สภายุติธรรมสากล

2 มีนาคม 2556

ถึง บาไฮในประเทศอิหร่าน

เพื่อนที่รักยิ่ง

บัดนี้ เป็นเวลาสามทศวรรษครึ่งมาแล้วที่คลื่นแห่งการประหัตประหารระลอกแล้วระลอกเล่า ซึ่งมีความรุนแรงในระดับที่แตกต่างกันได้โหมกระหน่ำชุมชนที่กล้าหาญและผ่านการทดสอบอย่างสาหัสของท่าน เป็นการโจมตีอย่างต่อเนื่องที่เป็นเพียงลำดับล่าสุดของชุดแห่งการประหัตประหารซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาตั้งแต่กว่าร้อยหกสิบปีที่แล้ว ?แต่กระนั้น ในทางตรงกันข้ามกับความคาดหวังของผู้ที่มุ่งมั่นจะลดทอนพละกำลังของชุมชนแห่งสาวกของพระบาฮาอุลลาห์ในบ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์ การวางเล่ห์เพทุบายของพวกเขาในท้ายสุดได้กลับกลายเป็นประโยชน์ต่อการเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐานของชุมชนนี้และเสริมกำลังพล เพื่อนร่วมชาติของท่านจำนวนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ผู้ซึ่งตนเองก็ตกเป็นเหยื่อแห่งการกดขี่เช่นเดียวกัน ไม่เพียงแต่เห็นได้อย่างชัดเจนถึงร่องรอยของความอยุติธรรมทั้งหลายที่ถูกกระทำต่อชาวบาไฮอย่างไม่ชอบธรรมในหลายปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังสังเกตเห็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงในทางสร้างสรรค์จากหลักฐานที่มีอย่างไม่ขาดตอนของการรับใช้สังคมอย่างไม่หวังผลตอบแทนของท่าน ในขณะที่ความเห็นอกเห็นใจต่อท่านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องเรียกให้ถอดถอนสิ่งกีดขวางทั้งหลายที่กีดกันมิให้ท่านมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตของสังคมในทุกๆ ด้านก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น จึงไม่น่าฉงนใจเลยว่า คำถามเกี่ยวกับจุดยืนของชาวบาไฮในทุกแห่งหนเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองนั้นจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในสายตาของเพื่อนร่วมชาติของคุณ

แน่นอนทีเดียวว่า ?ในทางประวัติศาสตร์ ชุมชนบาไฮอิหร่านพบว่าจุดยืนของตนเกี่ยวกับเรื่องนี้มีลักษณะ ?ที่เฉพาะตัว ในด้านหนึ่งชุมชนนี้ถูกกล่าวหาด้วยความเท็จว่ามีจุดประสงค์ทางการเมือง ?มุ่งต่อต้านระบอบการปกครองที่มีอยู่ ? เป็นสายลับของอำนาจต่างประเทศซึ่งเป็นประเทศใดก็ตามที่ผู้กล่าวหามองว่ากล่าวหาตามความมุ่งหมายของตนได้ง่ายที่สุด ในอีกด้านหนึ่ง การปฏิเสธโดยเด็ดขาดของเหล่าสมาชิกของชุมชนนี้ที่จะเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองแบบยึดแนวทางพรรคถูกวาดภาพให้เป็นเสมือนการปราศจากความห่วงใยต่อกิจการความเป็นอยู่ของประชาชนชาวอิหร่าน ?บัดนี้ ในขณะที่เจตนาอันแท้จริงของผู้ที่กดขี่ท่านได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดแจ้งแล้ว เป็นสิ่งจำเป็นที่ท่านจะต้องตอบสนองต่อความสนใจที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของเพื่อนร่วมชาติของท่านในการเข้าใจทัศนคติแบบบาไฮเกี่ยวกับการเมือง ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้ความเข้าใจแบบผิดๆ ถูกปล่อยให้ย่อหย่อนพันธะแห่งมิตรภาพที่คุณกำลังสร้างขึ้นกับดวงวิญญาณมากมายหลายดวง ในการนี้ พวกเขาควรค่ากับการได้รับมาก กว่าเพียงถ้อยแถลงที่ปลุกเร้าภาพแห่งความรักและความสามัคคี ?ถึงแม้ว่าถ้อยแถลงเหล่านั้นจะมีความสำคัญมากมายเพียงใดก็ตาม เพื่อเป็นการช่วยเหลือท่านในการสื่อความให้พวกเขาได้เห็นวิสัยทัศน์ของโครงร่างที่คอยกำหนดวิธีดำเนินการแบบบาไฮต่อหัวข้อนี้ เราจึงได้เตรียมข้อคิดเห็นไว้ให้กับท่านดังต่อไปนี้

สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจถูกแยกออกจากมุมมองของบาไฮเกี่ยวกับเรื่องการเมือง คือ แนวคิดหนึ่งเกี่ยวกับประวัติ ศาสตร์ ทั้งในแง่ของลำดับเหตุการณ์และทิศทาง ?สาวกของพระบาฮาอุลลาห์ทุกคนมีความเชื่ออย่างหนักแน่นว่าในวันนี้มนุษยชาติกำลังใกล้เข้าไปสู่ระยะที่เป็นจุดสูงสุดของกระบวนการที่ยืดยาวมาช้านานนับพันปี ซึ่งได้นำพามวลมนุษยชาติโดยรวมจากวัยทารกมาสู่ธรณีประตูแห่งวุฒิภาวะ ? ?อันเป็นระยะที่จะเป็นประจักษ์พยานต่อการประสานสามัคคีชนชาติแห่งมนุษย์เข้าไว้เป็นหนึ่งเดียวกัน มวลมนุษยชาติโดยรวมกำลังอยู่ท่ามกลางช่วงแห่งการเปลี่ยนผ่านอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งเป็นไปในลักษณะที่ไม่แตกต่างจากบุคคลหนึ่งที่กำลังผ่านช่วงวัยรุ่นที่เป็นระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่กระนั้นก็เต็มไปด้วยความหวัง เป็นช่วงเวลาที่พลังและศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ทั้งหลายจะถูกเผยออกมา เบื้องหลังความชุลมุนวุ่นวายและความสับสนอลหม่านของวิถีชีวิตในยุคร่วมสมัยนี้คือการระเบิดออกเป็นพักๆ ของมนุษยชาติที่กำลังพยายามดิ้นรนที่จะบรรลุนิติภาวะ ?ในขณะที่ความจำเป็นต่างๆ ของการบรรลุวุฒิภาวะเริ่มแสดงตนออกมานั้นธรรมเนียมปฏิบัติและแบบแผนประเพณีนิยมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ตลอดจนทัศนคติและลักษณะนิสัยต่างๆ ซึ่งเคยเป็นที่หวงแหนก็กำลังถูกทำให้ล้าสมัยไปทีละอย่าง

ชาวบาไฮได้รับการสนับสนุนให้มองไปที่การเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นในทุกๆ แวดวงของชีวิตแล้วมองเห็นปฏิสัมพันธ์ของกระบวนการขั้นมูลฐานสองกระบวนการ ??กระบวนการหนึ่งมีลักษณะของการทำลายล้าง ส่วนอีกกระบวนการหนึ่งเป็นลักษณะของการประสานรวม ทั้งสองนี้ทำหน้าที่ในแบบของมันเองในการนำพามนุษยชาติไปตามเส้นทางที่จะนำไปสู่การมีวุฒิภาวะอย่างสมบูรณ์ ???ปฏิบัติการของกระบวนการแรกเป็นที่เด่นชัดอยู่ในทุกแห่งหน ? ในการผันเปลี่ยนที่ไม่คาดคิดซึ่งก่อให้เกิดความทุกข์ยากแก่สถาบันที่เคยดำรงไว้ซึ่งเกียรติยศมาช้านาน ในการไร้ความสามารถของผู้นำในทุกระดับที่จะซ่อมแซมแก้ไขความแตกร้าวทั้งหลายที่กำลังปรากฏขึ้นในโครงสร้างของสังคม ?ในการรื้อถอนบรรทัดฐานทางสังคมที่ได้คอยควบคุมกิเลสที่ไม่เหมาะไม่ควรมาแสนนาน และในความสิ้นหวังและความเฉยเมยไม่แยแสที่แสดงออกมาไม่เพียงโดยบุคคลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบรรดาสังคมโดยรวมทั้งหลายที่ได้สูญเสียความรู้สึกแห่งการมีจุดมุ่งหมายสำคัญไปจนหมดสิ้น แม้ว่ากระบวนการแรกจะก่อให้เกิดการล้างผลาญอย่างรุนแรง ??พลังแห่งการทำลายล้างนี้มักจะส่งผลในการกวาดล้างสิ่งกีดขวางทั้งหลายที่กีดกั้นความเจริญก้าวหน้าของมนุษยชาติ อันเป็นการเปิดทางให้กับกระบวนการประสานรวมที่ดึงดูดผู้คนจากหลากหลายกลุ่มเข้ามารวมกันและเผยโอกาสใหม่ๆ ออกมาเพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจและการทำงานร่วมกัน แน่นอนทีเดียวว่า ชาวบาไฮทั้งหลายเพียรพยายามที่จะจัดวางตนเอง ?ทั้งในระดับบุคคลและส่วนรวม ให้สอดคล้องกับพลังทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในการประสานรวม ซึ่งพวกเขามั่นใจว่าจะทวีกำลังเพิ่มขึ้น ไม่ว่าขอบฟ้าที่อยู่เบื้องหน้าจะมืดมัวเพียงใดก็ตาม กิจการทั้งหลายของมนุษย์จะถูกจัดระบบขึ้นใหม่โดยสิ้นเชิง และยุคแห่งสันติภาพสากลจะได้รับการสถาปนา

ดังนี้แล คือภาพแห่งประวัติศาสตร์อันเป็นรากฐานของทุกความพยายามที่ชุมชนบาไฮดำเนินการอยู่

ดังที่ท่านทราบดีจากการที่ท่านได้ศึกษาพระธรรมลิขิตบาไฮ ??หลักการที่ควรซึมซาบเข้าไปในทุกด้านของชีวิตที่เป็นระบบระเบียบบนโลกใบนี้ คือ ความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติ อันเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงยุคแห่งการบรรลุวุฒิภาวะ การที่มวลมนุษยชาติประกอบขึ้นด้วยประชากรเดียวเท่านั้นเป็นความจริงที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองด้วยความเคลือบแคลงใจ ?แต่ในทุกวันนี้กลับเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง การปฏิเสธอคติทั้งหลายที่ฝังรากลึกและความรู้สึกแห่งการเป็นพลเมืองโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงระดับที่สูงขึ้นของความตระหนักนี้ กระนั้น ไม่ว่าการเพิ่มขึ้นของความตระหนักในภาพรวมจะส่อเค้าแห่งความหวังมากเพียงใดก็ตาม ??สิ่งนี้ควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นเพียงขั้นตอนแรกของกระบวนการซึ่งจะใช้เวลาหลายทศวรรษ ? หลายศตวรรษด้วยซ้ำ – ในการที่จะเผยโฉมออกมา เนื่องจากหลักการของความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติตามที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงป่าวประกาศนั้นมิได้เพียงร้องขอให้มีการร่วมมือกันระหว่างผู้คนและประชาชาติทั้งหลายเท่านั้น หากแต่การป่าวประกาศนี้เรียกร้องให้มีการสร้างกรอบแนวความคิดขึ้นใหม่โดยสิ้นเชิงเกี่ยวกับความ สัมพันธ์ทั้งหลายที่ค้ำจุนสังคม วิกฤติการณ์สิ่งแวดล้อมที่นับวันยิ่งถลำลึกเข้าไปทุกทีซึ่งได้รับการขับเคลื่อนโดยระบบที่ไม่เอาโทษกับการปล้นทรัพยากรทางธรรมชาติเพื่อสนองความกระหายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักพอนั้นชวนให้คิดว่ากรอบความคิดในปัจจุบันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษยชาติกับธรรมชาตินั้นไม่ดีพออย่างแท้จริง; ความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมในครัวเรือน ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการเพิ่มขึ้นของการเอารัดเอาเปรียบเด็กและสตรีอย่างเป็นระบบทั่วโลกนั้น ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความคิดเห็นแบบผิดๆ ?ที่กำหนดความสัมพันธ์ต่างๆ ภายในหน่วยของครอบครัวนั้นแผ่กระจายไปกว้างไกลเพียงใด; การที่ในแง่มุมหนึ่งมีระบอบการปกครองแบบเผด็จการที่ยืนกรานในอำนาจของตน และในอีกแง่มุมหนึ่งมีการเพิ่มขึ้นของการไม่แยแสต่ออำนาจบังคับบัญชา สิ่งนี้เผยให้เห็นว่ามนุษยชาติที่กำลังเข้าสู่การมีวุฒิภาวะนั้น ไม่พึงพอใจมากมายเพียงใดกับความสัมพันธ์ที่มีในปัจจุบันระหว่างบุคคลและสถาบันของสังคม; การที่ความมั่งคั่งของโลกส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในอุ้งมือของกลุ่มคนส่วนน้อยของประชากรโลกเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีความบกพร่องมากเพียงใดในระดับพื้นฐานของการออกแบบความสัมพันธ์ระหว่างหลายๆ ภาคส่วนของโลกที่กำลังพัฒนาไปเป็นชุมชนระดับสากล ดังนั้น หลักการแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาตินี้สื่อเป็นนัยถึงการเปลี่ยนแปลง ณ แก่นของโครงสร้างของสังคมอย่างเป็นธรรมชาติเยี่ยงสิ่งมีชีวิต

สิ่งที่ควรกล่าวไว้ ?ณ ที่นี้อย่างชัดเจน ?คือ ชาวบาไฮมิได้เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงตามวิสัยทัศน์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงโดยอาศัยความพยายามของพวกเขาเท่านั้น ??และพวกเขาก็มิได้พยายามสร้างการเคลื่อนไหวขึ้นมาเพื่อมุ่งยัดเยียดวิสัยทัศน์แห่งอนาคตตามที่ตนเห็นให้กับสังคม ทุกๆ ประเทศและทุกๆ กลุ่ม ? ที่จริงแล้ว ทุกๆ คน – มีส่วนสนับสนุนไม่มากก็น้อยต่อการเผยโฉมออกมาของอารยธรรมโลกที่มนุษยชาติกำลังมุ่งไปหาอย่างหยุดไม่ได้ ?พระอับดุลบาฮาทรงบอกให้เราทราบล่วงหน้าถึงการที่ความสามัคคีจะได้มาอย่างค่อยเป็นค่อยไปในแวดวงต่างๆ ของการดำรงอยู่ทางสังคม เช่น ?ความสามัคคีในแวดวงทางการเมือง? ?ความสามัคคีของความคิดในภารกิจระดับโลก? ?ความสามัคคีของเชื้อชาติทั้งหลาย? และ ?ความสามัคคีของประเทศชาติทั้งหลาย? ?ในขณะที่ความสามัคคีเหล่านี้เกิดเป็นจริงขึ้นมา โครงสร้างของโลกที่เป็นหนึ่งเดียวกันในทางการเมืองซึ่งให้ความเคารพแก่วัฒนธรรมที่หลากหลายทั้งหมด และเปิดช่องทางสำหรับการแสดงออกซึ่งความสูงส่งและเกียรติจะค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้น

ดังนั้น คำถามที่ชุมชนบาไฮทั่วโลกมีคือ ในขณะที่ทรัพยากรต่างๆ ของชุมชนเพิ่มขึ้นนั้นจะให้การสนับสนุน ต่อกระบวนการสร้างอารยธรรมได้ดีที่สุดอย่างไร ?ชุมชนนี้มองเห็นส่วนที่ตนให้การสนับสนุนได้ในสองแง่มุม แง่มุมแรกเกี่ยวข้องกับความเจริญก้าวหน้าและพัฒนาการของชุมชนบาไฮเอง และแง่มุมที่สองเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมกับสังคมในวงกว้าง

ในแง่มุมแรก ?ชาวบาไฮทั่วโลกในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายที่กำลังเพียรพยายามสร้างทั้งแบบแผนของกิจกรรมและโครงสร้างทางการบริหารที่สัมพันธ์กัน ซึ่งทำให้หลักการของความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติและความเชื่ออย่างแรงกล้าที่คอยค้ำจุนหลักการนี้เป็นรูปธรรมขึ้นมา ซึ่งจะนำเสนอตัวอย่างไว้ในที่นี้เพียงไม่กี่ข้อเพื่อความชัดเจน ดังต่อไปนี้ การที่ดวงวิญญาณ ไม่มีเพศ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ หรือชนชั้นใดๆ เป็นสัจธรรมที่ทำให้อคติทุกรูปแบบเป็นสิ่งที่เกินกว่าจะยอมรับได้ ?โดยเฉพาะอย่างยิ่งอคติที่กีดกันสตรีจากการบรรลุศักยภาพของตนอย่างเต็มที่และการเข้ามีส่วนร่วมในการลงมือกระทำในสาขาต่างๆ เคียงบ่าเคียงไหล่กับบุรุษ; การที่ต้นตอของอคติคือความเขลา ซึ่งสามารถถูกลบล้างออกไปได้ด้วยกระบวนการต่างๆ ทางการศึกษาที่ทำให้มนุษยชาติทั้งมวลสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างถ้วนทั่ว เป็นการทำให้มั่นใจได้ว่าความรู้จะไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ที่มีอภิสิทธิ์เพียงไม่กี่คน; การที่วิทยาศาสตร์และศาสนาเป็นระบบของความรู้และการปฏิบัติสองระบบที่เสริมกันและกัน ซึ่งทำให้มนุษย์เข้าใจโลกรอบๆ ตัว ?อีกทั้งอารยธรรมก้าวหน้าไปโดยอาศัยสองระบบนี้; การที่ศาสนาซึ่งปราศจากวิทยา ศาสตร์เสื่อมถอยไปสู่ความงมงายและความคลั่งศาสนา ในขณะที่วิทยาศาสตร์ซึ่งปราศจากศาสนากลายเป็นเครื่องมือของวัตถุนิยมอันหยาบกระด้าง; การที่ความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริง ซึ่งเป็นดอกผลของการสัมพันธ์กันตลอดเวลาระหว่างความจำเป็นทางด้านวัตถุและจิตวิญญาณของชีวิต จะถอยห่างออกไปเรื่อยๆ จากการเอื้อมถึงตราบเท่าที่ลัทธิบริโภคนิยมยังคงเป็นเสมือนฝิ่นสำหรับจิตวิญญาณของมนุษย์; การที่ความยุติธรรม ซึ่งเป็นคุณสมบัติหนึ่งของจิตวิญญาณ ช่วยเหลือบุคคลให้สามารถแยกแยะความจริงออกจากความเท็จ และคอยนำทางให้กับการค้นหาความจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งนัก หากความเชื่อที่งมงายและประเพณีที่ล้าสมัยซึ่งคอยกีดขวางความสามัคคีจะถูกลบล้างออกไป; ?การที่ความยุติธรรม เมื่อนำมาใช้อย่างเหมาะสมให้เกิดประโยชน์ต่อประเด็นทางสังคมต่างๆ แล้ว จะเป็นเครื่องมือเดียวที่สำคัญที่สุดสำหรับการสถาปนาความสามัคคี; การที่งานซึ่งทำด้วยดวงจิตแห่งการรับใช้ต่อเพื่อนมนุษย์ของตนนั้นเป็นรูปแบบหนึ่งของการอธิษฐาน เป็นหนทางหนึ่งในการบูชาพระผู้เป็นเจ้า การแปลงความคิดอันประเสริฐเหล่านี้ให้กลายเป็นความจริงขึ้นมา ซึ่งมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์ในระดับของตัวบุคคล และเป็นการวางรากฐานของโครงสร้างต่างๆ ทางสังคมที่มีความเหมาะสมนั้น แน่นอนทีเดียวว่ามิได้เป็นภารกิจที่มีความเรียบง่ายแต่อย่างใด แต่กระนั้น ชุมชนบาไฮกำลังอุทิศตนต่อกระบวน การเรียนรู้ระยะยาวที่ภารกิจนี้เรียกร้องให้ต้องมีอย่างไม่อาจหลีกหนีได้ เป็นกิจการที่คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จากทุกแขนงของชีวิต จากทุกกลุ่มคน ได้รับการเชิญชวนให้เข้ามามีส่วนร่วม

แน่นอนว่ามีคำถามอยู่มากมายที่กระบวนการแห่งการเรียนรู้ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในทุกส่วนของโลกจะต้องตอบให้ได้ ?เช่น จะรวมผู้คนจากภูมิหลังที่แตกต่างกันอย่างไรให้เข้ามาในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากการคุกคามอย่างต่อเนื่องของความขัดแย้งและโดดเด่นด้วยลักษณะแห่งการอุทิศตน เป็นสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนให้พวกเขาเหล่า นั้นเลิกใช้วิธีการต่างๆ ของหลักการคิดที่เน้นการแบ่งพรรคแบ่งพวก บำรุงเลี้ยงความสามัคคีในระดับที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไปทั้งในด้านของความคิดและการกระทำ ?อีกทั้งเกื้อหนุนและเชิญชวนการเข้ามีส่วนร่วมด้วยความเต็มใจ; จะบริหารกิจการต่างๆ ของชุมชนอย่างไรในลักษณะที่ไม่มีชนชั้นปกครองที่มีหน้าที่เยี่ยงนักบวชผู้ซึ่งสามารถอ้างสิทธิในความโดดเด่นหรือการมีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่น; จะทำอย่างไรที่จะช่วยให้กลุ่มคนทั้งชายและหญิงหลุดพ้นจากพันธนาการของความเฉื่อยชาและโซ่ตรวนแห่งการถูกกดขี่เพื่อว่าพวกเขาจะสามารถเข้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนาทั้งทางด้านจิตวิญญาณ สังคมและสติปัญญา; จะช่วยเหลือเยาวชนอย่างไรให้เขานำทางชีวิตตนเองผ่านระยะหัวเลี้ยวหัวต่อแล้วกลายเป็นผู้ที่ได้รับการเสริมความสามารถให้มุ่งเน้นพละกำลังทั้งหลายของตนไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของอารยธรรม; จะสร้างพลวัติในหน่วยของครอบครัวอย่างไรให้นำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้านวัตถุและจิตวิญญาณโดยปราศจากการปลูกฝังคนรุ่นถัดๆ ไปที่กำลังเติบโตขึ้นให้มีความรู้สึกหมางเมินต่อคนที่เป็น ?พวกอื่น? ?ซึ่งเป็นเพียงภาพลวงตา หรือการหล่อเลี้ยงสัญชาติญาณใดๆ ก็ตามของการเอาเปรียบผู้ที่ถูกจัดจำพวกให้อยู่ในกลุ่มคนพวกอื่นนั้นๆ; จะทำอย่างไรให้เป็นไปได้ที่การตัดสินใจต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากมุมมองที่หลาก หลายโดยอาศัยกระบวนการปรึกษาหารือซึ่งเป็นที่เข้าใจตรงกันว่าคือการค้นหาความจริงร่วมกัน เป็นการปรึกษา หารือที่ส่งเสริมการปล่อยวางจากความคิดเห็นส่วนบุคคล ให้ความสำคัญอย่างเหมาะสมกับข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สมเหตุสมผล ไม่ยกระดับความคิดเห็นให้อยู่ในฐานะของข้อเท็จจริงหรือไม่กำหนดนิยามให้กับความจริงว่าเป็นผลของการประนีประนอมระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ฝ่ายตรงกันข้าม ในการสำรวจคำถามต่างๆ เช่นคำถามที่กล่าวมาข้างต้นหรือคำถามอื่นๆ อีกมากมายที่จะมีขึ้นอย่างแน่นอน ชุมชนบาไฮได้นำ วิธีดำเนินการชนิดหนึ่งมาใช้ ซึ่งมีลักษณะเด่นในรูปแบบของการกระทำ การไตร่ตรอง การปรึกษาหารือ และการศึกษาร่วมกัน ?อันเป็นการศึกษาที่มิได้เพียงเกี่ยวข้องกับการอ้างอิงพระธรรมลิขิตของศาสนาอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น แต่ยังอ้างอิงการวิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแบบแผนต่างๆ ?ที่กำลังปรากฏออกมา ที่จริงแล้ว จุดมุ่งหมายของการตรวจสอบอยู่อย่างสม่ำเสมอคือ จะรักษาวิธีการที่เน้นการเรียนรู้ในระหว่างที่มีการปฏิบัติได้อย่างไร จะทำให้มั่นใจได้อย่างไรว่าจะมีจำนวนคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่เข้าร่วมในการก่อให้เกิดความรู้ที่ใช้ได้จริงและการนำความรู้นั้นไปใช้ และจะออกแบบโครงสร้างต่างๆ สำหรับการจัดระบบให้กับประสบการณ์จากทั่วโลกซึ่งกำลังขยายออกเรื่อยๆ ได้อย่างไร ตลอดจนสำหรับโครงสร้างต่างๆ สำหรับการแผ่กระจายบทเรียนทั้งหลายที่ได้เรียนรู้แล้วอย่างเสมอภาค

ทิศทางโดยรวมของกระบวนการเรียนรู้ที่ชุมชนบาไฮกำลังพยายามดำเนินการอยู่นั้นได้รับการนำทางโดยชุดของแผนงานระดับโลกซึ่งมีเงื่อนไขต่างๆ ที่กำหนดขึ้นโดยสภายุติธรรมแห่งสากล ??การเสริมสร้างพลังความ สามารถเป็นหลักสำคัญสำหรับแผนงานเหล่านี้ ซึ่งมุ่งช่วยให้ผู้สนับสนุนหลักของการกระทำร่วมกันได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับพื้นฐานทางจิตวิญญาณของหมู่บ้านและละแวกบ้านทั้งหลาย มุ่งตอบสนองต่อความจำเป็นทาง ด้านสังคมและเศรษฐกิจบางประการ และมุ่งมีส่วนร่วมในการอภิปรายต่างๆ ที่มีอยู่อย่างแพร่หลายในสังคม ทั้ง หมดนี้ ทำไปพร้อมกับการรักษาความสอดคล้องที่จำเป็นต้องมีของวิธีการและแนวทางการดำเนินการทั้งหลาย

ณ ?ใจกลางกระบวนการเรียนรู้ คือ การพิเคราะห์ดูธรรมชาติของความสัมพันธ์ทั้งหลายที่เชื่อมประสานบุคคล ชุมชน และสถาบันทั้งหลายของสังคม?ที่ต่างเป็นผู้แสดงหลักในเวทีแห่งประวัติศาสตร์ซึ่งติดพันอยู่ในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อแย่งชิงพลังอำนาจในทุกยุคทุกสมัย ??ในบริบทนี้สมมุติฐานที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละฝ่ายจะ ต้องตกอยู่ภายใต้การบงการของการแข่งขันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ซึ่งเป็นความเชื่อผิดๆ ที่มองข้ามศักยภาพมหาศาลที่ดวงจิตของมนุษย์มีนั้น จะถูกพับเก็บไว้เพื่อเปิดทางให้กับข้อเสนอของสมมุติฐาน ว่าด้วยการมีปฏิสัมพันธ์ด้วยความปรองดองของทั้งสามตัวเอกนั้นสามารถบำรุงเลี้ยงอารยธรรมที่คู่ควรกับมนุษยชาติที่มีวุฒิภาวะได้ ?สิ่งที่ขับ เคลื่อนความพยายามของบาไฮที่จะค้นพบธรรมชาติของความสัมพันธ์ชุดใหม่ระหว่างสามตัวเอกนี้คือวิสัยทัศน์ของสังคมในอนาคตที่รับแรงบันดาลใจจากภาพจำลองที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงอุปมาอุปไมยไว้ในสาสน์ฉบับหนึ่งเมื่อเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบปีที่แล้ว ซึ่งเปรียบเทียบโลกกับร่างกายของมนุษย์ ความร่วมมือกันเป็นหลักการที่ปกครองการทำงานของระบบนั้น เช่นเดียวกันกับการปรากฏขึ้นของดวงวิญญาณในโลกแห่งการดำรงอยู่นี้เป็นไปได้ด้วยการเชื่อมโยงสัมพันธ์ของเซลล์จำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งการจัดระบบขององค์ประกอบในเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ เปิดทางให้กับการปรากฏเป็นจริงขึ้นมาของความสามารถอันโดดเด่นทั้งหลาย ??ในลักษณะเดียวกัน อารยธรรมสามารถถูกมองว่าเป็นผลผลิตของการมีปฏิสัมพันธ์ชุดหนึ่งระหว่างองค์ประกอบอันหลากหลายที่ประสานกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งสูงส่งเกินกว่าการมีจุดมุ่งหมายอันคับแคบแห่งการเอาใจใส่การดำรงอยู่ของตัวเองเท่านั้น และในลักษณะเดียวกันกับการที่ความอยู่รอดของทุกๆ เซลล์และทุกๆ อวัยวะนั้นขึ้นอยู่กับสุขอนามัยของร่างกายโดยรวมทั้งหมด ทุกๆ บุคคล ทุกๆ ครอบครัว และทุกๆ เชื่อชาติก็ควรมองหาความเจริญรุ่งเรืองจากความผาสุกของชนชาติแห่งมนุษย์ทั้งหมดด้วยเช่นกัน ในการผดุงไว้ซึ่งวิสัยทัศน์นี้ สถาบันทั้งหลายด้วยสำนึกในความจำเป็นของการทำ งานอย่างประสานสอดคล้องกันเพื่อให้เกิดผลอย่างอุดมนั้น ??มิได้มุ่งที่จะควบคุมแต่ต้องการบำรุงเลี้ยงฟูมฟักและนำทางบุคคล ผู้ซึ่งในทางกลับกัน ยินดีรับการนำทาง โดยมิได้ทำด้วยความเชื่อฟังแบบหลับหูหลับตา แต่ด้วยความศรัทธาที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้อย่างมีสติ ในขณะเดียวกัน ชุมชนรับเอาความท้าทายของการสนับสนุนค้ำจุนสิ่งแวดล้อมที่พลังของแต่ละบุคคล ผู้ซึ่งปรารถนาจะแสดงออกซึ่งความเห็นส่วนตนอย่างรับผิดชอบตามครรลองของประโยชน์ส่วนรวมและตามแผนงานทั้งหลายของสถาบัน จะทวีเพิ่มพูนขึ้นด้วยการกระทำอย่างสามัคคีกัน

หากความสัมพันธ์ที่โยงใยกันตามที่ได้เท้าความไว้ข้างต้นจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาและเปิดทางให้กับแบบแผนของชีวิตที่โดดเด่นด้วยการยึดมั่นในหลักการแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติได้ ??จำจะต้องพินิจพิ เคราะห์แนวความคิดพื้นฐานบางประการอย่างละเอียดถี่ถ้วน แนวความคิดพื้นฐานที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาแนว คิดทั้งหลายคือความเข้าใจเกี่ยวกับพลังอำนาจ แน่นอนว่าแนวความคิดเกี่ยวกับพลังอำนาจในฐานะที่เป็นหนทางสู่การมีอำนาจครอบงำผู้อื่น รวมถึงความเชื่อผิดๆ ที่มาพร้อมกันแห่งการแก่งแย่ง โต้เถียง แบ่งพรรคแบ่งพวก และความรู้สึกเหนือกว่าผู้อื่นนั้นจำจะต้องถูกละทิ้งไว้ข้างหลัง ??สิ่งนี้มิได้ปฏิเสธการใช้พลังอำนาจ เพราะในท้ายสุด แม้กระทั่งในกรณีที่สถาบันต่างๆ ของสังคมได้รับมอบอำนาจโดยอาศัยการยินยอมจากประชาชน พลังอำนาจก็ยังเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของการใช้อำนาจบังคับบัญชาอยู่ดี แต่กระบวนการทางการเมือง เช่นเดียวกับกระบวนการอื่นๆ ของชีวิต ไม่ควรถูกทิ้งไว้ให้มิได้รับอิทธิพลใดๆ จากพลังอำนาจแห่งดวงจิตของมนุษย์ที่ศาสนาบาไฮคาดหวังจะเข้าถึง ? ซึ่งที่จริง ศาสนาที่ยิ่งใหญ่ทุกๆ ศาสนาที่ปรากฏขึ้นในทุกยุคสมัยก็คาดหวังจะเข้าถึง – เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ขึ้น ?อันได้แก่ พลังแห่งความสามัคคี แห่งความรัก แห่งการรับใช้ด้วยความถ่อมตน แห่งการกระทำที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง สิ่งที่สัมพันธ์กับพลังอำนาจในแง่มุมนี้ คือคำต่างๆ เช่น ?การปลดปล่อย? ?การสนับสนุนส่งเสริม? ?การจัดช่องทางให้? ?การนำทางให้กับ? ?การช่วยให้เกิด? เป็นต้น พลังอำนาจมิใช่สิ่งที่มีขอบเขตหรือจำนวนจำกัดที่จะต้องถูก ?คว้ามาให้ได้? และ ?พิทักษ์เอาไว้ด้วยความหวงแหน? หากแต่เป็นสิ่งที่ประกอบด้วยศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดในการเปลี่ยนแปลงซึ่งอยู่ในมนุษยชาติโดยรวม

ชุมชนบาไฮยอมรับอย่างพร้อมมูลว่าตนเองยังคงเหลือระยะทางอีกยาวไกลก่อนที่ประสบการณ์ซึ่งกำลังสั่งสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ?จะผลิดอกออกผลเป็นความหยั่งรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับการทำงานของชุดปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ที่ต้องการให้เกิดขึ้น ชุมชนนี้ไม่กล่าวอ้างว่าตนสมบูรณ์พร้อมแล้ว ?การเชิดชูอุดมการณ์อันสูงส่งและการกลายเป็นตัวแทนของอุดมการณ์เหล่านั้นมิได้เป็นสิ่งเดียวกันและไม่เหมือนกัน มีความท้าทายอยู่เบื้องหน้าจำนวนนับไม่ถ้วนและยังคงเหลือสิ่งที่ต้องเรียนรู้อยู่อีกมากมาย ผู้สังเกตการณ์แบบผ่านๆ อาจเลือกได้อย่างง่ายดายที่จะตีตราความพยา ยามทั้งหลายของชุมชนในการเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ว่าเป็นเพียง ?อุดมคติที่เพ้อฝัน? กระนั้น แน่นอนว่าจะไม่เป็นการสมเหตุสมผลที่จะวาดภาพชาวบาไฮว่าไม่เอาใจใส่ต่อกิจการทั้งหลายของประเทศของตน ??และยิ่งไม่สม เหตุสมผลหากจะกล่าวว่าเป็นผู้ไม่รักชาติ ไม่ว่าความพยายามของชาวบาไฮจะดูเหมือนเป็นเพียงอุดมคติในสาย ตาของคนบางคนมากน้อยเพียงใดก็ตาม ความห่วงใยอย่างลึกซึ้งที่ชาวบาไฮมีต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษยชาตินั้นมิอาจถูกมองข้ามไปได้ และด้วยความที่ไม่มีการจัดการในรูปแบบใดบนโลกที่ดูเหมือนจะสามารถหยิบยกมนุษยชาติออกจากโคลนตมแห่งความขัดแย้งและการต่อสู้และรับประกันความผาสุกไว้ได้ แล้วรัฐบาลใดจะคัด ค้านความพยายามของคนกลุ่มหนึ่งในการเพิ่มความเข้าใจของตนเกี่ยวกับธรรมชาติของความสัมพันธ์ทั้งหลายที่จำเป็นอันเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตที่มีร่วมกันซึ่งมนุษยชาติกำลังถูกดึงให้ใกล้เข้าไปหาทุกทีอย่างไม่อาจหยุดยั้งไว้ได้ สิ่งนี้มีโทษอันใดหรือ?

ดังนั้น ภายใต้โครงร่างที่ถูกวาดภาพในแนวคิดทั้งหลายข้างต้น เราสามารถพิจารณาแง่มุมที่สองของความพยายามของชุมชนบาไฮในการสนับสนุนความเจริญก้าวหน้าของอารยธรรม ?ซึ่งก็คือการมีส่วนร่วมกับสังคมในวงกว้าง เป็นที่ชัดเจนว่าชาวบาไฮเล็งเห็นว่าลักษณะด้านหนึ่งของการสนับสนุนของตนไม่อาจขัดแย้งกับอีกด้านหนึ่งได้ พวกเขาไม่สามารถเพียรพยายามก่อตั้งแบบแผนความคิดและการกระทำที่แสดงออกถึงหลักความเป็นหนึ่งภายในชุมชนตนเอง แต่กลับมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะมากหรือน้อย กับกิจกรรมในอีกบริบทหนึ่งซึ่งเสริมกำลังให้กับสมมุติฐานเกี่ยวกับการดำรงอยู่ทางสังคมอีกชุดหนึ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพื่อหลีกเลี่ยงการแบ่งเป็นสองฝั่งสองฝ่ายในลักษณะดังกล่าว ??ชุมชนบาไฮได้ค่อยๆ มีความก้าวหน้าในการกลั่นกรองคุณลักษณะหลักๆ ของการมีส่วนร่วมของตนในวิถีชีวิตของสังคมโดยอยู่บนพื้นฐานแห่งพระธรรมคำสอนของศาสนา ลักษณะแรกซึ่งสำคัญที่สุด คือ ความพยายามของบาไฮ ไม่ว่าจะเป็นของบุคคลหรือชุมชน ที่จะนำพระบัญญัติของพระบาฮาอุลลาห์ไปปฏิบัติ: ?ผู้ซึ่งได้รับการประสิทธิ์ประสาทด้วยความจริงใจและความจงรักภักดีควรประสานสัมพันธ์กับประชาชนทั้งหลายและบุตรหลานของโลกด้วยความเบิกบานใจและความเรืองรองสุกใส เนื่องด้วยการคบหาสมาคมกับผู้คนนั้นเคยส่ง เสริมและจะยังคงส่งเสริมความสามัคคีและความปรองดอง ซึ่งในทำนองเดียวกัน ช่วยนำไปสู่การรักษาระเบียบในโลกและการฟื้นฟูประเทศชาติทั้งหลาย? ?พระอับดุลบาฮาทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า โดยอาศัย ?การคบหาสมาคมและการพบปะกัน เราค้นพบความสุขหรรษาและการพัฒนา ทั้งในส่วนบุคคลและส่วนรวม? พระองค์ทรงลิขิตเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ?สิ่งที่ส่งเสริมให้เกิดการคบหาสมาคมและแรงดึงดูดและความสามัคคีในหมู่บุตรหลานของมนุษย์ คือ เครื่องมือที่นำไปสู่การมีชีวิตของโลก และสิ่งใดก็ตามที่ก่อให้เกิดความแตกแยก การผลักไส และความห่างเหินนำ ไปสู่ความตายของมวลมนุษยชาติ? แม้กระทั่งในกรณีของศาสนา พระองค์ทรงทำให้ชัดเจนว่าศาสนา ?จำเป็นต้องเป็นเหตุแห่งความรักและมิตรภาพ หากศาสนากลายเป็นเหตุแห่งความร้าวฉานและความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน การไม่มีศาสนาจะดีเสียกว่า? และนี่คือเหตุที่ชาวบาไฮพยายามอย่างสุดความสามารถในทุกขณะที่จะปฏิบัติตามคำ แนะนำของพระบาฮาอุลลาห์ ?จงปิดตาของเจ้าต่อความห่างเหิน แล้วจงเพ่งสายตาไปยังความสามัคคี? ?ผู้นั้นก็คือมนุษย์? พระองค์ทรงกระตุ้นเตือนสาวกของพระองค์ ?ผู้ซึ่งในทุกวันนี้ได้อุทิศตนเองให้กับการรับใช้ต่อมนุษยชาติทั้งมวล? ???จงเอาใจใส่ต่อความจำเป็นทั้งหลายของยุคสมัยของเจ้าด้วยความห่วงใย? คือ คำตักเตือนของพระองค์ ?และจงมุ่งความพยายามทั้งหลายของเจ้าไปที่ความจำเป็นเร่งด่วนและความต้องการที่จำเป็นทั้งหลาย? พระอับดุลบาฮาทรงชี้แนะว่า ?ความจำเป็นสูงสุดของมนุษยชาติคือความร่วมมือและการพึ่งพาอาศัยกัน ยิ่งพันธะแห่งมิตรภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่มนุษย์มีความแข็งแกร่งมากเท่าใด พลังแห่งการสร้างสรรค์และความสำเร็จในทุกแขนงแห่งชีวิตของกิจกรรมของมนุษย์ก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น? ?แสงแห่งความสามัคคีนั้นมีอานุภาพมาก? พระบาฮาอุลลาห์ทรงป่าวประกาศ ?จนสามารถส่องทั่วพิภพให้สว่างไสว?

ด้วยความคิดเหล่านี้นี่เองที่อยู่ในจิตสำนึก ??ชาวบาไฮได้เข้าสู่การมีความร่วมมือกับความเคลื่อนไหว องค์กร กลุ่มคน ตลอดจนบุคคลต่างๆ ตามที่ทรัพยากรของพวกเขาจะเอื้ออำนวย เป็นการสร้างพันธมิตรที่มีความมานะบากบั่นในการเปลี่ยนแปลงสังคมและเป็นผู้สนับสนุนเหตุแห่งความสามัคคี ส่งเสริมสวัสดิ์ภาพของมนุษย์และสนับสนุนความเป็นปึกแผ่นของโลก ที่จริงแล้ว ??มาตรฐานที่ถูกตั้งขึ้นโดยพระธรรมคำสอนดังเช่นในย่อหน้าข้างต้นสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนบาไฮมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างขยันขันแข็งในหลายๆ แง่มุมของชีวิตร่วมสมัยเท่าที่จะเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ในการเลือกพื้นที่ในการมีส่วนร่วมชาวบาไฮพึงระลึกในหลักการซึ่งบรรจุอยู่ในพระธรรมว่าหนทางที่ถูกใช้ควรสอดคล้องกับปลายทางที่ต้องการ เป้าหมายอันประเสริฐสูงส่งไม่สามารถเป็นที่บรรลุได้ด้วยหนทางที่ไม่ควรค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างความสามัคคีที่ยั่งยืนได้โดยอาศัยความพยายามที่บังคับให้ต้องมีความขัดแย้งหรือการสันนิษฐานไว้แล้วว่าสิ่งที่ฝังตัวอยู่เบื้องหลังปฏิสัมพันธ์ทุกอย่างของมนุษย์คือความขัดแย้ง ไม่ว่าจะบ่งบอกเป็นเพียงนัยๆ มากน้อยเพียงใดก็ตาม ??ณ จุดนี้ ควรมีการตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีข้อ จำกัดที่กำหนดให้ชุมชนต้องปฏิบัติตามหลักการนี้ ชุมชนก็มิได้ประสบกับการขาดแคลนโอกาสในการร่วมมือกับผู้อื่นแต่อย่างใด; ทุกวันนี้หลายต่อหลายคนในโลกกำลังทุ่มเทความพยายามอย่างหนักให้กับเป้าหมายไม่อันใดก็อันหนึ่งที่ชาวบาไฮก็มีร่วมด้วยเช่นกัน ในแง่มุมนี้ พวกเขาระแวดระวังที่จะไม่ก้าวล้ำเกินขอบเขตบางประการกับผู้ ร่วมงานและมิตรสหายของเขา พวกเขาจะต้องไม่เห็นการทำงานร่วมกันในแบบใดก็ตามว่าเป็นโอกาสในการยัดเยียดความเชื่ออย่างแน่วแน่ในศาสนา ต้องหลีกเลี่ยงการมองตนเองเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งเหนือผู้อื่นโดยเด็ดขาดรวมถึงการแสดงออกอื่นๆ ที่ไม่เหมาะสมของความศรัทธาอย่างแรงกล้าในศาสนา อย่างไรก็ตาม ชาวบาไฮพร้อมที่จะนำเสนอการเรียนรู้ทั้งหลายที่ตนเองได้มาจากประสบการณ์ของตนให้กับผู้ร่วมมือทั้งหลาย ?เช่นเดียวกับที่พวกเขายินดีที่จะสอดแทรกความหยั่งรู้ทั้งหลายที่ได้จากความร่วมมือดังกล่าวเข้ามาใช้ในความพยายามของพวกเขาในการสร้างชุมชน

ในที่สุด ?ทั้งหมดนี้ก็ได้นำเรามาสู่คำถามเฉพาะเจาะจงเรื่องกิจกรรมทางการเมือง ความเชื่ออย่างแน่วแน่ของชุมชนบาไฮว่าหลังจากที่ได้ผ่านพ้นระยะต่างๆ ของวิวัฒนาการทางสังคมในเบื้องต้นมาแล้ว ??บัดนี้มนุษยชาติกำลังยืนอยู่ ณ ธรณีประตูแห่งการมีวุฒิภาวะโดยรวมร่วมกัน; ความเชื่อของชุมชนบาไฮว่าหลักการแห่งความเป็นหนึ่งของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นเครื่องหมายของยุคสมัยแห่งการมีวุฒิภาวะนั้นบ่งบอกเป็นนัยถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของโครงสร้างของสังคมเลยทีเดียว; การอุทิศตนของชุมชนบาไฮต่อกระบวนการเรียนรู้ซึ่งได้รับแรงดลใจจากหลักการดังกล่าว เป็นการสำรวจการทำงานทั้งหลายของชุดของความสัมพันธ์ชุดใหม่ๆ ระหว่างบุคคล ชุมชน และสถาบันทั้งหลายของสังคม ซึ่งเป็นสามตัวเอกในการก้าวไปข้างหน้าของอารยธรรม; ความมั่นใจของชุมชนบาไฮว่าความเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับพลังอำนาจที่ได้รับการทบทวนแก้ไขให้ปราศจากความเชื่อแบบผิดๆ แห่งการมุ่งมีอำนาจครอบงำผู้อื่นซึ่งมาพร้อมกับแนวคิดแห่งการแก่งแย่ง โต้เถียง แบ่งพรรคแบ่งพวก ??และความ รู้สึกเหนือกว่าผู้อื่นนั้น อยู่เบื้องหลังชุดแห่งความสัมพันธ์ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการ; การผูกมัดตนเองของชุมชนบาไฮกับวิสัยทัศน์แห่งโลกที่ไม่ยอมทนต่อการมีเส้นแบ่งกั้นใดๆ อันเป็นโลกที่ได้รับผลประโยชน์จากความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ ?ทั้งหมดนี้ประกอบกันขึ้นเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นของโครงร่างที่กำหนดรูปแบบของวิธีดำเนินการของบาไฮต่อการเมือง ตามที่จะบรรยายไว้พอสังเขปดังนี้

ชาวบาไฮไม่แสวงหาพลังอำนาจทางการเมือง พวกเขาจะไม่ยอมรับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ในรัฐบาลของประเทศของตน ไม่ว่าจะมีระบบในแบบใดก็ตาม อย่างไรก็ตามเขายอมรับตำแหน่งที่เขาเห็นแล้วว่ามีลักษณะทางการบริหารอย่างแท้จริง พวกเขาจะไม่ให้ตนเองเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆ ?ไม่เข้าไปพัวพันกับประเด็นการแบ่งพรรคแบ่งพวกทั้งหลาย หรือเข้ามีส่วนร่วมในโครงการที่ผูกติดอยู่กับเจตนาที่เน้นการแบ่งแยกของกลุ่มคนหรือฝ่ายใดๆ ในเวลาเดียวกัน ชาวบาไฮให้ความเคารพต่อผู้ที่เลือกที่จะมุ่งไปตามปณิธานทางการเมืองหรือเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องในกิจกรรมทางการเมืองด้วยความปรารถนาอันบริสุทธิ์ใจในการรับใช้ประเทศชาติของตน ?วิธีดำเนินการที่ชุมชนบาไฮเลือกใช้ซึ่งก็คือการไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวมิได้มีเจตนาให้เป็นถ้อยแถลงที่สื่อถึงหลักการคัดค้านการเมืองในรูปแบบที่แท้จริง; ที่จริงแล้ว มนุษยชาติจัดการตนเองด้วยกิจทางการเมือง ชาวบาไฮลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งทั่วไป ตราบใดที่ไม่จำเป็นต้องแสดงตนเป็นฝ่ายเดียวกับพรรคใดพรรคหนึ่งเพื่อให้สามารถเลือกตั้งได้ ??ในการนี้ พวกเขามองเห็นรัฐบาลในฐานะระบบสำหรับการรักษาสวัสดิ์ภาพและความก้าวหน้าของสังคมอย่างเป็นระเบียบ และพวกเขาแต่ละคนและทุกๆ คนผูกมัดตนเองกับการปฏิบัติตามกฎหมายของดินแดนที่ตนอาศัยอยู่ โดยไม่ยินยอมให้ความเชื่อทางศาสนาภายในจิตใจของตนถูกล่วงละเมิด ชาวบาไฮจะไม่ยอมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยั่วยุปลุกปั่นใดๆ ที่หวังจะโค่นล้มรัฐบาล และพวกเขาจะไม่เข้าไปก้าวก่ายความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างรัฐบาลของประเทศต่างๆ สิ่งนี้มิได้หมายความว่าพวกเขาไร้เดียงสาต่อกระบวนการทางการเมืองในโลกปัจจุบันและไม่อาจแยกแยะระหว่างการปกครองแบบยุติธรรมและแบบกดขี่ข่มเหงได้ ?ผู้นำของโลกต้องบรรลุหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ตนมีต่อประชาชนของตน ผู้ซึ่งควรถูกมองว่าเป็นทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุดของประเทศใดก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ ณ ที่ใด ชาวบาไฮเพียรพยายามรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานแห่งความยุติธรรม พวกเขาจัดการกับความไม่เสมอภาคทั้งหลายที่ถูกกระทำต่อตนหรือต่อผู้อื่น แต่จัดการเพียงโดยอาศัยวิธีการที่ถูกกฎหมายเท่าที่มีไว้ให้พวกเขาใช้ได้เท่านั้น และหลีกเลี่ยงทุกรูปแบบของการประท้วงอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น ความรักที่พวกเขาเทิดทูนอยู่ในหัวใจสำหรับมนุษยชาติจะไม่ขัดแย้งกับความรู้สึกต่อหน้าที่ที่พวกเขามีในการใช้พละกำลังของตนในการรับใช้ประเทศชาติของตน

วิธีการ หรือจะเรียกกลยุทธ์ก็เป็นได้ ที่ประกอบด้วยชุดของขอบข่ายที่เรียบง่ายตามที่ได้สรุปความไว้ในย่อหน้าข้างต้นช่วยให้ชุมชนบาไฮซึ่งอยู่ในโลกที่ประเทศชาติและเผ่าพันธุ์ทั้งหลายต่อสู้กันและผู้คนถูกแบ่งและแยกให้ห่างออกจากกันโดยโครงสร้างทางสังคม ให้สามารถรักษาความสมัครสมานและเอกภาพในฐานะองค์กรระดับโลก และเพื่อให้สามารถทำให้มั่นใจได้ว่า กิจกรรมของชาวบาไฮในประเทศใดประเทศหนึ่งจะไม่ก่อให้เกิดภัยต่อการดำรงอยู่ของชาวบาไฮในที่อื่นๆ ??ด้วยการระมัดระวังรอบคอบต่อ ผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกันของประเทศชาติและพรรคการเมืองต่างๆ ชุมชนบาไฮจึงสามารถสร้างกำลังความสามารถของตนเพื่อสนับสนุนกระบวนการที่ช่วยส่ง เสริมสันติภาพและความสามัคคี

เพื่อนที่รักยิ่ง: ??เราทราบดีว่าการเดินไปตามหนทางนี้ ซึ่งท่านทั้งหลายได้กระทำอย่างดีเยี่ยมมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ มิได้เป็นไปอย่างไร้ขวากหนาม สิ่งนี้เรียกร้องให้มีความมั่นคงในหลักคุณธรรมซึ่งมิอาจถูกสั่นคลอนได้ ให้มีความประพฤติที่เที่ยงธรรมซึ่งมิอาจทำให้เสื่อมลงได้ ให้มีความชัดเจนของความคิดซึ่งมิอาจถูกทำให้เลือนรางได้ ?ให้มีความรักต่อประเทศชาติของตนซึ่งมิอาจถูกนำไปชักใยได้ ในตอนนี้ซึ่งเพื่อนร่วมชาติของท่านเข้าใจถึงการตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายของท่านแล้ว และไม่มีข้อสงสัยเลยว่าโอกาสทั้งหลายจะเปิดออกให้กับท่านในการเข้ามีส่วนร่วมมากยิ่งๆ ขึ้นไปในวิถีชีวิตของสังคม เราจึงจะอธิษฐานวิงวอนให้ท่านได้รับการช่วยเหลือจากเบื้องบนในการอธิบายให้มิตรสหายและเพื่อนร่วมชาติของท่านเกี่ยวกับโครงร่างที่ได้ชี้แจงไว้ในเอกสารฉบับนี้ เพื่อว่า โดยความร่วมมือกับพวกเขาเหล่านั้น ท่านจะพบโอกาสเพิ่มยิ่งๆ ขึ้นไปในการพากเพียรอุตสาหะเพื่อประโยชน์สุขของประชาชาติของท่านโดยปราศจากการอ่อนข้อไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตามในเอกลักษณ์แห่งการเป็นสาวกของพระผู้ซึ่งเมื่อกว่าหนึ่งศตวรรษที่แล้วได้ทรงร้องเรียกมวลมนุษยชาติมาสู่ระบบโลกใหม่ ?

สภายุติธรรมแห่งสากล