พระผู้เป็นเจ้าผู้ไม่อาจเป็นที่รู้จักได้

พระผู้เป็นเจ้า พระผู้สร้างจักรวาล พระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงเต็มเปี่ยมด้วยความรัก และความเมตตา ดังเช่นดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงมาทั่วพื้นโลก แสงของพระผู้เป็นเจ้าก็ฉายทั่วทุกสรรพสิ่งที่ถูกสร้างสรรค์เช่นกัน?“ดวงอาทิตย์ทำให้พฤกษาผลบนพื้นโลกสุกและให้ชีวิตและความอบอุ่นต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวล รวมทั้งฉายแสงแห่งสัจธรรมสู่จิตวิญญาณทั้งหมดและเติมด้วยไฟแห่งความรักสวรรค์และความเข้าใจ”

เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จิตของมนุษย์จะเข้าใจถึงสถานะอันแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างถ่องแท้ สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจะไม่สามารถเข้าใจหรืออธิบายเกี่ยวกับผู้สร้างได้ ยกตัวอย่างเช่น โต๊ะจะไม่สามารถเข้าใจช่างที่ทำมันขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าทักษะความชำนาญและคุณลักษณะของช่างผู้นั้นจะสะท้อนในงานสร้างสรรค์ของเขาก็ตาม

ไม่ว่าเราจะมีความกว้างขวางหรือจิตนาการเกี่ยวกับแนวความคิดเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าเพียงใด?เราก็ยังคงถูกล้อมด้วยความจำกัดของจิตของมนุษย์อย่างแน่นอน”สิ่งที่เราจินตนาการนั้นไม่ใช่สาระอันแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้ซึ่งไม่สามารถรู้จักได้ พระผู้ซึ่งไม่สามารถเป็นที่นึกคิดได้ ทรงอยู่เหนือไปกว่ากรอบความคิดขั้นสูงสุดของมนุษย์”

อาณาจักรของธรรมชาติแต่ละอาณาจักรไม่สามารถจะเข้าใจระดับของการดำรงอยู่ของอีกอาณาจักรที่สูงกว่าตนได้ หินจะไม่สามารถเข้าใจอำนาจในการเติบโตของพืชได้ ต้นไม้ไม่สามารถเข้าใจอำนาจของการมองเห็น การได้ยิน การรับกลิ่น การเคลื่อนไหวที่สัตว์สามารถทำได้ และสัตว์เองก็จะไม่มีวันมีความตระหนักที่ทำให้เห็นความแตกต่างของมนุษย์ได้ ในลักษณะที่คล้ายกันจิตของมนุษย์ก็จะไม่มีความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินไปของอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณได้อย่างเต็มที่ “อาณาจักรที่สูงกว่าทั้งหมดจะไม่สามารถเป็นที่เข้าใจของอาณาจักรที่ต่ำกว่าได้ ดังนั้น สรรพสัตว์ มนุษย์ จะเข้าใจเกี่ยวกับพระผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร”

ในขณะที่คุณลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงจะไม่เป็นที่ประจักษ์โดยตรงต่อเรา แต่เป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์คือเพื่อยอมรับ รักและพัฒนาให้เข้าใกล้พระองค์ยิ่งขึ้น เราหายใจเอาจิตวิญญาณของเราเข้าไปในตัวเจ้า เพื่อที่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ที่รักเรา

สิ่งที่เราสามารถรับรู้ได้เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงไม่อาจเป็นที่รู้จักได้ ได้นั้นก็ด้วยเพราะพระศาสดาทั้งหลายที่เสด็จมาในอดีตตลอดหลายยุคที่ผ่านมา ความรู้ของเราเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและแนวทางที่เราใช้เพื่อไปสู่พระองค์นั้นล้วนก่อร่างขึ้นมาจากคำสอนของท่านเหล่านี้

พระบาฮาอุลลาห์ซึ่งเป็นพระศาสดาองค์ล่าสุดของพระผู้เป็นเจ้าได้สอนเราว่า สัญลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏอยู่ทุกแห่งหน สรรพสิ่งสร้างสรรค์ทั้งหลายในจักรวาลเป็นประตูไปสู่ความรู้เกี่ยวกับพระองค์ สัญลักษณ์แห่งอธิปไตยของพระองค์ การเปิดเผยพระนามของพระองค์ เครื่องหมายแห่งความสง่างามของพระองค์ เป็นที่ระลึกแห่งอำนาจ เป็นหนทางไปสู่การยอมรับสู่ทางสายตรงของพระองค์?”

ความสวยงาม มั่งคั่งและหลากหลายของโลกธรรมชาติล้วนแต่เป็นสิ่งที่แสดงถึงคุณลักษณะของพระผู้เป็นเจ้า?“ถ้าเราปราถนาที่จะสัมผัสกับความจริงของอาณาจักรแห่งสวรรค์ เราจะทำกล่าวได้โดยการรับรู้ปรากฏการณ์ คุณลักษณะและร่องรอยซึ่งกระจายไปทั่วจักรวาล”

ทุกสรรพสิ่งล้วนถูกประสิทธ์ประสาทด้วยศักยภาพที่จะสะท้อนคุณสมบัติของพระผู้เป็นเจ้า อย่างไรก็ตาม มนุษย์ถูกประดับด้วยอำนาจเพื่อที่จะแสดงคุณลักษณะทั้งหมดของพระองค์ได้อย่างเต็มศักยภาพ เจ้าคือตะเกียงของเรา และแสงของเราอยู่ในตัวเจ้า จงรับแสงนั้นมา และไม่แสวงหาสิ่งใดอื่นนอกจากเรา

เพื่อช่วยให้เรารู้จักและบูชาพระองค์ คำสอนของพระศาสดาจะเป็นแหล่งที่ทำให้เราเรียนรู้คำอธิบายที่ไม่สามารถจบสิ้นได้ของคุณลักษณะทางจิตวิญญาณที่เราเองจะต้องพัฒนาขึ้นมาให้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ความชาญฉลาดและยุติธรรม ความสัตย์จริง ความมีสัมมาคารวะ ความมีศรัทธาและความปรานี คุณสมบัติเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยความคิดและการกระทำภายใต้แสงสว่างแห่งการนำทางแห่งสวรรค์? พระอับดุลบาฮาลิขิตไว้ว่า ความหมายของความศรัทธา ประการแรกคือความตระหนักรู้และประการที่สองคือการปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี

ย้อนกลับ

พระผู้เป็นเจ้าและสิ่งสร้างสรรค์ของพระองค์