?สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการขัดเงากระจกแห่งหัวใจเพื่อว่ากระจกเหล่านั้นจะสามารถสะท้อนแสงสว่างและเป็นผู้รับแสงแห่งสวรรค์ หัวใจดวงหนึ่งอาจครอบครองความสามารถของกระจกที่ได้รับการขัดเงาแล้ว อีกหัวใจหนึ่งอาจจะถูกปกคลุมและบดบังด้วยฝุ่นและขยะของโลกนี้ แม้ว่าอาทิตย์ดวงเดียวกันจะฉายแสงมายังกระจกทั้งสอง ในกระจกที่ได้รับการขัดเงาซึ่งบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์แล้วท่านอาจจะมองเห็นดวงอาทิตย์นั้นเปิดเผยซึ่งความสง่างามและรัศมีอย่างมีความรุ่งโรจน์และพลังอำนาจโดยสมบูรณ์ แต่ในกระจกที่เป็นสนิมและถูกบดบังนั้นไม่มีความสามารถในการส่องสะท้อนอยู่แม้ว่าดวงอาทิตย์จะยังคงส่องแสงต่อไปโดยที่ไม่ได้ลดแสงลงหรือถูกเคลื่อนไปก็ตาม ดังนั้น หน้าที่ของเราจึงอยู่ที่การแสวงหาที่จะขัดเงาให้แก่กระจกแห่งหัวใจของเรา เพื่อว่าเราจะกลายเป็นผู้ส่องสะท้อนแสงสว่างนั้นและเป็นผู้รับของขวัญจากสวรรค์ซึ่งจะสามารถถูกเปิดเผยออกอย่างเต็มที่ได้โดยผ่านกระจกเหล่านี้?
?คุณค่าของมนุษย์อยู่ที่การรับใช้และคุณธรรม มิใช่อยู่ที่การแสดงอันหรูหราถึงความมั่งคั่งและความร่ำรวย จงใส่ใจเพื่อว่าถ้อยคำของเจ้าจะได้รับการทำให้บริสุทธิ์จากความคิดฟุ้งซ่านอันไร้สาระและความปรารถนาทางโลก และการกระทำของเจ้าจะได้รับการชำระล้างจากความเจ้าเล่ห์และความสงสัย จงอย่าทำให้ความมั่งคั่งของชีวิตอันมีค่าของเจ้าหมดเปลืองไปในการแสวงหาความชอบในสิ่งที่ชั่วร้ายและทุจริต และจงอย่าใช้ความพยายามของเจ้าไปในการส่งเสริมผลประโยชน์ส่วนตนของเจ้าเอง?
?….ความสุขและความยิ่งใหญ่ ยศและสถานะ ความพึงพอใจและความสงบสุขของบุคคลนั้นไม่เคยอยู่ที่ความมั่งคั่งของเขา แต่อยู่ที่ลักษณะนิสัยอันดีเลิศ ความตั้งใจมั่นอันสูงส่ง ความกว้างขวางของการเรียนรู้ และความสามารถในการไขปัญหายากๆ ของเขา??
“ผู้ที่ได้รับการเลือกสรรจากพระผู้เป็นเจ้า……ไม่ควรมองดูที่สภาพอันชั่วช้าของสังคมที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่? และไม่ควรมองดูที่หลักฐานแห่งความเสื่อมถอยทางศีลธรรมและความประพฤติอันเหลาะแหละที่ผู้คนโดยรอบพวกเขาแสดงออกมา พวกเขาไม่ควรพึงพอใจในตนเองเพียงด้วยความโดดเด่นหรือความดีเลิศเมื่อเปรียบเทียบกับผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาควรเพ่งสายตาไปยังระดับความสูงที่ประเสริฐกว่าด้วยการนำเอาคำแนะนำและคำสั่งสอนของพระผู้ทรงเป็นปากกาอันรุ่งโรจน์มาเป็นเป้าหมายสูงสุดของตน ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วก็จะเป็นที่ตระหนักว่ามีหลายขั้นมากมายเพียงใดที่ยังไปไม่ถึงและเป้าหมายอันเป็นที่ปรารถนานั้นอยู่ห่างไกลออกไปเพียงใด ซึ่งเป้าหมายนั้นก็มิใช่อื่นใดนอกไปจากการเป็นตัวอย่างของจริยธรรมและคุณธรรมทั้งหลายแห่งสวรรค์”
?เพราะความรักของพระผู้เป็นเจ้าและการดึงดูดทางจิตวิญญาณนั้นชำระล้างและทำให้หัวใจของมนุษย์บริสุทธิ์ ตกแต่งและสวมใส่หัวใจนั้นด้วยเครื่องแต่งกายแห่งความศักดิ์สิทธิ์อันไร้มลทิน และเมื่อใดที่หัวใจนั้นผูกพันอยู่โดยสิ้นเชิงกับพระผู้เป็นนายและผูกมัดอยู่กับพระผู้ทรงความสมบูรณ์อันอุดมพรแล้ว เมื่อนั้นพระกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้าก็จะเป็นที่เปิดเผย
ความรักนี้มิใช่ความรักทางกายแต่เป็นความรักทางจิตวิญญาณโดยสมบูรณ์ และจิตวิญญาณทั้งหลายที่ชีวิตภายในได้รับการจุดให้สว่างขึ้นด้วยความรักของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นเสมือนดังรังสีของแสงสว่างที่แผ่กระจายออกไป และพวกเขาจะส่องแสงดังดวงดาวแห่งความศักดิ์สิทธิ์ในฟากฟ้าอันบริสุทธิ์และใสกระจ่าง เพราะความรักที่แท้จริงคือความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและความรักนี้ได้รับการทำให้ศักดิ์สิทธิ์เหนือความคิดอ่านและจินตนาการทั้งหลายของมนุษย์?
?ผู้ที่แสวงหาที่จะเป็นผู้ช่วยของพระผู้เป็นเจ้าในยุคนี้? ขอให้เขาปิดตาของตนจากสิ่งใดก็ตามที่เขาครอบครองและเปิดตามองดูสิ่งต่างๆ ที่เป็นของพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เขาหยุดสาละวนตนเองกับสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เขาและให้เขาเอาธุระกับสิ่งที่จะเชิดชูพระนามอันทรงอำนาจบังคับบัญชาเหนือทุกสิ่งของพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ เขาควรชำระหัวใจของตนจากกิเลสอันชั่วร้ายและความปรารถนาอันทุจริตทั้งปวง เพราะความเกรงกลัวต่อพระผู้เป็นเจ้าเป็นอาวุธที่จะสามารถทำให้เขามีชัยชนะ เป็นเครื่องมือหลักที่เขาจะใช้ในการบรรลุจุดประสงค์ของเขา ความเกรงกลัวต่อพระผู้เป็นเจ้าเป็นเกราะที่ป้องกันศาสนาของพระองค์ เป็นโล่ที่ช่วยให้ประชาชนของพระองค์บรรลุสู่ชัยชนะ เป็นมาตรฐานที่ไม่มีมนุษย์คนใดทำให้ต่ำลงได้? เป็นพลังที่ไม่มีอำนาจใดตีเสมอได้ โดยการช่วยเหลือของความเกรงกลัวนี้และโดยการอนุญาตของพระองค์ผู้ทรงเป็นนายแห่งหมู่เทวัญเบื้องบน บรรดาผู้ที่ได้เข้าใกล้องค์พระผู้เป็นเจ้าได้สามารถพิชิตและครอบครองป้อมปราการแห่งหัวใจของมนุษย์มาแล้ว?
“หน้าที่ประการแรกที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับบรรดาคนรับใช้ของพระองค์คือ การยอมรับบรมศาสดาผู้เป็นอรุโณทัยแห่งการเปิดเผยพระธรรมของพระองค์และเป็นแหล่งกำเนิดกฎของพระองค์ ผู้ทรงเป็นตัวแทนของความเป็นเจ้าทั้งในอาณาจักรแห่งธรรมะและสรรพภาวะ ผู้ใดก็ตามที่บรรลุหน้าที่นี้ได้เข้าถึงความดีงามทั้งปวง และผู้ใดก็ตามที่มาไม่ถึงการยอมรับนี้เท่ากับว่าได้หลงทางไป แม้ว่าเขาจะเป็นต้นตำรับของการกระทำที่ชอบธรรมทุกประการ? เป็นหน้าที่ของทุกคนที่บรรลุถึงฐานะอันประเสริฐสุดนี้หรือยอดสุดแห่งความรุ่งโรจน์นี้ ที่จะต้องปฏิบัติตามทุกบัญญัติของบรมศาสดาผู้ทรงเป็นยอดปรารถนาของโลก หน้าที่สองประการนี้แยกจากกันไม่ได้ และไม่เป็นที่ยอมรับหากขาดข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้คือสิ่งที่พระผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแรงบันดาลใจจากสวรรค์ได้ทรงบัญชาไว้”?
“ดูกร ประชาชนทั้งหลายของโลก จงรู้ไว้เป็นที่แน่นอนว่าบัญญัติของเราคือตะเกียงแห่งความรักที่คอยบริบาลคนรับใช้ คือกุญแจแห่งความปรานีของเราสำหรับประชาชนของเรา”
“ในการเดินทางทั้งหมดนี้ ผู้เดินทางต้องไม่หลงทางออกไปจาก “พระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า” แม้เพียงเท่าความหนาของเส้นผมเส้นหนึ่ง เพราะโดยแท้แล้วนี่คือความลับแห่ง “วิถีของพระผู้เป็นเจ้า” และเป็นผลไม้ของพฤกษาแห่ง “สัจธรรมของพระผู้เป็นเจ้า” และในทุกขั้นตอนเหล่านี้เขาต้องยึดเกาะอยู่กับชายเสื้อคลุมแห่งการเชื่อฟังต่อพระบัญญัติ และยึดเหนี่ยวอยู่อย่างมั่นคงกับเส้นเชือกแห่งการหลบหลีกจากสิ่งต้องห้ามทั้งปวง เพื่อว่าเขาอาจจะได้รับการบำรุงเลี้ยงจากถ้วยแห่งพระบัญญัติและได้รับทราบถึงความเร้นลับทั้งหลายของสัจธรรมของพระองค์”
“แม้ว่าบุคคลผู้มีการกระทำอันชอบธรรมจะเป็นที่พึงพอพระทัยและเป็นที่ยอมรับ ณ เบื้องหน้าธรณีประตูของพระผู้เป็นเจ้า? แต่กระนั้นการกระทำทั้งหลายควรเป็นผลมาจากความรู้ แม้ว่างานหัตถกรรมของคนตาบอดจะไม่มีสิ่งใดเปรียบปานได้และวิจิตรงดงามเพียงใด กระนั้นเขาก็ไม่มีโอกาสได้เห็นงานนั้น สัตว์ทั้งหลายได้ตรากตรำงานอย่างหนักมากเพียงใดให้แก่มนุษย์ ทั้งแบกลากของหนักและมีส่วนช่วยอย่างมากเพียงใดในการทำให้เกิดความสะดวกและความสบายแก่มนุษย์ แต่กระนั้นเพราะสัตว์เหล่านั้นไม่มีความสำนึก พวกมันจึงไม่ได้รู้สึกปีติยินดีกับรางวัลตอบแทนใดๆ สำหรับความเหนื่อยยากทั้งหมด เมฆตกลงมาเป็นสายฝนแห่งความกรุณา บำรุงเลี้ยงต้นพืชและไม้ดอกนานา และให้ความเขียวชอุ่มและเสน่ห์ดึงดูดแก่ทุ่งราบและทุ่งหญ้า ป่าและสวน แต่กระนั้นเมฆเหล่านั้นก็ไม่ตระหนักรู้ถึงผลลัพธ์และผลพวงต่างๆ ของการหลั่งไหลของสายฝนนั้น? พวกมันไม่ได้รับคำสรรเสริญหรือเกียรติยศ หรือได้รับการแสดงความขอบคุณและความเห็นชอบจากมนุษย์คนใดเลย ตะเกียงให้แสงสว่างแต่ตะเกียงนั้นก็ไม่มีความตระหนักรู้อย่างมีสติในการทำเช่นนั้น และไม่มีผู้ใดรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อมัน ในลักษณะที่แตกต่างออกไปจากนี้ มนุษย์ผู้มีการกระทำอันชอบธรรมและความประพฤติอันดีงามย่อมจะหันหน้าไปอย่างมั่นใจสู่พระผู้ทรงเป็นแสงสว่างไม่ว่าเขาจะสังเกตเห็นแสงสว่างนั้นจากที่ใดก็ตาม ประเด็นก็คือเช่นนี้ ซึ่งก็คือว่า ความศรัทธาประกอบด้วยทั้งความรู้และการปฏิบัติของงานที่ดีทั้งหลาย”
?จงอย่าสูญเสียความไว้วางใจของท่านในพระผู้เป็นเจ้าเป็นอันขาด ขอให้ท่านจงมีความหวังอยู่เสมอ เพราะความอารีของพระผู้เป็นเจ้านั้นไม่เคยหยุดหลั่งไหลมายังมนุษย์?…มนุษย์ดำดิ่งอยู่ในทะเลแห่งพระพรของพระผู้เป็นเจ้าในทุกสภาพการณ์ ดังนั้น ท่านต้องไม่สิ้นหวังไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม แต่จงมีความหวังที่แน่วแน่”
?หากหัวใจหันเหไปจากพระพรที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้แล้ว หัวใจนั้นจะหวังถึงความสุขได้อย่างไร หากหัวใจไม่ตั้งความหวังและความไว้วางใจในความปรานีของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว หัวใจนั้นจะพบที่พักได้ ณ ที่ใดเล่า โอ้…จงไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าเถิด เพราะความอารีของพระองค์นั่นคงอยู่ชั่วนิรันดร์ และจงไว้วางใจในพระพรของพระองค์เพราะพระพรเหล่านั้นล้ำเลิศ โอ้…จงตั้งความศรัทธาของท่านไว้ในพระผู้ทรงมหิทธานุภาพเพราะพระองค์ไม่เคยทรงทำให้ผู้ใดผิดหวัง และคุณความดีของพระองค์ยืนยงอยู่ตลอดกาล? ดวงอาทิตย์ของพระองค์ทรงประทานแสงสว่างอย่างต่อเนื่อง และเมฆาแห่งความปรานีของพระองค์ก็ทรงเปี่ยมด้วยน้ำแห่งความเห็นอกเห็นใจที่พระองค์ทรงรดให้แก่หัวใจของทุกคนที่ไว้วางใจในพระองค์ สายลมที่ให้ความสดชื่นของพระองค์นั้นโบกพัดการเยียวยาด้วยปีกของมันมาให้แก่จิตวิญญาณอันแห้งผากของมนุษย์อยู่เสมอ”
“น้ำพุแห่งความเอื้อเฟื้อจากสวรรค์กำลังไหลพุ่งออกมา แต่เราต้องมีความกระหายในน้ำที่ให้ชีวิตนั้น น้ำที่มีประโยชน์นี้จะไม่ดับกระหายนอกเสียจากว่าจะมีความกระหายอยู่ อาหารอันโอชะบนโต๊ะแห่งสวรรค์จะไม่ให้การบำรุงเลี้ยงนอกเสียจากว่าจิตวิญญาณจะหิวโหย แสงสว่างของดวงอาทิตย์จะไม่เป็นที่ประจักษ์นอกเสียจากว่าดวงตาแห่งการรับรู้จะเปิดออก สุคนธรสของสวนกุหลาบแห่งสวรรค์จะไม่ได้รับการสูดดมนอกเสียจากว่ารูจมูกจะได้รับการทำให้บริสุทธิ์ ความโปรดปรานของพระผู้เป็นนายจะไม่เป็นที่ชัดแจ้งนอกเสียจากว่าหัวใจจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา….. หากมหาสมุทรที่มีน้ำอันส่งเสริมสุขภาพกำลังสาดซัดอยู่แต่เรากลับไม่มีความกระหาย เราจะได้รับประโยชน์ใดเล่า หากเทียนถูกจุดขึ้นแต่เรานั้นไม่มีดวงตา เราจะได้รับความพึงพอใจใดจากเทียนนั้นเล่า หากบทเพลงสดุดีอันไพเราะจะดังกังวานขึ้นไปสู่สวรรค์ แต่เรานั้นกลับถูกกีดกันไปจากการได้ยิน เราจะพบความเพลิดเพลินอันใดเล่า”
?จงหยุดคิดถึงความอ่อนแอของท่าน เพราะฉะนั้นจงมีความวางใจอย่างสมบูรณ์ในพระผู้เป็นเจ้า จงให้หัวใจของท่านลุกไหม้ด้วยความต้องการที่จะรับใช้ภารกิจของพระองค์และป่าวประกาศเสียงร้องเรียกของพระองค์ และท่านจะสังเกตเห็นว่าความคมคายและอำนาจในการเปลี่ยนแปลงหัวใจของมนุษย์จะมาถึงท่านอย่างเป็นธรรมชาติเพียงใด”
“ได้มีการกำหนดมาตรฐานที่บัญญัติไว้ล่วงหน้าสำหรับแต่ละคน ดังที่มีบัญชาไว้ในพระธรรมสาสนที่ได้รับการอารักขาไว้ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธานุภาพ อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่เจ้ามีศักยภาพในการครอบครองนั้นจะสามารถเป็นที่ประจักษ์ก็ต่อเมื่อเป็นผลของความตั้งใจของเจ้าเองเท่านั้น การกระทำของเจ้าเองจะเป็นพยานต่อสัจธรรมข้อนี้”
“จงอย่าตามใจร่างกายของท่านด้วยการพักผ่อน แต่จงทำงานด้วยจิตวิญญาณทั้งหมดของท่าน และเปล่งเสียงร้องอย่างหมดหัวใจของท่าน และวิงวอนขอพระผู้เป็นเจ้าให้ทรงประทานการช่วยเหลือและพระกรุณาของพระองค์แก่ท่าน ดังนี้แล้วท่านอาจจะทำให้โลกนี้เป็นสวรรค์แห่งอับฮา และแผ่นดินโลกนี้เป็นสถานที่สำหรับขบวนแห่ของอาณาจักรเบื้องบน หากท่านจะเพียงแต่ใส่ความพยายาม ก็ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าความรุ่งโรจน์นี้จะส่องแสงออกไป เหล่าเมฆาแห่งความปรานีจะหลั่งลงมาเป็นสายฝน สายลมที่ให้ชีวิตนี้จะปรากฏขึ้นและพัดผ่าน เครื่องหอมที่ส่งกลิ่นอันหอมหวานนี้จะฟุ้งกระจายออกไปกว้างไกล”
“?..จงมองดูข้าพเจ้า เดินตามข้าพเจ้า และเป็นอย่างข้าพเจ้า? จงอย่าคิดถึงตัวท่านหรือชีวิตของท่านเอง ไม่ว่าท่านจะกินหรือนอนหลับ? ไม่ว่าท่านจะมีความสะดวกสบาย ไม่ว่าท่านจะมีสุขภาพดีหรือเจ็บป่วย ไม่ว่าท่านจะอยู่กับมิตรหรือศัตรู? ไม่ว่าท่านจะได้รับการสรรเสริญหรือการตำหนิ ท่านจะต้องไม่เอาใจใส่กับสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย จงมองดูข้าพเจ้าและเป็นอย่างข้าพเจ้า? ท่านจะต้องตายจากตัวท่านเองและโลกนี้ เพื่อว่าท่านจะเกิดใหม่อีกครั้งและเข้าสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์ จงพิจารณาดูเทียนว่ามันให้แสงสว่างอย่างไร? มันร่ำไห้สละชีวิตของมันเองทีละหยดเพื่อที่จะให้เปลวไฟแห่งแสงสว่าง”
“……การอยู่ใกล้พระผู้เป็นเจ้าทำให้จำเป็นต้องมีการเสียสละของอัตตา การตัดขาดและการยอมสละซึ่งทุกสิ่งให้กับพระองค์ การอยู่ใกล้คือความเหมือนกัน”
?ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอแนะนำท่านแต่ละคน…. จงเสียสละความคิด ถ้อยคำ และการกระทำทั้งหมดของท่านเพื่อนำเอาความรู้เกี่ยวกับความรักของพระผู้เป็นเจ้าเข้าไปสู่หัวใจทุกดวง”
“ในกรณีนี้ ซึ่งก็คือการรับใช้มนุษยชาติ พวกท่านต้องละวางชีวิตของตนเอง และจงปีติยินดีในขณะที่พวกท่านสละตนเองนั้น”
?หากเพียงแต่ท่านสามารถรู้ว่าสถานะอันสูงส่งเพียงใดได้ถูกกำหนดไว้ให้กับบรรดาจิตวิญญาณผู้ตัดขาดจากโลกและได้รับการดึงดูดด้วยพลังอันมากมายสู่ศาสนา และเป็นผู้ที่กำลังกระทำการสอนศาสนาอยู่ภายใต้ร่มเงาซึ่งให้การพักพิงของพระบาฮาอุลลาห์ ท่านย่อมจะปีติยินดีมากเพียงใด ท่านคงจะกางปีกของท่านออกและทะยานขึ้นสู่สวรรค์ด้วยความยินดีปรีดาและความปลาบปลื้มอย่างเหลือล้น เพราะการเป็นสาวกในลักษณะเช่นนั้นและการเป็นผู้เดินทางไปสู่อาณาจักรสวรรค์นั้น”
?จงยึดเหนี่ยวอย่างมั่นคงกับชายฉลองพระองค์ของพระผู้เป็นเจ้า และจงมุ่งความพยายามทั้งหมดของท่านไปที่การส่งเสริมพระปฏิญญาของพระองค์และการลุกโชนอย่างเจิดจ้ายิ่งขึ้นด้วยเปลวเพลิงแห่งความรักของพระองค์ จนกระทั่งหัวใจของท่านจะกระโดดโลดเต้นด้วยความปีติยินดีในการได้สูดลมหายใจแห่งการรับใช้ที่พุ่งออกมาจากทรวงอกของพระอับดุลบาฮา”
“ขอให้เราละทิ้งความคิดทั้งปวงเกี่ยวกับอัตตา ขอให้เราปิดตาจากทุกสิ่งบนโลก ขอเราจงอย่าตระหนักถึงความทุกข์ทรมานของเราและอย่าคร่ำครวญเกี่ยวกับความผิดพลาดของเรา แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ขอให้เราลืมอัตตาของเราเอง และขณะที่ดื่มน้ำองุ่นแห่งความกรุณาจากสวรรค์ ขอให้เราเปล่งเสียงร้องแสดงความยินดีของเราและใส่ใจอยู่กับความงามของพระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ทั้งปวง”
“พวกท่านเป็นเหล่าเทพเทวัญ หากเท้าของพวกท่านมั่นคง หากจิตใจของพวกท่านยินดีปรีดา หากความคิดอันเป็นความลับของพวกท่านบริสุทธิ์ หากดวงตาของพวกท่านได้รับการปลอบโยน หากหูของพวกท่านเปิดออก หากทรวงอกของพวกท่านพองโตด้วยความปีติ และหากจิตวิญญาณของพวกท่านมีความเบิกบาน และหากท่านลุกขึ้นเพื่อให้การช่วยเหลือแก่พระปฏิญญา เพื่อต่อต้านการทะเลาะเบาะแว้ง และเพื่อได้รับการดึงดูดสู่พระผู้ทรงเป็นความโชติช่วง”
“ในทุกเวลาข้าพเจ้ากล่าวถึงและระลึกถึงพวกท่าน ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระผู้เป็นนายและวิงวอนต่อพระองค์ด้วยน้ำตาให้ทรงหลั่งฝนแห่งพระพรทั้งปวงมายังพวกท่าน ให้ทรงทำให้หัวใจของพวกท่านเบิกบาน ให้ทรงทำให้จิตวิญญาณของพวกท่านเต็มไปด้วยความสุข และให้ทรงประทานความปีติยินดีอย่างเหลือล้นและความหรรษาจากสวรรค์ให้แก่พวกท่าน”
“ความปีติยินดีเดียวของข้าพเจ้าบนโลกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วนี้คือการเดินในวิถีของพระผู้เป็นเจ้าที่โรยด้วยหินและการทนทานต่อการทดสอบอันยากลำบากและต่อความเศร้าโศกทางวัตถุทั้งปวง? เพราะมิฉะนั้นแล้วชีวิตในโลกนี้คงจะว่างเปล่าและไร้แก่นสาร และความตายย่อมจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า ต้นไม้แห่งชีวิตย่อมจะไม่ให้ผลใดๆ ทุ่งนาแห่งการดำรงอยู่ที่ได้รับหว่านไถแล้วแห่งนี้ย่อมจะไม่ให้ผลเก็บเกี่ยวใดๆ ด้วยประการฉะนี้ จึงเป็นความหวังของข้าพเจ้าว่าสถานการณ์บางอย่างจะทำให้ถ้วยแห่งความทุกข์ทรมานของข้าพเจ้าถูกเติมให้ปริ่มขอบอีกครั้งหนึ่ง และความรักอันสวยงามนั้นซึ่งเป็นผู้คร่าชีวิตของจิตวิญญาณจะทำให้ผู้ที่เฝ้าดูทั้งหลายตาพร่ามัวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อนั้นหัวใจดวงนี้จึงจะเต็มไปด้วยความสุขและจิตวิญญาณดวงนี้จึงจะได้รับพระพร”
“จากนั้นดวงอาทิตย์แห่งสัจธรรมก็ได้ปรากฏขึ้น และความรุ่งโรจน์แห่งอาณาจักรสวรรค์ก็สาดส่องไปทั่วทั้งตะวันออกและตะวันตก? บรรดาผู้ที่มีดวงตาที่จะเห็นก็ปีติยินดีกับข่าวดีและเปล่งร้องว่า ‘โอ้… เราได้รับพระพร เราได้รับพระพร’ และพวกเขาได้เป็นพยานต่อการดำรงอยู่ที่แท้จริงภายในของทุกสิ่งและค้นพบความเร้นลับของอาณาจักรสวรรค์? จากนั้น ด้วยการหลุดพ้นจากจินตนาการและความสงสัยพวกเขาก็ได้เห็นแสงสว่างแห่งสัจธรรม และด้วยความเบิกบานอย่างยิ่งจากการได้ดื่มจนหมดถ้วยแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจึงลืมโลกนี้และตนเอง พวกเขาโลดเต้นด้วยความยินดีแล้วรีบรุดไปยังสถานที่แห่งการพลีชีพของตน และ ณ ที่นั้น ซึ่งเป็นที่ที่มนุษย์ตายเพื่อความรัก พวกเขาก็ได้สลัดศีรษะและหัวใจของตนเองทิ้งไป”
“ดูกร เหล่าสหายของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงความสูงส่งมาแต่โบราณกาลได้ทรงปันส่วนของความสมบูรณ์พร้อม คุณลักษณะเฉพาะตัวและความดีเลิศเป็นพิเศษให้แก่สรรพสิ่งสร้างสรรค์แต่ละสิ่ง เพื่อว่าแต่ละสิ่งนั้นจะกลายเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความประเสริฐของพระผู้ให้การศึกษาองค์แท้จริงของมนุษยชาติในระดับความสามารถของตนเอง และเพื่อว่าแต่ละสิ่งจะบอกถึงความสง่างามและความรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์แห่งสัจธรรมได้เหมือนดังสิ่งนั้นเป็นกระจกที่ใสบริสุทธิ์”
“และจากสรรพสิ่งสร้างสรรค์ทั้งหมด พระองค์ได้ทรงเลือกมนุษย์เพื่อที่จะทรงประทานของขวัญอันน่าพิศวงของพระองค์ให้ และได้ทรงทำให้เขาบรรลุสู่กรุณาธิคุณทั้งหลายของเหล่าเทวัญเบื้องบน ของขวัญอันมีค่าที่สุดก็คือการบรรลุสู่การนำทางอันไม่เคยผิดพลาดของพระองค์ ซึ่งก็คือการที่สภาพที่แท้จริงภายในของมนุษยชาติควรจะกลายเป็นดั่งเวิ้งสำหรับวางตะเกียงนี้ไว้ และเมื่อความรุ่งโรจน์ที่สาดส่องออกไปของแสงสว่างนี้กระทบกับแก้วอันใสสว่างของหัวใจ? ความบริสุทธิ์ของหัวใจนั้นจะยิ่งทำให้ลำแสงเหล่านี้เจิดจ้าขึ้นกว่าเดิมและส่องแสงอย่างรุ่งโรจน์อยู่ในจิตใจและจิตวิญญาณของมนุษย์ทั้งหลาย”
“การบรรลุสู่การนำทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับความรู้และความสุขุมรอบคอบ และขึ้นอยู่กับการตระหนักดีเกี่ยวกับความเร้นลับทั้งหลายของพระวจนะศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นบรรดาผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะหนุ่มสาวหรือเฒ่าชรา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง แต่ละคนจะต้องพยายามที่จะได้มาซึ่งความรู้ในสาขาต่างๆ ตามความสามารถของตนเอง และต้องพยายามที่จะเพิ่มความเข้าใจของตนในความเร้นลับของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและเพิ่มทักษะของตนในการนำเอาข้อพิสูจน์และหลักฐานแห่งสวรรค์ทั้งหลายออกมาแสดงอย่างเป็นหมวดหมู่”
“ซาโดรส-โซเดอร์ ผู้โดดเด่น ซึ่งเป็นผู้ที่ได้บรรลุสู่สถานะสูงส่งที่สุดในการประชุมธรรมแห่งความสุขใจอย่างล้นเหลือได้เป็นผู้ริเริ่มการประชุมเพื่อสอนศาสนาขึ้น เขาเป็นจิตวิญญาณที่เจริญด้วยพรดวงแรกที่วางรากฐานของสถาบันอันสำคัญนี้ ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า ในช่วงชีวิตของเขา เขาได้ให้การศึกษาแก่บรรดาผู้ที่ปัจจุบันเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแรงและมีคารมคมคายของพระผู้เป็นนาย ซึ่งเป็นสานุศิษย์ทั้งหลายที่มีความบริสุทธิ์โดยแท้และเป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของเขาผู้ที่อยู่ใกล้กับธรณีประตูอันศักดิ์สิทธิ์อย่างเหลือเกิน หลังจากที่เขาถึงแก่กรรมผู้ที่ได้รับพรบางคนก็ได้ดำเนินการที่จะทำให้งานสอนศาสนาของเขาคงอยู่ต่อไป และเมื่อพระองค์ทรงทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ หัวใจของผู้ถูกคุมขังนี้ก็เบิกบาน”
“ในนามของเรา จงฉีกม่านบังตาที่ปิดกั้นการมองเห็นของเจ้าอย่างน่าเศร้าใจออกเป็นชิ้นๆ? และด้วยพลังที่เกิดจากความเชื่อของเจ้าในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพระผู้เป็นเจ้า จงขับไล่รูปบูชาแห่งการเลียนแบบที่ไร้สาระให้กระเจิงไป จากนั้นจงเข้าไปสู่สวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งความพึงพอพระทัยของพระผู้ทรงความปรานียิ่ง จงทำให้จิตวิญญาณของเจ้าศักดิ์สิทธิ์พ้นจากสิ่งใดก็ตามที่มิใช่ของพระผู้เป็นเจ้า และจงลิ้มรสความหอมหวานของการได้หยุดพักอยู่ภายในขอบเขตของการเปิดเผยธรรมที่ไพศาลและมีอำนาจยิ่งของพระองค์ และภายใต้ร่มเงาแห่งอำนาจบังคับบัญชาอันสูงสุดและไม่มีวันผิดพลาดของพระองค์ จงอย่ายอมให้ตัวเจ้าเองหมกมุ่นอยู่ในม่านหนาทึบของความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของเจ้าด้วยเหตุที่เราได้ทำให้เจ้าแต่ละคนสมบูรณ์พร้อมด้วยการสร้างสรรค์ของเรา เพื่อว่าความล้ำเลิศของงานฝีมือของเราจะเป็นที่เปิดเผยอย่างเต็มที่แก่มนุษย์ทั้งหลาย ดังนั้นจึงหมายความว่ามนุษย์ทุกคนเคยมีความสามารถและจะยังคงมีความสามารถต่อไปด้วยตนเองที่จะรู้สึกชื่นชมในความงามของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงความประเสริฐ”
“เจ้าทั้งหลายผู้เป็นปักษาที่จะต้องมลายไป? จงฟังเรา ในสวนกุหลาบแห่งความรุ่งโรจน์อันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงบุปผาได้เริ่มเบ่งบาน เมื่อเทียบกับบุปผาดอกนี้แล้วดอกไม้อื่นกลับเป็นเพียงหนาม? และเมื่ออยู่เบื้องหน้าความสว่างไสวของความรุ่งโรจน์ของบุปผาดอกนี้แล้วแก่นแท้ของความงามก็จำต้องหม่นหมองและร่วงโรยไป ดังนั้น จงลุกขึ้นและด้วยความจดจ่ออย่างเต็มเปี่ยมของหัวใจของพวกเจ้า ด้วยความกระตือรือร้นทั้งหมดของจิตวิญญาณของพวกเจ้า ด้วยศรัทธาแรงกล้าอย่างเต็มที่ของเจตนาของพวกเจ้า และด้วยความพยายามอย่างตั้งใจของชีวิตของพวกเจ้า จงพยายามที่จะบรรลุสู่สวรรค์แห่งการประทับอยู่ของพระองค์? และพากเพียรที่จะสูดสุคนธรสของบุปผาที่ไม่เน่าเปื่อยนี้ จงหายใจกลิ่นหอมหวานแห่งความศักดิ์สิทธิ์และรับเอาส่วนของเครื่องหอมแห่งความรุ่งโรจน์ของสวรรค์นี้ ผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติตามคำแนะนำนี้จะทำให้โซ่ที่ล่ามเขาอยู่ขาดสะบั้น จะลิ้มรสการละทิ้งจากความรักที่ทำให้หลงใหล จะบรรลุสู่ความปรารถนาแห่งหัวใจของเขา และจะยอมจำนนดวงวิญญาณของเขาให้กับเงื้อมพระหัตถ์ของพระผู้เป็นที่รัก เหมือนดังเช่นวิหคแห่งจิตวิญญาณที่พุ่งพรวดออกไปจากกรง เขาจะกางปีกบินขึ้นสู่รังอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นนิรันดร์ของเขา…….
“เทียนอันเป็นอมตะส่องแสงด้วยความรุ่งโรจน์อย่างปราศจากสิ่งปิดบัง จงดูเถิดว่าเทียนนี้ได้เผาผลาญม่านกั้นที่ต้องมลายไปทุกผืน ดูกร พวกเจ้าผู้ที่รักแสงสว่างของพระองค์เฉกเช่นผีเสื้อกลางคืน จงฝ่าผจญอันตรายทุกอย่างและอุทิศดวงวิญญาณของพวกเจ้าให้กับเปลวเพลิงอันเผาผลาญของแสงนี้ ดูกร เจ้าทั้งหลายผู้กระหายในพระองค์ จงปลดเปลื้องตนเองออกจากความเสน่หาทั้งปวงทางโลก และจงรีบรุดไปสวมกอดพระผู้เป็นที่รักของพวกเจ้า จงเร่งรีบไปสู่พระองค์ด้วยความกระตือรือร้นอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม บุปผาที่ซ่อนเร้นอยู่หางไกลจากสายตาของมนุษย์กำลังเผยโฉมสู่สายตาของพวกเจ้า พระองค์ทรงประทับยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเจ้าด้วยรัศมีอันชัดแจ้งแห่งความรุ่งโรจน์ของพระองค์ พระสุรเสียงของพระองค์ร้องเรียกทุกผู้ที่ได้รับการทำให้ศักดิ์สิทธิ์และควรแก่การเคารพแล้วให้มารวมอยู่กับพระองค์ ความสุขจงมีแด่ผู้ที่หันไปหาพระองค์ ความสวัสดีจงมีแด่ผู้ที่ได้บรรลุถึงและเพ่งมองไปยังแสงสว่างของโฉมพระพักตร์อันน่าพิศวงยิ่ง”
“นอกเหนือจากข้อกำหนดเหล่านี้ที่พระบาฮาอุลลาห์ทรงแนะนำให้สาวกของพระองค์คบหากับศาสนิกชนของทุกศาสนาด้วยมิตรภาพและความปรองดองโดยปราศจากการแยกแยะ ทรงเตือนพวกเขาให้คอยเฝ้าระวังความคลั่งศาสนา การปลุกปั่นเพื่อก่อกบฏ ความหยิ่งทะนง การโต้เถียง และการต่อสู้กัน ทรงพร่ำสอนให้พวกเขามีความสะอาดอย่างปราศจากมลทิน? ความมีวาจาสัตย์อย่างเคร่งครัด ความบริสุทธิ์อย่างไม่มีที่ติ ความไว้วางใจได้ ความมีน้ำใจ ความซื่อสัตย์ ความสุภาพ ความอดกลั้น ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม ทรงตักเตือนให้พวกเขาเป็น “ดังเช่นนิ้วของมือเดียวกันและแขนขาของร่างกายเดียวกัน” ทรงเรียกร้องให้พวกเขาลุกขึ้นและรับใช้ศาสนาของพระองค์ และทรงรับประกันที่จะทรงให้การช่วยเหลืออย่างไม่มีข้อกังขาแก่พวกเขา”
?พันธะผูกพันแห่งการรับใช้ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้บูชากับพระผู้ทรงเป็นที่รัก หรือพันธะระหว่างสรรพสิ่งที่สร้างขึ้นกับพระผู้สร้าง ควรจะได้รับการถือเป็นเสมือนเครื่องหมายของพระกรุณาธิคุณอันทรงความปรานีของพระองค์ต่อมนุษย์ มิใช่เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงคุณความดีใดๆ ที่มนุษย์อาจครอบครอง ศาสนิกชนที่แท้จริงและมีความเข้าใจทุกคนเป็นพยานต่อสิ่งนี้”
“หากท่านแสวงหาความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์ จงให้ตัวท่านแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้า จงทำตนเป็นผู้รับใช้ของทุกคนและรับใช้ทุกคนในลักษณะเดียวกัน การรับใช้ของมิตรสหายทั้งหลายเป็นของพระผู้เป็นเจ้า มิใช่ของพวกเขา จงมานะพยายามที่จะเป็นแหล่งกำเนิดของความกลมเกลียว ความผ่องแผ้วทางธรรม และความปีติยินดีแก่บรรดามิตรสหายและหญิงรับใช้ของพระผู้ทรงความปรานี สิ่งนี้เป็นเหตุแห่งความพึงพอใจอย่างยิ่งแก่พระอับดุลบาฮา”
“ทุกวันนี้ ประชาชาติทั้งหลายของโลกกำลังหมกมุ่นอยู่กับประโยชน์ส่วนตน และใช้ความพยายามและความบากบั่นอย่างที่สุดในการส่งเสริมผลประโยชน์ทางวัตถุของตน พวกเขากำลังบูชาตนเอง มิใช่ความเป็นจริงแห่งสวรรค์หรือแม้แต่โลกแห่งมนุษยชาติ พวกเขาพากเพียรแสวงหาประโยชน์ของตนเอง มิใช่แสวงหาความผาสุกของส่วนรวม นี่เป็นเพราะพวกเขาเป็นนักโทษของโลกแห่งธรรมชาติ และไม่ตระหนักในคำสอนจากสวรรค์ หรือในพระพรของอาณาจักรสวรรค์ หรือในดวงอาทิตย์แห่งสัจธรรม แต่พวกท่านในขณะนี้กำลังได้รับการโปรดปรานเป็นพิเศษด้วยพระพรนี้ ขอความสรรเสริญจงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกท่านได้เป็นผู้ที่ถูกเลือกสรร ได้รับรู้เกี่ยวกับคำสอนจากสวรรค์ ได้รับสิทธิในการเข้าสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ได้กลายเป็นผู้รับพระกรุณาธิคุณอันไม่มีขีดจำกัด และเป็นผู้ได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำแห่งชีวิต ด้วยเพลิงแห่งความรักของพระผู้เป็นเจ้า และด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
“ดังนั้น จงพยายามด้วยหัวใจและวิญญาณ เพื่อท่านจะกลายเป็นเทียนที่ถูกจุดขึ้นในที่ประชุมแห่งโลก เป็นดวงดาราที่ส่องแสงแพรวพรายอยู่บนขอบฟ้าแห่งสัจธรรม และอาจจะเป็นเหตุแห่งการแพร่กระจายออกไปของแสงสว่างแห่งสวรรค์ เพื่อที่ว่า โลกแห่งมนุษยชาติจะถูกเปลี่ยนให้เป็นอาณาจักรสวรรค์? โลกที่ต่ำกว่าจะกลายเป็นโลกเบื้องบน ความรักของพระผู้เป็นเจ้าและความปรานีของพระผู้เป็นนายจะยกฟากฟ้าของโลกเหล่านี้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลก? จิตวิญญาณของมนุษย์จะกลายเป็นคลื่นในทะเลแห่งสัจธรรม โลกแห่งมนุษยชาติจะเติบโตเป็นพฤกษาต้นเดียวที่ได้รับพร บทกลอนแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะได้รับการขับขาน และท่วงทำนองแห่งความศักดิ์สิทธิ์จะขึ้นไปถึงที่ชุมนุมอันยิ่งใหญ่ที่สุด”
“ทุกวันคืน ข้าพเจ้าวิงวอนร้องขอต่ออาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า และอ้อนวอนขอความช่วยเหลือและการรับรองอย่างไม่มีขีดจำกัดแก่ท่าน จงอย่าพิจารณาถึงความถนัดและความสามารถของท่าน แต่จงเพ่งสายตาของท่านไปที่ความอารีอันดีเลิศ ของประทานจากสวรรค์ และพลังอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นพลังอำนาจที่เปลี่ยนหยดน้ำให้เป็นทะเลและเปลี่ยนดวงดาวให้เป็นดวงอาทิตย์”
“ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้า เหล่าเทวัญแห่งที่ชุมนุมอันยิ่งใหญ่ที่สุดรับรองเกี่ยวกับชัยชนะ และพลังอำนาจแห่งอาณาจักรสวรรค์ก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและการสนับสนุน หากท่านจะเปล่งวาจาในทุกขณะเพื่อแสดงความขอบคุณและความรู้คุณ ท่านย่อมไม่สามารถปฏิบัติตนให้บรรลุพันธะแห่งความกตัญญูสำหรับของประทานเหล่านี้”
“ศิลปะทุกแขนงเป็นพรสวรรค์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อแสงสว่างนี้ส่องสะท้อนผ่านจิตใจของนักดนตรี แสงนี้ก็แสดงปรากฏอยู่ในเสียงประสานอันไพเราะ หากสะท้อนผ่านจิตใจของกวี แสงนี้ก็เป็นที่ประจักษ์อยู่ในบทกวีอันประณีตและบทร้อยแก้วอันงดงาม เมื่อแสงสว่างของดวงอาทิตย์แห่งสัจธรรมเข้าดลใจของจิตรกร เขาผู้นั้นก็สร้างภาพเขียนอันน่าพิศวงขึ้น พรสวรรค์เหล่านี้บรรลุถึงวัตถุประสงค์สูงสุดในยามที่แสดงออกถึงการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า”
“เป็นธรรมชาติสำหรับจิตใจและจิตวิญญาณที่จะมีความยินดีและความเพลิดเพลินกับทุกสิ่งที่แสดงออกซึ่งความสมดุล ความกลมกลืน และความสมบูรณ์พร้อม ยกตัวอย่างเช่น บ้านที่สวยงาม สวนที่ออกแบบมาอย่างดี เส้นที่มีความสมดุล การกระทำที่สง่างาม หนังสือที่เขียนขึ้นอย่างดี เครื่องแต่งกายที่น่าพอใจ โดยแท้แล้ว ทุกสิ่งที่มีความสง่าหรือความสวยงามล้วนเป็นที่ยินดีของจิตใจและจิตวิญญาณ”
“เสน่ห์ที่จะต้องมลายไปย่อมจะเลือนหายไป กุหลาบย่อมพ่ายแพ้แก่หนาม ความสวยงามและความหนุ่มสาวย่อมมีอายุขัยและไม่หวนคืนมาอีก แต่สิ่งที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์คือความงามของพระผู้เป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง เพราะความวิเศษของความงามนี้ไม่ดับสูญและความรุ่งโรจน์ของความงามนี้คงอยู่ตลอดกาล เสน่ห์ของความงามนี้มีอำนาจเหนือทุกสิ่งและแรงดึงดูดของความงามนี้ไร้ขีดจำกัด ดังนั้น ขอความสวัสดีจงมีแด่โฉมหน้าที่ส่องสะท้อนความวิเศษของแสงสว่างของพระผู้เป็นที่รัก ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นนาย ที่ท่านได้รับการส่องสว่างด้วยแสงนี้ ได้เข้าครองไข่มุกแห่งความรู้อันแท้จริง และได้กล่าวถ้อยวจนะแห่งสัจธรรม”
“ร่างกายที่ไร้จิตวิญญาณไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง แม้จะเป็นร่างกายที่อยู่ในสภาพอันสวยงามและดีเลิศที่สุด แต่กระนั้น ก็ยังเป็นร่างที่ต้องการจิตวิญญาณ ฝาครอบตะเกียงไม่ว่าจะถูกขัดให้ใสและดีเลิศเพียงใด ก็ยังมีความต้องการแสงสว่าง หากไม่มีแสงสว่างเสียแล้ว ตะเกียงหรือเทียนนั้นก็ย่อมไม่ส่องสว่าง”
“?..ในยุคใหม่นี้ พระผู้ทรงเป็นแสงสว่างอันเป็นที่ประจักษ์ ได้ทรงประกาศไว้อย่างเจาะจงในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ว่า ดนตรี ไม่ว่าจะเป็นด้วยการร้องหรือการเล่น ล้วนแต่เป็นอาหารสำหรับจิตวิญญาณและจิตใจ”
“?..ทำนองดนตรีทั้งหลาย แม้จะเป็นเรื่องทางวัตถุแต่ก็มีความเกี่ยวโยงกับเรื่องทางจิตวิญญาณ ดังนั้นทำนองดนตรีเหล่านี้จึงมีผลอย่างมาก ทำนองดนตรีบางลักษณะทำให้จิตวิญญาณมีความสุข ในขณะที่อีกลักษณะหนึ่งกลับทำให้จิตวิญญาณโศกเศร้า และอีกลักษณะหนึ่งกลับกระตุ้นจิตวิญญาณสู่การกระทำ”
“การขับร้องเพลงทั้งหลายจะนำชีวิตชีวาและความสุขมาสู่โลกแห่งมนุษยชาติ ผู้ฟังจะรู้สึกปีติยินดีและร่าเริงและความรู้สึกภายในของพวกเขาได้รับการกระตุ้น แต่ความยินดีหรือความรู้สึกเช่นนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราวและจะถูกลืมเลือนไปในเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม ขอความสรรเสริญจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้าที่ท่านได้นำเอาทำนองเพลงของท่านผสานเข้ากับทำนองดนตรีแห่งอาณาจักรสวรรค์ ซึ่งจะให้การปลอบประโลมแก่โลกแห่งจิตวิญญาณ และจะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางธรรมขึ้นตลอดไป”
“เรากำหนดให้เป็นสิ่งชอบธรรมสำหรับเจ้าที่จะฟังดนตรีและร้องเพลง อย่างไรก็ตาม จงเอาใจใส่ อย่าให้การฟังนี้ทำให้เจ้าล่วงเกินขอบเขตของความเหมาะสมและเกียรติ ขอให้ความเบิกบานของเจ้าเกิดจากพระนามอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา ซึ่งเป็นพระนามที่ยังความปีติแก่หัวใจ และเติมความหรรษาให้แก่ทุกคนที่ถวิลหาพระผู้เป็นเจ้า แท้จริงแล้ว เราให้ดนตรีเป็นประหนึ่งบันไดสำหรับวิญญาณของเจ้า เป็นหนทางให้เจ้าขึ้นไปสู่อาณาจักรเบื้องบน ดังนั้นอย่าทำให้ดนตรีเป็นปีกของอัตตาและกิเลส ที่จริงแล้วเราไม่อยากเห็นเจ้าถูกนับว่าเป็นพวกโง่เขลา”
“แม้ว่าดนตรีจะเป็นเรื่องทางวัตถุ แต่ผลอันมากมายของดนตรีนั้นเป็นเรื่องทางจิตวิญญาณ และดนตรีมีความเกี่ยวพันมากที่สุดกับอาณาจักรของวิญญาณ ? หากบุคคลผู้หนึ่งปรารถนาจะกล่าวปาฐกถา การพูดนั้นจะมีผลมากกว่าหากกระทำตามหลังทำนองดนตรีอันไพเราะ ชาวกรีกโบราณ รวมทั้งนักปราชญ์ชาวเปอร์เซียน จะนิยมกล่าวปาฐกถาในลักษณะต่อไปนี้ คือ ในตอนแรก มีการเล่นดนตรีอันไพเราะสักสองสามเพลง และเมื่อผู้ฟังเริ่มมีจิตใจเปิดกว้างพร้อมที่จะฟังแล้ว พวกเขาก็จะวางเครื่องดนตรีลงในทันใดและเริ่มต้นการปาฐกถา ในบรรดานักดนตรีชาวเปอร์เซียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด มีนักดนตรีคนหนึ่งชื่อบาร์บ๊อด เมื่อใดก็ตามที่มีคดีสำคัญที่มีการถวายฎีกาไปยังราชสำนักของกษัตริย์ และคณะรัฐมนตรีไม่อาจโน้มน้าวพระทัยให้กษัตริย์คล้อยตามได้ พวกเขาจะส่งเรื่องไปยังบาร์บ๊อดในทันใด? บาร์บ๊อดก็จะเข้าไปยังราชสำนักพร้อมกับเครื่องดนตรีของเขาและเล่นดนตรีอันเหมาะแก่โอกาสและจับใจอย่างที่สุด คดีก็จะถึงข้อยุติลงด้วยดีเพราะกษัตริย์ได้รับผลกระทบจากดนตรีอันไพเราะจับใจ จึงบังเกิดความเอื้อเฟื้อเอ่อล้นขึ้นในพระทัยและพระองค์จึงโอนอ่อนผ่อนตาม”
“ดนตรีเป็นพาหนะสำคัญที่นำไปสู่การศึกษาและพัฒนาการของมนุษยชาติ? แต่วิถีทางที่แท้จริงวิถีเดียวคือโดยคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า ดนตรีเป็นเหมือนแก้วใบนี้ที่บริสุทธิ์พร้อมและเงางาม ดนตรีเป็นเหมือนถ้วยอันบริสุทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้าเราใบนี้ และคำสอนหรือพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนน้ำ เมื่อแก้วหรือถ้วยใบหนึ่งบริสุทธิ์และกระจ่างใสอย่างแท้จริง และน้ำก็บริสุทธิ์และใสกระจ่าง เมื่อนั้นถ้วยหรือแก้วนั้นจึงจะให้ชีวิต ด้วยเหตุฉะนี้ คำสอนของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเพลงสดุดี การชุมนุม หรือการอธิษฐาน เมื่อคำสอนเหล่านี้ได้รับการขับร้องเป็นท่วงทำนองอันไพเราะแล้วก็เป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุด”
“จงใช้เนื้อหาสาระอันมากมายที่มีอยู่ในบันทึกเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นและมีค่าของนาบีลให้มากที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้ และขอให้บันทึกนี้เป็นเครื่องมือหลักที่ท่านจะสามารถใช้เติมเชื้อให้กับเพลิงแห่งความกระตือรือร้นที่เรืองแสงอยู่ในจิตใจของบาไฮทุกคน และเป็นเครื่องมือที่มีความจำเป็นอย่างที่สุดต่อความสำเร็จของความพยายามอันเป็นเลิศและไม่หยุดหย่อนของท่าน”
“บันทึกเรื่องราวของนาบีลมิใช่เป็นเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น แต่เป็นหนังสือสำหรับการทำสมาธิไตร่ตรอง บันทึกเรื่องราวนี้มิได้เพียงแต่สอน แต่ที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่ให้แรงบันดาลใจและกระตุ้นไปสู่การกระทำ บันทึกนี้ปลุกเร้าและให้แรงกระตุ้นแก่พลังงานที่แฝงเร้นอยู่ภายในของเราและทำให้เราทะยานขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่า ด้วยเหตุดังกล่าวบันทึกนี้จึงเป็นเครื่องช่วยอันหาค่ามิได้สำหรับนักประวัติศาสตร์ รวมทั้งครูและผู้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับศาสนาทุกคน”
“ในทุกความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายของแผนงานสี่ปีนั้น เพื่อนศาสนิกชนได้รับการร้องขอด้วยเช่นกันในการให้ความเอาใจใส่ในระดับที่มากขึ้นกับการใช้ศิลปะพื้นบ้าน มิใช่เพียงเพื่อการประกาศศาสนาเท่านั้น แต่เพื่องานด้านการขยายตัวและการทำให้ชุมชนแข็งแรงด้วย การวาดภาพ การแสดงศิลปะต่างๆ และวรรณกรรมได้เคยมีและสามารถมีบทบาทสำคัญในการขยายอำนาจโน้มน้าวจิตใจของศาสนา ในระดับของศิลปะพื้นบ้านนั้น ความเป็นไปได้ดังกล่าวนี้สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของโลก ไม่ว่าจะเป็นในหมู่บ้าน เมือง หรือนครใหญ่ก็ตาม”
“พระนามหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าคือพระผู้ทรงออกแบบ พระองค์ทรงรักความชำนาญ ดังนั้นคนรับใช้ของพระองค์คนใดที่แสดงออกซึ่งคุณลักษณะนี้ย่อมเป็นที่ยอมรับในสายตาของพระผู้ทรงถูกประทุษร้ายผู้นี้ ความชำนาญเป็นตำราหนึ่งในบรรดาตำราเกี่ยวกับศาสตร์แห่งสวรรค์ และเป็นสมบัติหนึ่งในบรรดาทรัพย์สมบัติแห่งความรอบรู้อันมาจากสวรรค์ของพระองค์ นี่เป็นความรู้ที่มีความหมาย เพราะศาสตร์บางศาสตร์เกิดขึ้นมาด้วยคำพูดและจบลงด้วยคำพูด”
“พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงความแท้จริงพระองค์เดียว ขอความสูงส่งจงมีแด่พระองค์ พระองค์ทรงรักที่จะทอดพระเนตรงานฝีมือที่มีความชำนาญสูงที่สร้างขึ้นโดยบรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์ ? ขอพรจงมีแด่เจ้า เพราะสิ่งที่ทักษะของเจ้าสร้างขึ้นนั้นได้มาถึงที่ประทับของพระผู้เป็นนายของเจ้า พระผู้ทรงได้รับการเนรเทศ พระผู้ทรงถูกประทุษร้าย ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้สหายทุกคนของพระองค์สามารถเรียนรู้งานฝีมืออย่างใดอย่างหนึ่ง และมีความมั่นใจในการยึดมั่นอยู่กับสิ่งที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงความรุ่งโรจน์ทั้งปวง พระผู้ทรงอัจฉริยภาพเหนือทุกสิ่ง”