั้ง? น้ำจึงเปลี่ยนสี? เหม็นสกปรกและไม่ถูกอนามัย? และมีกลิ่นที่น่าขยะแขยงมาก

  1. จงหลีกเลี่ยงสระน้ำเหม็นเน่าบริเวณลานบ้านของชาวเปอร์เซีย//106

บ้านส่วนใหญ่ในเปอร์เซียเคยมีสระน้ำบริเวณลานบ้าน? ซึ่งใช้เป็นที่เก็บน้ำไว้ใช้ทำความสะอาด? ซักล้างและเพื่อจุดประสงค์อื่นในบ้าน? เนื่องด้วยน้ำในสระดังกล่าวเป็นน้ำนิ่ง? และมักไม่ได้เปลี่ยนเป็นเวลาหลายสัปดาห์? จึงมีแนวโน้มที่จะมีกลิ่นที่แย่มาก

  1. เป็นที่ห้ามไม่ให้เจ้าสมรสกับภรรยาของบิดา//107

การสมรสกับแม่เลี้ยงเป็นข้อห้ามอย่างชัดเจ้งในที่นี้? ข้อห้ามนี้ใช้กับการสมรสกับพ่อเลี้ยงด้วย? เมื่อพระบาฮาอุลลาห์ลิขิตกฎออกมาระหว่างผู้ชายและผู้หญิง? กฎนั้นใช้เหมือนกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายด้วย? นอกจากว่าบริบทนั้นทำให้เป็นไปไม่ได้

พระอับดุลบาฮาและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ยืนยันว่า? แม้แม่เลี้ยงคือญาติประเภทเดียวที่กล่าวไว้ในพระธรรม? นี้มิได้หมายว่าการสมัครสมานอื่นทั้งหมดภายในครอบครัวเป็นที่อนุญาต? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? เรื่องนี้ตกอยู่กับสภายุติธรรมที่จะบัญญัติกฎ ?เกี่ยวกับการสมรสกับญาติพี่น้องว่าเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่? (คำถาม-คำตอบ 50)? พระอับดุลบาฮาทรงลิขิตว่า? ความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างสามีและภรรยา? ยิ่งห่างกันเท่าไรก็ยิ่งดี? เนื่องด้วยการสมรสดังกล่าวจะเป็นรากฐานสำหรับความผาสุกทางกาย? และหนุนนำไมตรีจิตระหว่างมนุษยชาติ

  1. ? เรื่องของเด็กหนุ่ม//107???????

?คำที่แปลในที่นี้ว่า ?เด็กหนุ่ม? ในต้นฉบับภาษาอาหรับในบริบทนี้มีนัยของเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับเด็กชาย? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ตีความตอนนี้ว่าเป็นข้อห้ามความสัมพันธ์รักร่วมเพศทุกอย่าง

คำสอนบาไฮเกี่ยวกับศีลธรรมทางเพศ? มีศูนย์กลางอยู่ที่ชีวิตสมรสและครอบครัวในฐานะที่เป็นรากฐานของโครงสร้างทั้งหมดของสังคม? และถูกออกแบบไว้สำหรับคุ้มครองและเสริมสร้างสถาบันสวรรค์นี้ให้แข็งแกร่ง? ดังนี้กฎบาไฮอนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์ได้เฉพาะระหว่างชายและหญิงที่สมรสกันเท่านั้น

ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวไว้ว่า :?

ไม่ว่าความรักระหว่างเพศเดียวกันจะอุทิศตนและงามเพียงใด? การให้ความรักนี้แสดงออกทางเพศนั้นผิด? การกล่าวว่านี้คืออุดมคตินั้นฟังไม่ขึ้น? ความผิดศีลธรรมทุกชนิดเป็นที่ห้ามโดยพระบาฮาอุลลาห์? และพระองค์มองความรักร่วมเพศว่านอกจากจะฝืนธรรมชาติแล้ว? ยังผิดศีลธรรมด้วย? ความป่วยทางจิตใจนี้เป็นภาระอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีมโนธรรม? แต่โดยคำแนะนำและความช่วยเหลือของแพทย์? โดยความพยายามที่มุ่งมั่นและจริงจัง? และโดยการอธิษฐาน? ผู้นั้นจะสามารถเอาชนะความพิการนี้ได้

พระบาฮาอุลลาห์ทรงวางข้อกำหนดให้สภายุติธรรมสากล? เป็นผู้กำหนดบทลงโทษสำหรับการมีชู้และการร่วมเพศทางทวารหนัก? ตามระดับของการทำความผิด

  1. ไม่อนุญาตให้ใครสวดวจนะศักดิ์สิทธิ์พึมพำต่อสายตาของสาธารณชนขณะที่เขาเดินไปตามถนนหรือตลาด//108

นี้คือการพาดพิงถึงวิธีปฏิบัติของนักบวชและผู้นำศาสนาจำนวนหนึ่งของยุคศาสนาก่อนๆ? ผู้ซึ่งด้วยความเสแสร้งและดัดจริต? และเพื่อจะให้สาวาทั้งหลายสรรเสริญตน? จึงสวดบทอธิษฐานพึมพำโอ้อวดตามสถานที่สาธารณะต่างๆ? เป็นการสาธิตความเคร่งศาสนา? พระบาฮาอุลลาห์ทรงห้ามความประพฤติเช่นนี้? และทรงเน้นความสำคัญของความถ่อมตัวและความอุทิศตนต่อพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

  1. ทุกคนได้รับบัญชาให้เขียนพินัยกรรม//109

ตามคำสอนของพระบาฮาอุลลาห์? แต่ละคนมีหน้าที่เขียนพินัยกรรม? และมีอิสระที่จะจัดการทรัพย์สินของตนในลักษณะใดก็ได้ตามที่ตนต้องการ (ดูหมายเหตุ 38)

พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันว่า? ในการร่างพินัยกรรม ?บุคคลมีสิทธิ์เต็มที่ในทรัพย์สินของตน? เนื่องด้วยพระผู้เป็นเจ้าอนุญาตให้เขา ?จัดการกับสิ่งที่พระองค์ประทานให้เขาในลักษณะใดก็ได้ที่เขาปรารถนา? (คำถาม-คำตอบ 69)? ข้อกำหนดสำหรับการแจกจ่ายมรดกในกรณีที่ตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้? ได้รับการแจกแจงไว้ในคีตาบีอัคดัส (ดูหมายเหตุ 38-48)

  1. พระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุด//109

ดังที่อธิบายไว้ในหมายเหตุ 33 พระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้ามีรูปแบบต่างๆ? ซึ่งทั้งหมดอิงอยู่กับคำว่า ?บาฮา?? บาไฮในโลกตะวันออกได้ดำเนินการตามบัญชานี้ในอัคดัส? โดยการเขียนที่หัวพินัยกรรมด้วยวลีเช่น ?ข้าแต่พระผู้เป็นความรุ่งโรจน์ของพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์?? ?ในนามของพระผู้เป็นเจ้า? พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์? หรือ ?พระองค์คือพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์?? และที่คล้ายกัน

  1. งานฉลองทั้งหมดมาถึงจุดสมบูรณ์ในสองเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? และในอีกสองเทศกาลที่ตรงกับวันแฝด//110

วรรคนี้สถาปนาสี่เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ของปีบาไฮ? สองเทศกาลที่พระบาฮาอุลลาห์ระบุว่าเป็น ?สองเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? อันดับแรกคือเทศกาลเรซวาน? ซึ่งรำลึกถึงการประกาศพันธกิจของความเป็นศาสนทูตของพระบาฮาอุลลาห์ในอุทยานเรซวานในแบกแดด? ระหว่างสิบสองวันเดือนเมษายน-พฤษภาคม ค.ศ.1863? และพระองค์ทรงกล่าวถึงว่าเป็น ?ราชันของเทศกาลทั้งหลาย?? อันดับสองคือการประกาศพันธกิจของพระบ๊อบ? ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1844 ในชีราซ? วันที่หนึ่ง? เก้าและสิบสองของเทศกาลเรซวานเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ (คำถาม-คำตอบ 1) เช่นเดียวกับวันประกาศพันธกิจของพระบ๊อบ

?อีกสองเทศกาล? คือครบรอบวันประสูติของพระบาฮาอุลลาห์และพระบ๊อบ? ในปฏิธินจันทรคติของชาวมุสลิม? สองวันนี้อยู่ติดกัน? วันประสูติของพระบาฮาอุลลาห์ตรงกับวันที่สองของเดือนโมราฮัม ฮ.ศ.1233 (12 พฤศจิกายน ค.ศ.1817)? และวันประสูติของพระบ๊อบตรงกับวันที่หนึ่งของเดือนเดียวกัน ฮ.ศ.1235 (20 ตุลาคม ค.ศ.1819)? ดังนี้สองวันนี้จึงได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น ?วันประสูติแฝด?? และพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? หากสองวันนี้มาตรงกับเดือนถือศีลอด? คำบัญชาให้ถือศีลอดจะไม่บังคับใช้ในวันนั้น (คำถาม-คำตอบ 36)? ด้วยปฏิธินบาไฮเป็นปฏิธินสุริยคติ? สภายุติธรรมสากลจะเป็นผู้กำหนดว่าวันประสูติแฝดที่ศักดิ์สิทธิ์จะฉลองกันตามสุริยคติหรือจันทรคติ

  1. วันแรกของเดือนบาฮา//111

ในปฏิธินบาไฮ? เดือนแรกของปีและวันแรกของแต่ละเดือนมีชื่อว่า ?บาฮา?? ดังนี้วันบาฮาของเดือนบาฮาคือวันปีใหม่ของบาไฮ? นั่นคือนอร์รูซ? ซึ่งพระบ๊อบบัญญัติไว้ให้เป็นเทศกาล? และยืนยันที่นี่โดยพระบาฮาอุลลาห์ (ดูหมายเหตุ 26 ละ 147)

นอกจากวันศักดิ์สิทธิ์เจ็ดวันที่บัญญัติไว้วรรคเหล่านี้ในคีตาบีอัคดัส? ครบรอบวันสละชีวิตของพระบ๊อบได้รับการรำลึกเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเวลาที่พระบาฮาอุลลาห์ยังมีชีวิต? และผลพวงที่ตามมาคือ? พระอับดุลบาฮาเพิ่มการรำลึกการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลห์? ทำให้มีวันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเก้าวัน? วันครบรอบอีกสองวันซึ่งได้รับการรำลึกคือ? วันแห่งพระปฏิญญาและครบรอบการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระอับดุลบาฮา? ดู The Baha?i World, volume xviii ตอนที่เกี่ยวกับปฏิธินบาไฮ

  1. ? เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือราชันของเทศกาลทั้งหลายอย่างแท้จริง//112

หมายถึงเทศกาลเรซวาน (ดูหมายเหตุ 107 และ 138)

  1. 141. ? ก่อนนี้พระผู้เป็นเจ้าเคยให้ศาสนิกชนทุกคนมีหน้าที่นำของขวัญที่ประเมินค่าไม่ได้บางอย่างที่ตนมีมามอบให้ต่อหน้าบัลลังก์ของเรา? บัดนี้เราให้พวกเขาพ้นจากหน้าที่นี้//114

วรรคนี้ยกเลิกข้อกำหนดในคัมภีร์บายันที่มีโองการว่า? วัตถุทั้งหมดที่หาที่เปรียบไม่ได้ในชนิดเดียวกันควรมอบให้แก่พระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด? เมื่อพระองค์มาปรากฏ? พระบ๊อบทรงอธิบายว่า? เนื่องด้วยพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าไม่มีที่เปรียบ? สิ่งใดก็ตามที่ไม่มีที่เสมอในชนิดเดียวกัน? ควรสำรองไว้สำหรับพระองค์? นอกจากว่าพระองค์จะมีโองการเป็นอย่างอื่น

  1. ยามรุ่งอรุณ//115

ในเรื่องของการเข้าร่วมอธิษฐานยามรุ่งอรุ่งอรุณในมาชเรโกล อัซการ์? ซึ่งเป็นสักการสถานบาไฮ? พระบาฮาอุลลาห์ทรงอธิบายว่า? แม้ว่าเวลาที่แท้จริงที่เจาะจงไว้ในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าคือ ?ยามรุ่งอรุณ?? แต่ช่วงเวลาอันเป็นที่ยอมรับคือตั้งแต่ ?ตอนเช้าตรู่ที่สุด? ระหว่างเช้าตรู่และดวงอาทิตย์ขึ้น? และไปถึงสองชั่วโมงหลังดวงอาทิตย์ขึ้น? (คำถาม-คำตอบ 15)

  1. ธรรมจารึกเหล่านี้ได้รับการประดับด้วยตราประทับของพระผู้ทรงบันดาลให้รุ่งอรุณปรากฏขึ้นมา? พระผู้ทรงเปล่งเสียงระหว่างสวรรค์และโลก//117

พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันบูรณภาพของธรรมลิขิตของพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า? เป็นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า? บางธรรมจารึกของพระองค์มีรอยของตราประทับหนึ่งของพระองค์? The Baha?i World, volume v, page 4 มีรูปถ่ายตราประทับจำนวนหนึ่งของพระบาฮาอุลลาห์

  1. ไม่เป็นที่อนุญาตให้มนุษย์ที่ได้รับการประสาทด้วยการใช้เหตุผล? บริโภคสิ่งที่จะมาขโมยการใช้เหตุผลนี้ไป//119

ในธรรมลิขิตบาไฮมีคำกล่าวหลายแห่งที่ห้ามการใช้เหล้าองุ่นและเครื่องดื่มมึนเมาอื่นๆ? และอธิบายผลเสียที่ของมึนเมาดังกล่าวมีต่อบุคคล? ในธรรมจารึกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า :??

จงระวังอย่าเอาอมฤตของพระผู้เป็นเจ้าไปแลกกับเหล้าองุ่นของเจ้าเอง? เพราะเหล้าองุ่นของเจ้าจะทำให้เจ้ามึนงง? และหันหน้าไปจากพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า? พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์? พระผู้ไม่มีที่เสมอ? พระผู้ที่เข้าถึงไม่ได้? อย่าเข้าหาเหล้าองุ่น? เพราะเหล้าองุ่นเป็นที่ห้ามสำหรับเจ้าโดยบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า? พระผู้ทรงความประเสริฐ? พระผู้ทรงมหิทธานุภาพ

พระอับดุลบาฮาทรงอธิบายว่า? คัมภีร์อัคดัสห้าม ?เครื่องดื่มอัลกอฮอล์ทั้งอย่างจางและเข้มข้น?? และพระองค์ทรงกล่าวว่า? เหตุผลที่ห้ามการใช้เครื่องดื่มอัลกอฮอล์เพราะ ?อัลกอฮอล์พาให้จิตใจหลงทางและทำให้ร่างกายอ่อนแอ???

ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ท่านกล่าวว่า? ข้อห้ามนี้มิได้ห้ามการบริโภคเหล้าองุ่นเท่านั้น? แต่รวมถึง ?ทุกสิ่งที่ทำให้เสียสติ?? และท่านชี้แจงว่า? อัลกอฮอล์เป็นที่อนุญาตเฉพาะเวลาที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาทางการแพทย์เท่านั้น? ซึ่งใช้ ?ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้ชำนาญและมีมโนธรรม? ผู้ซึ่งอาจสั่งการใช้อัลกอฮอล์เพื่อการรักษาความเจ็บป่วยที่พิเศษบางชนิด?

  1. จงหันหน้าไปหาพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งพระประสงค์ไว้? พระผู้ที่แตกกิ่งมาจากรากบรมโบราณนี้//121

ที่นี่พระบาฮาอุลลาห์ทรงพาดพิงถึงพระอับดุลบาฮาในฐานะเป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อจากพระองค์? และขอให้ศาสนิกชนทั้งหลายหันไปหาพระอับดุลบาฮา? ในคัมภีร์แห่งพระปฏิญญา? ซึ่งเป็นพระประสงค์และพินัยกรรมของพระบาฮาอุลลาห์? พระองค์ทรงเปิดเผยเจตนาของวจนะตอนนี้? พระองค์ทรงกล่าวว่า : ?ผู้ที่วจนะศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้หมายถึงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด?? ?กิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? คือสมญานามหนึ่งที่พระบาฮาอุลลาห์ประทานให้พระอับดุลบาฮา (ดูหมายเหตุ 66 และ 184)

  1. ในคัมภีร์บายันมีข้อห้ามไม่ให้เจ้าตั้งคำถามกับเรา//126

พระบ๊อบทรงห้ามสาวกทั้งหลายไม่ให้ตั้งคำถามกับพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด (พระบาฮาอุลลาห์)? นอกจากว่าคำถามของพวกเขาจะเสนอเป็นลายลักษณ์อักษร? และเกี่ยวกับเรื่องที่คู่ควรกับสถานะอันสูงส่งของพระองค์ ดู Selections from the Writings of the Bab

พระบาฮาอุลลาห์ทรงยกเลิกข้อห้ามนี้ของพระบ๊อบ? พระองค์ทรงเชิญศาสนิกชนทั้งหลายให้ตั้งคำถามตามที่พวกเขา ?จำเป็นต้องถาม?? และพระองค์ทรงเตือนพวกเขาให้ละเว้นการถาม ?คำถามที่เหลวไหล? ชนิดที่ครอบงำ ?คนสมัยก่อนๆ?

  1. จำนวนเดือนในหนึ่งปีที่กำหนดไว้ในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าคือสิบเก้า//127

ปีบาไฮตามปฏิทินบาดีประกอบด้วยสิบเก้าเดือน? แต่ละเดือนมีสิบเก้าวัน? บวกกับวันแทรกปฏิทิน (4 วันในปีธรรมดาและ 5 วันในปีอธิกสุรทิน) ที่อยู่ระหว่างเดือนที่สิบแปดและสิบเก้า? เพื่อจะปรับปฏิทินให้เข้ากับปีสุริยคติ? พระบ๊อบทรงให้ชื่อแต่ละเดือนตามคุณลักษณะหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า? นอร์รูซซึ่งเป็นปีใหม่ของบาไฮถูกกำหนดตามดาราศาสตร์? ซึ่งตรงกับวิษุวัตเดือนมีนาคม (ดูหมายเหตุ 26)? สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมรวมทั้งชื่อของวันต่างๆ ของสัปดาห์และเดือนต่างๆ? ดู The Baha?i World, volume xviii ตอนที่เกี่ยวกับปฏิทินบาไฮ

  1. เดือนแรกประดับด้วยพระนามนี้ที่ปกคลุมทั่วทั้งสรรพโลก//127

ในคัมภีร์บายันภาษาเปอร์เซียพระบ๊อบทรงประทานชื่อ ?บาฮา? ให้แก่เดือนแรกของปี (ดูหมายเหตุ 139)

  1. พระผู้เป็นนายทรงมีโองการว่า? คนตายควรถูกฝังในโลงศพ//128

ในคัมภีร์บายันพระบ๊อบทรงบัญญัติว่า? คนตายควรถูกฝังในโรงศพที่ทำด้วยผลึกหรือหินขัด? ในจดหมายที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอนเฟนดิ? ท่านอธิบายว่า? ความสำคัญของข้อกำหนดนี้คือเพื่อจะแสดงความเคารพร่างกาย? ซึ่ง ?ครั้งหนึ่งเคยสูงส่งด้วยวิญญาณอมตะของมนุษย์?

กล่าวโดยย่อ? กฎบาไฮสำหรับการฝังคนตายกล่าวว่า? เป็นข้อห้ามมิให้เคลื่อนย้ายร่างไปไกลกว่าการเดินทางหนึ่งชั่วโมงจากสถานที่ตาย? ควรห่อศพด้วยผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย? และควรสวมแหวนที่มีรอยแกะสลักว่า ?ข้าพเจ้ามาจากพระผู้เป็นเจ้าและกลับไปหาพระองค์? ปล่อยวางจากทุกสิ่งนอกจากพระองค์? ยึดมั่นพระนามของพระองค์? พระผู้ทรงปรานี? พระผู้ทรงเห็นใจ?? และโรงศพควรเป็นผลึก? หินหรือไม้เนื้อแข็งอย่างดี ? บทอธิษฐานเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ที่ถึงแก่กรรม (ดูหมายเหตุ 10) ถูกบัญญัติไว้ให้สวดก่อนการฝังศพ? ตามที่พระอับดุลบาฮาและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ยืนยัน? กฎนี้ป้องกันมิให้เผาศพคนตาย? การสวดบทอธิษฐานเป็นพิธีและแหวนให้ใช้กับผู้ที่อายุถึงวุฒิภาวะ? นั่นคือ? 15 ปี (คำถาม-คำตอบ 70)

ในเรื่องวัสดุที่ใช้ทำโรงศพ? เจตนาของกฎคือโรงศพควรทำด้วยวัสดุที่คงทนเท่าที่จะเป็นไปได้? ดังนั้นสภายุติธรรมสากลอธิบายไว้ว่า? นอกจากวัสดุที่เจาะจงไว้ในอัคดัส? ไม่มีข้อคัดค้านที่จะใช้ไม้ที่แข็งที่สุดที่หาได้? หรือใช้คอนกรีตเพื่อทำโรงศพ? ปัจจุบันบาไฮมีอิสระที่จะเลือกในเรื่องนี้?

  1. จุดปฐมของคัมภีร์บายัน//129

?จุดปฐมของคัมภีร์บายัน? คือสมญานามหนึ่งที่พระบ๊อบใช้กล่าวถึงตนเอง

  1. คนตายควรถูกห่อด้วยผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายห้าผืน//130

?ในคัมภีร์บายันพระบ๊อบทรงระบุว่า? ร่างของคนตายควรถูกห่อด้วยผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายห้าผืน? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันข้อกำหนดนี้? และระบุเพิ่มเติมว่า ?ผู้ที่มีทรัพย์จำกัดให้ใช้ผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายผืนเดียวก็พอ?

เมื่อถูกถามว่า ?ผ้าห้าผืน? ที่กล่าวไว้ในกฎนี้หมายถึง ?ผ้าห่อศพที่ยาวจากศีรษะจรดเท้า? หรือ ?ผ้าห้าผืนที่ใช้กันมาตามธรรมเนียม?? พระบาฮาอุลลาห์ทรงตอบว่าเจตนาคือ ?การใช้ผ้าห้าผืน? (คำถาม-คำตอบ 56)?

เกี่ยวกับวิธีการห่อศพ? ในธรรมลิขิตบาไฮไม่มีการนิยามว่าการห่อศพควรทำอย่างไร? ไม่ว่าจะใช้ ?ห้าผืน? หรือ ?ผืนเดียว? ก็พอ? ปัจจุบันบาไฮมีอิสระที่จะใช้วิจารณญาณของตนในเรื่องนี้

  1. เป็นข้อห้ามไม่ให้เจ้าเคลื่อนย้ายศพไปไกลกว่าระยะทางที่เดินทางได้ในหนึ่งชั่วโมงจากเมือง//130

เจตนาของคำบัญชานี้คือเพื่อจะจำกัดระยะเวลาการเดินทางไว้ที่หนึ่งชั่วโมง? โดยไม่คำนึงถึงวิธีการเดินทางที่ใช้เคลื่อนย้ายศพไปยังสถานที่ฝัง? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันว่า? ยิ่งฝังเร็วเท่าไร ?ก็ยิ่งเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับ? (คำถาม-คำตอบ 16)

สถานที่ตายอาจถือว่าเป็นทั้งเมืองที่ผู้นั้นตาย? และดังนั้นการเดินทางหนึ่งชั่วโมงอาจคำนวณจากขอบเมืองไปยังสถานที่ฝัง? เจตนาของกฎของพระบาฮาอุลลาห์ข้อนี้คือ? ให้คนตายถูกฝังใกล้กับบริเวณที่เขาหรือเธอตาย

  1. พระผู้เป็นเจ้าทรงยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางที่กำหนดไว้ในคัมภีร์บายัน//131

พระบ๊อบทรงมีโองการเกี่ยวกับข้อจำกัดบางอย่างในการเดินทาง? ซึ่งบังคับใช้จนกระทั่งพระศาสดาตามพันธสัญญาของคัมภีร์บายันเสด็จมา? ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น? ศาสนิกชนทั้งหลายถูกสั่งการให้ออกเดินทางไปพบพระองค์? แม้ว่าจะต้องเดินทางด้วยเท้า? เนื่องด้วยการเข้าพบพระองค์คือผลและจุดประสงค์ของการดำรงอยู่ของพวกเขา

  1. จงสร้างและเทิดทูนบ้านสองหลังที่อยู่ ณ ตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์แฝด? และสถานที่อื่นๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ของพระผู้เป็นนายของเจ้า//133

พระบาฮาอุลลาห์ทรงบอกว่า ?บ้านสองหลัง? คือบ้านของพระองค์ในแบกแดดซึ่งพระองค์ให้ชื่อว่า ?บ้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุด?? และบ้านของพระบ๊อบในชีราซ? พระองค์บัญญัติให้บ้านทั้งสองหลังเป็นสถานที่แสวงบุญ (ดูคำถาม-คำตอบ 29, 32 และหมายเหตุ 54)

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ อธิบายว่า ?สถานที่อื่นๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ของพระผู้เป็นนายของเจ้า?? หมายถึงสถานที่ต่างๆ ที่ตัวตนของพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าเคยอาศัยอยู่? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า ?ประชาชนในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของสถานที่เหล่านั้น? สามารถเลือกอารักษ์แต่ละบ้าน? ที่พระองค์เคยอาศัย? ?หรือเลือกอารักษ์บ้านหลังใดหลังหนึ่ง? (คำถาม-คำตอบ 32)? สถาบันบาไฮทั้งหลายได้ระบุสถานที่ประวัติศาสตร์ไว้จำนวนหนึ่งที่สัมพันธ์กับพระศาสดาแฝด? บันทึกเป็นหลักฐาน? และในที่ที่เป็นไปได้ก็ถือครองและปฏิสังขรณ์

  1. จงเอาใจใส่อย่าให้สิ่งใดที่บันทึกไว้ในคัมภีร์มายับยั้งเจ้าไม่ให้เงี่ยหูฟังคัมภีร์ที่มีชีวิตเล่มนี้//134

?คัมภีร์? คือบันทึกของพระวจนะที่พระศาสดาทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าเปิดเผย? ?คัมภีร์ที่มีชีวิต? หมายถึงตัวตนของพระศาสดา

วจนะเหล่านี้มีคำพาดพิงถึงคำแถลงของพระบ๊อบในคัมภีร์บายันภาษาเปอร์เซียเกี่ยวกับ ?คัมภีร์ที่มีชีวิต? ซึ่งพระองค์ระบุว่าเป็นพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด? ในธรรมจารึกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า : ?คัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าถูกส่งลงมาในรูปของชายหนุ่มผู้นี้?

ในวจนะตอนนี้ของอัคดัสและในย่อหน้าที่ 168 ของอัคดัส? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวถึงพระองค์เองว่าเป็น ?คัมภีร์ที่มีชีวิต?? พระองค์ทรงเตือน ?สาวกของทุกศาสนา? มิให้แสวงหา ?เหตุผลในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา? มาแย้งวาทะของ ?คัมภีร์ที่มีชีวิต?? พระองค์ทรงตักเตือนประชาชนอย่าให้สิ่งที่บันทึกไว้ใน ?คัมภีร์? มาขวางกั้นพวกเขามิให้ยอมรับสถานะของพระองค์? และยึดมั่นสิ่งที่อยู่ในการเปิดเผยพระธรรมครั้งใหม่นี้

  1. จากปากกาของพระผู้เสด็จนำมาก่อนเรา? เป็นการสรรเสริญการเปิดเผยพระธรรมนี้//135

?การสรรเสริญ? ที่พระบาฮาอุลลาห์คัดมาในวรรคนี้? มาจากคัมภีร์บายันภาษาอาหรับ

  1. ?แท้จริงแล้วเกบเบรคือพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด? เมื่อใดก็ตามที่พระองค์เคลื่อนไหว? เกบเบรก็เคลื่อนไหว? จนกว่าพระองค์จะหยุดพัก?//137

สำหรับการอภิปรายเกี่ยวกับวจนะตอนนี้? ดูหมายเหตุ 7 และ 8

  1. เป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายที่จะสมรส? นอกจากสมรสกับผู้ที่เชื่อในคัมภีร์บายัน? หากชายหรือหญิงฝ่ายเดียวของคู่สมรสยอมรับศาสนานี้? ทรัพย์สมบัติของเขาหรือเธอจะเป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายสำหรับอีกฝ่าย//139

วรรคในคัมภีร์บายันที่พระบาฮาอุลลาห์คัดมานี้? ดึงความสนใจของศาสนิกชนทั้งหลายมายังการเสด็จมาของ ?พระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด? ที่ใกล้เข้ามาเต็มที? ข้อห้ามการสมรสกับผู้ที่ไม่ใช่บาบีและข้อกำหนดที่ว่า? ทรัพย์สมบัติของสามีหรือภรรยาที่ยอมรับศาสนานี้? ไม่สามารถตกทอดเป็นของคู่สมรสที่ไม่ใช่บาบีอย่างถูกกฎหมาย? ถูกระงับไว้ก่อนอย่างชัดแจ้งโดยพระบ๊อบ? และต่อมาถูกยกเลิกไปโดยพระบาฮาอุลลาห์ก่อนจะนำมาบังคับใช้? ในการคัดกฎนี้มาพระบาฮาอุลลาห์ทรงชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่า? ในการเปิดเผยกฎนี้? พระบ๊อบทรงคาดการณ์ไว้อย่างชัดเจนถึงความเป็นไปได้ว่า? ศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์จะขึ้นมาโดดเด่นก่อนศาสนาของพระบ๊อบเอง

ใน God Passes By ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ชี้ให้เห็นว่า? คัมภีร์บายันคัมภีร์ ?ควรได้รับการพิจารณาโดยเบื้องต้นว่าเป็นคำสรรเสริญพระศาสดาตามพันธสัญญา? มากกว่าจะเป็นประมวลกฎและบทบัญญัติ? ที่มุ่งหมายจะให้เป็นการนำทางที่ถาวรสำหรับประชาชนในอนาคต? ?ท่านกล่าวต่อไปว่า ?ด้วยกฎระเบียบและข้อบังคับที่วางไว้อย่างเข้มงวด? ด้วยหลักธรรมปฏิวัติที่ปลูกฝังและหมายจะปลุกนักบวชและประชาชนให้ตื่นขึ้นจากความเซื่องซึมที่มีมานานเป็นยุค? และกระทุ้งสถาบันต่างๆ ที่พ้นสมัยและทุจริตให้ถึงตายทันที? คัมภีร์นี้โดยอาศัยข้อกำหนดที่รุนแรง ได้ประกาศการมาถึงของยุคที่คาดการณ์ไว้? ยุคที่ ?พระผู้ออกหมายเรียกจะเรียกตัวมายังธุรกิจที่เข้มงวด?? ยุคที่พระองค์จะ ?ทลายสิ่งที่มีมาก่อนพระองค์? ดังที่อัครสาวกของพระผู้เป็นเจ้า (พระโมฮัมหมัด) ได้ทลายวิถีทางของบรรดาผู้ที่มาก่อนพระองค์? ? (ดูหมายเหตุ 109)

  1. จุดปฐมของคัมภีร์บายัน//140

สมญานามหนึ่งของพระบ๊อบ

  1. แท้จริงแล้วไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากเรา//143

ธรรมลิขิตบาไฮมีหลายวรรคที่อธิบายให้กระจ่างขึ้นเกี่ยวกับธรรมชาติของพระศาสดา? และความสัมพันธ์ของพระศาสดากับพระผู้เป็นเจ้า? พระบาฮาอุลลาห์ทรงเน้นลักษณะพิเศษเหนือธรรมดาของความเป็นเจ้า? พระองค์ทรงอธิบายว่า ?เนื่องด้วยไม่มีการสื่อสารโดยตรงที่สามารถเชื่อมต่อพระผู้เป็นเจ้ากับสรรพโลกที่พระองค์สร้าง?? พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติว่า ?ในทุกยุคและยุคศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์และไม่เปรอะเปื้อนจะถูกแสดงให้เห็นชัดในราชอาณาจักรของโลกและสวรรค์?? ?ชีวิตลึกลับที่มาจากสวรรค์? นี้? นั่นคือพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า? มีธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ซึ่งเกี่ยวพันกับ ?ธาตุ?? และธรรมชาติของวิญญาณที่ ?เกิดจากสสารของพระผู้เป็นเจ้าเอง?? พระองค์ยังได้รับการประสาทด้วย ?สองสถานะ? :

สถานะแรกซึ่งสัมพันธ์กับสภาวะที่เป็นแก่นแท้ของพระองค์? แสดงถึงการเป็นพระผู้ซึ่งสุรเสียงของพระองค์คือสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้าเอง…สถานะที่สองคือสถานะของความเป็นมนุษย์? ซึ่งแสดงเป็นตัวอย่างได้โดยวจนะตอนนี้ : ?เราเป็นเพียงมนุษย์เหมือนเจ้า?? ?จงกล่าวว่า? ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นนายของเรา! ??เราเป็นมากกว่ามนุษย์หรืออัครสาวกหรือ??

พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันด้วยว่า? ในอาณาจักรของวิญญาณมี ?เอกภาพที่แท้? ระหว่างพระศาสดาทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้า? พระศาสดาทุกพระองค์ทรงเปิดเผย ?ความงามของพระผู้เป็นเจ้า?? สำแดงพระนามและคุณลักษณะทั้งหลายของพระองค์? และเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ด้วยวาทะ? ในแง่นี้พระองค์ทรงกล่าวว่า :?

หากพระศาสดาองค์ใดของพระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า : ?เราคือพระผู้เป็นเจ้า?? แท้จริงแล้วพระองค์ทรงตรัสความจริงอย่างไร้ข้อกังขา? เพราะเป็นที่สาธิตซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า? การเปิดเผยพระธรรม? พระนามและคุณลักษณะทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า? ปรากฏขึ้นในโลกโดยการเปิดเผยพระธรรม? พระนามและคุณลักษณะทั้งหลายของพระศาสดา…

แม้พระศาสดาทรงเปิดเผยพระนามและคุณลักษณะทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า? และเป็นหนทางให้มนุษย์เข้าถึงความรู้เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวว่า? ไม่ควรถือว่า ?พระศาสดาคือสภาวะที่มองไม่เห็นนั้น? ซึ่งเป็นสาระของความเป็นเจ้าเอง?? เกี่ยวกับพระบาฮาอุลลาห์? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนว่า ?ตัวตนของมนุษย์ที่เป็นพาหนะของการเปิดเผยพระธรรมที่ทรงพลานุภาพ?? ไม่ควรถือว่าเป็นสิ่งเดียวกันกับ ?สภาวะ? ของพระผู้เป็นเจ้า

เกี่ยวกับสถานะที่พิเศษของพระบาฮาอุลลาห์และการเปิดเผยพระธรรมที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ยืนยันว่า? คำพยากรณ์เกี่ยวกับ ?ยุคของพระผู้เป็นเจ้า? ที่มีอยู่ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของยุคศาสนาทั้งหลายในอดีต? บรรลุโดยการเสด็จมาของพระบาฮาอุลลาห์ :

สำหรับอิสราเอลพระองค์คือร่างของ ?พระบิดาผู้ทรงอนันต์?? ?พระผู้เป็นนายแห่งกองทัพสวรรค์? ที่เสด็จมา ?กับนักบุญนับหมื่น?? สำหรับคริสตจักรพระองค์คือพระคริสต์ที่เสด็จกลับมาของ ?ในความรุ่งโรจน์ของพระบิดา?? สำหรับอิสลามนิกายชีอะห์พระองค์คือการกลับมาของอิหม่ามฮุสเซน? สำหรับอิสลามนิกายซุนนีพระองค์คือการลงมาของ ?พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า? (พระเยซูคริสต์)? สำหรับชาวโซโรแอสเตรียนพระองค์คือชาห์บาหรอมตามพันธสัญญา? สำหรับชาวฮินดูพระองค์คือการกลับมาจุติของพระกฤษณะ? สำหรับชาวพุทธพระองค์คือพระพุทธเจ้าองค์ที่ห้า

พระบาฮาอุลลาห์ทรงพรรณนาสถานะของ ?ความเป็นเจ้า? ซึ่งพระองค์มีเหมือนกับพระศาสดาทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็น

…สถานะที่ผู้นั้นตายจากตนเองและมีชีวิตในพระผู้เป็นเจ้า? เมื่อใดก็ตามที่เรากล่าวถึงความเป็นเจ้า? นั่นบ่งบอกถึงความหลุดจากอัตตาของเราเองโดยสมบูรณ์อย่างสิ้นเชิง? นี้คือสถานะที่เราไม่สามารถกำหนดความผาสุกหรือความยุ่งยากของเราเองได้? ไม่สามารถกำหนดชีวิตหรือการฟื้นชีพของเราได้

และเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์เองกับพระผู้เป็นเจ้า? พระองค์ให้การยืนยันว่า :

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า? เมื่อข้าพเจ้าตรองดูความสัมพันธ์ที่ผูกข้าพเจ้าไว้กับพระองค์? ข้าพเจ้าใคร่จะประกาศต่อทุกสรรพสิ่งว่า ?แท้จริงแล้วเราคือพระผู้เป็นเจ้า?? และเมื่อข้าพเจ้าพิจารณาดูตัวเอง? ดูซิ? ข้าพเจ้าพบว่าตนเองหยาบยิ่งกว่าดินเหนียว! ?

  1. การจ่ายซาคัท//146

คัมภีร์โกรอ่านกล่าวถึงซาคัทว่าเป็นการกุศลที่ผูกมัดชาวมุสลิมให้ทำเป็นประจำ? เมื่อถึงเวลาแนวความคิดนี้ได้พัฒนาขึ้นมาเป็นรูปแบบของภาษีทำทาน? ที่เป็นข้อบังคับให้มอบรายได้บางประเภทส่วนหนึ่งที่ตายตัว? เมื่อรายได้นั้นเกินเพดานที่ระบุไว้ ? เพื่อบรรเทาทุกข์คนยากไร้? เพื่อจุดประสงค์ด้านการกุศลต่างๆ? และเพื่อช่วยเหลือศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? เพดานที่ได้รับการยกเว้นแตกต่างกันตามแต่ละสิ้นค้า? และเปอร์เซ็นต์ของการจ่ายตามส่วนที่เกินเพดานที่ประเมินได้ก็ต่างกัน

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? กฎบาไฮเกี่ยวกับซาคัทถือตาม ?สิ่งที่เปิดเผยไว้ในคัมภีร์โกรอ่าน? (คำถาม-คำตอบ 107)? เนื่องด้วยประเด็นต่างๆ เช่นเพดานที่ได้รับการยกเว้น? ประเภทของรายได้ที่เกี่ยวข้อง? การจ่ายควรทำบ่อยแค่ไหน? อัตราการจ่ายซาคัทประเภทต่างๆ? ไม่ได้รับการกล่าวไว้ในคัมภีร์โกรอ่าน? เรื่องเหล่านี้จะชี้แจงโดยสภายุติธรรมสากลในอนาคต? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ระบุไว้ว่า? ระหว่างที่รอการบัญญัติเรื่องดังกล่าว? ศาสนิกชนควรบริจาคให้กองทุนบาไฮอย่างสม่ำเสมอตามกำลังทรัพย์และความเป็นไปได้

  1. ? เป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายที่จะขอทาน? และเป็นที่ห้ามไม่ให้อะไรกับคนขอทาน//147

?ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงอธิบายความหมายของของวจนะตอนนี้? พระองค์ทรงกล่าวว่า ?การขอทานเป็นข้อห้าม? และการให้ผู้ที่ขอทานเป็นอาชีพก็เป็นข้อห้ามเช่นกัน?? พระองค์ทรงชี้ให้เห็นเพิ่มเติมในธรรมจารึกเดียวกันนี้ว่า ?จุดหมายคือเพื่อจะถอนรากของการขอทานให้หมดสิ้น? อย่างไรก็ตามหากบุคคลหนึ่งไม่สามารถหาเลี้ยงชีพ? ทุกข์เข็ญเพราะความยากจนข้นแค้นหรือช่วยตัวเองไม่ได้? เมื่อนั้นเป็นหน้าที่ของผู้มั่งคั่งหรือตัวแทนที่จะจัดหาค่าใช้จ่ายรายเดือนให้เขายังชีพ…? ?ตัวแทน? นี้หมายถึงผู้แทนของประชาชน? กล่าวคือ? สมาชิกสภายุติธรรม?????

ข้อห้ามไม่ให้ทานแก่ผู้ที่ขอทาน? ไม่ได้ห้ามบุคคลหรือธรรมสภามิให้ยื่นความช่วยเหลือด้านการเงินให้แก่คนยากไร้และขัดสน? หรือจัดหาโอกาสให้พวกเขาได้พัฒนาทักษะต่างๆ ที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถหาเลี้ยงชีพ (ดูหมายเหตุ 56)

  1. ก่อนนี้…เคยกำหนดค่าปรับ…สำหรับผู้ที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นเศร้าใจ//148

พระบาฮาอุลลาห์ทรงยกเลิกกฎของคัมภีร์บายันภาษาเปอร์เซีย? เกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับเป็นการชดเชยค่าเสียหายสำหรับการเป็นเหตุให้เพื่อนบ้านเศร้าใจ

  1. พฤกษาศักดิ์สิทธิ์//148

?พฤกษาศักดิ์สิทธิ์? หมายถึงซาดราตูร โมนทาฮา? ซึ่งเป็น ?พฤกษาที่สุดปลายทาง? (ดูหมายเหตุ 128)? ในที่นี้คำนี้ใช้เป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงพระบาฮาอุลลาห์

  1. จงสวดวจนะของพระผู้เป็นเจ้าทุกเช้าค่ำ//149

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า ?สิ่งที่จำเป็น? พื้นฐานสำหรับการสวด ?วจนะของพระผู้เป็นเจ้า? คือ ?ความกระตือรือร้นและความรัก? ของศาสนิกชนที่จะ ?อ่านพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า? (คำถาม-คำตอบ 68)

เกี่ยวกับนิยามของ ?วจนะของพระผู้เป็นเจ้า? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่านี้หมายถึง ?ทุกสิ่งที่ส่งมาจากนภาแห่งวาทะของพระผู้เป็นเจ้า?? ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนถึงศาสนิกชนคนหนึ่งในโลกตะวันออก? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ชี้แจงไว้ว่าพจน์ ?วจนะของพระผู้เป็นเจ้า? ไม่รวมธรรมลิขิตของพระอับดุลบาฮา? ทำนองเดียวกันท่านระบุว่าพจน์นี้ไม่ได้หมายถึงธรรมลิขิตของท่านด้วย

  1. เจ้าได้รับบัญชาให้เปลี่ยนเครื่องตกแต่งบ้านทุกสิบเก้าปี//151

พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันคำบัญชาในคัมภีร์บายันภาษาอาหรับเกี่ยวกับการเปลี่ยนเครื่องตกแต่งบ้านทุกสิบเก้าปี? โดยมีข้อแม้ว่าผู้นั้นสามารถทำได้? พระอับดุลบาฮานำบทบัญญัตินี้มาสัมพันธ์กับการส่งเสริมความเกลี้ยงเกลาและความสะอาด? พระองค์ทรงอธิบายว่าจุดประสงค์ของกฎนี้คือ? คนเราควรเปลี่ยนเครื่องตกแต่งที่เก่าแล้ว? หมดความเงางามและให้ความรู้สึกน่าขยะแขยง? กฎนี้ไม่ใช้กับสิ่งที่หายากหรือของมีค่า? โบราณวัตถุหรือเพชรพลอย

  1. จงล้างเท้าของเจ้า//152

ศาสนิกชนถูกเคี่ยวเข็ญในคีตาบีอัคดัสให้อาบน้ำเป็นประจำ? ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด? และให้เป็นสาระแห่งความสะอาดและความเกลี้ยงเกลา? ประมวลกฎอย่างย่อ ตอน 4 ง. 3 ผ. 1-7 สรุปย่อข้อกำหนดที่เกี่ยวเนื่อง? ในเรื่องของการล้างเท้า? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า? เป็นการดีกว่าที่จะใช้น้ำอุ่น? อย่างไรก็ตามการล้างด้วยน้ำเย็นก็เป็นที่อนุญาต (คำถาม-คำตอบ 97)

  1. เจ้าถูกห้ามไม่ให้ใช้มุข? ใครที่ปราถนาจะสวดวจนะของพระผู้เป็นนายต่อเจ้า? ขอให้เขานั่งบนเก้าอี้บนเวที//154

ข้อกำหนดเหล่านี้มีมาก่อนในคัมภีร์บายันภาษาเปอร์เซีย? พระบ๊อบทรงห้ามการใช้มุขสำหรับการเทศน์หรืออ่านพระธรรม? พระองค์ทรงระบุว่า? เพื่อจะช่วยให้ทุกคนสามารถได้ยินพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า? ให้วางเก้าอี้สำหรับผู้พูดไว้บนยกพื้น? แทนที่จะใช้มุข??

ในการวิจารณ์กฎข้อนี้? พระอับดุลบาฮาและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ บอกไว้ชัดเจนว่า? ในมาชเรโกล อัซการ์ (ซึ่งการเทศน์เป็นข้อห้าม? และให้อ่านได้เฉพาะวจนะของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น)? ผู้อ่านอาจยืนหรือนั่ง? และหากจำเป็นต้องให้ได้ยินดีขึ้น? ก็อาจใช้ยกพื้นต่ำๆ ที่เคลื่อนย้ายได้? แต่ไม่อนุญาตให้ใช้มุข? ในกรณีของการชุมนุมในสถานที่ที่ไม่ใช่มาชเรโกล อัซการ์? เป็นที่อนุญาตให้ผู้อ่านหรือผู้พูดนั่งหรือยืน? และให้อยู่บนยกพื้นได้? ในธรรมจารึกหนึ่งเมื่อกล่าวซ้ำถึงข้อห้ามการใช้มุขไม่ว่าที่ใด? พระอับดุลบาฮาทรงเน้นว่า? เมื่อออกมาพูดในที่ชุมนุม? บาไฮควรพูดด้วยท่าทีของความถ่อมตัวเป็นที่สุดและปล่อยวางจากอัตตา

  1. การพนัน//155

กิจกรรมอะไรบ้างที่อยู่ในข้อห้ามนี้ไม่ได้กล่าวไว้ในธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์? ตามที่พระอับดุลบาฮาและและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ระบุไว้? สภายุติธรรมสากลจะเป็นผู้ระบุรายละเอียดของข้อห้ามนี้? ในการตอบคำถามว่า? สลากกินแบ่ง? การพนันในเรื่องต่างๆ เช่นม้าแข่งและฟุตบอล? บิงโก? และที่คล้ายกัน? รวมอยู่ในข้อห้ามการพนันหรือไม่? สภายุติธรรมสากลได้ระบุว่า? นี้เป็นเรื่องที่จะได้รับการพิจารณาในรายละเอียดในอนาคต? ระหว่างนี้ธรรมสภาและบุคคลได้รับคำแนะนำให้อย่าทำเรื่องนี้ให้เป็นปัญหา? และให้อยู่ที่มโนธรรมของศาสนิกชนแต่ละคน

สภายุติธรรมสากลได้วินิจฉัยว่า? เป็นสิ่งไม่เหมาะสมที่จะเพิ่มเงินทุนของศาสนาโดยใช้สลากกินแบ่ง? สลากกินรวบและเกมเสี่ยงโชค

  1. การเสพย์ฝิ่น…สารใดๆ ที่ทำให้จิตใจเฉื่อยชาและเซื่องซึม//155

ข้อห้ามการใช้ฝิ่นนี้พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวซ้ำอีกในย่อหน้าสุดท้ายของคีตาบีอัคดัส? เกี่ยวกับเรื่องนี้ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวว่า? เงื่อนไขหนึ่งสำหรับ ?ชีวิตที่บริสุทธิ์และมีธรรม? คือ ?การละเว้น…ฝิ่น? และยาเสพย์ติดที่คล้ายกันโดยสิ้นเชิง?? เฮโรอีน? hashish? และสารอื่นๆ ที่สกัดมาจาก cannabis เช่น? กัญชา? อีกทั้งสารหลอนประสาทต่างๆ เช่น LSD, peyote และสารที่คล้ายกัน? ถือว่าอยู่ในข้อห้ามนี้

พระอับดุลบาฮาทรงลิขิตไว้ว่า :?

ในเรื่องของฝิ่น? ฝิ่นนั้นน่าขยะแขยงและถูกสาป? พระผู้เป็นเจ้าทรงคุ้มครองเราให้พ้นจากการลงโทษที่พระองค์ใช้ลงโทษผู้เสพย์? ตามพระธรรมที่ชัดแจ้งในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด? ฝิ่นเป็นที่ห้าม? และการเสพย์ฝิ่นถูกประณามเต็มที่? เหตุผลแสดงให้เห็นว่า? การสูบฝิ่นคือวิกลจริตชนิดหนึ่ง? และประสบการณ์ยืนยันว่า? ผู้เสพย์ฝิ่นถูกตัดขาดจากความเป็นมนุษย์โดยสิ้นเชิง? ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงคุ้มครองทุกคนมิให้กระทำสิ่งที่น่าแขยงนี้? ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำลายรากฐานของความเป็นมนุษย์? และทำให้ผู้เสพย์สิ้นเนื้อประดาตัวตลอดไป? เพราะฝิ่นเกาะติดวิญญาณจนมโนธรรมของผู้เสพย์ตาย? ปัญญาของเขาเลอะเลือน? การรับรู้ของเขาเสื่อมถอย? ฝิ่นเปลี่ยนคนมีชีวิตเป็นคนตาย? ดับความร้อนตามธรรมชาติในร่างกาย? ไม่มีภัยใดที่ร้ายแรงกว่าฝิ่นที่นึกคิดได้? โชคดีสำหรับผู้ที่ไม่เคยแม้แต่พูดชื่อของฝิ่น? เช่นนั้นแล้วคิดดูซิว่าผู้เสพย์ฝิ่นนั้นน่าสมเพชเพียงไร

ดูกร? พวกเจ้าคนรักทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า!? ในวัฏจักรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพนี้? ความรุนแรงและการใช้กำลัง? การจำกัดอิสรภาพและการกดขี่? ล้วนถูกประณาม? อย่างไรก็ตามการป้องกันการเสพย์ฝิ่นไม่ว่าจะโดยวิธีใดต้องเป็นข้อบังคับ? เพื่อว่ามนุษยชาติจะได้รับการปลดปล่อยจากโรคห่าที่ร้ายแรงที่สุดนี้? ไม่เช่นนั้นแล้วความยุ่งยากและทุกขเวทนาจะบังเกิดกับผู้ใดก็ตามที่บกพร่องในหน้าที่ที่มีต่อพระผู้เป็นนายของเขา

ในธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงกล่าวเกี่ยวกับฝิ่นว่า : ?ผู้เสพย์? ผู้ซื้อและผู้ขาย? ล้วนถูกพรากจากความอารีและกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า??

ในอีกธรรมจารึกหนึ่งพระอับดุลบาฮาทรงลิขิตว่า :

เกี่ยวกับ hashish เจ้าได้ชี้ให้เห็นว่า? ชาวเปอร์เซียบางคนเสพย์จนติดเป็นนิสัย? พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกรุณา!? นี้คือสิ่งมึนเมาที่ร้ายที่สุด? และเป็นข้อห้ามที่เปิดเผยไว้อย่างชัดแจ้งมิให้เสพย์สิ่งนี้? การเสพย์สิ่งนี้ทำให้ความคิดเสื่อมและวิญญาณเซื่องซึม? เป็นไปได้อย่างไรที่ใครจะแสวงหาผลไม้จากต้นไม้นรก? และเมื่อทานผลไม้นี้แล้วก็ถูกชักนำให้แสดงคุณสมบัติของอสูรกายออกมา?? เป็นไปได้อย่างไรที่ใครจะเสพย์ยาต้องห้ามนี้? และดังนี้พรากตนเองพระพรของพระผู้ทรงปรานี?

อัลกอฮอล์เผาผลาญจิตใจและพาให้มนุษย์กระทำสิ่งที่เบาปัญญา? แต่ฝิ่นซึ่งเป็นผลไม้ที่น่าขยะแขยงจากต้นไม้นรก? และ hashish ที่ออกฤทธิ์นี้? ดับปัญญา? ทำให้จิตเย็นชา? วิญญาณกระด้าง? ร่างกายสูญเปล่า? และทิ้งมนุษย์ให้คับข้องใจและหลงทาง

ควรสังเกตุว่าข้อห้ามการใช้สารเสพย์ติดบางกลุ่มข้างบนนี้? ไม่ได้ห้ามการใช้เมื่อแพทย์ที่มีคุณวุฒิสั่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาทางการแพทย์

  1. ?ความลึกลับของการย้อนกลับที่ยิ่งใหญ่ในสัญลักษณ์ของพระผู้ทรงเป็นประมุข?//157

เชด อาหมัดเด อาซาอี(ค.ศ.1753-1831) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสำนักเชค? และเป็นคนแรกของ ?ดวงดาวแฝดที่นำมาก่อนการมาถึงของศาสนาของพระบ๊อบ?? ได้พยากรณ์ว่า? เมื่อพระศาสดาตามพันธสัญญามาปรากฏ? ทุกสิ่งจะย้อนกลับ? ลำดับสุดท้ายจะเป็นลำดับแรก? ลำดับแรกจะเป็นลำดับสุดท้าย? ในธรรมจารึกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวถึง ?สัญลักษณ์และการพาดพิง? ของ ?ความลึกลับของการย้อนกลับที่ยิ่งใหญ่ในสัญลักษณ์ของพระผู้ทรงเป็นประมุข?? พระองค์ทรงกล่าวว่า : ?โดยการย้อนกลับนี้พระองค์ได้ทำให้ผู้สูงส่งกลับตกต่ำ? และผู้ตกต่ำกลับสูงส่ง?? และพระองค์ทรงระลึกว่า ?ในสมัยของพระเยซู? บรรดาผู้ที่ดีเด่นด้วยวิชา? บุคคลที่มีความรู้และมีศาสนา? คือผู้ที่ปฏิเสธพระองค์? ขณะที่ชาวประมงที่ถ่อมตนรีบเข้าไปยังอาณาจักรสวรรค์? (ดูหมายเหตุ 172)? สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเชด อาหมัดเด อาซาอี ดู The Dawn-Breakers, chapters 1 and 10

  1. ?เลขหก? ที่เกิดขึ้นมาโดย ?อเลฟตั้งตรง?//157

ในข้อเขียนของเชด อาหมัดเด อาซาอี? เขาเน้นอักษรอาหรับ ?วอฟ? เป็นอย่างยิ่ง? ใน The Dawn Breakers นาบิลกล่าวว่าอักษรนี้ ?เป็นสัญลักษณ์สำหรับพระบ๊อบที่บ่งบอกการมาถึงของวัฏจักรใหม่ของการเปิดเผยพระธรรม? และนับแต่นั้นมาพระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวถึงในคีตาบีอัคดัสไว้ในวรรคต่างๆ เช่น ?ความลึกลับของการย้อนกลับที่ยิ่งใหญ่? และ ?สัญลักษณ์ของพระผู้ทรงเป็นประมุข? ?

ชื่อสำหรับอักษร ?วอฟ? ประกอบด้วยอักษรสามตัว : วอฟ? อเลฟ? วอฟ? เมื่อนับตามระบบอับจัด? ค่าตัวเลขของแต่ละอักษรนี้คือ 6, 1, 6 ตามลำดับ? ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ถึงศาสนิกชนทั้งหลายในโลกตะวันออก? ท่านตีความวจนะตอนนี้ของอัคดัสเอาไว้? ท่านกล่าวว่า ?อาลีฟตั้งตรง? หมายถึงการเสด็จมาของพระบ๊อบ? อักษรแรกที่มีค่าเท่ากับหกซึ่งมาก่อนอาลีฟ? คือสัญลักษณ์ของยุคศาสนาและพระศาสดาทั้งหลายที่มาก่อนพระบ๊อบ? ขณะที่อักษรตัวที่สามซึ่งมีค่าตัวเลขเท่ากับหกเหมือนกัน? หมายถึงการเปิดเผยพระธรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของพระบาฮาอุลลาห์? ซึ่งถูกแสดงให้เห็นชัดหลังจากอาลีฟ

  1. เป็นข้อห้ามไม่ให้เจ้าพกอาวุธนอกจากว่าจำเป็น//159

??พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันคำบัญชาที่อยู่ในคัมภีร์บายัน? ซึ่งถือว่าการพกอาวุธเป็นสิ่งไม่ถูกกฎหมายนอกจากว่าจำเป็น? ในเรื่องของสภาพแวดล้อมที่การถืออาวุธอาจ ?จำเป็น? สำหรับบุคคล? พระอับดุลบาฮาทรงให้อนุญาตศาสนิกชนคนหนึ่งเพื่อป้องกันตัวเองในสภาพแวดล้อมที่อันตราย? ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ท่านระบุว่าในกรณีฉุกเฉินที่ไม่มีอำนาจของกฎหมายใกล้พอให้ขอความช่วยเหลือได้? บาไฮมีเหตุผลสมควรที่จะป้องกันชีวิตตนเอง? มีสถานการณ์อื่นๆ อีกที่จำเป็นจะต้องมีอาวุธและใช้อาวุธได้อย่างชอบด้วยกฎหมาย? ตัวอย่างเช่น? ในประเทศต่างๆ ที่ประชาชนล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารและเครื่องนุ่งห่ม? และในกีฬาต่างๆ เช่น? ยิงธนู? ยิงปืนและฟันดาบ

ในระดับของสังคม? หลักการของความสวัสดิภาพร่วมกันที่พระบาฮาอุลลาห์แถลงไว้ (ดู Gleanings from the Writings of Baha?u?llah, CXVII) และท่านโชกิ เอฟเฟนดิ อธิบายให้ละเอียดขึ้น (ดูจดหมายของท่านศาสนภิบาลใน The World Order of Baha?u?llah) มิได้ให้ยกเลิกการใช้กำลัง? แต่บัญญัติ ?ระบบที่กองกำลังถูกเปลี่ยนเป็นผู้รับใช้ความยุติธรรม?? ซึ่งกำหนดให้มีกองกำลังรักษาความสงบนานาชาติที่ ?จะปกป้องเอกภาพของสหพันธรัฐทั้งหมด?? ในธรรมจารึกเบชาราท? พระบาฮาอุลลาห์แสดงความหวังว่า ?อาวุธที่ใช้ทำสงครามกันทั่วโลกจะถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือสำหรับการปฏิสังขรณ์? และความขัดแย้งและการต่อสู้จะถูกขจัดไปจากหมู่มนุษย์??

ในอีกธรรมจารึกหนึ่งพระบาฮาอุลลาห์ทรงเน้นความสำคัญของไมตรีจิตกับศาสนิกชนของทุกศาสนา? พระองค์ทรงกล่าวด้วยว่า ?กฎของการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ถูกลบออกไปจากคัมภีร์แล้ว?

  1. และอนุญาตให้เจ้าแต่งกายด้วยผ้าไหม//159

ตามวิธีปฏิบัติของอิสลาม? การใส่ผ้าไหมโดยทั่วไปแล้วเป็นข้อห้ามสำหรับผู้ชาย? เว้นแต่เวลาที่ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์? ข้อห้ามนี้ซึ่งไม่ได้อิงกับวจนะในคัมภีร์โกรอ่าน? ถูกยกเลิกโดยพระบ๊อบ

  1. พระผู้เป็นนายทรงยกเลิกข้อจำกัดเมื่อก่อนเกี่ยวกับเสื้อผ้าและการตัดแต่งเครา//159

กฎระเบียบมากมายเกี่ยวกับการแต่งกายมีจุดกำเนิดมาจากกฎและธรรมเนียมปฏิบัติของศาสนาต่างๆ ของโลก? ตัวอย่างเช่น? นักบวชนิกายชีอะห์ใช้ผ้าโผกศีรษะและเสื้อคลุมที่มีลักษณะเฉพาะตัว? และครั้งหนึ่งเคยห้ามประชาชนไม่ให้ใช้เครื่องแต่งกายของชาวยุโรป? ด้วยปรารถนาจะเอาอย่างธรรมเนียมของศาสนทูต? วิธีปฏิบัติของชาวมุสลิมได้เติมข้อจำกัดจำนวนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวกับการเล็มหนวดและความยาวของเครา

พระบาฮาอุลลาห์ทรงยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าวเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายและเครา? พระองค์ให้เรื่องเหล่านี้อยู่ที่ ?วิจารณญาณ? ของแต่ละบุคคล? และในเวลาเดียวกันก็ทรงขอศาสนิกชนทั้งหลายไม่ให้ก้าวล่วงขอบเขตของความเหมาะสม? และให้พอประมาณในทุกอย่างที่เกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย

176 ? ดูกร? ดินแดนแห่งคาฟและรา//164

คาฟและราคืออักษรสองตัวแรกที่ออกเสียงของคำว่าเคอร์มาน? ซึ่งเป็นชื่อของเมืองและมณฑลหนึ่งในอิหร่าน

  1. เรามองเห็นสิ่งที่แพร่กระจายมาจากเจ้าอย่างลับๆ และเงียบๆ//164

วรรคนี้หมายถึงอุบายของกลุ่มอาซาลี? ซึ่งเป็นสาวกของมีร์ซา ยาห์ยา (ดูหมายเหตุ 190) และสัมพันธ์กับเมืองเคอร์มาน? บุคคลเหล่านี้รวมถึงมุลลา จาฟาร์? ลูกชายของเขาคือเชค อาหมัดเด รูฮี และมีร์ซา ออกา ข่าเนเคอร์มานี (ทั้งสองเป็นลูกเขยของมีร์ซา ยาห์ยา) และมีร์ซา อาหมัดเด เคอร์มานี? พวกเขาไม่เพียงพยายามบ่อนทำลายศาสนาเท่านั้น? แต่ยังเข้าไปพัวพันกับอุบายทางการเมือง? ซึ่งลงเอยที่การลอบสังหารกษัตริย์นาเซอเร ดีน ชาห์

  1. จงระลึกถึงเชคที่มีชื่อว่าโมฮัมหมัด? ฮาซาน//166

เชค โมฮัมหมัด ฮาซาน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนแนวหน้าของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์? ได้ปฏิเสธพระบ๊อบ? เขาเป็นผู้ประพันธ์ข้อเขียนมากมายเกี่ยวกับธรรมศาสตร์ของชีอะห์? และมีรายงานว่าเขาเสียชีวิตราวปี ค.ศ.1850?

ใน The Dawn Breakers นาบิลพรรณนาถึงการเผชิญหน้ากันที่นาจาฟระหว่างมุลลา อาลีเย บาสทามี ซึ่งเป็นอักษรแห่งการมีชีวิตคนหนึ่ง? กับเชค โมฮัมหมัด ฮาซาน? ระหว่างที่พบกันมุลลา อาลี ประกาศถึงการปรากฏองค์ของพระบ๊อบ? และยกย่องอำนาจของการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์? มุลลา อาลี ถูกประณามว่าเป็นคนนอกรีตทันทีโดยฝีมือของเชคผู้นี้? และถูกขับไล่ออกไปจากที่ชุมนุม? เขาถูกนำตัวขึ้นศาล? ถูกส่งตัวไปยังอิสตันบูล? และให้ทำงานหนัก

  1. ? ผู้ร่อนข้าวสาลีและข้าวบาเลย์//166

?นี้หมายถึงมุลลา โมฮัมหมัด จาฟาร์ กานดมพัคคน ซึ่งเป็นคนแรกในอิสฟาฮันที่ยอมรับศาสนาของพระบ๊อบ? เขาได้รับการกล่าวถึงในคัมภีร์บายันภาษาเปอร์เซีย? และได้รับการสรรเสริญว่าเป็นผู้ที่ ?สวมเสื้อคลุมแห่งความเป็นสาวก?? ใน The Dawn Breakers นาบิลพรรณนาการยอมรับธรรมสารโดยบริบูรณ์ของ ?ผู้ร่อนข้าสาลี?? และการแสดงตัวสนับสนุนการเปิดเผยพระธรรมครั้งใหม่อย่างกระตือรือร้นของเขา? เขาเข้าร่วมกลุ่มผู้ปกป้องการโจมตีป้อมเชค ทาบาซี? และเสียชีวิตระหว่างที่ถูกล้อมกรอบครั้งนั้น?

  1. จงเอาใจใส่อย่าให้คำว่า ?ศาสนทูต? มากั้นเจ้าจากการประกาศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้//167

พระบาฮาอุลลาห์ทรงเตือนประชาชน ?ผู้หยั่งเห็น? อย่ายอมให้การตีความคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขามาขวางกั้นมิให้ยอมรับพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า? ด้วยความศรัทธาในพระผู้ก่อตั้งศาสนาสาวกทั้งหลายของแต่ละศาสนามีแนวโน้มที่จะมองว่า? การเปิดเผยพระธรรมของพระศาสดาของตนคือพระวจนะสุดท้ายของพระผู้เป็นเจ้า? และปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมีศาสนทูตมาปรากฏอีก? สิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วในกรณีของศาสนายิว? ศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม? พระบาฮาอุลลาห์ปฏิเสธความน่าเชื่อถือของแนวความคิดเกี่ยวกับความเป็นสุดท้ายนี้? ทั้งยุคศาสนาทั้งหลายในอดีตและยุคศาสนาของพระองค์เอง? เกี่ยวกับชาวมุสลิมพระองค์ทรงลิขิตไว้ในคีตาบีอีคานว่า ?ประชาชนแห่งคัมภีร์โกรอ่าน…ได้ยอมให้คำว่า ?ตราประทับของศาสนทูต? มาบังตาของตน?? ?มาบดบังความเข้าใจของตน? และพรากตนจากกรุณาธิคุณของพระพรอเนกอนันต์ของพระองค์?? พระองค์ทรงยืนยันว่า ?เรื่องนี้…ได้เป็นบททดสอบที่เจ็บปวดสำหรับมวลมนุษยชาติ?? และทรงเศร้าโศกต่อชะตาของ ?บรรดาผู้ที่ยึดติดวจนะเหล่านี้แล้วไม่เชื่อในพระผู้เปิดเผยที่แท้จริงของพวกเขา?? พระบ๊อบทรงกล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้เมื่อพระองค์เตือนว่า : ?อย่าให้ชื่อต่างๆ มาเป็นม่านปิดกั้นเจ้าจากพระผู้เป็นนายของพวกเขา? แม้แต่ชื่อศาสนทูต? เพราะชื่อดังกล่าวเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยวาทะของพระองค์?

  1. การกล่าวถึง ?การรักษาการ? มาขวางกั้นเจ้าจากอธิปไตยของพระผู้รักษาการพระผู้เป็นเจ้า//167

?คำที่แปลในที่นี้ว่า ?การรักษาการ? ในต้นฉบับภาษาอาหรับคือ ?วิลายาท? ซึ่งมีความหมายหลายอย่างรวมทั้ง ?การรักษาการ?? ?การอภิบาล?? ?การคุ้มครอง? และ ?การสืบทอด?? คำนี้ใช้ในความสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้า? กับพระศาสดาของพระองค์? หรือกับผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดต่อจากพระศาสดา

ในวจนะตอนนี้ของอัคดัส? พระบาฮาอุลลาห์ทรงเตือนอย่าให้แนวความคิดดังกล่าวมาปิดตาจนมองไม่เห็น ?อธิปไตย? ของพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าองค์ใหม่? ซึ่งเป็น ?ผู้รักษาการพระผู้เป็นเจ้า? ที่แท้จริง

  1. ? จงระลึกถึงการิม//170

ฮาจี มีร์ซา โมฮัมหมัด การิม คาเน เคอร์มานี (ราวปี ค.ศ.1810-1873) คือผู้ที่แต่งตั้งตัวเองเป็นผู้นำของชุมชนเชคหลังจากการตายของซียิด คาเซม? ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดต่อจากเชด อาหมัดเด? อาซาอี (ดูหมายเหตุ 171 และ 172)? เขาอุทิศตนส่งเสริมคำสอนของเชด อาหมัด? ความคิดเห็นที่เขาแสดงออกมาได้กลายเป็นเรื่องให้โต้เถียงกันทั้งในหมู่ผู้สนับสนุนเขาและเหล่าศัตรูเช่นกัน

ได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้แก่วิชาแนวหน้าและเป็นนักประพันธ์ที่มีผลงานมากมายคนหนึ่งในสมัยของเขา? เขาแต่งหนังสือและสารมากมายในสาขาวิชาต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมาในเวลานั้น? เขาต่อต้านทั้งพระบ๊อบและพระบาฮาอุลลาห์อย่างแข็งขัน? และใช้บทนิพนธ์ของเขาโจมตีพระบ๊อบและคำสอนของพระองค์? ในคีตาบีอีคาน? พระบาฮาอุลลาห์ประณามทำนองและเนื้อหาของข้อเขียนของเขา? และวิจารณ์ผลงานหนึ่งของเขาเป็นพิเศษที่มีการพาดพิงถึงพระบ๊อบในทางลบ? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ พรรณนาเขาว่า ?เสแสร้งและทะเยอทะยานจนเกินควร?? และพรรณนาว่าเขา ?ได้โจมตีศาสนาใหม่และความเชื่อของศาสนาใหม่อย่างรุนแรง? อย่างไร ?ในบทนิพนธ์หนึ่งตามคำขอของกษัตริย์ชาห์?

  1. ดูกร? พวกเจ้าผู้รู้ในบาฮา//173

พระบาฮาอุลลาห์ทรงสรรเสริญผู้รู้ในหมู่สาวกของพระองค์? ในคัมภีร์แห่งพระปฏิญญาพระองค์ลิขิตไว้ว่า ?พระพรจงมีแด่ผู้ปกครองและผู้รู้ทั้งหลายในหมู่ประชาชนแห่งบาฮา?? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนถึงคำกล่าวนี้ว่า :?

ในวัฏจักรที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ ?ผู้รู้? คือพระหัตถ์ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? ครูและผู้แพร่กระจายคำสอนของพระองค์ที่ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นพระหัตถ์ศาสนาแต่ดีเด่นในงานการสอน? สำหรับ ?ผู้ปกครอง? นี้หมายถึงสมาชิกของสภายุติธรรมท้องถิ่น? สภายุติธรรมแห่งชาติ? และสภายุติธรรมนานาชาติ? หน้าที่ของแต่ละดวงวิญญาณเหล่านี้จะถูกกำหนดในอนาคต

พระหัตถ์ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าคือบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยพระบาฮาอุลลาห์? และได้รับมอบความรับผิดชอบเกี่ยวกับหน้าที่ต่างๆ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าที่ในการคุ้มครองและเผยแพร่ศาสนาของพระองค์? ใน Memorials of the Faithful พระอับดุลบาฮา? กล่าวถึงศาสนิกชนดีเด่นคนอื่นๆ ในฐานะพระหัตถ์ศาสนา? และในพระประสงค์และพินัยกรรมของพระองค์? พระองค์ทรงวางข้อกำหนดให้ท่านศาสนภิบาลแต่งตั้งพระหัตถ์ศาสนาด้วยวิจารณญาณของท่าน? เริ่มแรกท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้เลื่อนตำแหน่งศาสนิกชนจำนวนหนึ่งหลังจากที่เสียชีวิตให้ขึ้นเป็นพระหัตถ์ศาสนา? และระหว่างปีท้ายๆ ของชีวิตท่านได้แต่งตั้งศาสนิกชนทั้งหมด 32 คนจากทุกทวีปให้ดำรงตำแหน่งนี้? ในช่วงเวลาหลังจากการล่วงลับไปของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ในปี ค.ศ.1957 จนถึงการเลือกตั้งสภายุติธรรมสากลในปี ค.ศ.1963? พระหัตถ์ศาสนาทั้งหลายคอยกำกับกิจการต่างๆ ของศาสนาในฐานะที่เป็นหัวหน้าผู้ดูแลสหพันธรัฐแห่งโลกของพระบาฮาอุลลาห์ที่ยังอยู่ในครรภ์ (ดูหมายเหตุ 67)? ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1964 สภายุติธรรมสากลวินิจฉัยว่า? ตนไม่สามารถบัญญัติกฎให้มีการแต่งตั้งพระหัตถ์ศาสนาได้? จึงให้มีการสืบทอดหน้าที่ของพระหัตถ์ศาสนาในการคุ้มครองและเผยแพร่ศาสนาต่อไปในอนาคต? โดยการก่อตั้งคณะที่ปรึกษาประจำทวีป? และในปี ค.ศ.1973 โดยการสถาปนาศูนย์กลางเผยแพร่นานาชาติ? ซึ่งมีที่ทำการอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์

สภายุติธรรมสากลแต่งตั้งท่านที่ปรึกษาเป็นสมาชิกของศูนย์กลางเผยแพร่นานาชาติ? และท่านที่ปรึกษาประจำทวีป? สมาชิกของคณะอนุกรได้รับการแต่งตั้งโดยท่านที่ปรึกษาประจำทวีป? บุคคลทั้งหมดนี้อยู่ในนิยามของ ?ผู้รู้? ที่ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ให้ไว้ในคำแถลงที่คัดมาข้างบน

  1. สิ่งใดในคัมภีร์ที่เจ้าไม่เข้าใจให้เสนอไปยังพระผู้ที่แตกกิ่งออกมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่นี้//174

พระบาฮาอุลลาห์ทรงประสาทพระอับดุลบาฮาด้วยสิทธิ์ในการตีความธรมลิขิตศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ (ดูหมายเหตุ 145)

  1. โรงเรียนแห่งความเป็นหนึ่งที่เหนือธรรมดา//175

ในวจนะตอนนี้และตอนต่างๆ ที่ตามมา? พระบาฮาอุลลาห์เผชิญกับเหตุผลหนึ่งที่บาบีบางคนปฏิเสธคำกล่าวอ้างของพระองค์ว่า? พระองค์คือพระศาสดาตามพันธสัญญาของคัมภีร์บายัน? การปฏิเสธของพวกเขาอิงอยู่กับธรรมจารึกหนึ่งที่พระบ๊อบตรัสต่อ ?พระผู้ซึ่งจะถูกแสดงให้เห็นชัด?? ซึ่งด้านหลังของธรรมจารึกนี้พระบ๊อบลิขิตไว้ว่า : ?ขอให้การมองของพระผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้เห็นชัด? ให้ความสว่างแก่จดหมายนี้ที่โรงเรียนประถม?? ธรรมจารึกนี้ได้รับการตีพิมพ์อยู่ใน Selections from the Writings of the Bab

บาบีเหล่านี้ยืนยันว่า? เนื่องด้วยพระบาฮาอุลลาห์อายุมากกว่าพระบ๊อบสองปี? จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะได้รับธรรมจารึกนี้ ?ที่โรงเรียนประถม?

พระบาฮาอุลลาห์ทรงอธิบาย ณ ที่นี้ว่า? ข้อความนี้หมายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภพของวิญญาณที่อยู่เหนือสภาวะของโลกนี้

  1. เรายอมรับวจนะของพระผู้เป็นเจ้า…ที่พระองค์นำเสนอต่อเรา//175

ในธรรมจารึกของพระองค์ที่ตรัสต่อ ?พระผู้ซึ่งจะถูกแสดงให้เห็นชัด?? พระบ๊อบทรงพรรณนาคัมภีร์บายันว่าเป็นเครื่องบูชาจากพระองค์ให้แก่พระบาฮาอุลลาห์ ดู Selections from the Writings of the Bab?

  1. ดูกร? ประชาชนแห่งคัมภีร์บายัน!//176

หมายถึงสาวกทั้งหลายของพระบ๊อบ

  1. ตัวอักษร ?จง? และ ?เป็น? จะถูกเชื่อมและผูกไว้ด้วยกัน//177

ในจดหมายฉบับต่างๆ ที่เขียนในนามของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ท่านได้อธิบายนัยสำคัญของ ?ตัวอักษร ?จง? และ ?เป็น?? (แปลมาจาก B และ E ซึ่งเมื่อสองตัวอักษรนี้มาเชื่อมกันเป็น BE ในภาษาอังกฤษมีความหมายว่า ?จงเป็น?) ซึ่งท่านกล่าวว่า ?หมายถึงอานุภาพสร้างสรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า? ซึ่งโดยบัญชาของพระองค์ทุกสิ่งถูกบันดาลขึ้นมา? และ ?อานุภาพของพระศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า? ซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ทางธรรมที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์?

คำบัญชา BE (จงเป็น) ในภาษาอาหรับเดิมคือคำว่า ?คน? ซึ่งประกอบด้วยอักษรสองตัวคือ ?คาฟ? และ ?นน?? และท่านโชกิ เอฟเฟนดิ แปลไว้ตามข้างบนนี้? คำนี้ใช้ในคัมภีร์โกรอ่านเป็นบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าที่บันดาลสรรพโลกขึ้นมา

  1. ระบบโลกใหม่…นี้//181

ในคัมภีร์บายันภาษาเปอร์เซีย? พระบ๊อบทรงกล่าวว่า : ?ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่จ้องมองระบบของพระบาฮาอุลลาห์? และขอบคุณพระผู้เป็นนาย? เพราะวางใจได้ว่าพระองค์จะถูกแสดงให้เห็นชัด? แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าประกาศิตสิ่งนี้ไว้ในคัมภีร์บายันอย่างยกเลิกไม่ได้?? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ถือว่า ?ระบบ? นี้คือระบบที่พระบาฮาอุลลาห์คาดการณ์ไว้ในอนาคตในอัคดัส? ซึ่งพระองค์ให้การยืนยันอิทธิพลของระบบนี้ที่จะปฏิวัติชีวิตมนุษยชาติ? และทรงเปิดเผยกฎและหลักธรรมที่ใช้กำกับปฏิบัติการของระบบดังกล่าว

ลักษณะพิเศษของ ?ระบบโลกใหม่? ได้รับการอธิบายไว้ในธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์และพระอับดุลบาฮา? และในจดหมายหลายฉบับของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ และสภายุติธรรมสากล? สถาบันต่างๆ ของระบบบริหารบาไฮในปัจจุบัน? ซึ่งประกอบกันเป็น ?รากฐาน? ของระบบโลกของพระบาฮาอุลลาห์? จะมีวุฒิภาวะสูงขึ้นและมีวิวัฒนาการขึ้นมาเป็นสหพันธรัฐแห่งโลกบาไฮ? ในแง่นี้ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ยืนยันว่า? ?เมื่อส่วนประกอบและสถาบันทั้งหลายของระบบซึ่งเชื่อมโยงกันอยู่เสมือนเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวกัน? เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันและมีประสิทธิภาพ?? ระบบบริหารนี้ ?จะสาธิตให้เห็นความสามารถของตนที่จะได้รับการพิจารณาว่าไม่ใช่เป็นเพียงนิวเคลียส? แต่เป็นแบบแผนของระบบโลกใหม่ที่ถูกกำหนดให้โอบอุ้มมนุษยชาติทั้งมวลเมื่อถึงกำหนดเวลา??

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิวัฒนาการของระบบโลกใหม่นี้? ให้ดูจดหมายของท่านโชกิ เอฟเฟนดิที่ตีพิมพ์อยู่ใน The World Order of Baha?u?llah

  1. ดูกร? บ่อเกิดแห่งความวิปริต!//184

นี้หมายถึงมีร์ซา ยาห์ยา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะซบเฮ อาซัล (ยามเช้าแห่งนิรันดรกาล) และเป็นน้องชายต่างมารดาของพระบาฮาอุลลาห์ที่ลุกขึ้นต่อต้านพระองค์และศาสนาของพระองค์? มีร์ซา ยาห์ยา ได้รับการเสนอชื่อโดยพระบ๊อบให้เป็นหัวหน้าชุมชนบาบีเพียงแต่ชื่อ? ระหว่างรอการปรากฏองค์ของพระศาสดาตามพันธสัญญาที่ใกล้เข้ามาเต็มที? โดยฝีมือของซียิด โมฮัมหมัด อิสฟาฮานี (ดูหมายเหตุ 192) มีร์ซา ยาห์ยา ทรยศต่อสิ่งที่พระบ๊อบฝากฝังไว้? อ้างตนเป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อจากพระบ๊อบ? วางอุบายต่อต้านพระบาฮาอุลลาห์? และถึงกับพยายามให้พระองค์ถูกฆาตกรรม? เมื่อพระบาฮาอุลลาห์ประกาศพันธกิจของพระองค์อย่างเป็นกิจจะลักษณะต่อเขาในอเดรียโนเปิ้ล? มีร์ซา ยาห์ยา ตอบโต้โดยถึงกับอ้างตนเป็นผู้ที่ได้รับการปิดเผยพระธรรมอิสระ? คำกล่าวอ้างของเขาถูกทุกคนปฏิเสธในที่สุดยกเว้นเพียงไม่กี่คน? ซึ่งกลายมาเป็นที่รู้จักกันในฐานะอาซาลี (ดูหมายเหตุ 177)? เขาถูกท่านโชกิ เอฟเฟนดิ พรรณนาไว้ว่าเป็น ?ผู้ละเมิดพระปฏิญญาตัวยงของพระบ๊อบ? (ดู God Passes By, chapter X)

  1. นึกดูว่าเราอุ้มชูเจ้าทั้งกลางวันกลางคืนอย่างไรเพื่อการรับใช้ศาสนา//184

ใน God Passes By ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวถึงข้อเท็จจริงว่า? พระบาฮาอุลลาห์ซึ่งอายุมากกว่ามีร์ซา ยาห์ยา สิบสามปี? ได้แนะนำและดูแลเขาตอนเริ่มเป็นหนุ่มและเป็นผู้ใหญ่

  1. พระผู้เป็นเจ้าได้จับตัวผู้ที่พาเจ้าหลงทางไปแล้ว//184

นี้หมายถึงซียิด โมฮัมหมัด อิสฟาฮานี ซึ่งท่านโชกิ เอฟเฟนดิ พรรณนาว่าเป็น ?ซาตานแห่งการเปิดเผยพระธรรมบาไฮ?? เขาเป็นผู้ที่มีอุปนิสัยใจคอทุจริตและทะเยอทะยานสูง? เป็นผู้ชักนำมีร์ซา ยาห์ยาให้ต่อต้านพระบาฮาอุลลาห์? แล้วให้อ้างตนเป็นพระศาสดาเสียเอง (ดูหมายเหตุ 190)? แม้ว่าจะเป็นผู้สนับสนุนมีร์ซา ยาห์ยา? แต่ซียิด โมฮัมหมัด กลับถูกเนรเทศพร้อมกับพระบาฮาอุลลาห์ไปยังอัคคา? เขายังคงก่อกวนและวางอุบายต่อต้านพระบาฮาอุลลาห์? ในการพรรณนาการตายของเขา? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนไว้ใน God Passes By ว่า :

ภัยครั้งใหม่บัดนี้คุกคามชีวิตของพระบาฮาอุลลาห์อย่างชัดเจน? แม้ว่าพระองค์ทรงห้ามสาวกทั้งหลายอย่างเข้มงวดในหลายโอกาส? ทั้งโดยวาจาและในธรรมลิขิต? ไม่ให้กระทำการแก้เผ็ดบรรดาผู้ที่ก่อความทุกข์ทรมานให้แก่พวกเขา? และทรงถึงกับส่งตัวสาวกชาวอาหรับที่ไม่รับผิดชอบคนหนึ่งกลับไปยังเบรุต? เพราะเขาเตรียมการณ์แก้แค้นสำหรับการประทุษร้ายที่พระผู้นำที่รักยิ่งของเขาได้ทนทุกข์? แต่สหายเจ็ดคนก็พยายามหาทางอย่างลับๆ และได้สังหารผู้ประหัตประหารพวกเขาสามคน? ซึ่งมีซียิด โมฮัมหมัด และออกา จาน อยู่ด้วย

ความอกสั่นขวัญหนีที่ครอบงำชุมชนที่ถูกกดขี่อยู่แล้วนั้นสุดจะพรรณนา? พระบาฮาอุลลาห์ทรงกริ้วโกรธเป็นล้นพ้น? ดังนี้พระองค์ทรงเปล่งอารมณ์ออกมาในธรรมจารึกที่เปิดเผยไม่นานหลังจากการก่อฆาตรกรรมนี้ว่า ?หากเรากล่าวถึงสิ่งที่บังเกิดแก่เรา? ท้องฟ้าจะถูกแยกออกและภูเขาจะทลาย?? พระองค์ทรงลิขิตในอีกโอกาสหนึ่งว่า ?การถูกกักขังทำร้ายเราไม่ได้? สิ่งที่ทำร้ายเราได้คือความประพฤติของบรรดาผู้ที่รักเรา? อ้างว่ามีความสัมพันธ์กับเรา? แต่กระนั้นได้ทำสิ่งที่ทำให้หัวใจและปากกาของเราต้องโอดครวญ?

  1. จงเลือกภาษาหนึ่ง…จงเลือกใช้พยัญชนะเดียวกัน//189

พระบาฮาอุลลาห์ทรงบัญชาให้เลือกใช้ภาษาและพยัญชนะสากล? ธรรมลิขิตของพระองค์คาดการณ์ถึงสองระยะในกระบวนการนี้? ระยะแรกจะเป็นการเลือกภาษาที่มีอยู่แล้วหรือภาษาที่คิดขึ้นมาใหม่? แล้วนำมาสอนในทุกโรงเรียนในโลกเป็นภาษาเสริมภาษาแม่? รัฐบาลทั้งหลายของโลกโดยผ่านทางรัฐสภา? ถูกขอให้ออกกฎหมายที่เป็นประวัติศาสตร์นี้? ระยะที่สองในอนาคตอีกไกล? จะเป็นการนำภาษาและพยัญชนะเดียวกันมาใช้สำหรับทุกคนบนโลกในที่สุด

  1. เราได้กำหนดสองสัญลักษณ์ที่บ่งบอกวุฒิภาวะของมนุษยชาติ//189

สัญลักษณ์แรกของวุฒิภาวะของมนุษยชาติที่กล่าวไว้ในธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์? คือการกำเนิดขึ้นมาของศาสตร์ที่ได้รับการพรรณนาว่าเป็น ?ปรัชญาสวรรค์? ซึ่งจะรวมถึงการค้นพบแนวทางใหม่ของการเล่นแร่แปรธาตุ? นี้คือตัวชี้บ่งความตระการตาของการขยายความรู้อย่างมโหฬารในอนาคต

เกี่ยวกับสัญลักษณ์ ?ที่สอง? ที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงระบุว่าเปิดเผยไว้ในคีตาบีอัคดัส? ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ กล่าวว่า? พระบาฮาอุลลาห์ ?…ในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระองค์? ทรงบัญชาให้มีการเลือกภาษาเดียว? และให้ทุกคนบนโลกใช้พยัญชนะเดียวกัน? ซึ่งเมื่อดำเนินการตามคำบัญชานี้? พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันไว้ในคัมภีร์นี้ว่า? จะเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ ?การบรรลุวุฒิภาวะของมนุษยชาติ? ?

กระบวนการบรรลุวุฒิภาวะของมนุษยชาตินี้และการไปสู่วุฒิภาวะ? จะเป็นที่เข้าใจได้ลึกซึ้งขึ้นจากคำแถลงนี้ของพระบาฮาอุลลาห์ :

หนึ่งในสัญลักษณ์ของวุฒิภาวะของโลกคือ? จะไม่มีใครยอมแบกภาระของการเป็นกษัตริย์? ตำแหน่งกษัตริย์จะคงอยู่โดยไม่มีใครเต็มใจจะแบกภาระของตำแหน่งนี้โดยลำพัง? วันนั้นจะเป็นวันที่อัจฉริยภาพจะเป็นที่เห็นได้ชัดในหมู่มนุษยชาติ

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้นำการบรรลุวุฒิภาวะของมนุษยชาติมาสัมพันธ์กับการประสานสามัคคีมนุษยชาติทั้งมวล? การสถาปนาสหพันธรัฐแห่งโลก? และแรงกระตุ้น ?กิจกรรมทางสติปัญญา? ศีลธรรมและจิตวิญญาณของมวลมนุษยชาติ? อย่างไม่เคยมีมาก่อน

อภิธาน

พระอับดุลบาฮา

?คนรับใช้ของบาฮา?? ?อับบาส? เอฟเฟนดิ? (ค.ศ.1844-1921) เป็นบุตรชายคนโตและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์? และเป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาของพระองค์

อับจัด

ระบบโบราณของภาษาอาหรับที่ให้ค่าตัวเลขแก่อักษรต่างๆ ของพยัญชนะ? เพื่อจะสามารถใช้อักษรแทนค่าตัวเลข? และใช้ค่าตัวเลขแทนอักษร? ดังนี้ทุกคำมีทั้งความหมายและค่าตัวเลข

พระบ๊อบ

ความหมายตามตัวอักษรคือ ?ประตู?? เป็นสมญานามที่มีร์ซา อาลี โมฮัมหมัด (ค.ศ.1819-1850) ใช้หลังจากการประกาศพันธกิจของตนในชีราซในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1844? พระองค์คือผู้ก่อตั้งศาสนาบาบีและเป็นผู้ประกาศการมาของพระบาฮาอุลลาห์

บาฮา

บาฮา มีความหมายว่าความรุ่งโรจน์? ซึ่งเป็นพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นสมญานามหนึ่งที่หมายถึงพระบาฮาอุลลาห์? บาฮายังเป็นชื่อของเดือนแรกของปีบาไฮ ? และเป็นชื่อของวันแรกของแต่ละเดือนบาไฮ

พระบาฮาอุลลาห์

?ความรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้า? เป็นสมญานามของมีร์ซา ฮุสเซน อาลี (ค.ศ.1817-1892) ผู้ก่อตั้งศาสนาบาไฮ

บายัน

บายัน (?อรรถาธิบาย?) คือชื่อที่พระบ๊อบตั้งให้กับคัมภีร์แห่งกฎของพระองค์? และยังหมายถึงธรรมลิขิตทั้งหมดของพระองค์? คัมภีร์บายันภาษาเปอร์เซียเป็นผลงานสำคัญเกี่ยวกับความเชื่อ? และเป็นคัมภีร์หลักที่บรรจุกฎต่างๆ ที่พระบ๊อบบัญญัติ? คัมภีร์บายันภาษาอาหรับมีความละม้ายกันในเนื้อหา? แต่เล็กกว่าและหนักหน่วงน้อยกว่า? คำอธิบายประกอบที่มีการอ้างอิงถึงเรื่องต่างๆ ที่พบทั้งในคัมภีร์บายันภาษาเปอร์เซียและอาหรับ? จะระบุด้วยพจน์ ?บายัน? โดยไม่ระบุว่าภาษาใด

ฮูคุคูลลาห์

?สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า? สถาปนาไว้ในคีตาบีอัคดัส? คือการสละทรัพย์สมบัติที่บาไฮกระทำผ่านทางหัวหน้าของศาสนาเพื่อจุดประสงค์ที่เจาะจงไว้ในธรรมลิขิตบาไฮ

มาชเรโกล อัซการ์

ตามตัวอักษรคือ ?อรุโณทัยสถานแห่งการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า?? หมายถึงสักการสถานบาไฮและหน่วยงานต่างๆในสังกัด?

มิสกัล

คือหน่วยน้ำหนักที่มากกว่า 3.5 กรัมเล็กน้อย? ซึ่งคีตาบีอัคดัสใช้อ้างอิงถึงปริมาณของทองและเงินสำหรับจุดประสงค์ต่างๆ? ซึ่งมักเป็นจำนวน 9, 19 หรือ 95 มิสกัล? ซึ่งมีค่าเทียบเท่าในระบบเมตริกและทรอยออนซ์ (ซึ่งใช้ในการชั่งโลหะที่มีค่า) ดังต่อไปนี้ :

?9 มิสกัล ? ?=? ? 32.775 ? กรัม ? = ??1.05374 ? ทรอยออนซ์??

19 มิสกัล? ?=? ? 69.192 ? กรัม ? =? ? 2.22456 ? ทรอยออนซ์

95 มิสกัล? ?=? 345.985 ? กรัม? ?=? 11.12282 ? ทรอยออนซ์?

การคำนวณนี้อิงกับการชี้แนะของท่านโชกิ เอฟเฟนดิ? ที่อยู่ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนในนามของท่าน? ซึ่งกล่าวว่า ?หนึ่งมิสกัล? ประกอบด้วยสิบเก้าโนคท? น้ำหนักยี่สิบสี่โนคทเท่ากับ 4.6 กรัม? การคำนวณอาจอิงตามนี้?? มิสกัลที่ใช้กันดั้งเดิมในตะวันออกกลางประกอบด้วยยี่สิบสี่โนคท? แต่ถูกเปลี่ยนเป็นสิบเก้าโนคทในคัมภีร์บายัน? และพระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันว่านี่คือขนาดของมิสกัลที่กฎบาไฮกล่าวไว้ (คำถาม-คำตอบ 23)

โนคท?

คือหน่วยน้ำหนัก? ดู ?มิสกัล?

กายูโมล แอสมา

คำอธิบายของพระบ๊อบเกี่ยวกับซูรีออฟโจเซฟในคัมภีร์โกรอ่าน? ผลงานนี้ถูกเปิดเผยในปี ค.ศ.1844? และพระบาฮาอุลลาห์ทรงระบุว่าเป็น ?คัมภีร์แรกที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจที่สุด? ของยุคศาสนาบาบี

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ

ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ (ค.ศ.1897-1957) เป็นศาสนภิบาลของศาสนาบาไฮปี ค.ศ.1921-1957? ท่านเป็นหลานชายคนโตของพระอับดุลบาฮา? และได้รับการแต่งตั้งโดยพระองค์ให้เป็นหัวหน้าของศาสนา

ซียาห์ชาล

ตามตัวอักษรคือ ?หลุมมืด?? เป็นคุกใต้ดินที่มืดและมีกลิ่นน่าขยะแขยงในเตหะราน? ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระบาฮาอุลลาห์ถูกจองจำเป็นเวลาสี่เดือนในปี ค.ศ.1852

ตำแหน่งของคีตาบีอัคดัสในวรรณกรรมบาไฮ

ปี ค.ศ.1992 เป็นครบรอบหนึ่งศตวรรษของการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระบาฮาอุลลาห์ ??ในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ศาสนาที่พระองค์ทรงก่อตั้งจากที่เคยเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นที่รู้จักในตะวันออกกลาง ??ได้เติบโตมาเป็นศาสนาอิสระของโลกที่มีการกระจายตัวกว้างเป็นอับดับสองของโลก?(Encyclopedia Britanica 1992)?? ประชาคมบาไฮซึ่งโอบอุ้มประชาชนจากทุกเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์และยังคงอยู่เป็นเอกภาพ ??จึงน่าจะเป็นประชาคมจัดตั้งที่มีความหลากหลายที่สุดในโลกในปัจจุบัน ครบรอบหนึ่งศตวรรษนี้ประจวบกับการออกมาของคัมภีร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์ ??เป็นฉบับภาษาอังกฤษที่ได้การรับรองครั้งแรก นั่นคือคีตาบีอัคดัส (คัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด) คัมภีร์อัคดัสเป็นนิวเคลียสของธรรมลิขิตอื่นๆ ที่เสริมและอธิบายคัมภีร์อัคดัสเอง ??คัมภีร์อัคดัสได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในภาษาเดิมคือภาษาอาหรับในเวลาที่พระบาฮาอุลลาห์ยังมีชีวิต เมื่อประชาคมบาไฮปรากฏตัวขึ้นมาทั่วโลก ข้อกำหนดในคัมภีร์นี้เป็นตัวกำหนดรูปร่างและพัฒนาการของประชาคมบาไฮ ??โดยอาศัยธรรมทรรศนะที่พระอับดุลบาฮาและท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ให้ไว้ ซึ่งทั้งสองเป็นบุตรชายและเหลนของพระบาฮาอุลลาห์ และได้รับการแต่งตั้งถัดกันมาภายใต้อำนาจของพระองค์ให้เป็นผู้ตีความธรรมสารของพระองค์

คัมภีร์ที่ตีพิมพ์ออกมาใหม่ๆ นี้มีคำอธิบายประกอบมากมายที่อิงกับการขยายความพระธรรมโดยพระบาฮาอุลลาห์เอง ??และผลงานของผู้ตีความของพระองค์สองท่านนี้ การแปลเป็นภาษาอื่นๆ จะตามมาในไม่ช้า

การบรรลุวุฒิภาวะของมนุษยชาติ

การขยายตัวของชุมชนบาไฮได้นำคำสอนของพระศาสดาผู้ก่อตั้งมาสู่ความสนใจของสาธารณชนในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ??เรื่องที่กล่าวถึงบ่อยๆ คือ ความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติ ความเสมอภาคระหว่างเพศ ความกลมเกลียวกันในสาระสำคัญระหว่างความศรัทธาและเหตุผล ??ที่คุ้นเคยกันเป็นพิเศษอาจจะเป็นแนวความคิดเกี่ยวกับเอกภาพที่เป็นรากฐานของศาสนาทั้งปวง และเป็นจุดประสงค์ร่วมกันของพระศาสดาทั้งหลายที่ให้แรงบันดาลใจแก่ศาสนาเหล่านั้น

คำสอนของพระบาฮาอุลลาห์เกี่ยวกับกระบวนการวิวัฒนาการ ??ให้บริบทที่ช่วยในการทำความเข้าใจจุดประสงค์ของคีตาบีอัคดัส ??มนุษยชาติตามที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงพรรณนาไว้ ไม่ได้ร่วงลงมาจากความสมบูรณ์ที่มีมาแต่โบราณดั้งเดิม ??และไม่ได้เป็นผลผลิตของแรงขับทางสังคมและเศรฐกิจ ในฐานะที่เป็นหัวธนูของวิวัฒนาการ จิตสำนึกของมนุษย์มีคุณลักษณะทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้าแฝงอยู่ ??ซึ่งสาระของพระองค์ไม่มีทางรู้ได้ชั่วนิรันดร์

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่าสิ่งที่ควรยอมรับคือ ??การพัฒนาคุณลักษณะเหล่านี้ในมนุษย์ส่วนใหญ่แล้วอาศัยแรงขับจากความเป็นจริงสุดท้ายนี้ ??ที่เข้ามาช่วยเหลือมนุษยชาติถัดกันมาเป็นลำดับตลอดประวัติศาสตร์ ปรากฏการณ์ของการเปิดเผยพระธรรมสวรรค์ที่สัมพันธ์กับพันธกิจของบุรุษที่เหนือธรรมดาอย่างพระอับราฮัม ??พระโมเสส พระโซราสเตอร์ พระพุทธเจ้า พระเยซู พระโมฮัมหมัด เป็นสิ่งที่หวนกลับมาอย่างไม่สิ้นสุด โดยไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดจบ การเปิดเผยพระธรรมเป็นลักษณะที่จำเป็นของวิวัฒนาการที่เป็นไปตามลำดับขั้น ??และเป็นเหตุสุดท้ายของการสร้างอารยชน

ธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์พรรณนามนุษยชาติในปัจจุบันว่า ??กำลังบรรลุวุฒิภาวะร่วมกัน และสามารถมองเห็นภาพทั้งหมดของพัฒนาการของตนว่ามีความเปลี่ยนแปลงทีละน้อยต่อเนื่องกันมา ??การบรรลุวุฒิภาวะนี้ท้าทายประชาชนทั้งหลายของโลกให้ยอมรับว่าพวกตนเป็นเชื้อชาติเดียวกัน และให้ร่วมกันสร้างรากฐานสำหรับอารยธรรมโลก ??อานุภาพที่กำลังปลุกจิตสำนึกนี้ทั่วโลกคือ การเปิดเผยพระธรรมสากลของพระผู้เป็นเจ้าที่สัญญาไว้ในคัมภีร์ทั้งหมดของมนุษยชาติในอดีต พระบาฮาอุลลาห์ทรงลิขิตในฐานะที่เป็นโฆษกของการเปิดเผยพระธรรมดังกล่าว ??ที่สืบเนื่องกันมาตามลำดับของธรรมทูตทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าที่มีมาตั้งแต่เริ่มต้นของประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกอยู่

ในคีตาบีอัคดัส ??การนำทางจากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคแห่งการบรรลุวุฒิภาวะร่วมกันของมนุษยชาติ ??ได้รับการประสาทด้วยระบบของกฎ ศีล และสถาบันต่างๆ ที่สามารถก่อให้เกิดสหพันธรัฐระดับโลกที่จัดระบบด้วยหลักธรรมแห่งความยุติธรรมของสังคม

ตอนปิดท้ายของคัมภีร์นี้กล่าวไว้ว่า ??นี้คือคัมภีร์ที่กลายเป็นตะเกียงของพระผู้ทรงอนันต์สำหรับโลก ??และหนทางตรงที่ไม่มีเบี่ยงเบนของพระองค์ท่ามกลางประชาชนทั้งหลายของโลก จงกล่าวว่า : นี้คืออรุโณทัยแห่งความรู้สวรรค์และอุทัยสถานแห่งบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ??หากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 186)

รากฐานของค่านิยมระดับโลก

คีตาบีอัคดัสมาปรากฏในโลกที่แสวงหาที่ยืนใหม่อย่างรีบด่วนยิ่งขึ้น ??นับตั้งแต่มีการปฏิเสธศาสนาในฐานะที่เป็นอำนาจสุดท้ายทางศีลธรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ??ปัจจุบันเป็นที่ชัดเจนว่าความพยายามนี้ล้มเหลว ไม่ว่าลัทธิมาคซิสหรือความศรัทธาในจริยธรรมที่ถูกกำหนดโดยสถานการณ์หรือความเห็นพ้องกันซึ่งแม้จะเป็นที่นิยม ??ก็หาได้วางรากฐานสำหรับการก่อตั้งระบบของค่านิยมที่จำเป็นสำหรับสังคมโลกที่กำลังปรากฏขึ้นมา

พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนยันอธิปไตยของพระผู้เป็นเจ้าในฐานะที่เป็นอำนาจเดียวเท่านั้นที่ชักนำศีลธรรมในชีวิต ??พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่ พระองค์คือต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ พระองค์ทรงเปิดเผยกฎและหลักธรรมต่างๆ ที่เป็นเหตุเบื้องต้นสำหรับการสร้างอารยชน ??ดังนั้นอิสรภาพของบุคคลไม่เพียงขึ้นกับข้อจำกัดของสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติที่เขาอาศัยอยู่ แต่ยังขึ้นกับจักรวาลของจิตวิญญาณที่อยู่เหนือกว่าและแทรกซอนธรรมชาตินั้น ??คีตาบีอัคดัสให้คำแนะนำว่า ??จงยึดมั่นในบทบัญญัติของพระองค์ และอย่าเป็นพวกที่ยึดถือมาตรฐานที่กำหนดโดยอัตตาของตนเอง และโยนมาตรฐานที่พระผู้เป็นเจ้าวางไว้ทิ้งไปข้างหลัง ??ด้วยความเพ้อฝันอันเหลวไหลและจินตนาการที่ไร้สาระ? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 17)

ค่านิยมมูลฐานต่างๆ ที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดสังคมทั้งหมดในอดีต ??ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ในคีตาบีอัคดัส เพื่อสนองความต้องการของโลกที่หดตัวเป็นปิตุภูมิเดียวกัน ??และความต้องการของมนุษยเชื้อชาติหนึ่งที่ตื่นตัวต่อพลังการใช้เหตุผลและการรับรู้ที่ทวีขึ้นอย่างยิ่ง ??กฎและแนวความคิดใหม่ๆ ได้รับการแถลงในคีตาบีอัคดัส ซึ่งมุ่งหมายจะปลดปล่อยจิตสำนึกของมนุษย์ให้เป็นอิสระจากแบบแผนของการตอบสนองที่ถูกกำหนดโดยวัฒนธรรม ??และเพาะเลี้ยงอารยธรรมระดับโลกให้ก่อตัวขึ้นมา

คัมภีร์อัคดัสไม่ใช่ระบบหนึ่งของประมวลกฎหมาย ??ข้อชี้แนะที่สัมพันธ์กับรายละเอียดของชีวิตส่วนบุคคลหรือวิธีปฏิบัติของสังคม ??ถูกลิขิตไว้ในวรรคต่างๆ ที่ดึงผู้อ่านมายังความคิดใหม่ที่ท้าทายเกี่ยวกับธรรมชาติและจุดประสงค์ของมนุษย์ ??เอฟเกนี เอดเดอโดวิช เบอเทล นักวิชาการชาวรัสเซียในคริสตวรรษที่ 19 ผู้พยายามแปลคัมภีร์นี้เป็นครั้งแรก ได้เปรียบปากกาของพระบาฮาอุลลาห์ที่ลิขิตคัมภีร์อัคดัสเป็นวิหค ??ซึ่งตอนนี้เหินขึ้นสู่นภาชั้นสูงสุด อีกตอนหนึ่งบินลงมาสัมผัสกับปัญหาประจำวันต่างๆ ในบ้าน

บทบัญญัติในคัมภีร์นี้ครอบคลุมเรื่องต่างๆ ที่หลากหลายเช่น ??สุนทรียศาสตร์ การควบคุมอาวุธ สุขลักษณะ กฎหมายลงโทษ และความจำเป็นที่จะต้องมีภาษาเสริมที่เป็นนานาชาติหนึ่งภาษา ??ความโน้มเอียงเข้าหาพิธีกรรมของมนุษย์ซึ่งขจัดไม่ได้ ถูกกำกับให้อยู่ในชีวิตส่วนบุคคลบางเรื่อง ข้อห้ามต่างๆ ที่รับเป็นมรดกมาจากคำสอนของศาสนาก่อนๆ ถูกยกเลิก ??และประตูสำหรับการกำเนิดขึ้นมาของนักบวชอาชีพถูกปิดอย่างแน่นหนา อย่างไรก็ตามใจความหลักในอัคดัสคือประเด็นใหญ่ๆ ซึ่งธรรมลิขิตทั้งหมดของพระบาฮาอุลลาห์และสังคมร่วมสมัยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ??นั่นคือ ความยุติธรรม รัฐบาล กฎหมาย อิสรภาพ ความเชื่อ การศึกษา ครอบครัว และการส่งเสริมอารยธรรม

ความยุติธรรม

คัมภีร์นี้คือคันชั่งที่ไม่มีผิดพลาดที่พระผู้เป็นเจ้าถืออยู่ในมือ ??ไว้สำหรับชั่งทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และทุกคนที่อยู่บนโลก

(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 183)

ตลอดยุคสมัยต่างๆ ของการเดินทางอันยาวนานจากความป่าเถื่อน ??มนุษยชาติได้รับการค้ำจุนด้วยสัญญาที่ให้ไว้ในคัมภีร์ของศาสนาที่ยิ่งใหญ่ทั้งปวงว่า ??วันหนึ่งยุคแห่งความยุติธรรมจะมาถึง ใจความสำคัญของธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์คือ เรากำลังได้เห็นรุ่งอรุณของยุคแห่งความยุติธรรมดังกล่าว ??โดยการผ่านความเหนื่อยยากและทุกข์ทรมาน ประชาชนทั้งหลายของโลกกำลังได้รับการชำระล้างนิสัยและเจตคติที่ตกยุค และตื่นขึ้นมาเห็นศักยภาพที่ความเป็นมนุษย์ของตนประสาทให้ ??พวกเขากำลังถูกตระเตรียมให้ยอมรับทั้งความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของตน และความจำเป็นในที่สุดที่จะต้องพึ่งความยุติธรรมของพระผู้สร้างที่รักใคร่ซึ่งพึ่งได้เสมอ

ในความคิดของพระบาฮาอุลลาห์ความยุติธรรมคือรากฐานของอารยธรรมระคับโลกที่จะมาถึง ??ความยุติธรรมคือวิธีการที่จำเป็นสำหรับการรวมประชาชนและชุมชนที่หลากหลายของโลกเข้าด้วยกัน ??ธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์กล่าวว่า ??จุดประสงค์ของความยุติธรรมคือการปรากฏขึ้นมาของความสามัคคีในหมู่มนุษย์? ?(Tablets of Baha? u? llah Revealed after the Kitab-i-Aqdas, p.67)

คุณสมบัติส่วนหนึ่งที่มนุษย์ต้องดีเด่นในความสัมพันธ์ส่วนตัวที่พวกเขามีต่อกันคือ ??ความรัก ความเมตตาและการให้อภัย การปลูกฝังการตอบสนองด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ในธรรมชาติของมนุษย์ ??ได้เป็นหนึ่งในจุดหมายเบื้องต้นของการเปิดเผยพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่ต่อเนื่องกันมา อย่างไรก็ตามการที่คุณสมบัติเหล่านี้จะพัฒนาขึ้นมาเป็นลักษณะเด่นในชีวิตของมนุษย์ ??สมาชิกทุกคนในสังคมและแต่ละกลุ่มที่เป็นองค์ประกอบของสังคมต้องวางใจได้ว่า เขาหรือเธอได้รับการคุ้มครองโดยมาตรฐานต่างๆ ที่ใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

แนวความคิด ??กฎ และหลักธรรมต่างๆ ที่แถลงไว้ในคีตาบีอัคดัส ??มุ่งหมายจะวางรากฐานของความวางใจนี้ ด้วยวจนะในคัมภีร์เอง ??คัมภีร์นี้คือ ??คันชั่งที่ไม่มีผิดพลาดที่พระผู้เป็นเจ้าถืออยู่ในมือ ??ไว้สำหรับชั่งทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และทุกคนที่อยู่บนโลก… โดยคัมภีร์นี้ผู้ยากไร้ร่ำรวยขึ้น ??ผู้รู้เห็นแจ้งกว่าเดิม และผู้แสวงหาสามารถขึ้นไปพบพระผู้เป็นเจ้า? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 183)

รัฐบาล

บทบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าให้ไว้คือวิธีการสูงสุดสำหรับการค้ำจุนระเบียบในโลกและความปลอดภัยของประชาชน

(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 2)

คัมภีร์อัคดัสกล่าวย้ำความเห็นชอบของพระบาฮาอุลลาห์ที่กล่าวไว้หลายแห่งในธรรมลิขิตของพระองค์ ??เกี่ยวกับหลักการของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย บทบัญญัติในคัมภีร์อัคดัสมองรัฐในอนาคตเป็นคนรับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าและเครื่องมือที่รับประกันสิทธิ์ของสมาชิกทุกคนในสังคม

หลายวรรคในคัมภีร์อัคดัสกล่าวถึงกษัตริย์ทั้งหลายในคริสต์ศตวรรษที่สิบเก้า ??ซึ่งพวกเขาได้รับคำเตือนว่าโดยกระบวนการทางประวัติศาสตร์ที่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ ??บรรดาผู้ปกครองสังคมมนุษย์จะถูกบังคับให้ยอมรับว่า ที่จริงแล้วพวกเขาคือ ??ข้า? ?ของพระผู้เป็นเจ้าที่ต้องรับผิดชอบอำนาจที่ตนใช้

วรรคเหล่านี้จะเป็นที่เข้าใจได้ดีที่สุดในบริบทของธรรมจารึกสำคัญอีกหลายฉบับที่ตรัสต่อผู้ปกครองเหล่านี้ ??พระบาฮาอุลลาห์ทรงยืนกรานในธรรมจารึกเหล่านั้นว่า ??ทรัพย์สมบัติ? ?ที่แท้จริงของทุกดินแดนคือประชาชนของดินแดนนั้น ??รัฐบาลทั้งหลายถูกเตือนว่า ??อย่าปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมต่อผู้ที่มาอุทธรณ์ต่อเจ้า? ?พวกเขาถูกเรียกให้ยอมรับว่า ??คนยากไร้คือผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าฝากฝังไว้กับเจ้า? ???ภาระของภาษีสาธารณะที่เพิ่มขึ้นถูกประกาศว่าเป็น ??ความอยุติธรรมสิ้นดี? ?หากรัฐบาลใดทำการรุกราน รัฐบาลที่เหลือทั้งหมดถูกเรียกให้ ??ลุกขึ้นต่อต้านเขา เพราะนี่มิใช่อื่นใดแต่คือความยุติธรรมที่เห็นชัด? ?(Gleanings from the Writings of Baha? u? llah, p.236, 251-4)

ด้วยเบื้องหลังความเป็นมาเช่นนี้ ??คีตาบีอัคดัสตักเตือนบรรดาผู้ชี้ขาดกิจการทั้งหลายของมนุษย์ให้ปกป้องสิทธิ์ของผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และผู้ด้อยโอกาส ??รัฐบาลทั้งหลายไม่เพียงได้รับบัญชาให้ ??พันผ้าให้ผู้บาดเจ็บด้วยมือแห่งความยุติธรรม? ?แต่ยังมีสิทธิ์และข้อผูกพันทางศีลธรรมให้ ??บดขยี้ผู้กดขี่? ?ที่ใช้อำนาจไปในทางที่ผิดดังกล่าว ??ด้วยคทาแห่งบทบัญญัติของพระผู้เป็นนายของเจ้า? ?(คีตาบีอัดดัส ย่อหน้า 88)

กฎหมาย

อย่าคิดว่าสิ่งที่เราเปิดเผยต่อเจ้าเป็นเพียงประมวลกฎชุดหนึ่ง ??ไม่เลย ที่จริงแล้วเราได้เปิดผนึกของอมฤตชั้นเยี่ยมด้วยองคุลีแห่งอำนาจและอานุภาพ?

(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 5)

เมื่ออารยธรรมตะวันตกแพร่กระจายออกไป ??ประมวลกฎหมายทุกแห่งหนได้แยกตัวออกจากอภิปรัชญาที่เคยล่ามตนไว้มาแต่ดั้งเดิม ??ผลที่ตามมาอย่างหนึ่งคือ เรื่องหลักๆ ของกฎหมายมุ่งมาที่การยับยั้งอาชญากรรมและการยุติข้อโต้แย้ง ??ในทางปฏิบัติความมุ่งมั่นนี้แม้ว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างจำกัด ก็ยังอ่อนเปลี้ยลงท่ามกลางการแตกสลายของสังคมที่รวดเร็วขึ้น ??พฤติกรรมศาสตร์แม้ว่าจะมีค่าเพียงไร ก็ทำไม่ได้ตามที่สัญญาไว้แต่แรกว่าจะเป็นแหล่งของการบรรเทาได้อย่างเพียงพอ

การแจกแจงรายละเอียดและการประมวลกฎของพระผู้เป็นเจ้าที่พระบาฮาอุลลาห์เปิดเผยให้บริบูรณ์ ??คืองานสำหรับคนรุ่นหลัง และในหลายกรณีกฎนี้จะนำมาใช้ในสภาพสังคมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล ??อย่างไรก็ตามสาระสำคัญของกฎนี้เป็นที่เห็นได้ชัดแล้ว คีตาบีอัคดัสยืนยันทั้งความรับผิดชอบทางศีลธรรมของมนุษย์สำหรับการกระทำของตนเอง ??และสิทธิ์ของสังคมที่จะบังคับใช้กฎทั้งหลายที่กำหนดไว้เพื่อค้ำจุนความผาสุกโดยรวม ??จงระวังอย่าละเลยไม่ดำเนินการตามบทบัญญัติของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าเพราะความเห็นอกเห็นใจ? ???(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 45)

จุดประสงค์มูลฐานของบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ??ไม่ว่าจะมีบทลงโทษหรือไม่ คือเพื่อจะปลุกวิญญาณที่รู้จักใช้เหตุผลให้เห็นธรรมชาติที่แท้จริงของตนเอง ??และพลังความสามารถที่แฝงอยู่ในตนเอง ดังนี้คัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าคือ ??ผู้กระตุ้นมนุษยชาติ? ?คือ ??บ่อเกิดแห่งความสุขที่แท้จริง? ?(God Passes By, p.215) ????เมื่อมองด้วยสายตาของวิญญาณ ??คัมภีร์นี้คือ ??ความอารีของพระผู้เป็นเจ้า? ???คัมภีร์อัคดัสให้คำแนะนำว่า ??จงพิจารณาดูความปรานีของพระผู้เป็นเจ้าและของขวัญของพระองค์ ??พระองค์ทรงบัญชาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ต้องพึ่งผู้ที่พระองค์สร้าง? ?(คีตาบีอัดดัส ย่อหน้า 185, 59)

อิสรภาพ

หากมนุษย์ปฏิบัติตามสิ่งที่เราส่งมาจากนภาแห่งการเปิดเผยพระธรรม ??แน่นอนว่าพวกเขาจะบรรลุถึงอิสรภาพที่สมบูรณ์?

(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 125)?

ความยุ่งยากอย่างหนึ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ในอารยธรรมของโลกตะวันตกคือ ??ความจำเป็นที่สังคมจะต้องตีเส้นแบ่งให้ชัดเจนระหว่างอิสรภาพกับการทำอะไรตามใจชอบ ??สิทธิของพลเมืองและสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายอื่นๆ ถูกนำมาอ้างเป็นความชอบธรรมที่จะแสดงความหุนหันใดๆ ก็ได้ ??อย่างดีที่สุดนั้นขอบเขตสิทธิของบุคคลอันเป็นที่ยอมรับกันก็คือ การอ้างสิทธิเหล่านี้ต้องไม่ล่วงเกินสิทธิของผู้อื่น

ถึงแม้ว่าจะทำได้ตามมาตรฐานดังกล่าว ??มาตรฐานนี้ก็สันนิษฐานถึงมนุษย์เชื้อชาติหนึ่ง ??ซึ่งสามารถกำหนดพฤติกรรมที่จะส่งเสริมสิ่งจำเป็นที่แท้จริงสำหรับตน ในเกือบทุกเรื่องที่วินิจฉัยด้วยศีลธรรม ??ดังนี้จึงมีการใช้ข้อเปรียบเทียบความคล้ายคลึงกันอยู่บ่อยๆ ในกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ ซึ่งแสดงนัยว่า ??มีมาตรฐานที่เป็นเกณฑ์ให้เห็นพ้องกันได้ในระดับพอควรเกี่ยวกับการส่งเสริมความผาสุกของมนุษย์

แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิทยาศาสตร์ไม่มีสำนึกในศีลธรรม ??และมุมมองทางวัฒนธรรมของมนุษยชาตินั้นต่างกันมาก เราเผชิญกับคำยืนยันของพระบาฮาอุลลาห์ในธรรมลิขิตของพระองค์อีกครั้งว่า ??การหยั่งเห็นและความกลมกลืนกันในเรื่องของศีลธรรมจะเกิดขึ้นได้ก็โดยพรสวรรค์จากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่ทรง ??เลือกที่จะประสาทมนุษย์ด้วยความล้ำเลิศและความสามารถพิเศษที่จะรู้จักและรักพระองค์ ??ซึ่งเป็นความสามารถที่จำเป็นต้องถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อน…ที่อยู่เบื้องหลังสรรพโลก? ?(Gleanings from the Writings of Baha? u? llah, p.65)

ด้วยมุมมองนี้เองที่คีตาบีอัคดัสประณามความพยายามที่จะใช้ ??อิสรภาพ? ?มาอ้างเป็นความชอบธรรมสำหรับการปฏิบัติตนที่ ??ทำให้มนุษย์ก้าวล่วงขอบเขตของความเหมาะสม? ???การปฏิบัติตนที่ ??ดึงมนุษย์ลงไปสู่ระดับต่ำสุดของความเลวทรามและชั่วร้าย? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 123)

ความเชื่อ

นี้คือศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าที่ไม่มีเปลี่ยนแปลง ??เป็นนิรันดร์ในอดีต เป็นนิรันดร์ในอนาคต

(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 182)

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า ??การเปิดเผยพระธรรมของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคแห่งวุฒิภาวะร่วมกันของมนุษยชาติ ??อยู่เหนือกว่าระบบหลากหลายที่แตกออกเป็นนิกาย ซึ่งรับเป็นมรดกมาจากยุคต่างๆ ในอดีต ??เนื่องด้วยมีความเป็นจริงสุดท้ายเพียงหนึ่งเดียว และมีมนุษย์เชื้อชาติเดียวที่อาศัยอยู่ในโลกของเรา ??ดังนั้นสัมพันธภาพระหว่างทั้งสองจึงเป็นหนึ่งและไม่ขาดตอน จุดประสงค์เบื้องต้นของธรรมทูตทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่มาสอนศาสนาต่างกัน ??แต่มาเผยให้เห็นความสามารถต่างๆ อย่างก้าวหน้า ที่มีอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์และสังคม

ในคำอธิบายเกี่ยวกับคีตาบีอัคดัส ??พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า : ??พระศาสดาทั้งหลายและบรรดาผู้ที่ได้รับการเลือกสรรล้วนได้รับมอบหมายจากพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงองค์เดียว…ให้หล่อเลี้ยงพฤกษาแห่งความเป็นมนุษย์ด้วยน้ำแห่งความซื่อตรงและความเข้าใจ ??เพื่อว่าสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าฝากไว้ในตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา จะปรากฏออกมาจากพฤกษานี้? ?(คำถามและคำตอบ 106)?? ดังนั้นการไต่สวนความจริงคือสิทธิและและความรับผิดชอบของมโนธรรมของแต่ละคน ??ไม่มีใครหรือหน่วยงานใดมีอำนาจที่จะบังคับความเชื่อหรือให้มีความคิดเห็นแบบเดียวกัน

ด้วยเจตคติเช่นนี้เองที่คีตาบีอัคดัสเร่งเร้าว่า : ??จงคบหากับทุกศาสนาด้วยมิตรภาพและความกลมเกลียว ??เพื่อว่าพวกเขาจะได้สูดสุคนธรสของพระผู้เป็นเจ้าจากเจ้า? ?และให้คำแนะนำว่า : ??จงระวังอย่าให้นามใดมาขวางกั้นเจ้าจากพระผู้ทรงครอบครองนามทั้งปวง? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 144, 167)?? คำเตือนที่เฉียบขาดถึงบรรดานักบวชและนักศาสนศาสตร์ที่ศึกษาคำสอนศาสนาที่หลากหลายในโลก ??ต้องอ่านจากมุมมองเดียวกันนี้ : ??อย่าชั่งคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าด้วยมาตรฐานและศาสตร์ที่ใช้กันในหมู่พวกเจ้า ??เพราะตัวคัมภีร์เองคือคั่นชั่งที่ไม่ผิดพลาดที่ตั้งไว้สำหรับมนุษย์? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 99)

การเรียนรู้

นี้คืออรุโณทัยแห่งความรู้สวรรค์…หากเจ้าเป็นพวกที่เข้าใจ

(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 186)

ธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์ประกาศให้การศึกษาเป็นสิทธิ์และข้อบังคับของทุกคนทั้งหญิงและชายเหมือนกัน ????ความรู้เป็นเสมือนปีกสำหรับชีวิตของมนุษย์ และบันไดให้มนุษย์ไต่ขึ้นไป การหาความรู้เป็นหน้าที่ของทุกคน? ?(Epistle to the Son of the Wolf, p.26)?? พระองค์ทรงกล่าวว่า ??ยุคใหม่ได้รุ่งอรุณแล้ว ??เป็นยุคที่ ??ความลับทั้งหลายบนพิภพถูกเผยออกมา? ?(Tablets of Baha? u? llah Revealed after the Kitab-i-Aqdas, p.39)?? และการสำรวจความลับเหล่านี้ด้วยดวงจิตแห่งการรับใช้มนุษยชาติคือการบูชา

เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของการศึกษาคือ ??การค้นพบและพัฒนาความสามารถทางศีลธรรมที่แฝงอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์เอง ??ผมที่ตามมาจากการเปิดเผยพระธรรมสากลของพระผู้เป็นเจ้าคือ ??ชีวิตใหม่ในยุคนี้กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในประชาชนทั้งหมดของโลก? ?(Gleanings from the Writings of Baha? u? llah, p.196)?? การปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร ??ศิลปะ และเทคโนโลยีได้เริ่มต้นแล้ว ??ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับบรรดาผู้เรียนรู้ที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้มีศีลธรรม ??ที่ทุ่มเทให้กับอุดมการณ์ของเอกภาพระดับโลก การเพิ่มพลังความสามารถอย่างแท้จริงของประชาชนทั้งหลายของโลกจะตามมามากยิ่งขึ้นโดยการหาความรู้ ??ไม่ใช่โดยสิทธิ์พิเศษทางเพศ เชื้อชาติ หรือความมั่งคั่ง การศึกษาดังกล่าวเรียกร้องให้รู้จักมีวินัย แรงจูงใจที่จะทำให้เกิดความพยายามเช่นนี้ได้คือความรักที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า ??คัมภีร์อัคดัสกล่าวว่า บทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่เป็น ??เพียงประมวลกฎ? ?แต่เป็น ??ตะเกียงแห่งการบริบาลด้วยความรักในหมู่คนรับใช้ของเรา และกุญแจแห่งความปรานีของเราสำหรับผู้ที่เราสร้าง? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 5, 3)

ครอบครัว

จงสมรสเถิด ??เพื่อว่าเจ้าจะให้กำเนิดผู้ที่จะระลึกถึงเราในหมู่คนรับใช้ของเรา

(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 63)

คัมภีร์อัคดัสกล่าวว่า ??พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติชีวิตสมรสแก่เจ้า…เพื่อว่าเจ้าจะให้กำเนิดผู้ที่จะระลึกถึงเราในหมู่คนรับใช้ของเรา? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 63)?? พระบาฮาอุลลาห์ทรงมองอนาคตว่า ??ครอบครัวแบบไม่แยกตัวจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้งเป็นเกณฑ์มาตรฐานทั่วโลก ??และบทบัญญัติต่างๆ ของคัมภีร์อัคดัสหนุนอุดมคตินี้ ตัวอย่างเช่น แม้การเลือกคู่สมรสจะอยู่ที่ตัวลูกชายและลูกสาว ??ข้อกำหนดให้ขอความยินยอมจากพ่อแม่นั้นมุ่งหมายจะให้เกิดการลงทุนของครอบครัวในความสำเร็จของชีวิตสมรส

ข้อกำหนดในคีตาบีอัคดัสที่สัมพันธ์กับครอบครัว ??ต้องอ่านในบริบทของคำสอนทั่วไปของพระบาฮาอุลลาห์ ??พระองค์ทรงลิขิตว่า ??สตรีและบุรุษมีความเท่าเทียมกันตลอดมา ??และจะเท่าเทียมกันตลอดไปในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า? ?(Women, Compilation 1986 no.54)?? ความยุติธรรมในปัจจุบันเรียกร้องสังคมให้จัดกิจการของตนใหม่ ??เพื่อให้โอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคนโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางเพศ ??หากทรัพยากรด้านการเงินมีจำกัดถึงกับต้องให้เลือก การศึกษาของเด็กหญิงต้องมาก่อนเด็กชาย

คำบัญชาอันหลังนี้สัมพันธ์กับความรับผิดชอบและการอ้างสิทธิ์บางอย่างที่ผูกไว้กับเพศ ??การศึกษาของเด็กหญิงมีความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะถึงแม้ว่าทั้งพ่อและแม่ต่างก็มีส่วนร่วมในการอบรมลูก ??แม่มีอิทธิพลต่อลูกมากกว่าในช่วงขวบปีแรกๆ แม่ทั้งหลายคือผู้ที่มีบทบาทสำคัญเบื้องต้นในขบวนการสร้างอารยธรรม

ทำนองคล้ายกันบุรุษถูกขอให้เป็นหลักที่ดูแลรับผิดชอบความผาสุกของครอบครัวด้านการเงิน ??และข้อกำหนดจำนวนหนึ่งในอัคดัสนำเรื่องนี้มาพิจารณาเป็นพิเศษ

ความก้าวหน้าของอารยธรรม

สมดุลของโลกถูกรบกวนโดยพลังอันสั่นสะเทือนของระบบโลกใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้

(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 181)

ลักษณะร่วมอย่างหนึ่งของศาสนาที่ยิ่งใหญ่ทั้งปวงในอดีตคือคำสอนที่ว่า ??จุดประสงค์ของชีวิตของมนุษย์คือเพื่อให้วิญญาณของตนรู้จัก รัก และบูชาพระผู้สร้าง ??ธรรมลิขิตของพระบาฮาอุลลาห์เกี่ยวกับเรื่องนี้มีมากมายเป็นพิเศษและเข้าถึงจิตใจ แต่อย่างไรก็ตามก็เน้นว่า ??การกระตุ้นจิตวิญญาณดังกล่าวต้องจูงใจมนุษย์แต่ละคนให้ตอบสนองในหนทางของตนเองต่อสัจธรรมที่ว่า ??มนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสานต่ออารยธรรมที่ก้าวหน้าอย่างไม่มีสิ้นสุด? ?(Gleanings from the Writings of Baha? u? llah, p.215)

ความสามารถที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อนกำลังตื่นตัวขึ้นมาในประชาชนทุกเชื้อชาติและวัฒนธรรม ??การผสมผสานความสามารถเหล่านี้เข้าด้วยกันจะเปลี่ยนรูปของประสบการณ์ทางวัฒนธรรม ??ยุคนี้คือยุคที่กรุณาธิคุณอันล้ำเลิศที่สุดของพระผู้เป็นเจ้าได้หลั่งมายังมนุษย์…ในไม่ช้าระบบในปัจจุบันจะถูกม้วนเก็บ ??และระบบใหม่จะกางออกมาแทนที่? ?(Gleanings from the Writings of Baha? u? llah, p.6-7)

เมื่อประชาชนทั้งหลายของโลกถูกดึงเข้ามาเป็นสังคมโลกเดียวกันอย่างหนีไม่พ้น ??พวกเขากำลังถูกท้าทายให้ปลดตนเองให้เป็นอิสระจากข้อจำกัดและอคติทางวัฒนธรรม และยอมรับธรรมสารของพระผู้เป็นเจ้า ??ซึ่งเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถผูกหัวใจและจิตใจของพวกเขาเข้าด้วยกัน วจนะของคีตาบีอัคดัสคือ ??ดูกร ประชาชนทั้งหลายของโลก!…จงโยนทิ้งสิ่งที่เจ้าครอบครอง ??และเหินด้วยปีกแห่งความปล่อยวางให้เลยทุกสรรพสิ่งไป ดังนี้พระผู้เป็นนายแห่งสรรพโลกบัญชาเจ้า ซึ่งการขยับปากกาของพระองค์ได้ปฏิวัติวิญญาณของมนุษยชาติ? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 54)

คีตาบีอัคดัสและประชาคมบาไฮ

พระบาฮาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า ??โลกนี้เป็นเพียงประเทศเดียว ??และมนุษยชาติเป็นเพียงพลเมืองเดียวกัน? ?(Gleanings from the Writings of Baha? u? llah, p.250) ????ปัจจุบันนี้คำสอนของพระองค์ถูกนำมาปฏิบัติในชีวิตของประชาคมหนึ่งที่ประสานกันอยู่ทั่วโลก ??ซึ่งเป็นตัวแทนของความหลากหลายทั้งหมดของมนุษยชาติ และก่อตั้งอยู่ในทุกส่วนของโลก ความสำเร็จของประชาคมนี้ในเรื่องต่างๆ เช่น ??การรวมเชื้อชาติเข้าด้วยกัน ความเสมอภาคระหว่างเพศ และการส่งเสริมการศึกษา น่าสังเกตเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตามลักษณะเด่นของประชาคมบาไฮคือ ??ระบบบริหารที่พระผู้ก่อตั้งประสาทให้ ด้วยปฏิบัติการบนหลักการของการปรึกษาหารือที่พระบาฮาอุลลาห์สอนไว้ ??ประชาคมบาไฮจึงบริหารงานโดยสภาที่เลือกตั้งแบบประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น ระดับชาติและระดับนานาชาติ ประชาคมบาไฮไม่มีนักบวช ??กิจกรรมทั้งหลายของชุมชนได้รับการสนับสนุนโดยการบริจาคเงินของสมาชิกของชุมชนที่ลงทะเบียนแล้วเท่านั้น ระบบนี้อิงอยู่กับข้อกำหนดที่แจ่มแจ้งในคีตาบีอัคดัสที่ว่า ??พระผู้เป็นนายทรงบัญญัติไว้ว่าในทุกเมืองต้องสถาปนาสภายุติธรรม…เป็นความถูกต้องที่พวกเขาจะทำตัวเป็นผู้พิทักษ์ของพระผู้ทรงปรานีในหมู่มนุษย์ ??และถือว่าตนคือผู้อภิบาลที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก? ?(คีตาบีอัคดัส ย่อหน้า 30)

สำหรับสภาปกครองระดับนานาชาตินั่นคือสภายุติธรรมสากล ??พระบาฮาอุลลาห์ทรงมอบหมายหน้าที่ในการวนิจฉัยทุกเรื่องที่ไม่ได้เปิดเผยไว้แจ่มแจ้งในพระธรรม ??ดังนี้พระองค์ทรงรับประกันว่า จนกว่าพระศาสดาองค์ต่อไปของพระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาหลังจากนี้หนึ่งพันปีหรือนานกว่านั้น ??ระบบโลกที่พระองค์ก่อตั้งจะมีอำนาจนิติบัญญัติที่สามารถตามทันความต้องการทั้งหลายของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

พระบาฮาอาอุลลาห์ทรงกล่าวว่า ??แบบแผนใหม่ของสังคมที่พระองค์เริ่มต้น ??จะคลี่ตัวออกมาให้เห็นทีละน้อย ซี่งเป็นลักษณะของปรากฏการณ์ของกระบวนการวิวัฒนาการ : ??จงพิจารณาดูดวงอาทิตย์ ??รัศมีของดวงอาทิตย์อ่อนเพียงไรขณะที่รุ่งอรุณขึ้นมาบนขอบฟ้า ความอุ่นและพลังของดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้นทีละน้อยอย่างไรขณะที่ขึ้นสู่เที่ยงวัน ??เป็นการช่วยให้ทุกสรรพสิ่งสามารถปรับตัวเข้ากับความเข้มของแสงที่ร้อนแรงขึ้น? ?(Gleanings from the Writings of Baha? u? llah, p.87-8)