? การอบรมในด้านศีลธรรมและความประพฤติที่ดีงามมีความสำคัญยิ่งกว่าการเรียนรู้หนังสือ เด็กที่มีความสะอาดเป็นนิสัย ?น่ายินดี อุปนิสัยดีงาม มีความประพฤติดี แม้เขาจะโง่เขลาก็เป็นที่ปรารถนากว่าเด็กที่ หยาบคาย ไม่เคยชำระล้าง นิสัยไม่ดีและมีความรู้อย่างมากมายในวิทยาศาสตร์และศิลปะทุกด้าน ?เหตุผลก็คือ เด็กที่ประพฤติตัวดี แม้จะโง่เขลาก็ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ในขณะเด็กที่มีนิสัยไม่ดี ประพฤติตัวชั่วร้าย เป็นเด็กทุจริตและเป็นภัยต่อผู้อื่น แม้ว่าเขาจะมีความรู้ก็ตาม ?อย่างไรก็ดี หากเด็กคนนั้นได้รับการอบรมให้มีทั้งความรู้และเป็นคนดีแล้ว ผลลัพธ์ก็คือ เจิดจรัสเหนือดวงประทีป?

? การอบรมในด้านศีลธรรมและความประพฤติที่ดีงามมีความสำคัญยิ่งกว่าการเรียนรู้หนังสือ เด็กที่มีความสะอาดเป็นนิสัย ?น่ายินดี อุปนิสัยดีงาม มีความประพฤติดี แม้เขาจะโง่เขลาก็เป็นที่ปรารถนากว่าเด็กที่ หยาบคาย ไม่เคยชำระล้าง นิสัยไม่ดีและมีความรู้อย่างมากมายในวิทยาศาสตร์และศิลปะทุกด้าน ?เหตุผลก็คือ เด็กที่ประพฤติตัวดี แม้จะโง่เขลาก็ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ในขณะเด็กที่มีนิสัยไม่ดี ประพฤติตัวชั่วร้าย เป็นเด็กทุจริตและเป็นภัยต่อผู้อื่น แม้ว่าเขาจะมีความรู้ก็ตาม ?อย่างไรก็ดี หากเด็กคนนั้นได้รับการอบรมให้มีทั้งความรู้และเป็นคนดีแล้ว ผลลัพธ์ก็คือ เจิดจรัสเหนือดวงประทีป?

? เจ้าจงอุทิศความสนใจสูงสุดต่อเรื่องนี้ ?เพราะพื้นฐาน หลักการพื้นฐานของโรงเรียน สิ่งแรกและสำคัญที่สุดคือการอบรมคุณธรรม ?การสร้างอุปนิสัย และการแก้ไขความประพฤติ?

?ต่อคำถามของเจ้าเกี่ยวกับการให้การศึกษาแก่เด็กนั้น ?เป็นความจำเป็นที่เจ้าจะต้องบำรุงเลี้ยงพวกเขาในอ้อมอกแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้า และกระตุ้นเตือนพวกเขาไปสู่สิ่งต่างๆ ในทางธรรม เพื่อว่าพวกเขาจะหันหน้าไปยังพระผู้เป็นเจ้า ?เพื่อว่าวิถีของพวกเขาจะสอดคล้องกับกฎแห่งความประพฤติอันดีงามและบุคลิกภาพของพวกเขาจะไม่เป็นรองผู้ใด เพื่อว่าพวกเขาจะสร้างคุณความดีและคุณลักษณะอันควรแก่การสรรเสริญทั้งหลายของมนุษย์ขึ้นด้วยตนเอง และบรรลุซึ่งความรู้อย่างถ้วนทั่วในสาขาต่างๆ ของการเรียนรู้ ?เพื่อว่านับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของชีวิต พวกเขาจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีคุณธรรม เป็นผู้อาศัยอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ เป็นผู้หลงรักในสุคนธรสแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้ได้รับการศึกษาในทางธรรม ทางจิตวิญญาณ และเป็นการศึกษาแห่งอาณาจักรสวรรค์ ?

?ศิลปะด้านดนตรีเป็นของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นสิ่งที่มีผล ?ดนตรีเป็นอาหารของจิตใจและจิตวิญญาณ จิตวิญญาณของมนุษย์เบิกบานขึ้นโดยพลังและเสน่ห์แห่งดนตรี ?ดนตรีมีพลังโน้มน้าวและผลอันน่าพิศวงต่อหัวใจของเด็กๆ เพราะหัวใจของพวกเขาบริสุทธิ์และท่วงทำนองทั้งหลายมีอิทธิพลอย่างมากต่อพวกเขา ?พรสวรรค์ที่เด็กๆ เหล่านี้ได้รับการประสิทธิ์ประสาทมาและแฝงเร้นอยู่ภายในหัวใจของพวกเขาจะค้นพบช่องทางในการแสดงออกได้โดยอาศัยดนตรีเป็นสื่อ ?ดังนั้น เจ้าจะต้องพยายามทำให้พวกเขามีความเชี่ยวชาญ สอนพวกเขาให้ร้องเพลงได้อย่างดีเลิศและโน้มน้าวใจ เป็นหน้าที่ของเด็กแต่ละคนที่จะรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับดนตรี ?เพราะหากไม่มีความรู้ในศิลปะด้านนี้แล้ว ท่วงทำนองของเครื่องดนตรีและเสียงที่เปล่งออกมาก็ไม่สามารถรับรู้ถึงความเพลิดเพลินได้อย่างแท้จริง เช่นเดียวกัน จำเป็นที่โรงเรียนต้องสอนดนตรีเพื่อวิญญาณและหัวใจของนักเรียนจะมีชีวิตชีวาและเบิกบาน ?ชีวิตของพวกเขาจะร่าเริงด้วยความเพลิดเพลิน?

?การสวดมนต์บังคับประจำวันและการอ้อนวอนส่งผลให้มนุษย์ไปถึงอาณาจักรแห่งความลึกลับและการบูชาพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด ?ทั้งสองนี้จะเอื้ออำนวยให้เข้าใกล้ธรณีประตูของพระองค์ ความปีติยินดีในการสวดอธิษฐานนั้นอยู่เหนือกว่าความสุขอื่นใดทั้งปวง และความไพเราะอ่อนหวานในการสวดเป็นทำนองและในการขับร้องพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าเป็นความปรารถนาสูงสุดของศาสนิกชนทุกคนทั้งชายและหญิงเหมือนกัน ?ขณะที่ท่องสวดบทอธิษฐานบังคับประจำวัน เขาได้สนทนาอย่างใกล้ชิดและแลกเปลี่ยนความลับกับพระผู้เป็นที่รักที่แท้จริง ไม่มีความสุขใดที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ หากเขากระทำไปด้วยดวงจิตที่ไม่ผูกพัน ด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา ด้วยหัวใจที่ไว้วางใจและดวงจิตที่กระตือรือร้น ความสุขทั้งมวลนั้นเป็นของทางโลกเว้นแต่สิ่งนี้ ?ซึ่ง เป็นความหอมหวานแห่งสวรรค์?

?ในการอธิษฐานขั้นสูงสุด มนุษย์จะอธิษฐานเพื่อความรักของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น มิใช่เพราะกลัวพระองค์หรือกลัวนรก มิใช่เพราะหวังจะได้รับความอารีหรือได้ขึ้นสวรรค์… เมื่อมนุษย์หลงรักใครคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่กล่าวถึงชื่อของผู้ที่เขารัก ดังนั้นยากกว่าเพียงไหนที่จะไม่กล่าวถึงพระนามของพระผู้เป็นเจ้าเมื่อมนุษย์รักพระองค์… ผู้มีธรรมไม่พบความปีติในสิ่งใดนอกจากในการระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า?

?ถ้าคนเรารักเพื่อนคนหนึ่ง ย่อมเป็นธรรมดามิใช่หรือที่เขาปรารถนาจะพูดถึงความรักนั้น…. แม้เขาจะรู้ว่าเพื่อนตระหนักในความรักของเขา เขาก็ยังปรารถนาจะบอกรักเพื่อนมิใช่หรือ…. เป็นความจริงที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงทราบความปรารถนาของหัวใจทุกดวง แต่ความรู้สึกอยากอธิษฐานนั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมาจากความรักของมนุษย์ที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า?

?ดูกร อาลี การระลึกถึงเราคือโอสถรักษาจิตวิญญาณและคือประทีปให้กับหัวใจของมนุษย์?

?เจ้าจงรู้ว่า แท้จริงแล้ว ผู้อ่อนแอควรจะเป็นผู้วิงวอนต่อพระผู้ทรงความเข้มแข็ง และผู้ที่แสวงหาความอารีจำต้องอ้อนวอนต่อ พระผู้ทรงความอารีแห่งความรุ่งโรจน์ เมื่อเขาวิงวอนต่อพระผู้เป็นนายของเขา จงหันหน้าไปยังพระองค์และแสวงหาความอารีจากมหาสมุทรของพระองค์ การวิงวอนนี้จะนำความผ่องใสไปสู่หัวใจของเขา นำความสว่างสู่สายตาของเขา ??นำความมีชีวิตชีวาให้แก่วิญญาณของเขา และนำความปลื้มปีติให้แก่ชีวิตของเขา?

?การระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า เสมือนดั่งน้ำฝนและน้ำค้างซึ่งจะประสาทความสดชื่นและความสง่างามให้แก่มวลบุปผชาติ ทำให้ดอกไม้ฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาและทำให้ดอกไม้มีสุคนธรส หอมหวานขึ้นและเป็นที่ดึงดูดใจอีกครั้ง … ?เจ้าจงเพียรพยายามยกย่องและสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าทั้งคืนวัน เพื่อว่าเจ้าอาจจะได้มาซึ่งความสดชื่นและความงามที่ไม่มีสิ้นสุด?

?ข้าพเจ้าสวดอธิษฐานถึงพระองค์ ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่สุด และความจงรักภักดีอย่างแท้จริง โปรดทำให้ข้าพเจ้าเป็นหอคอยแห่งความรักของพระองค์ในดินแดนของพระองค์ โปรดให้ข้าพเจ้าเป็นประทีปแห่งความรู้ของพระองค์ท่ามกลางสิ่งสร้างสรรค์ของพระองค์ และโปรดให้ข้าพเจ้าเป็นธงแห่งของขวัญของพระองค์ในราชอาณาจักรของพระองค์?

?ข้าแต่พระผู้เป็นนายของข้าพเจ้า เราขอวิงวอนพระองค์ ขอทรงคุ้มครองเราให้พ้นจากความเพื้อฝันและจินตนาการอันไร้สาระ ความจริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงรอบรู้?

?ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ?ข้าพเจ้าขอร้องพระองค์ ต่อพระนามของพระองค์ที่ทรงบันดาลให้เหล่าก้อนเมฆได้หลั่งฝนลงมา และให้สายชลได้ไหลบ่าและเพลิงแห่งความรักของพระองค์ได้ถูกจุดขึ้นทั่วอาณาจักรของพระองค์ ?เพื่อช่วยคนรับใช้ของพระองค์ผู้ซึ่งได้หันหน้าไปยังพระองค์ แล้วกล่าวสรรเสริญพระองค์และตั้งใจแน่วแน่ที่จะรับใช้พระองค์?

?ข้าพเจ้าขอวิงวอนพระองค์ขอทรงช่วยเหลือข้าพเจ้าในทุกเวลาและภายใต้ทุกสภาพการณ์และอ้อนวอนขอกรุณาธิคุณที่มีมาแต่โบราณกาลจากนภาแห่งความการุณย์ของพระองค์?

?ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดเสริมกำลังให้เราแพร่กระจายสัญลักษณ์ของพระองค์ไปกว้างไกลในหมู่ประชาชนและโปรดอภิบาลศาสนาในอาณาจักรของพระองค์?

?ขอทรงโปรดกรุณาให้ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปหาพระองค์ ได้รับเกียรติให้อาศัยอยู่ใกล้กับพระองค์และสนทนากับพระองค์ตามลำพัง?

?ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า เจ้าได้แสดงให้เห็นถึงความสัตย์จริงของคำพูดของเจ้าด้วยการกระทำของเจ้า และได้รับการรับรองจากพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนาย ทุกวันนับแต่รุ่งสาง เจ้าจงรวบรวมเด็กบาไฮ แล้วสอนให้พวกเขาสนทนากับพระผู้เป็นเจ้าและอธิษฐาน นี่เป็นการกระทำที่น่าสรรเสริญที่สุดและนำความปีติยินดีมาสู่หัวใจของเด็กๆ ทุกๆ เช้าพวกเขาควรหันหน้าไปสู่อาณาจักรสวรรค์และกล่าวถึงพระผู้เป็นนาย สดุดีพระนามของพระองค์ ท่องและสวดเป็นทำนองด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะที่สุด”

?เด็กเหล่านี้เป็นเสมือนต้นอ่อน การสอนบทอธิษฐานให้พวกเขาเปรียบดังการหลั่งฝนมาให้พวกเขา เพื่อว่าพวกเขาจะเติบโตอย่างอ่อนโยนและสดชื่น และสายลมอ่อนแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้าจะพัดผ่านพวกเขา ทำให้พวกเขาสั่นไหวด้วยความสุขหรรษา?

?ดูกร คนรับใช้ของเรา จงสวดพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าที่เจ้าได้รับ ?ดังเช่นผู้ที่เข้าใกล้พระองค์ได้สวด เพื่อว่าความหวานในทำนองของเจ้าจะจุดไฟขึ้นในจิตวิญญาณของเจ้าเอง และดึงดูดหัวใจของมวลมนุษย์?

?เป็นความปรารถนาอย่างที่สุดของจิตวิญญาณทุกดวงผู้ซึ่งได้รับการดึงดูดอยู่กับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ที่จะหาเวลาเพื่อถวายความจงรักภักดีทั้งหมดแด่พระผู้เป็นที่รักของเขา และอีกทั้งแสวงหาความอารีและพระพรของพระองค์ แล้วดำดิ่งลงสู่มหาสมุทรแห่งการสนทนา การร้องขอ และการวิงวอน?

?ดูกร บุตรแห่งอาภา จงลืมทุกสิ่งนอกจากเราและสนทนากับวิญญาณของเรา นี่คือแก่นสาระของบัญชาของเรา ดังนั้นจงใส่ใจ?

?แหล่งที่มาของความรุ่งโรจน์ทั้งปวงคือ การยอมรับสิ่งใดก็ตามที่พระผู้ทรงเป็นนายได้ทรงประทานให้ และการพึงพอใจในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติ?

?อะไรก็ตามที่พระผู้ทรงสร้างสรรค์ทรงบัญชาให้คนของพระองค์ปฏิบัติตาม เช่นกันพวกเขาต้องมีความเอาใจใส่และทำให้สำเร็จด้วยความกระตือรือร้นและด้วยความยินดีอย่างที่สุด?

?ดูกร บุตรแห่งชีวิต จงปฏิบัติตามบัญญัติของเราด้วยความรักและปฏิเสธสิ่งที่เจ้าปรารถนา หากเจ้าใฝ่หาความยินดีของเรา?

?พรอันยิ่งใหญ่จงมีแด่ผู้ที่ได้ระงับความปรารถนาที่โน้มเอียงไปในทางทุจริต แล้วปฏิบัติตามคำสอนที่จารึกโดยปากกาอันสูงส่งที่สุดของพระองค์ ?เพราะรักในความงามของพระองค์ และเห็นแก่ความพอพระทัยของพระองค์ ในความเป็นจริงแล้ว เขาถูกนับรวมอยู่ในผู้ที่ได้บรรลุถึงความดีงามทั้งปวง และได้ปฏิบัติตามแนวทางของคำแนะนำ?

?สิ่งที่เหมาะกับมนุษย์ก็คือ การยอมจำนนต่อการอดกลั้นซึ่งจะปกป้องเขาจากความเขลา และจะป้องกันเขาจากภัยอันตรายของผู้กระทำความชั่วร้าย?

?ดังนั้น เจ้าจะต้องขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ได้ทรงประทานพรให้แก่ชีวิตและการดำรงอยู่แก่เจ้าในอาณาจักรมนุษย์ ขอจงเพียรพยายามให้ได้มาซึ่งคุณธรรมต่างๆ ที่เหมาะกับเกียรติและสถานะของเจ้า ??จงเป็นดั่งแสงสว่างของโลกซึ่งไม่อาจปิดบังซ่อนเร้นไว้ได้ และซึ่งจะไม่ตกไปอยู่ในขอบฟ้าแห่งความมืด?

?จงรู้แน่นอนว่า บัญชาของเราคือตะเกียงแห่งการบริบาลด้วยความรักของพระองค์ในหมู่คนรับใช้ คือกุญแจแห่งความปรานีสำหรับประชาชนของเรา ที่ส่งลงมาจากนภาแห่งพระประสงค์ของพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้เป็นนายแห่งการเปิดเผยธรรม?

?แท้จริงแล้ว กฎต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้าเปรียบเสมือนมหาสมุทร และบุตรหลานทั้งหลายของมนุษย์เปรียบเสมือนปลา จงรู้ไว้?

?ศาสนาคือแสงสว่างของโลก คือความเจริญก้าวหน้า ความสำเร็จ และความสุขของมนุษย์ซึ่งเป็นผลมาจากการเชื่อฟังกฎต่างๆ ที่ได้จารึกลงในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์?

?กฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าถูกส่งลงมาจากนภาแห่งการเปิดเผยธรรมอันน่าเคารพที่สุดของพระองค์ มนุษย์ทุกคนต้องเพียรพยายามปฏิบัติตามกฎบัญญัติเหล่านั้น ลักษณะเด่นที่สุดของมนุษย์ ความก้าวหน้าที่แท้จริงของเขา ชัยชนะครั้งสุดท้ายของเขามักจะขึ้นอยู่กับกฎบัญญัติและจะคงขึ้นอยู่กับกฎบัญญัติตลอดไป ผู้ใดที่รักษาพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าไว้ก็จะบรรลุความสุขนิรันดร์?

?ชิวหาแห่งอำนาจของเราได้กล่าวต่อสิ่งสร้างสรรค์ของเราด้วยถ้อยวจนะที่มาจากนภาแห่งความรุ่งโรจน์อันทรงอำนาจของเราว่า ?จงปฏิบัติตามบัญชาของเรา เพราะรักในความงามของเรา?

?ดูกร บุตรแห่งมนุษย์ ต่อให้เจ้าเหินไปทั่วอวกาศที่ไพศาลอย่างรวดเร็ว และเดินทางไปสุดขอบฟ้า เจ้าก็หาความสงบไม่ได้ นอกเสียจากจะยอมจำนนต่อบัญชาของเราและถ่อมตัวต่อหน้าเรา?

?อิสรภาพที่แท้จริงนั้นมีอยู่แล้วในผู้ที่ยอมรับบัญชาของเรา ?เจ้ารู้ข้อนี้ในส่วนปลีกย่อยเท่านั้น หากเพียงแต่มนุษย์จะน้อมรับสิ่งที่เราได้ส่งมาจากนภาแห่งการเปิดเผยธรรมไปปฏิบัติตาม ?พวกเขาก็จะได้รับอิสรภาพอย่างเต็มที่แน่นอน ขอความสุขจงมีแด่ผู้ที่เข้าใจเจตจำนงของพระผู้เป็นเจ้าที่เปิดเผยจากนภาแห่งพระประสงค์ของพระองค์ซึ่งครอบคลุมทุกสรรพสิ่งสร้างสรรค์ ?จงกล่าวว่า: อิสรภาพที่จะอำนวยคุณประโยชน์แก่เจ้านั้นจะได้จากในการยอมเป็นผู้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างเต็มที พระผู้ทรงสัจจะนิรันดร์เท่านั้นซึ่งจะไม่พบอยู่ในสิ่งอื่นใดอีกเลย ?ผู้ใดก็ตามที่ได้ลิ้มรสความหวานแห่งอิสรภาพดังกล่าวแล้วก็จะไม่ยอมไปแลกกับอาณาจักรอื่นใดทั้งปวงไม่ว่าจะอยู่บนพิภพหรือสวรรค์ใดก็ตาม?

?ดูกร บุตรแห่งชีวิต ความรักของเราคือที่มั่น ผู้ที่เข้ามาจะปลอดภัยไร้กังวล ผู้ที่ตีจากไปจะหลงทางและมลายสิ้นอย่างแน่นอน?

?ด้วยถ้อยวจนะอันทรงอานุภาพของเราที่มาจากนภาแห่งความรุ่งโรจน์อันทรงอำนาจ ที่ได้กล่าวกับสิ่งสร้างสรรค์ของเราดังนี้ ?จงปฏิบัติตามบัญญัติของเราด้วยความรักในความงามของเรา”

? ดูกร บุตรแห่งมนุษย์ อย่าได้ละเลยบัญญัติทั้งหลายหากว่าเจ้ารักความงามของเรา และอย่าลืมคำแนะนำของเราหากว่าต้องการให้เราพอใจเจ้า?

?พระองค์ได้ทรงสร้างโลกใบนี้และทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิตและเคลื่อนไหวได้ในโลก พระองค์ทรงเลือกที่จะประสาทเอกลักษณ์เฉพาะให้แก่มนุษย์และความสามารถที่จะรู้จักและรักพระองค์ ? เป็นความสามารถที่ต้องถือว่าเป็นแรงกระตุ้นที่ก่อให้เกิดและเป็นจุดประสงค์แรกที่เป็นพื้นฐานของสิ่งสร้างสรรค์ทั้งมวล โดยปฏิบัติการโดยตรงแห่งพระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์เอง? ???

? ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอเป็นสักขีพยานว่า พระองค์ได้ทรงสร้างข้าพเจ้าขึ้นมาเพื่อให้รู้จักและบูชาพระองค์ บัดนี้ ข้าพเจ้าขอยืนยันความไร้อำนาจของข้าพเจ้าและเดชานุภาพของพระองค์ ความยากไร้ของข้าพเจ้าและความมั่งคั่งของพระองค์ ?ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงช่วยเหลือในภยันตราย พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง ?

?จุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในการส่งพระศาสดาของพระองค์มายังมนุษย์มีสองประการ ประการแรกคือเพื่อปลดปล่อยบุตรหลานของมนุษย์ออกจากความมืดแห่งความเขลาและนำทางพวกเขาไปสู่แสงแห่งความเข้าใจที่แท้จริง ประการที่สองคือเพื่อ รับประกันสันติภาพและความสงบร่มเย็นของมนุษยชาติ และจัดหาทุกวิธีการที่สิ่งเหล่านี้สามารถที่จะสถาปนาขึ้นมาได้?

?จงกล่าวว่า: ดูกร เจ้าผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงพระองค์เดียว เจ้าจงยอมรับและรู้จักพระองค์โดยแท้จริงและพยายามปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์อย่างเหมาะสม?

?หน้าที่ประการแรกที่พระผู้เป็นเจ้าบัญญัติไว้สำหรับบรรดาคนรับใช้ของพระองค์ คือการยอมรับบรมศาสดาผู้เป็นอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์ และเป็นแหล่งกำเนิดกฎของพระองค์ ?พระผู้เป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าทั้งในอาณาจักรธรรมะและสรรพภาวะ ผู้ใดที่ยอมรับพระองค์เท่ากับเข้าถึงความดีงามทั้งปวงและผู้ใดที่มาไม่ถึงการยอมรับนี้ก็เท่ากับว่าหลงทาง แม้ว่าเขาจะเป็นต้นตำหรับของการกระทำที่ชอบธรรมทุกประการ เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนผู้ที่บรรลุถึงฐานะอันประเสริฐสุดนี้ ยอดสุดของความรุ่งโรจน์นี้ที่จะต้องปฏิบัติตามทุกบัญญัติของบรมศาสดาผู้เป็นยอดปรารถนาของโลก หน้าที่สองประการนี้แยกจากกันไม่ได้และจะไม่เป็นที่ยอมรับหากขาดข้อใดข้อหนึ่ง นี่คือประกาศิตของพระองค์พระผู้ซึ่งเป็นแหล่งบันดาลใจแห่งสวรรค์? ?

?มีเสาหลักที่ไม่มีพลาดได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นหลักค้ำจุนอันมั่นคงของศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ?อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่สุดของสิ่งเหล่านี้คือ การเรียนรู้และการใช้ความคิด การมีสติรู้ตัวมากขึ้น และการเข้าใจอย่างถ่องแท้ในความจริงของจักรวาลและความลึกลับที่ซ่อนเร้นอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอานุภาพ?

?เจ้าจงรู้ว่า ทุกสรรพสิ่งสร้างสรรค์คือสัญลักษณ์ของการเปิดเผยธรรมของพระผู้เป็นเจ้า ?แต่ละสิ่งคือเครื่องหมายของพระผู้ทรงอานุภาพ ซึ่งจะเป็นไปตามความสามารถ และจะคงดำรงอยู่ตลอดไป ??เนื่องจากพระองค์ พระผู้เป็นนายสูงสุดได้ทรงเผยให้เห็นอธิปไตยของพระองค์ในอาณาจักรแห่งนามและคุณลักษณะทั้งหลาย ?สิ่งสร้างสรรค์แต่ละสิ่งเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของความรุ่งโรจน์ของพระองค์โดยปฏิบัติการแห่งพระประสงค์ของพระองค์ การเปิดเผยนี้จึงแพร่กระจายไปทั่วจนไม่มีสิ่งใดเลยในจักรวาลที่จะพบว่าไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความงดงามของพระองค์? ??

?การบรรลุถึงการนำทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขึ้นอยู่กับความรู้และสติปัญญา และได้รับรู้ถึงความเร้นลับแห่งพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ ??เพราะฉะนั้นผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ชายหรือหญิง ทุกคนตามความสามารถของตัวเองต้องพยายามให้ได้มาซึ่งความรู้ในสาขาต่างๆ และเพิ่มความเข้าใจในความลี้ลับของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ และเพิ่มทักษะของเขาในการเรียบเรียงนำเสนอข้อพิสูจน์และหลักฐานแห่งสวรรค์?

?ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ที่ในวัฏจักรใหม่นี้ การเตือนสติของพระบาฮาอุลลาห์ในเรื่องการค้นหาความจริง ?มนุษย์ต้องให้น้ำหนักคำถามที่เกี่ยวกับศาสนาในส่วนสัดที่สมดุลกับวิทยาศาสตร์และเหตุผล พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานสติปัญญาที่มีเหตุผลแก่เราเพื่อวัตถุประสงค์นี้ ?เพื่อให้มองทะลุเห็นทุกสรรพสิ่ง เพื่อให้ค้นหาความจริง หากใครละทิ้งความมีเหตุผล แล้วจะเหลืออะไรอีกเล่า? คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์หรือ? เราจะเข้าใจพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร และจะมีประโยชน์อันใดที่เราจะยอมรับพระบัญญัติโดยขาดดุลยพินิจของเหตุผล ? ?

?ดูกร ภราดร แท้จริงแล้ว หากเราพิจารณาสิ่งสร้างสรรค์แต่ละสิ่งแล้ว ?เราก็จะเห็นความรอบรู้ที่แท้จริงมากมายมหาศาลและเรียนรู้ความจริงใหม่ๆ ที่น่าอัศจรรย์มากมายนับไม่ถ้วน ?

?แม้การได้มาซึ่งวิทยาศาสตร์และศิลปะจะเป็นความรุ่งโรจน์ที่สุดของมนุษย์ชาติ ?แต่นี้เป็นเพียงเงื่อนไขเดียวที่มนุษย์ไหลลงสู่ทะเลอันยิ่งใหญ่ และที่ไหลมาจากแหล่งบันดาลใจโบราณกาลของพระผู้เป็นเจ้า ?คุณครูทุกคนก็เปรียบเสมือนมหาสมุทรที่ไร้ฝั่ง เมื่อมหาสมุทรนี้ไหลผ่าน นักเรียนก็จะเป็นน้ำพุที่ล้นหลามไปด้วยความรู้ หากการแสวงหาความรู้นำไปสู่ความงามของพระผู้ทรงเป็นจุดหมายของความรู้ทั้งปวงแล้วเป้าหมายจะเลิศเลอเพียงใด ?แต่หากไม่แล้ว การได้มาซึ่งความรู้ก็จะเป็นความหยิ่งยโสและความทะนงตน บางทีหยดน้ำเล็กๆ เพียงหยดเดียวก็จะปิดกั้นมนุษย์จากการไหลบ่าของความงดงาม แล้วก่อใหเกิดความผิดพลาด และเมินเฉยต่อพระผู้เป็นเจ้า?

?ความคิดที่ชอบศึกษาค้นคว้านั้นมีความเอาใจใส่ มีชีวิตชีวา ?ส่วนความคิดที่เฉยเมย ไม่ยินดียินร้ายนั้นก็จะไม่รับฟัง และตายด้าน ?

?แท้จริงแล้ว พวกเรารักผู้ที่มีความรู้ ผู้ซึ่งนำไปสู่การจุดสิ่งต่างๆ ให้สว่างไสวเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ?และพวกเราจะช่วยคนเหล่านั้นด้วยพลังอำนาจแห่งบัญชาของพวกเรา เพื่อที่พวกเราสามารถจะบรรลุถึงจุดประสงค์ของเรา?

?ขณะที่เด็กยังอยู่ในวัยทารก จงให้อาหารพวกเขาจากอกแห่งกรุณาสวรรค์ ?เลี้ยงดูพวกเขาในเปลแห่งความดีเลิศทั้งปวง เลี้ยงพวกเขาในอ้อมกอดแห่งความอารี ?ให้พวกเขาได้รับอานิสงส์จากความรู้ที่เป็นประโยชน์ทุกชนิด ให้พวกเขามีส่วนร่วมในงานศิลปะ หัตถกรรมใหม่ๆ ?ที่เลิศล้ำและน่าพิศวง สอนให้พวกเขาทำงาน มีความพยายาม และให้พวกเขาเคยชินกับความยากลำบาก สอนพวกเขาให้อุทิศชีวิตต่อสิ่งที่เป็นสาระสำคัญกว่า และสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขายอมศึกษาสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ?

?ความรู้ทุกประเภท วิทยาศาสตร์ทุกแขนงเปรียบเสมือนดังพฤกษา หากผลของมันเป็นที่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้าก็จะเป็นพฤกษาที่ได้รับการยกย่อง แต่หากไม่แล้ว พฤกษาต้นนั้นก็จะถูกนำไปตากแห้ง และเหมาะแก่การทำฟืนเท่านั้น?

?แสงสว่างเป็นสิ่งที่ดีไม่ว่ามันกำลังสว่างอยู่ในตะเกียงอันไหนก็ตาม ?ดอกกุหลาบมีความสวยงามไม่ว่ามันจะบานอยู่ในสวนใดก็ตาม ดวงดาวมีความสว่างที่เหมือนๆ กันไม่ว่ามันจะจรัสแสงมาจากทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก ??อย่าได้มีอคติเพื่อที่เจ้าจะรักดวงอาทิตย์แห่งสัจธรรมไม่ว่าดวงอาทิตย์นั้นจะขึ้นจากจุดใดของขอบฟ้า ?

?หากคนห้าคนมาพบกันเพื่อค้นหาความจริง พวกเขาจะต้องเริ่มทำตัวเองให้เป็นอิสระจากทุกสภาวะเจาะจงของตนเองและละทิ้งความคิดต่างๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ เพื่อจะค้นหาความจริง เราจะต้องละทิ้งอคติ ความนึกคิดที่ไร้สาระหยุมหยิมออกไป การเปิดใจให้กว้างเป็นสิ่งสำคัญ หากถ้วยดื่มของเราเต็มไปด้วยอัตตา ก็จะไม่มีที่ว่างให้กับน้ำแห่งชีวิต??

?จุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าในการสร้างมนุษย์และจะสร้างต่อไปก็เพื่อให้มนุษย์รู้จักพระผู้สร้างสรรค์ของเขา และเพื่อจะได้ไปถึง ณ ที่ประทับของพระองค์?

?จงเพียรพยายามทุกวิถีทางที่จะได้มาซึ่งสาขาวิชาความรู้ต่างๆ และความเข้าใจที่แท้จริง จงพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อจะประสบความสำเร็จทั้งทางด้านวัตถุและทางธรรม?

?เขาต้องค้นคว้าหาความจริงอย่างสุดความสามารถและพยายามอย่างที่สุด พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำทางเขาให้อยู่ในหนทางแห่งความโปรดปรานของพระองค์และในวิถีแห่งความเมตตาปรานีของพระองค์?

?ดังนั้น ด้วยมนุษยชาติที่ประกอบด้วยผู้คนจำนวนมาก ?กฎแห่งการดึงดูด การประสานเป็นหนึ่งเดียวอันน่าพิศวงที่ยึดเหนี่ยวสรรพสิ่งสร้างสรรค์มหัศจรรย์นี้เข้าไว้ด้วยกัน?ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน ดอกไม้ หรือร่างกายมนุษย์ ?เมื่อใดที่กฎแห่งการดึงดูดถูกแยกออกจากกัน ?ดอกไม้นั้นหรือมนุษย์ผู้นั้นก็จะตาย ดังนั้นจึงชัดเจนว่า การดึงดูดเข้าหากัน ความปรองดองกลมเกลียว ความสามัคคีและความรัก เป็นเหตุแห่งชีวิต ในขณะที่การผลักออกจากกัน การขัดแย้งกัน การเกลียดชังกันและการแบ่งแยกกันจะนำไปสู่ความตาย?

?ความหลากหลายความแตกต่างกันในครอบครัวมนุษย์ ควรเป็นเหตุแห่งความรักและความปรองดองกัน ดังในดนตรี ที่ซึ่งเครื่องหมายกำหนดเสียงดนตรีที่ไม่เหมือนกันหลายๆ เครื่อง หมาย ผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อทำให้เกิดเสียงประสานที่สมบูรณ์แบบ ?หากเจ้าได้พบปะผู้คน ที่มีเชื้อชาติและสีผิวที่ต่างไปจากเจ้า ก็อย่าได้ไม่ไว้ใจพวกเขาแล้วถอยตัวเข้าสู่กรอบแห่งประเพณีนิยมของเจ้า แต่จงปีติยินดีแล้วแสดงความเมตตาแก่พวกเขา ให้คิดว่าพวกเขาเป็นเสมือนดอกกุหลาบหลายๆ ชนิดที่เจริญงอกงามอยู่ในสวนแห่งมนุษยชาติที่สวยงาม และจงชื่นชมยินดีที่ได้อยู่ท่ามกลางพวกเขา?

?จงพิจารณาเหล่าดอกไม้ของสวนแห่งหนึ่ง : แม้จะแตกต่างกันในชนิด สี รูปทรงและลักษณะ ?แต่ด้วยเหตุที่ดอกไม้เหล่านั้นถูกทำให้สดชื่นขึ้นด้วยน้ำจากแหล่งน้ำพุเดียวกัน มีชีวิตชีวาด้วยลมหายใจแห่งสายลมเดียวกัน กระปรี้กระเปร่าด้วยรังสีแห่งดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน ?ความหลากหลายนี้จะช่วยเพิ่มเสน่ห์และเสริมความสวยงามให้แก่ดอกไม้เหล่านั้น ดังนั้นผลที่ได้จากพลังแห่งการรวมตัวกัน เป็นอิทธิพลที่เข้าแทรกซึมจากพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ความแตกต่างแห่งขนบประเพณี ความประพฤติ ?นิสัย แนวคิด ความคิดเห็น และอารมณ์ช่วยเสริมแต่งโลกแห่งมนุษยชาติ ความหลากหลาย ลักษณะที่ต่างกันนี้เหมือนกับร่างกายของมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยธรรมชาติประกอบด้วยแขนขาและอวัยวะที่มีความแตกต่างและหลากหลายเพื่อที่ว่าแต่ละส่วนจะช่วยเสริมความงาม ?ประสิทธิภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายโดยรวม?

?ปัญหาที่สำคัญที่สุดที่ต้องได้รับการแก้ไขก็คือ โลกปัจจุบันที่ฝังแน่นไปด้วยรูปแบบของความขัดแย้งนี้จะสามารถเปลี่ยนไปสู่โลกที่ซึ่งความปรองดองและความร่วมมือกันจะมีอำนาจเหนือกว่าได้อย่างไร

ระเบียบโลกสามารถก่อตั้งขึ้นได้ด้วยจิตสำนึกของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษยชาติที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้เท่านั้น ซึ่งเป็นความจริงทางจิตวิญญาณที่ศาสตร์ต่างๆ ของมนุษย์ให้การรับรอง …. การรับทราบถึงความจริงข้อนี้ต้องละทิ้งความมีอคติ ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเชื้อชาติ วรรณะ สีผิว ?ลัทธิความเชื่อ ประเทศชาติ เพศ ระดับของความเจริญทางวัตถุ ทุกอย่างที่สามารถทำให้ผู้คนคิดว่าตนเองนั้นเหนือกว่าผู้อื่น

การยอมรับในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษย์ชาติเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานแรกในการปรับปรุงและการบริหารจัดการโลกให้เป็นประเทศเดียว ?เป็นบ้านแห่งมนุษยชาติ การยอมรับอันเป็นสากลในหลักธรรมข้อนี้มีความสำคัญต่อความสำเร็จในความพยายามสถาปนาสันติภาพโลก?

?ที่แน่ๆ คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการที่จะบรรลุความเจริญก้าวหน้าและความรุ่งโรจน์ของมนุษย์ ?สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในการให้ความรู้ความเข้าใจและการกอบกู้โลกก็คือความรัก มิตรภาพ และความสามัคคีกันในหมู่สมาชิกทุกเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากปราศจากความสามัคคีและการยินยอมพร้อมใจกันแล้ว … ?ไม่มีสิ่งใดจะสำเร็จลุล่วงไปได้ในโลก ไม่แม้แต่จะนึก?

?เป็นที่ชัดเจนว่า สิ่งสร้างสรรค์ทุกสิ่งนั้นเชื่อมโยงกันและกันโดยการเชื่อมโยงกันที่บริบูรณ์และสมบูรณ์แบบ ?ยกตัวอย่างเช่น อวัยวะต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ ให้สังเกตดูว่าอวัยวะและส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกายมนุษย์นั้นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันและกันได้อย่างไร ?เช่นเดียวกัน ทุกอย่างของจักรวาลที่ไม่สิ้นสุดนี้จะเชื่อมโยงกันและกัน ยกตัวอย่างเช่น เท้ากับการย่างก้าว ก็จะเชื่อมโยงไปที่หูและตา ตาจะต้องมองไปข้างหน้าก่อนที่จะก้าวเท้า ?หูก็จะต้องฟังก่อนที่ตาจะสังเกตดูอย่างรอบคอบ และอวัยวะใดของร่างกายมนุษย์บกพร่อง ก็จะทำให้อวัยวะอื่นๆ บกพร่อง สมองเชื่อมโยงกับหัวใจกับกระเพาะอาหาร ปอดเชื่อมโยงกับทุกส่วนของอวัยวะ เช่นเดียวกันกับอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย?

?ดังนั้น พวกเราจะต้องเลียนแบบท่าทีของพระผู้เป็นเจ้า ?จงรักคนทุกคน จงมีความยุติธรรมและเมตตาต่อมนุษย์ทุกคน?

?แสงของมนุษย์คือความยุติธรรม ?อย่าได้ดับแสงนั้นด้วยสายลมแห่งความกดขี่และการปกครองแบบเผด็จการ ??วัตถุประสงค์ของความยุติธรรมคือ การปรากฏให้เห็นถึงความสามัคคีในหมู่ประชาชน?

?สิ่งสร้างสรรค์แห่งการดำรงอยู่บางอย่างสามารถอยู่ได้โดยลำพัง ตัวอย่างเช่น ต้นไม้อาจมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือและความร่วมมือจากต้นไม้ต้นอื่น ?สัตว์บางชนิดแยกตัวอยู่ตามลำพังและก่อให้เกิดการดำรงอยู่ต่างหากจากกลุ่มของมัน แต่นี้เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ ในชีวิตของมนุษย์ ความร่วมมือกันและการคบหาสมาคมเป็นสิ่งจำเป็น ?ด้วยการคบหาสมาคมกันและการพบปะกัน เราจะพบกับความสุข และการพัฒนาทั้งส่วนตนและส่วนรวม?

?ความจำเป็นสูงสุดของมนุษยชาติคือการร่วมมือกันและแลกเปลี่ยนประโยชน์ซึ่งกันและกัน ?ยิ่งความผูกพันแห่งมิตรภาพและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่มนุษย์แน่นแฟ้นมากขึ้นเท่าใด พลังแห่งการสร้างสรรค์และความสำเร็จในทุกระดับของกิจกรรมของมนุษย์ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น?

?ดูกร สหายอันเป็นที่รักของเรา ?ด้วยเหตุนี้ จงคบหากับประชาชนทุกคน ญาติพี่น้อง และศาสนาต่างๆ ในโลกด้วยความจริงใจ ?ซื่อตรง ศรัทธา เมตตา ไมตรีจิตและมิตรภาพอย่างที่สุด เพื่อว่าทุกชีวิตในโลกจะเปี่ยมไปด้วยความปลาบปลื้มยินดีแห่งความงดงามอันศักดิ์สิทธิ์แห่งบาฮา ?เพื่อที่ความเขลา ความเป็นศัตรูกัน ความชิงชัง ความเคียดแค้นจะได้อันตรธารไปจากโลก แล้วความมืดมนและความบาดหมางท่ามกลางประชาชน และญาติพี่น้องของคนในโลกจะพ่ายแพ้ต่อแสงแห่งความสามัคคี?

?ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ?พระผู้เป็นเจ้า โปรดบันดาลให้เราเป็นคลื่นในทะเลเดียวกัน ?เป็นดอกไม้ในสวนเดียวกัน สามัคคีและเห็นพ้องกันด้วยพระพรแห่งความรักของพระองค์ ?ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ขอสัญลักษณ์แห่งความเป็นหนึ่งของพระองค์ทำให้หัวใจทั้งหลายเบิกบาน ?ขอทรงทำให้มวลมนุษยชาติเป็นประหนึ่งดาราที่เรืองแสงมาจากยอดแห่งความรุ่งโรจน์เดียวกัน เป็นประหนึ่งผลไม้ที่หอมหวานที่งอกมาจากพฤกษาแห่งชีวิตของพระองค์?แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ พระผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยตนเอง ?พระผู้ให้ พระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้สร้างพระผู้เป็นหนึ่ง”

?แสงแห่งความสามัคคีนั้นมีอานุภาพมากจนสามารถส่องทั่วพิภพให้สว่างไสว?

?เราขอร้องพระผู้เป็นเจ้าให้ทรงประสิทธ์ประสาทความยุติธรรมแก่จิตวิญญาณของมนุษย์ เพื่อว่าพวกเขาจะเป็นผู้ที่มีความยุติธรรม และจะเพียรพยายามจัดหาเพื่อความสุขสบายของทุกคน …..?

?ความต้องการสูงสุดของมนุษยชาติคือ ความร่วมมือกันและการพึ่งพาอาศัยกัน?

?ดูกร บุตรแห่งความอารี ?เราเนรมิตเจ้าขึ้นมาจากศูนยภาพอันว่างเปล่าด้วยมัตติกา(ดินเหนียว)แห่งบัญชาของเรา ?ทุกอะตอมและสาระของทุกสรรพสิ่ง เราเตรียมไว้ให้สำหรับการฝึกสอนเจ้า ดังนี้ก่อนที่เจ้าจะคลอดจากครรภ์มารดา ?เราได้เตรียมต่อมน้ำนมไว้สำหรับเจ้า ดวงตาที่จะดูแลเจ้า และหัวใจที่จะรักเจ้า เราเลี้ยงดูเจ้าอย่างเมตตารักใคร่ภายใต้ร่มเงาแห่งความปรานีของเราและปกป้องเจ้าด้วยความกรุณา ?เจตนาของเราในทั้งหมดนี้คือ เพื่อให้เจ้าไปถึงอาณาจักรนิรันดร์ของเราและคู่ควรกับของขวัญที่มองไม่เห็นของเรา?

? …. แท้จริงแล้ว พระผู้เป็นนายของเจ้าทรงทำให้เจ้ายินดียิ่งกว่าสิ่งของวัตถุใดๆ ในโลก พระองค์ทรงเป็นมิตรที่ดีที่สุด และทรงเป็นสหายที่จะร่วมเดินทางไปกับเจ้าภายใต้ทุกสภาวะ?

?โลกนี้เป็นเพียงละคร ไร้สาระ และว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย ที่ดูคล้ายความเป็นจริง ?อย่าได้มีความรักกับมัน จงอย่าทำลายสายใยที่เจ้ามีต่อพระผู้สร้างของเจ้า และอย่าเป็นผู้ที่ผิดพลาดและหลงทางไปจากวิถีของพระองค์”

?พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานหัวใจให้แก่มนุษย์ และหัวใจนั้นจะต้องมีบางสิ่งแนบติดไปด้วย ?เราได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีสิ่งใดที่ควรค่าที่สุดต่อความจงรักภักดีของหัวใจนอกจากความจริง เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างถูกลิขิตให้แตกดับ ?ดังนั้น หัวใจจึงไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยพบกับความสุขหรรษาที่แท้จริงจนกว่าหัวใจดวงนั้นจะผูกพันตัวมันเองกับสิ่งที่เป็นชั่วนิรันดร์ วิหกช่างโง่เขลาเพียงไรที่สร้างรังของมันบนต้นไม้ที่อาจแตกหักได้ในเมื่อมันสามารถสร้างรังของมันบนต้นไม้ที่เขียวขจีในอุทยานแห่งสวรรค์ได้?

?หากหัวใจดวงนั้นหันหนีไปจากพระพรที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้แล้วจะหวังความสุขได้อย่างไร? ?หากไม่ตั้งความหวังและไว้วางใจในความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว จะพบความนิ่งสงบได้ที่ใด จงวางใจในพระผู้เป็นเจ้า เพราะความโปรดปรานของพระองค์เป็นนิรันดร์ และจงวางใจในพระพรของพระองค์ เพราะพระพรนั้นล้ำเลิศ ?จงศรัทธาในพระผู้ทรงอานุภาพ เพราะพระองค์ไม่เคยผิดพลาดและความดีงามของพระองค์ยืนยงตลอดกาล ดวงอาทิตย์ของพระองค์ทรงประทานแสงอย่างไม่ขาดสาย และเมฆแห่งความเมตตาของพระองค์เปี่ยมไปด้วยสายธารแห่งความเห็นอกเห็นใจที่พระองค์ทรงรดน้ำหัวใจของทุกคนที่ไว้วางใจในพระองค์ ?ภายใต้ปีกแห่งสายลมสดชื่นของพระองค์นำการเยียวยาให้กับจิตวิญญาณที่แห้งผากของมนุษย์ตลอดไป?

?จงมอบความไว้วางใจทั้งหมดของเจ้าในพระผู้เป็นนายของเจ้าในทุกสถานการณ์ และตรึงสายตาของเจ้าไปยังพระองค์แล้วหันหน้าจากทุกคนที่ปฏิเสธความจริงของพระองค์ ?ขอพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นนายของเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเหลือที่เพียงพอของเจ้า?

?จงเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า ?จงไว้วางใจในพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ และระลึกถึงพระองค์ตลอดไป ?แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงเปลี่ยนความยุ่งยากลำบากเป็นความสบายไร้กังวล เปลี่ยนความเศร้าโศกเป็นการปลอบประโลมใจ ?เปลี่ยนความเหนื่อยยากเป็นความสงบสุขที่สุด แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงปกครองทุกสรรพสิ่ง?

?หากเจ้าฟังวจนะของเรา จงปลดปล่อยตัวเจ้าเองออกจากอุปสรรคของทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา ??ภายใต้ทุกสภาวะให้ขอบคุณพระผู้เป็นนายผู้เป็นที่รักของเจ้า และจงมอบกิจการงานของเจ้าแด่พระประสงค์ของพระองค์ที่ทำให้พระองค์ทรงโปรดปราน ?แท้จริงแล้ว นี้จะดีสำหรับเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทั้งปวงในภพทั้งสอง?

?อย่าได้มองที่ความอ่อนแอและความไร้อำนาจของเจ้า แต่มองที่อำนาจของพระผู้เป็นนายของเจ้าที่ห้อมล้อมอยู่ทุกดินแดน?

?ในทุกกิจการงานของเจ้า จงเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า และมอบกิจการเหล่านั้นแด่พระองค์?

?อย่าให้มือของเจ้าสั่นไหวและหัวใจของเจ้าถูกรบกวน แต่จงมีความมั่นใจและมั่นคงอยู่ในความรักของพระผู้เป็นนายของเจ้า ?พระผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงกรุณา?

?จงมีความหวังในความเมตตาของพระผู้เป็นนายแห่งการสร้างสรรค์ ?กรุณาธิคุณของพระองค์นั้นมากมายสุดจะคณนา และทะเลแห่งของขวัญของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด?

?แหล่งความดีงามทั้งปวงคือความไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า ?จงยอมจำนนต่อบัญชาของพระองค์ พอใจและยินดีกับพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์?

? …. ไม่มีความพึงพอใจใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการเป็นบ่อเกิดของความสุขหรรษาแก่หัวใจ?

?พระอับดุลบาฮาไม่ทรงปรารถนาที่จะเห็นผู้ใดได้รับความเจ็บปวด ?พระองค์จะไม่ทรงทำให้ผู้ใดเสียใจ เพราะมนุษย์ไม่อาจได้รับของขวัญใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้ ?ที่เขาทำให้หัวใจของผู้อื่นปีติยินดี เราขอวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าว่าเจ้าจะเป็นผู้นำความสุขหรรษา ประหนึ่งเป็นเทพธิดาในสรวงสวรรค์?

?จงแสดงความอดทนอดกลั้น ความเมตตากรุณาและความรักต่อกัน?

?จงปฏิบัติต่อมิตรสหายและญาติพี่น้องทั่วไปของเจ้าด้วยความเมตตารักใคร่อย่างที่สุด?

?ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ?ข้าพเจ้ามาหาพระองค์เพื่อขอที่พักพิง และใฝ่ใจในสัญลักษณ์ทั้งปวงของพระองค์ ?ข้าแต่พระผู้เป็นนาย ไม่ว่ากำลังเดินทางหรืออยู่ที่บ้าน ในอาชีพหรือการงาน ข้าพเจ้าฝากความหวังทั้งหมดไว้กับพระองค์ ?โปรดประทานความช่วยเหลือที่จะทำให้ข้าพเจ้าไม่ต้องขึ้นกับสิ่งใด ข้าแต่พระผู้ซึ่งความปรานีของพระองค์ไม่มีใครเหนือกว่า ?ข้าแต่พระผู้เป็นนาย โปรดประทานให้แก่ข้าพเจ้าเท่าที่พระองค์ปรารถนา และโปรดดลให้ข้าพเจ้าพอใจกับสิ่งใดก็ตามที่พระองค์บัญญัติไว้สำหรับข้าพเจ้า ?พระองค์ทรงอำนาจในการบัญชาโดยสมบูรณ์”

?ดูกร ประชาชนของพระผู้เป็นเจ้า ?จงโน้มเอียงหัวใจของเจ้าไปยังคำแนะนำของพระผู้เป็นมิตรที่แท้จริง อันหาที่เปรียบมิได้ของเจ้า?

?ดูกร ผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นนาย ?ไม่กระทำการใดที่ทำให้สารธารแห่งความรักอันใสกระจ่างต้องมัวหมอง หรือทำลายเสาวคนธ์แห่งมิตรภาพ?

? …. เจ้าจงเพียรพยายามด้วยกำลังทั้งหมดในการสร้างสรรค์ความรักแท้ ?ก่อให้เกิดการสนทนาทางธรรม และสร้างความผูกพันที่ยั่งยืนในหมู่ผู้คน โดยผ่านทางอำนาจแห่งพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า?

?หากเจ้าแสวงหาความรุ่งโรจน์นิรันดร์ ขอให้เจ้ามีความถ่อมตนและศิโรราบต่อหน้าพระพักตร์ของพระผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า ให้เจ้าเป็นผู้รับใช้ของทุกคน และรับใช้ทุกคนเหมือนๆ กัน ?การรับใช้มิตรสหายเป็นของพระผู้เป็นเจ้า มิใช่ของพวกเขา จงเพียรพยายามที่จะเป็นบ่อเกิดของความปรองดอง คุณธรรม และความปีติยินดีแก่หัวใจของมิตรสหายและบริจาริกาของพระผู้ทรงเมตตาปรานี ?นี้คือเหตุแห่งความพึงพอใจแก่พระอับดุลบาฮา?

?ความต้องการและความปรารถนาอันสูงสุดของเราคือ การที่เจ้าผู้ซึ่งเป็นบุตรหลานของเราได้รับการศึกษาตามคำสอนของพระบาฮาอุลลาห์ ?และได้รับการฝึกฝนแบบบาไฮ เพื่อที่เจ้าแต่ละคนจะกลายเป็นเทียนที่สว่างไสวในโลกมนุษย์ อุทิศตนรับใช้มนุษย์ทั้งมวล ยอมสละการพักผ่อนและความสะดวกสบายเพื่อให้เจ้าเป็นเหตุของความสงบสุขในโลกแห่งการสร้างสรรค์นี้?

?ความไม่ผูกพันที่แท้จริงและการรับใช้อย่างไม่เห็นแก่ตัวควรเป็นแรงจูงใจเดียวเท่านั้น ของศาสนิกชนที่แท้จริง?

?เจ้าจงคิดถึงการรับใช้ต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคนตลอดเวลา?

?ความปรารถนาสูงสุดของเจ้าคือการมอบความสุขให้แก่กันและกัน แต่ละคนต้องเป็นผู้รับใช้ซึ่งกันและกัน ?คิดถึงความสะดวกสบายและสวัสดิภาพของกันและกัน ในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า เขาจะต้องลืมตัวเองโดยสิ้นเชิง ?เขาจะต้องไม่คิดถึงแต่ความสุขสบายของตนเองแต่ต้องคิดแสวงหาความสุขสบายของผู้อื่น?

?มนุษย์จะดีเลิศและมีเกียรติเพียงใด หากเขาลุกขึ้นเพื่อทำให้บรรลุความรับผิดชอบของตน ?เขาจะร้ายกาจและน่าตำหนิเพียงใดหากเขาปิดตาของตนจากความปลอดภัยของสังคม และหมดเปลืองชีวิตอันมีค่าของเขาไปกับการดำเนินตามความสนใจที่เห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ส่วนตัวของตน ?หากเขาเร่งความพยายามของเขาอย่างเต็มที่ในสนามอารยธรรมและความยุติธรรมแล้ว ความสุขสุดยอดก็จะเป็นของมนุษย์ผู้นั้น และเขาจะได้เห็นสัญลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้าในโลกนี้และในจิตวิญญาณของมนุษย์?

?อีกครั้ง มีการกระทำใดอีกหรือในโลกนี้ที่จะประเสริฐไปยิ่งกว่าการรับใช้ต่อประโยชน์ส่วนรวม? ?มีพรใดอื่นอีกหรือที่เป็นไปได้ให้แก่มนุษย์ที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่เขาเป็นเหตุให้เกิดความรู้ ?ความเจริญก้าวหน้า ความรุ่งเรืองเฟื่องฟูและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของเขา??

?หากมนุษย์เปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติที่ดีงามทั้งหมด ?แต่หากมีความเห็นแก่ตัวแล้ว คุณธรรมอื่นๆ ทั้งปวงก็จะค่อยๆ หาย และหมดไป ?สุดท้ายเขาก็จะเลวร้ายลง?

?ลักษณะเฉพาะของสรรพสิ่งสร้างสรรค์แต่ละชนิดนั้นมีพื้นฐานอยู่บนความสุขุมรอบคอบแห่งสวรรค์ ?เพราะไม่มีความบกพร่องอยู่ในการสร้างสรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า อย่างไรก็ตาม บุคลิกภาพนั้นไม่มีองค์ประกอบของความถาวรอยู่ ?บุคลิกภาพเป็นคุณลักษณะในมนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยซึ่งอาจจะถูกกำหนดทิศทางให้ไปในทางใดก็ได้ เพราะถ้าหากเขาได้มาซึ่งคุณธรรมอันน่าสรรเสริญทั้งหลาย ?คุณธรรมเหล่านี้ก็จะยิ่งสนับสนุนบุคลิกลักษณะของมนุษย์และดึงเอาพลังที่ซ่อนเร้นทั้งหลายของเขาออกมา แต่ถ้าเขาได้มาซึ่งข้อบกพร่องต่างๆ ความงดงามและความเรียบง่ายของบุคลิกลักษณะก็จะสูญหายไปจากเขา และคุณลักษณะทั้งหลายที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานมาก็จะถูกกลบอยู่ในบรรยากาศอันเน่าเหม็นของอัตตา?

?จงพยายามด้วยตัวของเจ้าเองเท่าที่จะทำได้ ??โดยความอารีอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและการหลั่งของก้อนเมฆแห่งพรสวรรค์ ?เพื่อที่เจ้าอาจเติบโตและงอกงามดังเช่นพฤกษาที่ให้ผลอันสดใหม่และบริสุทธิ์ที่สุด?

?การรับใช้คือแม่เหล็กที่ดึงการรับรองแห่งสวรรค์ ดังนั้นเมื่อผู้ใดมีความกระตือรือร้น ?เขาก็จะได้รับพระพรจากพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เมื่อใดที่เขาเฉื่อยชาไม่ทำอะไร พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจหาที่รองรับในชีวิตของเขาได้ ?และดังนั้นเขาจึงถูกพรากจากความสุขสมบูรณ์และแสงแห่งความมีชีวิตชีวา?

?วันทั้งหลายที่การบูชาอันไร้ประโยชน์ได้รับการพิจารณาว่าเป็นสิ่งเพียงพอได้สิ้นสุดลงแล้ว ?เวลามาถึงแล้ว คือเวลาที่ไม่มีสิ่งใดนอกจากเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งได้รับการหนุนด้วยการกระทำอันบริสุทธิ์ปราศจากความด่างพร้อยเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นไปสู่บัลลังก์ของพระผู้ทรงความสูงส่งที่สุด และเป็นที่ยอมรับของพระองค์?

?ดูกร เจ้าผู้เป็นคนรักของพระผู้เป็นเจ้า จงเมตตาต่อคนทุกคน ?ดูแลเอาใจใส่ต่อทุกคน เจ้าสามารถทำทุกสิ่งที่จะทำให้หัวใจและความคิดของมนุษย์บริสุทธิ์ ?ให้เจ้าพยายามที่จะทำให้จิตวิญญาณทุกดวงมีความปีติยินดี จงเป็นดังเสาวคนธ์แก่ความรู้สึกของมนุษย์ ?เป็นดังสายฝนแห่งความการุณาให้แก่ทุกทุ่งหญ้า ?เป็นน้ำแห่งชีวิตให้แก่พฤกษาทุกต้น ?และเป็นดังความสดใส สายลมแห่งการฟื้นฟูให้แก่ผู้เจ็บป่วย จงเป็นสายธารแห่งความยินดีให้แก่ผู้กระหายทุกคน ?เป็นผู้นำทางที่สุขุมรอบคอบแก่ผู้ที่หลงทางทุกคน ?จงเป็นบิดามารดาให้แก่เด็กกำพร้า จงเป็นบุตรชายหญิงที่น่ารักแก่ผู้สูงวัย ?เป็นทรัพย์สมบัติมหาศาลแก่ผู้ยากไร้?

?ที่แท้แล้ว ผู้นั้นก็คือมนุษย์ผู้ซึ่งในทุกวันนี้ได้อุทิศตนเองให้กับการรับใช้ต่อมนุษยชาติทั้งมวล?

?อย่าได้เสียเวลาของเจ้าไปกับการอยู่เฉยและเฉื่อยชา ??จงใช้เวลาของเจ้าไปในสิ่งซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้าเองและผู้อื่น?

?เป็นหน้าที่ของเจ้าทุกคนที่จะต้องประกอบอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น งานหัตถกรรม ?ค้าขาย หรืออะไรที่ชอบ เราขอยกย่องการผูกมัดตนในงานดังกล่าวของเจ้าในฐานะของการปฏิบัติบูชาต่อพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงพระองค์เดียว?

?ดังนั้น การปรึกษาหารือที่แท้จริงคือการชุมนุมทางจิตวิญญาณในท่าทีและบรรยากาศแห่งความรัก?

?จุดประสงค์ของการปรึกษาหารือคือเพื่อแสดงให้เห็นว่า ความคิดเห็นของคนหลายๆ คนนั้นย่อมดีกว่าความคิดเห็นของคนๆ เดียว แม้แต่กำลังของคนจำนวนหนึ่งแน่นอนย่อมมีพลังมากกว่ากำลังของคนๆ เดียว?

?เรื่องการปรึกษาหารือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดนำมาซึ่งความสงบและความสุขของประชาชน ?ตัวอย่างเช่น เมื่อศาสนิกชนคนหนึ่งไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับธุรกิจการงานของเขา หรือเมื่อเขาพยายามที่จะดำเนินโครงการหรือการค้าของเขาต่อไป ?เพื่อนๆ ควรมารวมกันแล้วคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้เขา ในส่วนของเขา เขาควรปฏิบัติตามนั้น เช่นเดียวกันกับเรื่องใหญ่ที่มีความสำคัญ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น หรือเกิดความยุ่งยากขึ้น ?ผู้ที่ฉลาดควรมารวมกัน ปรึกษากันและคิดหาทางแก้ ปัญหา พวกเขาควรพึ่งพาพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงพระองค์เดียว และยอมจำนนต่อการบริบาลของพระองค์สำหรับการรับรองแห่งสวรรค์ที่จะช่วยเหลืออย่างไม่ต้องสงสัยในหนทางใดก็ตาม ?ดังนั้น การปรึกษาหารือจึงเป็นกฎที่ชัดเจนกฎหนึ่งของพระผู้เป็นนายแห่งมนุษยชาติ?

?มนุษย์ต้องปรึกษากันในทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก เพื่อที่ว่าเขาอาจรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดี ?การปรึกษาหารือทำให้เขามีความเข้าใจลึกซึ้งในสิ่งต่างๆ และช่วยให้เขาสามารถค้นหาข้อมูลอย่างละเอียดในเรื่องที่เขาไม่รู้ ?แสงของความจริงก็จะฉายส่องมาจากใบหน้าของผู้ที่เข้าร่วมในการปรึกษาหารือ การปรึกษาหารือลักษณะนั้นเป็นเหตุให้สายธารแห่งชีวิตไหลลงสู่ทุ่งหญ้าแห่งความเป็นจริงของมนุษย์ ?แสงรัศมีแห่งความรุ่งโรจน์แต่โบราณก็จะส่องมายังเขา และพฤกษาแห่งชีวิตของเขาก็จะถูกประดับด้วยผลไม้ที่ดีเยี่ยม?

?การปรึกษาหารือให้การตระหนักรู้ยิ่งขึ้นและแปรเปลี่ยนการคาดเดาให้เป็นความเชื่อมั่น ?เป็นดวงประทีปที่สว่างไสวชี้นำทางในโลกแห่งความมืด สำหรับทุกสิ่งที่มีและจะยังคงเป็นสภาวะของการบรรลุถึงความสำเร็จและความสมบูรณ์ ?วุฒิภาวะแห่งของขวัญของความเข้าใจจะปรากฏให้เห็นชัดเจนได้ก็โดยการปรึกษาหารือ?

?หน้าที่แรกของกรรมการคือพวกเขาเองต้องมีความสามัคคีและปรองดองกัน ?เพื่อจะบรรลุผลลัพธ์ที่ดี?

?หากพวกเขาเห็นพ้องต้องกันในเรื่องหนึ่งเรื่องใด แม้ว่าจะไม่ถูกต้อง ก็ยังดีกว่าขัดแย้งกันแต่ถูกต้อง ?เพราะความคิดที่ไม่ตรงกันจะก่อให้เกิดการทำลายรากฐานแห่งสวรรค์ แม้ว่าหนึ่งในหลายๆ ฝ่ายอาจจะถูกต้องและที่เหลือไม่เห็นด้วยก็จะเป็นเหตุของความผิดพลาดนับพันครั้ง ?แต่หากพวกเขาเห็นพ้องต้องกันและทั้งสองฝ่ายไม่ถูกต้อง เนื่อง จากมีความสามัคคีกัน ความจริงก็จะปรากฏออกมาและความไม่ถูกต้องก็จะเปลี่ยนเป็นความถูกต้อง?

?สิ่งจำเป็นที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาที่มาปรึกษาร่วมกันคือ แรงจูงใจที่บริสุทธิ์ จิตใจที่ผ่องใส ?ละความผูกพันจากทุกสิ่งนอกจากพระผู้เป็นเจ้า ความดึงดูดในเสาวคนธ์แห่งสวรรค์ของพระองค์ ความนอบน้อมและถ่อมตนท่ามกลางผู้เป็นที่รักของพระองค์ ?ความอดทนและทนทุกข์ทรมานต่อความยากลำบากและการยอมจำนนต่อธรณีประตูอันสูงส่งของพระองค์ หากพวกเขาได้รับความช่วยเหลืออย่างกรุณาเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้แล้ว ?ชัยชนะจากอาณาจักรบาฮาที่ยังไม่เป็นที่เปิดเผยแก่สายตา ก็จะถูกนำมามอบให้แก่พวกเขาอย่างแน่นอน?

?พวกเขาต้องดำเนินการด้วยความอุทิศตน สุภาพอ่อนน้อม ?สง่างาม ระมัดระวัง อย่างที่สุดและมีความพอประมาณในการแสดงความคิดเห็นของพวกเขา ??พวกเขาต้องค้นหาความจริงในทุกเรื่องและไม่ยืนกรานในความคิดเห็นของตนเอง เพราะความดันทุรังและความดื้อรั้นในความคิดเห็นของตนในที่สุดจะนำไปสู่ความขัดแย้งและโต้เถียงกัน และความจริงจะยังคงซ่อนเร้น …. และไม่อนุญาตให้ใครดูถูกดูแคลนความคิดของผู้อื่น?

?หากประชาชนจำนวนไม่มากมารวมตัวกันอย่างรักใคร่ ?ด้วยความบริสุทธิ์และด้วยความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ?ด้วยหัวใจที่เป็นอิสระทางโลก การได้ประสบกับความรู้สึกต่างๆ ของอาณาจักร และพลังดึงดูดอันทรงอานุภาพแห่งสวรรค์ ?และเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในมิตรภาพอันเบิกบาน จนการรวมตัวกันนั้นจะส่งอิทธิพลไปทั่วพิภพ ลักษณะของกลุ่มคน ถ้อยคำที่เขาพูด ?การกระทำของเขาจะปลดปล่อยการประสิทธิ์ประสาทจากสวรรค์ และให้ลองลิ้มรสความสุขนิรันดร์ กองทัพแห่งหมู่มิตรสหายที่อยู่เบื้องบนจะปกป้องเขา ?และเหล่าเทพธิดาแห่งอาณาจักรอับภาจะลงมาช่วยเหลือเขาอย่างต่อเนื่อง ?

?ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเด็กเหล่านี้เป็นดั่งกิ่งของพฤกษาแห่งชีวิต ?ดั่งวิหกในทุ่งหญ้าแห่งความรอดพ้น ดั่งไข่มุกในมหาสมุทรแห่งความการุณย์ของพระองค์ ดั่งดอกกุหลาบในอุทยานแห่งการนำทางของพระองค์

ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ?พระผู้เป็นนายของเรา เราร้องเพลงสรรเสริญของพระองค์ ?เป็นพยานต่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และวิงวอนอย่างแรงกล้าต่อสวรรค์แห่งความปรานีของพระองค์ โปรดทำให้เราเป็นประทีปแห่งการนำทาง ?เป็นดาราที่ส่องแสงอยู่เหนือขอบฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์นิรันดร์ในหมู่มวลมนุษยชาติ และโปรดสอนความรู้ที่มาจากพระองค์ให้แก่เรา ยา บาฮา อูลอับภา!?

?เจ้าจงปรึกษาหารือกันในทุกเรื่อง ?เพราะการปรึกษาหารือเป็นตะเกียงแห่งการนำทางซึ่งจะนำไปสู่หนทาง ?และเป็นสิ่งประสาทความเข้าใจ ?

?จงกล่าวว่า ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถบรรลุถึงสถานะที่แท้จริงของเขาได้นอกจากด้วยความยุติธรรมของเขา ไม่มีพลังใดจะดำรงอยู่ได้นอกจากพลังความสามัคคี ไม่มีสวัสดิภาพใดและความผาสุกใดที่จะบรรลุได้นอกจากโดยการปรึกษาหารือกัน?

?พวกเขาต้องดำเนินด้วยความอุทิศตน สุภาพอ่อนน้อม ?สง่างาม ระมัดระวังอย่างที่สุดและมีความพอประมาณในการแสดงความคิดเห็นของพวกเขา?