[AUTHORIZED TRANSLATION FROM PERSIAN]

18 ธันวาคม 2557

ถึง บาไฮศาสนิกชนในประเทศอิหร่าน

เพื่อนบาไฮที่รัก

เราหวังว่าตอนนี้ท่านคงได้มีโอกาสศึกษาสารที่เราส่งไปยังบาไฮศาสนิกชนทั่วโลกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2557 ซึ่งในสารนั้นเราได้อธิบายถึงความคืบหน้าของโครงการก่อตั้ง มัช-เร-กล อัส-คาร์ ในแปดแห่งทั่วโลก ในทุกกรณีอรุโณทัยสถานแห่งความทรงจำของพระองค์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าในสังคม แน่นอนชาวบาไฮในประเทศอิหร่านคุ้นเคยมากกับแนวคิดของ มัช-เร-กล อัส-คาร์ ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกหลังการเปิดเผยกฎข้อนี้ เพื่อนศาสนิกชนในแหล่งกำเนิดของศาสนาบาไฮเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งนี้และมุ่งมั่นที่จะก่อให้เกิดเป็นความจริงภายในขอบเขตจำกัดของสถานการณ์ทางปัจจัยของเขา ระยะหลังเขาไม่เพียงเป็นกำลังหลักในการก่อสร้าง มัช-เร-กล อัส-คาร์ ในเมืองอิสคาบาด แต่ภายในประเทศอิหร่านเองการปฏิบัติโดยการสวดมนต์ยามรุ่งอรุณอย่างเป็นประจำได้ฝังรากและเป็นแรงบันดาลใจในการรับใช้มนุษยชาติ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่าพอถึงเวลาเมล็ดพันธุ์ที่พวกเขาปลูกไว้จะได้ออกดอกเป็นความจริงที่จับต้องได้ และจะส่งผลิตผลไม่เพียงแต่ในการก่อสร้างศูนย์กลางของการเคารพบูชาเหล่านี้ แต่นอกเหนือจากนั้นในการรับแรงบันดาลใจจากการเคารพบูชาให้สร้างหน่วยงานในสังกัดสำหรับการรับใช้ด้านมนุษยธรรมด้วย

ดังนั้น ภายใต้มือแห่งการนำทางของพระอับดุลบาฮา รูปแบบของการเคารพบูชาระดับชุมชน ซึ่งส่งเสริมความสามัคคีและเป็นแรงบันดาลใจให้มีความปรารถนาที่จะรับใช้ รูปแบบนั้นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบาไฮในหลายๆ ท้องถิ่นในประเทศอิหร่าน ในการนี้วิสัยทัศน์ของท่านนายได้เข้ากับสถานการณ์หลากหลายซึ่งสามารถสำแดงแนวคิดของ มัช-เร-กล อัส-คาร์ ในรูปแบบที่เพิ่งเริ่มก่อตัว ลองพิจารณาคำพูดของพระองค์เกี่ยวกับเรื่องนี้

ส่วน มัช-เร-กล อัส-คาร์ นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด …. ซึ่งสามารถมีรูปแบบใดๆ ก็ตาม ถึงแม้จะเป็นหลุมใต้ดิน หลุมนั้นจะกลายเป็นสวรรค์ที่ปกป้อง ซุ้มที่สูงส่ง และสวนของความสุขหรรษา จะกลายเป็นศูนย์กลางซึ่งในที่นั้นดวงจิตจะได้เบิกบานและหัวใจจะถูกดึงดูดไปยังอาณาจักรแห่งอับภา

อันที่จริงประสบการณ์ของท่านเองแสดงให้เห็นว่า เราสามารถจินตนาการถึงความหลากหลายของความเป็นไปได้สำหรับการแสดงออกซึ่งกฎนี้และการเผยโฉมออกมาอย่างเป็นธรรมชาติในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง

ในธรรมลิขิตบาไฮคำว่า “มัช-เร-กล อัส-คาร์” ได้ถูกนำมาใช้อย่างนานัปการ อาจหมายถึงการชุมนุมของ ?บรรดาศาสนิกชนเวลาสวดมนต์ในยามรุ่งอรุณ หรือสิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการท่องสวดธรรมลิขิตศักดิ์สิทธิ์ หรือสถาบัน มัช-เร-กล อัส-คาร์ ทั้งหมดรวมทั้งหน่วยงานในสังกัดด้วย หรืออาจหมายถึงอาคารกลางอย่างเดียวซึ่งมักจะเรียกว่า “โบสถ์” หรือ “สักการสถาน” ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นลักษณะของการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปของกฎนี้ซึ่งพระบาฮาอุลลาห์กำหนดไว้สำหรับมนุษย์ในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

มัช-เร-กล อัส-คาร์ เป็นแนวคิดที่พิเศษในประวัติศาสตร์ของศาสนาและเป็นสัญลักษณ์ของคำสอนของวันใหม่ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นศูนย์รวมของสังคมเพื่อส่งเสริมความเป็นมิตรไมตรี และ มัช-เร-กล อัส-คาร์ เป็นสถานที่สำหรับการเคารพบูชาอย่างเปิดกว้างที่มีลักษณะความเป็นสากล และเปิดให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด โดยไม่คำนึงถึงศาสนาของพวกเขาหรือภูมิหลังเชื้อชาติหรือเพศ และเป็นที่กำบังสำหรับการไตร่ตรองที่ลึกที่สุดเกี่ยวกับความเป็นจริงทางจิตวิญญาณและคำถามพื้นฐานของชีวิต รวมทั้งการไตร่ตรองถึงความรับผิดชอบของแต่ละบุคคลและของส่วนรวมต่อความเจริญของสังคม ทั้งชายและหญิงเด็กและเยาวชนอยู่ในอ้อมกอดของ มัช-เร-กล อัส-คาร์ อย่างเท่าเทียมกัน ความเป็นสากลอย่างเป็นเอกเทศและอย่างรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้ได้มีการแสดงออกในโครงสร้างของ มัช-เร-กล อัส-คาร์ ที่มีการออกแบบเป็นอาคารเก้าด้านซึ่งบ่งบอกถึงความรู้สึกถึงบูรณภาพและความสมบูรณ์แบบสอดคล้องกับความหมายของเลขเก้านั้น

ดังที่เป็นสถานที่ซึ่งพลังทางจิตวิญญาณจะแผ่ออกไป มัช-เร-กล อัส-คาร์ เป็นจุดศูนย์รวมสำหรับหน่วยงานในสังกัดที่จะถูกสถาปนาขึ้นสำหรับความผาสุขของมนุษย์ และคือการแสดงออกซึ่งความประสงค์ที่จะรับใช้อย่างกระตือรือร้น หน่วยงานในสังกัดเหล่านี้ ซึ่งเป็นศูนย์การศึกษาและการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกับการอุตสาหะทางวัฒนธรรมและมนุษยธรรม ก็รวบรวมอุดมคติของความก้าวหน้าทางสังคมและจิตวิญญาณที่จะบรรลุผลโดยผ่านการประยุกต์ใช้ความรู้ และแสดงให้เห็นว่าเมื่อศาสนาและวิทยาศาสตร์สอดคล้องกัน สิ่งเหล่านี้จะยกระดับสถานภาพของมนุษย์และนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรม อย่างที่ชีวิตของท่านแสดงให้เห็นอย่างเหลือล้น แม้แต่การนมัสการเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตภายในของมนุษย์และมีความสำคัญต่อการพัฒนาจิตวิญญาณ ก็ยังต้องนำไปสู่การกระทำที่แสดงออกในทางปฏิบัติซึ่งเป็นการสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจ แนวคิดเกี่ยวกับการนมัสการนี้ ซึ่งแยกออกจากการรับใช้ไม่ได้ ถูกป่าวประกาศใช้โดย มัช-เร-กล อัส-คาร์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านโชกิ เอฟเฟนดิ เขียนไว้ว่า

เมื่อแยกการบูชาแบบบาไฮออกจากการอุตสาหะพยายามทางสังคม มนุษยธรรม การศึกษาและวิทยาศาสตร์อย่างที่ตั้งศูนย์หน่วยงานในสังกัดในบริเวณโดยรอบของ มัช-เร-กล อัส-คาร์ การบูชานั้นแม้ว่าจะสูงส่งทางใจแค่ไหน แม้ว่าจะกระตือรือร้นอย่างลึกซึ้งแค่ไหน ก็ไม่สามารถบังเกิดผลมากไปกว่าผลเพียงเล็กน้อยและผลที่มักไม่ยั่งยืนของผู้ที่เข้าญาณแบบนักพรตหรือการสนทนาทางใจของผู้บูชาอย่างไม่แสดงกิริยาอะไร การบูชาเช่นนี้ไม่สามารถนำความพึงพอใจและเป็นประโยชน์ในระยะยาวแก่ผู้บูชา หรือยิ่งไปกว่านั้นแก่มนุษยชาติโดยทั่วไปได้ จนกว่าการบูชาจะมีการแปลงและการถ่ายเทให้เป็นการรับใช้อย่างมีพลวัตและไม่เห็นแก่ตัวต่อความก้าวหน้าของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษสูงสุดของหน่วยงานในสังกัดของ มัช-เร-กล อัส-คาร์ ที่จะอำนวยความสะดวกและส่งเสริม

ดวงดาวแฝดแห่งยุคอันรุ่งโรจน์นี้ได้สอนเราดังนี้ การสวดอธิษฐานคือแก่นแท้ของการสนทนาทางจิตวิญญาณกับพระผู้สร้างโดยตรงและไม่มีสื่อกลาง เป็นอาหารทางจิตวิญญาณที่ค้ำจุนชีวิตของจิตวิญญาณ ดั่งเสมือนน้ำค้างในตอนเช้าที่จะทำให้หัวใจสดชื่นและสะอาด บริสุทธิ์จากความผูกพันกับอัตตาที่รบเร้า เป็นไฟที่เผาผลาญม่านต่างๆ ออกไป และเป็นแสงสว่างที่นำไปสู่มหาสมุทรแห่งการกลับมาอยู่ร่วมกันกับพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ ด้วยปีกของการสวดอธิษฐาน วิญญาณจะทะเยอทะยานในสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าและเข้าใกล้ความเป็นสัจธรรมของพระองค์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น การพัฒนาความสามารถที่ไร้ขีดจำกัดของจิตวิญญาณและการดึงดูดซึ่งความโปรด ปรานของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งสองนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการสวดอธิษฐาน แต่การสวดอธิษฐานอย่างยืดยาวไม่เป็นที่พึงปรารถนา พลังที่แฝงอยู่ในการอธิษฐานจะประจักษ์เมื่อเกิดจากแรงจูงใจจากความรักต่อพระผู้เป็นเจ้า ห่างออกจากความเกรงกลัวหรือการหวังผล และเป็นอิสระจากการโอ้อวดและความเชื่อที่งมงาย การสวดจะต้องแสดงออกด้วยความจริงใจและความบริสุทธิ์ใจซึ่งเอื้อต่อการไตร่ตรองและการทำสมาธิ เพื่อให้สติปัญญาได้ความสว่างจากผลลัพธ์ของการสวดอธิษฐาน การอธิษฐานเช่นนี้จะก้าวข้ามข้อจำกัดของถ้อยคำและพ้นไกลจากเพียงเสียงพูด ความหวานของท่วงทำนองของการอธิษฐาณจะต้องยกระดับจิตใจและทำให้ปลื้มปีติและเสริมสร้างอำนาจพระวจนะที่ซึมซาบในจิตใจ ซึ่งจะเปลี่ยนความโน้มเอียงทางโลกให้เป็นคุณลักษณะทางธรรมและแรงบันดาลใจในการรับใช้มนุษยชาติอย่างไม่เห็นแก่ตัว

ในเมื่อสมาชิกชุมชนของท่านที่ตั้งแต่วัยเด็กได้รับการเลี้ยงดูด้วยการวิงวอนอย่างสม่ำเสมอให้มี “หัวใจบริสุทธิ์ดุจดั่งไข่มุก” ก็ไม่น่าสงสัยที่ชุมชนนั้นดำเนินชีวิตด้วยความอดทนในการยอมรับความยากลำบากทุกอย่าง แต่ไม่ปล่อยให้จิตใจของพวกเขาด่างพร้อยด้วยความเกลียดชังความเคียดแค้นหรือความพยาบาท เพราะไข่มุกนั้นอาจสูญเสียความเงางาม ในท้ายสุดการสวดอธิษฐานจะต้องแสดงออกในชีวิตที่มีเจตจำนง

เราได้เรียกร้องบาไฮศาสนิกชนที่พยายามสร้างชุมชนให้เห็นถึงการสร้างรูปแบบใหม่ของสังคมที่เป็นไปได้ ถ้าพิจารนาอย่างครบถ้วนรูปแบบนี้ส่งเสริมความสามารถในการรับใช้ สำหรับการศึกษาของคนรุ่นเยาว์ สำหรับการเสริมสร้างพลังความสามารถของเยาวชน สำหรับการศึกษาทางจิตวิญญาณของเด็ก สำหรับการเพิ่มความสามารถในการใช้อำนาจของพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าในการเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนอื่นๆ ในสนามรับใช้ และสำหรับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของปวงประชาโดยพิจารณาจากคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับยุคนี้เป็นแนวทาง สิ่งสำคัญในรูปแบบดังกล่าวคือการชุมนุมอธิษฐาน ซึ่งเป็นแง่หนึ่งทางสังคมของชีวิตที่สอดคล้องกับคำสอนนั้น และเป็นมิติหนึ่งของแนวคิดเกี่ยวกับ มัช-เร-กล อัส-คาร์ ซึ่งการชุมนุมอธิษฐานเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับชุมชนของท่านไม่เพียงแต่ในการนมัสการพระผู้ทรงอำนาจและแสวงหาพระพรในชีวิตของท่านเอง แต่จะขยายไปยังพลเมืองร่วมชาติของท่าน ซึ่งพลังงานทางจิตวิญญาณที่จะได้จากการสวดอธิษฐาน เพื่อเรียกคืนซึ่งความบริสุทธิ์ใจในการบูชา เพื่อจุดประกายแห่งความเชื่อมั่นในหัวใจของพวกเขาต่อการรับรองของพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อการสร้างความเข้มแข็งในพวกเขาและไม่น้อยไปกว่านั้นในตัวท่านเอง ซึ่งความกระตือรือร้นที่จะรับใช้ประเทศชาติและมนุษย์และแสดงความยืดหยุ่นที่สร้างสรรค์ในเส้นทางของความยุติธรรม

เพื่อนๆ ที่รัก การชุมนุมเพื่ออธิษฐานทั่วทั้งแผ่นดินของท่านที่ได้รับพระพร ในทุกละแวกบ้าน ทุกเมืองหมู่บ้านและหมู่บ้านเล็กๆ และการที่คนร่วมชาติของท่านกำลังรับรู้และเข้าใกล้บทสวดมนต์บาไฮมากขึ้น ก็กำลังช่วยให้ชุมชนของท่านในการส่องแสงของความสามัคคีในการชุมนุมของมนุษยชาติ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการมีส่วนร่วมในความพยายามของบรรดาเพื่อนศาสนิกชนของท่านทั่วโลก ดังนั้นจงปลูกเมล็ดพันธุ์แห่ง มัช-เร-กล อัส-คาร์ ที่จะปรากฏขึ้นในอนาคต เพื่อประโยชน์ของทุกคน และจงจุดดวงประทีปนับไม่ถ้วนสวนทางกับความมืดมนแห่งความเกลียดชังและความไม่เสมอภาค

[ลงนาม: สภายุติธรรมแห่งสากล]