?ขอจงอย่ามีความผิดพลาดใด? หลักความเชื่อเรื่องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางที่คำสอนทั้งหมดของพระบาฮาอุลลาห์หมุนรอบอยู่นั้น มิใช่เป็นเพียงการระเบิดออกมาของนิสัยชอบแสดงความรู้สึกอย่างโง่เขลาหรือการแสดงออกซึ่งความหวังอย่างมีศรัทธาที่เลือนลาง? การอุทธรณ์ร้องเรียกของหลักความเชื่อนี้ไม่ใช่เป็นเพียงเพื่อจะได้รับการระบุว่าเป็นเช่นเดียวกันกับการตื่นขึ้นมาใหม่ของดวงจิตแห่งภราดรภาพและความปรารถนาดีต่อกันระหว่างมนุษย์ และจุดมุ่งหมายของหลักความเชื่อนี้ก็มิใช่แค่การอุปถัมภ์ค้ำชูให้เกิดความร่วมมือกันอย่างกลมเกลียวระหว่างบุคคลและระหว่างประชาชาติเพียงประการเดียว? ? ความหมายโดยนัยของหลักความเชื่อนี้ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น การอ้างสิทธิของหลักความเชื่อนี้ยิ่งใหญ่มากกว่าการอ้างสิทธิใดๆ ที่บรรดาพระศาสดาในอดีตทั้งหลายทรงได้รับอนุญาตให้กล่าวอ้าง สิ่งที่หลักความเชื่อนี้ต้องการสื่อสารมิใช่เพียงสำหรับให้ปัจเจกบุคคลตระหนักเท่านั้นแต่เกี่ยวข้องโดยแท้กับธรรมชาติของความสัมพันธ์ต่างๆ ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผูกมัดรัฐและประชาชาติทั้งหลายเข้าไว้ด้วยกันในฐานะของสมาชิกของครอบครัวเดียวกันแห่งมนุษยชาติ ? หลักความเชื่อนี้มิได้เป็นองค์ประกอบของเพียงแค่การแถลงถึงอุดมคติ แต่เกี่ยวเนื่องอย่างแยกออกจากกันไม่ได้กับสถาบันที่มีความสามารถเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความจริงของหลักความเชื่อนี้ สาธิต ให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและสืบสานแรงโน้มน้าวใจของหลักความเชื่อนื้ หลักความเชื่อนี้บ่งบอกเป็นนัยถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ่งมีชีวิตของโครงสร้างของสังคมปัจจุบันอย่างที่โลกยังไม่เคยประสบมาก่อน หลักความเชื่อนี้เป็นองค์ประกอบของการท้าทาย ที่กล้าหาญและเป็นสากลในเวลาเดียวกันต่อหลักความเชื่อที่พ้นสมัยเรื่องเชื้อชาติ อันเป็นลัทธิความเชื่อที่หมดยุคแล้ว? ซึ่งในวิถีทางที่สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นอยู่โดยทั่วไปดังที่ได้รับการหล่อหลอมและควบ คุมโดยการจัดหาแห่งสวรรค์นั้น ความเชื่อดังกล่าวจะต้องหลีกทางให้กับหลักคำสอนใหม่ที่โดยพื้นฐานแล้วแตกต่างและเหนือกว่าอย่างมากมายมหาศาลจากสิ่งที่โลกเคยได้พบเห็นมาแล้ว หลักความเชื่อนี้เรียกร้องให้ต้องมีไม่น้อยไปกว่าการสร้างขึ้นมาใหม่ของโลกที่มีอารยธรรมแล้วทั้งโลกและการทำให้โลกนี้ปลอดทหาร นั่นคือ โลกที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเฉกเช่นสิ่งมีชีวิตในทุกแง่มุมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตนั้น ในกลไกทางการเมือง ในความใฝ่ฝันทางธรรม ในการพาณิชย์และการคลัง ในแบบพิมพ์และภาษา แต่กระนั้นกลับไร้ขีดจำกัดในเรื่องของความหลากหลายของเอกลักษณ์ประจำชาติของแต่ละหน่วยที่มารวมเข้าด้วยกัน?

“หลักความเชื่อนี้หมายถึงความสำเร็จบริบูรณ์ของวิวัฒนาการของมนุษยชาติ อันเป็นวิวัฒนาการที่มีจุดเริ่มต้นแรกสุดในการถือกำเนิดขึ้นของชีวิตครอบครัว แล้วมีพัฒนาการต่อมาในการบรรลุความสำเร็จของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชนเผ่าต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การประกอบกันขึ้นเป็นนครรัฐ แล้วต่อมาขยายไปเป็นสถาบันแห่งประเทศอธิปไตยอันเป็นอิสระ”

“หลักความเชื่อเรื่องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษยชาติดังที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงประกาศไว้นั้น นำพาเอาการยืนยันอย่างขึงขังมาด้วยว่า การบรรลุถึงขั้นสุดท้ายของวิวัฒนาการอันใหญ่โตมโหฬารนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งจำเป็นเท่านั้นแต่ยังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกด้วย การบรรลุความเป็นจริงของหลักความเชื่อนี้จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ และไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากสิ่งที่มีพลังอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถสถาปนาหลักความเชื่อนี้ได้สำเร็จ”

?แนวความคิดอันน่าพิศวงนี้แสดงปรากฏในช่วงแรกสุดในความพยายามที่กระทำไปอย่างมีความตระหนักและเป็นการเริ่มต้นอย่างพอประมาณที่บรรลุความสำเร็จแล้วโดยผู้ประกาศตนเป็นสาวกของพระบาฮาอุลลาห์ที่กำลังลงมือกระทำอย่างเชื่อมั่นและประสบความสำเร็จในการสถาปนาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าขึ้นบนโลก ด้วยสำนึกในความสูงส่งของเจตนารมณ์ของพวกเขาและด้วยการที่เป็นผู้เริ่มได้รับการนำเข้าสู่หลักการอันสูงส่งของระบบบริหารของพระองค์ ? แนวความคิดนี้แสดงปรากฏทางอ้อมอยู่ในการแพร่กระจายอย่างช้าๆ ของดวงจิตแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของโลกที่กำลังเกิดขึ้นมาเองจากความยุ่งเหยิงของสังคมที่ไม่เป็นระเบียบ??

?กระบวนการที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาที่ขับเคลื่อนโดยสวรรค์ ซึ่งมีศักยภาพที่ไม่เคยมีผู้ใดคาดฝันไว้มาก่อน มีขอบเขตครอบคลุมทั้งโลก และมีผลตามมาในท้ายสุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลก ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในคืนอันน่าจดจำนั้น ในขณะที่พระบ๊อบทรงสื่อสารถึงจุดประสงค์ของพันธกิจของพระองค์แก่โมลลา โฮเซน ในมุมอันซ่อนเร้นของเมืองชีราซ ? กระบวนการนี้ได้รับพลังขับเคลื่อนอย่างมหาศาลโดยการประกาศเป็นครั้งแรกของพระบาฮาอุลลาห์เกี่ยวกับศาสนาที่กำลังรุ่งขึ้นมาในท่ามกลางความมืดมนของคุกซียาห์-ชาลแห่งเตหะราน กระบวนการนี้ถูกเร่งความเร็วขึ้นอีกโดยการประกาศพันธกิจของพระองค์ในตอนเย็นของวันที่พระองค์ถูกเนรเทศออกจากแบกแดด กระบวนการดังกล่าวเคลื่อนสู่จุดสูงสุดด้วยการประกาศพันธกิจเดียวกันในช่วงเวลาหลายปีที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายระหว่างที่พระองค์ถูกเนรเทศอยู่ที่เมืองเอเดรียโนเปิ้ล? ความสำคัญทั้งหมดของกระบวนการนี้เป็นที่เปิดเผยออกมาเมื่อพระผู้ทรงเป็นผู้ลิขิตพันธกิจนี้ทรงออกหมายเรียก หนังสืออุทธรณ์ และคำตักเตือนต่างๆ ของพระองค์ต่อบรรดากษัตริย์และผู้นำศาสนาทั้งหลายของโลก กระบวนการนี้บรรลุความสมบูรณ์ในขั้นท้ายสุดโดยกฎและบัญญัติต่างๆ ที่พระองค์ทรงกำหนดขึ้น โดยหลักการทั้งหลายที่พระองค์ทรงแถลงไว้อย่างชัดแจ้ง และโดยสถาบันทั้งหลายที่พระองค์ทรงประทานไว้ในระหว่างปีท้ายๆ ของการบริหารศาสนาของพระองค์ภายในเมืองคุกแห่งอัคคา?

ในการที่จะชี้นำและกำหนดแนวทางให้กับพลังเหล่านี้ที่ปลดปล่อยออกมาโดยกระบวนการที่ส่งออกมาจากสวรรค์นี้ และเพื่อรับประกันปฏิบัติการที่ต่อเนื่องและกลมกลืนกันหลังจากการสวรรคตของพระองค์นั้น เป็นที่ชัดเจนว่า จะต้องมีเครืองมือที่จำเป็นอย่างขาดไม่ได้ ? ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เป็นของประทานจากสวรรค์ที่ประดับประดาด้วยอำนาจบังคับบัญชาอันไม่อาจโต้แย้งได้ และมีความเกี่ยวโยงในลักษณะที่เป็นองค์ประกอบของพระผู้ทรงลิขิตการเปิดเผยธรรมนี้ เครื่องมือดังกล่าวนี้พระบาฮาอุลลาห์ทรงประทานให้อย่างเร่งด่วนผ่านทางสถาบันแห่งพระปฏิญญา อันเป็นสถาบันที่พระองค์ทรงสถาปนาขึ้นอย่างมั่นคงก่อนการสวรรคตของพระองค์ ? พระปฏิญญาเดียวกันนี้เองที่พระองค์ทรงคาดการณ์ไว้ในพระคัมภีร์คีตาบี อัคดัส โดยทรงพาดพิงถึงในขณะที่กำลังทรงกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายกับบรรดาสมาชิกในครอบครัวของพระองค์ที่ถูกเรียกให้มารวมกันอยู่ข้างที่บรรทมของพระองค์ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าการสวรรคตของพระองค์ และได้ทรงรวมพระปฏิญญานี้ไว้ในเอกสารพิเศษที่พระองค์ทรงขนานนามว่า ?คัมภีร์แห่งพระปฏิญญาของเรา?? ซึ่งในระหว่างการประชวรครั้งสุดท้ายของพระองค์ได้ทรงมอบคัมภีร์นี้ไว้ในความดูแลของพระอับดุลบาฮา?

?คัมภีร์นี้ลิขิตขึ้นด้วยหัตถ์ของพระองค์เอง ถูกเปิดผนึกออกในวันที่เก้าหลังจากการสวรรคตของพระองค์ต่อหน้าพยานเก้าคนที่คัดสรรมาจากบรรดาสหายและสมาชิกในครอบครัวของพระองค์ และถูกอ่านในเวลาต่อมาในตอนบ่ายวันเดียวกันต่อหน้าผู้คนจำนวนมากที่มาชุมนุมกัน ณ สถูปอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระองค์ ซึ่งในจำนวนนั้นมีบุตรชายของพระองค์ ญาติของพระบ๊อบผู้แสวงบุญและศาสนิกชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นอยู่ด้วย ? คัมภีร์อันโดดเด่นที่เปิดศักราชใหม่และได้รับการขนานนามโดยพระบาฮาอุลลาห์ว่าเป็น ?ธรรมสาส์นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด? และที่ทรงกล่าวพาดพิงถึงในนามว่า ?คัมภีร์คริมซัน? ในสารถึงลูกสุนัขป่านี้ เป็นคัมภีร์ที่ไม่มีคัมภีร์เล่มอื่นใดของยุคศาสนาก่อนหน้านี้เสมอเหมือนได้ ไม่เว้นแม้แต่คัมภีร์ของพระบ๊อบเอง เพราะในคัมภีร์ทุกเล่มที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับระบบศาสนาของโลกหรือแม้กระทั่งในธรรมลิขิตของศาสนาของพระบ๊อบนั้น ไม่พบว่ามีเอกสารใดที่กล่าวถึงการสถาปนาปฏิญญาที่มีพลังอำนาจในการปกครองได้เทียบเท่ากับพระปฎิญญาที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงจัดตั้งขึ้น?

“แม้ว่าอาณาจักรแห่งความรุ่งโรจน์ไม่มีสิ่งไร้แก่นสารทางโลก? กระนั้นในคลังแห่งความไว้วางใจและยอมจำนน เราได้ทำพินัยกรรมมอบมรดกที่ล้ำเลิศและประเมินค่าไม่ได้ให้แก่ทายาททั้งหลายของเรา? เราไม่ได้ทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินทางโลก ซึ่งจะเพิ่มความยุ่งยากใจในการดูแล พระผู้เป็นเจ้าเป็นพยาน! ในความร่ำรวยทางโลกมีความกลัวซ่อนอยู่? และมีภยันตรายถูกปกปิดไว้ จงพิจารณาและระลึกถึงสิ่งที่พระผู้ทรงปรานีเปิดเผยไว้ในคัมภีร์กุรอ่าน (104 :1-2)? : ?ความยุ่งยากบังเกิดกับผู้ที่ใส่ร้ายและผู้ที่หมิ่นประมาททุกคน? ผู้ที่สะสมและนับความร่ำรวย? ความร่ำรวยทางโลกคงอยู่เพียงชั่วแล่น ทุกสิ่งที่ต้องสูญสิ้นและเปลี่ยนแปลงไม่คู่ควรต่อการเอาใจใส่? นอกจากในระดับอันเป็นที่ยอมรับ”

“จุดมุ่งหมายของพระผู้ถูกประทุษร้ายนี้ที่ทนความยุ่งยากและความทุกข์ทรมานทั้งหลาย? และเปิดเผยพระวจนะศักดิ์สิทธิ์และสาธิตข้อพิสูจน์ ไม่ใช่อื่นใดนอกจากจะดับเปลวไฟแห่งความเกลียดชังและชิงชัง? เพื่อว่าขอบฟ้าแห่งหัวใจของมนุษย์ทั้งหลายจะสว่างด้วยแสงแห่งความลงรอย และบรรลุถึงสันติสุขและความสงบ ดวงตะวันแห่งวาทะนี้ส่องแสงอำไพมาจากอรุโณทัยสถานของธรรมจารึกสวรรค์? และเป็นความถูกต้องที่ทุกคนจะพิศดูวาทะนี้ : ดูกร ประชาชนทั้งหลายของโลก เราเคี่ยวเข็ญเจ้าให้ปฏิบัติสิ่งที่จะยกฐานะของเจ้า จงยึดเหนี่ยวความกลัวพระผู้เป็นเจ้าและยึดมั่นสิ่งที่ถูกต้อง? แท้จริงแล้วเรากล่าวว่า ลิ้นมีไว้สำหรับกล่าวถึงสิ่งที่ดี อย่าให้ลิ้นมีมลทินด้วยการพูดสิ่งที่ไม่ควร พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยสิ่งที่ผ่านมา นับแต่นี้ไปทุกคนควรกล่าวสิ่งที่เหมาะที่ควร ละเว้นจากการใส่ร้าย? การพูดหยาบคายและสิ่งใดก็ตามที่ทำให้คนเราเศร้าใจ สถานะของมนุษย์นั้นสูงส่ง! ไม่นานมานี้พระวจนะที่ประเสริฐนี้หลั่งมาจากคลังของปากกาแห่งความรุ่งโรจน์ : ยุคนี้ยิ่งใหญ่และได้รับพร เป็นยุคที่ศักยภาพทั้งหมดที่แฝงอยู่ในมนุษย์จะถูกแสดงให้ปรากฏ? สถานะของมนุษย์นั้นสูงส่ง หากเขายึดเหนี่ยวความชอบธรรมและสัจธรรม มั่นคงและแน่วแน่ในศาสนา ในสายตาของพระผู้ทรงปรานี มนุษย์ที่แท้จริงเป็นเสมือนท้องฟ้า ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนท้องฟ้าคือสายตาและการได้ยินของเขา ดวงดาวบนท้องฟ้าคืออุปนิสัยใจคอที่เรืองรองผ่องใสของเขา? สถานะของมนุษย์สูงส่งที่สุด และอิทธิพลของเขาอบรมสภาวะของการมีชีวิต”

“ในยุคนี้วิญญาณที่มีใจเปิดรับทุกดวงที่ได้สูดสุคนธรสแห่งอาภรณ์ของพระองค์? และหันหน้ามายังขอบฟ้าที่รุ่งโรจน์ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ ได้รับการนับรวมกับประชาชนแห่งบาฮาในคัมภีร์คริมซัน? จงหยิบถ้วยน้ำแห่งความเมตตารักใคร่ของเราในนามของเรา แล้วดื่มให้อิ่มด้วยการระลึกถึงเราในความรุ่งโรจน์และวิเศษ”

“ดูกร? เจ้าผู้ที่อาศัยอยู่บนพิภพ!? ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้ามีไว้เพื่อความรักและความสามัคคี? อย่าทำให้ศาสนาเป็นเหตุของความชิงชังและการพิพาท ในสายตาของบรรดาผู้ที่หยั่งเห็นและผู้ที่มองเห็นจินตภาพอันประเสริฐสุด? สิ่งใดก็ตามที่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับการปกป้องและส่งเสริมความสุขและความผาสุกของบุตรหลานของมนุษย์ ได้รับการเปิดเผยไว้แล้วโดยปากกาแห่งความรุ่งโรจน์? แต่พวกที่โง่เง่าบนพิภพที่ครุ่นคิดด้วยตัณหาและกิเลสอันชั่วร้าย ยังคงไม่เอาใจใส่อัจฉริยภาพสุดยอดของพระผู้ทรงอัจฉริยภาพ ขณะที่ถ้อยคำและการกระทำของพวกเขามาจากความเพ้อฝันอันเหลวไหลและจินตนาการที่ไร้สาระ”

“ดูกร? พวกเจ้าผู้เป็นที่รักและเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากพระผู้เป็นเจ้า!? กษัตริย์ทั้งหลายคือผู้แสดงอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า และเป็นอรุโณทัยของอำนาจและความร่ำรวยของพระองค์? จงอธิษฐานในนามของพวกเขา พระองค์ทรงมอบอำนาจให้พวกเขาปกครองพิภพ และให้หัวใจทั้งหลายของมนุษย์เป็นเรื่องของพระองค์”

“ความขัดแย้งและการแก่งแย่งเป็นข้อห้ามที่แน่ชัดในคัมภีร์ของพระองค์? นี้คือโองการของพระผู้เป็นเจ้าในการเปิดเผยพระธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้? ซึ่งเป็นที่ถนอมไว้ไม่ให้ยกเลิกและได้รับการยืนยันไว้อย่างงดงามโดยพระองค์? แท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ”

“เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะช่วยเหลือบรรดาผู้เป็นอรุโณทัยแห่งอำนาจและบ่อเกิดของคำบัญชา? ที่ประดับด้วยอลงกรณ์แห่งความเป็นธรรมและความยุติธรรม พระพรจงมีแด่ผู้ปกครองและผู้มีวิชาทั้งหลายในหมู่ประชาชนแห่งบาฮา? พวกเขาคือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากเราในหมู่คนรับใช้ของเรา และคือผู้สำแดงบทบัญญัติของเราท่ามกลางประชาชนของเรา ความรุ่งโรจน์? พระพรและกรุณาธิคุณของเราที่แทรกซอนสภาวะของการมีชีวิต สถิตอยู่กับพวกเขา แสงสว่างแห่งกรุณาธิคุณสวรรค์ส่องอย่างเรืองรองและอำไพมาจากขอบฟ้าของวจนะที่เปิดเผยไว้ในคีตาบี อัคดัส”

“ดูกร? เจ้าผู้เป็นกิ่งทั้งหลายของเรา!? พลังที่ทรงอำนาจซึ่งเป็นอานุภาพสุดยอด? ถูกปกปิดไว้ในสภาวะของการมีชีวิต จงพิศดูพลังนี้และอิทธิพลประสานสามัคคีของพลังนี้? อย่าพิศดูที่ความแตกต่างที่ปรากฏออกมาจากพลังดังกล่าว”

“พินัยกรรมของพระผู้เป็นเจ้ามรดกคือดังนี้ 😕 เป็นหน้าที่ของอักซอน อัฟนอน และญาติพี่น้องของเรา? ที่จะหันหน้าไปหากิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยพร้อมเพรียงกัน? จงพิจารณาดูวจนะที่เราเปิดเผยไว้ในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเรา : ?เมื่อมหาสมุทรแห่งการมีเราอยู่งวดลงไป? และคัมภีร์แห่งการเปิดเผยพระธรรมของเราสิ้นสุดลง จงหันหน้าไปหาพระผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระประสงค์ไว้ พระผู้แตกกิ่งมาจากรากบรมโบราณนี้?? จุดหมายของวจนะศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (พระอับดุลบาฮา) ดังนี้เราได้กรุณาเปิดเผยพินัยกรรมที่ทรงอานุภาพของเราต่อเจ้า? และแท้จริงแล้วเราคือพระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงอานุภาพ แท้จริงแล้วพระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติฐานะของกิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า (โมฮัมหมัด อาลี) ให้อยู่ใต้ฐานะของกิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (พระอับดุลบาฮา)? ความจริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ทรงอัจฉริยภาพ เราได้เลือก ?ยิ่งใหญ่กว่า? ให้ตามหลัง ?ยิ่งใหญ่ที่สุด? ตามที่โองการไว้โดยพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงรับทราบทุกอย่าง”

“เป็นที่บัญชาไว้สำหรับทุกคนให้แสดงความรักต่ออักซอน? แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่ให้พวกเขามีสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น”

“ดูกร? เจ้าผู้เป็นอักซอน? อัฟนอนและญาติพี่น้องของเรา!? เราเคี่ยวเข็ญเจ้าให้เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า? กระทำสิ่งที่น่าสรรเสริญ ทำสิ่งที่เหมาะที่ควร? และสิ่งที่จะช่วยเชิดชูฐานะของเจ้า แท้จริงแล้วเรากล่าวว่า? ความกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือผู้บัญชาการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะทำให้ศาสนามีชัย? และกองทัพที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้บัญชาการนี้คือ อุปนิสัยใจคอที่ซื่อตรงและการกระทำที่บริสุทธิ์และดีงาม”

“ดูกร? คนรับใช้ทั้งหลาย!? อย่าให้วิธีการสร้างระเบียบกลายเป็นเหตุของความสับสน? และเครื่องมือสำหรับความสามัคคีกลายเป็นโอกาสสำหรับความร้าวฉาน? เราขอหวังว่าประชาชนแห่งบาฮาจะได้รับการนำทางด้วยวจนะที่วิสุทธิ์ : ?จงกล่าวว่า : ทุกสิ่งเป็นของพระผู้เป็นเจ้า?? วาทะที่สูงส่งนี้เป็นเสมือนน้ำสำหรับดับไฟแห่งความเกลียดชังและชิงชัง ที่คุอยู่ในหัวใจและอกของมนุษย์ทั้งหลาย โดยวาทะเดียวนี้ประชาชนและวงศ์ตระกูลทั้งหลายที่ต่อสู้กัน? จะเข้าถึงแสงสว่างแห่งเอกภาพที่แท้จริง แท้จริงแล้วพระองค์ตรัสความจริงและนำทางให้ พระองค์คือพระผู้ทรงอานุภาพ พระผู้ทรงความสูงส่ง พระผู้ทรงกรุณา”

“เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะแสดงมารยาทและคำนึงถึงอักซอน? เพื่อว่าศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการสดุดี และพระวจนะของพระองค์จะได้รับการเชิดชู? คำบัญชานี้ได้รับการกล่าวถึงและบันทึกไว้ครั้งแล้วครั้งเล่าในธรรมลิขิตศักดิ์สิทธิ์ ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือให้ทำสำเร็จได้ตามที่พระผู้ทรงบัญญัติ? พระผู้ทรงดำรงอยู่ก่อนยุคสมัย บัญญัติไว้สำหรับเขา ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าได้รับบัญชาให้นับถือสมาชิกทั้งหลายของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ อัฟนอนและญาติพี่น้อง นอกจากนี้เราขอตักเตือนเจ้าให้รับใช้ชาติทั้งปวงและพยายามทำให้โลกดีขึ้น”

“สิ่งที่หนุนนำการฟื้นตัวของโลกและการช่วยประชาชนและวงศ์ตระกูลทั้งหลายบนพิภพให้รอดพ้น? ถูกส่งมาแล้วจากนภาแห่งวาทะของพระผู้เป็นที่ปรารถนาของโลก จงเงี่ยหูฟังคำแนะนำของปากกาแห่งความรุ่งโรจน์? สิ่งนี้ดีสำหรับเจ้ายิ่งกว่าทุกสิ่งที่อยู่บนพิภพ คัมภีร์ที่รุ่งโรจน์และวิเศษของเราเป็นพยานต่อสิ่งนี้”

?ในเอกสารที่สำคัญและไม่มีสิ่งใดเปรียบปรานได้นี้ พระผู้ทรงลิขิตเอกสารทรงเปิดเผยเกี่ยวกับลักษณะของ ?มรดกที่ล้ำเลิศและประเมินค่าไม่ได้? ที่พระองค์ทรงทำพินัยกรรมยกให้แก่ทายาททั้งหลายของพระองค์? ทรงประกาศอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับจุดประสงค์อันเป็นมูลฐานของการเปิดเผยธรรมของพระองค์ ทรงบอกให้ประชาชนทั้งหลายของโลกยึดเหนี่ยวอยู่กับสิ่งที่จะ ?ยก? ?ฐานะของพวกเขา? ทรงประกาศต่อพวกเขาว่า ?พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยสิ่งที่ผ่านมา? ? ? ทรงย้ำถึงความสูงส่งของสถานะของมนุษย์ ทรงเปิดเผยจุดมุ่งหมายของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ทรงสั่งให้ผู้ที่จงรักภักดีอธิษฐานให้แก่กษัตริย์ทั้งหลายของโลก ซึ่งเป็น ?ผู้แสดงอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นอรุโณทัยของอำนาจและความร่ำรวยของพระผู้เป็นเจ้า?? ทรงมอบอำนาจในการปกครองพิภพแก่กษัตริย์เหล่านั้นและทรงเลือกเฟ้นหัวใจของมนุษย์ให้เป็นเรื่องของพระองค์ ทรงห้ามความขัดแย้งและการแก่งแย่ง ทรงบัญชา ให้สาวกของพระองค์ช่วยเหลือบรรดาผู้ปกครองที่ ?ประดับตนด้วยอลงกรณ์แห่งความเป็นธรรมและความยุติธรรม? และทรงสั่งเป็นการเฉพาะแก่อักซอน (บุตรชายของพระองค์) ให้ไตร่ตรองถึง ?พลังที่ทรงอำนาจซึ่งเป็นอานุภาพสุดยอดที่ถูกปกปิดไว้ในสภาวะของการมีชีวิต? ? ? ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ยังทรงสั่งให้พวกเขาพร้อมทั้งเหล่าอัฟนอน (ญาติของพระบ๊อบ) และญาติพี่น้องของพระองค์ให้หันหน้าไปหากิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด(พระอับดุลบาฮา)โดยพร้อมเพรียงกัน ทรงระบุถึงพระองค์ (พระอับดุลบาฮา) ว่าคือ ?พระผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระประสงค์ไว้? ?พระผู้แตกกิ่งมาจากรากบรมโบราณ? ที่กล่าวถึงในคัมภีร์คีตาบี-อัคดัส ทรงบัญญัติฐานะของกิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า (มีร์ซา โมฮัมหมัด อาลี) ให้อยู่ใต้ฐานะของกิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (พระอับดุลบาฮา)? ทรงแนะนำให้ศาสนิกชนทั้งหลายปฏิบัติต่ออักซอนด้วยความรักและความนับถือ ทรงตักเตือนให้ศาสนิกชนทั้งหลายนับถือครอบครัวและญาติของพระองค์รวมทั้งญาติของพระบ๊อบ ทรงปฏิเสธไม่ให้บุตรชายของพระองค์ ?มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น? ทรงกำหนดให้บุตรชายของพระองค์ ญาติพี่น้องของพระองค์และของพระบ๊อบ ?เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า กระทำสิ่งที่น่าสรรเสริญและบังควร? และให้ทำ ?สิ่งที่จะช่วยเชิดชูฐานะของพวกเขา? แท้จริงแล้วเรากล่าวว่า ความกลัวพระผู้เป็นเจ้าคือผู้บัญชาการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะทำให้ศาสนามีชัย? และกองทัพที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้บัญชาการนี้คือ อุปนิสัยใจคอที่ซื่อตรงและการกระทำที่บริสุทธิ์และดีงาม ทรงเตือนมนุษย์ทุกคนว่า ?อย่าให้วิธีการสร้างระเบียบกลายเป็นเหตุของความสับสน และเครื่องมือสำหรับความสามัคคีกลายเป็นโอกาสสำหรับความร้าวฉาน? และทรงจบเอกสารนี้ด้วยคำตักเตือนที่ร้องเรียกให้ผู้จงรักภักดีทั้งหลาย ?รับใช้ชาติทั้งปวงและพยายามทำให้โลกดีขึ้น??

?เมื่อมหาสมุทรแห่งการอยู่ร่วมกับเราไหลกลับไป และคัมภีร์แห่งการเปิดเผยธรรมของเราสิ้นสุดลง จงหันไปหาผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระประสงค์ไว้ ผู้ซึ่งแตกกิ่งมาจากรากบรมโบราณ?

?เมื่อถึงเวลาที่นกพิราบสวรรค์บินไปจากวิหารแห่งความสรรเสริญ และมุ่งหาเป้าหมายที่ไกลออกไปซึ่งเป็นสันนิวาสเร้นลับ สิ่งใดในคัมภีร์ที่เจ้าไม่เข้าใจ จงเสนอไปยังพระผู้ที่แตกกิ่งมาจากลำต้นที่ยิ่งใหญ่นี้?

?พินัยกรรมของพระผู้เป็นเจ้ามรดกคือดังนี้ 😕 เป็นหน้าที่ของอักซอน อัฟนอน และญาติพี่น้องของเรา? ที่จะหันหน้าไปหากิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดโดยพร้อมเพรียงกัน? จงพิจารณาดูวจนะที่เราเปิดเผยไว้ในคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเรา : ?เมื่อมหาสมุทรแห่งการมีเราอยู่งวดลงไป? และคัมภีร์แห่งการเปิดเผยพระธรรมของเราสิ้นสุดลง จงหันหน้าไปหาพระผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระประสงค์ไว้ พระผู้แตกกิ่งมาจากรากบรมโบราณนี้?? จุดหมายของวจนะศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (พระอับดุลบาฮา) ดังนี้เราได้กรุณาเปิดเผยพินัยกรรมที่ทรงอานุภาพของเราต่อเจ้า? และแท้จริงแล้วเราคือพระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงอานุภาพ?

“ในซูเรเย-ก๊ซเหนอะ (อ่านออกเสียง ?เหนอะ- เบาๆ ในลำคอ) (ธรรมจารึกแห่งกิ่งก้าน) ถ้อยวจนะเหล่านี้ได้ถูกบันทึกไว้: ?พระผู้ทรงความวิสุทธิ์และความรุ่งโรจน์นี้ กิ่งก้านแห่งความศักดิ์สิทธิ์นี้ ได้แตกกิ่งก้านออกมาจากสะดราตุล-มุนตาฮา? คือ ขอความสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ได้แสวงหาที่พักพิงของพระองค์และอาศัยอยู่ภายใต้ร่มเงาของพระองค์ แท้จริงแล้ว สาขาแห่งกฎของพระผู้เป็นเจ้าได้กำเนิดจากรากนี้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูกฝังไว้ในผืนดินแห่งพระประสงค์ของพระองค์ และกิ่งก้านของพฤกษานี้ได้รับการยกขึ้นสูงจนสามารถครอบคลุมการสร้างสรรค์ทั้งหมด? ด้วยประการฉะนี้ ขอความยิ่งใหญ่จงมีแด่พระองค์ สำหรับงานฝีมืออันประเสริฐ อันศักดิ์สิทธิ์ อันทรงอานุภาพ อันสูงส่งนี้ …เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งกรุณาธิคุณของเรา ถ้อยวจนะหนึ่งได้ออกจากธรรมจารึกอันยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นถ้อยวจนะที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตกแต่งด้วยเครื่องประดับของพระองค์เอง และทรงทำให้ถ้อยวจนะนี้มีอธิปไตยเหนือโลกและทุกสิ่งที่อยู่ในโลก และให้เป็นเครื่องหมายแห่งความยิ่งใหญ่และอำนาจของพระองค์ในท่ามกลางประชาชนของโลก….. ดูกร ประชาชน จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าสำหรับการปรากฏขึ้นของพระองค์ เพราะแท้จริงแล้ว พระองค์คือความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเจ้า คือรางวัลที่สมบูรณ์พร้อมสำหรับเจ้า และโดยพระองค์กระดูกที่ผุพังทุกชิ้นกลับมีชีวิตขึ้น? ผู้ใดก็ตามที่หันมาหาพระองค์ได้หันมาหาพระผู้เป็นเจ้า และผู้ใดก็ตามที่หันไปจากพระองค์ได้หันไปจากความงามของเรา ได้ปฏิเสธข้อพิสูจน์ของเรา และได้กระทำผิดต่อเรา พระองค์คือผู้ได้รับความไว้วางใจจากพระผู้เป็นเจ้าท่ามกลางพวกเจ้า คือสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ามอบ หมายไว้ภายในตัวเจ้า คือการประกาศของพระผู้เป็นเจ้าต่อพวกเจ้า และคือการปรากฏของพระผู้เป็นเจ้าท่ามกลางเหล่าคนรับใช้ที่โปรดปรานของพระองค์….เราได้ส่งพระองค์ลงมาในรูปของวิหารแห่งมนุษย์ ขอบารมีและการชำระให้บริสุทธิ์จงเป็นของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงสร้างสรรค์สิ่งใดก็ตามที่ทรงพระประสงค์โดยบัญชาอันทำลายไม่ได้และไม่มีวันผิดพลาดของพระองค์ บรรดาผู้ที่กีดกันตนเองออกจากร่มเงาของพระผู้เป็นกิ่งก้านย่อมหลงทางอยู่ในพงไพรแห่งความผิดพลาด ถูกเผาผลาญด้วยความร้อนแห่งความปรารถนาทางโลก และเป็นผู้ที่จะสูญสิ้นไปอย่างแน่นอน”

?ดูกร พระผู้เป็นแก้วตาของเรา!? พระบาฮาอุลลาห์ทรงเรียกพระอับดุลบาฮาในธรรมลิขิตของพระองค์ ? ความรุ่งโรจน์ของเรา มหาสมุทรแห่งความเมตตารักใคร่ของเรา ดวงอาทิตย์แห่งกรุณาธิคุณของเรา สวรรค์แห่งความปรานีของเราอยู่กับเจ้า? เราอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าขอให้ทรงส่องสว่างแก่โลกด้วยความรู้และอัจฉริยภาพของเจ้า และขอทรงประทานเจ้าด้วยสิ่งที่จะทำให้หัวใจของเจ้ายินดีและให้การปลอบโยนแก่ดวงตาของเจ้า? ในอีกธรรมจารึกหนึ่งพระองค์ทรงลิขิตว่า ?ขอความรุ่งโรจน์ของพระผู้เป็นเจ้าจงอยู่กับเจ้าและผู้ใดก็ตามที่รับใช้เจ้าและอยู่รายรอบเจ้า? ความโศกเศร้าจงมีแด่ผู้ที่ต่อต้านและทำร้ายเจ้า ขอความสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ปฏิญาณตนว่ามีความจงรักภักดีต่อเจ้า ไฟแห่งนรกจะทรมานผู้ที่เป็นศัตรูของเจ้า? ในอีกธรรมจารึกหนึ่งพระองค์ทรงยืนยันว่า ? เราได้ทำให้เจ้าเป็นที่พักพิงสำหรับมนุษย ชาติทั้งหมด เป็นโล่สำหรับทุกคนที่อยู่ในสวรรค์และบนโลก เป็นป้อมปราการสำหรับผู้ใดก็ตามที่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ไม่มีสิ่งใดเปรียบปรานได้ พระผู้ทรงรอบรู้ ? ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดว่า โดยผ่านทางเจ้าพระองค์จะทรงปกป้อง บำรุงและค้ำชูพวกเขาเหล่านั้น พระองค์ จะทรงบันดาลใจเจ้าในสิ่งที่จะเป็นแหล่งกำเนิดอันไม่ขาดสายแห่งความมั่งคั่งสำหรับทุกสรรพสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์ เป็นมหาสมุทรแห่งกรุณาธิคุณแก่มนุษย์ทุกคน และเป็นรุ่งอรุณแห่งความปรานีแก่ประชาชนทั้งปวง”

“ในบทอธิษฐานที่ทรงเปิดเผยเพื่อเป็นเกียรติแก่พระอับดุลบาฮา พระบาฮาอุลลาห์ตรัสว่า ?ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบดีว่าข้าพเจ้าไม่ปรารถนาสิ่งใดสำหรับเขานอกเสียจากสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนา และได้เลือกเขาด้วยเพียงวัตถุประสงค์ที่พระองค์ทรงมีเจตนาไว้สำหรับเขาเท่านั้น? ด้วยเหตุฉะนี้ ขอพระองค์ทรงให้เขาได้รับชัยชนะโดยอาศัยเหล่าเทวัญของพระองค์บนโลกและสวรรค์…..ข้าพเจ้าขอวิงวอนพระองค์ด้วยความแรงกล้าแห่งความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อพระองค์และความปรารถนาที่จะประกาศศาสนา ขอทรงประทานแก่เขารวมทั้งบรรดาผู้ที่รักเขาด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดไว้สำหรับบรรดาทูตสวรรค์และผู้พิทักษ์ของการเปิดเผยธรรมของพระองค์? แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงอำนาจเหนือสิ่งทั้งปวง”

“ในจดหมายถึงพระอับดุลบาฮา ที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงให้มีร์ซา อะคาจาน ผู้ทำหน้าที่รับใช้เป็นเลขานุการของพระองค์ เขียนตามคำบอกของพระองค์ ในคราวที่พระอับดุลบาฮาเดิน ทางไปเมืองเบรุต เราพบข้อความว่า: ?ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระองค์ผู้ได้ทรงให้เกียรติแก่ดินแดนแห่งบา (เบรุต) ด้วยการเสด็จยังที่นั้นของพระผู้ซึ่งนามทั้งปวงหมุนรอบ ทุกอนุ ภาคของโลกได้ประกาศแก่ทุกสรรพสิ่งแห่งการสร้างสรรค์ว่า? จากหลังประตูของเมืองคุกลูกแก้วแห่งความงามของความยิ่งใหญ่ กิ่งอันทรงอำนาจที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า?ความเร้นลับโบราณและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ของพระองค์?ได้ปรากฏและฉายแสงสว่างขึ้นเพื่อเดิน ทางต่อไปยังอีกดินแดนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ความโศกเศร้าได้ปกคลุมเมืองคุกนี้ในขณะที่อีกดินแดหนึ่งปีติยินดี….. ขอพรจงมีและมีเป็นสองเท่าแก่ผืนดินที่รอยพระบาทของพระองค์ประทับอยู่ แก่ดวงตาที่ได้รับความปลาบปลื้มด้วยความงามแห่งโฉมพระพักตร์ของพระองค์ แก่หูที่ได้รับเกียรติด้วยการได้ยินเสียงร้องเรียกของพระองค์ แก่หัวใจที่ได้ลิ้มรสความหอมหวานแห่งความรักของพระองค์ แก่ทรวงอกที่ขยายออกด้วยความทรงจำเกี่ยวกับพระองค์ แก่ปากกาที่ได้กล่าวสรรเสริญพระองค์ แก่ม้วนกระดาษที่เป็นหลักฐานของการลิขิตของพระองค์”

?พระวจนะที่พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงเพียงพระองค์เดียวทรงเปล่งในยุคนี้ แม้ว่าพระวจนะนั้นจะเป็นถ้อยคำที่คุ้นเคยและพบเห็นบ่อยมากที่สุด แต่ก็ถูกสวมด้วยความแตกต่างที่สูงส่งและโดดเด่น?? ? มนุษยชาติโดยทั่วไปยังไม่บรรลุวุฒิภาวะ หากมนุษยชาติได้มาซึ่งความสามารถที่เพียงพอแล้ว เราย่อมจะได้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ของเราในระดับที่มากมายแก่พวกเขา จนถึงขั้นที่ทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลกและในสวรรค์โดยอาศัยอำนาจแห่งกรุณาธิคุณที่หลั่งไหลออกจากปากกาของเรา? จะพบว่าตนเองเป็นอิสระอย่างสิ้นเชิงจากความรู้ทั้งปวงเว้นแต่ความรู้ของพระผู้เป็นเจ้า และจะได้สถิตอย่างมั่นคงอยู่บนบัลลังก์แห่งความสงบอันถาวร? ? เราขอยืนยันอย่างจริงจังต่อพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า ปากกาแห่งความศักดิ์สิทธิ์ได้ออกหมายเรียกไว้เหนือคิ้วอันขาวโพลนของเรา และด้วยอักขระแห่งความรุ่งโรจน์อันโชติช่วงของวจนะอันเรืองรอง หอมหวลและศักดิ์สิทธิ์ เหล่านี้ว่า : ?พวกเจ้าที่อาศัยอยู่บนโลก จงดู และพวกเจ้าที่เป็นผู้พักพิงในสวรรค์ จงเป็นพยาน? พระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นที่รักยิ่งของพวกเจ้าโดยแท้ พระองค์คือผู้ที่โลกแห่งการสร้างสรรค์ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ความงามอันดึงดูดใจของพระองค์ได้สร้างความปีติยินดีแก่พระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงบัญญัติ พระผู้ทรงอำนาจเหนือสิ่งทั้งปวง พระผู้ไม่มีผู้ใดเปรียบปรานได้!?

?…..ในความเป็นเจริงแล้ว พระผู้ทรงตีความพระวจนะเป็นการแผ่ออกของจุดศูนย์กลางนั้นซึ่งก็คือพระวจนะนั่นเอง คัมภีร์เป็นบันทึกของถ้อยวจนะของพระบาฮาอุลลาห์ ในขณะที่พระผู้ทรงตีความที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสวรรค์เป็นโอษฐ์ที่มีชีวิตของคัมภีร์นั้น นั่นคือ พระองค์และพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะสามารถกล่าวได้อย่างมีอำนาจว่าคัมภีร์หมายถึงสิ่งใด?

?เราต้องคำนึงอยู่ในใจเสมอว่า พระประสงค์อันไม่สามารถจะหยั่งรู้ได้ของพระบาฮาอุลลาห์ ได้ซึมซาบอยู่ทั่วความประพฤติของพระอับดุลบาฮาอย่างยิ่ง และเจตนารมณ์ของพระประสงค์นั้นก็ประสานกันอยู่อย่างใกล้ชิดมาก จนแม้กระทั่งความพยายามที่จะแยกคำสอนของพระบาฮาอุลลาห์ออกจากระบบใดก็ตามที่พระผู้เป็นตัวอย่างอันดีเลิศของคำสอนเหล่านั้นได้กำหนดขึ้น ย่อมจะเท่ากับเป็นการปฏิเสธสัจธรรมที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นพื้นฐานของศาสนา?

?เรากล่าวกับเจ้าด้วยความจริง ว่าเราอยู่กับเจ้าในจิตวิญญาณและในหัวใจ ว่าเราปีติยินดีเพราะความปีติยินดีของเจ้า และเป็นสุขเพราะความสุขของเจ้า และได้ยินการร้องเรียกของเจ้าด้วยหูของจิตวิญญาณ และได้กลิ่นหอมหวานของอุทยานของเจ้าผ่านรูจมูกแห่งจิตวิญญาณ?

?แท้จริงแล้ว เราวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ทรงเพ่งมองเจ้าด้วยพระเนตรแห่งความปรานี ให้ทรงเลี้ยงดูเจ้าด้วยพลังอำนาจจากสวรรค์ เคลื่อนไหวเจ้าด้วยสายลมแห่งความรุ่งโรจน์ของพระองค์ ทรงทำให้เจ้าพูดคล่องในการโต้แย้งและกล่าวข้อพิสูจน์แห่งสวรรค์อันปฏิเสธไม่ได้ ทรงแยกเจ้าออกจากโลกและทุกสิ่งในโลก ทรงทำเจ้าให้บริสุทธิ์และชำระเจ้าจากสิ่งที่เป็นวัตถุทุกชนิด และทรงให้เจ้าสามารถแพร่กระจายพระกรุณาธิคุณแห่งอาณาจักรสวรรค์?

?ในทุกเวลา เราพูดถึงพวกเจ้าและรำลึกถึงพวกเจ้า เราอธิษฐานต่อพระผู้เป็นนาย และวิงวอนต่อพระองค์ด้วยน้ำตาให้ทรงหลั่งพระพรทั้งปวงนี้มายังพวกเจ้า และทำให้หัวใจของพวกเจ้าปีติยินดี และให้จิตวิญญาณของพวกเจ้าเต็มไปด้วยความสุข และทรงประทานความหรรษาอย่างเหลือล้นและความยินดีปรีดาแห่งสรรค์แก่พวกเจ้า…..?

?พวกท่านทั้งหมดอาศัยอยู่ภายในจิตใจของพระอับดุลบาฮา และด้วยทุกลมหายใจเราหันหน้าของเราไปยัง ณ ธรณีประตูแห่งเอกภาพและร้องขอพระพรให้แก่พวกเจ้าทุกคน?

?ดูกร พวกเจ้าผู้หันหน้าไปยังพระผู้ทรงความงามอันสูงส่ง ทุกคืนทุกวัน ในตอนเช้าและในตอนค่ำ เมื่อความมืดเคลื่อนตัวเข้ามา และเมื่อยามรุ่งสาง เราจดจำและจดจำอยู่เสมอ ในอาณาจักรแห่งความคิดและจิตใจของเรา ถึงบรรดาผู้เป็นที่รักทั้งหลายของพระผู้เป็นนาย?

?ความพยายามที่ข้าพเจ้ารู้สึกอย่างแรงกล้าว่าควรจะทำในตอนนี้เพื่อให้ความคิดของเรากระจ่างชัดเกี่ยวกับสถานะที่ครอบครองโดยพระอับดุลบาฮาและความสำคัญของตำแหน่งของพระองค์ในยุคศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ? ย่อมจะเป็นการยากโดยแท้สำหรับพวกเราที่ยืนอยู่ใกล้กับบุคคลผู้น่าเกรงขามยิ่งและถูกดึงดูดโดยพลังเร้นลับของบุคลิกภาพที่มีพลังจูงใจสูงยิ่งเช่นนี้ ที่จะสามารถเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งและชัดเจนถึงบทบาทและคุณลักษณะของพระผู้ซึ่งบรรลุหน้าที่อันโดดเด่น มิใช่เพียงแต่ในยุคศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์เท่านั้นแต่ในแวดวงทั้งหมดของประวัติศาสตร์ของศาสนา ? แม้จะเคลื่อนไหวอยู่ในขอบข่ายของพระองค์เอง และอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างอย่างมากมายจากตำแหน่งของพระผู้ทรงรจนาและพระผู้เบิกทางของศาสนาบาไฮ โดยอาศัยอำนาจที่บัญญัติไว้สำหรับพระองค์โดยทางพระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์ พระองค์รวมกันกับพระศาสดาทั้งสองพระองค์เป็นบุคคลสำคัญสามพระองค์ที่เป็นศูนย์กลางของศาสนา ซึ่งอยู่ในสถานะที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ในประวัติศาสตร์ทางธรรมของโลก? ? พร้อมกับพระศาสดาทั้งสองพระองค์ พระอับดุลบาฮาทรงขึ้นไปสู่ระดับที่สูงกว่าจุดหมายทั้งหลายของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าที่ยังอ่อนวัยนี้ จากระดับที่ไม่มีบุคคลใดหรือสถาบันใดที่บริหารศาสนาต่อจากพระองค์จะสามารถไต่ขึ้นไปได้ในช่วงเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งพันปีเต็ม การลดฐานะอันสูงส่งของพระองค์โดยการระบุสถานะของพระองค์ให้เป็น หรือพิจารณาคราวๆ ว่าเทียบเท่ากับตำแหน่งของบรรดาผู้ที่สวมเสื้อคลุมแห่งอำนาจบังคับบัญชาของพระองค์ ย่อมเป็นการกระทำที่ไร้ความเคารพ ที่ร้ายแรงเท่ากับความเชื่อนอกคอกไม่น้อยที่โน้มเอียงจะยกย่องพระองค์ไปสู่สถานะที่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์กับพระศาสดาผู้เป็นศูนย์กลางหรือพระผู้เบิกทางของศาสนา? เพราะช่องว่างที่แยกระหว่างพระอับดุลบาฮากับพระผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของศาสนาอิสระนั้นกว้างขวางดังเช่นอ่าวขนาดใหญ่ ช่องว่างนี้ไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นสัดส่วนในลักษณะเดียวกันกับระยะทางที่ห่างไกลมากยิ่งกว่าระหว่างพระผู้เป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญากับบรรดาผู้รับใช้ที่ปฏิบัติงานของพระองค์ ไม่ว่าพวกเขาจะมีชื่ออะไร ตำแหน่งใด หน้าที่ใด หรือความสำเร็จในอนาคตอันใดก็ตาม ขอให้บรรดาผู้ที่ได้รู้จักพระอับดุลบาฮา ผู้ที่โดยการได้สัมผัสกับบุคลิกภาพอันดึงดูดใจของพระองค์ที่ได้ถนอมความยกย่องสรรเสริญอย่างแรงกล้าต่อพระองค์ไว้ในหัวใจ โดยได้พิจารณาคำกล่าวนี้ จงไตร่ตรองเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของพระผู้ที่อยู่ในสถานะสูงโพ้นไกลยิ่งไปจากพระองค์?

?เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่พระองค์คือ และควรได้รับการนับถือตลอดเวลาว่าคือ ศูนย์กลางและจุดหมุนของพระปฏิญญาที่ครอบคลุมทุกสิ่งและไม่มีใครเสมอเหมือนของพระบาฮาอุลลาห์ เป็นงานฝีมืออันสูงส่งของพระองค์ เป็นกระจกที่ไม่มีรอยด่างพร้อยของแสงสว่างของพระองค์ เป็นแบบอย่างที่สมบูรณ์พร้อมของคำสอนของพระองค์ เป็นผู้ตีความที่ไม่มีวันผิดพลาดของพระวจนะของพระองค์? เป็นศูนย์รวมของอุดมคติบาไฮทุกประการ การเกิดใหม่ของคุณธรรมบาไฮทั้งหมด กิ่งที่ทรงอำนาจที่สุดที่กำเนิดจากรากบรมโบราณ สาขาแห่งกฎของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ที่นามทั้งปวงรายรอบ กำลังสำคัญแห่งเอกภาพของมนุษยชาติ นายธงแห่งสันติภาพอันยิ่งใหญ่ที่สุด ดวงจันทร์ของดาวแม่แห่งยุคศาสนาอันศักดิสิทธิ์ที่สุดนี้ ? เหล่านี้เป็นลักษณะและฉายาที่แน่นอนและพบการแสดงออกอย่างจริงแท้ที่สุด สูงส่งที่สุด เที่ยงตรงที่สุดในนามอันมหัศจรรย์ว่า อับดุลบาฮา? พระองค์ทรงอยู่เหนือและพ้นจากสมญาเหล่านี้ ?ความเร้นลับของพระผู้เป็นเจ้า? คือฉายานามที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงเลือกใช้เพื่อเรียกขานพระองค์ และแม้ฉายานี้จะไม่แสดงเหตุผลสมควรให้เรายกสถานะของการเป็นศาสดาแก่พระองค์ แต่ก็เป็นฉายาที่บ่งชี้ว่าในตัวตนของพระอับดุลบาฮานั้นมีการผสมผสานกันอยู่อย่างกลมกลืนกันโดยบริบูรณ์เพียงใดของลักษณะที่เข้ากันไม่ได้เลยระหว่างธรรมชาติของมนุษย์กับความรู้เหนือมนุษย์?

?มูลฐานที่แท้จริงของวิกฤตการณ์นี้คือ ความอิจฉาที่ก่อพิษแก่จิตวิญญาณ ที่เผาผลาญ และควบคุมไม่ได้นั้น ถูกปลุกเร้าขึ้นโดยความเป็นเลิศที่เด่นชัดกว่าอันเป็นที่ยอมรับของพระอับดุลบาฮาเหนือ กว่าสมาชิกทั้งหมดในครอบครัวของพระบาฮาอุลลาห์ทั้งในด้านตำแหน่ง พลังอำนาจ ความสามารถ ความรู้และคุณธรรม ซึ่งมิใช่เพียงมีร์ซา โมฮัมหมัด อาลี หัวหน้าผู้ละเมิดพระปฏิญญาเท่านั้นที่มีความอิจฉานี้แต่บรรดาญาติที่ใกล้ชิดกับเขาก็มีด้วยเช่นกัน? ความริษยานี้มืดบอดเช่นเดียวกับความริษยาที่ครอบงำจิตวิญญาณของมีร์ซา ยายาห์ ร้ายกาจมหันต์เหมือนกับความริษยาที่ความดีเลิศยิ่งกว่าของโจเซฟได้ปลุกเร้าขึ้นมาในหัวใจของบรรดาพี่น้องของเขา เป็นความริษยาที่ฝังรากลึกเหมือนที่เผาผลาญอยู่ในกายของเคนจนกระตุ้นให้เขาสังหารอะเบลผู้เป็นน้องชายของตนเอง ซึ่งความริษยานี้ได้คุกรุ่นอยู่ภายในก้นบึ้งของหัวใจของมีร์ซา โมฮัมหมัด อาลี หลายปี ก่อนหน้าการสวรรคตของพระบาฮาอุลลาห์ และได้ทวีความร้อนแรงอย่างลับๆ โดยจำนวนนับไม่ถ้วนของร่อง รอยแห่งความโดดเด่นของความนิยมชมชอบ และความกรุณาที่มีต่อพระอับดุลบาฮา ไม่ใช่เพียงจากพระบาฮาอุลลาห์ มิตรสหายและบาไฮศาสนิกชนเท่านั้น แต่โดยผู้ที่มิใช่ศาสนิกชนอีกเป็นจำนวนมหาศาลที่ได้ตระหนักในความยิ่งใหญ่ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดที่พระอับดุลบาฮาได้ทรงแสดงให้เห็นตั้งแต่วัยเด็กของพระองค์?

?ต่อมิตรสหายและคนแปลกหน้า ทั้งที่เป็นศาสนิกชนและที่มิใช่ศาสนิกชน ต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งที่ตำแหน่งสูงและต่ำ ทั้งอย่างเปิดเผยและโดยการพูดอย่างเป็นนัย ทั้งด้วยวาจาและด้วยการเขียน พวกเขาพยายามสร้างภาพให้พระอับดุลบาฮาเป็นผู้ที่ทะนงตน เอาแต่ใจของตนเอง ไร้หลักการ และเป็นผู้ชอบแก่งแย่งอย่างไร้ความเมตตา? เป็นผู้ซึ่งไม่นำพาต่อคำสั่งที่อยู่ในพินัยกรรมของพระบิดาของพระองค์อย่างจงใจ ผู้ซึ่งอ้างสิทธิ์ว่าพระองค์มีตำแหน่งเทียบเท่ากับพระศาสดาโดยจงใจใช้ภาษาที่คลุมเครือและกำกวม ผู้ซึ่งเริ่มกล่าวอ้างในการติดต่อสื่อสารกับซีกโลกตะวันตกว่าพระองค์เป็นการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ได้เสด็จมาในความรุ่งโรจน์ของพระบิดา? ผู้ซึ่งเขียนในจดหมายถึงศาสนิกชนชาวอินเดียว่าทรงประกาศตนเป็น ชาห์ บาห์รัม ที่สัญญาว่าจะเสด็จมา และอวดอ้างสิทธิ์ว่าพระองค์คือผู้ตีความคำสอนของพระบิดาของพระองค์ ว่าเป็นผู้เปิดศักราชของการเปิดเผยธรรมใหม่ และเป็นผู้มีส่วนร่วมในความไม่มีวันผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ที่สุดของบิดาของพระองค์ ว่ามีพระราชอำนาจพิเศษในการครอบครองตำแหน่งของผู้เผยแพร่ศาสนา….?

?พวกเขายังยืนยันต่อไปอีกว่าพระองค์ได้ทรงปลุกปั่นความไม่ลงรอยกัน บำรุงเลี้ยงความเป็นอริ และกวัดแกว่งอาวุธของการขับไล่ออกจากศาสนา เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของพระองค์เอง…?

? [พวกเขายังยืนยันต่อไปอีกว่า] พระองค์ได้ทรงบิดเบือนจุดประสงค์ของพินัยกรรม ซึ่งพวกเขากล่าวหาว่ามีเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับผลประโยชน์ส่วนบุคลของครอบครัวของพระบาฮาอุลลาห์ โดยการที่พระองค์ทรงประกาศว่าพินัยกรรมนั้นเป็นพระปฏิญญาที่มีความสำคัญระดับโลก ไม่เคยมีมาก่อน ไม่มีสิ่งใดเปรียบปานได้และโดดเด่นอันเดียวในโลกแห่งประวัติ ศาสตร์ของศาสนาทั้งหมด…?

? [พวกเขายังยืนยันต่อไปอีกว่า] พระองค์ได้ทรงตัดสิทธิ์พี่น้องของพระองค์เองจากการได้รับเงินตามสิทธิที่พึงได้? และจ่ายเงินเหล่านั้นแก่พวกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของพระองค์เอง และพระองค์ได้ทรงปฏิเสธคำเชิญหลายครั้งที่เชิญพระองค์ให้มาสนทนาในประเด็นเหล่านี้ที่เกิดขึ้นเพื่อปรองดองข้อขัดแย้งต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย…”

? [พวกเขายังยืนยันต่อไปอีกว่า] ที่จริงแล้ว พระองค์ได้ทรงทำให้ธรรมลิขิตศักดิ์สิทธิ์แปดเปื้อน ได้ทรงแทรกข้อความที่ทรงเขียนขึ้นเองเข้าไป และได้ทรงบิดเบือนจุดประสงค์และความหมายของพระธรรมลิขิตที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือที่สุดบางตอนซึ่งเปิดเผยไว้โดยปากกาของพระบิดาของพระองค์? จนในที่สุด ด้วยเป็นผลของการกระทำเช่นนี้ของพระองค์ ธงแห่งความพยศขัดขืนจึงถูกชูขึ้นมาในหมู่ศาสนิกชนชาวตะวันออก และว่าชุมชนของผู้จงรักภักดีได้ขาดสะบั้นลง กำลังตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว และกำลังถึงวาระของการดับสูญไป?

“มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะร้ายแรงกว่าการละเมิดพระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้า! มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะร้ายแรงกว่าการเติมข้อความและเปลี่ยนแปลงวจนะในพระธรรมศักดิ์สิทธิ์? ดังที่ให้การยืน ยันและประกาศโดยมีร์ซา บาดีดุลลาห์! มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะร้ายแรงกว่าการใส่ร้ายพระผู้ทรงเป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญา! มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะโจ่งแจ้งกว่าการแพร่กระจายรายงานอันเท็จและโง่เขลาให้เป็นที่เสียหายแก่บุคคลในพินัยกรรมของพระผู้เป็นเจ้า! มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะสาหัสกว่าการสั่งตายศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญา? ตามที่วจนะศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า : ?ผู้ที่อ้างตนก่อน ที่หนึ่งพันปีจะผ่านไป…? ทว่าเขา (โมฮัมหมัด อาลี)ในสมัยของพระผู้ทรงความงามอันอุดมพร ได้กล่าวอ้างดังว่าอย่างไม่มียางอาย และถูกแย้งโดยพระองค์ในลักษณะที่กล่าวมา เนื้อหาคำกล่าวอ้างที่เขียนด้วยลายมือของเขาเองและประทับตราของเขายังมีอยู่ มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะสมบูรณ์กว่าการกล่าวหาบรรดาผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้าด้วยความเท็จ!? มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะชั่วร้ายกว่าการทำให้พวกเขาถูกจองจำและคุมขัง! มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะร้ายแรงกว่าการส่งมอบธรรมลิขิตและธรรมสารศักดิ์สิทธิ์ให้ไปอยู่ในมือของรัฐบาล เพื่อว่าพวกเขา (รัฐบาล) จะได้ลุกขึ้นโดยมุ่งหวังความตายของพระผู้ถูกประทุษร้ายผู้นี้! มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะรุนแรงกว่าการคุกคามให้ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าพินาศ การปลอมแปลงและเปลี่ยนแปลงจดหมายและเอกสารต่างๆ เพื่อเป็นการใส่ร้าย เพื่อว่าการทำเช่นนี้จะทำให้รัฐบาลหวั่นใจและตระหนก และนำไปสู่การหลั่งเลือดของพระผู้ถูกประทุษร้ายผู้นี้ จดหมายและเอกสารดังกล่าวตอนนี้อยู่ในครอบครองของรัฐบาล!? มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะแย่ยิ่งกว่าความชั่วร้ายและการก่อกบฏของเขา! มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่น่าอดสูกว่าการทำให้ที่ชุมนุมของประชาชนแห่งความรอดพ้นกระเจิงไป! มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่ฉาวโฉ่กว่าการตีความที่ไร้สาระและอ่อนเหตุผลของประชาชนแห่งความสงสัย! มีการเบี่ยงเบนใดหรือที่จะชั่วร้ายกว่าการเข้าร่วมมือกับบรรดาคนแปลกหน้าและศัตรูของพระผู้เป็นเจ้า!?

?แม้ว่าการก่อกบฏของมีร์ซา โมฮัมหมัด อาลี จะหนุนนำให้เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดและน่าวิตกหลายเหตุการณ์ และแม้ว่าผลที่ตามมาอันร้ายกาจต่างๆ จะสืบเนื่องต่อไปอีกหลายปีเพื่อที่จะบดบังแสงแห่งพระปฏิญญา เพื่อที่จะก่ออันตรายแก่ชีวิตของพระผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศูนย์กลางของพระปฏิญญานั้น และเพื่อที่จะเบี่ยงเบนความคิดและหน่วงความเจริญ ก้าวหน้าของกิจกรรมต่างๆ ของบรรดาผู้สนับสนุนศาสนาทั้งในซีกโลกตะวันออกและตะวัน ตก ? กระนั้น ฉากเหตุการณ์ทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากมุมมองที่เหมาะสมแล้ว ก็พิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เป็นสิ่งใดที่มากน้อยไปกว่าวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวที่มีมาตั้งแต่การถือกำ เนิดขึ้นของศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์และตลอดระยะเวลาทั้งศตวรรษ ซึ่งได้เป็นเครื่องมือในการขจัดวัชพืชที่เป็นส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อศาสนา ในการเสริมความแข็งแรงให้กับรากฐานของศาสนา ในการแสดงออกให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของศาสนา และในการปลดปล่อยออกมาในระดับที่มากขึ้นกว่าเดิมของพลังอำนาจที่แฝงเร้นอยู่ของศาสนา?

?ในขณะนี้ที่ข้อกำหนดทั้งหลายของพระปฏิญญาที่มีโองการมาจากสวรรค์ได้รับการประกาศขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว? ในเวลานี้ที่จุดประสงค์ของพระปฏิญญาเป็นที่เข้าใจกันอย่างชัดแจ้ง และรากฐานของพระปฏิญญาได้สถาปนาขึ้นอย่างไม่สั่นคลอนในหัวใจของส่วนใหญ่ที่มีชัยชนะอย่างล้นเหลือของบรรดาผู้สนับสนุนศาสนา? และในตอนนี้ที่การโจมตีแรกๆ ที่เริ่มขึ้นโดยผู้ที่ประสงค์จะเป็นผู้ล้มล้างพระปฏิญญาได้ถูกขับไล่ออกไปอย่างประสบความ สำเร็จแล้ว ศาสนาซึ่งได้รับการออกแบบให้มีพระปฏิญญาก็สามารถดำเนินการต่อไปตามวิถีที่วาดไว้โดยดัชนีของพระผู้ทรงก่อตั้งศาสนา?

?”การมาถึงของผู้แสวงบุญสิบห้าคน โดยมากลุ่มละสามคนต่อเนื่องกัน? กลุ่มแรกมี ดร. และนางเก็ตซิงเกอร์อยู่ด้วย ได้มาถึงเมืองคุกแห่งอัคคาในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.1898? การได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดระหว่างพระผู้เป็นศูนย์กลางแห่งพระปฏิญญาของพระบาฮาอุลลาห์และเหล่าผู้นำข่าวของศาสนาของพระองค์ในซีกโลกตะวันตก ? สภาวการณ์อันเร้าใจในระหว่างการไปเยือนพระสถูปของพระองค์และเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้รับด้วยการนำทางแก่พวกเขาด้วยพระองค์เองเข้าสู่ห้องชั้นในที่สุดของพระสถูปนั้น? ดวงจิตที่พระผู้ทรงเป็นเจ้าภาพผู้ทรงรักใคร่และเปี่ยมด้วยกรุณาธิคุณได้ซึมซาบแก่พวกเขาอย่างมีพลังด้วยคำ สั่งสอนและการกระทำเป็นตัวอย่างแม้ว่าการพำนักของพวกเขาจะเป็นเพียงระยะสั้นก็ตาม และ ? ความกระตือรือร้นอันเต็มไปด้วยความรู้สึกและความมุ่งมั่นอย่างไม่ยอมแพ้ที่คำแนะ นำอันให้แรงบันดาลใจ คำสั่งสอนที่ให้ความกระจ่าง และหลักฐานพยานมากมายของความรักจากสวรรค์ของพระองค์ได้จุดประกายขึ้นในหัวใจของพวกเขา ? ทั้งหมดเหล่านี้เป็นเครื่อง หมายของการเริ่มต้นยุคใหม่ของพัฒนาการของศาสนาในซีกโลกตะวันตก ความสำ คัญของยุคนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดอย่างเพียงพอโดยการกระทำต่างๆ ในเวลาต่อมาของผู้แสวงบุญบางคนในกลุ่มนี้และเพื่อนสานุศิษย์ร่วมรุ่นกับพวกเขา”

?ในการพบกันเป็นครั้งแรกนั้น? ผู้แสวงบุญคนหนึ่งในกลุ่มนี้บันทึกความประทับใจของเธอไว้ว่า? ?ข้าพเจ้าไม่สามารถจดจำได้ถึงความสุขหรรษาหรือความเจ็บปวด หรือสิ่งอื่นใดก็ตามที่ข้าพเจ้าสามรถเอ่ยชื่อได้ ข้าพเจ้าถูกนำขึ้นไปอย่างรวดเร็วสู่ระดับที่สูงมากเหลือเกิน? จิตวิญญาณของข้าพเจ้าได้พบกับดวงจิตแห่งสวรรค์ และพลังนี้ บริสุทธิ์มาก ศักดิ์สิทธิ์มาก ทรงพลังมากเสียจนทำให้ข้าพเจ้าตื้นตันใจอย่างเหลือล้น เราไม่สามารถละสายตาจากพระพักตร์อันเรืองรองของพระองค์ได้ เราได้ยินทุกสิ่งที่พระองค์ตรัส เราดื่มน้ำชาร่วมกับพระองค์ตามคำเชิญของพระองค์ แต่การดำรงอยู่ราวกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ และเมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นและ จากพวกเราไปทันที? เราก็กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่ไม่มีอีกแล้วและไม่มีอีกแล้ว ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ไม่มีชีวิตที่จะเป็นเหมือนเดิมอีกบนโลกนี้? ?ในการประทับอยู่ที่ทรงพลังและความสง่างามของพระองค์? ผู้แสวงบุญคนเดิมรำลึกถึงการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายที่ทรงให้ไว้กับกลุ่มที่เธอเป็นสมาชิกอยู่ เธอยืนยันว่า ?ความกลัวของเรากลับกลายเป็นความศรัทธาอย่างบริบูรณ์ ความอ่อนแอกลายเป็นความแข็งแรง ความเศร้าโศกเป็นความหวัง และตัวตนของเราถูกลืมเลือนไปในความรักที่มีต่อพระองค์? ขณะที่เรานั่งอยู่เบื้องหน้าพระองค์ คอยฟังถ้อยคำของพระองค์ ศาสนิกชนบางคนร่ำไห้อย่างขมขื่น พระองค์ทรงบอกให้พวกเขาเช็ดน้ำตาแต่พวกเขาไม่สามารถทำได้ชั่วขณะหนึ่ง พระองค์จึงทรงขอพวกเขาอีกครั้งที่จะไม่ร่ำไห้เพื่อเห็นแก่พระองค์ พระองค์จะไม่ทรงสนทนาหรือสอนพวกเราจนกว่าน้ำตาจะถูกเช็ดไปจนหมด…?

?การต่อรองที่ยืดเยื้อยาวนานกับเจ้าของที่ดินผู้มีเล่ห์เหลี่ยมและคิดทางได้ทางเสียตลอด เวลา ผู้เป็นเจ้าของที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ผู้ซึ่งได้รับอิทธิพลจากบรรดาผู้ละเมิดปฏิญญา และได้ปฏิเสธอยู่เป็นเวลานานที่จะขายที่ดินผืนนั้น ราคาอันสูงลิ่วที่ตั้งไว้สำหรับการเปิดพื้นที่ให้สร้างถนนเข้าสู่สถานที่ตั้งอาคารพระสถูปซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างขาดไม่ได้สำหรับการก่อสร้าง? การต่อต้านอย่างไม่รู้จบของเจ้าหน้าที่ของทางการทั้งระดับสูงและต่ำผู้ซึ่งถูกปลุกปั่นให้มีความสงสัยได้อย่างง่ายดายจนพระอับดุลบาฮาต้องทรงระงับความสงสัยทั้งหลายด้วยการอธิบายและการให้ความมั่นใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยพระองค์เอง สถานการณ์อันตรายที่สร้างขึ้นโดยการใส่ความอย่างชั่วร้ายของมีร์ซา โมฮัมหมัด อาลีและพรรคพวกของเขาเกี่ยวกับลักษณะและจุดประสงค์ของอาคารดังกล่าว ความล่าช้าและความยุ่งยากที่เกิดจากการต้องถูกบังคับให้ไม่อยู่ในไฮฟาเป็นเวลายาวนานของพระอับดุลบาฮา และผลที่ตามมาคือการที่พระองค์ไม่สามารถที่จะอำนวยการด้วยพระองค์เองให้แก่โครง การอันใหญ่โตนี้ที่พระองค์ทรงริเริ่มขึ้น? ทั้งหมดนี้คืออุปสรรคอันสำคัญที่พระองค์ต้องทรงเผชิญและก้าวข้ามให้พ้นไปในระหว่างช่วงเวลาที่วิกฤติยิ่งของการบริหารศาสนาของพระองค์ ก่อนที่จะทรงสามารถดำเนินการได้ทั้งหมดตามแผนงาน อันเป็นแผนซึ่งพระบาฮาอุลลาห์ได้ทรงกำหนดเค้าโครงให้แก่พระองค์ในระหว่างการเยือนเขาคาร์เมลครั้งหนึ่งของพระองค์?

?มีผู้เคยได้ยินพระองค์ทรงกล่าวอยู่หลายครั้งว่า ?หินทุกก้อนของอาคารหลังนั้น หินทุกก้อนของถนนที่มุ่งหน้าสู่อาคารนั้น เราได้ยกและวางเข้าที่ด้วยน้ำตาที่ไม่ขาดสายและด้วยค่าใช้ จ่ายอันมากมายยิ่ง? ? จากการเล่าของพยานคนหนึ่ง ?พระองค์ทรงกล่าวว่า คืนวันหนึ่ง เราถูกรายล้อมด้วยความกังวลของเรามากเสียจนเราไม่มีที่พึ่งพาอื่นใดนอกไปจากการท่องสวดบทอธิษฐานของพระบ๊อบที่เรามีอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า การท่องสวดนั้นช่วยก่อความสงบแก่เราอย่างมาก? ในเช้าวันต่อมา ผู้เป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้นได้มาหาเราด้วยตนเอง ขอโทษและขอ ร้องเราให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ของเขา?

?เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ภายหลังเวลาอันนานในที่สุด พระศพของพระศาสดาผู้ทรงพลีชีพแห่งชีราซก็ได้รับการบรรจุไว้อย่างปลอดภัยเพื่อพักผ่อนชั่วนิรันดร์ในอ้อมอกของภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า? พระอับดุลบาฮาทรงโยนพระมาลาโพกศีรษะทิ้ง ทรงถอดฉลองพระบาทออก และทรงโยนเสื้อคลุมไป ทรงโน้มลงไปยังโลงหินอ่อนที่ยังเปิดอยู่ พระเกศาสีเงินของพระองค์สะบัดอยู่บนพระเศียรของพระองค์ พระพักตร์ของพระองค์เปลี่ยนไปและช่วงโชติ ทรงวางพระนลาฏบนขอบของหีบไม้และทรงสะอื้นออกมาดังๆ ทรงร่ำไห้อย่างหนักจนทุกคนที่อยู่ในที่นั้นร่วมร่ำไห้กับพระองค์ด้วย? ในคืนนั้นพระองค์ไม่สามารถบรรทมได้เพราะความรู้สึกที่ท่วมท้นอยู่ในพระทัย?

?อาคารอันสง่างามทั้งหลายที่ตอนนี้ตั้งอยู่บนแนวโค้งตามที่ท่านโชกิ? เอฟเฟนดิ ได้วาดไว้ให้อยู่บนไหล่เขาแห่งพระผู้เป็นเจ้า ด้วยกันกับขั้นระเบียงบันไดที่ประดับด้วยสวนอันงดงามยิ่งที่รายล้อมพระสถูปของพระบ๊อบนั้น? เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงพลังอันมหาศาลที่ขับเคลื่อนศาสนาที่เรารับใช้อยู่ อาคารเหล่านี้เป็นพยานอันนิรันดรแก่ความจริงที่ว่าสาวกทั้งหลายของพระบาฮาอุลลาห์ ได้ประสบความสำเร็จในการวางรากฐานต่างๆ ของชุมชนทั่วโลกซึ่งอยู่เหนือความแตกต่างทั้งปวงที่แบ่งแยกมนุษยชาติและได้จัดตั้งสถาบันสำคัญทั้งหลายของระบบบริหารอันโดดเด่นและลบล้างไม่ได้ที่หล่อหลอมวิถีชีวิตของชุมชนนี้? ในการเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้นบนภูเขาคาร์เมลนั้น ศาสนาบาไฮปรากฏโฉมในลักษณะของความเป็นจริงที่เห็นได้ชัดและดึงดูดความสนใจอย่างมากในเวทีโลก ในฐานะของจุดศูนย์กลางแห่งพลังทั้งหลายที่จะทำให้เกิดการก่อร่างสร้างตัวขึ้นใหม่ของสังคมได้ทันตามเวลาที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดไว้ และในฐานะของแหล่งกำเนิดอันเร้นลับของการฟื้นฟูทางจิตวิญญาณแก่ทุกคนที่หันมาหาศาสนานี้?

?พระองค์ผู้ทรงกล่าวด้วยถ้อยวจนะของพระองค์เองว่า พระองค์ได้ทรงเข้าสู่คุกตั้ง แต่ยังเป็นเยาวชนและทรงออกจากคุกในตอนที่เป็นชายชรา พระองค์ผู้ซึ่งไม่เคยอยู่ต่อหน้าผู้ฟังที่เป็นสาธารณชนจำนวนมากมาก่อนในชีวิต ไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียน ไม่เคยอยู่ในแวดวงชาวตะวันตก และไม่คุ้นเคยกับธรรมเนียมและภาษาของชาวตะวันตก ได้ทรงลุกขึ้นไม่เพียงเพื่อที่จะป่าวประกาศหลักสัจธรรมอันโดดเด่นที่อยู่ในศาสนาของพระบิดาของพระองค์จากธรรมาสน์และเวทีในหัวเมืองสำคัญของยุโรปและในเมืองใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนือเท่านั้น ? แต่ยังทรงแสดงให้เห็นถึงแหล่งกำเนิดจากสวรรค์ของพระศาสดาที่เสด็จมาก่อนหน้าพระบิดาของพระองค์ และยังทรงเปิดเผยถึงลักษณะของความเชื่อมโยงที่ผูกมัดสัจธรรมทั้งหลายดังกล่าวเข้าไว้ในศาสนานี้อีกด้วย?

?เราคือพระปฏิญญาที่ได้รับการแต่งตั้งโดยพระบาฮาอุลลาห์ และไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธพระวจนะของพระองค์ได้? นี่คือพินัยกรรมของพระบาฮาอุลลาห์ พวกเจ้าจะพบพินัยกรรมนี้ในคีตาบี อัคดัส จงออกไปและป่าวประกาศว่า ?นี่คือพระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้าในท่าม กลางพวกเจ้า?

?จะมีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่าความคิดใดกำลังท่วมท้นอยู่ในพระทัยของพระอับดุลบาฮาในขณะที่พระองค์ทรงพบว่าพระองค์เองทรงเป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์อันน่าจดจำเหล่านั้น ? จะมีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่าความคิดใดเป็นความคิดที่อยู่สูงสุดในการนึกคิดของพระองค์ในขณะที่ทรงนั่งอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับนายกเทศมนตรีนครลอนดอน หรือในระหว่างที่ทรงได้รับการต้อนรับด้วยความเคารพมากเป็นพิเศษจากอุปราชที่ปกครองอียิปต์ในขณะนั้นในราชวังของพระองค์? หรือในระหว่างที่ทรงฟังเสียงร้อง อัลลา-โอ-อับฮา และการร้องเพลงสรรเสริญในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า และเสียงโห่ร้องสรรเสริญที่จะนำหน้าการเสด็จมาถึงของพระองค์ในที่ชุมนุมอันเรืองรองหลายครั้งหลายคราของบรรดาสาวกและมิตรสหายที่กระตือรือร้นของพระองค์ที่จัดขึ้นในหลายๆ เมืองของทวีปอเมริกา จะมีผู้ใดรู้ว่าความทรงจำใดที่เคลื่อนไหวอยู่ในพระองค์ในขณะที่ทรงประทับยืนอยู่เบื้องหน้ากระแสน้ำที่ดังดุจสายฟ้าของน้ำตกไนแองการ่า ในขณะที่ทรงสูดอากาศในที่โล่งของแผ่นดินที่ไกลสุดสายตา หรือขณะทรงจ้องมองไปยังป่าและท้องทุ่งเขียวขจีในบริเวณน้ำพุเกล็นวู้ดในระหว่างการพักผ่อนสั้นๆ ที่จำเป็นอย่างยิ่ง? หรือในระหว่างที่ทรงเดินไปพร้อมกับเหล่าสาวกชาวตะวันออกบนทางเดินในสวนทรอคาเดโร่ในกรุงปารีส หรือในขณะที่ทรงดำเนินตามลำพังในยามเย็นริมฝั่งแม่น้ำฮัดสันตามถนนสายเลียบแม่น้ำของนครนิวยอร์ก หรือในระหว่างที่ทรงเดินไปมาบนระเบียงของโรงแรมดูพาร์ค ในเมืองโธโหนะ เลอ แบง ซึ่งหันหน้าไปทางทะเลสาบเจนีวา หรือในขณะที่ทรงมองจากสะพานเซอร์เพ็นไทน์ในลอนดอนเพื่อดูแสงไฟคล้ายสร้อยไข่มุกที่ทอดยาวอยู่ใต้ต้นไม้ไปไกลสุดสายตา ความทรงจำเกี่ยวกับผู้ที่เศร้าหมอง คนยากจน ชะตากรรมที่คุกคามพระองค์ในช่วงเยาว์วัย ความทรงจำที่พระมารดาต้องขายกระดุมทองไปเพื่อยังชีพให้แก่พระองค์ น้องชายและน้องสาวของพระองค์ และที่ทรงถูกบังคับในช่วงเวลาที่มืด มนที่สุดของพระนางให้จำต้องเทแป้งใส่ในหัตถ์ของพระอับดุลบาฮาเพื่อปัดเป่าความหิวของพระองค์? และความทรงจำเกี่ยวกับวัยเด็กของพระองค์ที่ต้องทรงถูกไล่ตามและเย้ยหยันโดยกลุ่มนักเลงโตในท้องถนนเมืองเตหะราน ความทรงจำเกี่ยวกับห้องมืดอับชื้น ซึ่งเคยเป็นโรงเก็บศพ ที่พระองค์ประทับอยู่ในโรงทหารของเมืองอัคคาและการที่พระองค์ทรงถูกคุมขังในคุกมืดใต้ดินของเมืองนั้น ความทรงจำเหล่านี้ต้องแล่นผ่านความคิดของพระองค์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ความคิดที่น่าจะมาเยือนพระองค์ด้วยเช่นกันได้แก่ ความคิดคำนึงเกี่ยวกับการจองจำของพระบ๊อบในภูผาแน่นหนาแห่งอะเซอร์เบย์จาน ซึ่งในเวลาคำคืนพระองค์ทรงถูกปฏิเสธไม่ให้มีตะเกียงแม้สักดวงเดียว และความทรงจำเกี่ยวกับการประหารชีวิตอันแสนโหดร้ายที่กระสุนปืนหลายร้อยลูกยิงกระหน่ำทรวงอกที่ยังหนุ่มแน่นของพระองค์ ที่อยู่เหนือความคิดทั้งหมดของพระองค์น่าจะเป็นความคิดเกี่ยวกับพระบาฮาอุลลาห์ที่พระองค์ทรงรักอย่างดื่มด่ำยิ่ง และความทุกข์ทรมานของพระบิดาที่พระองค์เองทรงเคยเป็นพยานรู้เห็นและร่วมรับความทุกข์ทรมานนั้นตั้งแต่วัยเด็ก? คุกซียาห์-ชาลที่เหม็นเน่าในกรุงเตหะราน การเฆี่ยนส้นเท้าที่ใช้ลงโทษพระบาฮาอุลลาห์ในอามล อาหารเพียงเล็ก น้อยที่อยู่ในบาตรของพระบาฮาอุลลาห์ในช่วงเวลาสองปีที่พระองค์ทรงใช้ชีวิตเยี่ยงนักบวชในเทือกเขาแห่งเคอร์ดิสสถาน วันเวลาในนครแบกแดดที่พระองค์ไม่มีเสื้อผ้าลินินสำหรับเปลี่ยนใส่และเป็นช่วงเวลาที่ผู้ติดตามของพระองค์ต้องยังชีพด้วยอินทผลัมจำนวนน้อยนิด การถูกกักขังของพระบาฮาอุลลาห์ภายในกำแพงคุกแห่งเมืองอัคคา อันเป็นเวลาที่พระองค์ถูกปฏิเสธไม่ให้ได้เห็นต้นไม้ใบหญ้าอันเขียวขจีนานถึงเก้าปี และการดูหมิ่นของสาธารณชนที่พระองค์ต้องทรงทนรับ ณ ที่ทำการของรัฐในเมืองนั้น ภาพแห่งอดีตอันน่าเศร้าสลดเหล่านี้ย่อมต้องเข้าครอบงำพระอับดุลบาฮาด้วยความรู้สึกที่ปนเปกันของทั้งความรู้สึกขอบคุณและความเศร้าใจในเวลาที่พระองค์ทรงประจักษ์ถึงความนับถือ ความเคารพเทิดทูน และเกียรติที่ผู้คนแสดงอยู่ในขณะนี้ต่อพระองค์และศาสนาที่พระองค์ทรงเป็นผู้แทน ผู้ที่จดบันทึกเกี่ยว กับการเดินทางของพระองค์ได้รายงานว่า เย็นวันหนึ่งเขาได้ยินพระอับดุลบาฮาทรงอุทานในขณะที่พระองค์ทรงถูกนำเสด็จเพื่อปฏิบัติภารกิจครั้งที่สามของวันในวันหนึ่งที่ประทับอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ว่า? ?โอ้ พระบาฮาอุลลาห์ พระองค์ทรงกระทำอะไรไปหรือ โอ้ พระบาฮาอุลลาห์ ขอมอบชีวิตของข้าพเจ้าเป็นพลีแด่พระองค์ โอ้ พระบาฮาอุลลาห์ ขอมอบวิญญาณของข้าพเจ้าเพื่อประโยชน์ของพระองค์ วันเวลาของพระองค์ช่างเต็มไปด้วยการทดสอบและความทุกข์ทรมานเพียงใด ความเจ็บปวดที่พระองค์ต้องทนรับนั้นช่างหนักหนาสาหัสเพียง ใด รากฐานที่พระองค์ทรงวางไว้ในที่สุดนั้นช่างหนักแน่นเพียงใด ธงชัยที่พระองค์ทรงชักขึ้นนั้นช่างรุ่งโรจน์เพียงใด?

?ในนามของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงปรานี ขอความสรรเสริญและการ? ขอบคุณจงมีแด่พระผู้ทรงบริบาล ที่จากสภาวะทั้งปวงที่ดำรงอยู่ทรงเลือกให้เกียรติสภาวะของมนุษย์ด้วยสติปัญญาและอัจฉริยภาพ ซึ่งเป็นประทีปสองดวงที่เรืองรองที่สุดในทั้งสองภพ โดยปฏิบัติการของพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่นี้ พระองค์ทรงให้รูปทรงวิเศษใหม่ๆ ปรากฏขึ้นมาในกระจกแห่งการสร้างสรรค์ในทุกยุค หากเรามองดูโลกแห่งการดำรงอยู่ตามความเป็นจริงแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมาแต่ละยุค วิหารแห่งการดำรงอยู่ได้รับการประดับอยู่ตลอดมาด้วยกรุณาธิคุณใหม่ และโดดเด่นด้วยความสง่างามที่แปรเปลี่ยนไปเสมอ ซึ่งมาจากอัจฉริย ภาพและพลังของความคิด?

?จีน จีน และไปทางจีนที่ศาสนาของพระบาฮาอุลลาห์ต้องเดินขบวนไป บาไฮที่ศักดิ์สิทธิ์และได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วควรเป็นครูของจีน? จีนนั้นมีความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ประชาชนชาวจีนนั้นมีจิตใจที่เรียบง่ายที่สุดและเป็นผู้แสวงหาสัจธรรม ครูสอนศาสนาบาไฮของชาวจีนนั้นประการแรกต้องอิ่มเอิบด้วยจิตวิญญาณของชนชาวจีน? เรียนรู้วรรณกรรมศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ศึกษาธรรมเนียมประจำชาติ และพูดกับพวกเขาจากมุมมองของพวกเขาและด้วยลักษณะการใช้ถ้อยคำของพวกเขา ครูผู้นั้นจะต้องไม่คิดถึงตนเองแต่คิดอยู่ตลอดเวลาถึงความผาสุกทางจิตวิญญาณของชาวจีน ? ในจีน ครูผู้หนึ่งสามารถสอนจิตวิญญาณหลายดวง ฝึกฝนและให้การศึกษาบุคคลผู้มีธรรมเหล่านั้นจนกระทั่งพวกเขาแต่ละคนกลายเป็นเทียนที่สว่างไสวแห่งโลกของมนุษยชาติ แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้ากล่าวว่าชาวจีนเป็นอิสระจากเล่ห์เพทุบายและการหลอกลวงทั้งหลาย และพร้อมสรรพด้วยเจตนาอันดีเลิศ ? หากข้าพเจ้าสบายดี ข้าพเจ้าคงเดินทางไปยังจีนด้วยตนเองแล้ว…?

?……และทรงดำเนินไปยังโต๊ะในห้องของพระองค์ ทรงดื่มน้ำเล็กน้อย และเสด็จกลับไปที่เตียง ? หลังจากนั้นพระองค์ทรงบอกบุตรสาวสองคนของพระองค์ที่คอยเฝ้าอาการของพระองค์อยู่ให้เปิดม่านมุ้งออกโดยทรงบ่นว่าทรงหายใจไม่ออก? ไม่นานนักก็มีผู้นำน้ำดอกกุหลาบมาให้พระองค์ ซึ่งพระองค์ก็ทรงดื่ม จากนั้นพระองค์ทรงนอนลงอีกครั้ง และเมื่อมีคนเสนอที่จะถวายอาหารแด่พระองค์ พระองค์ทรงกล่าวอย่างชัดถ้อยคำว่า ?เจ้าปรารถนาให้เรารับประทานอาหารสักหน่อย ทั้งที่เรากำลังจะไปหรือ? ? อีกนาทีเดียวหลังจากนั้นจิตวิญญาณของพระองค์ก็โบยบินไปสู่ที่พำนักชั่วนิรันดร์ เพื่อที่จะไปอยู่ร่วม ในที่สุด ในความรุ่งโรจน์ของพระบิดาผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์ และเพื่อลิ้มรสความสุขหรรษาของการได้อยู่ร่วมกันตลอดไปกับพระบิดาของพระองค์?

?ดูกร? มิตรสหายที่รักใคร่ของเรา!? หลังจากผู้ถูกประทุษร้ายนี้ล่วงลับไป? เป็นหน้าที่ของอักซอน (กิ่ง) อัฟนอน(หน่อ) ของพฤกษาศักดิ์สิทธิ์? พระหัตถ์ (เสา) ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าและบรรดาผู้เป็นที่รักของพระผู้ทรงความงามอับฮา? ที่จะหันไปหาท่านโชกิ เอฟเฟนดิ ซึ่งเป็นกิ่งอ่อนที่แตกออกมาจากพฤกษาศักดิ์สิทธิ์อันควรแก่การสักการบูชาสองต้น? และเป็นผลไม้ที่งอกมาจากการสมัครสมานของกิ่งก้านทั้งสองของพฤกษาแห่งความวิสุทธิ์ เนื่องด้วยท่านคือสัญลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้า? คือกิ่งที่ได้รับเลือก คือศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า คือผู้ที่อักซอน (2) อัฟนอน (1) พระหัตถ์ศาสนาและผู้เป็นที่รักของพระองค์ทุกคน? ต้องหันไปหา ท่านคือผู้อรรถาธิบายวจนะของพระผู้เป็นเจ้า? และบุตรคนแรกผู้เป็นทายาทสายตรงของท่านจะสืบทอดศาสนาต่อจากท่าน?

“ความสรรเสริญทั้งปวงมีแด่พระองค์? พระผู้ทรงปกป้องวิหารแห่งศาสนาของพระองค์จากลูกดอกแห่งความสงสัย? ด้วยโล่แห่งพระปฏิญญาของพระองค์ พระผู้ทรงปกปักรักษาสถานที่คุ้มภัยของกฎที่มีคุณที่สุดของพระองค์? และปกป้องหนทางตรงที่เรืองรองของพระองค์ด้วยกองทัพแห่งพินัยกรรมของพระองค์ เป็นการหยุดยั้งการโจมตีของพวกละเมิดพระปฏิญญา? ที่คุกคามเข้ามาบ่อนทำลายอาคารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระองค์ผู้ทรงเฝ้าระวังที่มั่นอันยิ่งใหญ่และศาสนาที่รุ่งโรจน์ของพระองค์? โดยการช่วยเหลือของบรรดาผู้ที่การใส่ร้ายของผู้ใส่ร้ายไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ ซึ่งเป็นบรรดาผู้ที่ไม่มีอาชีพ ความรุ่งโรจน์และอำนาจทางโลกใดสามารถหันเหพวกเขาไปจากพระปฏิญญาของพระผู้เป็นเจ้าและพินัยกรรมของพระองค์? ที่สถาปนาไว้อย่างมั่นคงโดยวจนะที่ชัดเจนและแจ่มแจ้ง ซึ่งลิขิตและเปิดเผยโดยปากกาที่รุ่งโรจน์ของพระองค์ และบันทึกไว้ในธรรมจารึกที่ได้รับการถนอมไว้”

?ขอให้การสดุดีและสรรเสริญ? พระพรและความรุ่งโรจน์ สถิตอยู่กับกิ่งแรกของพฤกษาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์? เป็นกิ่งที่อ่อน เขียว วิสุทธิ์ และเจริญออกมาจากพฤกษาพิสุทธิ์คู่แฝด เป็นไข่มุกที่วิเศษสุด? พิเศษและประเมินค่าไม่ได้ ที่เปล่งประกายออกมาจากทะเลคู่แฝดที่สาดซัดอยู่ ขอให้การสดุดีและสรรเสริญ? พระพรและความรุ่งโรจน์ สถิตอยู่กับกิ่งก้านของพฤกษาแห่งความวิสุทธิ์ หน่อทั้ง หลายของพฤกษาสวรรค์ ผู้ซึ่งยังมั่นคงและแน่วแน่อยู่ในพระปฏิญญาในยุคแห่งความแตกแยกอย่างมหันต์? ขอให้การสดุดีและสรรเสริญ พระพรและความรุ่งโรจน์สถิตอยู่กับพระหัตถ์ (เสา) ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้ขจรสุคนธรสสวรรค์ไปกว้างไกล ประกาศข้อพิสูจน์และศาสนาของพระองค์ ตีพิมพ์กฎของพระองค์ในต่างแดน? ปล่อยวางจากทุกสิ่งนอกจากพระองค์ สนับสนุนความชอบธรรมในโลกนี้ และจุดไฟแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้าในหัวใจและวิญญาณของคนรับใช้ทั้งหลายของพระองค์ ขอให้การสดุดีและสรรเสริญ พระพรและความรุ่งโรจน์สถิตอยู่กับบรรดาผู้ที่เชื่อ วางใจ? และแน่วแน่อยู่ในพระปฏิญญาของพระองค์ และยอมรับแสงสว่างที่ส่องมาจากอรุโณทัยแห่งการนำทางของพระผู้เป็นเจ้าหลังจากที่เราล่วงลับไป เพราะจงดูเถิด! เขาคือกิ่งที่วิสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ ที่แตกออกมาจากพฤกษาพิสุทธิ์คู่แฝด ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่แสวงหาชายคาภายใต้ร่มเงาของเขาที่ปกคลุมมนุษยชาติทั้งปวง?

“ดูกร เจ้าผู้เป็นที่รักยิ่งของพระผู้เป็นนาย!? เป็นหน้าที่ของศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่? ที่จะต้องแต่งตั้งผู้ที่จะสืบทอดศาสนาต่อจากท่าน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งหลังจากที่ท่านล่วงลับไป? ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งต้องมีความปล่อยวางจากทุกสิ่งทางโลก ต้องเป็นสาระของความบริสุทธิ์ ต้องมีความกลัวพระผู้เป็นเจ้า? มีความรู้ อัจฉริยภาพและวิชา ดังนี้หากบุตรคนแรกที่เกิดจากศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าไม่แสดงให้เห็นสัจธรรมของวาทะที่ว่า : ?บุตรคือสาระที่เป็นความลับของบิดา?? กล่าวคือหากเขาไม่มีลักษณะทางธรรมของท่าน (ศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า)? และเชื้อสายที่รุ่งโรจน์ของเขาไม่มีลักษณะที่ตรงกับอุปนิสัยใจคอที่ดีงาม เช่นนั้นท่าน (ศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า) ต้องเลือกกิ่งอื่นให้สืบทอดศาสนาต่อจากท่าน”

?พระหัตถ์ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าต้องเลือกตั้งบุคคลเก้าคนในหมู่พระหัตถ์ศาสนาด้วยกัน? ที่จะมารับใช้งานที่สำคัญของศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ทุกเวลา การเลือก ตั้งเก้าคนนี้ต้องกระทำโดยเสียงเอกฉันท์หรือเสียงส่วนใหญ่ในหมู่พระหัตถ์ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? และเก้าคนนี้ไม่ว่าโดยเสียงเอกฉันท์หรือเสียงส่วนใหญ่ ต้องให้ความเห็นชอบกับผู้ที่ศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าเลือกให้เป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อจากท่าน การให้ความเห็นชอบนี้ต้องกระทำในลักษณะที่บอกความแตกต่างระหว่างเสียงที่เห็นด้วยกับเสียงที่ไม่เห็นด้วยไม่ได้ (เช่น การลงคะแนนลับ)?

?พระบ๊อบ พระผู้ทรงความสูงส่ง เป็นรุ่งอรุณแห่งสัจธรรม ซึ่งความรุ่งโรจน์แห่งแสงสว่างของพระองค์ฉายส่องไปทั่วทุกภูมิภาค? พระองค์ยังทรงเป็นผู้เบิกทางของแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งก็คือ ดวงประทีปแห่งอับฮา พระผู้ทรงความงามอันอุดมพรเป็นพระผู้ที่สัญญาไว้ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายในอดีต ทรงเป็นการเปิดเผยออกของแหล่งกำเนิดแห่งแสงสว่างที่ฉายส่องอยู่บนเขาไซนาย ที่เปลวเพลิงของพระองค์เรืองรองอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ที่ลุกไหม้อยู่? เราทั้งหมดเป็นคนรับใช้อยู่ ณ เบื้องธรณีของทั้งสองพระองค์ และยืนอยู่ในฐานะผู้รักษาประตูที่ต่ำต้อยเบื้องหน้าทวาราของทั้งสองพระองค์

จุดประสงค์ของเราคือสิ่งนี้ คือการที่ก่อนการสิ้นลงของเวลาหนึ่งพันปี จะไม่มีผู้ใดมีสิทธิที่จะเปล่งออกมาแม้คำเดียวเพื่อแอบอ้างสถานะของศาสนภิบาล? คัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดคือคัมภีร์ที่ทุกผู้คนต้องหันไปหาและในคัมภีร์นั้นกฎของพระผู้เป็นเจ้าได้รับการเปิดเผยไว้ กฎใดที่มิได้กล่าวไว้ในคัมภีร์นั้นควรถูกหยิบยกให้เป็นการตัดสินใจของสภายุติธรรมแห่งสากล?

?กิ่งอ่อนเยาว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า และสภายุติธรรมสากลที่จะได้รับการเลือกตั้งอย่างเป็นสากลและสถาปนาขึ้น ทั้งคู่อยู่ภายใต้การดูแลและความคุ้มครองของพระผู้ทรงความงามอับฮา อยู่ภายใต้ที่กำบังและการนำทางอย่างไม่มีผิดพลาดของพระผู้ทรงความสูงส่ง (ขอชีวิตของเราสละเพื่อทั้งสองพระองค์) สิ่งใดก็ตามที่พวกเขาตัด สินใจเป็นการตัดสินใจของพระผู้เป็นเจ้า? ผู้ใดที่ไม่เชื่อฟังท่านหรือไม่เชื่อฟังพวกเขา เท่ากับไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดที่กบฏต่อท่านและพวกเขาเท่ากับกบฏต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดที่ต่อต้านท่านเท่ากับต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดที่แก่งแย่งกับพวกเขาเท่ากับแก่ง แย่งกับพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดที่โต้แย้งท่านเท่ากับโต้แย้งพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดที่ปฏิเสธท่านเท่ากับปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดที่ไม่เชื่อท่านเท่ากับไม่เชื่อพระผู้เป็นเจ้า? ผู้ใดที่เบี่ยงเบน แยกตัวและหันหนีไปจากท่าน โดยแท้แล้วได้เบี่ยงเบน แยกตัวและหันหนีไปจากพระผู้เป็นเจ้า ขอให้ความพิโรธ ความกริ้วโกรธที่ดุร้าย และความพยาบาทของพระผู้เป็นเจ้าเล่นงานเขา! ที่มั่นอันยิ่งใหญ่นี้จะปลอดภัยและบุกรุกไม่ได้โดยการเชื่อฟังท่านผู้เป็นศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า เป็นหน้าที่ของสมาชิกสภายุติธรรมสากล อักซอน อัฟนอน พระหัตถ์ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ที่จะแสดงการเชื่อฟัง? ยอมจำนนและอยู่ภายใต้ศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า หันไปหาท่านและถ่อมตนต่อหน้าท่าน ผู้ที่ต่อต้านท่านเท่ากับต่อต้านพระผู้เป็นหนึ่งที่แท้จริง จะสร้างความแตกแยกในศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า จะบ่อนทำลายพระวจนะของพระองค์ และจะกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการปลุกระดม จงระวัง จงระวัง อย่าให้วันเวลาหลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ (ของพระบาฮาอุลลาห์) เกิดซ้ำอีก วันที่ศูนย์กลางแห่งการปลุกระดมได้หยิ่งจองหองและก่อกบฏและด้วยการใช้เอกภาพสวรรค์เป็นข้ออ้างของเขาได้พรากตัวเขาเอง? สร้างความลำบากใจและวางยาพิษให้แก่ผู้อื่น ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าผู้ทะนงตนทุกคนที่ประสงค์การพิพาทและความร้าวฉาน จะไม่แสดงเจตนาที่ชั่วร้ายอย่างเปิดเผย? แต่เสมือนทองที่ไม่บริสุทธิ์ เขาจะใช้มาตรการหลากหลายและข้ออ้างต่างๆ เพื่อที่จะแยกการชุมนุมของประชาชนแห่งบาฮาออก? จุดหมายของเราคือการแสดงให้เห็นว่า พระหัตถ์ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ และทันใดที่พวกเขาพบว่าผู้ใดเริ่มต่อต้านและประท้วงศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? ให้ขจัดเขาออกไปจากที่ชุมนุมของประชาชนแห่งบาฮา และไม่ให้ยอมรับข้อแก้ตัวใดจากเขา บ่อยเพียงใดที่ความผิดพลาดที่ร้ายแรงพรางตัวอยู่ในเครื่องแบบของสัจธรรม เพื่อจะได้หว่านเมล็ดแห่งความสงสัยลงในหัวใจของมนุษย์ทั้งหลาย!?

“ดูกร? พวกเจ้าผู้เป็นที่รักที่ซื่อสัตย์ของพระอับดุลบาฮา!? เป็นหน้าที่ของเจ้าที่จะดูแลโชกิ เอฟเฟนดิ ให้ดีที่สุด? ผู้ซึ่งเป็นหน่อและผลไม้ที่งอกออกมาจากพฤกษาสวรรค์ที่ศักดิ์สิทธิ์สองต้น? เพื่อว่าจะไม่มีธุลีแห่งความท้อใจและความเศร้าโศกมาเปรอะเปื้อนความผ่องใสของท่าน? เพื่อว่าในแต่ละวันผ่านไปท่านจะมีความสุข มีความเบิกบาน และมีธรรมมากยิ่งขึ้น และจะเติบโตขึ้นมาเป็นเสมือนต้นไม้ที่ผลดก”

?เพราะถัดจากพระอับดุลบาฮาแล้ว? ท่านคือศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? อัฟนอน พระหัตถ์ (เสา) ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าและผู้เป็นที่รักยิ่งของพระผู้เป็นนาย? ต้องเชื่อฟังท่านและหันไปหาท่าน ผู้ใดที่ไม่เชื่อฟังท่านเท่ากับไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า? ผู้ใดที่หันหนีไปจากท่านเท่ากับหันหนีไปจากพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดที่ปฏิเสธท่านเท่ากับปฏิเสธพระผู้เป็นหนึ่งที่แท้จริง? จงระวังอย่าให้ผู้ใดตีความหมายของวจนะเหล่านี้ผิดไป และอย่าให้ผู้ใดหยิบยกข้ออ้าง ชูธงแห่งการประท้วง แสดงความดื้อรั้น และเปิดประตูกว้างสำหรับการตีความผิดๆ เฉกเช่นบรรดาผู้ที่ละเมิดพระปฏิญญาหลังจากวันแห่งการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ (ของพระบาฮาอุลลาห์)? ไม่มีผู้ใดได้รับสิทธิ์ในการเพิ่มความคิดเห็นของตนเองเข้ามา หรือแสดงความเชื่อมั่นเฉพาะของตน ทุกคนต้องแสวงหาการนำทางและหันไปหาศูนย์กลางของศาสนาและสภายุติธรรม และผู้ที่หันไปหาสิ่งอื่นใดนั้นผิดพลาดร้ายแรงอย่างแท้จริง?

?บัดนี้เกี่ยวกับสภายุติธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติให้เป็นบ่อเกิดของความดีทั้งปวง? และเป็นอิสระจากความผิดพลาดทั้งหมด สภานี้ต้องได้รับการเลือกตั้งโดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วโลก? กล่าวคือ โดยศาสนิกชนทั้งหลาย สมาชิกของสภานี้ต้องเป็นผู้แสดงออกซึ่งความกลัวพระผู้เป็นเจ้า และเป็นอรุโณทัยแห่งความรู้และความเข้าใจ? ต้องมีความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่วแน่ และเป็นผู้ปรารถนาดีต่อมวลมนุษยชาติ สภานี้หมายถึงสภายุติธรรมแห่งสากล กล่าวคือ ในทุกประเทศต้องมีการสถาปนาสภายุติธรรมระดับรอง? และสภายุติธรรมระดับรองนี้ต้องเลือกตั้งสภายุติธรรมสากล ทุกเรื่องต้องเสนอมายังสภายุติธรรมสากล สภานี้เป็นผู้ออกบทบัญญัติและข้อบังคับต่างๆ ที่ไม่ปรากฏชัดในพระธรรมศักดิ์สิทธิ์ โดยสภานี้ปัญหาที่ยุ่งยากทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข? และศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าคือหัวหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นสมาชิกกิติมศํกดิ์ตลอดชีพของสภานี้ หากท่านไม่ได้เข้าร่วมการปรึกษาหารือด้วยตนเอง ท่านต้องแต่งตั้งบุคคลหนึ่งให้เป็นตัวแทนของท่าน หากสมาชิกสภายุติธรรมสากลคนใดกระทำบาปที่เป็นภัยต่อความผาสุกของส่วนรวม? ศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้ามีสิทธิ์ในการพิจารณาขับไล่ผู้นั้น เมื่อมีกรณีเช่นนั้นแล้วประชาชนต้องเลือกตั้งสมาชิกอีกคนหนึ่งมาแทนที่ สภายุติธรรมนี้ต้องออกกฎและรัฐบาลต้องบังคับใช้กฎ สภานิติบัญญัติต้องเสริมแรงแก่สภาบริหาร สภาบริหารต้องช่วยเหลือและให้การสนับสนุนสภานิติบัญญัติ? เพื่อว่าโดยความสมัครสมานกันอย่างใกล้ชิดและความกลมเกลียวของสองอำนาจนี้ รากฐานของความเป็นธรรมและความยุติธรรมจะมั่นคงและแข็งแกร่ง เพื่อว่าทุกภูมิภาคของโลกจะกลายเป็นเหมือนดังสวรรค์?ห

?ทุกสิ่งต้องเสนอให้สภานี้? สภานี้ประกาศใช้บัญญัติและกฎระเบียบทั้งหมดที่ไม่พบว่ามีอยู่ในพระธรรมศักดิ์สิทธิ์อันกระจ่างชัด ปัญหาที่ยุ่งยากทั้งหมดจะต้องได้รับการแก้ไขโดยสภานี้??

“ข้อความนี้ที่เขียนขึ้นตอนนี้โดยปากกาแห่งความรุ่งโรจน์นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด? บุรุษแห่งสภายุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้าได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการทั้ง หลายของประชาชน โดยแท้แล้ว พวกเขาคือผู้พิทักษ์ของพระผู้เป็นเจ้าในท่ามกลางคนรับใช้ของพระองค์ และเป็นอรุโณทัยของอำนาจในการสั่งการในประเทศของพระองค์”

?ดูกร ประชาชน สิ่งที่จะฝึกฝนโลกคือความยุติธรรม เพราะความยุติธรรมได้รับการค้ำจุนโดยสองเสาหลัก คือ รางวัลและการลงโทษ? สองเสาหลักนี้เป็นแหล่งกำเนิดของชีวิตให้แก่โลก ด้วยเหตุที่ ในแต่ละวันมีปัญหาใหม่ขึ้นมาและสำหรับทุกปัญหามีทางแก้ กิจธุระดัง กล่าวควรเสนอต่อสภายุติธรรมแห่งสากลเพื่อว่าสมาชิกของสภานี้จะดำเนินการตามความจำเป็นและความต้องการของเวลานั้น? พวกเขา ผู้ซึ่งเพื่อเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้า ลุกขึ้นเพื่อรับใช้ศาสนาของพระองค์ เป็นผู้รับแรงบันดาลใจแห่งสวรรค์ที่มาจากอาณาจักรที่มองไม่เห็น เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะเชื่อฟังพวกเขา ทุกเรื่องของรัฐประเทศควรเสนอต่อสภายุติธรรม แต่การปฏิบัติบูชาต้องกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยไว้ในคัมภีร์ของพระองค์?

?เราเตือนบุรุษแห่งสภายุติธรรมและบัญชาให้พวกเขารับประกันการคุ้มครองและการอารักขาบุรุษ สตรี และเด็ก? เป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะเอาใจใส่มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของประชาชนในทุกเวลาและภายใต้ทุกสถานการณ์?

?เป็นหน้าที่ของบรรดาผู้พิทักษ์แห่งสภายุติธรรมที่จะปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่ไม่ ได้เปิดเผยไว้อย่างชัดเจนในคัมภีร์? และบังคับใช้สิ่งที่พวกเขาเห็นชอบ โดยแท้แล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลใจพวกเขาด้วยสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และแท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงจัดหา พระผู้ทรงรอบรู้?

? ทุกคนต้องหันไปหาคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และทุกสิ่งที่มิได้บันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในคัมภีร์นั้นต้องนำเสนอต่อสภายุติธรรมแห่งสากล? สิ่งที่สภานี้พิจารณา ไม่ว่าจะโดยการลงความ เห็นเป็นเอกฉันท์หรือโดยเสียงส่วนใหญ่ โดยแท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่แสดงถึงสัจธรรมและจุด ประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอง?

?เป็นหน้าที่ของสมาชิกของสภานี้ (สภายุติธรรมแห่งสากล) ที่จะประชุมกันในสถานที่ใดที่หนึ่งและพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมดที่สร้างความขัดแย้ง? ข้อสงสัยที่คลุมเครือ และเรื่องต่างๆ ที่มิได้บันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในคัมภีร์ สิ่งใดก็ตามที่พวกเขาตัดสินใจมีผลเช่นเดียวกันกับพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นสภายุติธรรมแห่งสากลมีอำนาจที่จะประกาศใช้กฎต่างๆ ที่มิได้บันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในคัมภีร์ และดูแลการดำเนินการประจำวัน? และสภานี้ยังสามารถยกเลิกกฎเหล่านั้นได้ด้วย ด้วยประการฉะนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในวันนี้สภายุติธรรมสากลประกาศใช้กฎใดกฎหนึ่งและบังคับใช้กฎดังกล่าว และอีกหนึ่งร้อยปีต่อมา สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายและเงื่อนไขต่างๆ ได้แปรผันไป สภายุติธรรมแห่งสากลชุดใหม่ย่อมมีอำนาจในเวลานั้นที่จะเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมต่อความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนั้น? สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สภานี้กระทำได้เพราะกฎเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของธรรมลิขิตศักดิ์สิทธิ์อันชัดแจ้งจากสวรรค์ สภายุติธรรมเป็นทั้งผู้ริเริ่มและผู้ล้มเลิกกฎของตนเอง?

?ด้วยเหตุที่ ในแต่ละวันมีปัญหาใหม่ขึ้นมาและสำหรับทุกปัญหามีทางแก้? กิจธุระดังกล่าวควรเสนอต่อสภายุติธรรมแห่งสากลเพื่อว่าสมาชิกของสภานี้จะดำเนินการตามความจำเป็นและความต้องการของเวลานั้น? พวกเขา ผู้ซึ่งเพื่อเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้า ลุกขึ้นเพื่อรับใช้ศาสนาของพระองค์ เป็นผู้รับแรงบันดาลใจแห่งสวรรค์ที่มาจากอาณาจักรที่มองไม่เห็น เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะเชื่อฟังพวกเขา? ทุกเรื่องของรัฐประเทศควรเสนอต่อสภายุติธรรม แต่การปฏิบัติบูชาต้องกระทำตามที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยไว้ในคัมภีร์ของพระองค์?

?เป็นหน้าที่ของบรรดาผู้พิทักษ์แห่งสภายุติธรรมที่จะปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้เปิดเผยไว้อย่างชัดเจนในคัมภีร์? และบังคับใช้สิ่งที่พวกเขาเห็นชอบ โดยแท้แล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลใจพวกเขาด้วยสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และแท้จริงแล้วพระองค์คือพระผู้ทรงจัดหา พระผู้ทรงรอบรู้?

?เป็นหน้าที่ของสมาชิกของสภานี้ (สภายุติธรรมแห่งสากล) ที่จะประชุมกันในสถานที่ใดที่หนึ่งและพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมดที่สร้างความขัดแย้ง ข้อสงสัยที่คลุมเครือ และเรื่องต่างๆ ที่มิได้บันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในคัมภีร์ ? สิ่งใดก็ตามที่พวกเขาตัด สินใจมีผลเช่นเดียวกันกับพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นสภายุติธรรมแห่งสากลมีอำนาจที่จะประกาศใช้กฎต่างๆ ที่มิได้บันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในคัมภีร์ และดูแลการดำเนินการประจำวัน และสภานี้ยังสามารถยกเลิกกฎเหล่านั้นได้ด้วย ? ด้วยประการฉะนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในวันนี้สภายุติธรรมสากลประกาศใช้กฎใดกฎหนึ่งและบังคับใช้กฎดังกล่าว และอีกหนึ่งร้อยปีต่อมา สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายและเงื่อนไขต่างๆ ได้แปรผันไป สภายุติธรรมแห่งสากลชุดใหม่ย่อมมีอำนาจในเวลานั้นที่จะเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมต่อความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนั้น? สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สภานี้กระทำได้เพราะกฎเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของธรรมลิขิตศักดิ์สิทธิ์อันชัดแจ้งจากสวรรค์ สภายุติธรรมเป็นทั้งผู้ริเริ่มและผู้ล้มเลิกกฎของตนเอง?

“เรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งซึ่งเป็นส่วนประกอบของรากฐานของกฎของพระผู้เป็นเจ้านั้นได้รับการบันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในธรรมลิขิตศักดิ์สิทธ์? แต่กฎที่มีความสำคัญน้อยกว่านั้นเป็นเรื่องที่ขึ้น อยู่กับสภายุติธรรม ความรอบคอบในเรื่องนี้ก็คือการที่ยุคสมัยนั้นไม่เคยเป็นเช่นเดิมตลอดเวลา เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นลักษณะที่จำเป็นและเป็นคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ของโลกนี้ ของเวลา และของสถานที่? ดังนั้นสภายุติธรรมจะปฏิบัติการตามความเหมาะสม…”

?กล่าวโดยย่อ นี่คือภูมิปัญญาในการส่งกฎที่เกี่ยวกับสังคมให้สภายุติธรรมพิจารณา? เช่นเดียวกัน ในศาสนาอิสลาม มิใช่ว่าทุกบทบัญญัติจะเป็นสิ่งที่เปิดเผยไว้อย่างชัดเจน? เปล่าเลยอาจจะมีไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของหนึ่งในสิบส่วนที่รวมอยู่ในคัมภีร์ แม้ว่าทุกเรื่องที่มีสำคัญอย่างมากจะได้รับการกล่าวถึงไว้อย่างเฉพาะเจาะจงก็ตาม ก็ไม่เป็นที่สงสัยว่ายังมีกฎหลายพันข้อที่ไม่ได้รับการกล่าวถึงไว้อย่างชัดเจน? กฎเหล่านี้จึงได้รับการออกแบบใหม่โดยบรรดานักบวชในยุคต่อๆ มาตามกฎการตัดสินอรรถคดีต่างๆ ของอิสลาม และนักบวชแต่ละคนก็ได้ทำการอนุมานที่ขัดแย้งไปจากบทบัญญัติดั้งเดิมที่เปิดเผยไว้ ทั้งหมดนี้ก็ได้ถูกบังคับใช้ ในปัจจุบัน กระบวนการทำการอนุมานนี้เป็นสิทธิขาดของสภายุติธรรม และการอนุมานหรือการสรุปของผู้รอบรู้แต่ละคนไม่มีอำนาจสั่งการแต่อย่างใด นอกเสียจากว่าจะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากสภายุติธรรม? ความแตกต่างอย่างชัดเจนจึงเป็นเช่นนี้ว่า โดยการสรุปและการรับรองอย่างเป็นทางการโดยสถาบันของสภายุติธรรมที่สมาชิกได้รับการเลือกตั้งมาโดยชุมชนบาไฮทั่วโลก จะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ในขณะที่การสรุปของนักบวชและผู้รู้แต่ละคนจะนำไปสู่ความขัดแย้งกันอย่างแน่นอนและส่งผลให้เกิดการแตกสามัคคี การแบ่งแยก และการกระจัดกระจาย ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของโลกจะถูกทำลายลง ความสามัคคีของศาสนาจะหายไป และโครงสร้างของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าจะถูกสั่นคลอน?

?บัดนี้เกี่ยวกับสภายุติธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติให้เป็นบ่อเกิดของความดีทั้งปวง? และเป็นอิสระจากความผิดพลาดทั้งหมด…..?

? ทุกคนต้องหันไปหาคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด? และทุกสิ่งที่มิได้บันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในคัมภีร์นั้นต้องนำเสนอต่อสภายุติธรรมแห่งสากล? สิ่งที่สภานี้พิจารณา ไม่ว่าจะโดยการลงความ เห็นเป็นเอกฉันท์หรือโดยเสียงส่วนใหญ่ โดยแท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่แสดงถึงสัจธรรมและจุด ประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอง ผู้ใดเบี่ยงเบนไปจากนี้แท้จริงแล้วเป็นพวกที่รักความร้าวฉาน ได้แสดงออกซึ่งความมุ่งร้าย และหันไปจากพระผู้เป็นนายแห่งพระปฏิญญา?

?กิ่งอ่อนเยาว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็คือศาสนภิบาลของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? และสภายุติธรรมสากลที่จะได้รับการเลือกตั้งอย่างเป็นสากลและสถาปนาขึ้น ทั้งคู่อยู่ภายใต้การดูแลและความคุ้มครองของพระผู้ทรงความงามอับฮา? อยู่ภายใต้ที่กำบังและการนำทางอย่างไม่มีผิดพลาดของพระผู้ทรงความสูงส่ง (ขอชีวิตของเราสละเพื่อทั้งสองพระองค์) สิ่งใดก็ตามที่พวกเขาตัดสินใจเป็นการตัดสินใจของพระผู้เป็นเจ้า? ผู้ใดที่ไม่เชื่อฟังท่านหรือไม่เชื่อฟังพวกเขา เท่ากับไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดที่กบฏต่อท่านและพวกเขาเท่ากับกบฏต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดที่ต่อต้านท่านเท่ากับต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า? ผู้ใดที่แก่งแย่งกับพวกเขาเท่ากับแก่งแย่งกับพระผู้เป็นเจ้า?.?

“ไม่มีผู้ใดได้รับสิทธิ์ในการเพิ่มความคิดเห็นของตนเองเข้ามา? หรือแสดงความเชื่อมั่นเฉพาะของตน ทุกคนต้องแสวงหาการนำทางและหันไปหาศูนย์กลางของศาสนาและสภายุติธรรม? และผู้ที่หันไปหาสิ่งอื่นใดนั้นผิดพลาดร้ายแรงอย่างแท้จริง”

“ขอจงอย่าจินตนาการว่าสภายุติธรรมจะตัดสินใจตามแนวความคิดและความเห็นของตนเอง? พระผู้เป็นเจ้าทรงห้ามไว้ สภายุติธรรมสูงสุดจะตัดสินเรื่องต่างๆ และสถาปนากฎโดยอาศัยการบันดาลใจและการยืนยันจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะสภานี้อยู่ในความคุ้มครองและอยู่ภายใต้ที่กำบังและการปกป้องของพระผู้ทรงความงามแต่โบราณกาล? และการเชื่อฟังคำตัดสินของสภานี้เป็นหน้าที่ที่จำเป็นและมีภาระผูกพัน และเป็นความรับผิดชอบสูงสุด และไม่มีผู้ใดหลบเลี่ยงไปจากหน้าที่นี้ได้”

?จงกล่าวว่า ดูกร ประชาชน แท้จริงแล้ว สภายุติธรรมสูงสุดอยู่ภายใต้ปีกของพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ทรงเห็นใจ พระผู้ทรงปรานี? ซึ่งก็คือภายใต้ความคุ้มครอง การดูแล และที่กำบังของพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงบัญชาให้ศาสนิกชนที่มั่นคงให้เชื่อฟังสถาบันที่ศักดิ์สิทธิ์ น่าเคารพ และมีชัยเหนือสิ่งทั้งปวง? ซึ่งความสูงส่งของสถาบันนี้ได้รับการบัญญัติมาจากสวรรค์และเป็นความสูงส่งของอาณาจักรสวรรค์ และกฎของสภานี้ได้รับแรงบันดาลใจและเป็นกฎแห่งจิตวิญญาณ?

?จงระวัง จงระวัง มิให้ผู้ใดสร้างความแตกร้าวและปลุกปั่นความไม่สงบ? หากมีความแตกต่างของความคิดเห็น สภายุติธรรมสูงสุดจะแก้ปัญหาเหล่านั้นในทันที? สิ่งใดก็ตามที่เป็นการตัดสินใจของสภานี้ โดยการลงคะแนนเสียงข้างมาก จะเป็นสัจจะที่แท้จริง ด้วยเหตุที่ สภานี้อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง การนำทางอย่างไม่มีผิดพลาด และการดูแลเอาใจใส่ของพระผู้เป็นนายที่แท้จริง? พระองค์จะทรงปกป้องสภานี้จากความผิดพลาดและจะทรงคุ้มครองสภานี้ไว้ภายใต้ปีกของความศักดิ์สิทธิ์และความถูกต้องของพระองค์ ผู้ใดที่ต่อต้านสภานี้จะถูกขับไสและในที่สุดจะอยู่ในหมู่ของผู้ที่พ่ายแพ้?

?ดูกร? มิตรสหายที่รักยิ่งทั้งหลาย!? เวลานี้เราตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง? และไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแม้เพียงชั่วโมงเดียว? ดังนี้เราจำต้องลิขิตบรรทัดเหล่านี้เพื่อการคุ้มครองศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? การปกปักรักษากฎของพระองค์ การปกป้องพระวจนะของพระองค์ และความปลอดภัยของคำสอนของพระองค์? พระผู้ทรงความงามบรมโบราณเป็นพยาน! ผู้ที่ถูกประทุษร้ายนี้ไม่ได้เคืองแค้นผู้ใด ไม่ได้มุ่งร้ายต่อผู้ใด? ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำใดนอกจากเพื่อประโยชน์ของโลก อย่างไรก็ตาม หน้าที่ที่เป็นข้อผูกมัดสูงสุดของเราทำให้เราจำเป็นต้องปกป้องและปกปักรักษาศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? ดังนี้ด้วยความเศร้าใจที่สุด เราขอแนะนำเจ้าว่า : จงปกป้องศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า? คุ้มครองกฎของพระองค์ และจงกลัวความร้าวฉานเป็นที่สุด? นี่คือรากฐานความเชื่อของประชาชนแห่งบาฮา (ขอให้ชีวิตของเราสละเพื่อพวกเขา) :? ?พระผู้ทรงความสูงส่ง (พระบ๊อบ) คือพระผู้สำแดงเอกภาพและความเป็นหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า? พระผู้ทรงเบิกทางแก่การเสด็จมาของพระผู้ทรงความงามอับฮา พระผู้ทรงความงามอับฮาผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์ (ขอให้ชีวิตของเราเป็นพลีแด่มิตรสหายที่แน่วแน่ทั้งหลายของพระองค์)? คือพระศาสดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า คืออรุโณทัยของสาระแห่งความเป็นเจ้าสูงสุดของพระองค์ คนอื่นทั้งหมดคือคนรับใช้ของพระองค์และทำตามคำบัญชาของพระองค์? ทุกคนต้องหันไปหาคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด? และทุกสิ่งที่มิได้บันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในคัมภีร์นั้นต้องนำเสนอต่อสภายุติธรรมแห่งสากล สิ่งที่สภานี้พิจารณา ไม่ว่าจะโดยการลงความเห็นเป็นเอกฉันท์หรือโดยเสียงส่วนใหญ่ โดยแท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่แสดงถึงสัจธรรมและจุดประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอง ? ผู้ใดเบี่ยงเบนไปจากนี้แท้จริงแล้วเป็นพวกที่รักความร้าวฉาน ได้แสดงออกซึ่งความมุ่งร้าย และหันเหไปจากพระผู้เป็นนายแห่งพระปฏิญญา สภานี้หมายถึงสภายุติธรรมสากลที่จะได้รับการเลือกตั้งจากทุกประเทศ กล่าวคือ จากดินแดนทั้งหลายในโลกตะวันออกและโลกตะวันตกที่มีบรรดาผู้เป็นที่รักอยู่? โดยวิธีการเลือกตั้งที่ทำกันในประเทศตะวันตกอย่างเช่นอังกฤษ?

?นี่คือรากฐานความเชื่อของประชาชนแห่งบาฮา (ขอให้ชีวิตของเราสละเพื่อพวกเขา) :? ?พระผู้ทรงความสูงส่ง (พระบ๊อบ) คือพระผู้สำแดงเอกภาพและความเป็นหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า? พระผู้ทรงเบิกทางแก่การเสด็จมาของพระผู้ทรงความงามอับฮา พระผู้ทรงความงามอับฮาผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์ (ขอให้ชีวิตของเราเป็นพลีแด่มิตรสหายที่แน่วแน่ทั้งหลายของพระองค์)? คือพระศาสดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า คืออรุโณทัยของสาระแห่งความเป็นเจ้าสูงสุดของพระองค์ คนอื่นทั้งหมดคือคนรับใช้ของพระองค์และทำตามคำบัญชาของพระองค์? ทุกคนต้องหันไปหาคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด? และทุกสิ่งที่มิได้บันทึกไว้อย่างชัดแจ้งในคัมภีร์นั้นต้องนำเสนอต่อสภายุติธรรมแห่งสากล สิ่งที่สภานี้พิจารณา ไม่ว่าจะโดยการลงความเห็นเป็นเอกฉันท์หรือโดยเสียงส่วนใหญ่ โดยแท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่แสดงถึงสัจธรรมและจุดประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอง ? ผู้ใดเบี่ยงเบนไปจากนี้แท้จริงแล้วเป็นพวกที่รักความร้าวฉาน ได้แสดงออกซึ่งความมุ่งร้าย และหันเหไปจากพระผู้เป็นนายแห่งพระปฏิญญา?