สภายุติธรรมแห่งสากล

สำนักงานเลขาธิการ

ถึง ธรรมสภาแห่งชาติทุกแห่ง

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2548

เพื่อนบาไฮที่รัก

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีปัญหาและข้อคำถามเกิดขึ้นซึ่งสภายุติธรรมได้พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องรีบตอบคำถามเพื่อขจัดข้อสงสัยในข้อคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันที โดยได้ให้การรับรองถึงจุดยืนไว้ในประมวลประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับลักษณะของการศึกษาพระธรรมและการค้นคว้าเกี่ยวกับศาสนาบาไฮ

ในหลักการของบาไฮในข้อที่เรียกร้องให้มีการศึกษาค้นคว้าเพื่อแสวงหาความจริงนั้น เป็นการส่งเสริมเพื่อให้มีการแสวงหาความรู้และสัจธรรม โดยผู้ใดก็ตามที่มีความปรารถนาที่จะเข้ามาค้นหา เมื่อนำมาประยุกต์ใช้ตามนัยที่เปิดเผยโดยพระบาฮาอุลลาห์แล้ว เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องเปิดกว้างถึงลักษณะและรูปแบบต่างๆ ของการตอบสนองต่อสัจธรรมนี้ตามระดับของความเข้าใจที่แตกต่างกันออกไปของผู้คนเหล่านั้น ซึ่งบ้างก็อาจจะได้รับการดึงดูดให้หันเหเข้ามาสนใจและฝักใฝ่ในพระธรรมสารนี้ตลอดจนอ้าแขนรับพระศาสนาของพระองค์เสมือนเป็นของรักของหวงของพวกเขาเอง บางคนก็อาจจะตอบสนองไปในเชิงบวกต่อกฏ ศีล หรือหลักคำสอนบางประการ โดยเขาอาจมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือหรือมีส่วนร่วมกับจุดมุ่งหมายของศาสนาดังกล่าว บางคนอาจมองว่ามันเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าสนใจที่ควรค่าแก่การศึกษาค้นคว้า ในขณะเดียวกัน ย่อมมีผู้คนบางส่วนที่ยังคงยึดติดอยู่กับความพึงพอใจในความเชื่อดั้งเดิมของเขา และพวกเขาอาจปฏิเสธการประกาศศาสนาใหม่นี้ บาไฮศาสนิกชนถูกสั่งสอนให้เป็นผู้ที่รู้จักเคารพต่อสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของผู้อื่น และเชื่อว่าสติสัมปชัญญะที่จะหยั่งรู้เกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษนี้ไม่ควรมีผู้ใดมาบีบบังคับขู่เข็มให้ผู้ใดเข้าไปเชื่อถือหรือปฏิบัติตาม

ในการเข้ามาเป็นศาสนิกชนบาไฮนั้น คนผู้นั้น ก็คือ ผู้ที่ยินยอมพร้อมรับความเชื่อตามหลักการพื้นฐานของศาสนา แต่ก็มักจะพบกันเสมอว่า ความรู้ความเข้าใจในคำสอนของศาสนาของแต่ละคนนั้นมักเป็นไปในลักษณะที่มีข้อกำจัดและในหลายๆ ครั้งพบว่าความเข้าใจของหลายๆ คนยังคงเป็นไปในลักษณะผสมผสานไปกับความคิดของเขาเองเป็นใหญ่ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าการทำความเข้าใจให้ถูกต้องแม่นยำ ชัดเจน และละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับ ระบบที่ยิ่งใหญ่ไพศาลนี้ ต่อการเปิดเผยอันประเสริฐสุดนี้ ต่อความศักดิ์สิทธิ์มากๆ ในความเชื่อถือนี้ แน่นอนว่า มันเป็นเหตุผลที่ไกลเกินกว่าความสามารถของจิตใจของมนุษย์ที่จะสามารถเข้าใจได้ โดยอาศัยกาลเวลาในการศึกษาค้นคว้าการอธิษฐานไตร่ตรอง และความเพียรที่จะดำเนินชีวิตตามวิถีบาไฮ ความคิดที่เหลวไหลต่างๆ ก็จะค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความเข้าใจอันลึกซึ้งในพระธรรมคำสอนที่เปิดเผยโดยองค์พระศาสดาบาฮาอุลลาห์ได้ในที่สุด การลุกขึ้นบริการรับใช้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการที่จำให้ได้มาซึ่งความเข้าใจอันลึกซึ้งและถ่องแท้ดังกล่าวด้วย ความหมายในข้อความใดๆ ก็ตามจะได้การรับรองและยืนยันก็ต่อเมื่อถ้อยคำนั้นถูกนำไปเปลี่ยนจากการหยั่งรู้ภายในรูปของความคิดให้ไปสู่รูปของการกระทำ หรือการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง เกี่ยวกับหลักความเชื่อทางศาสนานี้ ความเข้าใจ หรือการตีความหมายของบุคคลแต่ละคนไม่ควรเป็นไปในลักษณะหรือวิธีการใดๆ ที่เป็นการบีบบังคับ ซึ่งไม่ว่าผู้นั้นจะทุ่มเทอุทิศอย่างไรก็ตามย่อมรังแต่จะกลายเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้เห็นถึงสภาพของชุมชนบาไฮเอง นอกจากนี้ ยังคงต้องช่วยกันป้องกันมิให้มีการปล่อยให้ ทิฐิ ความดื้อดึงของบุคคลใดๆ มาก่อให้เกิดการโต้แย้ง ถกเถียงกันจนกลายเป็นกรณีพิพาทระหว่างเพื่อนศาสนิกชนด้วยกัน ความคิดส่วนบุคคลจะต้องถูกจำแนกแยกแยะให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นความคิดส่วนตัว ไม่ใช่จากพระธรรมสารซึ่งเป็นพระวจนะที่ชัดเจนและเที่ยงแท้ และผู้ที่ได้รับมอบอำนาจอย่างเต็มที่ในการตีความในพระธรรมได้ ซึ่งได้แก่ พระอับดุลบาฮา ท่านโชกิเอฟเฟนดิ และจากคำอธิบายเพิ่มเติมของสภายุติธรรมสากล เกี่ยวกับ สภาพปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยกัน ตลอดจนข้อคำถามต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาในภายหลังและมิปรากฎว่ามีบันทึกไว้ในพระธรรมคำสอนเล่มใด

ในการแสวงหาความเข้าใจที่กล่าวนี้ โดยธรรมชาติแล้ว บาไฮมักจะได้รับการแนะนำให้รู้จักมักคุ้นกับหนังสือที่มาจากสำนักพิมพ์หลายๆ แหล่งด้วยกัน หนังสือเล่มหนึ่งๆ ซึ่งถูกเขียนขึ้นเกี่ยวกับศาสนาบาไฮโดยผู้รอบรู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบาไฮ ถึงแม้ว่าหนังสือเล่มนั้นจะสะท้อนถึงข้อสมมติฐานเฉพาะอันใดที่อาจนำไปสู่ข้อสรุปที่อาจเป็นที่ยอมรับได้ในศาสตร์สาขาใดก็ตาม แต่เป็นการผันแปรไปในทางที่ต่างไปจากสัจธรรมความเชื่อของชาวบาไฮ ย่อมไม่ได้เป็นการสร้างปัญหาให้กับบาไฮผู้ใดที่อาจพิจารณาเห็นข้อสันนิษฐานนั้นๆ ว่าเป็นการทดลองศึกษาค้นคว้าด้วยความบริสุทธิ์ใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางศาสนาซึ่งในภาพรวมแล้วยังไม่เป็นที่กระจ่างชัดนักในสายตาของบุคคลทั่วไป ความพยายามที่ไร้อคติใดๆ ของผู้ที่ต้องการช่วยให้ศาสนาบาไฮเป็นที่เข้าใจได้สำหรับนักอ่านที่มีสติ ถึงแม้ว่าผลงานที่บกพร่องของเขาจะปรากฏออกมาอย่างไร ย่อมกระตุ้นให้ชาวบาไฮมีความนิยมชมชอบในแง่มุมที่นักเขียนผู้นั้นที่แสดงออกมาให้เห็นถึงทักษะในการสืบค้นหาข้อเท็จจริงในโครงการของพวกเขา ประเด็นนี้จึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับ กรณีที่มีผู้หนึ่งผู้ใดตั้งใจที่จะโจมตีศาสนาอย่างจงใจ ซึ่งย่อมเป็นหน้าที่ที่มิอาจเลี่ยงได้บรรดาเพื่อนศาสนิกชนที่จะต้องแจ้งเตือนไปยังเพื่อนทุกคนทุกจุดที่จะต้องจัดหาความรู้เกี่ยวกับหลักคำสอนเพื่อว่าพวกเขาจะสามารถรับมือกับสภาพอันท้าทายทั้งหลายเพื่อดำรงไว้ซึ่งความเที่ยงธรรมและความเป็นปึกแผ่นของศาสนา

พระวจนะของพระบาฮาอุลลาห์ ในแต่ละถ้อยคำนั้นฉายแสงและเปล่งประกายที่ทำให้ทัศนคตินั้นเป็นที่ยอมรับได้ พระองค์ทรงเตือนสติศาสนกชนว่า ?จงอย่ามองด้วยสายตาที่จ้องแต่จะวิพากวิจารณ์คำพูดและคำประพันธ์ของมนุษย์ด้วยกันเลย? ?จงปล่อยพวกเขา? พระองค์บัญชาอีกด้วยว่า ?ควรจะปฏิบัติต่อคำพูดและถ้อยประพันธ์เหล่านั้นด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง และด้วยความรักและความอาทรใจ ผู้คนเหล่านั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในยุคนี้ พวกเขาทั้งหลายถูกชักนำให้รุกรานอย่างก้าวร้าวเพื่อก่อกวนให้เกิดการยั่วยุทางอารมณ์ให้เกิดอาการบันดาลโทสะอย่างเดือดดาลด้วยข้อความและถ้อยคำในข้อเขียนของพวกเขา แต่สำหรับในหลักพระธรรมตลอดจนพระวจนะหรือคำสอนของศาสนาแล้วจะต้องได้รับการปฏิบัติที่ต่างกันดังนั้นจึงเป็นภาระหน้าที่รับผิดชอบของมนุษย์ทั้งมวลในศักยภาพและความสามารถของพวกเขาที่จะต้องรู้จักพิสูจน์และหักล้างข้อโต้แย้งต่างๆ ที่พวกเขาโจมตีสัจธรรมความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า?

ความท้าทายอีกประเภทหนึ่งที่ผุดขึ้น เมื่อมีบุคคลหรือกลุ่มที่ใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นสมาชิกของชุมชนบาไฮเป็นเครื่องมือในการยัดเยียดความคิด ทฤษฏี หรือหลักการส่วนตัวส่งผ่านไปยังชุมชนบาไฮยกตัวอย่าง กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ มีบุคคลหนึ่งได้เข้ามาประกาศตนเป็นบาไฮ แล้วประกาศตั้งตนเป็น ?บาไฮเทวะนิยม? อ้างว่าเขียนโดยและเขียนขึ้นเพื่อชุมชนบาไฮบริสุทธิ์ และมีความคิดที่เข้มแข็ง ยื่นมือเข้ามาว่าจะช่วยทำให้บาไฮเข้าใจถึงศาสนาที่ค่อนข้างใหม่นี้ ทั้งนี้เพื่อจะช่วยให้บาไฮได้เห็นว่า พวกเขาจะช่วยอะไรแก่โลกเราได้บ้าง การแอบอ้างสิทธิ์เพื่อหยิบยื่นข้อเสนอเช่นนี้เป็นสิ่งที่ก้าวล้ำไปไกลเกินกว่าขอบเขตของบาไฮคนหนึ่งๆ พึงได้รับสิทธิเสรีที่จะกระทำในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นส่วนบุคคล ที่อรรถาธิบายนี้ก็เพื่อให้เห็นถึง สิ่งที่อยู่นอกเหนือวิถีชีวิตตลอดจนอยู่นอกกรอบการปฏิบัติงานตามความเชื่อของชาวบาไฮ พระบาฮาอุลลาห์ ได้ทรงเสด็จมาปลดปล่อยจิตใจของมนุษย์ให้มีเสรี โดยทรงบัญญัติข้อห้ามไว้ในศาสนาของพระองค์ว่าห้ามมิให้มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ รวมถึง พระสงฆ์ นักบวช อภิสิทธิ์ชน ซึ่งเขาเหล่านี้อาจบดบังที่จะทำการปฏิบัติการใดๆ ที่นำไปสู่การยกตนขึ้นไปให้ได้มาซึ่งอำนาจหน้าที่ในท่ามกลางฝูงชนที่เป็นศาสนิกชนเหล่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เขาได้แอบกำหนดกฏเกณฑ์บางอย่างที่เป็นลักษณะของระบบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยลงไปในระบบด้วยความรู้ที่เขานำมาประยุกต์เข้าไปในช่วงของกระบวนการปรึกษาหารือ

สภายุติธรรมแห่งสากล มั่นใจว่าหลักการที่ได้นำเสนอมานี้จะช่วยให้บรรดาปิยะมิตรได้รับประโยชน์จากการให้ความช่วยเหลือซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามในการสำรวจคิดค้นหาแนวทางในการสร้างความเข้าใจจากแหล่งข้อมูลอันหลากหลายในการศึกษาการเปิดเผยพระธรรมสวรรค์อันสลับซับซ้อนและยิ่งใหญ่ของพระบาฮาอุลลาห์ ในขณะที่จำเป็นต้องป้องกันและไม่อนุญาตให้พวกที่พยายามกระทำการใดๆ ทั้งที่เป็นการกระทำอันโจ่งแจ้งหรือแม้จะกระทำโดยปิดบังและไม่เปิดเผยก็ตามที่จะเบี่ยงเบนความเข้าใจในสิ่งที่สำคัญอันจำเป็นในสัจธรรมความเชื่อในศาสนาบาไฮ

ด้วยรักบาไฮ

สำนักเลขาธิการ

สำเนา ศูนย์กลางเผยแพร่นานาชาติ